ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ร้อยรักวัยสวาท ภาคแรก ตอนที่6-7

เริ่มโดย suckzeed, กุมภาพันธ์ 08, 2016, 03:09:18 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

ขอย้ำเตือนอีกครั้ง สำหรับพวกที่ยังตอบ ขอบคุณครับเพียงสั้นๆ ว่าพวกคุณช่างดื้อด้านตาใส เสียเหลือเกิน ถ้ารู้จักทำตัวให้มันอยู่

ในกฏของผมไม่ได้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องเข้ามาอ่านเรื่องที่ผมเขียน หรืออยากอ่านก็ไม่ต้องโชว์ความงี่เง่า ตอบมาอีก คนดีๆในเวบนี้อีกนับ

ร้อยจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะคุณ เข้าใจมั๊ยครับ ถ้าเข้าใจกันแล้ว ก็เชิญเสพได้เลยครับ

suckzeed.....  http://xonly69.com/read-xonly-tid-159448.html


................................................

       เมื่อถึงวันเปิดภาคเรียนอีกครั้ง ดูเหมือนผมแทบจะใจสลายไปเลย เมื่อทราบว่าอัจฉราเพื่อนสาวคนเดียวของผม ที่ผมมีใจชมชอบให้เธอนั้น ได้ย้ายออกไปเรียนที่อื่น ผมจึงกลับมาหมกมุ่นอยู่กับตำราเรียนเพียงเรื่องเดียว ทำตัวใกล้เคียงหนอนหนังสือเข้าไปทุกวัน

ด้วยความมุ่งหวังที่จะพยายามเรียนให้ดี ทำเปอร์เซ็นต์การสอบและลำดับให้ดีๆ เพื่อหวังสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยและคณะเรียนที่ผมมุ่งหวังไว้ โดยแทบจะไม่สนใจหรือใส่ใจเลยว่า หัวข้อการสนทนาที่ยอดฮิต ที่ร้อนแรงในกลุ่มนักเรียนชายในขณะนั้นมันคือเรื่องใด

"ห่าชัย..มึงเคยเห็นน้องตาโตละยังวะ..."

จู่ๆวันหนึ่งขณะที่กำลังยืนเข้าแถวเพื่อซื้ออาหารกลางวันทาน ไอ้เอกเพื่อนในห้องเรียนคนหนึ่งของผมก็กระซิบถาม แต่ดันส่งเสียงเสียค่อนข้างดัง ดีที่ว่าไม่มีใครใส่ใจมองมา คงเพราะสมาธิของเพื่อนๆในแถวต่างมุ่งหวังไปที่อาหารมื้อกลางวันกันแทน

"ใครคือน้องตาโตหรือวะ..."

ผมออมเสียงถามออกไปเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจในคำตอบที่ไอ้เอกมันบอกกลับมาว่า น้องกันตาโตที่มันพูดถึงนั้นคือน้องมศ.1 ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ในปีการศึกษานี้

"แล้วไง...ทุกปีก็มีน้องใหม่เข้ามาแบบนี้..ทำไมถึงตื่นเต้นนักวะไอ้เอก..." ผมถามด้วยน้ำเสียงปรกติ ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนไอ้คนที่กำลังเล่าเรื่องให้ฟังแม้แต่น้อย

"ไอ้ควายเอ๊ย...มึงนี่ฉลาดแต่เรื่องเรียนอย่างเดียวจริงๆ จึงไม่รู้เลยว่าตอนนี้น้องกันตาโตเธอฮ็อตขนาดไหน.."

ไอ้เอกพูดพร้อมเตรียมยกมือมาเบิร์ดกระโหลกของผม แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆของผมเสียก่อนมือที่ยกไว้ข้างนั้นจึงค้างเติ่ง ก่อนจะค่อยๆวางลงข้างลำตัว

"ก็แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูวะ..น้องนั่นจะฮ็อตยังไงก็เรื่องของเธอ..."

ผมพูดเหมือนบ่นๆด้วยความรำคาญ เพราะคาดการณ์ว่า คงไม่พ้นมาแนวทางเดียวกับยัยแจง ที่ทำเอาผมแสบสันต์ไปเมื่อปีก่อน พร้อมขยับขาก้าวเดินตามแถวเข้าไปใกล้ร้านขายข้าวแกงช้าๆอีกนิด

"เออมันก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่ที่กูบอกมึงนี่เพื่อให้มึงรู้ไว้บ้าง ว่าเวลาใครๆเขาพูดถึงน้องกันตาโต มึงจะได้ไม่ปล่อยไก่ เหมือนที่กำลังคุย
กับกูวันนี้ไงวะ..ไอ้ฟาย...เห้ย!..นั่นไงน้องกันเดินมาโน่นแล้ว....."

ไอ้เอกมันพูดเหมือนน้อยใจที่ผมไม่สนใจเรื่องน้องอะไรนั่นที่มันมาบอก ตบท้ายด้วยการด่าว่าผมเป็นไอ้ฟายเสียงเบาๆ จากนั้นมันก็ร้องเอะอะพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปที่ทางเดินใต้ถุนตึกเรียน ผมมองตามมือของไอ้เอก ก็เห็นนักเรียนทั้งชายและหญิงกลุ่มใหญ่กำลังเดินตรงมายังห้องอาหาร แต่ที่สะดุดตาตรงนักเรียนหญิงรูปร่างสูงๆ ถักผมเปียสองข้างผูกด้วยโบร์สีน้ำเงิน ที่เดินนำหน้ามานั้น โดยมีขบวนนักเรียนชายหญิงเดินตามล้อมหน้าล้อมหลังกันมาเป็นพรวน

"นั่นไงไอ้ชาย .มึงเห็นมั๊ย น้องกันตาโตคนสวยเดินมาโน่นแล้ว.." น้ำเสียงไอ้เอกดูสั่นๆ ท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาฉับพลัน เมื่อมันชี้นำให้ผมมองตามมือ

"อืมมมมม...นั่นน่ะหรอ..น้องกันของมึง..ท่าทางคงฮ็อตของจริง..." ผมพูดเหมือนไม่ใส่ใจรีบถอนสายตากลับมายังร้านข้าวแกงป้าเพ็ญที่คิวเริ่มหดสั้นลงทีละนิดๆทันที

"ไอ้ชายไปกับกู...."

เหลืออีกเพียงแค่สองคิวเท่านั้นผมก็จะได้สั่งอาหาร แต่แล้วไอ้เอกก็ลากมือผมออกมาจากแถว ที่ต้องรอคิวเกือบ10นาที แล้วดึงแขนผมไปยังกลุ่มนักเรียนกลุ่มใหญ่ที่ต่อคิวเพื่อซื้อขนมปังที่อยู่อีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่รอถามความสมัครใจจากผมเลยแม้แต่น้อย

"ไอ้ห่าเอก...กูอยากกินข้าว.."

ผมร้องท้วงไปเบาๆ แต่เท้าก็ก้าวเดินตามแรงฉุดของไอ้เอกไปจนกระทั่งถึงคิวยาวเหยียดของนักเรียนที่ต่อคิวเข้าแถวเพื่อซื้อขนมปัง แต่มันกลับไม่พาผมไปต่อคิวเหมือนชาวบ้านเขา ดันพาผมไปยืนประจัญหน้ากับเจ้าของดวงตากลมโตสุกใส ที่เต็มไปด้วยประกายอยากรู้อยากเห็น บนใบหน้าขาวเรียวเกลี้ยงเกลาคนนั้นเสียแทน เล่นเอาบรรดานักเรียนคนอื่นๆ ที่ติดส้อยห้อยตามมาเข้าคิวซื้อขนมปังแบบน้องกัน มองหน้าเราสองคนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

"น้องกันชอบทานขนมปังหรือครับ..."

ไอ้เอกจีบปากบีบกล่องเสียงให้น้ำเสียงดูเนิบนาบอ่อนหวาน เมื่อร้องสอบถามเด็กสาวร่างสูงเพรียวเกินเด็กเข้าใหม่คนนั้น แต่อุ้งมือของมันที่บีบกระชับลำแขนของผมนั้นกลับร้อนผ่าวและชื้นเปียกไปด้วยเหงื่อ จนผมค่อยๆสลัดปลดแขนตนเองออกมาจากอุ้งมือของมันช้าๆ พร้อมกับมีเวลาพอที่จะมองสำรวจวงหน้าเรียวขาวเกลี้ยงเกลา สอดรับกับคิ้วโก่งดกดำ และริมฝีปากหยักแดงเต็มอิ่มามธรรมชาติของเด็กสาวคนนั้นอย่างรวดเร็ว

"ค่ะพี่เอก..." เด็กสาวคนนั้นตอบเบาๆด้วยสุ้มเสียงที่ไหวพริ้วเหมือนเสียงระฆังแก้วที่แขวนตามโบสถ์ มันดังหงุงหงิงกรุ๊งกริ๊งเบาๆ แต่ก็ชัดถ้อยชัดคำ จนทำให้ผมเผลอตัวมองสำรวจวงหน้าขาวเรียวเกลี้ยงเกลานั้นอีกครั้ง พร้อมกับไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพียงชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนที่น้องคนนี้เข้ามาเรียน เธอถึงได้เป็นหัวข้อสนทนาที่ฮ็อตและร้อนแรงในหมู่ผู้ชายในโรงเรียนผม


เพราะนอกจากความสวยน่ารักในตัวน้องกันแล้ว ภายหลังผมจึงได้ทราบว่าฐานะทางบ้านของเธอค่อนข้างจะร่ำรวย ด้วยเหตุว่าเธอเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวที่ทางบ้านมีคนขับรถเบนซ์มาส่ง มารับทุกเช้าเย็น ผมจำได้ว่าในครั้งนั้น หลังจากที่ไอ้เอกมันพาผมไปแนะนำตัวให้น้องกันรู้จักแล้ว ผมก็ค่อยๆ เดินเลี่ยงออกมาจากแถวคิวที่ต่อเพื่อซื้อขนมปัง ด้วยสายตาของนักเรียนทั้งหญิงและชายหลายสิบคู่ที่จ้องมองมาทางผม จนทำให้ผมเกิดความรู้สึกอึดอัด และโดยเฉพาะเมื่อเริ่มรู้สึกหน้าแดงจากสายตากลมโตสุกใสคู่นั้น ที่ปากสนทนากับไอ้เอกเพื่อนซี้ของผม แต่กลับส่งสายตาจ้องมองมาที่หน้าของผม จนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก แขนขาเริ่มรู้สึกว่ามันยาวเก้งก้างจนไม่รุ้จะวางไว้ที่ใดดี ใจเริ่มเต้นแรง จนรู้สึกอึดอัดจนแน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก เหมือนมันกำลังจะตาย โดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเดินจากมาตามลำพังแล้วนั่นแหละ ผมค่อยหายใจได้คล่องขึ้นเป็นปรกติ

หลังจากวันนั้นแล้วผมก็ไม่ได้ใส่ใจสนใจเรื่องราวของน้องกันและบรรดาเพื่อนๆอีก เพราะวันๆที่ผ่านไปนอกจากการเข้าเรียนในห้อง พอ
มีเวลาว่างผมก็มักจะขลุกตัวอยู่ในห้องสมุด อ่านทบทวนตำรับตำราที่เรียนมา รวมทั้งเพิ่มความรู้ใหม่ๆที่ค้นหาเจอจากการได้อ่านหนังสือ จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากวันเป็นเดือน และจนกระทั่งหลายเดือนผ่านไป เมื่อวันสุดท้ายที่สอบไฟนอลเสร็จ ผมก็รีบไปสมัครเป็นกระเป๋ารถเมล์อีกครั้ง และก็ได้งานทำช่วงปิดภาคเรียนสมใจ

บทที่ 7

ผมเคยมีประสพการณ์จากการเป็นกระเป๋ารถเมล์มาในปีที่แล้ว คราวนี้ทางผู้จัดการการเดินรถ เลยจับให้ผมเป็นกระเป๋ารถเมล์เพียงคนเดียว ไม่ต้องยุ่งยากมีพี่เลี้ยงเหมือนปีที่ผ่านมา ผมก็ชอบเลยสิครับ เพราะเปอร์เซ็นต์การขายตั๋วและเบี้ยเลี้ยงประจำวันเราจะได้เต็มๆ ไม่ต้องแบ่งให้ใคร แต่ก็แลกมาซึ่งความเหน็ดเหนือยเป็นสองเท่า

อู่รถเมล์ที่ผมมาสมัครงานนั้น ได้รับสัมปทานการเดินรถอยู่สามเส้นทาง คือรถเมล์สาย42เส้นทางวิ่งระหว่างท่าน้ำศิริราช จนถึงเสาร์ชิงช้า เส้นทางที่สองคือสาย57วงกลมธนบุรี ท่าพักรถอยู่แถวๆสามแยกท่าพระ วิ่งเป็นวงกลมไปจนถึงท่าน้ำดินแดงแล้ววิ่งผ่านวงเวียนใหญ่กลับมาที่เดิม ส่วนสายสุดท้ายคือสาย81 วิ่งจากบางแคไปจนถึงท่าน้ำศิริราชเช่นกัน

พนักงานเก็บค่าโดยสารชั่วคราวแบบผมไม่สามารถที่จะเลือกเส้นทางได้แบบพนักงานประจำ ผมจึงจำต้องสลับกันขึ้นเก็บค่าโดยสารกันไปมา ซึ่งรถเมล์สาย57นั้นผมไม่ชอบเลย เพราะว่ารถมันค่อนข้างเก่า และเตี้ยมากในขณะที่ผมจบมศ.4นั้นผมสูงเกือบ180เซ็นต์เข้าไปแล้ว เวลาเดินตามผู้โดยสารไปเก็บเงิน ผมจึงต้องค้อมหัวลงหน่อยๆ ไม่เช่นนั้นหัวคงชนหลังคาหรือไม่ก็ราวจับ แต่ก็ยังไม่เท่าไหร่

รถเมล์สาย81มากกว่าที่ผมไม่อยากขึ้นไปประจำทำงานเลย เพราะรถเมล์สายนี้มีนักเรียนช่างกลขึ้นที่ท่ารถบางแคเยอะมาก แล้วก็อย่างที่ทราบๆกัน พวกนี้มักจะพยายามเบี้ยวค่าโดยสาร พูดง่ายๆก็พยายามกวนตีนหาเรื่องพนักงานเก็บเงิน โดยเฉพาะพนักงานชั่วคราวที่แต่งเครื่องแบบนักเรียนมอปลายเช่นผม อีกประการหนึ่งก็คือรถเมล์สายนี้จะวิ่งผ่านหน้าปากซอยโรงเรียนผมนั่นเอง

ผมน่ะไม่แคร์สายตานักเรียนโรงเรียนเดียวกันหรอกครับที่จะเผอิญมาเห็นผมมาทำงานเช่นนี้ เพราะผมถือว่ามันเป็นงานสุจริต แต่ที่ไม่ชอบเลยเพราะว่า พอพวกมันเห็นผมมันก็จะทำตาเศร้าๆ หน้าตาน่าสงสาร แล้วไม่ยอมจ่ายเงิน ซึ่งความจริงแล้วมันก็หาใช่เงินมากมายจนทำให้รายได้ผมลดลง แต่ทว่าถ้าเผอิญมีนายตรวจขึ้นมาตรวจแล้วพบว่ามีคนไม่ยอมเสียค่าโดยสารนี่สิครับ ที่จะทำให้ผมโดนตำหนิได้

ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผม เริ่มทำงานก็หาได้มีเหตุการณ์ดังที่ผมกังวลเลยแม้สักครั้ง ทำให้ผมเบาใจลืมเลือนเรื่องที่หวั่นเกรงไปเสียหมด รุ้สึกสนุกสนานกับการกระโดดขึ้นรถลงรถระหว่างประตูหน้าไปประตูหลังเสียด้วยซ้ำ แม้ว่าจะบังเอิญเจอะเจอเพื่อนนักเรียนคนรู้จักขึ้นมา ผมก็พยายามที่จะไม่สบตาด้วย ปากร้องเพียงประโยคเดิมๆซ้ำๆว่า ขอค่าโดยสารด้วยครับ ๆ ๆ กับช่วยเดินชิดในด้วยครับแบ่งๆกันไป

"กูไม่จ่ายมีไรป่ะ..."

[post]แล้วผมก็คิดว่าวันนี้เจอดีเสียแล้ว เพราะเสียงห้าวๆเหมือนเด็กกำลังแตกเนื้อหนุ่มร้องดังขึ้น เมื่อผมขยับนิ้วมือจนกระบอกเก็บค่าโดยสารดังแก๊บๆ เข้าไปเบื้องหลังหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งขึ้นมาบนรถ ผมมักจะพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ประจำจนไม่รู้สึกตื่นกลัวหรืออารมณ์เสียที่ได้ยินเช่นนั้น นอกจากไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว ผมก็ยังคงพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆอีกครั้ง

"ขอค่าโดยสารด้วยครับๆ.."

แต่ทว่าไอ้หนุ่มใส่กางเกงยีนส์ขายาวที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่นั้น ก็ยังคงพูดประโยคเดิมๆของมันกลั้วด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ ผมเริ่มรุ้สึกว่าเสียงแหบๆห้าวๆของมันจะคุ้นหู จึงแทรกตัวเข้าไปยืนเบื้องหน้ามัน แล้วมองหน้ามันทันที

"อ้าวไอ้เอก..ไอ้เชิด ไอ้โต..."

ผมร้องทักไปได้เพียงแค่นั้นก็อ้าปากหวอ เพราะทั้งกลุ่มที่แต่งชุดไปรเวทขึ้นมาบนรถเมล์นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ผมรู้จัก ไอ้สามตัวนั้นก็เพื่อนสนิทในห้อง แต่บรรดาสาวๆที่มันพากันมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นโจทย์เก่าที่ผมไม่อยากเจอไอ้โตกับแฟนมันอีปุ๊ แน่ละเมื่อมีไอ้เชิดก็คงต้องมีอีแจงเด็กแสบที่ทำให้ผมเสียคนรักไป แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าไอ้เอกเพื่อนสนิทของผมมันก็รวมอยู่ในก๊วนนี้ด้วย เด็กของมันยืนแอบอยู่ด้านหลังทำให้ผมมองหน้าหล่อนไม่ถนัด เห็นเพียงเส้นผมยาวๆที่ถูกถักเปียผูกโบร์ไว้ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะมองหน้าหล่อนต่อ

"เอ้าค่าโดยสาร..เท่าไหร่วะไอ้ชาย.." ไอ้เอกพูดพร้อมกับยื่นแบ็งค์สิบสีน้ำตาลอ่อนๆส่งมาให้ผมทันที

"เห้ย..ไม่ต้องก็ได้..." ผมปฏิเสธทันที เพราะพวกมันทั้งหลายก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันกับผม

"เอาไปเถอะ..พวกกูมากันตั้ง12คน..." ไอ้เอกมันยัดเงินใส่มือผมจนได้ สมองผมก็คำนวณอย่างรวดเร็ว คนละ75สตางค์12คนก็9บาทพอดี จึงดึงม้วนตั๋วออกมาจากกระบอกเท่ากับจำนวนคนแล้วฉีกส่งไปให้มัน แต่กลับมีมือเล็กๆที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังไอ้เอกยื่นมารับแทน พร้อมเสียงกรุ๊งกริ๊งๆหวานๆกล่าวขอบคุณเบาๆ

"ขอกันนะคะพี่เอก..จะเก็บเอาไว้สะสม..." เสียงกรุ๊งกริ๊งหวานๆนั้นทำให้ผมชะงัก แล้วความรู้สึกว่าใบหน้าตนเองร้อนฉ่าขึ้นมาทันทีเมื่อแลสบตาโตๆกับเจ้าของเสียงผู้นั้น หูและตาผมไม่ฝาดเป็นแน่ เมื่อแลเห็นหน้าของเจ้าหล่อนใกล้ๆได้ชัดเจนว่าเจ้าของมือและเสียงผู้นั้นคือยัยเด็กชื่อกันนั่นเอง


"พวกมึงจะไปไหนกันวะ..."

ผมถามเสียงอุ๊บอิ๊บเบาๆเมินหน้ามองมาทางไอ้เอกกับกลุ่มยัยแจง พร้อมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเสมือนกำลังอับอาย ที่เพื่อนๆมาพบเจอผมในสภาพนี้ ทั้งๆที่ปรกติผมไม่เคยอายถ้าสิ่งที่ทำอยู่นั้นสุจริตไม่ผิดกฏหมาย

"จะไปพิธภัณฑ์กันว่ะ..."

ไอ้เอกมันก็ตอบสั้นๆ ด้วยรอยยิ้มที่ผมอ่านออกว่ามันกำลังภาคภูมิใจที่พายัยเด็กกันมาเที่ยวได้ แม้ในหัวของผมจะมีอีกมากมายหลายสิบคำถามที่อยากรู้ว่ามันกับน้องกันคบกันคุยกันแล้วหรือ แล้วมันทำอย่างไรจึงพายัยคุณหนูลูกไฮโซนั่งรถเบนซ์มาขึ้นรถเมล์ได้ แต่ทว่าผู้โดยสารที่เริ่มทะยอยขึ้นมาบนรถเมล์นั้นทวีจำนวนมากขึ้นๆ จนผมต้องเดินเบียดแทรกไปหาเพื่อเก็บเงินค่าโดยสาร ไม่มีช่วงเวลาเหมาะที่จะคุยจะถามอะไรไอ้เอกได้อีกเลย

แต่ความรู้สึกก็บอกกับผมว่า ตลอดเวลาที่ผมกำลังทำหน้าที่เก็บเงินค่าโดยสารอยู่นั้น มีสายตาของใครบางคนจ้องมองด้วยความสนใจอยู่ตลอด แต่ก็ไม่สามารถแปลออกได้ว่าที่มองนั้นเพราะความแปลกใจ สนใจ หรือสมเพชกันแน่ ที่ปิดเทอมใหญ่ทั้งที เพื่อนๆต่างมีเวลาว่างมากพอที่จะพากันไปเที่ยวหาความสุข ในขณะเดียวกันผมกลับต้องมาทำงานหาเงินเหงือไหลอาบร่าง

เมื่อระยะทางผ่านไปเรื่อยๆคนก็แน่นจนเต็มรถ ผมก็คร้านที่จะเดินเบียดเสียดผู้คนไปเก็บค่าโดยสาร เพราะนั่นมันหมายถึงว่าผมจะต้องเดินผ่านกลุ่มเพื่อนๆคนรุ้จัก ผมเลยใช้วิธีกระโดดขึ้นรถจากบันไดด้านหน้าไปบันได้รถด้านหลังทุกป้ายรถเมล์ที่มองเห็นคนขึ้น จนกระทั่งรถไปสิ้นสุดจุดหมายปลายทางที่ท่าน้ำศิริราช ผมจึงเร่งเดินไปหานายท่าเพื่อให้เขาจดหมายเลขหน้าตั๋ว แล้วก็ประหลาดใจที่การวิ่งรถเที่ยวนี้ยอดจำหน่ายตั๋วไปเกือบ500ฉบับ ครั้นมานึกถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่ค่ารถโดยสารสูงถึงห้าหกบาท ก็ให้แปลกใจว่าทำไม ขสมก.ถึงได้ขาดทุน หรือเป็นเพราะประเทศไทยเศรษฐกิจดีขึ้นจนผู้คนเลิกสนใจนั่งรถเมล์ร้อนๆกันไปแล้ว

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการตรวจเช็คยอดจำหน่ายตั๋วรถไปแล้ว ผมก็เดินกลับมาหากลุ่มเพื่อนๆ พบว่ายังคงมีไอ้เอกกับยัยเด็กกันตาโตเท่านั้นที่ยืนรออยู่ ส่วนคนอื่นๆกำลังทะยอยเดินลงไปรอเรือโดยสารข้ามฟาก ผมถอนหายใจดังเฮือกออกมาเพราะความเหน็ดเหนือย แต่กลับสบายใจขึ้นที่จะไม่ต้องเจอกับสายตาของกลุ่มยัยเด็กแจงมัน

"มึงไม่เหนื่อยมั่งหรือวะไอ้ชาย..กูเห็นมึงกระโดดไปกระโดดมายังงี้.."

ไอ้เอกยิงคำถามใส่ผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาหา ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่ใจอยากบอกมันเสียเหลือเกินว่ากูคนนะโว๊ย เหนื่อยเป็น แต่ที่จำต้องทำ เพราะบ้านกูจนไม่ร่ำรวยแบบมึง ที่มีเวลาว่างพาสาวไปเที่ยว[/post]

luckman

 ::Hmmm:: พระเอกของเราก็แสนดีเหลือเกินจนอยากจะให้ทุนการศึกษา

johnywalker

#2
ชีวิตก็อย่างงี้แหละ ไม่มีความยุติธรรมหรอก คุณเคย เดินเสริฟอาหารตามโต๊ะ ตอน คนอื่นที่มาเที่ยวเค้านั่งเคาท์ดาวน์ปีใหม่ในผับหรือเปล่า........................แม่งโคตรพีค

JKLTT69


jubjub00

ติดตามกันต่อไปว่าพระเองเราจะ... แตกตอนไหน (ดีแตก)

knight18

ขอติดตามตามลุ้นไปกับ พี่ชายของน้องกันต่อนะครับ กำลังสนุกเลย

samrong

ก่อนเป็น ขสมก. แต่ละสัมปทานเขาก็อยู่กันได้ มีกำไร แปลก

happyman2554

เดี๋ยวรี้โลกเปลี่ยนำปเยอะ มีรถไฟฟ้า


aeadza

ใช่แล้วครับเกิดมาจนกำหนดอะไรไม่ได้จริงๆครับ

panther


devilzoa

เหนื่อยสิวะแต่ถ้าไม่ทำจะเอาตังที่ไหนแดก

leopoldi

โคตรสู้ชีวิตเลย เป็นคนดีจริงๆ พ่อหนุ่ม

non5432112345

โอ้ย  คิดถึงน้องบี แต่่คงจบตอน น้องบีไปแล้ว สาวตาโต ของชัยแน่เลย

เฉลิมพล พรมจันทร์

น่าสงสารชายจังขยันเรียนขยันทำงานด้วย