ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ร้อยรักวัยสวาท ภาคแรก ตอนที่ 12-13

เริ่มโดย suckzeed, กุมภาพันธ์ 13, 2016, 09:01:02 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

ถึงจะเคยอ่านมาแล้ว...แต่ก็ยังอดตามอ่านอีกครั้งไม่ได้  เห็นอารัมบทตอนต้นเรื่องของท่านsuckzeed แล้ว...รู้สึกเห็นใจท่านเป็นอย่างยิ่ง  ดูท่าท่านคงจะตามอ่านreplyทุกหน้าเลย...จึงได้พบreplyที่สดุดความรู้สึกของท่านแบบนั้น  แต่ผมว่า...บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้มันค่อยๆดีขึ้นๆแล้วนะครับ mod.แว่น...เธอก็ตามสั่งสอน คนที่มักง่าย คนที่ไม่ใส่ใจข้อความคำเตือน คนที่เอาแต่takeไม่มีgive ฯลฯ ตามbanกันระนาว...ยาวเป็นหางว่าว  ผมเห็นแล้วสงสาร!(สงสารคนbanครับ...ไม่ต้องทำอะไร วันๆต้องมาคอยไล่เช็คreplyทีละเรื่องๆ ) ผมว่าท่านฯลองอดทนดูอีกสักพักนะครับ  ตอนนี้การรณรงค์เรื่อง มารยาทในการอ่านฯ  มันเริ่มถูกทำให้รับทราบในวงกว้างขึ้นแล้ว  ผมมองโลกในแง่ดีว่า มันต้องดีขึ้น!ซิครับ!

ขอบคุณสำหรับรีพายข้างบนนี้ มันแสดงว่าท่านเข้าใจดีว่าผมกำลังจะทำอะไร ผมรู้มันยากที่เราจะกำจัดคนเห็นแก่ตัว ที่แฝงอยุ่ตามเวบ
แบบนี้ไปให้หมดได้ แต่ถ้าพวกเราไม่ทำอะไรเลย มันก็ยิ่งได้ใจ และยิ่งมีมากขึ้น นักเขียนท่านอื่นๆ ผมเชื่อว่าก็คงอยากทำแบบผม แต่ท่านเหล่านั้นคงไม่มีเวลา และไม่อยากลงมาคลุกฝุ่นให้ตัวแปดเปลื้อนเช่นผม แต่ผมจะทำครับ ไม่ได้ทำเพื่อหวังใก้เรื่องที่ผมเขียนมียอดวิว ยอดรีพายสูงๆ แต่จะทำให้สังคมที่เวบนี้น่าอยู่ขึ้น

ปล.ขอบคุณรีพายของท่าน liteblue มากครับ ผมติดตามอ่านเสมอ และได้แรงใจจากท่านมากจริงๆ หลังอ่านรีพายท่านจบ และยังมีนักอ่านดีๆอีกหลายสิบท่าน ที่ผมติดตามอ่านรีพาย แล้วผมจะค่อยๆนำมาเกริ่น ก่อนเริ่มเนื้อเรื่องทุกครั้ง เพื่อนรณรงค์ให้บ้านนี้น่าอยู่ครับ
ขอบคุณน้องแว่นด้วยที่ต้องเหนื่อย เพื่อสนับสนุนพี่ด้วยการไล่แบนพวกทำตัวเป็นปลิง


suckzeed.....http://xonly69.com/read-xonly-tid-159448.html......

........................................

ตอนที่ 12

ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องเสียวนะครับ แม้ผ่านมาสิบกว่าตอน ยังไม่เฉียดเข้าไปใกล้เลยแม้แต่นิด

เพราะเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจจะเขียนให้ละเอียดในหลายๆแง่มุม ให้มันเป็นเรื่องยาวๆ มากกว่าทุกเรื่องที่ผมเคยเขียนมา....

ช่วยกันติดตามและให้กำลังใจกันต่อไปด้วยนะครับ แล้วพอถึงตอนเสียวๆ ท่านจะรู้ว่าคุ้มค่ากับการติดตามอ่านเรื่องนี้ของผม

suckaeed...

ก็อย่างที่ผมบอกไปในตอนที่แล้วว่า หลังจากคุณแม่ผมสิ้นชีวิตไป ชีวิตผมก็เหลือเพียงตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก ผมจึงไม่เกรงกลัวที่จะทดลองเปลี่ยนงานใหม่ๆดู แม้ว่ามันอาจจะเสี่ยงถ้าไม่ประสพความสำเร็จก็ตาม แต่ผมตัวคนเดียวถ้าจะอิ่มหรือจะอดบ้าง ก็ไม่ต้องมีห่วงกังวลแต่อย่างใด แต่โชคผมยังดีที่รู้จักการเก็บหอมรอบริบมาตั้งแต่ยังเด็ก ผมไม่เที่ยว ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ จึงพอมีเงินเก็บบ้างอยู่เล็กน้อยจากงานที่ทำมาแม้ว่าผลตอบแทนมันจะไม่ได้มากมายอะไรเลย

ช่วงแรกๆที่ผมเข้ามาสมัครงานและผ่านการอบรมเป็นเซลล์ฝึกหัดนั้น ทางบริษัทให้ค่าตอบแทนเป็นเพียงเบี้ยงเลี้ยงรายวันที่เราเข้าทำงาน และเขียนรีพอร์ทว่าทั้งวันเราไปพบใครมาบ้างที่ไหนบ้าง โดยมีค่าตอบแทนเป็นเบี้ยงเลี้ยงวันละ50บาทเท่านั้น ทางบริษัทคงคิดว่าเงินจำนวนเพียงน้อบนิดนี้ให้เป็นค่ารถเมล์ ค่าน้ำดื่ม และอาหารกลางวันเท่านั้นก็น่าจะเพียงพอ คนอื่นๆที่เข้าอบรมในรุ่นเดียวกับผมอาจจะเดือดร้อนไม่พอใช้ แต่สำหรับผมบอกตามตรงเลยว่า บางวันยังเหลือใช้อีกตั้งสิบบาทด้วยซ้ำไป

ผมต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งเลยว่า หลังจากที่เริ่มงานจริงจัง โดยมีหัวหน้าทีมขายชื่อพี่หน่อยแล้วนั้น งานที่ผมเคยวาดวิมานใน
อากศว่ามันคงไม่ได้ยากเย็นขนาดขายไม่ได้เลยนั้น ความจริงแล้วมันขายได้ยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ

แล้วคอมมิชชั่นที่เราเห็นว่าทางบริษัทจะจ่ายให้ตั้ง35เปอร์เซ็นต์นั้น พอเอาเข้าจริงๆ กว่าเราจะขายเครื่องปรับอากศได้เครื่องหนึ่งนั้น เราจำเป็นต้องต่อสู้กับคู่แข่งยี่ห้ออื่นๆ โดยการลดราคาขาย วิธีการลดราคาก็คือตัดค่าคอมมิชชั่นของเราออกไปบางส่วน แทนที่จะขายได้เครื่องละเป็นหมื่น บางครั้งได้แค่พันสองพันบาทเราก็จำเป็นต้องขายเสียแล้ว มิเช่นนั้นพอสิ้นเดือนเราจะไม่ได้เงินค่าคอมมิชชั่น และไม่มีผลงานเพียงพอให้ผ่านขั้นตอนของเซลล์ฝึกหัด

ในเดือนแรกที่ผมเริ่มทำงาน ผมต้องใช้ความอดทน และความเพียรเป็นอย่างสูง ในการขอเข้าพบลูกค้าเพื่ออธิบายรายละเอียดของสินค้าที่เราจะจำหน่าย เรียกว่าในเดือนแรกนั้น ผมเดินจนส้นรองเท้าสึกหมดจนต้องเปลี่ยนยางรองพื้นกันใหม่ นามบัตรก็ร่อนแจกจ่ายหมดไปเป็นกล่องๆ แต่ก็ยังไม่ประสพผลสำเร็จ จนรู้สึกทดท้อ ดีแต่ว่าพี่หน่อยซึ่งเป็นหัวหน้าคอยให้กำลังใจ ให้พยายามสู้ต่อไป ให้ผมรำลึกคำขวัญอยู่ในใจไว้เสมอว่า งานทุกงานย่อมสำเร็จด้วยความเพียร

หลังจากย่างเข้าปลายเดือนที่สอง ผมยังจำได้ดีจนทุกวันนี้เลยว่าผมดีใจขนาดไหน เมื่อผมขายแอร์ได้ทีเดียวสามเครื่องซ้อนๆให้กับบ้านหลังหนึ่งในซอยภาณุรังสี ย่านฝั่งธน เป็นบ้านที่สร้างใหม่ใกล้เสร็จแล้ว เหลือเพียงการตกแต่งสีภายนอกอีกเล็กน้อย ก็พร้อมย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้ามาอยู่อาศัย ผมเดินไปพบและเจอลูกค้าเจ้าของบ้านพอดีในวันอาทิตย์ ที่เขาพาครอบครัวเข้ามาดูบ้านใหม่ของเขา

เสียดายว่าผมลืมชื่อเจ้าของบ้านหลังนั้นไปเสียแล้ว แต่ทว่าเขาก็พาผมขึ้นไปชมบ้านด้านบนตามห้องต่างๆที่เขาคิดวางแผนไว้ว่าจะติดแอร์ ผมได้วัดขนาดห้อง แล้วคำนวณความเย็นของบีทียูว่าแต่ละห้องนั้นจะต้องใช้เครื่องปรับอากาศขนาดไหน พร้อมอธิบายระบบการทำงานของสินค้าที่ผมจะขายให้เจ้าของบ้านท่านนั้นฟังอย่างคล่องแคล่วชัดเจน จนเขาเกิดความสนใจ แต่ก็ขอปรึกษากับภรรยาเสียก่อน พร้อมขอนามบัตรผมไว้ ผมกลับออกมาจากบ้านหลังนั้น พร้อมกับวาดฝันไว้ว่าน่าจะขายได้ในไม่ช้า ถ้าไม่มีคู่แข่งมาแย่งตัดราคาไปเสียก่อน

ผมออกเดินไปหาลูกค้าอื่นๆอีกหลายหลัง จนกระทั่งเย็นจึงเดินทางกลับออฟฟิส ทันที่ที่ผมเข้าไปในบริษัท พี่หน่อยก็ชูกระดาษหลากสีที่อยู่ในมือ พร้อมตบมือหัวเราะด้วยความยินดีให้กับผม

"ชาย..พี่ยินดีด้วยนะ..เธอขายแอร์ได้แล้ว..นี่ไงใบสั่งซื้อ..." พี่หน่อยยื่นกระดาษหลากสีซึ่งเป็นใบสั่งซื้อให้ผมดู ผมรับกลับมาดูด้วยความงุนงงสงสัย ว่าผมขายได้อย่างไรกัน

[post]"ลูกค้าที่ชายไปติดต่อวันนี้ไงล่ะ..เขาพาครอบครัวเข้ามาที่บริษัท..บอกว่าชายไปติดต่ออธิบายเสนอขายแอร์ให้เขา ก็เลยตามมาดูของจริง แล้วตกลงสั่งซื้อทีเดียวสามเครื่องตามที่ชายอธิบายให้เขาทราบ...นี่ไงดูสิจ๊ะ.." พี่หน่อยรีบอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แสดงความยินดีกับผม

ซึ่งอันที่จริงแล้ว ถ้าเป็นหัวหน้าคนอื่นๆ อาจโมเมเอาว่าเป็นลุกค้าของตนเองก็เป็นได้ เพราะผมไปเสนอขายก็จริง แต่เขาก็มิได้เซ็นต์ใบสั่งซื้อมาให้กับผม เขาตามมาดูสินค้าและเซ็นต์ใบสั่งซื้อกับพี่หน่อยหัวหน้าของผมต่างหาก แม้ว่าราคาขายมันจะลดราคาลงไปมากจนกระทั่งเหลือค่าคอมมิชชั่นให้กับผมเพียงเครื่องละ1000กว่าบาทก็ตาม ผมก็ถือเสียว่ามันเป็นการขายของชิ้นแรกที่ผมทำได้สำเร็จแล้ว จึงก่อให้เกิดกำลังใจในงานขายขึ้นอีกมากมายกับผม

ผ่านมาจนกระทั่งถึงปลายเดือนทางบริษัทก็มีประกาศออกมาว่า ให้พนักงานเร่งยอดขายสินค้า โดยมีการตั้งรางวัลตอบแทนให้ในงานเลี้ยงวันสิ้นปี โดยนับผลประกอบการขายตั้งแต่เดือนกรกฏาคมเป็นต้นไป ผมจำได้ว่ารางวัลชนะเลิศนั้นตั้งยอดขายไว้ค่อนข้างสูงลิบ
ถึง100เครื่องภายในระยะเวลา6เดือน แต่รางวัลตอบแทนก็ล่อใจอย่างมากมายเป็นรถเก๋งโตโยต้า(มือสอง)รุ่นโคโรล่าKE30พร้อมเงินค่าน้ำมันอีก5000บาท แล้วยังมีรางวัลรองชนะเลิศอันดับอื่นๆอีกห้ารางวัล

สำหรับผมนั้น ไม่ได้เคยคิดหวังเลยแม้แต่น้อยว่าจะได้รถเป็นรางวัล เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าทำได้ หวังอย่างมากก็แค่รางวัลอื่นๆ ที่น่าจะทำได้ถ้าพยามยามทำงานให้หนักขึ้น เข้าพบลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น เซลล์คนอื่นๆ ในบริษัทส่วนมากเลือกกลุ่มเป้าหมายในกรุงเทพ ในย่านที่เจริญๆ โดยคาดการณ์ว่าจะมีกำลังซื้อได้มากกว่า แต่ผมกลับคิดตรงข้าม

ผมเลือกกลุ่มเป้าหมายย่านฝั่งธนบุรี เหตุผลของผมคือ แม้ว่าจะมีกลุ่มเป้าหมายน้อยกว่า แต่การแข่งขันต่อสู้จากเซล์บริษัทอื่นๆ ก็น้อยกว่าเช่นกัน ขอให้ผมได้เจาะเข้าถึงตัวผู้บริโภคเท่านั้น ผมเชื่อว่าด้วยบุคลิคหน้าตา การพูดจาของผม และความซื่อสัตย์ จะสามารถชักจูงมัดใจลูกค้าได้แน่ๆ

ทันทีที่ได้เงินค่าคอมมิชชั่นจากงานขายครั้งแรก ผมก็รีโนเวทการแต่งตัวใหม่ด้วยกางเกงแสล็คผ้าดีๆ เสื้อเชิร์ตแขนยาวมียี่ห้อ พร้อมเน็คไท้ลายสวยๆ กับรองเท้าคู่ใหม่ที่สวมใส่สบายนุ่มเท้าพร้อมสำหรับการเดินระยะไกลๆ รวมทั้งน้ำหอมโคโลจญ์กลิ่นอ่อนๆ ยามเข้าพบพูดคุยกับลูกค้าจะได้ไม่ส่งกลิ่นเหงื่อรบกวนเขา

เมื่อผมเตรียมตัวได้พร้อม ขยันเข้าพบลูกค้าได้มากขึ้น ทำงานทั้งวันหยุดเสาร์อาทิตย์ บางครั้งก็ช่วงหัวค่ำนัดพบเพื่อเจอลูกค้า ในเดือนสิงหาคมผมก็เพิ่มยอดขายให้กับตนเองได้อีก5เครื่อง พอเดินถัดมาก็ได้อีก6เครื่อง ความหวังในรางวัลรองชนะเลิศอันดับต่างๆเริ่มอยู่ไม่ไกลจากความฝันของผมแล้ว

ตอนที่13

เหลือเวลาอีกเพียงสามเดือน ก็ถึงวันเลี้ยงปีใหม่ประจำปีของบริษัท ซึ่งจะมีงานเลียงขอบคุณพนักงานและประกาศผลการแข่งขันการทำยอดขาย ความฝันของผมใกล้จะเป็นความจริงแล้ว เหลือยอดขายอีกเพียง6เครื่อง ผมก็จะได้รางวัลอันดับที่3 เป็นสร้อยคอทองคำหนักสองบาท ในชีวิตของผมนั้น อย่าว่าแต่ทองสองบาทเลย แค่หนวดกุ้งบางๆผมก็ไม่เคยนึกฝันว่าตนเองจะได้เป็นเจ้าของ

"เอ็งว่าจะมีใครทำยอดขายได้รางวัลที่หนึ่งมั๊ยวะ..." วันหนึ่งผมได้นั่งคุยกับไอ้เฉลิม เซลล์รุ่นเดียวกับผม แต่มีหัวหน้าทีมกันคนละกลุ่ม

"พวกเราๆน่ะยากว่ะ..ตั้ง100เครื่องใครจะทำได้..แต่พวกซุปน่ะไม่แน่...พวกนี้จับโครงการใหญ่ๆได้สักสองสามแห่ง ยอดขายก็ทะลุเป้าแล้ว..." ไอ้เฉลิม คุ่แข่งคนหนึ่งของผมสาธยายให้ฟัง

"ทำไมวะ..พวกเราก็ขายงานโครงการบ้างสิวะ..."

"ไอ้ห่าเอ๊ย..มึงนี่ไม่รุ้อะไรเลย..ขายงานโครงการมันต้องสู้ราคากับเจ้าอื่น..ลำพังส่วนลด35% นั้นน่ะ..คิดว่าจะมีคนซื้อหรือวะ.."

"อ่าว..แล้วทำไมมึงถึงบอกว่าพวกซุปจะขายได้ล่ะ.." ผมถามซื่อ ๆ แบบไม่รู้เรื่องราว

"มึงนี่มันหล่อแต่ฟายจริงๆ ฮ่ะๆๆๆ..." ไอ้เฉลิมเพื่อนผมมันหลอกด่าผมเข้าให้ พร้อมหัวเราะฮ่ะๆอย่างชอบใจ

"พวกซุปน่ะเขามีส่วนลดมากกว่าเรา..รู้ไว้ด้วย..พวกเราน่ะลดได้แค่35% คอมมิชชั่นก็ไม่เหลือแล้ว แต่พวกซุปน่ะเขายังมีอีก3+1ให้เล่นกันได้..." ไอ้เฉลิมสาธยายให้ผมฟังอย่างคนที่รุ้เรื่องดี

"ยังไงวะ อธิบายให้ละเอียดหน่อยสิ จะได้เอาไว้เป็นความรู้..." ผมรีบถามออกไป เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลย

"ที่กูบอกว่า3+1น่ะ หมายถึง ถ้าพวกซุปเขาเป็นคนขายแอร์ได้เอง เขาจะสามารถลดราคาได้มากกว่าพวกเราอีก3%จากนั้นก็ยังเหลือยอดขายอีก1%เป็นค่าคอมมิชชั่นไงเล่า..ยอดนี้รวมทั้งที่พวกเราในทีมงานของเขาขายด้วย..ทีนี้กระจ่างมั๊ยวะ..แล้วแบบนี้มึงจะไปสู้ราคาพวกซุปได้ยังไง..กูถึงบอกว่างานโครงการน่ะ พวกเราไม่มีทางสู้ราคาได้"

"แล้วมึงรู้เรื่องนี้ได้ยังไงวะ..."

"วันนึงกูแอบเห็นใบสั่งซื้อของซุปกูน่ะสิ ว่าเขาลดราคาให้ลูกค้าเกินกว่า35%..ตอนแรกกูก็นึกว่าเค้าคิดผิด เลยไปถาม ถึงได้รู้ความจริงมาบอกมึงนี่ไง..ฮ่าๆๆๆๆ" [/post]ไอ้เฉลิมจบการสนทนาด้วยเสียงหัวเราะเยาะผม แล้วก็เดินจากไปแต่ความจริงที่มันบอกกับผมนั้น ผมกลับมองว่ามันคือโอกาศที่จะทำ
ให้ผมสามารถทำเป้าขายได้ร้อยเครื่องขึ้นไป ถ้าได้จับงานโครงการสักแห่งสองแห่ง ซึ่งในสมัยนั้นที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมีเนียมกำลัง
มีคนสนใจกันอยู่พอดี

แม้ผมจะทราบแล้วว่า ศักยภาพการขายของ เรื่องการลดราคามาสุ้กัน จะไม่สามารถสู้พวกบรรดาเหล่าซุปเปอร์ไวเซอร์ได้ แต่ของพรรค์นี้ ถ้าไม่ได้ลองสู้เลยสักครั้ง ผมไม่ถอดใจยอมแพ้แน่ๆ แม้เป้าหมายของผมจะเพิ่มมาเป็นอาคารก่อสร้างแบบคอนโดมิเนี่ยมทั้งหลายก็ตาม แต่ทว่าบรรดาบ้านเล็กๆ ออฟฟิตเล็กๆ หรือคอฟฟี่ช็อปเปิดใหม่ ที่ใช้เครื่องปรับอากาศไม่มากนัก ผมก็ไม่ทิ้งยังคงเป็นเป้าหมายหลักของผมต่อไป

จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคงเป็นเดือนที่ถูกโฉลกกับราศีเกิดของผมเป็นแน่ ทำให้ผมได้พบกับนักธุรกิจหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นญาติห่างๆกับคุณลุงเจ้าของบ้านที่ทำให้ผมขายเครื่องปรับกาศสามเครื่องแรกได้ คงเพราะผมไม่เคยละทิ้งลูกค้าแม้จะขายได้แล้ว พอผมผ่านไปทางนั้นผมก็มักจะแวะเยี่ยมเยือนพูดคุยสอบถามการทำงานของแอร์แต่ละตัวที่ขายไปเสมอๆ

คุณลุงท่านนั้นจึงแนะนำให้ผมรู้จักญาติห่างๆของท่าน ที่กำลังสร้างคอนโดมีเนียมใกล้เสร็จแล้วขาดการตกแต่งภายในอีกเล็กน้อย และเครื่องปรับอากาศที่จะมาติดตั้งเท่านั้น เมื่อผมได้รับโอกาศที่จะได้เข้าพบตัวเจ้าของโครงการโดยตรง เพื่อพูดคุยเสนอราคา ทำให้ผมต้องกลับไปทำการบ้านเรื่องราคาขายกับทางบริษัทอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมกล้าหาญไม่ผ่านผู้จัดการฝ่ายขายที่ควบคุมเหล่าบรรดาซุปเปอร์ไวเซอร์ทั้งหลาย ผมดักรอเพื่อเข้าพบกับเจ้าของบริษัทโดยตรงในออฟฟิตส่วนตัวของท่าน

ผมกลับออกมาจากห้องของเจ้าของบริษัทอีกครั้ง ด้วยใบหน้าที่เรียกว่ายิ้มไม่หุบ เพราะเสี่ยวิทย์เจ้าของบริษัทบอกกับผมว่า ตัวเขาก็สนใจคอนโดมิเนี่ยมโครงการนี้เช่นกัน แต่เข้าไม่ถึงตัวเจ้าของโครงการ  จำเป็นต้องผ่านคนดูแลพวกสถาปนิค หรือวิศวกรโครงการอะไรพวกนั้น ซึ่งพวกนี้ก็อย่างที่ทราบๆดีว่าจำต้องจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชากันเสียก่อน แต่เมื่อผมมาเรียนบอกว่าผมเข้าถึงตัวเจ้าของโครงการได้โดยตรง เสี่ยวิทย์ก็บอกให้ผมสู้ราคาได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าคอมมิชชั่นที่จะได้รับ ขอให้ได้งานนี้มา จะมีเงินพิเศษ พร้อมตำแหน่งให้กับผม

ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเป้าหมายสุดยอดท็อปเซลล์นั้นจะเป็นของผม แต่ผมก็ได้รับมันมาในวันงานเลี้ยงส่งท้ายประจำปี แต่ผมไม่ได้มันมาเพราะราคาที่ลดสู้แต่อย่างใด เพราะบริษัทอื่นๆที่เข้าเสนอราคา ก็สู้กันลดราคากันแหลกลาญได้ไม่ต่างจากผม แต่ผมได้มันมาเพราะความจริงใจ ความซื่อสัตย์ ความหมั่นเพียรที่ผมไม่เคยทิ้งลูกค้าเลยสักรายเดียว โดยที่คุณลุงญาติของพี่เวทย์เป็นผู้ยืนยันการันตี

ผมแอบหยิกขาตัวเองแรงๆ เพราะคิดว่าผมกำลังฝันไปหรือเปล่า เมื่อเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยเจ้าKE30 สีดำคันนั้น แล้วก็พบว่าตนเองเจ็บขาเจ็บเนื้อที่กำลังหยิกแรงๆ แสดงว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน ของเด็กหนุ่มวัยเพียง22ซึ่งเรียนจบแค่มัธยมปลายเท่านั้น วันหยุดปีใหม่ปีนั้นผมคงเป็นคนที่โชคดีมีความสุขที่สุด ไหนจะเงินพิเศษเป็นค่าคอมมิชชั่นที่ทางบริษัทจ่ายให้สามหมื่นบาท ไหนจะเจ้ารถเก๋งสีดำคันนี้พร้อมค่าน้ำมันอีก5พัน ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมีเงินเกือบ4หมื่นบาท สำหรับการเริ่มปีใหม่ปีนั้น พร้อมตำแหน่งซุปเปอร์ไวเซอร์ ที่จะทำการประกาศแต่งตั้งในวันเปิดทำการเริ่มงานอีกครั้ง

"ก๊อกๆๆ...ชายจ๊ะ...มีรถใหม่นี่ขับเป็นหรือยัง..."

จู่ๆก็มีเสียงเคาะกระจก ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ เมื่อผมไขกระจกด้านข้างลดลงมา เสียงอ่อนๆ หวานๆ ของพี่หน่อยก็ดังแทรกเข้ามา

"ยังไม่เป็นครับ.." แม้ว่าผมจะเคยขับรถเมล์ถอยเข้าเดินหน้าถอยหลังในอุ่ตามที่ลูกพี่คนขับรถวานใช้ก็จริง แต่นั่นมันเป็นอู่จอดรถว่างๆ ไม่ได้วิ่งไปวิ่งมาเหมือนเช่นที่ผมกำลังมองอยู่ด้านหน้ากระจก

"ตายจริง...แล้วนี่จะขับกลับบ้านยังไงคะ.."

แม้ผมจะรุ้สึกว่าเสียงของพี่หน่อยสาวใหญ่วัยสามสิบจะดูอ่อนหวานมากกว่าทุกครั้งก็ตาม แต่อารามความดีใจที่ผมมีรถขับ ทำให้ผมไม่รุ้สึกผิดแปลกแต่อย่างใด

"แล้วแม่ย่านางประจำรถล่ะจ๊ะ..มีหรือยัง..."

เท่าที่ผมเคยรู้จากลูกพี่คนขับรถเมล์นั้น รถทุกคันย่อมมีแม่ย่านางให้กราบไหว้บูชาด้วยพวงมาลัยดอกไม้สดอยู่แล้ว แต่พอพี่หน่อยมาถามเช่นนั้น ผมก็ทำหน้างงเหว๋อๆ หรือว่าความรุ้นั้นมันผิด

"ฮิอิฮิอิๆๆๆ..พี่หมายถึงแฟนน่ะจ๊ะ เป็นแม่ย่านางของรถ ชายมีหรือยังจ๊ะ.." เสียงพี่หน่อยขบขันกับสีหน้างุนงงเหว๋อๆของผม ก่อนจะเฉลยให้ฟัง ผมรีบสั่นหัวปฎิเสธอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

"งั้นพี่จะสอนขับรถให้ แล้วจะพาชายไปส่งบ้าน พร้อมยอมเป็นแม่ย่านางจำเป็นให้สักครั้ง ดีมั๊ยจ๊ะ..."

พี่หน่อยพูดพร้อมเปิดประตุรถด้านข้างผมออก แล้วฉุดดึงมือผมลุกขึ้นออกมาจากรถ ก่อนจะแทรกร่างเซ็กซี่ๆ เข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ผมได้แต่ยืนมองงงๆ สายตาแลเห็นกระโปรงพี่หน่อยถลกรั้งสูงขึ้นไปจนเกือบเห็นอะไรๆที่ไม่บังควรเห็น ทำให้ผมรู้สึกเขินอายจนหน้าแดง รีบเบนสายตาไปทางอื่นทันที

"เดินอ้อมมาขึ้นรถสิจ๊ะ..หนุ่มน้อย..."

เสียงหวานๆของพี่หน่อยเร่งอีกครั้ง จนผมไม่มีเวลาไตร่ตรองเรื่องดีหรือไม่ คิดแต่เพียงว่าเรามันช่างโชคดีต้อนรับปีใหม่เหลือเกิน ที่ซุปสาวขวัญใจของพนักงานชายทั้งบริษัท มีเมตตาปราณียอมขับรถไปส่งบ้าน

johnywalker

พอมีเงินมีทองมีรถ สาวก็เข้าหาเอง เฮ้อ...........

xonly-1454

อ่านเรื่องดีๆ มีแนวพล็อตให้น่าสนใจติดตามอ่าน มีความสุขครับ  ไม่ต้องกังวัลไปหรอกครับว่าจะมีเสียวหรือไม่เสียว
มันก็ต้องมีเสียวบ้างไม่เสียวบ้างยังงี้แหละครับดีแล้ว  ขออย่าให้หื่นหรือโหดจนเกินไปก็แล้วกัน ไม่งั้นอ่านแล้วเครียด
ขอบคุณอีกทีครับ

swbkk

           ยามดาวรุ่งทุกอย่างพุ่งเข้ามาหา     ทั้งเงินตรา นารี ศักดิ์ศรี เกียรติ

จงอย่าได้ใช้ชิวิตให้ฉิวเฉียด                      อย่าลืมเจียดใจไว้ยามร่วงโรย........

jubjub00

แม่ย่านางรถเลยเหรอ? นานมากเลยนะนั่น

knight18

กำลังไปได้สวยเลยพี่ชายของเรา มาช่วยลุ้นต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

samrong

เบี้ยเลี้ยงวันละห้าสิบ เยอะนะครับนั่น 2520 หัวหน้าช่างเชื่อมได้วันละ 35 เอง ลูกน้องวันละ 15 บาท

tobie

I like this reply "อ่านเรื่องดีๆ มีแนวพล็อตให้น่าสนใจติดตามอ่าน มีความสุขครับ  ไม่ต้องกังวัลไปหรอกครับว่าจะมีเสียวหรือไม่เสียว
มันก็ต้องมีเสียวบ้างไม่เสียวบ้างยังงี้แหละครับดีแล้ว  ขออย่าให้หื่นหรือโหดจนเกินไปก็แล้วกัน ไม่งั้นอ่านแล้วเครียด
ขอบคุณอีกทีครับ " i'm sorry ..ขออนุญาติ copy ความเห็นนะครับ...

aeadza

มาทำดีแบบนี้มีนอกมีในอะไรหรือเปล่าระวังบ้างนะครับ

paradrop

ไม่มีบทเข้าพระเข้านางก็ได้นะสำหรับเรื่องนี้

ChatchaiRu

ความดีที่ทำย่อมส่งผลให้ได้สิ่งที่ดีตามมา ขยันและซื่อสัตย์ดีแท้พระเอกเรา

panther


devilzoa


leopoldi

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ เหมาะกับเรื่องนี้มากเลยครับ

suteeboonmark

ก่อนอื่นตามที่ผมได้อ่านข้อคิดของคุณsuckzeedผู้ประพันธ์แล้วผมเห็นว่าบทประพันธ์ของคุณเป็นวรรณกรรมที่มีคุณค่ามาก...อ่านแล้วเพลิดเพลินดี..ยิ่งตัวละครที่คุณถ่ายทอดมาให้เรานั้นมันทำให้ผู้ติดตามผลงานของคุณชื่นชมที่คุณสามารถสะท้อนชีวิตคนในยุคนั้นได้อย่างยอดเยียม..ผมขอชมจากใจจริง เพราะผมเองก็ทันยุคที่คุณบรรยายมาได้อย่างสุดยอด ทำให้ผมและูผู้ติดตามหลายท่านเห็นภาพของชีวิตในอดีตของแต่ละคนกลับขึ้นมาใหม่ได้...สุดยอดมาก....พร้อมขอขอบคุณที่กรุณานำเสนอผลงานนี้ที่เปียมด้วยเนื้อหาชวนติดตามมาก..อ่านแล้วเสพติดเลยจริงๆครับ..