ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ตำนานนักรัก ตอนที่1-2

เริ่มโดย suckzeed, กุมภาพันธ์ 13, 2016, 09:07:15 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

ตำนานนักรัก เรื่องนี้ เป็นเรื่องยาวเรื่องใหม่ ที่ผมเพิ่งเขียนลงโพสในเวบที่ผมลงเรื่องไปได้เพียงไม่กี่ตอน

จึงยังบอกไม่ได้ว่ามันมีกี่ตอนจึงจะจบ และไม่รับประกันว่าอ่านแล้วมันจะสนุก เหมือนเรื่องอื่นๆที่ผมเขียนมาจนเสร็จแล้วหรือไม่

พวกคุณต้องอ่านกันเอง แล้วพิจารณากันเองครับ เนื่องจากเป็นเรื่องให่ม่ที่กำลังเขียนอยู่ จึงไม่อาจนำมาลงโพสให้อ่านได้ทุกวัน

แต่ถ้ามันสนุกและพวกคุณชอบ รีพายบอกมา มันก็จะเป็นแรงให้ผมสามารถเขียนได้อย่างรวดเร็ว และลงโพสให้อ่าน

พร้อมกันไปทั้งเพื่อนในเวบนี้ และเวบที่ผมลงเรื่อง


suckzeed..........http://xonly69.com/read-xonly-tid-159448.html.......

ตอนที่1 เกริ่นนำ

ผมชื่อทองดี ชายไทยภาคกลางอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพเท่าใดนัก สิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังนั้น มันหาใช่บันทึกนักรัก ที่ผมเป็นผู้เขียนแต่อย่างใด แต่ว่ามันคือคำบอกเล่าของชายชรา ที่เข้ามาพักอยู่ในพรประภาเนิร์สซิ่งโฮม ที่ผมทำงานอยุ่ต่างหาก เรื่องที่คุณตาเสงี่ยม
ถ่ายทอดให้ผมฟังยามท่านเหงา โดยมีผมเป็นเพื่อนคุย เพราะไม่คอ่ยมีลูกหลานมาเยี่ยมนั้น จะเป็นเรื่องเท็จจริงประการใด ผมไม่อาจทราบ แต่ผมเห็นว่าเรื่องของลุงเสงี่ยมน่าสนใจ น่าจดจำเอาไว้เป็นบทเรียนของชีวิต แต่ไม่น่าจดจำทำเลียนแบบ ผมจึงถ่ายทอดมา
ให้พวกท่านฟังกันอีกที ตามผมมาสิครับ

ผมได้พบและรู้จักคุณลุงเสงี่ยมเป็นครั้งแรก ในตอนบ่ายๆวันหนึ่งที่ผมเข้าเวรประจำอยู่หน้าตึก คอยดูแลช่วยเหลือญาติๆของผู้สูงอายุ หรือก็คือคนแก่นั่นแหละครับ ที่เข้ามาติดต่อฝากให้ช่วยดูแล ทั้งแบบชั่วครั้งชั่วคราว ยามที่คนทางบ้านไปท่องเที่ยว และไม่อยากนำ
คนแก่ในบ้านไปด้วย ก็จะนำมาฝากให้เนิร์สซิ่งโฮมคอยดูแล หรืออีกพวกก็เป็นแบบที่มาพักอยู่อย่างถาวร ไปจนกว่าจะตายจากกันไป

ซึ่งคุณลุงเสงี่ยมนั้นอยู่ในประเภทที่สอง แม้บ้านจะมีฐานะ เพราะวันที่ลูกสาวและลูกเขยพามาส่งด้วยรถอัลพาร์ดป้ายแดงนั้น แต่คงเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะจ้างพยาบาลไปดูแลผู้เป็นพ่อถึงบ้าน หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ที่สุดลุงเสงี่ยมก็กลายเป็นสมาชิกส่วน
หนึ่ง ประจำบ้านพักคนชราของพวกเรา

ช่วงแรกๆที่คุณลุงเสงี่ยมมาพักที่แห่งนี้ ก็ยังไม่ค่อยสนิทสนมกับผมเท่าใดนัก ผมก็เช่นกัน แค่ทำหน้าที่คอยดูแลช่วยเหลือ เตือนเรื่องทานข้าวทานยา และหลับนอน จนหลายๆวันผ่านไป ก็ยังไม่เคยเห็นลูกหลานมาเยี่ยมเยือนเฉกเช่นคนแก่อื่นๆที่พักอยู่ในนี้ จนสุขภาพของแกเริ่มทรุดโทรม ด้วยโรคเหงาของคนชรา ผมจึงได้เข้าไปช่วยเหลือสอบถาม ชวนพูดชวนคุย เท่าที่จะมีเวลานั่นแหละ จึงได้เริ่มสนิทกัน จนกระทั่งได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดของลุงเสงี่ยม เท่าที่สติปัญญาของแกจะนึกได้

"ตอนหนุ่มๆนี่ ลุงเจ้าชู้มากเลยรู้มั๊ยนายทองดี เรียกได้ว่าเป็นเพลย์บอยคนหนึ่งเลยละ.." ลุงเสงี่ยมเริ่มเล่าเรื่องราวให้ผมฟังด้วยแวว
ตาที่ฟ้าฟางและเส้นผมสีดอกเลา

"จริงหรือครับ...แต่ก็คงได้นะ..เพราะลุงรวยมีเงินขนาดนี้ สาวๆคงชอบแหละ..." ผมก็เอออวยไปตามเรื่อง ไม่อยากขัดคอแก

"เฮ้ย!..มันไม่เกี่ยวกับเงินทองเล้ย..สาวๆชอบลุงเพราะลุงเอาเก่งต่างหากว่ะ..ฮ่าๆๆๆ.."

ลุงเสงี่ยมป้องปากก้มหน้ามากระซิบบอกความลับให้ผมฟังพร้อมหัวเราะอาย่งมีความสุข ทำให้ผมพลอยหัวเราะตามด้วยความขบขัน
แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่ผมก็เออออไปกับแก

"จริงหรือครับ..."

"จริงสิวะ..ลุงน่ะเอาเป็นตั้งแต่อายุสิบสองแล้วนะโว๊ย..ไม่อยากจะคุย..."

แม้ปากลุงเสงี่ยมบอกว่าไม่อยากจะคุย แต่คราวนี้ผมว่าแกคงคุยโม้เป้นแน่ เพราะคำนวนอายุดูแล้ว ตอนนี้ลุงเสงี่ยมเกือบ80แล้ว ย้อนกลับไป60กว่าปี สมัยนั้นบ้านเมืองยังไม่เจริญก้าวหน้า เท็คโนโลยี่อินเตอร์เน็ตก็ยังไม่มี ผมว่าเด็กอายุแค่12 ขวบ คงขี่ควายแก้ผ้าเล่นน้ำเสียมากกว่าที่จะเย็ดผู้หญิงเป็น แต่หน้าที่ของผมก็ทำให้ต้องพูดเอออวยไปไม่อยากขัดคอคนแก่ ปล่อยให้ลุงเสงี่ยมเริ่มเล่าเรื่องวัยเด็กของแกออกมาช้าๆ

"ทองดีรู้มั๊ยว่าสาวคนแรกที่ลุงเอาน่ะ เป็นหลานสาวแท้ๆของลุงเลยนะ..."

ผมได้ยินแกพูดถึงกับสำลักน้ำที่กำลังยกดื่มแทบจะทันที  รู้สึกตกใจและสงสัยว่าในสมัยนั้นของแก จะมีเรื่องแบบนี้กันจริงๆได้อย่างไร แต่ก็ยังคงนั่งฟังเงียบต่อ

"บ้านพ่อแม่ปู่ย่าตายายของลุงน่ะ อยู่ป่าโมกข์ มีที่ดินนับร้อยไร่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลยนะ...มีลูกหลานเยอะ ลุงมีพี่สาวตั้ง5คนแน่ะ ลุงเป็นคนสุดท้อง...ลุงจำได้ว่าตอนลุงอายุสัก5ขวบ ที่บ้านลุงก็มีงานแต่งพี่สาวคนโต ตอนนั้นลุงยังเป็นเด็กก็เฮฮาวิ่งเล่นไปตามประสา ยังไม่รู้หรอกว่าแต่งานมันคืออะไร รู้เพียงแต่ว่าวันนั้นมีของกินมีหนังกลางแปลง..มีลิเกให้ดูก็สนุกร่าเริงแล้ว...จนพี่สาวของลุง
มีลูกคนแรกเป็นผู้หญิง น่าตาน่ารักดีแก้มงี้ยุ้ยเป็นพวง ลุงก็เห่อหลานคนแรกเหมือนกับคนอื่นๆ วนเวียนไปดูหลานนอนเปล่เห่กล่อมไปตามเรื่อง แต่สักพักเดี่ยวลุงก็ไม่สนใจแล้ว...เพราะที่บ้านลุงมีเรื่อง พี่สาวคนรองหนีตามผู้ชายไป พ่อแม่วุ่นวายตามหากันให้วุ่น ส่วนลุงก็เริ่มเข้าโรงเรียน มีเพื่อนใหม่ มีครูสวยๆให้สนใจมอง โดยเฉพาเรื่องทะลึ่งแอบมุดใต้โต๊ะมองกางเกงในของครูนี่ ลุงเป็นหัวโจกเลยนะทองดี...ฮ่าๆๆๆๆ..."

ลุงเสงี่ยมหยุดเล่าพร้อมหัวเราะขำๆ แล้วยื่นมือคว้ากาน้ำชารินใส่ถ้วย ก่อนจะค่อยๆเป่าจนหายร้อนแล้วดื่มแก้กระหาย ผมฟังมาตั้งนานแล้วแกยังไม่เริ่มเล่าเรื่องที่แกบอกสักทีว่าเคยเอากับหลานสาว แต่ก็ยังไม่อยากขัดคอแก ปล่อยให้แกดื่มน้ำชาจนวางถ้วยลง ลุงเสงี่ยม
ก็เริ่มเล่าเรื่องให้ฟังใหม่

"หลังจากพี่สาวคนโตของลุงออกเรือนไปแล้ว ส่วนคนรองก็หอบผ้าหนีตามผู้ชายไป ที่บ้านก็เหลืออยู่เพียงสามสาวกับลุงอีกคน พี่สาวคนที่สามค่อนข้างเจ้าชู้ เปลี่ยนแฟนใหม่อยู่บ่อยๆ จนลุงได้ยินพ่อกับแม่บ่นอยู่เป็นประจำ ตอนนั้ลุงเข้าเรียนป.1แล้ว แต่งนอนร่วมมุ้งร่วมห้องกับพี่สาวทั้งสอง..."

"ดะ..เดี๋ยวครับลุง..ลุงว่าจะเล่าเรื่องเอากับหลานสาวไม่ใช่หรือครับ..ผมฟังมาตั้งนานมีแต่เรื่องพี่สาวของลุง..." ผมพูดแทรกคัดขึ้นกลางคัน จนลุงเสงี่ยมหันมาถลึงตาดุๆใส่ มันแสดงให้ผมรู้สมัยตอนแกหนุ่มๆนี่คงเป็นนักเลงไม่ใช่น้อย

"อุ๊บ๊ะ..เอ็งนี่ใจร้อนจริง..ตอนนั้นลุงแค่ป.1 หลานสาวลุงก็เพิ่งเดินเตาะแตะ..เอ็งจะให้มันรีบโดนลุงเอาไปถึงไหนวะ...ฮ่าๆๆๆ." ลุง
เสงี่ยมแกแสร้งพูดเสียงดังดั่งข่มขู่ แต่สุดท้ายแกก็หัวเราะขำๆชอบใจ เมื่อเห็นผมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม

"ลุงเล่าเรื่องไปถึงไหนแล้ววะทองดี.." พอลุงเสงี่ยมแกจะเริ่มเล่าต่อ ก็ดันจำไม่ได้เสียอีกว่าเล่าไปถึงตอนไหน ผมต้องเล่าทวนให้แก
ฟังซ้ำอีกรอบ คราวนี้แกจึงจำได้และเริ่มเล่าเรื่องต่อ

[post]"ไอ้พี่สาวคนที่สี่ของลุงนี่ มันชอบนอนดิ้นและขี้เซา..มีคืนหนึ่งลุงตกใจตื่นตอนดึก เพราะรู้สึกหนักๆตัวเหมือนโดนผีอำ พอตื่นมาปรากฏว่าพี่ไอ้สาวลุงคนนั้นมันนอนดิ้นก่ายขามาพาดบนอกของลุง จนผ่านุ่งผ้าซิ่นถลกเลิกขึ้นไปถึงตูด มิหนำซ้ำมันยังไม่ใส่กุงเกง
ในนอนเสียด้วย...ที่ลุงรู้ก็เพราะใช้มือคลำๆจากขาอ่อนของมันจนมาถึงก้น..ไม่พบกุงเกงในเลยสักตัว ตอนแรกก็พยายามผลักขามันออกจากอก แต่มันตัวใหญ่กว่าลุงเยอะ ผลักยังไงก็ไม่หลุด ลุงก็อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก เลยคิดจะจั๊กกะจี๋ให้มันตื่น ลุงก็คลำลง
ไปที่เอวจี๋ๆไชๆมันก็ไม่ตื่นสักที จนเริ่มโมโห กะว่าจะหยิกจิ๋มมันแรงๆ ดูสิว่าคราวนี้จะตื่นมั๊ย แต่พอมือลุงคลำไปสัมผัสนั่นแหละ ถึงกับแปลกใจที่ตรงจิ๋มมันมีขน ไม่ยักกะเหมือนของลุงที่เกลี้ยงเกลา หลานสาวลุงก็จิมเกลี้ยงๆเหมือนกัน ลุงก็เลยคลำๆ สำรวจไปด้วย
ความอยากรู้อยากเห็น บอกเอ็งตามตรงเลยว่า ตอนนั้นลุงยังไม่รู้จักเลยว่าเซ็กส์มันคืออะไร ลุงคลำจิ๋มพี่สาวเล่น แค่รู้สึกว่าทำไมมันแปลกไม่เหมือนจู๋ของลุงเลย พอคลำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกจิ๋มพี่สาวลุงจะมีน้ำลื่นๆออกมา แฉะติดปลายนิ้ว ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกว่าไอ้น้ำ
แบบนั้นเขาเรียกอะไร แต่มันก็ลื่นนิ้วยิ่งทำให้ละเลงนิ้วได้ลื่นขึ้นๆ ลุงคลำเล่นอยู่แบบนั้นจนตัวเองหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว...พอวันหลังๆที่พี่สาวลุงดิ้นเอาข่ายมาก่ายอีก ลุงก็คลำสำรวจอยู่บ่อยๆ แล้วก็เริ่มก้าวหน้าคลำขึ้นไปถึงนม เป็นกระเปาะเล็กๆ เท่าผลส้ม แต่
ในตอนนั้นลุงคิดว่าทำไมนมพี่สาวลุงมันใหญ่เหลือเกิน สงสัยมันจะโดนมดตานอยต่อยมาแน่..." ลุงเสงี่ยมหยุดเล่าไปชั่วครู่ พร้อมยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบกลั้วคออีกครั้ง แล้วกระแอมเรียกเสียงก่อนจะเริ่มเล่าต่อ

"ลุงคะ..ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ...." แต่ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องให้ผมฟังอีกครั้ง เสียงคุณวิ พยาบาลประจำศูนย์ก็ร้องขัดขึ้นที่ด้านหลัง พร้อมเดินถือถ้วยยาและน้ำตามเข้ามายื่นส่งให้

"ลุงไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยหนูวิ..ทำไมต้องให้ลุงกินยาด้วย.." ผมได้ยินเสียงลุงแกร้องถาม แต่ก็ยื่นมือมาไปรับถ้วยยาเทกรอกใส่ปาก ตามด้วยน้ำ แล้วกลืนเข้าไปอย่างไม่บิดพริ้ว

"อ๋อ..มันเป็นยาบำรุงน่ะค่ะ..ทานแล้วคุณลุงจะได้แข็งแรงไงคะ.." คุณวิตอบยิ้มๆ แล้วค้อมตัวลงมารับถ้วยยาจากมือลุงเสงี่ยม โดยไม่ระมัดระวังว่าคอเสื้อชุดพยาบาล ว่ามันจะหย่อนกว้าง จนผมมองเห็นสายตาลุงเสงี่ยมจ้องรอดผ่านเข้าไป ก็เลยแกล้งกระแอมเตือนเบาๆ จนลุงแกสะดุ้งหันขวับมามอง ผมก็แกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนคุณวิเดินจากไปนั่นแหละ ลุงแกเลยหันมาต่อว่าผมแบบขำๆทีเล่น
ทีจริง

"ไอ้เจ้าทองดี..คราวหลังเอ็งกระแอมขัดอีก ลุงจะไม่เล่าเรื่องให้ฟังอีกแล้วนะโว๊ย...." แกพูดพร้อมถลึงตาดุใส่ผม

"โธ่ลุงครับ..ดูนมคุณวิไปแล้วมันช่วยอะไรคุณลุงได้...ผมถามจริงๆเหอะ..ลุงเห็นนมคุณวิแล้วยังสู้ได้อีกหรอครับ...."

ผมมร้องถามแกไปด้วยความขบขัน อายุเกือบ80ปีของแก บวกกับโรคประจำตัวอีกเพียบ ทั้งความดันหัวใจและเบาหวาน มันไม่มีทาง
ให้มะเขือเผากลายเป็นสากกะเบือเป็นแน่

"ชิชะๆๆๆ..เอ็งพูดดีไปเถอะ..คอยดูนะวันหนึ่งลุงจะเอาคุณวิให้ได้...ฮ่าๆๆๆๆ..."

ลุงเสงี่ยมคุยโม้ แล้วจบด้วยการหัวเราะขำๆอย่างอารมณ์ดี พอจะเริ่มเล่าต่อ ผมก็บอกแกว่าพรุ่งนี้แล้วกัน เพราะผมยังมีงานที่ต้องทำ
อีกหลายอย่าง จากนั้นผมก็เดินจากแกไป ทำงานตามหน้าทีประจำวันจนออกเวร

ตอนที่ 2

วันรุ่งขึ้นผมต้องเข้าเวรหน้าตึก คอยดูแลต้อนรับแขกที่จะมาเยี่ยมญาติของพวกเขา หรือพาญาติมาฝากให้ทางศูนย์ช่วยดูแล เลยยังไม่ได้เจอลุงเสงี่ยมจนกระทั่งเกือบเที่ยง รถอัลพาร์ดสีดำที่ผมจำได้ว่าเคยพาลุงเสงี่ยมเข้ามาอยู่ที่ศูนย์ แต่คราวนี้มันเปลี่ยนมาป้ายสีดำแล้วก็แล่นเข้ามา

หญิงสาววัยกลางคนที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นลูกสาวของลุงเสงี่ยมก็เปิดประตูรถด้านคนขับลงมา พร้อมกับสาวน้อยอีกคนหนึ่งที่เปิดประตูด้านข้างคนขับตามลงมาด้วยท่าทางที่บ่งบอกให้รู้เลยว่า คงไม่เต็มใจมา เพราะวงหน้าเรียวรูปไข่แม้จะดูสวยน่ารักก็จริง แต่หัวคิ้วทั้งสองขมวดมุ่นท่าทางก็กระฟัดกระเฟียดเหมือนกำลังอารมณ์เสียโดยระบายออกด้วยการปิดประตูรถดังโครมใหญ่

"เจน..เวลาลูกอยู่ต่อหน้าคุณตา..อย่าทำกิริยาแบบนี้อีกนะ..." ผมได้ยินเสียงลูกสาวลุงเสงี่ยมดุลูกสาวของตนเองเบาๆ แต่ใบหน้าก็ยังฉาบไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อกวาดสายตาเลยมามองเห็นว่าผมกำลังลุกขึ้นยืนต้อนรับ

"ก็เจนไม่อยากมานี่คะคุณแม่...ที่นี่คงมีแต่คนแก่..น่าเบื่อจะตาย.." หลานลุงเสงี่ยมที่ชื่อเจนยังคงเดินบ่นอุ๊บอิ๊บเบาๆ พร้อมสาวเท้าก้าวเดินตามผู้เป็นแม่ ซึ่งบัดนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไรกัน

"สวัสดีครับ..มาเยี่ยมคุณลุงเสงี่ยมใช่มั๊ยครับ..." ผมรีบร้องทักทายทันที่ เมื่อญาติทั้งสองของลุงเสงี่ยมเดินเข้ามาใกล้

"จำได้ด้วยหรือคะ...." ลูกสาวลุงเสงี่ยมเลิกคิ้วร้องถามด้วยความแปลกใจ ว่าผมจำได้อย่างไร ทั้งๆที่ตั้งแต่เธอพาลุงเสงี่ยมเข้ามาอยุ่ในศุนย์เป็นครั้งแรกแล้วนั้น เพิ่งจะมาเยี่ยมพ่อของเธอเป็นครั้งแรกในวันนี้ แต่มันก็นานนับเดือนไปแล้ว

"จำได้สิครับ...เดี๋ยวคุณผู้หญิงเข้าไปลงบันทึกการเยี่ยมญาติข้างในก่อนนะครับ แล้วผมจะพาไป..." ผมไม่บอกเหตุผลไปหรอกครับว่าทำไมจึงจำได้ คงเพราะบุคคลิคที่เด่นสง่า กับรูปร่างเพรียวสูงเหมือนนางแบบของเธอ อีกทั้งยังคงบำรุงรักษาหน้าตาได้อ่อนเยาว์กว่าอายุจริงๆนับสิบปีกระมัง ที่พอเจอกันครั้งแรก ภาพนั้นก็ติดตาจนยากจะลืมเลือน

"เธอชื่ออะไรจ๊ะ..." ลูกสาวลุงเสงี่ยมร้องถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ที่แววตาและใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเป็นกันเองไม่ได้ถือตัวว่าผมเป็นเพียงพนักงานเล็กๆคนหนึ่งในศูนย์เนิร์สซิ่งโฮม

"ผมทองดีครับ..คุณผู้หญิง..." ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ

"ต๊าย...ไม่ต้องเรียกชั้นแบบนั้นหรอก...เรียกคุณกานดา..ดีกว่า.." เป็นอันว่าคราวนี้ผมรู้แล้วว่าลูกสาวลุงเสงี่ยมเธอชื่อกานดา พอเธอพูดจบก็เดินเข้าไปที่เค้าเตอร์พนักงานต้อนรับ ทิ้งลูกสาวที่ชื่อเจนให้ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับใกล้ๆผม ให้พิจารณาตรงๆ จึงได้เห็นว่าหน้าเด็กสาวชื่อเจนนั้น มีพิมพ์ละม้ายคล้ายคลึงกับผู้เป็นแม่หลายส่วนทีเดียว แต่ที่ต่างกันในตอนนี้ คงมีเพียงใบหน้าที่บึ้งตึงบอกบุญ
ไม่รับเท่านั้นเอง

"นายมองอะไร..." แล้วผมก็สะดุ้ง เมื่อจู่ๆลูกสาวคุณกานดาก็พูดเสียงแหวใส่ผม พร้อมหันหน้ามาจิกตาจ้องอย่างเอาเรื่อง คงเพราะว่าผมเสียมารยาทเผลอจ้องเธอนานไปหน่อยเป็นแน่[/post]"ขอโทษครับ..ผมแค่เห็นว่าหน้าคุณเจนเหมือนคุณกานดาเท่านั้นเองครับ เลยเผลอเสียมารยาทมองนานไปหน่อย..." ผมรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพออกไป เพราะมันเป็นกฏเหล็กของพนักงานในศุนย์แห่งนี้ ที่พนักงานทุกคนต้องพูดจาสุภาพกับลูกค้า ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ในอารมณ์ใดก็ตาม

"เชอะ..ก็แค่คนงาน...กระจอก..." เด็กสาวท่าทางหยิ่งถือตัวสะบัดหน้าหันตัวกลับไป พร้อมพูดบ่นเบาๆ แต่ผมก็ยังพอได้ยิน แม้ผมจะรู้สึกผิดหวังกับคำพูดและกิริยาของเธอที่ปฏิบัตืกับผม มันช่างต่างกับหน้าตาสะสวยยิ่งนัก แต่ผมก็ไม่อยากตอบโต้อะไรออกไป ได้แต่
เก็บปากเงียบด้วยความไม่พอใจ จนกระทั่งคุณกานดาเดินกลับออกมา

"พาไปหาคุณพ่อหน่อยสิจ๊ะ..ทองดี.." ยังดีที่ผมได้ยินเสียงอ่อนหวานของผู้เป็นแม่มาชดเชย จึงรีบนำทางพาสองแม่ลูกไปหาลุงเสงี่ยมที่ตึกเขียว อันเป็นที่พักของลุงเสงี่ยม พอพ่อลูกได้เจอกัน ผมก็เดินเลี่ยงออกมาประจำหน้าที่ที่หน้าตึกทันที ไม่รู้เรื่องว่าลุงเสงี่ยมกับลูกสาวและหลานสาวคุยอะไรกันบ้าง

สักชั่วโมงผ่านไปคุณกานดาก็พายัยเด็กเจนลูกสาวจอมหยิ่งเดินกลับออกมา และทักทายผมพอเป็นพิธีก่อนที่จะขับรถออกไปจากศูนย์
ยังไม่ทันบ่ายโมงเลยลุงเสงี่ยมแกก็เดินมาหาผมที่กำลังนั่งพักทานข้าวเที่ยงอยู่ที่โรงครัว

"นั่งกินข้าวอยู่นี่เอง...ลุงเดินตามหาทองดีตั้งนาน..." ลุงเสงี่ยมร้องทักผมตั้งแต่แกยังเดินเข้ามาไม่ถึงตัว ผมรีบลุกยืนพร้อมเดินเข้าไปประคองแขนแกพามานั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าผม

"ลุงเดินตามหาผมหรือครับ...มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ..คราวหลังเรียกคนงานในศูนย์ให้มาตามก็ได้.." ผมรีบบอกให้แกรู้ เพราะระยะทางจากตึกเขียวที่พักของลุงเสงี่ยมกับโรงครัว แม้นมันไกลมากสำหรับหนุ่มสาว แต่คนชราอย่างลุงเสงี่ยมที่ต้องเดินด้วยไม้เท้าสามขามันไม่ง่ายเลย จับพลัดเดินสะดุดหกล้มละเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

"ไม่มีเรื่องอะไรหรอก..ลุงเหงาๆ..เลยมาหาเพื่อนคุยน่ะ..." ลุงเสงี่ยมบอกเหตุผลที่ต้องเดินตามหาผมออกมา

"เหงาอะไรอีกครับลุง..เมื่อสักครู่ลูกหลานเพิ่งมาเยี่ยม..." ผมถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะดูแววตาและคำพูดของลุงแกแล้ว มันบ่งบอกอย่างชัดเจนตามคำพูดทีเดียว

"ก็เพราะเรื่องที่ไอ้ดามาคุยนั่นแหละ..มันคงทำให้ลุงเหงาแน่ๆ...อยู่ที่นี่ลุงมีทองดีกับเพื่อนๆคอยคุยด้วย..เห้อ...ให้กลับบ้าน ลุงจะไปคุยกับใครได้อีก..จริงมั๊ยทองดี...." ลุงเสงี่ยมแกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงบ่งบอกความรู้สึกอย่างชัดเจน

"คุณกานดาจะให้ลุงกลับไปอยู่บ้านแล้วหรือครับ...โอ้...เรื่องน่ายินดีแบบนี้..ลุงจะมาเหงาอีกทำไมล่ะครับ..ได้อยู่ใกล้ลูกหลาน..."

"เห้ออออ...." ลุงเสงี่ยมถอนหายใจยาวๆแล้วพูดต่อ
"นึกหรือว่าอยู่บ้าน แล้วพวกมันจะมีเวลาให้ลุง...ไอ้ดาก็มัวแต่บ้างาน..ไอ้เจนมันเคยพูดกับตามันเกินสามคำที่ไหน..."

"อ่ะ..ลุงเคยเล่าว่าบ้านใหญ่โตมีลูกหลานเยอะแยะไม่ใช่หรือครับ..." ผมแย้ง เพราะจำได้ว่าเมื่อวานเองที่ลุงเสงี่ยมเพิ่งเล่าให้ฟังว่าบ้านพ่อแม่แกมีลูกหลานเยอะแยะ

"เห้ออออ..เรื่องนั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว..พอพ่อแม่ลุงตายแบ่งสมบัติกันเสร็จ..ที่ผืนนั้นก็ขายให้นายทุนเอาไปทำเป็นโรงงานทำกระดาษ..ญาติๆพี่น้องลุงก็แยกย้ายกันไปมั่ง ล้มหายตายจากไปมั่ง จนกว่ายี่สิบปีแล้วมั้งที่ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย..."

"เดี๋ยวก่อนครับลุง..พอดีใกล้ได้เวลาที่ผมต้องกลับไปเข้าเวรหน้าตึกแล้ว..." ลุงเสงี่ยมกำลังจะเริ่มเล่าเรื่องราวของแกอีกครั้ง ในขณะที่เวลาพักเที่ยงของผมก็ใกล้หมดลงไปทุกที จึงต้องรีบขัดแกไว้ก่อน ทั้งๆที่อยากฟังเรื่องของแกอีก

"อ้าว..ทองดีจะไปทำงานแล้วหรอ..." ผมได้ยินเสียงรำพึงอ่อยๆของแกแล้วเกือบใจอ่อนด้วยความสงสาร แกคงเหงาไม่มีเพื่อนคุยจริงๆ

"ใช่ครับ..เอางี้มัยครับ..พอเลิกงาน..ผมค่อยไปหาลุงที่ห้องแล้วคุยกันใหม่..." ผมตัดสินใจบอกไปด้วยความสงสารแก ทั้งๆที่พอเลิกงานแล้ว มันเป็นเวลาพักของผม ที่จะไปหาความสุขตามประสาชายหนุ่ม

"เออ..เอาแบบนั้นก็ได้ ขอบใจนะทองดี..." ลุงเสงี่ยมแกพูดพร้อมเอื้อมมือไปตบบ่าผมเบาๆ ผมเลยลุกขึ้น พยุงพาเดินกลับไปส่งที่ตึกเขียวตามเดิม แล้วกลับมาทำหน้าที่เวรประจำหน้าตึกของผมต่อไป จนกระทั่งได้เวลาเลิกงานห้าโมงเย็น ผมก็เดินไปหาลุงเสงี่ยมตามคำสัญญา

พอไปถึงห้องที่ลุงเสงี่ยมพักอยู่เห็นประตูห้องเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย แต่ระเบียงหน้าห้องที่ลุงเสงี่ยมชอบออกมานั่งมองเพื่อนๆวัยชราของแกกลับไม่เห็น ผมเลยคิดว่าแกน่าจะยังอยู่ในห้องพัก จึงผลักประตูเปิดเดินเข้าไปโดยไม่ให้สุ้มเสียง แล้วผมลอบอมยิ้มเมื่อสายตาแลเห็นแว๊บๆว่าแกนอนพักอยู่บนเตียงโดยมีพยาบาลวิยืนอยู่ชิดติดเตียงข้างๆ เหมือนกำลังก้มตัวป้อนยาให้ลุงแกอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติที่ผมเคยเห็นเสมออยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมอมยิ้ม เพราะสายตาว่องไวของผมพอดีเห็นว่ามือขวาของลุงเสงี่ยมนั้นไม่ได้วางบนเตียงนอนเฉยๆ แต่กลับอ้อมมือมาจับก้นงอนๆของพยาบาลวิคลึงจับลูบไปด้วย แล้วรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ขณะที่พยาบาลวิก็ขยับตัวห่างออกมาจากเตียงอีกเล็กน้อย ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อได้ยินเสียงผมร้องทักออกไป

"เอ้อ..คุณวิอยู่ด้วยหรือครับ...."

"เอายามาให้ลุงเสงี่ยมกินน่ะคะ...ทองดีมาก็แล้ว งั้นวิไปเลยนะคะลุง กินยาบำรุงให้หมดด้วยนะ..วิฝากลุงกับทองดีด้วยนะคะ..." พยาบาลวิพูดรัวเร็วอึกๆอักๆ แล้วผลุนผลันเดินก้มหน้าสวนผมออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

"ลุงนี่ร้ายไม่เบาเลยนะครับ..." ผมแซวแก เมื่อหันกลับไปเห็นว่าพยาบาลวิเดินลับตาออกไปแล้ว อยากจะถามเหมือนกันว่าลุงแกทำยังไง ถึงได้ลุบก้นอวบๆงอนๆของพยาบาลวิได้

"เอ็งนี่ก็ตาไวจริงนะ..ฮ่าๆๆๆ " ลุงเสงี่ยมแกหัวเราะฮาๆชอบใจเมื่อรู้ว่าผมเห็นการกระทำของแก
"ขอบใจว่ะทองดี..ที่มาคุยกับลุงตามสัญญา..ทั้งๆที่เลิกงานไปแล้ว...." ผมได้แต่เพียงยิ้มรับคำขอบใจของลุงแก พร้อมสอบถามแกว่าอยากลุกออกไปนั่งที่ระเบียงห้องมุมโปรดของแกหรือว่าจะอยากนอนต่อ

"ไปนั่งคุยที่ระเบียงสิวะ..นอนอุดอู้ในห้องน่าเบื่อจะตาย..." ลุงเสงี่ยมตอบยิ้มๆแล้วตั้งท่าจะผงกหัวลุกขึ้นจากเตียง ผมรีบเข้าไปช่วยพยุงหลัง

"อ้าว..แล้วลุงเข้าไปนอนทำไมล่ะ.." ผมถามเมื่อเข้าไปพยุงแกลุกขึ้นนั่ง แล้วพาแกเดินออกไปนั่งในมุมโปรดหน้าห้อง

"ไม่ทำแบบนี้ลุงจะจับก้นน้องวิได้หรือวะไอ้..ไอ้เซ่อ...ฮ่าๆๆๆๆ" แกพูดกลัวเสียงหัวเราะขำๆ ผมเลยถึงบางอ้อ..เพิ่งรู้เลยว่าแกอ้อนไปนอนบนเตียง เพื่อวางแผนลูบก้นพยาบาลวินั่นเอง

"เลิกงานแล้วทำไมเอ็งไม่ไปเที่ยวตามประสาหนุ่มๆเขาวะ..."

"อ้าว..ลุง..ก็ผมสัญญากับลุงไว้ไงครับ..ว่าจะมาคุยเป็นเพื่อน...หรือว่าตอนนี้ลุงไม่อยากคุยแล้ว..."

"เห้ยคุยสิวะ..คนสว.อย่างลุงนี่มันแก่แล้วแก่เลย ยังกะที่เขาว่าจริงๆ...ฮ่าๆๆๆๆ" ผมได้ยินก็หัวเราะขำตาม นับว่าลุงเสงี่ยมแกก็ทันสมัย
ดีครับ รู้จักเรียกตัวเองว่าสว.ตามประสาวัยรุ่นที่เขาใช้กัน แต่แทนที่วันนี้ลุงแกจะเริ่มเล่าเรื่องของแกให้ผมฟัง กลับมีเรื่องมาซักถามผม
ไม่ได้หยุด

"ทองดี..เอ็งอายุเท่าไหร่แล้วนี่..." ผมก็ตอบไปตามตรงว่า25ย่าง26แล้ว ลุงแกก็ถามต่อ

"แล้วนี่เอ็งไม่รีบกลับไปหาเมียที่บ้านหรือไงวะ"

"โธ่ลุง..ได้โปรดดูหน้าของผมใหม่อีกครั้งสิครับ..หน้าเด๋อๆด๋าๆ บ้านนอกๆ อย่างผมนี่..จะหาเมียเป็นตัวเป็นตนกับเขาได้...ฮ่าๆๆๆ" ผมรู้ตัวเองดีว่าหน้าตาและฐานะอย่างผม สาวๆที่ไหนจะมาสนใจ จึงหัวเราะขำไปกับคำถามของลุงเสงี่ยม แล้วก้นึกว่าแกจะหมดคำถามไปแล้ว หลังจากแกได้ยินผมพูดก็อึ้งไปแป๊บนึง

"เอ็งทำงานที่นี่ได้เงินเดือนเท่าไหร่วะ..บอกลุงได้มั๊ย..."

"ได้สิครับ..ตอนนี้ผมได้หมื่นนึงแล้วไม่รวมโอที..แต่ตอนเข้ามาทำใหม่ๆ เมื่อสองปีที่ผ่านมาเริ่มสตาร์ท9000บาทเองครับ..." ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลุงเสงี่ยมแกอยากรู้เรื่องเงินเดือนของผมไปทำไม แต่ก็บอกแกไปตามจริง แกได้ยินก็อมยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจของแกไปคนเดียว

"ลุงเล่าเรื่องวัยเด็กของลุงให้ผมฟังต่อสิครับ..." คราวนี้ผมเลยวกกลับมาเข้าเรื่องที่ตนเองอยากรู้ว่าวัยเด็กของลุงแกจะโลดโผนขนาดไหนกันแน่

"เออ..ได้สิวะ..แต่ว่าลุงเล่าไปถึงตอนไหนแล้ววะ..." คราวนี้ผมขำก๊ากเลย ที่แกดันจำเรื่องที่แกเล่าเองไม่ได้ว่าเล่าถึงตอนไหน มันบ่งบอกเลยว่าแกสว.จริงๆ แต่ขนาดสว.ยังงี้ ยังอุส่าห์วางแผนจับก้นคุณวิได้ ผมละนับถือแกเลย



johnywalker

ชื่อบอกว่าเสงี่ยม แต่ท่าทางแกจะไม่ค่อยสงบเสงี่ยมสมชื่อนะครับ แบบนี้น่าจะชื่อ(โลด)โผน

Lucky Naruk

ลุงเหงี่ยมคนนี้ไม่เบาเลยนะ

คนธรรมดา ธรรมดา


Skyline4646