ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ศึกไสยเวทย์

เริ่มโดย นีโอ, กุมภาพันธ์ 23, 2016, 04:46:23 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ

คุยก่อนอ่าน


หลัง จากลงเรื่องสั้นไป 2 เรื่องก็มีสมาชิกตอบรับมาอย่างน่าชื่นใจ ถึงจะไม่ถล่มทลายหลักร้อย แต่ก็ยังดีใจที่มีคนจำผมได้ และยังเรียกร้องให้เอาผลงานต่างๆมาลง แต่ผมเองก็ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาลงดี จึงเอาเรื่อง 'ศึกไสยเวทย์' หรือ 'ศึกหมอผี' เดิมมาลงชิมลางก่อน เรื่องนี้พิมพ์ใหม่เพื่อส่ง สนพ.ตีพิมพ์ แต่ติดปัญหาตรงความยาวมากๆ (751 หน้า A 4 ) ตัดย่อลงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถพิมพ์ได้สักที จนต้องแยกทางกับ บก. และมาทำอี - บุ๊ค กับพิมพ์ขายเอง ซึ่งก็ได้ผลตอบรับน่าพอใจ


ฉบับ E ฺ- book ติดเบสเซลเลอร์ในเว็บ MEP.



 



ฉบับพิมพ์ 130 เล่มขายทางออนไลน์ (ขายหมดแล้ว)



 


และ ฉบับที่ท่านจะได้อ่านนี้ ขอบอกว่าจะไม่มีบทเสียว หากท่านใดไม่ชอบ ขอให้ข้ามไปได้เลย และที่เอามาลงไม่ใช่จะมาโฆษณา แต่อยากจะบอกว่า แค่มาร่วมสนุกด้วยเท่านั้น เนื่องจากบอร์ดนี้มีพี่ๆน้องๆนักเขียนที่รู้จักสนิทสนมอยู่มากมาย จึงมาฟิชเชอริ่งด้วยเท่านั้น

อยาก จะบอกว่า นักเขียนสมัครเล่นอย่างพวกเรา รายได้และหน้าที่การงานดีกว่านักเขียนอาชีพ รายได้ต่างๆก็เเค่ผลพลอยได้ แต่สิ่งที่เราต้องการคือน้ำจิตน้ำใจ การพูดคุยติเตียงแนะนำเพื่อเอาไปแก้ไขผลงานให้พัฒนาดียิ่งขึ้นไป และต้องการคำตอบที่บูรณาการ ไม่ใช่ห้วนๆสั้นๆ Thank / THX / ดีมาก / อื่ม ดีๆ / ขอบคุณครับ/ เยี่ยมมากคับ /แหล่มเลย ฯลฯ พวกเราคงไม่นั่งหลังขดหลังแข็งพิมพ์มาเพื่อคำตอบเหล่านี้

หาก บอร์ดเป็นเสมือนพาหนะ นักเขียนก็เหมือนเครื่องยนต์ นักอ่านและคอมเม้นท์ที่บูรณาการณ์มาจากใจก็ประหนึ่งน้ำมันที่จะเป็นพลังช่วย ขับเคลื่อน บูรณาการผมว่ามันไม่ยากเกินไปหรอกนะครับ คุณเชื่อไหมว่าหนึ่งคอมเม้นท์ของคุณ อาจจะทำให้นักเขียนนักโพสคนหนึ่งลาออกจากวงการ หรือมีกำลังใจในการโพสงานต่อไป คุณเลือกได้ ว่าจะเป็นเชื้อเพลิงหรือผู้ทำลาย




ด้วยไมตรีจิตนีโอ

        


เกริ่นนำ


ยาม เมื่อพระจันทร์ฉายแสงกระจ่างฟ้าในคืนเดือนเพ็ญช่างเป็นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะ สมและหาได้ยากยิ่งในแต่ละช่วงปีท้องฟ้ายามรัตติกาลที่ไร้เมฆหมอกมาบดบังยิ่ง ขับเน้นแสงจันทร์สีเหลืองเรืองรองนวลตาให้สว่างโดดเด่น กระทั่งยกฝ่ามือขึ้นมาก็ยังสามารถมองเห็นลายมือได้ชัดเจนราวกับกลางวันนอก จากนั้นแสงจันทร์ยังได้แผ่พลังงานเกื้อหนุนมนตราจากศาสตร์ลับทั้งปวงให้ สามารถแสดงพลานุภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ลับล้วนถือว่า เป็นวาระและห้วงเวลาอันประเสริฐ ซึ่งเหมาะสมกับการใช้พลังอำนาจอาคมทางไสยเวทย์ให้ปรากฏผลยิ่งนักโดยเฉพาะไสย เวทย์มนต์ดำทรงอำนาจที่ชั่วร้าย

หน้าอาคารบุญเกื้อทาวเวอร์ในยามค่ำคืนอันเงียบสงบอาคารแห่งนี้สูง ๓๖ ชั้น มีพื้นที่ให้เช่าทั้งอาคารกว้างขวางถึง  ๕๘,๕๗๑ ตารางเมตร ความสูงของแต่ละชั้้น ๓ . ๖  เมตรลิฟท์ ๑๒ ตัว ลิฟท์ขนของ ๔ ตัว ที่จอดรถประมาณ  ๑,๕๐๐ คัน อาคารหลังนี้ตั้งอยู่ในทำเลทองย่านธุรกิจของเมืองหลวง ดังนั้นชั้น๑ ถึงชั้น ๕ จึงถูกเช่าเป็นศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งต้องจ่ายค่าเช่าสูง ลิบลิ่ว  ชั้น ๖  ถึงชั้น ๑๖ ถูกเช่าทำเป็นออฟฟิศสำนักงานของบริษัทต่างๆ ชั้น ๑๗ ถึงชั้น๒๖ เป็นสำนักงานส่วนกลางดูแลกิจการในเครือของบริษัทบุญเกื้อคอมปานีส่วนชั้นบน ของอาคารคือชั้น ๒๗ ถึงชั้น ๓๖ กำลังประกาศให้เช่าแต่เนื่องจากว่าค่าเช่าค่อนข้างสูงจึงยังไม่มีใครมาเช่า

หลัง จากเลยเวลา๒ ทุ่มไปแล้วอาคารก็ปิดทำการ แต่บัดนี้มีร่างผอมสันทัดวัยกลางคนของใครบางคนกำลังเดินตรงเข้ามายังหน้า อาคารในค่ำคืนนี้ คนผู้นั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ทสีน้ำเงินเข้มกลางใหม่กลางเก่ากางเกงขายาวสีดำ ใบหน้ายาว ตาเรียวมีรอยยับย่นที่หางตา จมูกโด่งพอประมาณริมฝีปากหนา ผมหยิกตัดสั้นติดหนังศีรษะ เขาสะพายย่ามสีเหลืองเข้มคล้ายสีย่ามพระท่าทางดูขรึมขลังสมถะรัดกุม เขาก้าวเท้าหนักแน่นย่างก้าวทีละก้าวอย่างมั่นคงไม่ใส่ใจกับบรรดาผู้รักษา ความปลอดภัยหรือยามที่ตรวจตราเฝ้าระวังภัยอย่างรอบคอบเคร่งครัดอยู่รอบๆ อาคาร และเขาเดินผ่านบรรดายามที่ใช้ไฟฉายส่องดูในบริเวณที่มืดเพื่อตรวจตราป้องกัน ผู้บุกรุกใช้ความมืดอำพรางเข้ามาแต่ไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาราวกับร่างกาย ของชายคนนี้เป็นเพียงอากาศธาตุ

บุคคล ผู้นี้ย่อมไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดาเขาสามารถใช้เวทย์มนต์บดบังสายตาคนจำนวนมาก ได้ย่อมแสดงถึงความแกร่งกล้าในอาคมชั้นสูง เขาเดินฝ่าความมืดอ้อมตัวอาคารเพื่อไปทางด้านทิศตะวันตกอันเป็นทิศอัปมงคล ตามความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์เพื่อจุดประสงค์บางอย่างซึ่งย่อมไม่ใช่เรื่อง ดีของสถานที่แห่งนี้

ร่าง นั้นมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังอาคารก่อนปูผ้าลงกับพื้นหญ้า แล้วนั่งลงขัดสมาธิเริ่มล้วงข้าวของจากในย่ามออกมาวางทีละอย่างสองอย่าง เริ่มต้นจากกระถางธูปเทองเหลืองเก่าๆ มีดสั้นในฝักถุงใส่ข้าวสารและปิดท้ายด้วยดอกไม้ธูปเทียนบูชา มือหนาจุดไฟแช๊กต่อเข้ากับเทียน ๒เล่มปักไว้ข้างกระถางใบเล็กต่อมาจุดธูปกำหนึ่งแล้วพนมไว้ในมือหลับตาพริ้ม ลงสวดพระคาถาอย่างเนิบช้า รวบรวมสติและสมาธิให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อแผ่พลานุภาพแห่งพระคาถาออกมาให้ทรง ประสิทธิพลที่สุด

เสียง สวดมนต์แผ่วเบาดำเนินไปนานนับชั่วโมงก่อนจะล้วงเอาถุงผ้าทำจากผ้าดิบลงหมึก ด้วยลวดลายคล้ายยันต์ถุงใหญ่มือนั้นแก้ปมทีละน้อย แต่ยังคงท่องมนต์เข้าข่มไปด้วยพร้อมกันเพื่อกันการต่อต้านที่อาจเกิดขึ้นได้ ปมหลุดออกในที่สุดเผยให้เห็นผงเถ้ากระดูกสีเทาและเศษซากกระดูกบางส่วนที่ไม่ ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าเขาร่ายคาถากำกับจนจบคาบก็ห่อกลับ   มือข้างหนึ่งใช้ส่วนปลายแทงขุดไปบนพื้นดินใต้หญ้าเขียวเมื่อได้ระดับลึกตาม ต้องการอีกมือนั้นวางถุงไปในหลุมวางทับซ้ำด้วยผ้ายันต์ปักหมุดตะปูตอกตรึง สี่ด้านและสาดซ้ำด้วยข้าวสารสีขาว

มีด หมอใบสีดำสลักอัขระอักษรอาคมถูกชักออกมากรีดลงบนท่อนแขนลากเป็นแผลยาวประมาณ หนึ่งนิ้วเขายื่นมือไปข้างหน้าปล่อยให้หยาดโลหิตสีแดงสดค่อยๆหยดลงบนถุงเถ้า กระดูกสีแดงของเลือดค่อยๆแทรกซึมผ่านเนื้อผ้าลงไปยังเถ้ากระดูกอย่างช้า ๆท่ามกลางเสียงสวดร่ายพระคาถาด้วยภาษาที่ไม่เคยมีใครได้ยินกระชั้นรุนแรงและ ข่มขวัญอยู่ในที

"พวกเจ้าทั้งหลาย...จงฟังคำสั่งของข้าผู้เป็นนายพวกเจ้า...จงเข้าไปสิงสถิตในอาคารหลังนี้..." เขาออกคำสั่งด้วยเสียงหนักแน่นทรงอำนาจฉับพรันปรากฏควันสีขาวขุ่นพวยพุ่งออก มาจากห่อผ้าแตกกระจายเป็นกลุ่มก้อนและก่อรูปแลเห็นลางๆเลือนๆอยู่เบื้องหน้า ของผู้ร่ายคาถาที่ยังคงนั่งนิ่งหลับตาริมฝีปากขยับท่องบ่นไม่หยุด

กลุ่ม ควันก่อรูปเป็นร่างของสัตว์ต่างๆและปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งเสือ วัวเขาโง้ง ค้างคาว งูและอีกหลายชนิดจำแนกรูปร่างแทบไม่ออกเพราะการก่อรูปไม่แน่นอนแต่สิ่งหนึ่ง ที่เห็นคือดวงตาเรืองแสงสีแดงก่ำราวไฟในเตาเผาทุกสายตาต่างพากันจ้องมองร่าง นั้นอย่างเชื่อฟังยำเกรงกลุ่มควันเหล่านั้นยังลอยวนรอบร่างชายผู้ทำพิธีและ พุ่งสวนกันไปมาจนเกือบชน กันหลายครั้งใบหน้าของชายในความมืดมีรอยยิ้มที่มุมปากหนาด้วยความพอใจที่เขา สามารถปลุกเสกวิญญาณของผู้รับใช้ออกมาได้ดั่งใจหมาย  

" ดีมาก ข้าได้เพิ่มพลังอาฆาตให้พวกเจ้าจงคอยรังควาญอย่าให้คนที่นี่ได้อยู่เป็น ปรกติสุข จวบจนพวกมันพินาศย่อยยับแพ้พ่ายไปเมื่อเสร็จงานข้าจะปลดปล่อยเจ้าทุกตัวตนไป สู่ภพภูมิที่สงบ " เขาออกคำสั่งเสียงดังกังวานกลุ่มควันเหล่านั้นผงกศีรษะรับ "ถ้าหากมีพวกหมอผีอ่อนหัดคิดมากำจัดขัดขวางพวกเอ็งจงใช้มนต์ที่ข้าเสริมส่งกำจัดมันให้สิ้น " กลุ่ม ควันของร่างเหล่านั้นผงกศีรษะรับอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายลอยขึ้นไปวนรอบอาคาร และพุ่งผ่านกระจกผนังอาคารตามชั้นต่างๆเข้าไปสิงสถิตข้างใน

กระทั่งท่องบ่นกำกับมนต์จนจบคาบชายผู้นั้นจึงผุดลุกขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่องโลมไล้ร่างกาย ภารกิจของเขาสำเร็จเสร็จเรียบร้อยดั่งประสงค์แล้ว เขาจึงก้มลงเก็บอุปกรณ์ต่างๆใส่กลับลงไปในย่ามจากนั้นจึงหันกายเดินออกมาจาก ด้านหลังของอาคารด้วยรู้สึกได้แน่ชัดว่าวิญญาณร้ายที่ปลดปล่อยไปเหล่านั้น สามารถปฏิบัติตามคำสั่งให้สมปรารถนาและจะสนองความต้องการของผู้ว่าจ้างที่ ยินยอมจ่ายเงินตามราคาว่าจ้างอันสูงลิ่วเพราะเชื่อมั่นในฝีมือของตนเขาก้าว ฉับๆเดินผ่านออกไปจากบริเวณนั้นโดยไม่มีใครพบเห็นเหมือนเมื่อครั้ง เข้ามา

ทันที ร่างนั้นก้าวหายไปในความมืดเมฆหมอกสีดำก็เคลื่อนเข้าบอดบังแสงจันทร์สว่าง เรืองรองให้มัวหมองมืดหม่น เงามืดแผ่เข้าทาบทับอาคารใหญ่ให้ดูน่าหวั่นเกรงกดดันไม่น่าไว้วางใจและยัง แฝงไปด้วยอันตรายและอบอวลด้วยกลิ่นอายของความตายทั่วทุกอณูในพื้นที่นั้น...



 



ตอนที่ ๑.คืนสยองของน้องเจน


"อะไรนะพี่เอื้อจะยุบรายการข่าวอาชญากรรมของเจนหรือคะ?!"

เสียง แหวดๆของนักข่าวสาวร่างเล็กกะทัดรัดใบหน้าสวยหวานมัดผมยาวเป็นหางม้าดังขึ้น อย่างไม่พอใจร่างของเธอผุดลุกจากเก้าอี้เอ่ยถาม บก.ข่าวหนุ่มใหญ่หุ่นท้วมใบหน้ากลมหัวเถิกไว้หนวดเคราเฟริ้มสวมแว่นดำ และเมื่อมองเผินๆลักษณะเหมือนผู้นำกลุ่มก่อการร้ายมากกว่าบก.ฝ่ายข่าวของ สถานีโทรทัศน์ดิจิตอล'ซันไลต์ แชลนอล'ช่องทีวีน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในยุคทีวีเสรีแม้จะถูกโวยวายใส่หน้าแต่  บก.หนุ่มใหญ่ยังคงนั่งวางมาดสงบนิ่ง

"เจน เป็นนักข่าวสายอาชญากรรมนะคะคดีอาชญากรรมมีให้ตามทุกวัน อยู่ๆจะให้ย้ายไปทำรายการไร้สาระไม่มีทางเด็ดขาด อุดมการณ์ของเจนคือชำแหระข่าวอาชญากรรมสะเทือนขวัญเพื่อนำเสนอความจริงเท่า นั้น!"เจนจิรานักข่าวสายอาชญากรรมพูดด้วยน้ำเสียงหวานๆเจือกระด้างขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้าบก.ข่าวผู้เป็นเจ้านายโดยตรงของตน

บก.ข่าว หัวเถิกหนวดดกไม่ได้สนใจท่าทีแข็งกร้าวของลูกน้องสาวแต่อย่างไรยังคงนั่ง ไขว้ห้างเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นวมด้วยท่าทีสุขุมยกแก้วกาแฟมาชงแล้วจิบช้าๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มชวนฟังผิดกับหน้าตาที่ดูดดุดันน่ากลัว

"มัน เป็นมติของบอร์ดบริหารสั่งมาเขาเห็นว่าน้องเจนเป็นผู้หญิง ไปทำข่าวอาชญากรรมมันเสี่ยงอันตรายอีกอย่างนะ...น้องเจนก็ทุ่มเทเกินไป รายงานข่าวแบบเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิดบางทีพี่เอื้อก็ห่วงน้องเจนนะ อย่างคราวตำรวจปะทะกับพวกค้ายาบ้าน้องเจนวิ่งตามรายงานข่าวจนตกลงไปในบ่อ ทิ้งขยะ ดีนะ...ที่ภูมิต้านทานแข็งแรงไม่สำรักน้ำคลำแล้วเกิดอาการสมองบวมอย่างนัก ร้องดังที่ขับรถตกคลองน้ำคลำคนนั้นเอาน่า...ไปทำๆหน้าที่รายการนี้เถอะนะ"

"แต่ว่าเจนไม่ชอบรายการประเภทนี้!"ดวง ตากลมโตฉายแววไม่พอใจและขัดค้าน น้ำเสียงหวานยังคงกระด้างยืนกราน"หัวเด็ดตีนขาดยังไง เจนก็ไม่ไปทำ ให้คนอื่นไปทำเถอะนะ เจนขอทำหน้าที่เดิมถึงเจนจะเป็นผู้หญิงแต่เจนก็ทำงานได้ดีไม่แพ้พวกผู้ชาย อย่ามาใช้ข้ออ้างว่าเจนเป็นผู้หญิงทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีแบบนี้มันกดขี่สิทธิ สตรีชัดๆ"

บก.ข่าว ใบหน้าโหดออกจะโฉดยังคงละเลียดดื่มกาแฟวางมาดราวมาริโอ้ เมาเร่อร์ ในละครแนวมาเฟียหลังข่าวจากนั้นก็วางแก้วลงอย่างนิ่มนวลก่อนจะประสานมือเท้า คางสองชั้นวางข้อศอกไว้บนโต๊ะทำงานกล้ามเนื้อบนใบหน้ากลมขยับให้ดูจริงจัง ดวงตาหยีๆที่ซ่อนไว้ใต้แว่นดำจ้องใบหน้ารูปไข่ที่บึ้งตึง เขายังคงเอ่ยเสียงนิ่มๆเช่นเดิม"ถ้าน้องเจนไม่พอใจละก็....เขียนใบลาออกมาวางบนโต๊ะพี่เอื้อพรุ่งนี้ได้"

".....!....." ประโยคของบก.ข่าวทำเอาหญิงสาวอึ้งไปในทันที

" พี่เอื้อบอกแล้วมันเป็นมติของบอร์ดบริหารไม่ว่าใครหน้าไหนในบริษัทนี้ก็ขัด ไม่ได้ แล้วงานสมัยนี้หายากนะน้องเจนและพี่เอื้อใช้เวลาไม่เกินห้านาทีก็สามารถหาคน ที่มีความสามารถเทียบเท่ามาแทนน้องเจนได้ลองคิดดีๆก่อนนะ...ยังอยากจะมีงานทำหรือว่า...ตกงานไปเดินเป็นเพื่อนกับไอ้พวกหนังกลับที่วิ่งกันเป็นฝูงอยู่หน้าบริษัทหล่ะ"

"......!?!........"ฟังคำอธิบายจากบก.ข่าวหนุ่มใหญ่หนวดเฟริ้มผู้มีหน้าตาและท่าทางละม้ายคล้ายคลึงกับหัวหน้ากลุ่มกองโจรแบ่งแยกดินแดนเข้าไปทุกวันๆแล้ว หญิงสาวต้องอึ้งไปและยอมจำนนต่อข้อเสนอที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้แม้ว่าในส่วนลึก จะรู้สึกไม่พอใจแต่จำเป็นต้องกระทำตามอย่างฝืนใจ(โคตรจะ)สุดๆก็ตาม

"ตกลงตามนี้นะ..."บก.หน้า กลมมาดนิ่มเปลี่ยนอิริยาบถไปเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นวมแล้วไขว้ห้างวางมือ หนาๆทับกันไว้บนตักแล้วจ้องตาหยีๆผ่านแว่นดำมองหน้าหญิงสาวพลางสั่งเสียง นิ่มๆแต่เฉียบขาด"เมื่อเข้าใจแล้วก็เตรียมตัวรับไปหน้าที่ใหม่ งานสบายๆไม่ต้องเสี่ยงสวยๆน่ารักอย่างน้องเจน เก็บชีวิตไว้แต่งงานมีลูกเถอะนะ"

"ฮื่ออ.ออ...อ."หญิงสาวทิ้งร่างลงนั่งบนเก้าอี้กอดอกปั้นหน้าเง้าหน้าง้อทำท่าราวเด็กถูกขัดใจ
.
.
" ฮื่อ...หมดกันอนาคตของช้าน...."

เสียงถอนหายใจหนักๆอย่างทดท้อต่อชะตากรรมตนเองดังมาจากหญิงสาวหน้าตาสดสวยไว้ผมยาวมัดรวบเป็นหางม้าใส่ เสื้อยืดสีขาวขุ่นพอดีหุ่นสวมทับด้วยแจ็คเก๊ตตัวเขื่องสีดำ  กางเกงบูลยีนต์ รัดรูปและรองเท้าผ้าใบคู่โปรด  ทำให้รูปร่างกะทัดรัดนั้นดูทะมัดทะแมง เธออ่านกระดาษที่เป็นข้อมูลการทำสกู๊ปพิเศษในมือแล้วส่ายหน้าอย่างเซ็งสุด ขีดขณะนั่งอยู่ด้านหน้าของรถตู้ข้างคนขับซึ่งกำลังแล่นอยู่บนถนนซุปเปอร์ ไฮเวย์

"อะไร กันนี่ ให้ไปทำข่าวมนุษย์ปาท่องโก๋ชายผู้มีความสามารถพิเศษ กินปาท่องโก๋ ๑๐๐ ตัวใน ๑๐นาทีเฉลี่ยนาทีละ ๑๐ ตัวและเป็นแชมป์กินปาท่องโก๋ของประเทศไทยมา ๘ ปีซ้อน ยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิติได้"หญิงสาวอ่านแล้วขย้ำกระดาษในมือขว้างทิ้งแล้วกระแทกร่างเอนไปกับเบาะพิงหลัง "บ้าแล้วๆๆมันต้องบ้าแน่ๆ"

"เอ...เจ๊ ทำท่าเหมือนไม่พอใจกับงานใหม่นี้นะผมว่ามันสบายกว่าต้องไปเสี่ยงชีวิตทำข่าว อาชญากรรมอีก งานง่ายๆ สบายๆ  ดีกว่าข่าวอาชญากรรมเจอแต่เลือดแล้วก็คนตายเลิกงานไม่เป็นเวลา ต้องอดตาหลับขับตานอน บางครั้งเสี่ยงลูกปืนเข้าไปทำข่าว ผมเองก็กลัวจะเป็นศพเหมือนกัน"

เป็นเสียงจากคนขับรถตู้ซึ่งนั่งอยู่ ข้างๆ เป็นเด็กหนุ่มใบหน้าเสี้ยมๆร่างผอมสูงชะลูดแต่งตัวเป็นเด็กแนวแบบไม่ดู สังขารตัดผมสั้นใส่เจลแล้วหวีตั้งย้อมสีแดงแปร๋น ซึ่งไม่เข้ากับหน้าตาที่ออกทางตรงข้ามฝั่งโขงของสยามประเทศนอกจากรับหน้าที่ สารถีขับรถตู้ของบริษัทอันเป็นพาหนะประจำทีมงานแล้วเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ยัง รับหน้าที่เป็นตากล้องตะลอนถ่ายภาพเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันมาร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำอีกด้วย

"มันไม่ท้าทายความสามารถและความกล้าโว้ย!"หญิง สาวขัดขึ้นมาเสียงดัง "คนอย่างฉันมันขาบู้ แกก็รู้ดีมาทำรายการปัญญาอ่อนอย่างนี้มันไม่ใช่แนวเลยแนวของฉันมันต้องอยู่ ท่ามกลางความตื่นเต้น ลุ้นระทึกใจ เต็มไปด้วยเลือดและความสูญเสีย...!..."

"โอ๊ย!  เจ๊นี่ซาดิตส์นะเนี่ยคิดได้น่ากลัวจริงๆ สงสัยจริงๆใครจะกล้าเอาเจ๊ทำเมีย"

"พูดมากนะ เดี๋ยวเขกกะโหลกร้าวเลย โทษฐานพูดจาจิกกัดคนหน้าตาสวย"หญิงสาวกำมะเหงกทำเอาเจ้าเด็กหนุ่มตัดผมทรงขัดใจแม่รีบเอี้ยวกายหลบ

"อย่านะเจ๊! ผมขับรถอยู่เดี๋ยวได้กลายเป็นข่าวอุบัติเหตุกันหรอก"

"ก็อย่ามากวนประสาทสิวะ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่"

"แล้วอีกไกลมั๊ย กว่าจะถึงบ้านไอ้มนุษย์ปาท่องโก้ ผมชักหิวแล้วเนี่ย"

"น่า จะอยู่แถวๆนี้นะ เพราะตามแผนที่บอกว่าอยู่ใกล้ๆตลาด"หญิงสาวเอ่ยบอกขณะรถตู้วิ่งสู่ย่านชุมชน หลังเดินทางไกลมาจากกรุงเทพฯเพราะบ้านของผู้ที่ต้องมาทำข่าวอยู่ในจังหวัด หนึ่งทางภาคเหนือ

"แวะหาอะไรกินก่อนเถอะ ขับรถออกจากกรุงเทพมาตั้งแต่เช้า ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย"

"เออๆแวะกินก๋วยเตี๋ยวก่อนก็ได้ เจ้านั้นท่าทางจะอร่อย คนกินเยอะเชียว"

ทั้ง สองแวะจอดรถตู้ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวริมทางและสั่งมากินรองท้องหลังจากอิ่ม ท้องก็เริ่มสอบถามถึงภูมิลำเลาของมนุษย์ปาท่องโก๋จากชาวบ้านแถวๆนั้นซึ่งก็ ต้องพบกับความผิดหวังเพราะเส้นทางที่ชาวบ้านบอกให้ไปคือศาลาสวดศพเนื่องจาก บุรุษที่ได้ฉายาว่ามนุษย์ปาท่องโก๋ได้เสียชีวิตลงแล้วเพราะถูกภรรยาเอา ปาท่องโก๋ยัดปากจนติดคอหายใจไม่ทันหลังจากจับได้ว่าแอบไปมีกิ๊กเป็นแม่ค้า ขายปาท่องโก๋ทั้งสองจึงต้องเดินทางกลับมือเปล่า

"งานแรกก็คว้าน้ำเหลวเลยนะ" หญิงสาวบ่นขณะนั่งรถตู้กลับจากนั้นก็โทรศัพท์ไปรายงานบก.หนวดดกของตนว่าไม่ สามารถทำข่าวได้"แล้วจะให้เจนไปทำข่าวอะไรต่อ หรือจะให้กลับไปทำข่าวงานศพมนุษย์ปาท่องโก๋คะ?"หญิงสาวถามแกมประชด

"อื่อ..." บก.ข่าวใช้เวลาคิดอึดใจก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่มๆตามสไตล์ "ขากลับน้องเจนแวะไปทำข่าวผีแม่ม่ายที่หมู่บ้านประดู่ละกันตอนนี้มีข่าวว่า ผีแม่ม่ายกำลังอาละวาดที่นั่นเอาชีวิตผู้ชายในหมู่บ้านไปหลายรายแล้ว แต่ละหลายนอนหลับตายไปเฉยๆซึ่งสาเหตุการตายแพทย์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ แวะไปหาข่าวทำสกู๊ปแล้วส่งกลับมา"

"เอาเข้าไป!"หญิงสาวปิดโทรศัพท์แล้วส่ายหน้าอย่างระอา"ทำข่าวผีแม่ม่ายหนักกว่าทำข่าวมนุษย์ปาท่องโก๋อีก"
"ทำข่าวผีแม่ม่าย!"เจ้าหนุ่มสารถีบวกตากล้องได้ยินถึงกับหูผึ่ง "โฮ้! น่ากลัวนะเจ๊"

"น่า กลัวอะไรวะ?" หญิงสาวแว้ดใส่ทันที "ฉันเห็นข่าวทำนองนี้มีทุกปี ผีแม่ม่ายมาเอาชีวิตผู้ชายในหมู่บ้านแล้วต้องทำหุ่นฟางใส่ชุดผู้หญิงแขวนไว้ หน้าบ้าน เขียนป้ายบอกว่า 'บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย' แล้วพอผีผ่านมาก็เชื่อไม่ทำอะไรผู้ชายบ้านนั้นฉันสงสัยจริงๆผีอะไรจะโง่ขนาดนั้น ถ้าโง่ขนาดนั้นจะไปกลัวทำไมวะ"

"เจ๊ไม่เคยเจอถึงพูดได้ ของอย่างนี้เขาว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่"ตากล้องและสารถีเอ่ยเตือน

"สำหรับฉัน ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ เลี้ยวข้างหน้าเราจะไปหมู่บ้านประดู่ทำข่าวกัน" หญิงสาวสั่งเสียงเฉียบขาด

"หวังว่าคงไม่เจอผีนะ บรื๋อ..."ตากล้องและสารถีทำท่าขนลุกเมื่อเลี้ยวไปตามป้ายบอกทาง

รถตู้ทำข่าววิ่งไปตามถนนซุปเปอร์ไฮ– เวย์และเลี้ยวเข้าแยกตามป้ายบอกทางอีกครั้ง เพื่อไปทำข่าวผีแม่ม่ายณ หมู่บ้านประดู่  ถนนจากแยกนั้นมาค่อนข้างโล่ง  มีรถขับตามมาสอง – สามคัน  และมีมอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ขนาดใหญ่คันหนึ่งวิ่งร่วมเส้นทางมาด้วย   ตากล้องหนุ่มขับรถไปเรื่อยๆ  ความเร็วระดับ ๘๐ กว่าๆ แต่มอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์คันที่ตามหลังมาเร่งเครื่องทำท่าจะแซงเขาจึงขับรถ เบียดไปทางซ้ายเพราะเป็นถนนเลนสวนแคบๆเพื่อให้รถคันนั้นแซงขึ้นไป  ทว่าพอ แซงได้มีรถสวนมาทำให้รถคันนั้นต้องปาดหน้าเข้ามาจนเขาต้องหักหลบเกือบๆเสีย หลักๆ  

"ว้าย!" หญิงสาวซึ่งนั่งหลับเพราะง่วงสะดุ้งตื่นตกใจ "มีอะไรวะ ไอ่อู๊ด!"

"ไอ่ช็อปเปอร์คันหน้ามันแซงแล้วปาดหน้า"เจ้าสารถีพูดพร้อมกัดฟันกรอดๆอย่างเจ็บใจ "ให้แซงดีๆเสือกปาด"

เขา มองท่วงท่าของคนขี่รูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดหนังและหมวกกันน็อคสีดำแล้ว ให้เจ็บใจ"ปาดหน้ากันอย่างนี้เจตนากวนกันชัดๆ  ปล่อยไว้ไม่ได้ต้องปาดคืน" พูดจบเขาตบเกีร์ยเร่งรอบรถแล้วเหยียบจี้ตามไปทันที

คน ขี่รถช็อปเปอร์ดูท่าจะรู้ว่ารถคันหลังกำลังไล่จี้เพื่อปาดหน้าเอาคืนจึงบิด คันเร่งออกตัวหนี   ระหว่างนั้นก็ขับโฉบตัดหน้าไปมาเพราะถนนค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อแต่คนขับตาม กำลังอยู่ในอารมณ์เดือดจึงไม่ทันคิดกลับคิดว่าอีกฝ่ายขับแล้วแกล้งยั่ว ตน  เจ้าตากล้องกัดฟันกรอดที่ถูกหยามอย่างนี้ถ้าชนได้คงชนปลิวไปแล้ว  แต่ก็ สะกดใจคิดว่าเอาแค่สั่งสอนพอ  เขาเร่งรอบอีกครั้งแล้วจี้ติดๆเกือบชนท้าย

หญิงสาวสะลึมสะลืออยู่พอเห็นการขับรถท้านรกเพราะของขึ้นก็รีบร้องเตือน

"ไอ่อู๊ดๆๆไม่เอานะเว้ย อย่าขับอย่างนี้สิวะ เดี๋ยวได้ตายโหงกันทั้งคู่หรอก"

"ไม่ได้หรอกเจ๊...ปาดหน้ากันอย่างนี้ต้องปาดเอาคืน  หนอย...ไอ้พวกกวนเมืองมึงรู้ไหมว่ากำลังเล่นกับใคร"

เจ้าสารถีควบตำแหน่งตากล้องเอ่ยบอกอย่างเข่นเขี้ยวไม่ยอมให้ถูกหยามง่ายๆ

"อู๊ย...ไอ่อู๊ดนี่แกเหยียบ ๑๘๐ เลยเหรอ?"

"เจ๊รู้มั๊ยว่ารถคันนี้ผมแต่งเครื่องมาวิ่งได้ถึง ๒๕๐ เชียวนะ"

"เบาๆไอ่อู๊ดฉันยังไม่อยากมาตายแถวๆนี้ ขอสั่งให้แกเบาลงเดี๋ยวนี้ เบาลงเดี๋ยวนี้ไอ่ตีนผี!"

"ไม่ได้หรอกเจ๊ผมถือคติฆ่าได้หยามไม่ได้  ผมจะสั่งสอนให้มันรู้จักอู๊ดซิ่ง แรง แซง นรก!"

"เดี๋ยวได้ไปนรกแน่ๆ ไอ่สติแตก บอกแล้วไม่ฟังกันเลย" หญิงสาวพูดเสร็จรีบเช็คสายนิรภัย

"อย่าปอดแหกน่าเจ๊เอาละๆผมจะแซงปาดหน้ามันกลับแล้วนะ" เจ้าสารถีท้านรกกัดฟันพูดอย่างมันเขี้ยว

รถ ตู้รุ่นเก่าที่เร่งเครื่องจนสั่นก็แซงกลับได้และปาดหน้ารถมอเตอร์ไซค์ ช็อปเปอร์กลับคืนได้เจ้าสารถีวัยคะนองเร่งเครื่องเต็มที่และเหยียบให้รถ ทะยานไปราวพายุ   คนขี่มอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์มองตามแล้วเบาเครื่องลงขณะขับตามไปห่างๆเจ้าสรถี ควบตำแหน่งตากล้องมองจากกระจกมองหลังก็หัวเราะชอบใจ

"ฮ่าๆๆทีนี้ฮู้บ่ ว่าใผ่เป็นใผ่ จะมาแข่งกับอ๊ดยังเร็วไปสิบปีเว้ย ไอ้เด็กน้อย"

"เฮ้ยๆๆไอ่อู๊ด บะ..เบาลงหน่อย...ไหนๆก็แซงมาแล้ว"หญิงสาวบอกเสียงสั่นๆ

"ไม่ได้ต้องทิ้งให้ขาด เดี๋ยวมันกลับมาปาดหน้าแซงกลับอีก"

"แต่แกขับเร็วๆอย่างนี้ถนนก็ไม่ค่อยดี เดี๋ยวมันจะ....." หญิงสาวพยายามเตือน

"ไว้ใจน่าเจ๊ตั้งแต่อู๊ดขับมา พาเจ๊ขับไปทำข่าวมาตั้งเท่าไหร่แล้ว เร็วแค่เคยมีอุบัติเหตุไหม"

คุยโอ่ไม่ทันขาดคำ............ทันใดนั้น..............เสียงดังคล้ายๆเสียงปืนดังขึ้นกึกก้อง

ปัง !!!

หญิง สาวรู้สึกว่ารถตู้เอียงวูบ  เสียงล้อแม็กซ์คลูดไปกับพื้นถนนดังมาหวีดหวิว แสบแก้วหู  เหตุเพราะล้อหลังข้างซ้ายยางแตก  เศษยางปลิวกระจายไป ทั่ว  มอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ที่ขับตามมาต้องชะลอแล้วเอี้ยวหลบเศษยางและ ประกายไฟไป– มา  เจ้าสารถีควบตำแหน่งตากล้องต้องรีบยึดพวงมาลัยไว้แน่น  สัมผัสแรง สะเทือนขณะรถเหวี่ยงตัวไปมาอย่างน่าหวาดเสียว   รถเกิดยางแตกด้วยความเร็วขนาดนี้นับว่าอันตรายอย่างยิ่งยวด

หญิงสาวจับคอนโซนหน้าไว้มั่นและตะโกนต่อว่าเสียงสั่น

"ไอ่อู๊ดๆๆฉันเตือนแล้วนะ บัลลัยก์ตายหงส์แล้ว รถยางแตกๆๆๆ"

"ใจเย็นๆเจ๊อย่าเพิ่งโวยวาย อู๊ดเอาอยู่ เชื่อมมือเถอะ"

สองมือของเจ้าสารถีท้านรกจับพวงมาลัยมั่นพยายามประคองรถไว้และหาทางผ่อนความเร็วลง

"อย่าตกใจนะเจ๊อย่าโวยวาย คุมสติเอาไว้" เจ้าสารถีตีนผีตะโกนบอกหญิงสาว

"แกนั่นแหล่ะอย่าตกใจ คุมสติตัวเองให้ดีๆ อย่าพาฉันมาตายนะ ฉันยังไม่ได้แต่งงาน"

"ข้างหลังยังมีรถตามมาห่างๆ  ผมแตะเบรกไว้ถี่ๆ แตะแรงไม่ได้ ไม่อย่างงั้นรถจะเสียหลักหมุน"

"เออๆ ไม่ต้องมาบอกฉัน แกต้องบอกตัวเอง"

"ผมรู้หลักการขับรถขณะยางแตกดี ต้องไม่เหยียบคลัตช์...ปล่อยให้รถไหลไป..."

"จะมาบอกฉันทำไมแกมีหน้าที่ขับอยู่นะ ส่วนฉันขอนะ กรี๊ดๆๆๆๆ"

เจ้า หนุ่มสารถีควบตำแหน่งตากล้องเองก็เคยเรียนรู้มาและมีคำเตือนมาว่าหากยางแตก ถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากขึ้นอาจ เสียหลักพลิกคว่ำเพราะเป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ให้ขาดจากเพลาและที่ สำคัญห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด การเบรกกะทันหันจะทำให้รถเสียหลักหมุน เมื่อความเร็วลดลงระดับพอควบคุมได้ก็เปลี่ยนเกียร์ต่ำลง  และสามารถหยุดรถ ให้นิ่งได้แต่รถก็เสียหลักตกไปที่คูข้างทาง

และ เมื่อรถจอดสนิททั้งลูกพี่ลูกน้องก็เอนกายแข่งกันหอบหายใจกันแฮ่กๆหัวใจเต้น แรงจนแทบทะลุออกมาจากอกเพราะเพิ่งรอดพ้นนาทีวิกฤติรอดตายมาได้อย่างเฉียดฉิว หลังตั้งสติได้ทั้งสองก็ลงมาจกรถและสำรวจดูความเสียหาย สภาพรถไม่เป็นอะไรนอกจากยางข้างที่แตกล้อแม็กซ์คลูดพื้นจนบิดเบี้ยวล้อยาง แหลกยับไม่เหลือสภาพ  แต่ขณะทั้งสองกำลังยืนดูอยู่นั้น รถมอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ที่บิดแข่งกันมาก็วิ่งช้าๆมาจอดที่ไหล่ถนน คนขับมองลงมายังทั้งสองที่หันขึ้นไปมองจากข้างทางเช่นกัน

เจ้าหนุ่มคนขับหันขึ้นไปมองก็ชี้หน้าเอ่ยเสียงดัง"มาแล้วหรอ...ไอ้ตัวต้นเหตุ.!"

"อย่าไปโวยวายใส่เขาน่าแกมันหาเรื่องเอง รอดมาได้ก็บุญแล้ว" หญิงสาวเอ่ยห้ามเอาไว้

"ก็เพราะมันมาท้าทายผมหน่ะสิ ถึงได้เกิดเรื่อง ดีนะที่ไม่ตาย" เสียงขึ้งโกรธบ่งบอกว่าไม่ยอมลดละแน่ๆ

"พอๆพอเลยนะ อย่ามามีเรื่องต่างที่ต่างถิ่น มาจัดการเรื่องรถก่อน"

"ผม เองก็ลืมไปว่ายางรถเรามันเป็นยางเก่าหล่อดอก ดันมาแข่งท้านรกกะไอ้นั่น  พอขับเร็วยางมันร้อนถึงได้เกิดระเบิดขึ้นอย่าง นี้ไม่น่าเล้ยกรู..." เจ้าสารถีวิเคราะห์ออกมาทำหน้าเซ็งๆกว่ามันจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว

"ความผิดของแกแท้ๆยังไปโทษชาวบ้านอีก เกือบพาฉันมาตายด้วย" หญิงสาวตำหนิด้วยสีหน้าเคืองๆ

ข้างฝ่ายคนขับมอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ดับเครื่องเอาขาตั้งลง  จากนั้นก็ลงมาจากรถเดินมาหยุดห่างจากทั้งสองในระยะห่างประมาณสอง– สามก้าว ยืนนิ่งมองกันสักอึดใจ คนที่ปาดหน้าก็ถอดหมวกกันน็อคออก ทันทีที่หมวกพ้นศีรษะใบหน้าคมเข้มก็เผยให้หญิงสาวเห็นเต็มๆสองตาทำเอาเธอตา ค้างมองอย่างตกตะลึง

' อิ้อหื้อ...หล่อจัง...อาฮ้า...มาดแมน....'

หญิง สาวเป็นคนที่ไม่ถูกใจชายใดๆง่ายๆเพราะช่างเลือกพอตัวแต่กับผู้ชายคนนี้เพียง แรกเห็นก็ทำลายกำแพงเงื่อนไขต่างๆลงอย่างสิ้นเชิงชายหนุ่มคนนั้นรูปร่างสูง โปร่ง ใบหน้าคมสัน เขาไว้ผมรองทรงสั้นตัดเข้ากับใบหน้าคิ้วหนา ดวงตากลมโตฉายแววสดใส  มั่นใจว่าแม้ในเวลามืดค่ำก็ยังสัมผัสถึงความสว่างไสว ประดุจแสงดาวบนฟากฟ้าได้(เว่อร์ไปหรือเปล่า?) จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหนาหยักสีแดงคล้ำมองแล้วน่าจูบจริงๆ

'อ้างงง~'มองรวมๆจัดว่าหล่อแบบดิบๆเถื่อนๆ จนหญิงสาวอยากจะเข้าไปคล้องแขนแนบใบหน้าไปที่อกกว้างพลางบอกว่า' เนี๋ย..เป๊กอ่ะๆๆ '

หญิง สาวเป็นคนบ้างงานและช่างเลือกผู้ชายทั้งยังตั้งสเป๊กไว้สูง เมื่อเจอชายที่มีรูปกายในอุดมคติชนิดดีหนึ่งประเภทหนึ่งอย่างนี้ จึงอดที่จะหาเหตุทอดสะพานให้ไม่ได้ถ้าเผื่อฟรุ๊คเกิดเขาสนใจเธอขึ้นมา ก็จะมีหนุ่มหล่อล่ำในอุดมคติมาคอยขนาบข้างให้บรรดาชะนี เก้ง กวาง บ่าง สิงโต ไฮโซฯ เซเลบ ทั้งหลายได้อิจฉาตัวของเธอบ้างหลังจากได้แต่ชะเง้อคอมองและอิจฉาคนอื่นๆที่ มีคู่จนขอบตาร้อนผ่าวๆมาตลอดและลืมเรื่องราวระทึกขวัญที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้า อย่างสิ้นเชิง ต่างกับเจ้าสารถีที่ยังดูจะเดือดหนักเข้าไปใหญ่ที่คู่กรณีดันหล่อล่ำเกิน หน้าเกินตาเสียอีก

"เอ่อ..เป็นยังไงบ้างครับ...บาดเจ็บกันหรือเปล่า?"เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามขึ้นอย่างห่วงใย

"ยังมีหน้ามาถามอีก มีตาก็ดูเอาเองสิเว้ย" ความเดือดลดลงเกือบครึ่งแต่ยังไม่วายพูดอย่างใส่อารมณ์

"ง่า...แล้วมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ"เสียงนุ่มทุ้มยังเอ่ยถามอย่างหวังดี

เจ้าสารถีท้านรกโบกมือไล่"อยากจะช่วยหรอ งั้น...ช่วยไปให้ไกลๆดีกว่า อย่ามาอยู่กวนตากวนใจแถวนี้เลย"

"เฮ้ยๆ ไอ่อู๊ดแกทำไมไปไล่เขายังงั้น เขาอุตส่าห์มีน้ำใจจะมาช่วยนะเว้ย"หญิงสาวชักขัดใจที่เจ้าสารถีควบตากล้อง พูดจาตัดรอนถอนไมตรีกับชายหนุ่มพูดจาไม่ดีแล้วยังทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่ อีก

"ช่วยอะไรเจ๊  ต้นเหตุเรื่องนี้ก็มาจากมันนี่แหล่ะ  ตบหัวแล้วจะมาลูบหลังหรอ   ไปๆไปให้ไกลเลย"

"เอ่อ...ถ้า จะโกระเรื่องที่ผมปาดหน้าต้องขอโทษด้วยนะครับ คือผมไม่ได้ตั้งใจ" ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่มทุ้มท่าทางรู้สึกผิดที่ทำให้เกิดเรื่อง ทำเอาหญิงสาวตาลอยหลงเคลิ้มไปกับน้ำคำ

"อย่าโทษตัวเองเลยค่ะไอ่อู๊ดมันก็ผิด ถือว่าต่างคนต่างผิดหายกันนะ" หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน

"อะไรกันเจ๊ผมผิดอะไร ให้มันแซงแล้วมันมาปาด....โอ๊ย!"เจ้าสารถีปากมอมร้องลั่นเพราะถูกหญิงสาวตบท้ายทอยเสียงดังผว๊ะ! ลั่นถนน "ตบผมทำไม !"เสียงโวยวายจากสารถีดังขึ้นแล้วคลำหัวป้อยๆ

"สงบปากสงบคำบ้างเขาก็ขอโทษแล้วแกจะเอาอะไรอีก"หญิงสาวบอกเสียงดุๆ "เงียบไป เดี๋ยวฉันเคลียร์เอง"

Normal  0          false  false  false    EN-US  X-NONE  TH                                                                                                                                                                        &nb

lasazka

ขอบคุณครับ เรื่องใหม่มาแล้ว


Kruyai