ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ร้อยรักวัยสวาท ภาคแรก ตอนที่26-27(ประชันโฉมดารา)

เริ่มโดย suckzeed, กุมภาพันธ์ 28, 2016, 09:28:06 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

 
แจงเพื่อนสาวคนแรกที่ฝากรอยแค้นไว้ในใจ
 

พี่หน่อย สาวใหญ่ผู้มุ่งมั่นในความรัก
 

เกวลิน ลูกครึ่งสาวผู้เย้ายวน
 

หมวยอรจิรา นักศึกษา ผู้อยากเรียนรู้เรื่องรัก
 

กันทิมา รักแรกที่ยากจะหักใจลืม
 
 
 
 
 
ชอบสาวคนไหน ลองโหวตดูครับ

ตอนที่ 26

เย็นวันนั้น หลังจากผมพาเกวลินออกไปหาลูกค้าของผมอีกสองสามคนจนครบตามที่นัดกันเอาไว้ ผมก็พาเธอกลับมา
ที่ออฟฟิส บอกเกวลินเป็นผู้ทำรีพอร์ท ว่าขายสินค้าได้แล้วหนึงเครื่อง แม้ว่ามันจะมีค่าคอมมิชชั่นเพียงเล็กน้อยก็ตาม
แต่ก็เท่ากับเกวลินมีผลงานตั้งแต่ในวันแรกที่ออกปฏิบัติงาน

ผมไม่ได้หวังอะไรตอบแทนจากเกวลินเลยด้วยความสัตย์จริง ถ้าจะหวังก็เพียงให้เธอมีกำลังใจในการทำงานเท่านั้น
เพราะผมเห็นแววแล้วว่า เธอเป็นเด็กสาวที่มีความอดทน และฉลาดในการพูดจาตอบโต้

วันรุ่งขึ้นผมไปที่ออฟิสแต่เช้า แล้วจ่ายงานให้ลูกทีมที่เหลืออยู่เพียง9คน ออกไปทำงานตามเส้นทางที่ผมวางแผนเอาไว้
เหลือเพียงเกวลินคนเดียวที่เธอไม่มีคู่หูให้ออกไป ผมจึงมอบเส้นทางใกล้ๆออฟฟิสให้กับเธอออกไปหาลูกค้า ส่วนตนเอง
นั่งรอพี่หน่อยที่วันนี้เธอมาสายกว่าทุกวัน จนกระทั่ง10โมงกว่าแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นพี่หน่อยเข้าออฟฟิส

ในใจลึกๆก็เป็นกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะทราบว่าพี่หน่อยเธอจะไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ ตามที่เธอบอก แต่เมื่อเห็นว่า
สายแล้วพี่หน่อยยังไม่เข้ามา ผมจึงออกไปจากออฟฟิส จุดมุ่งหมายคือเท็คโนลาดกระบัง ตามที่อาจารย์สุกัญญาบอกมา
ว่าไอ้เอกและเพื่อนๆผมอีกหลายคนเรียนอยู่ที่นั่น

ผมลงมาที่ลานจอดรถ ก็เห็นเกวลินยืนอยู่แถวนั้น เหมือนกำลังรอใคร พอเธอเห็นผมลงมา ก็รีบเดินเข้ามาหาแล้วร้องบอก
ด้วยซุ้มเสียงเหนื่อยๆหอบๆ

"หัวหน้าคะ...ขอเกวติดรถไปด้วยได้มั๊ย...ตึกแถวย่านนี้เกวเดินเข้าไปหามาหมดแล้ว แต่พวกเขาก็มีแอร์กันแล้วนี่คะ...อีก
อย่างอยู่ใกล้ๆบริษัทขายแอร์แบบนี้ เขาคงไม่สนใจเซลล์แบบเกวหรอก..."

ผมพิจารณาแล้ว มันก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่เกวลินบอก..ตึกแถวริมถนนแบบนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีเครื่องปรับอากาศใช้
กันอยู่แล้ว และถ้าเขาต้องการเพิ่มเติม ก็น่าจะมาติดต่อซื้อกับบริษัทที่พวกเราทำงานโดยตรง น่าจะได้ส่วนลดมากกว่าที่
จะติดต่อกับพวกเซลล์ ผมจึงชวนเกวลินติดรถขึ้นมาด้วย

"วันนี้เราจะไปย่านไหนกันคะ..." เกวลินพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ เพราะคิดว่าผมจะไปหาลูกค้าอีก

"ลาดกระบังครับ วันนี้ผมไม่ได้ไปหาลูกค้าหรอก จะไปพบเพื่อนๆน่ะ..." ผมบอกไปตามความจริง

"หัวหน้าจะไปถามเพื่อนของหัวหน้าเรื่องบัตรเข้างานหรือคะ..." เกวลินเดาได้ถูกต้อง ผมจึงพยักหน้าตอบ แล้วผมก็เพิ่ง
สังเกตุเห็นว่า วันนี้เกวลินใส่กระโปรงยาวขึ้น ไม่สั้นแบบเมื่อวันวาน ดูแล้วน่ารักสมวัยดี

ดุเหมือนเกวลินคงมองสายตาของผมอยู่ว่ากำลังจับจ้องมองการแต่งกายของเธอ จึงทำท่ายุกยิก ขยับไปมา พร้อมดึง
ชายกระโปรงลงมาให้คลุมเข่า แต่มันคงยาวลงมากว่านี้อีกไม่ได้แล้ว

"กระโปรงตัวนี้ ยาวสุดแล้วค่ะหัวหน้า...." เกวลินร้องบอกเสียงอายๆ แล้วเอาแฟ้มแคทตาล็อคปิดเรียวขาอ่อนเอาไว้

"อืมมมมม..ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่..."

ผมพูดยิ้มๆ พร้อมกับขับรถไปด้วย แม้ผมจะเพิ่งหัดขับรถก็จริง แต่ถนนหนทางในกรุงเทพ เหมือนผมจะชำนาญเพราะคุ้น
เคยเป็นอย่างดี ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเซลล์ฝึกหัด อีกทั้งยวดยานต์ภาหนะเมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้ว ยังไม่แน่นหนาเต็มท้อง
ถนนเช่นในปัจจุบัน ผมจึงไม่รุ้สึกกดดันแต่อย่างใดแต่จะขับรถจากย่านสะพานเหลือง ไปถึงลาดกระบัง ซึ่งนับว่าไกลกัน
พอสมควร

ตลอดเวลาที่ผมขับรถจากออฟฟิสที่สะพานเหลือง ไปมหาวิทยาลัยเท็คโนโลยี่ลาดกระบัง เกวลินก็ชวนผมพูดคุยถาม
นั่นซักนี่ไปตลอดทาง ผมก็ตอบอืมๆครับๆ ไปตามเรื่อง โดยจริงๆแล้วผมไม่ได้ใส่ใจเลยว่าเธอพูดถามเรื่องอะไร เพราะจิต
ใจผมมัวแต่ไปคิดเรื่อง ว่าผมจะตามไอ้เอกเพื่อนผมได้เจอมั๊ย นักศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่ใช่เล็กน้อย แบบโรงเรียนมัธยม
อีกทั้งตึกเรียนต่างๆมากมาย พื้นที่ก็กว้างใหญ่ ผมมีเพียงจุดเดียวที่รู้ คือไอ้เอกมันชื่อเอกรัตน์ เรียนถาป้ตย์ปี4 เท่านั้นเอง
จริงๆ

เมื่อผมขับรถไปถึงที่มหาวิทยาลัยเท็คโนโลยี่ลาดกระบังจริงๆ คราวนี้เลยงงมากขึ้น เพราะมันมีถึงสองฝั่งถนน ไม่รู้จะขับรถ
ไปจอดที่ฝั่งใดดี รถด้านหลังก็กดแตรไล่ เสียงแปร๊นๆแสบแก้วหู ผมเลยตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปข้างทางรถไฟ หาที่จอด
ใต้ต้นหูกวางขนาดใหญ่ที่ดูร่มรื่นใกล้ๆสถานนีรถไฟพระจอมเกล้า จากนั้นทั้งผมและเกวลินก็ลงมาจากรถ ผมยอมรับเลยว่า
ตอนนั้นรู้สึกเก้ๆกังๆ ตัดใจไม่ถูกเลยว่าจะเริ่มต้นตรงไหนดี

"หัวหน้ารอที่นี่แป๊บนะคะ..."

เกวลินร้องบอก แล้วเดินข้ามถนนตรงไปร้านค้าขายอาหารข้างทางด้านที่ติดมหาวิทยาลัย ผมมองตามเห็นเธอเดินไปถาม
นักศึกษาที่นั่งอยู่ในร้าน เขาก็ชี้มือชี้ไม้มาตามทางรถไฟ สักครู่เกวลินก็เดินยิ้มแฉ่งกลับมาหาผม

"ตึกถาปัตย์อยู่ด้านโน้นค่ะ..ด้านหลังตึกวิศวะที่เรามองเห็นนั่นแหละ..."

เกวลินบอกพร้อมกับชี้มือให้ผมมองเห็นตึกสูงใหญ่หลายชั้นสีขาวที่ขวางสายตาอยู่ แล้วบอกว่านั่นคือตึกวิศวะ  นับว่าผม
พาเธอมาด้วยนั้น เป็นประโยชน์ต่อผมยิ่งนัก ผมคะเนมองตามสายตา กว่าจะเดินไปถึงตึกถาปัตย์ ก็หลายร้อยเมตร ผมจึง
ถามเกวลินไป

"เกวจะไปกับผม หรือว่าจะรอที่รถครับ..." เกวลินนิ่งคิดแค่พริบตาเดียวเธอก็บอก

"ไปกับหัวหน้าดีกว่า..ขืนอยู่ที่รถ โดนพวกนักศึกษาแซวจีบแน่..."

เกวลินพูดพร้อมกับมองเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งที่เธอเพิ่งเดินออกมา ผมมองตามสายตาเธอไป คงจริงอย่างที่
เกวลินบอก เพราะผมเห็นสายตานักศึกษาชายหลายสิบคุ่ ต่างจ้องมองมาที่ร่างเพรียวสูงสมส่วนของเกวลิน โดยเฉพาะใบ
หน้าเธอนั้นมันสวยเหมือนฝรั่งขนาดนี้

"งั้นไปกัน..."

ผมพูดเสร็จก็เดินนำหน้าเกวลิน ข้ามทางรถไฟไป เพราะมองเห็นประตูเล็กๆเป็นทางเข้าออกได้เฉพาะคนเดินหรือแค่
รถมอเตอร์ไซด์ อยู่ริมรั้วไกลๆ มันน่าจะย่นระยะทางได้มากกว่าที่ผมจะเดินออกไปตามถนนเป็นแน่

ผมคงติดนิสัยแล้วที่ชอบเดินเร็วๆ พอเข้าเขตุรั้วตึกคณะวิศวะ ผมก็เดินทิ้งห่างเกวลินไปร่วมสิบเมตร แต่ก็ไม่ได้หยุดรอ
คงปล่อยให้เธอเดินตามหลังผมมาห่างๆ จนกระทั่งเดินไปตามทางริมตึก แล้วเลี้ยวซ้ายที่มุมตึกด้านหนึ่ง ผมก็เห็นนัก
ศึกษาชายหญิงเดินกันขวักไขว่ เพราะมันเป็นด้านหน้าของตึกคณะนั่นเอง

"น้องๆ..รู้จักนายเอกรัตน์ เด็กถาปัตย์มั๊ยครับ..." ผมสอบถามนักศึกษาชายที่แต่งตัวเซอร์ๆ ผมยาวๆรุงรังคนหนึ่งที่เดิน
สวนมา เพราะมั่นใจว่าเด็กนักศึกษาที่แต่งตัวเซอร์ๆแบบนี้ น่าจะเป็นเด็กถาปัตย์แน่นอน

"อ่อ..พี่เอก..รู้จักสิครับ..แต่ไม่ถึงกับสนิทกัน..พี่ไปถามผู้หญิงคนนั้นสิ..เขาอยู่กลุ่มเดียวกับพี่เอก..."

ผมดีใจที่อย่างน้อยผมมาถูกทางแล้ว ไอ้เอกมันคงชื่อดังพอควรจนมีคนรู้จัก โดยเฉพาะกับนักศึกษาหญิงคนที่เพิ่งเดิน
สวนกับนักศึกษาชายคนที่ผมสอบถามนั้น เดินนำอยู่ห่างจากผมไปไม่ถึง20เมตรเท่านั้นเอง

ผมรีบจ้ำเท้าก้าวยาวๆถี่ขึ้น ไม่มีเวลาหันไปมองเกวลินแล้วว่าตอนนี้เธอเดินห่างจากผมแค่ไหน จุดมุ่งหมายสายตาจับ
จ้องไปที่บั้นท้ายสะโพกกลมกลึงอวบใหญ่ของนักศึกษาหญิงคนนั้นไม่ให้คลาดสายตา

"น้องครับๆ..." ผมรีบเรียกรั้งไว้ เมื่อเดินจนทันอยู่ห่างเบื้องหลังเธอแค่เมตรเดียว นักศึกษาสาวผู้นั้นชะงักเท้า ในเวลา
เดียวกับที่ผมเดินเข้าไปหาหยุดยืนอยู่ด้านข้างของเธอ

เธอค่อยหันมามองหน้าผม ในขณะที่ผมได้เห็นใบหน้าของเธอเต็มตา แม้เวลามันจะผ่านไปกว่า4ปี แต่ใบหน้าสวยๆคมๆ
แบบนี้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ ต่อให้อีกยี่สิบสามสิบปี ผมก็ไม่มีวันลืม ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร

แจง..ผมรำพึงอยู่เพียงในใจ ใช่ครับเธอคือยัยแจงเด็กแสบกลุ่มแรด ที่เคยทำให้ผมเจ็บแสบมาแล้วในอดีต ผมมองสำรวจ
ตัวยัยแจงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานๆดุๆแรงๆของเธอยังไม่เปลี่ยนไป มีแค่ทรงผมที่ตัดซอย
สั้นๆพร้อมย้อมเปลี่ยนสีให้เป็นสีน้ำตาลเข้ม คล้ายๆสีเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง ต่ำลงมาเป็นเสื้อนักศึกษาสีขาวที่รัดติ้ว รัดจน
สาปเสื้อรังดุมแทบจะปิดกันได้ไม่สนิท จนแลเห็นรอยผ่าอวดทรวงอกอวบใหญ่เกินวัยของเธอจนแลเห็นขอบบราสีเข้มๆ
และเนินถันที่ล้นออกมาได้แว๊บๆ ส่วนกระโปรงทรงเอที่ฟิตจนรัดโค้งสะโพกอวบผายกลมๆงอนๆได้พอดีตัว ความยาวซึ่ง
ความจริงน่าจะเรียกว่าความสั้นของกระโปรงยัยแจงมากกว่า มันลงปิดหว่างขาเพียงแค่คืบ

ยัยแจงเธอก็มองหน้ามองพร้อมเลิกคิ้ว เหมือนกำลังนึกอยู่ว่าเคยเห็นหน้าผมที่ไหน แน่ละยัยแจงคงยังจำผมไม่ได้ เพราะ
นายสมชายเมื่อก่อนกลับตอนนี้ มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ของผมโดนพี่หน่อยจับแต่งเสียใหม่ จนมอง
ดูหล่อเข้มคมสัน ขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกมากมาย

"น้องรุ้จักเอกรัตน์มั๊ยครับ...เรียนถาปัตย์ปี4น่ะ" เมื่อผมคิดว่ายัยแจงมันยังคงจำผมไม่ได้แน่ ผมก็ไม่อยากไปรื้อฟื้นความ
ทรงจำของเธอ รีบสอบถามถึงไอ้เอกทันที

"คุณ..ๆ..เห้ย!...นี่พี่สมชายนี่...." เมื่อผมเอ่ยปากพูดถาม น้ำเสียงของผมมันคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ยัยแจงมัน
จึงจำได้ แล้วร้องถามขึ้นมาเสียงดัง ในขณะเดียวกันกับที่เกวลินเดินเข้ามาจนทัน

ตอนที่27

เมื่อผมตอบรับว่าอืมม..เบาๆ ยัยแจงก็ตรงรี่เข้ามาจับแขนผมเขย่าด้วยท่าทางดีใจ ก่อนที่จะชงักทำหน้าเสีย เมื่อเห็น
เกวลินยืนอยู่ใกล้ๆตัวผม

"เอ้อ..ขอโทษค่ะ..เป็นเพื่อนเก่ากับพี่สมชาย ไม่ได้เจอกันนาน..เลยลืมตัว แสดงความดีใจเกินไปหน่อย..." ยัยแจงรีบ
พูดอ้อมแอ้ม พร้อมมองเพ่งพิศใบหน้าเกวลินเขม็ง คงเข้าใจว่าเป็นแฟนของผมอย่างแน่นอน ก่อนจะกระซิบถามผมเสียง
เบาๆว่า

"แฟนพี่ชายหรือคะ..." ผมยังไม่ทันร้องตอบปฏิเสธว่าไม่ใช่ เกวลินเป็นเพียงลูกน้อง เกวลินก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

"นั่นพี่แจงใช่มั๊ยคะ...จำเกวได้มั๊ย..." เสียงกรุ๊งกริ๊งจากปากเกวลิน ร้องถามออกไป จนยัยแจงขมวดคิ้วมองมาตรงๆ อย่าง
กำลังนึกอยู่ เพียงสักครู่เดียว เธอก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ

"ยัยแหม่มใช่มั๊ย..ว๊ายยตายแล้ว..สวยจนพี่แจงจำแกไม่ได้เลย..."

จากนั้นยัยแจงก็โผเข้ากอดรัดเกวลินไว้แน่น ด้วยความคิดถึง ผมมองอย่างงุนงง นอกจากไม่เคยเห็นเกวลินที่โรงเรียน
แล้ว ยังประหลาดใจซ้ำสอง ที่คนทั้งสองรุ้จักกันอีก หลังจากปล่อยให้ทั้งคู่แสดงความดีใจ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอยู่
สักพัก ผมก็กลับเข้าเรื่อง ถามหาไอ้เอกจากยัยแจงทันที

"ตามแจงมาค่ะพี่ชาย.."

ยัยแจงร้องบอกแล้วเดินกอดเอวเกี่ยวแขนกับเกวลินเดินนำหน้าผมออกไป สองสาวคุยกันกระจุ๊งกระจิ๊ง เสมือนเพื่อนรัก
ที่จากกันไปนาน แล้วบังเอิญได้มาพบพานกันอีกครั้งโดยไม่คาดหมาย ผมก็ขึ้เกียจจะฟังเรื่องที่สาวๆคุยกัน ได้แต่เดิน
ตามหลังทั้งสองคนมาห่างๆ จนเข้าเขตุตึกคณะถาปัตย์ ยัยแจงก็พาเดินไปที่ซุ้มนั่งเป็นเสากลมๆต้นเดียว แต่ด้านบนเป็น
หลังคาทรงดอกเห็ดกลมๆ ทำจากหญ้าแฝกมุงเอาไว้ สามารถกันแดดกันฝนได้ดีพอสมควร

ภายในซุ้มที่นั่ง ผมมองเห็นนักศึกษาชายหลายคนต่างมองมาที่ผมและเกวลินเป็นจุดเดียว หนึ่งในนั้น ผมจำได้เป็นอย่างดี
ว่าคือไอ้เอก เพื่อนของผม แต่มันคงยังจำผมไม่ได้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า การแต่งตัวเสื้อผ้าหน้าผม ผิดกับแต่ก่อน
ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว

"พี่เอกจำได้มั๊ยคะว่าใคร..." ยัยแจงร้องถามตั้งแต่ยังเดินไปไม่ถึงซุ้มที่นั่ง

"ผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ....จำไม่ได้หรอก..รุ้แต่ว่าผู้หญิงแหม่มนั่นสวยดีฮ่าๆๆๆ..." ไอ้เอกมันคงมองว่ายัยเกวเป็นแหม่ม ฟังภาษา
ไทยไม่ออก จึงร้องตอบห่ามๆออกมา

"พี่เอกนี่ปากเสีย..นี่ไอ้เกวไงคะ...ยัยแหม่มที่เคยมาเดินกับแจงตอนที่พี่เอกเรียนมอปลายไง จำไม่ได้หรอ..."

ยัยแจงพาเกวลินเดินเข้าไปในซุ้มแล้วร้องบอก ผมเห็นยัยเกวยกมือไหว้นักศึกาชายในซุ้มนั้นไปทั่ว ส่วนตัวผมยังคงยืนอยู่
ด้านนอกซุ้ม แล้วสักครู่ไอ้เอกมันก็จำเกวลินได้อีกคน ผมเลยมั่นใจแล้วว่า ยัยเกวลินคงเข้ามาทำความรู้จักกับไอ้เอกและ
กลุ่มยัยแจง ในช่วงที่ผมลาออกจากโรงเรียนกลางคันเป็นแน่ ผมถึงได้ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักยัยเกวลินมาก่อน

"เออๆๆพี่จำได้แล้ว..ยัยแหม่มผมทองคนนั้นเอง แต่ว่าโตขึ้นแล้วสวยมากจนจำไม่ได้นี่หว่าฮ่าๆๆๆ.." ผมปล่อยให้ไอ้เอกแสดง
ความดีใจที่จำเกวลินได้อยู่ชั่วครุ่ จึงร้องถามออกไป

"แล้วมึงจำกูได้มั๊ยวะไอ้เอก..."

เมื่อผมร้องถามออกไป ไอ้เอกก็ละสายตาจากใบหน้าของเกวลินหันกลับมาจ้องมองผม มันขมวดคิ้วนิ่วหน้า เหมือนพยายาม
นึกอยู่ครู่หนึ่งก็แหกปากร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง

"เห้ย!..นั่นมึงหรือนี่..ไอ้ชาย..มึงจริงๆใช่มั๊ย..."

ไอ้เอกร้องถาม เมื่อผมพยักหน้าตอบรับ มันก็เดินลิ่วเข้ามาสวมกอดรัดร่างผมแน่นด้วยความคิดถึง ผมก็กอดตอบมันไปด้วย
ความดีใจและคิดถึงเช่นกัน กว่า4ปีที่ผมไม่เคยเจอพวกเพื่อนๆเลยสักคน พอได้กลับมาพบกันอีกครั้ง มันก็อดดีใจไม่ได้

พวกเพื่อนๆของไอ้เอกในซุ้มเมื่อมองเห็นว่าเพื่อนเก่านานๆได้พบกันสักทีก็เลยค่อยๆทยอยเดินออกจากซุ้ม ทิ้งให้พวกผม
อยู่คุยกันตามลำพัง โดยแยกเป็นสองคุ่ ยัยแจงคุยกับเกวลิน ส่วนผมนั่งคุยกับไอ้เอก

"มีมึงกับแจงเรียนกันที่นี่แค่สองคนเองหรือวะ..." ผมถามด้วยความอยากรู้

"หูยย..หลายคน แต่เรียนคณะอื่นกัน..ต่างก็มีเพื่อนใหม่ๆกัน ก็เลยห่างๆกันไป..เหลือกูกับแจงนี่แหละที่เธอไม่ยอมห่างกู
เลย..." ไอ้เอกเล่าความให้ผมฟัง แต่ท้ายประโยคที่มันบอกว่ามีแต่แจงนี่แหละที่ไม่ยอมห่างมันเลย นั้นฟังดูแปลกๆ

"เชอะ...ใครกันแน่ที่ไม่ยอมอยู่ห่าง..."

เสียงแจงดังแทรกเข้ามาเมื่อเธอได้ยินเสียงไอ้เอกพูดกับผม แม้ไอ้เอกมันพยายามเบาเสียงพูดแล้วก็ตาม สถานการณ์แบบ
นี้ทำให้ผมพอเดาได้ทันทีว่าทั้งสองคนนั้นคงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันเท่านั้นแน่ จึงกระซิบถามมันไปตามตรง

"มึงกับแจงเป็นแฟนกันหรอ.."

ไอ้เอกพยักหน้าตอบแต่แอบทำปากแบะๆเบื่อๆให้ผมเห็น แต่ผมกลับดีใจที่มันได้ยัยแจงเป็นแฟน ซึ่งแบบนั้นแสดงว่ามัน
ไม่ได้จีบน้องกันของผมต่อ หลังจากที่ผมลาออกจากโรงเรียนไปแล้ว

"อ้าว..กูนึกว่าหลังจากกูออกจากโรงเรียนแล้ว..มึงจะจีบน้องกันต่อซะอีก..." ผมถามเบาๆ ด้วยความอยากรู้ความเป็นไป
ของน้องกันบ้าง

"โธ่เอ๊ย....ใครจะกล้าไปจีบวะ..ก็ยัยเด็กนั่นแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าชอบมึง..อุ๊บ...'"

ไอ้เอกพูดเสียงดังยังไม่ทันจบ มันก็รีบชะงักหุบปาก แล้วหันไปมองทางเกวลิน คงคิดว่าเธอเป็นแฟนผมอย่างแน่นอน
ผมจึงรีบบอก

"เห้ยไม่ใช่...นั่นลูกน้องกูต่างหาก..." ผมรีบบอกปฏิเสธ เกวลินก็พูดข้ามมาสมทบยืนว่าว่าเธอเป็นลูกน้องที่ทำงานของผม
จริงๆ ผมเลยเปลี่ยนเรื่องถามถึงเพื่อนๆคนอื่นๆ

"แล้วเพื่อนคนอื่นๆล่ะ.."

ผมซักถามต่อไป ไอ้เอกก็อธิบายไปทีละคนตามที่ผมเอ่ยชื่อถามถึง บางคนก็ได้เรียนต่อ บางคนก็ไม่ได้เรียน แล้วมีหลาย
คนที่สอบเอ็นทรานซ์ไม่ติด ต้องไปลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเช่นเดียวกับผม

ไอ้เอกกลับมาเป็นฝ่ายซักถามผมบ้างว่าหลังจากลาออกไปจากโรงเรียนแล้ว ผมไปทำอะไรมาบ้าง ผมก็เล่าไปตามความ
จริง แต่ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อพี่หน่อยให้มันรับรู้ มันได้ฟังจบก็แสดงความดีใจกับผม ที่เจริญก้าวหน้าในที่ทำงาน จากนั้นเมื่อผม
ยกข้อมือขึ้นดูเวลาเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว

"มึงออกไปกินข้าวนอกมหาลัยได้มั๊ยวะ..."

"โหยย...สบายมาก..." เมื่อได้ยินไอ้เอกตอบมาเช่นนั้น ผมเลยพามันกับแจงเดินข้ามทางรถไฟมาที่รถ ที่จอดทิ้งไว้ข้าง
สถานีรถไฟ

"หูยยยย..เดี๋ยวนี้มึงมีรถด้วยหรือวะ..ไม่เบาเลยเพื่อนกูฮ่าๆๆๆๆ..."

ไอ้เอกมันตรงรี่เข้าไปลูบคลำสีรถผมอย่างยินดี แม้ว่ามันจะเป็นเพียงรถญี่ปุ่นมือสอง คันละแสนกว่าบาทก็ตาม แต่ในขณะนั้น
เพื่อนๆผมยังเรียนกันอยู่ แม้บางคนมีพ่อแม่ที่มีฐานะแต่ก็ยังไม่ซื้อรถยนต์ให้ลูกขับไปมหาวิทยาลัย เหมือนกับในปัจจุบัน
อย่างแน่นอน

"รถสวยดีนะคะพี่ชาย..." ยัยแจงพูดพร้อมลอบมองสบตากับผมด้วยสายตาแปลกๆ คล้ายๆสายตาเมื่อครั้งที่เธออ้อนให้ผม
ไปสอนพิเศษยังไงยังงั้น จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบตามองไปทางอื่น

หลังจากสอบถามไอ้เอกว่าแถวย่านนี้มีร้านอาหารอร่อยๆที่ไหนบ้างแล้ว เมื่อมันบอกมา ผมก็ขับรถพาเพื่อนๆทั้งสองไปทาน
มื้อกลางวันกัน โดยผมเป็นเจ้ามือ เพราะผมถือว่าตัวเองทำงานมีรายได้แล้ว ในขณะที่ไอ้เอกและแจงยังต้องแบมือขอเงิน
จากพ่อแม่กัน

"ห่าเอ๊ย..คุยกันมาตั้งนาน กูลืมถามมึงไปเลยว่า มึงมาหากูที่มหาลัยด้วยเรื่องใดกันวะ..." ไอ้เอกสอบถามขึ้นมาในช่วงจังหวะ
หนึ่งที่เรากำลังทานอาหารกัน

"เออ..กูลืมบอกมึงไปเลย..เมื่อวานก่อนกูไปที่โรงเรียน รู้ว่ามีงานเดือนเพ็ญ เลยมาถามมึงว่ายังเหลือบัตรเข้างานอีกมั๊ย..."
ผมบอกจุดประสงค์การมาหาไอ้เอกไปตามตรง

"ดีเลยว่ะ..มึงไปนะ...แจงเหลือบัตรอีกกีใบน่ะ..."

ไอ้เอกพูดขึ้นด้วยความดีใจ ที่รุ้ว่าผมมาถามหาบัตรเข้างาน จากนั้นก็ร้องถามแจงแฟนของมัน ซึ่งคงเป็นคนคอยช่วยเหลือ
ด้านนี้ให้กับไอ้เอก

"3ใบค่ะพี่เอก..." แจงเปิดกระเป๋าถือของเธอออกมาดู แล้วหยิบบัตรที่ยังคงเหลืออยู่ยื่นมาให้ผม

"อืม..งั้นพี่..ขอสองใบนะแจง..."

เรื่องราวบาดหมางใจกันระหว่างผมกับยัยแจง มันจบสิ้นไปแล้ว และขณะนี้ผมก็รู้แล้วว่าหล่อนเป็นแฟนกับเพื่อนสนิทของผม
ผมจึงลืมเรื่องกินใจนั้นไปเสียหมดสิ้น เหลือเพียงความรุ้สึกว่าแจงเธอเป็นแฟนของเพื่อนผมเท่านั้นเอง

"พี่ชายจะไปกับไอ้เกวมันหรือคะ..." แจงกลับเข้าใจว่าผมต้องการบัตรเพียงสองใบ เพราะจะพาเกวลินไปร่วมงานด้วย

"เอ้อ..ไม่ใช่หรอก..พี่จะพา..เอ้อ...พี่ที่ทำงานไปด้วยนะ..." ผมตอบรัวๆ ไม่อยากให้แจงซักถามขึ้นมาอีกว่าจะพาใครไปด้วย

"เห้ยอาเสี่ยน้อย...ท่านก็เอาไปอีกใบด้วยเลยสิครับ ซื้อให้น้องเกวเขาจะได้ไปด้วยก็ได้..เหลืออีกใบกระผมไม่รุ้จะเอาไปขาย
ให้ใคร... " แต่ไอ้เอกกลับเล่นลิ้น พยายามให้ผมซื้อไปเสียให้หมด ผมก็รุ้สึกเกรงใจเพื่อนเช่นกัน มันอุส่าห์อ้อนวอนเสียขนาด
นั้นแล้ว จึงหันไปถามเกวลิน

"เกวว่าไงล่ะ..."

[post]ผมถามเพราะรุ้ว่าเกวลินมีบัตร จากเพื่อนๆรุ่นเดียวกันกับเธออยู่แล้ว ซึ่งเวลาพอเข้างาน เธอจำต้องไปนั่งร่วมกับเพื่อนๆ
ของเธอ แต่ถ้าเธอต้องการอยากมานั่งร่วมกลุ่มกับผม และเพื่อนๆของผม ผมก็ยินดีที่จะซื้อบัตรเข้างานจากไอ้เอกให้กับเธอ
เช่นกัน

"ตามใจหัวหน้าแล้วกันค่ะ..เกวยังไงก็ได้..."

"งั้นเอาไปเลยท่านสมชาย..ฮ่าๆๆๆ.."

ไอ้เอกได้ทีรีบสรุป แล้วทำหน้ายิ้มๆ ผมมองตาของมันที่จ้องเกวลิน แล้วมีความรุ้สึกว่า ไอ้เพื่อนผมคนนี้ มันกำลังคิดนอกใจยัยแจงอย่างแน่นอน[/post]








johnywalker


aeadza

เขาเป็นอย่างงี้กันหมดเหลือแต่ท่านสมชายนั่นแหละครับจิตใจมั่นคงดีมาก

PEE WAII

พ่อหนุ่มรูปงาม กะสาวๆข้างกาย ตอนนี้กำลังไปได้สวยเลย ชักลุ้นแล้วว่าจะเป็นยังงายต่อ

suteeboonmark

สมชายยิ้มมีข่าวดีน้องแจง  ตอนนี้ก็โตเป็นหนุ่มๆกันหมดแล้ว...สมชายก็ทำให้ครูและเพื่อนดีใจที่มีหน้าที่การงานดีด้วย...