ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

มนต์หมอผี ตอนที่ ๙ ( Origins.)

เริ่มโดย นีโอ, มีนาคม 06, 2016, 09:53:08 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

a yunma และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ

คุยก่อนอ่าน

จากตอนที่แล้วบ่นไป ก็มีหลายท่านเข้าใจ และช่วยกันตอบให้กำลังใจกันล้นหลาม จนผมมีกำลังใจจะลงตอนใหม่ให้ท่านๆอ่าน
แต่ก็ยังมีคนมาตอบ ขอบคุณครับ ให้โดนแบนซะอีก นี่แหล่ะหนา สันดอนขุดได้ สันดานขุดยาก เกรียนมา แบนไป
รับรองว่าไม่โกงครับ
ก็จะลงไปเรื่อยๆสำหรับ มนตร์หมอผี และในตอนหน้าจะเปลี่ยนชื่อเป็น ศึกหมอผี แล้ว
ส่วนเหตุผลจะอธิบายในตอนหน้าละกัน สำหรับในตอนนี้ตอบคอมเม้นท์กันให้ชื่นใจหน่อย ตอบเยอะก็มาไว ตอบน้อย ตอบช้า
ก็รอไปเรื่อยๆ ผมพวกบ้ายอครับ คนยอเยอะ อ่านเยอะ ตอบเยอะ ก็รีบเอามาลง ถ้าตอบน้อยกระปริดกระปอย
ผมก็จะมาลงช้าๆกระปริดกระปอยเช่นกันรับรองว่า.... ไม่โกงครับ! ^^


ด้วยไมตรีจิต นีโอ


โพสเมื่อ  27 May 2011, 18:06

(ส่วนนี้คือ วัน เวลา ปีที่โพสครั้งแรกครับ)




มนต์หมอผี   ตอนที่   ๙


เหยียบถิ่นพยัคฆ์



กองไฟถูกก่อขึ้นเรียงรายหน้าเพิงที่พักชั่วคราวในยามรัตติกาลกลางท้องทุ่งราบแห่งแดนสมิง  


ค่ำคืนนี้ช่างสงบนัก เสียงจักจั่นและสายลมยามดึกเบาหวิวคอยขับกล่อมสรรพสิ่งส่วนใหญ่ในแผ่นพื้นโลกาแห่งนี้ให้หลับใหล กิ่งไม้ใบไม้เอนไหวไปตามลมอ่อนๆ ราวกับกำลังเริงระบำ นกน้อยเบียดเสียดกันอยู่ในรังอย่างมีความสุข กระรอกนอนหลับอยู่ในโพรงอย่างสบายใจ ค้างคาวทั้งฝูงหากินผลไม้และแมลง นกฮูกนกเค้าแมวล่าหนูและกระต่าย สิ่งมีชีวิตยามกลางวันพักผ่อน ขณะที่สิ่งมีชีวิตยามกลางคืนดำเนินชีวิตอย่างเงียบเชียบ เป็นการสลับบทบาทอย่างสมดุลของธรรมชาติทั้งสองภพทับซ้อนที่คล้ายกัน

หน้ากองไฟด้านข้างกระโจม หมอผีหนุ่มนั่งอยู่เคียงข้างกับผู้นำกองทัพกอบกู้อำนาจของเจ้าพยัคฆ์ราช  ปลาปิ้งถูกย่างจนสุกส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย  ผู้นำกองทัพชมผาหยิบปลาย่างสุกตัวหนึ่งส่งให้กับหมอผีหนุ่ม  เขายื่นมือมารับและฉีกกินอย่างหิวโหย  เนื่องจากบุกป่าฝ่าดงมาไกลเผชิญอันตรายมากมายนับตั้งแต่งเหยียบย่างเข้าสู่ดินแดนอาถรรพ์แห่งนี้  ยังไม่มีอาหารอันใดตกถึงท้องของเขาเลย

หลังจากกินจนอิ่มท้องเขารับน้ำดื่มจากผู้นำกองทัพมาดื่ม ดูชายคนนี้จะมีไมตรีต่อเขาที่สุด

"ขอบคุณในน้ำใจของท่านมาก....ท่านชมผา...."

 "ชมผาเฉยๆก็พอ อย่ามีท่านเลย  ยามนี้ข้าไร้วาสนาและยศศักดิ์ใดๆ ซ้ำยัง เป็นอาญาของแผ่นดินนี้..."

หมอผีหนุ่มยกน้ำขึ้นดื่มกลัวคอแล้วมองไปยังป่าไม้ แม่น้ำ ภูเขารอบๆ เขาเอ่ยขึ้นว่า "ช่างเงียบสงบเหลือเกิน เงียบสงบเสียจนข้าไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้"

"ภพสมิงของเราเงียบสงบอย่างนี้มาสักระยะแล้ว ก่อนที่มหาสงครามจะเริ่มต้นมันจะเงียบอย่างนี้เสมอ สงครามใหญ่ก็เหมือนสัตว์ร้าย มันหมอบนิ่งเงียบในช่วงแรก รอจังหวะ รอเวลา ก่อนจะกระโจนออกมาแผดเสียงคำรามกึกก้องจนฟ้าแทบจะแยกเป็นเสี่ยงๆ และพ่นไฟเผาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี..."
ผู้นำกองกำลังกบฏภพสมิงเอ่ยบอก

ฟังแล้วหมอผีหนุ่มรู้สึกเห็นใจโชคชะตาของชนเผ่าสมิง จึงเอ่ยถามขึ้นว่า "ท่านมีแผนการอันใดฤา  พอกล่าวแจ้งแก่ข้าได้ไหม?"

สินธุคนตัวอ้วนใหญ่ที่นั่งถัดไปมองอย่างไม่พอใจ  พลางบอกเขา "เจ้าชาวมนุษย์  หมู่เราจะวางใจสูได้เพียงใด  สูอาจเป็นเสือหมอบแมวเซาของฝ่ายราชินีก็เป็นได้  เราหาแจ้งความอันกระจ่างแก่สูได้อย่างเบาใจ  หากเจตนาสูหมายมาช่วยเจ้าเหนือหัวของเราจริงแท้แล้วไซร้  จงรุดติดตามร่วมทางเป็นกำลังแก่เราสืบไปก็พอ  แต่หากคราใดสูเผยพิรุธให้เราประจักษ์ในธาตุแท้  เมื่อนั้นคือการสิ้นลมหายใจของสูเป็นมั่นคง..."

"สินธุเอ๋ย...สูอย่ากล่าววาจาเยี่ยงนั้น  มันเหมือนหมิ่นน้ำใจกันเกินไป  สหายชาวมนุษย์ผู้นี้อุตส่าห์รอนแรมดั้นด้นข้ามภพมาเพื่อช่วยเจ้าหญิง  คงจะมีความห่วงใยเป็นแน่แท้  ไฉนสูจึงเอ่ยวจีที่บาดใจทำลายมิตรเยี่ยงนั้น  เท่าที่ข้าพิศดูรูปกายและรัศมีจิตก็ประจักษ์แท้ว่าบุรุษผู้นี้หามีภัยแก่เราไม่..." ผู้นำกองกู้แผ่นดินปรามสหาย

"ขอบน้ำใจที่ท่านชมผาที่วางใจข้า  หากข้าร่วมทางไปด้วยข้าขอสาบานว่าจะอุทิศตนเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ท่านอย่างแน่นอน"

"ข้าก็หวังเช่นนั้น  คืนนี้สูจงพักผ่อนก่อนเถิด แล้วพรุ่งนี้เราจะมีการณ์ใหญ่กระทำกัน  และสูอาจเป็นกำลังสำคัญให้แก่เรา"

"การณ์ใหญ่?.."

ผู้นำกองกำลังกู้แผ่นดินพยักหน้า "ใช่แล้ว....แต่คงจะแถลงแจ้งแก่สู ณ.เวลานี้ไม่ได้  จงไปพักผ่อนเถิด..."

"งั้นข้าขอตัวนะ...." หมอผีหนุ่มลุกขึ้นเดินแยกไปหาที่เหมาะๆเอนกาย

คล้อยหลังบุรุษร่างอ้วนถามไถ่ผู้นำ "สูวางใจถึงขนาดให้มันร่วมแผนการที่เราเตรียมมานานแรมปีเชียวฤา?"

"สูไม่มีสัมผัสอิทธิฤทธิ์เยี่ยงข้า จึงดูเบาเจ้ามนุษย์ผู้นั้น  พลังเวทย์ของมันมหาศาลและบริสุทธิ์  คอยดูในวันรุ่งเมื่อเราลงมือเจ้าจะประจักษ์แก่สายตา..."

บุรุษร่างอ้วนเม้มปาก "ขอให้สูอย่าคาดหมายผิดเลย....."

หลังจากพูดคุยถามไถ่ความเป็นมากันได้พักใหญ่ ชมผาก็ให้ทหารพาหนุ่มจอมคาถาไปพักผ่อนยังกระโจมที่จัดไว้ให้ แต่เขาขอออกมาผูกเปลนอนที่ต้นไม้คู่ข้างๆกระโจม

ราตรีแรกแห่งแดนสมิงเคลื่อนคล้อยผ่านไปช้าๆ  คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด  หมอผีหนุ่มเอนกายนอนแต่ข่มตาหลับไม่ลง  เขายังครุ่นคิดถึงนางสมิงน้อยที่ร่วมผจญอันตรายมาด้วยกันบนโลก  ความน่ารัก ไร้เดียงสา  และรสสวาทที่แสนซาบซ่านผิดจากที่เคยสัมผัสมา หลับตา ปล่อยให้ลมอ่อนๆ ลูบไล้ทั่วเรือนร่าง มันไม่เลวนักหรอกที่จะดื่มด่ำกับความอ่อนโยนของธรรมชาติยามค่ำคืน มันช่วยให้สมองโล่ง ลืมเรื่องหนักอกหนักใจไปสักพักและหายใจให้ทั่วปอด เขามักทำเช่นนี้ก่อนนอนเพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้คลายตัว มันช่วยให้สามารถหลับได้ง่ายขึ้นท่ามกลางสภาวะกดดัน เขาหลับตาลงทำใจให้สงบจนกระทั่งเขาเคลิ้มหลับไป

ท่ามกลางความมืดมิดเบื้องบนเหนือที่พักของกองกำลังกบฏแดนสมิง เงาดำมากมายคล้ายค้างคาวแต่พวกมันมีขนาดร่างกายใหญ่โตเท่ามนุษย์ ปีกของกางออกกว้างราวๆข้างละ ๒ เมตร พวกมันกำลังบินวนอยู่เหนือท้องฟ้าในค่ำคืนที่มืดสนิทโดยที่ไม่มีคนเบื้องล่างระแคะระคาย ผิวหนังสีเขียวอมเทาของพวกมันแห้งติดกระดูก ท่าทางหิวโหย ดวงตาแดงก่ำ

" คร่อกกก " เสียงกรนดังขึ้นจากทหารยามที่นั่งหลับอยู่บนหอคอยไม้สังเกตการณ์

ทหารยามเบื้องล่างถึงสิบนายนั่งเฝ้าประจำกระถางคบเพลิงที่จุดไว้รายรอบกระโจมที่พัก กลุ่มลาดตระเวนเดินตรวจตราอย่างระแวดระวังและแกล้งเอาก้อนหินขว้างทหารยามที่หลับ พอสะดุ้งตื่นเห็นพรรคพวกเป็นคนทำก็ยิ้มแหะๆเกาหัวและทำท่าเฝ้ายามอย่างแข็งขัน

" รุกฆาต ฮ่า ฮ่า ฮ่า " พวกทหารตามจุดกระถางไฟกำลังนั่งโขกหมากรุกกันฆ่าเวลา

'พรึ่บ...พรึ่บ...พรึ่บ.....' เสียงปีกขนาดใหญ่กำลังกระพือต้านแรงลมดังแทรกขึ้นมา

เสียงหัวเราะค่อยๆเบาลง พวกทหารหยุดกิจกรรมผ่อนคลาย ขมวดคิ้วนิ่วหน้าและตั้งใจฟังเสียงนั่น!...

 

'พรึ่บ...พรึ่บ...พรึ่บ.....'  
 

บรรดาทหารพากันหน้าเสียขยับลุกขึ้นเตรียมพร้อมกำอาวุธแน่น

"สะ..เสียงตัวอะไร กำลังบิน อยู่ข้างบน"

ทหารคนหนึ่งเอ่ยถามขณะเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบนท้องฟ้าที่มีแต่ความมืด

เสียง 'พรึ่บ...พรึ่บ...พรึ่บ' ดังใกล้ลงมาเรื่อยๆและดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

"พะ พวกมันมีหลายตัวด้วย" ทหารอีกคนพยายามจำแนกแยกเสียง

"งะ..คงจะไม่ใช่พวกมันนะ...พวกมันมาถึงที่นี่ได้อย่างไง" บรรดาทหารที่ยืนจับกลุ่มหันเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างหวาดหวั่น เงาขนาดใหญ่ๆเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนน่าหวั่นใจ

นายทหารตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นะรัว"ใช่พวกมันจริงๆด้วย พวกมันมาแล้ว!!"

"สูจงเร่งส่งสัญญาณเตือนภัยเร็ว!! ให้พวกเราเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทันที  บัดนี้ข้าศึกบุกแล้ว!!!"


"ส่วนเจ้าไปรายงานท่านนายกองชมผา ให้ท่านรีบออกมาบัญชาการต่อสู้ เร็วๆๆๆ"

ทหารหนึ่งนายรีบวิ่งไปที่กระโจมของนายกองชมผา  อีกนายเป่าแตรเขาสัตว์ส่งสัญญาณเสียงดังก้อง

" หวูดๆๆๆๆ!!..."
เสียงแตรดังกังวานไปทั่วทั้งค่ายที่พักของกองทัพกบฏ  หนุ่มจอมคาถาสะดุ้งตื่นขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงแตรกังวานมาจากจุดที่พบเห็นกลุ่มสิ่งบินลึกลับ " เสียงแตรเตือนภัย ! " เขาร้องเตือนตัวเองแล้วรีบรุดลงจากเปลนอนในทันที  ในมือคว้าติดตัวมาเพียงดาบฟ้าลั่น อาวุธคู่กายที่ตกทอดมาหลายสิบชั่วคน

พลันก็มีเสียงร้องตะโกนมาพร้อมเสียงกรีดร้องบาดแก้วหูจากบนท้องฟ้าที่มืดมิดนั่น

'..กรี๊ซ...ซซซซซซซซซซ.....กรี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซ....'

ความโกลาหลเกิดขึ้นทันทีในรัศมีค่ายที่พัก  เสียงร้องเตือน เสียงบอกกล่าวให้เฝ้าระวังฟังไม่ได้สรรพ  เหล่านักรบกู้แผ่นดินต่างหยิบฉวยอาวุธคู่มืออย่างฉุกละหุก ต่างสวมเกราะเตรียมตัวเพื่อออกสู้ศึกอย่างทุลักทุเล  และต่างมายืนจับกลุ่มมองหาที่มาของเสียงกรีดร้องอันสยดสยองบาดหูนั่น  หมอผีหนุ่มเองก็เตรียมพร้อม และมั่นใจว่าสิ่งที่จะต้องเผชิญต้องอันตรายต่อชีวิตเหลือคณา ขณะชมผาและสินธุร่างอ้วนก็หยิบอาวุธคู่มือวิ่งออกมาจากกระโจมและรับฟังรายงานจากทหารเวรยามที่ตื่นตระหนก เมื่อจับใจความได้เขาก็รีบบัญชาการทันที

"พวกเราระวังตัว...พวกกองสอดแนมกำลังมา..ดับไฟบัดเดี๋ยวนี้..."

สิ้นคำสั่งเฉียบขาดไฟทุกกองที่ให้แสงว่างรอบๆค่ายถูกดับลงทันที และความมืดก็เข้าปกคลุมพื้นที่นั้น

หมอผีหนุ่มยืนมองเหตุการณ์รอบๆตัว  แต่ถูกชมผาวิ่งเข้ามากดตัวให้หมอบลง

" จงนอนราบลงกับพื้น ทำตัวให้เงียบที่สุด หากไม่ขยับได้ยิ่งดี..."

"เกิดเหตุอันใดขึ้น?"

"พวกค้างคาวสอดแนม..."

"มันคืออะไร?"


ผู้นำกองกำลังกู้ชาติ มองไปบนฟ้าท่ามกลางความมืด  " เวตาล...หน่วยสายสืบตระเวนราตรีขององค์ราชินี  มันมีหน้าที่ตรวจตราผู้เป็นกบฏที่เคลื่อนไหวในยามค่ำคืน   เวลาสามัญจะไม่เผยตัวออกมาง่ายๆ  แสดงว่าข่าวเมื่อก่อนค่ำที่กองกำลังของหมู่เราเคลื่อนไหวไปถึงพระกรรฐ์ของพระนางแล้ว ข้าภาวนาขอให้เป็นแค่ฝูงลูกน้องของมันเถอะ  อย่าได้เป็นเจ้าเวตาลมาเองเลย...หากเป็นเช่นนั้น นับเป็นวิบัติกาลของกองกำลังเราเป็นมั่นคง"

"เท่าที่ข้ารู้มา  เจ้าเวตาลนี่ร้ายกาจนัก  พวกท่านจะต้านพลานุภาพมันไหวฤา...." หมอผีหนุ่มเอ่ยถามอย่างกังวน

สินธุบุรุษร่างอ้วนควงขวานในมืออย่างเข่นเขี้ยว ท่าทางของเขาดูจะไม่คร้ามเกรงสัดนิด ซ้ำยังท้าทาย

"ให้มันมา  ข้าจะจามกบาลของมันให้แบะปานเฉาะมะพร้าวเชียว.."

"อย่าอวดฤทธิ์  คราวก่อนสูเองก็เกือบไม่มีชีวิตรอดคราวหนึ่งแล้วเพราะปากเจรจาเกินฝีมือ.."

ชมผาผู้นำกองกำลังกู้ชาติปราม ทำเอาชายร่างอ้วนเงียบไปและไม่ต่อคำใดๆ

"แล้วเราจะทำเยี่ยงใดในยามนี้.." หมอผีหนุ่มถาม

ชมผาผู้นำเอ่ยตอบ "เร้นกายอย่าให้มันได้พบเห็น  แล้วหมู่เราจะรอดปลอดภัย..."

พลันเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นทางด้านหนึ่ง "มันเจอพวกเราแล้ว....อ้าก.ก.ก.ก.ก.ก.ก.ก..ก์....."

ร่างหนึ่งถูกสิ่งมีชีวิตบินได้ลึกลับจับตัวให้ลอยขึ้นไปและหายไปในความมืดของท้องฟ้ายามราตรี   ทุกคนในที่นั้นตื่นตระหนกขวัญเสียมองหาสิ่งที่มาโจมตีซึ่งได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องที่บาดลึกเข้าไปในหัวใจจนสั่นผวาหวาดกลัว  ร่างเคราะห์ร้ายตกลงมานอนนิ่งตาเหลือก  เลือดไหลโชกกายจากบาดแผลเหวอะหวะ   พวกที่ได้เห็นต่างลนลานมองรอบกายอย่างหวาดระแวง  เสียงร้องยังดังก้องจับทิศทางไม่ได้....

"หมู่เรามารวมกลุ่มระวังหลังให้แก่กัน.." ชมผาผู้นำสั่ง

"ฮึ่ม.ม.ม.ม์..ข้าไม่คาดมาก่อนว่าหมู่มันจะสามารถย้ายพวกเวตาลมาได้รวดเร็วเพียงนี้...." บุรุษร่างอ้วนบอก

ชมผาหันไปตามเสียงร้องของผู้ใต้บัญชาที่ถูกสิ่งลึกลับจับลอยหายไปอีกหลายคนพร้อมเสียงกรีดร้องคำราม  "มันร้ายกาจแท้  ในความมืดเยี่ยงนี้เราคงหมดทางต้านมันแน่.."

"ยังไม่หมดทางดอกสหาย...." หมอผีหนุ่มบอก

ชมผามองหน้าเขา " สูมีหนทางฤา..??"

"ข้าจะลองเสี่ยงดู..." ว่าแล้วหมอผีหนุ่มก็ชักดาบฟ้าลั่นออกจากฝัก

บุรุษร่างอ้วนมองเขางงๆ "สูจะทำอันใด?"

"ข้าจะเรียกสายฟ้าจัดการมันเอง.." หมอผีหนุ่มร่ายคาถาแล้วชูดาบขึ้น....

เขาต้องตกตะลึงเมื่อทุกสิ่งเงียบกริบ  เขามองดาบของตนงงๆ "เกิดอะไรขึ้น?"

"เจ้าคาดผิดแล้วสหาย ดินแดนแห่งนี้ไม่มีคาถาใดๆสามารถควบคุมธรรมชาติได้..." ชมผาเฉลยเหตุแก่หมอผีหนุ่ม

หมอผีหนุ่มมองดาบตนเอง แล้วถอนหายใจ "ข้าคาดผิดไป  มิได้ศึกษาแดนดินถิ่นนี้ให้ถ่องแท้ก่อนเดินทางมา  ดาบฟ้าลั่นอันเลื่องลือไปทั้งร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำของข้าเป็นได้แค่เศษเหล็กเสียแล้วหรือนี่..."

"จะทำการใดต่อดีเล่า ชมผา   หมู่เรากำลังถูกหมู่มันรุมสังหารแล้ว.." บุรุษร่างอ้วนเอ่ยถาม

เหล่านักรบกู้แผ่นดินที่กำลังอลหม่านวิ่งหลบวิ่งหนีกันวุ่นวาย  หลายคนถูกสิ่งลึกลับจากเบื้องบนพุ่งลงมาฉกตัวไปคนแล้วคนเล่า  และมีร่างไร้ลมหายใจที่แหลกเละร่วงหล่นลงมานอนระเกะระกะไม่ขาดระยะ  ชมผาและทุกคนเองก็มีสภาพไม่ต่างกันต้องคอยหลบหลีกมฤตยูมืดชุลมุน  จนกระทั่งคนใกล้ตัวอีกคนถูกฉกลอยหายไปต่อหน้าต่อตา

บุรุษร่างอ้วนสินธุกัดกรามกรอด "จะทำเยี่ยงไรจงเร่งคิดเถิดชมผา  หากปล่อยเป็นเยี่ยงนี้หมู่เราคงบรรลัยสิ้นแน่.."

"พวกมันเหมือนจะระดมกำลังมาเป็นกองทัพใหญ่ ยิ่งในคืนเดือนมืดเยี่ยงนี้ เป็นเวลาที่หมู่มันมีพลังมหาศาล  และสามารถโจมตีหมู่เราได้อย่างสะดวกดาย  นอกจากจะมี...."

หมอผีหนุ่มรีบถามย้ำเมื่อชมผาพูดจบ "...ท่านจงแจ้งแก่ข้า   ว่ามีหนทางอันใดจึงจะสยบมันได้...."

"แสงสว่าง...แต่เราจะหาแสงสว่างอันใดในคืนเดือนมืดเยี่ยงนี้...." ชมผาตอบอย่างสิ้นหวัง

หมอผีหนุ่มหลบหลีกเงาวูบวาบแล้วกัดฟัน "ยังมีหนทางอยู่...."

"เจ้ามีหนทางอันใดฤา..." บุรุษร่างอ้วนนามสินธุถาม

หมอผีหนุ่มปลีกตัววิ่งออกไปตรงที่โล่งกว้าง ชมผาตะโกนไล่หลังไป " สหายอย่าล่วงล้ำออกไป  กลางที่โล่งแจ้งสูจะเป็นเหยื่อของมันได้ง่ายดาย...."

"จงบอกคนของเจ้าช่วยคุ้มครองข้าด้วย.." หมอผีหนุ่มตอบกลับมา

"นั่นเจ้าจะทำการอันใด?"

หมอผีหนุ่มไม่ตอบ  เขาไปหยุดตรงกลางที่โล่ง  พลางล้วงเป้หยิบสิ่งหนึ่งออกมา  เขาหลับตาเอาสองมือกางออกห่างๆตรงบริเวณอก  ปรากฏลูกไฟเล็กๆแสงจางๆ  และเริ่มส่องแสงสว่างเพิ่มขึ้น   รอบๆกายเกิดลมหมุนวนพร้อมแสงสีเหลืองนวลๆสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ  และลูกไฟก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  แต่พลันร่างของเขาก็ถูกบางสิ่งกระแทกกระเด็นไป  แต่ลูกไฟยังลอยอยู่  เขาไม่สนใจความเจ็บปวดรีบยันกายเข้ามาร่ายมนต์ต่อ  เหล่านักรบกู้แผ่นดินเริ่มเข้าใจ

"มันจะสร้างลูกไฟสุริยะ..." บุรุษร่างอ้วนสินธุตะโกนอย่างตื่นเต้นระคนพิศวง

ชมผาเองก็ตื่นตะลึงไปด้วย "นี่เวทย์มนต์มันสูงส่งปานนั้นเชียวฤา...."

"แต่มันคงกระทำมิประสพผลเป็นแน่แท้...."

ชมผาบอกสหายทันที "ใช่...มิประสพผลเป็นแน่ หากหมู่เรามัวดูดาย อย่าช้าเลยสหาย  เราเร่งรีบไปคุ้มกันกายสหายผู้นั้นกันก่อนเถิด  ไปกันเร็วเถิดสหายทั้งหลาย"

เอ่ยจบทั้งหมดก็รีบวิ่งไปยังจุดที่หมอผีหนุ่มยืนอยู่  ขณะนั้นเขาถูกเงาดำกระแทกจนร่างปลิวไปอีกครั้ง  ปรากฏรอยช้ำที่ลำตัวและเลือดจากความบอบช้ำภายในไหลซึมมาที่มุมปาก  หมอผีหนุ่มเช็ดเลือดพลางยันกายหยัดยืน  แต่ก็ถูกเงาดำพุ่งชนจนหงายท้องลงไปอีกครั้ง  ยังไม่ทันลุกยืนเงาดำก็พุ่งเข้ามาหาเขาอีก  ยามนี้เขาป้องกันตัวไม่ได้และยกมือบังกายกันเงาดำวูบนั้นที่กำลังพุ่งใกล้เข้ามาอย่างประสงค์ร้าย....

แต่ยังไม่ทันที่เงาดำวูบจะเข้ามาแตะต้องสัมผัสทำร้ายกายของเขา  สินธุบุรุษร่างอ้วนผู้ใช้พลองเป็นอาวุธก็ถลันเข้ามาใช้พลองหวดเจ้าเงาดำกระเด็นหายไป  และชมผาผู้นำก็วิ่งตามเข้ามาพร้อมพรรคพวกอีกร่วมๆสิบกว่าคน  ทั้งหมดรีบกระจายกำลังเข้าล้อมร่างของหมอผีหนุ่มไว้เป็นวงกลมหันหน้าออกไปจ้องมองหาสิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งพร้อมเข้ามาทำร้ายได้ทุกเมื่อเพื่อช่วยกันปกป้องตัวเขา

หมอผีหนุ่มมองทุกคนทึ่งๆ "เอ่อ.อ.อ..นี่พวกเจ้า...."

"เร็วเข้าสหาย  จงเร่งพลังลูกไฟสุริยะโดยพลัน  สิ่งนั้นจะรักษาชีวิตของหมู่เราได้..." สินธุร่างอ้วนกล่าว

ชมผาเองก็เสริม "ความหวังทั้งมวลในห้วงนี้ขึ้นอยู่กับสู  จงเร่งดำเนินการโดยไว อย่าได้กังวลในเภทภัยเบื้องหน้า หมู่เราจะปกปักสูเอง..."

"ถ้าเช่นนั้น ก็ฝากด้วยนะ..." เอ่ยจบหมอผีหนุ่มก็เร่งมาที่ลูกไฟซึ่งกำลังวูบๆจะดับเพราะขาดการร่ายมนต์ต่อเนื่อง

หมอผีหนุ่มร่ายมนต์ต่อ  ขณะเงาดำวูบๆนั่นก็เข้าจู่โจมไม่ขาดระยะ  บางคนเคราะห์ร้ายร่างถูกฉกให้ลอยขึ้นไปหายไปในท้องฟ้ามืดแว่วเพียงเสียงโหยหวนและเงียบไปก่อนจะหล่นลงมาในสภาพแหลกเละ  และอีกหลายๆรายก็เจอชะตากรรมดุจเดียวกัน  จนกระทั่งคนที่ร่ายรอบร่างของหมอผีหนุ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ  แต่หมอผีหนุ่มก็ใช้สมาธิร่ายเวทย์ต่อไป  กระทั่งลูกไฟนั่นขยายตัวส่องแสงสว่างมากขึ้นเรื่อยๆจนใหญ่มีขนาดเท่ากระด้งฝัดข้าว

"ยังมิลุล่วงอีกฤา?" สินธุร้องถาม

ชมผาผู้นำต้องบอกเตือน "สูอย่าเอ่ยรบกวนสมาธิ  การสร้างลูกไฟสุริยะหาได้ง่ายดายดั่งคิดไม่..."

"แต่หมู่เราพลีชีพไปมากแล้วนะ.."

"รออีกสักชั่วครู่คงสำเร็จผล มันจะช่วยหมู่เราทุกตัวตนได้แน่..."

"แต่ข้าเกรงว่า สูและข้าคงอาจจะสิ้นลมปราณไปก่อนหน้านั้นเป็นแน่"บุรุษร่างอ้วนบอกและฟาดพลองโจมตีใส่เงาดำไม่หยุด

"ทุกสมรภูมิย่อมมีการเสียสละ  อย่าให้ทุกชีวิตที่ดับสิ้นนั้นสูญเปล่า  เดินหน้าต่อไป..." ผู้นำนามชมผาเอ่ยอย่างแน่วแน่

หมอผีหนุ่มร่ายคาถาเหงื่อกาฬท่วมตัว  ลูกไฟสุริยะฉายแสงแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ  พอๆกับร่างของผู้คอยปกป้องเขาถูกฉกขึ้นฟ้าไปจนกระทั่งรอบกายเหลือเพียงชมผาและสินธุสองคนที่ยังยืนหยัดรักษาชีวิตของตนไว้ได้  หมอผีหนุ่มเมื่อกำกับมนต์บทสุดท้ายได้แล้ว  เขาก็ถอยหลังออกห่างจากลูกไฟสุริยะพลางเร่งพลังให้แสงสีแดงจากฝ่ามือเข้าโอบล้อมลูกไฟและบังคับให้มันลอยขึ้นไปบนฟ้าเบื้องบน

เมื่อลูกไฟลอยขึ้นไปฟ้าจนได้ระดับ  หมอผีหนุ่มยังยกมือของสองข้างปล่อยแสงสีแดงโอบรอบๆลูกไฟสุริยะนั้นไว้สักพัก  เขากัดฟันจนกรามเป็นสันนูนด้วยต้องส่งพลังทั้งมวลออกแรงบังคับลูกไฟ   และเมื่อทุกอย่างได้ดั่งใจ  เขาเค้นพลังเฮือกสุดท้ายปล่อยพลังจากกายเป็นแสงสีเหลืองเข้มจากฝ่ามือพุ่งเป็นสายเข้าไปหาลูกไฟ  พลันเมื่อแสงสีเหลืองผสานเข้ากับลูกไฟสุริยะก็ปรากฏรัศมีเจิดจ้าจนเกิดแสงสว่างไปทั่วบริเวณราวกลางวัน

"สำเร็จแล้ว!!" สินธุร้องอย่างลิงโลด

ชมพายิ้มอย่างมีหวังมองหมอผีหนุ่มที่ยืนหอบเหงื่อท่วมกาย "สูทำได้..."

"อย่ามัวดีใจ  รีบจัดการพวกมัน ลูกไฟสุริยะอยู่ได้เพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น.." หมอผีหนุ่มบอก

ชมผาหัวเราะเบาๆ "เวลาแค่นั้นก็เกินพอให้หมู่เราจัดการพวกมันแล้ว..."

แสงสว่างส่องให้ทุกสายตาได้เห็นค้างคาวรูปร่างหน้าเกลียดอัปลักษณ์หลายร้อยตัว ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับควายตัวเขื่องๆบินว่อนอยู่เต็มน่านฟ้า  พวกมันแตกตื่นตกใจที่เจอแสงสว่างจนตาพล่ามัวบินชนกันตกลงมาบนพื้นและต้องกลายเป็นเหยื่อคมอาวุธของเหล่านักรบที่เหลือรอดอย่างง่ายดาย  เหล่านักรบเมื่อได้โอกาสก็ไม่รอช้าไล่เข่นฆ่าฝูงค้างคาวอย่างไม่ปราณี  จนโลหิตสีดำนองทุ่งซากร่างค้างคาวเกลื่อนกราด  เสียงกรีดร้องดังโหยหวนยามร่างมันถูกทำร้ายด้วยคมอาวุธช่างดังบาดลึกสะเทือนขวัญยิ่งนัก

ทว่าในเป้าสังหารนั้นกลับมีค้างคาวร่างใหญ่มหึมาตัวขนาดรถสิบล้อกางปีกบินอยู่ รูปร่างของมันช่างน่าเกลียดน่ากลัว ปีกกางกว้างหนาเป็นหนังพังผืด ปากแสยะน้ำลายเยิ้มเป็นฟองมีเขี้ยวแหลมคมเรียงแถวไม่เป็นระเบียบ ดวงตาแดงกล่ำดังไฟจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวเบื้องล่าง  มันมองดูพรรคพวกพวกดูสังหารอย่างโกรธแค้น   ยามมันกระพือปีกปรากฏแรงลมราวพายุพัด  ลูกไฟสุริยะไม่มีผลกับสายตาของมัน  แน่นอนมันคือ'เวตาล' จ้าวแห่งค้างคาวปีศาจที่เอ่ยถึงนั่นเอง

"เฮ้ย.ย.ย.ย์..นั่น........"
เสียงหนึ่งร้องบอกแต่ไม่ทันกาล  ค้างคาวยักษ์บินโฉบลงมาอ้าปากงับร่างนั้นและสองขาที่มีกรงเล็บยาวคมกริบจับจิกผู้เคราะห์ร้ายอีกสองคนบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าเบื้องบน

มันกัดร่างในปากจนขาดกระจุยเลือดสดๆกระฉูด ขณะที่อีกสองร่างในอุ้งเล็บก็ถูกบีบจนแหลกเละเลือดสาด ชิ้นส่วนต่างๆร่วงหล่นลงพื้นราวเศษเนื้อถูกทิ้ง  ทุกคนมองดูความสยดสยองนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง  ร่างของเจ้าเวตาลบินกางปีกอยู่ในระยะโจมตีหลังจากมันได้สังหารสามชีวิตข่มขวัญนักรบทุกคนจนเกิดอาการประหวั่น

ชมผากัดกรามกรอด "มันมาด้วยจริงๆ  ไอ้เวตาล.."

"แล้วหมู่เราจะรับมือมันได้หรือไม่..." สินธุถามความเห็น

ชมผาสูดลมหายใจแรงๆ พลางสั่ง "บอกหมู่เราอย่าตื่นตระหนก  ในรัศมีลูกไฟสุริยะ เรายังมีหนทางต่อสู้มัน.."

พวกนักรบที่ยังเหลือรอดชีวิตต่างวิ่งมารวมกลุ่มกัน  ธนูขนาดใหญ่ต้องใช้สามคนแบกถูกนำออกมาหลายสิบอัน  ทุกคันธนูถูกง้างให้พร้อมยิงด้วยลูกธนูขนาดใหญ่  เจ้าค้างคาวเวตาลหาได้มีอาการหวาดกลัวไม่  มันยังคงกระพือปีกบินรักษาระดับเอาไว้  ก่อนจะบินโฉบลงมา   เมื่อมันบินทิ้งดิ่งลงมาชมผาผู้นำก็สั่งยิงทันที  ทว่าไม่มีลูกธนูดอกไหนต้องกายของมัน หนำซ้ำยังถูกมันจับเอาร่างนักรบติดกรงเล็บขึ้นไปฉีกร่างโชว์แล้วทิ้งลงมาข่มขวัญอีก

นักรบคนหนึ่งตื่นตระหนกถามผู้นำ "เอาไงดีท่านชมผา..."

"อย่าขวัญเสีย  จงเร่งขึ้นคันศรแล้วยิงใส่มัน.."

"ตะ..แต่..คงไม่มีใครอาจหาญกระทำเยี่ยงนั้นได้อีกแล้วละท่าน  ทุกคนขวัญหายไปหมดสิ้นแล้ว.."

ชมผาร้องด่าอย่างเกรี้ยวกราด "ตัวข้ามาทำการใหญ่รวบรวมผู้กล้าสู้ทรราชย์มาเป็นกองกำลัง แต่ยังมิทันปะมือ  เพียงแค่เริ่มต้น  พวกสูก็กลับมาหวาดกลัวไอ้เดรัชฉานตัวนี้หมดสิ้นเลยฤา.."

"อย่าก่นด่าทำลายน้ำใจกันเลยท่านชมผา  สิ่งที่พวกเขาประสพมันเกินความสามารถของพวกเขา.." หมอผีหนุ่มร้องบอก

ผู้นำกองกำลังกู้แผ่นดินหันมาถาม "แล้วจักให้ทำเยี่ยงใดเหล่า  หากเราหมู่เรามิคิดสู้ ไหนเลยจะล่วงผ่านไปกระทำการใหญ่กว่านี้ได้"

"ข้าขออาสาจัดการไอ้ค้างคาวผีตนนี้เอง  บอกคนของท่านให้ถอยออกไปแล้วคอยคุมเชิงไว้..." หมอผีหนุ่มบอก

 "สูมีหนทางฤา.?!?.."

"ก็ต้องลองเสี่ยงดู.!!!
..."

กล่าวจบหมอผีหนุ่มล้วงเชือกเส้นเขื่องออกมาจากเป้แล้วเดินไปเผชิญหน้าเจ้าค้างคาวยักษ์ที่กางปีกบินอยู่  เหล่านักรบที่เหลือรอดพากันหลบไปรวมกลุ่มกันพาจ้องมองการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยใจระทึก  เจ้าค้างคาวราวล่วงรู้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้กำลังท้าทายทายตน มันอ้าปากกรีดร้องเสียงแหลมโหยหวนบาดหูข่มขวัญ  นักรบทุกคนต้องอุดหูเพราะเสียงช่างบาดลึกยิ่งกว่าเคยฟังมา บางคนแข้งขาอ่อนจนทรงตัวไม่ไหวเพราะพลังเสียงมหาโหดสั่นประสาท แต่หมอผีหนุ่มยังคงยืนนิ่งจับตาจ้องมองมันไม่คลาดครา

เจ้าค้างคาวยักษ์บินโฉบลงมาหาทันที  มันอ้าปากที่มีแต่เขี้ยวคมกริบนั่นหมายงับร่างของหมอผีหนุ่ม  เขาเอี้ยวตัวหลบแล้วเอาเชือกที่ทำเป็นบ่วงบาศคล้องเข้าคอของมันพอดิบพอดี  เจ้าค้างคาวยักษ์พลาดเป้าหมายโจมตีมันบินกลับขึ้นฟ้าไป  แต่มีบ่วงคล้องคอไปพร้อมๆกับร่างของหมอผีหนุ่มที่จับปลายเชือกลอยตามไป  มันบินวนสะบัดทันทีเพื่อให้ร่างหมอผีหนุ่มร่วงหล่น  แต่เขาก็อาศัยจังหวะดีดตัวกระตุกเชือกให้ร่างกายตนไปเกาะติดอยู่บนกลางหลังของมัน

เมื่อหมอผีหนุ่มมาเกาะหลังของมันได้  เจ้าค้างคาวยักษ์คงรู้ดีว่าเป็นอันตรายแน่มันจึงบินผาดแผลงพลางสะบัดตัวเพื่อให้เขาตกลงมา  แต่หมอผีหนุ่มก็เกาะติดหลังของมันเอาไว้แน่น  พลางชักมีดหมอออกมาพร้อมกับจ้วงแทงใส่ไม่เลือก  ทว่าความที่หนังของมันหนาทำให้มีดไม่อาจทะลุหนังของมันไปทำความเจ็บปวดอันใดให้มันได้  เจ้าค้างคาวได้ทีก็สะบัดตัวบินคว่ำหมอผีหนุ่มเสียหลักร่างหล่นห้อยลงมา  เขาจึงดีดตัวอาศัยถีบจากกลางหลังไปที่ข้อปีกของมัน  และแทงมีดหมอเข้าที่กระดูกข้อต่อของปีก เท่านั้นเองเจ้าค้างคาวยักษ์กรีดร้องลั่น  มันถลาร่วงลงมาสู่พื้นทันที

ร่างของมันไถลไปกับพื้นราวเครื่องบินตก  ส่วนหมอผีหนุ่มกระเด็นไปอีกทาง  เจ้าค้างคาวยักษ์ทรงตัวลุกขึ้นมาก็ไม่อาจกางปีกบินได้เพราะกระดูกปีกข้างหนึ่งถูกแทงจนแตกหักไปแล้ว  มันลุกขึ้นยืนมองไปเห็นหมอผีหนุ่มนอนจุกอยู่  มันจ้องมองอย่างโกรธแค้นและกรีดเสียงร้องโหยหวนข่มขวัญก่อนเดินย่างเข้าหา

ชมผาและพวกที่ดูอยู่อย่างระทึกเมื่อสบโอกาส ก็สั่งพลโจมตีทันที  "ยิงลูกศรใส่มันเลยพวกเรา!!!"

ลูกธนูนับสิบๆดอกพุ่งเข้าหาร่างของมัน  ทว่ากลับไม่ระคายผิวของมัน  มันยังเดินปรี่เข้าไปหาหมอผีหนุ่มที่พยายามยันกายลุกและเดินโซเซหนีมันเพราะยังจุกเจ็บอยู่  มันอ้าปากไล่งับเขาพัลวัน  หมอผีหนุ่มทำได้แค่หลบไปมา  จนกระทั้งถูกมันตีด้วยปีกกระเด็นไปนอนแน่นิ่ง  เจ้าค้างคาวยักษ์ตรงเข้าหาหมายขย้ำทันที

ผู้นำนักรบเห็นดังนั้นก็ร้องสั่ง "หมู่เรา...ไปช่วยกันรักษากายสหายชาวมนุษย์บัดเดี๋ยวนี้..."

ตะโกนสั่งเสร็จเขาก็ชักดาบวิ่งนำหน้าเข้าไป  พวกนักรบวิ่งตามมาทั้งโขยง  เจ้าค้างคาวยักษ์หันมาหาแล้วกรีดเสียงร้องใส่  เสียงนั่นทำเอาทุกคนต้องชะงักอุดหู  เมื่อกรีดร้องเสร็จมันก็เดินเข้ามาหา อ้าปากว้างไล่กัดร่างนักรบเคราะห์ร้ายที่หลบไม่ทันคนแรกจนร่างแหลกเละ  จากนั้นมันก็บ้าเลือดไล่กัดไล่งับจนเหล่านักรบบาดเจ็บล้มตายไปหลายคน  ส่วนกรงเล็บเท้าของมันก็เหยียบย่ำใส่ร่างนักรบที่พลาดท่าล้มจนร่างแหลกเหลวไปอีกไม่น้อย  แม้นจะพยายามอย่างไงก็ไม่มีใครเข้าใกล้หรือทำอะไรเจ้าค้างคาวยักษ์ปีกหักได้

"ให้ทุกคนถอยออกไป  อย่ารนหาที่ตายเปล่าเลย.." เสียงหมอผีหนุ่มร้องบอก

ผู้นำนักรบหันไปมองหมอผีหนุ่ม " จะไม่มีหนทางกำจัดมันแล้วฤา?"

"มีสิ..ต้องมี...." หมอผีหนุ่มที่ตอนนี้กำลังฟื้นตัวตะโกนบอก "ให้ทุกคนถอยห่างออกไปก่อน..."

ชมผาผู้นำนักรบร้องสั่งพรรคพวกที่เหลือเพียงเบาบางให้ถอยออกไป  หมอผีหนุ่มเดินมายืนเผชิญหน้าเจ้าค้างคาวยักษ์ข้างๆกองไฟที่กำลังมอดดับแสงใกล้ริบหรี่เต็มทน  เจ้าค้างคาวที่ยังเดินลุกไล่เข่นฆ่าเหล่านักรบหยุดชะงักหันมาจ้องผู้ที่ทำร้ายมันทันที  มันค่อยๆเดินย่างมาหาหมอผีหนุ่มที่มีสภาพสะบักสะบอมช้าๆ  พลางอ้าปากอวดเขี้ยวคมวาวของมัน  และพุ่งเข้าใส่หมายจะขย้ำให้หมอผีหนุ่มตายคาเขี้ยว  เพื่อให้หายแค้นที่ทำมันปีกหักจนต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้

หมอผีหนุ่มยืนรอจังหวะคำรามเบาๆ "เข้ามาเลย...เข้ามา...ไอ้นกมีหูไอ้หนูมีปีก..."

"...กรี๊ซ...ซซซซซซซซซซ.....กรี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซ...."


หมอผีหนุ่มล้วงวัตถุเป็นแท่งออกมาจากเป้  มันคือระเบิดไดนาไมส์นั่นเอง  เขาเอาชนวนจุดกับกองไฟใกล้ตัวที่กำลังริบหรี่ๆนั่น  ชนวนติดไฟไหม้เร็ว  เจ้าค้างคาวอ้าปากสุดหล้าหมายงับร่างที่ยังยืนนิ่งนั่นให้จมเขี้ยว  จนกระทั่งเข้ามาใกล้ได้จังหวะ  มันพุ่งหัวก้มมางับ  หมอผีหนุ่มยัดระเบิดเข้าปากของมันไปแล้วดีดตัวลอยขึ้นไปอยู่เหนือหัวของมันก่อนจะงอเข่าทิ้งลงตรงหน้าผาก  แรงปะทะทำเอาคางของมันกระแทกกับพื้นปากหุบทันทีทำให้ระเบิดไหลลงท้องของมันไป  หมอผีหนุ่มอาศัยแรงดีดสปริงตีหลังกาออกห่างมา   เจ้าค้างคาวสะลัดหัวไล่ความมึนงงก่อนหันมองหาหมอผีหนุ่ม  เมื่อเจอมันก็ขยับเดินตามมาอีกด้วยหมายจะไล่กัดไล่งับหมอผีหนุ่มต่อ

หมอผีหนุ่มออกวิ่งเต็มฝีเท้า  และตะโกนบอกทุกคน "หาที่กำบังเร็ว!!!"

"เพราะเหตุใด?.."  ชมผายังมีแก่ใจถาม

หมอผีหนุ่มร้องสั่งซ้ำ "ไม่ต้องถาม หลบไปเร็วๆ หาที่กำบังกันเดี๋ยวนี้..!!!.."

เจ้าค้างคาวไล่ตามหมอผีหนุ่มที่วิ่งหนีออกไปที่โล่ง  ทุกสาย

arata0reos

ขอบคุณมากๆนะครับ รู้สึกว่าหลังจากเปลี่ยนเว็บบอร์ดก็ดูเหมือนจะมีตัวหนังสือไม่ครบ แต่ไม่เป็นไรผมชอบคุณผลงานของท่านนีโอมากเลยครับ

pangtong

เพิ่งได้รู้ว่าเพราะเปลี่ยนบอร์ดเลยมีตัวหนังสือไม่ครบ
อยากอ่านตอนสมิงสาวมากๆ ขาดไปตอนำคลแมกซซัด้วย

laoslao

ติดตามมาได้ซักพักรู้สึกวางไม่ลงจริงๆ

suriyamahajit


Pakop

พึ่งมาอ่านเจอน่าติดตามมากเลยครับ


suriyamahajit


plukub


light-up

ยิ่งอ่านยิ่งลุ่มหลงกับมนต์แห่งตัวอักษร

pum33

ผมพึ่งได้มาอ่าน ตอนแรกก็งง ช่วง ตอนที่ 5 มีสมิงโผล่มา ประติดประต่อได้ ตอน 6 แล้วนี้ก็ข้ามช่วง ให้กำลังใจครับ ขอบคุณเรื่องดีๆ ให้ได้อ่านเพลินๆ ขอบคุณครับ