ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๒ ( Origins.)

เริ่มโดย นีโอ, มีนาคม 11, 2016, 03:46:15 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ

คุยก่อนอ่าน

แปลกใจว่าตอนหลังๆทำไมคนตอบน้อยจัง สงสัยจะไม่ค่อยสนุก
สำหรับตอนหน้าจะเป็นตอนจบภาค สาปสมิงสาว แล้ว ก็หวังว่าจะได้ลงไปเรื่อยๆ  ส่วนที่ถามว่า
เรื่องนี้จะได้เป็น E book หรือไม่ ขอตอบว่า ภาคนี้ไม่เป็นนะครับ เพราะผิดกฏหลายข้อ
อย่างแรกที่สุด นางเอกไม่ได้อายุ ๑๘ โทษทั้งจำทั้งปรับ หนักนะครับ ฉะนั้นก็อ่านกันในนี้แหล่ะนะ

สุดท้ายอยากจะบอกมิตรรักแฟนเพลงว่า อย่าปล่อยให้ผมเหงา เข้ามาอ่านแล้วอย่าจากไปเฉยๆ
กรุณามอบน้ำใจรีพรายดีๆไว้ให้กันบ้าง ไม่ใช่ผ่านมาแล้วผ่านไป เห็นว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ
อันน้ำใจของท่านจะเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงนักเขียนอย่างพวกเรา

ด้วยไมตรีจิต นีโอ



ศึกหมอผี   ตอนที่ ๑๒

(  Exorcist   Saga.  )
  

สมิงมือสังหาร....


ช่วงเย็นย่บริเวณทุ่งกว้างไม่ห่างจากแถวกระโจมที่พักของทหารฝ่ายพระราชาพยัคฆราชเท่าใดนัก  หมอผีหนุ่มยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน   สายลมพัดเอื่อยๆโลมไล้ผิวกายของเขาเย็นไปถึงหัวใจ  แต่ในใจเขากลับกำลังคำนึงถึงเรื่องราวของพรุ่งนี้ยามเช้าตรู่ที่จะเป็นกำหนดการเดินทัพ  เหล่าทหารทั้งหลายต่างเตรียมพร้อมศาสตราอาวุธบ้าง เลี้ยงบำรุงม้าศึกบ้าง เพื่อให้พร้อมสำหรับออกเดินทางไกลและทำสงคราม   ขณะที่ไพร่พลบางส่วนก็ซ้อมอาวุธกันตามพื้นที่ว่าง  หรือไม่ก็จับกลุ่มพูดคุยพักผ่อนตามแต่อัธยาศัย  ลมเย็นๆพัดมาต้นหญ้าสีเหลืองอ่อนๆเอนลู่ไปตามกระแส   ภาพช่างสวยงามเหลือเกินในสายตาของหมอผีหนุ่ม  แต่เขาต้องตื่นจากภวังค์เมื่อเสียงใสๆทักทายอย่างคุ้นเคยมาจากด้านหลัง

"มายืนคิดถึงใครอยู่หรอพี่สิน..?.." หันไปดูก็เป็นเจ้าหญิงนั่นเอง

หมอผีหนุ่มยิ้ม "ปะ..เปล่า.ไม่ได้คิดถึงใคร  แต่กำลังคิดถึงการไปศึกในวันพรุ่งนี้น่ะ...."

"อย่ากังวลไปเลย  พี่จะต้องปลอดภัยและโค่นล้มนางราชินีชั่วนั่นได้แน่ๆ  หญิงมั่นใจในตัวของพี่..." พูดจบก็กอดรั้งไปที่เอวของหมอผีหนุ่ม  เพราะเธอสูงแค่นั้น และกอดแทบไม่รอบเอว

หมอผีหนุ่มลูบเส้นผมอย่างอ่อนโยน "พี่จะพยายามทำการครั้งนี้ให้สำเร็จให้จงได้...."

"..ฮื่อ.อ.อ.อ...ใช่พี่ต้องทำเพื่อหญิงนะ..และหญิงมั่นใจว่าพี่ต้องทำได้อยู่แล้ว...." เด็กสาวกอดร่างของหมอผีหนุ่มแน่นขึ้นอย่างรักใคร่
เสียงเอะอะร้องบอกให้ตั้งปะลำดังขึ้น  หมอผีหนุ่มหันไปดู  พลางถามเด็กสาวอย่างสงสัย "นั่นเขาจะทำอะไรกัน..."

"เป็นพิธีสู่ขวัญนักรบก่อนออกทำศึกของชาวเรา  หลังเสร็จพิธีจะมีการฟ้อนรำถวาย  และทหารทุกนายจะมารื่นเริงดื่มสุราร่วมกัน  เพื่อเป็นการสร้างขวัญและความสามัคคีระหว่างหมู่ทหารก่อนออกศึกน่ะ..." เจ้าหญิงอธิบาย

"น่าสนุกนะ..."

"ฮื่อ.อ.อ..สนุกมากเลย..พิธีนี้ไม่มีการถือยศตำแหน่งใดๆ  ทุกคนจะสนุกได้อย่างเท่าเทียมกัน....พออาทิตย์ตกดินพิธีการก็จะเริ่มแล้ว..."

"งั้นเราไปดูกันเถอะ  นี่พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว..."

เจ้าหญิงจูงมือหมอผีหนุ่มเดินนำหน้าไป "ตามหญิงมาสิ  เขาจัดที่ไว้ให้พี่ด้วยนะ..."

ชายป่าห่างออกไป  มีเงาดำสาม – สี่ร่างซุ่มอยู่  สายตาของเงาดำๆเหล่านั้นจ้องมองตามทั้งสองไป  หมอผีหนุ่มชะงักหันมองไปที่พุ่มไม้นั่น  เจ้าหญิงที่เดินนำหันกลับมามองอย่างแปลกใจที่อยู่ๆหมอผีหนุ่มหยุดกึก "มีอะไรหรอพี่สิน?  หยุดทำไม?"

"เอ่อ.อ.อ.อ...รู้สึกแปลกๆน่ะ..เหมือนตรงนั้น....มัน..เอ่อ.อ.อ..อ์.."เขาตอบสายตามองไปที่พุ่มไม้อย่างสงสัย

"รู้สึกอะไรหรอ?"

เขามองพุ่มไม้แล้วจ้อง  สักครู่ก็เอ่ยขึ้น "ไม่มีอะไรหรอก  พี่คงกังวลไปเอง..."

พูดจบเขาก็เดินตามเจ้าหญิงไป

คล้อยหลังหมอผีหนุ่มไป  เงาดำเหล่านั้นก่อตัวขึ้นมาใหม่  มีเสียงราวกระซิบคุยกัน

" .....นั่นหรือ?..ไอ้หมอผีชาวมนุษย์...ท่าทางจะร้ายกาจมิใช่น้อย...จับพลังของหมู่เราได้ด้วย......................น่าสนใจยิ่งนัก............"

".............เพราะเหนือหัวมีคนเยี่ยงนี้อยู่ข้างกายจึ่งกล้าคิดก่อการได้................"

".............แต่มิใช่ปัญหาเพราะคืนนี้มันจักมิมีลมหายใจทั้งนายแลบ่าว................"

".............อย่าประมาท.........แยกกันไปดำเนินตามเป้าหมายที่วางไว้เถิด..............จำไว้อย่าให้พลาด.............."

".............ขอรับ................"


แล้วกลุ่มเงาปริศนาก็เงียบไป  เหลือเพียงสายลมแรงพัดวูบๆมา....

ย่ำค่ำพิธีสู่ขวัญนักรบโดยนักบวชผ่านไปโดยมีพระราชาประทับบนปะลำสูงเป็นประธาน   และต่อจากนั้นก็มีการฟ้อนรำโดยสาวงามที่อ่อนช้อยและสวยงาม  เหล่านักรบรินสุราจ่ายแจกและกอดคอร่วมดื่มกินสรวลเสฮากันอย่างสนุกสนาน  หมอผีหนุ่มนั่งเคียงคู่ชมผาอยู่ด้านล่างของปะลำ  เขาดื่มสุราในจอกเงียบๆแล้วมองดูรอบๆแล้วยิ้มจางๆบนใบหน้า  พลางคำนึงคิดแล้วก็อดใจหายมิได้เพราะว่า  หลังการดื่มกินครั้งนี้คงมีหลายคนที่จะไม่มีชีวิตรอดจากการศึกที่รออยู่ในวันถัดไป  ชมผาเห็นสหายชาวมนุษย์เงียบจึงยกจอกชนด้วยและชวนคุย

"ทำไมถึงเงียบไปสหาย  สูกังวลอันใด?"

"ข้าไม่กังวลหรอก  แต่ห่วงและเสียดายชีวิตเหล่านักรบ...."

ชมผามองเหล่าทหารแล้วถอนใจ "การศึกย่อมมีความสูญเสีย  เป็นไปไม่ได้หรอกที่ชัยชนะจะได้มาโดยไม่หลั่งเลือดและสูญเสีย  อยู่ที่จะเสียมากหรือน้อยเท่านั้น...."

"ข้าเข้าใจ..และอยากให้ฝ่ายเราสูญเสียน้อยที่สุด....."

"สูทำได้นี่....ดื่มเถิด....." ชมผารินสุราให้สหายหมอผีหนุ่ม พลางยกชนแล้วเอ่ย "หมดจอก.."

"เช่นกัน....."

ห่างจากที่มีพิธีสู่ขวัญนักรบ  เงาดำวูบๆลอบเดินเข้ามาแต่เจอทหารยามสองคนเดินผ่านมาเจอ  แต่ยังไม่ทันทหารทั้งสองจะขยับทำอะไร  เงาดำร่างนั้นก็พุ่งเข้าหาทั้งสองสะบัดคมอาวุธในมือเข้าที่คอ  เลือดสดๆพุ่งกระฉูดทั้งสองล้มลงสิ้นใจในสภาพตาเหลือกโพลง  เงาดำร่างนั้นมองผลงานอย่างพอใจ  และก็มีเงาดำอีกสาม – สี่ร่างออกจากที่ซ่อนมาสมทบ พวกมันมองร่างไร้ชีวิตของทั้งสองแล้วพยักหน้าให้กันก่อนจะเคลื่อนกายไปอย่างเงียบกริบ  จนกระทั่งมาถึงเนินหินที่ไม่ห่างจากปะลำที่พระราชาพยัคฆราชทรงประทับอยู่....

บนเนินนั่นมีทหาร สาม – สี่นายกำลังนั่งข้างๆกองไฟที่ก่อไล่ความหนาวเย็นของอากาศ  บางคนก็กำลังจิบสุราเรียกเลือดลม   พวกเงาดำพุ่งวูบๆมาหมอบอยู่ไม่ห่าง  เพื่อรอจังหวะจนเหล่าทหารเหล่านั้นพลั้งเผลอ  เมื่อได้โอกาสพวกมันทั้งหมดก็โผล่เข้าจู่โจมเข้าข้างหลังเอามือปิดปากและเชือดคอสังหารโหดอย่างเงียบเชียบ  ร่างของทหารที่ไร้ลมหายใจถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี  พวกเงาดำเดินมาเรียงแถวมองไปที่ปะลำ  หนึ่งในพวกมันหยิบธนูออกมา  และง้างขึ้นสุดสายและเล็งไปที่พระราชาซึ่งกำลังสำราญพระทัยอยู่กับการทอดพระเนตรเหล่านางรำ....

ที่ปะลำพิธี  พระราชาเกิดนึกสนุกลุกขึ้นมาและร่วมฟ้อนรำกับเหล่านางรำ  ทรงร่ายรำด้วยท่วงท่าขัดๆเขินๆและดูขบขันจนทุกคนในที่นั้นอดหัวเราะไม่ได้  บางครั้งพระองค์ก็ทำรำเกี้ยวไล่กอด เหล่านางรำก็เอียงตัวหลบยั่วล้อไปจนพระองค์แทบหัวคะมำ  แต่ก็ไม่ทรงโกรธเคืองอะไร   ยังทำท่าไล่ต้อนไล่กอดนางรำต่อำปอย่างสำราญพระราชหฤทัย  บรรยากาศจึงยิ่งสนุกสนานเป็นกันเองมากขึ้น  ทว่าพวกเงาดำด้านบนเนินกลับหงุดหงิดเพราะคนที่กำลังโก่งคันธนูเล็งมาที่พระวรกายไม่อาจจับเป้าปล่อยลูกธนูมาสังหารพระองค์ได้ พวกมันทำได้แต่เพียงเล็งส่ายตามไปมา...

เจ้าคนเล็งยิงชักสมาธิแตกซ่าน "จะเดินไปไหนนักหนาวะ..."

"ใจเย็นๆ  อย่าวู่วาม เดี๋ยวจะเสียการ....."
เสียงคนที่ดูมีอำนาจกล่าวเตือน  มันจึงตั้งสมาธิเล็งยิงอีกครั้ง

แล้วมันก็เอ่ยด้วยเสียงที่ยินดี " เอาละได้ที่แล้ว......"

"อย่าให้พลาดนะ........"
เสียงนั้นกำชับมัน

เบื้องล่างพระราชากำลังฟ้อนรำกับเหล่านางรำท่ามกลางเสียงหัวเราะเฮฮา  มือสังหารเล็งธนูจนแน่ใจว่าเป้าหมายไม่พลาด  มันก็ปล่อยสายธนูให้ดีดลูกพุ่งเข้ามาหาเป้าหมาย   ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศเข้าหาพระราชาผู้เป็นเป้าหมาย  ทว่าก่อนธนูจะพุ่งเข้าปักที่ยอดพระอุระของราชาพยัคฆราช  พระองค์ทรงโอบกอดนางรำนางหนึ่งแล้วเอียงกายให้นางรำขยับมาแทนที่อย่างบังเอิญ  ธนูดอกนั้นพุ่งปักกลางหลังนางทะลุออกยอดอก  นางอ้าปากกรีดร้องแล้วทรุดร่างลงนอนกับพื้นสิ้นใจทันที

เหล่าทหารองครักษ์เห็นเข้ารีบกรูขึ้นมาล้อมองค์ราชาทันที "มีมือสังหารลอบเข้ามา!!!!"

"คุ้มกันองค์กษัตริย์!!!"
ชมผาและหมอผีสินตะโกนพลางชักดาบวิ่งตามขึ้นมา   ทุกคนตีวงล้อมองค์กษัตริย์เอาร่างของตนเป็นโล่ห์มนุษย์   แล้วหันหน้าไปจับตาหาผู้ซุ่มโจมตี   ส่วนด้านล่างแตกตื่นอลหม่านไปทั่ว

มาวินนายด่านร้องตะโกนทันที "อย่าแตกตื่นเสียกระบวน  สูเจ้าทุกคนจงตั้งสติแล้วเร่งตามหาพวกมือสังหารให้ได้...."

"มันมาจากทางนั้น...?!?..." เสียงหนึ่งบอกทำให้ทุกคนหันไปที่เนิน  แต่ห่าธนูนับร้อยฤดอกก็พุ่งเข้ามา

"ธนู!!! กองรักษาพระองค์ คุ้มกันองค์กษัตริย์ไปในปลอดภัยบัดเดี๋ยวนี้...!!!.."

ชมผาร้องสั่ง บรรดาทหารรักษาพระองค์ยกโล่ห์มายืนล้อมท้าวพยัคฆ์ราชทันที

ธนูพุ่งเข้าปักร่างของเหล่าทหารรักษาพระองค์ล้มนอนบาดเจ็บล้มตามเกลื่อน  พระราชาถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาพาลงจากปะลำ  ห่าธนูยังระดมยิงมาไม่ขาดสายจึงไม่อาจเคลื่อนกลุ่มไปได้  ชมผาและหมอผีหนุ่มพยายามช่วยกันใช้ดาบในมือปัดป้องสุดกำลังไม่ให้ลูกธนูเล็ดลอดเข้ามาทำร้ายองค์ราชา  แต่ทหารองครักษ์ก็ต้องลูกธนูล้มตายบาดเจ็บไปอีกหลายคน  จนกระทั่งหน่วยพลธนูมาถึงและตั้งแถวยิงสวนขึ้นไปยังเนินทำให้การโจมตีหยุดชะงักไป

เงาดำบนเนินหลบลูกธนูวูบวาบ  พวกมันแสนจะแค้นใจที่การจะสำเร็จอยู่แล้วแต่พลาดไปอย่างฉิวเฉียด  แต่พวกมันเป็นมือสังหารระดับพระกาฬของแผ่นดิน  พวกมันยอมตายดีกว่าให้ภารกิจล้มเหลว    มันมองไปยังเบื้องล่างเห็นองค์ราชากำลังถูกคุ้มกันไปยังกระโจมที่พัก  เจ้าผู้มีท่าทีเป็นหัวหน้าก็ลุกขึ้นใช้ดาบปัดป้องลูกธนูมิให้ต้องกายของมัน  และขยับวิ่งลงจากเนินพรรคพวกที่ติดตามมาบางตนต้องธนูล้มตายรายทางไปหลายตน พวกที่เหลือร้องถามถึงวิธีการต่อไปทันที

"นายท่าน...จะทำเยี่ยงไรต่อขอรับ...."

"ต้องติดตามไปสังหารเหนือหัวให้ได้..แม้จะต้องตายแต่ภารกิจเราจะล้มเหลวมิได้!!!..."เสียงผู้นำคำรามอย่างเด็ดเดี่ยว

"หมู่มันรู้ตัว แล้วตั้งรับอย่างหนาแน่นยิ่งนัก..."

"ตั้งรับแน่นหนาเพียงใด หมู่เราก็ต้องฝ่าเข้าไป"ร่างนั้นสะบัดผ้าคลุมดำออกเผยร่างเป็นหญิงที่ร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่เท่าบุรุษ ผิวดำเป็นมันเงาร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามผิดสตรีเพศท่วงท่าดุดันเอาเรื่องไร้ความสวยงามจำเริญตาบนใบหน้ากลมรี ดวงตาพองโต จมูกโด่งริมฝีปากหนาดำ คิ้วขมวดสีหน้าเคร่งเครียดคล้ายโกรธอยู่ตลอดเวลาผมหยิกตัดสั้นติดหนังศีรษะ แต่งกายด้วยชุดเกราะหนังอ่อนสะพายดาบเล่มโตมีมีดสั้นคมกริบในฝักคล้องอยู่เข็ดขัดหนังด้านข้างสะเอวพร้อมชักออกมาเชือกคอผู้ไม่ชอบหน้าหรือต่อปากต่อคำจนขัดใจได้ตลอดเวลาและสักยันต์ลายเสือที่หน้าผาก นางกระชับขวานที่มีใบสองด้านในมือมั่นแล้วบอกทุกคน "สั่งหมู่เราทุกคน  โถมกำลังบุกเข้าไปสังหารพยัคฆราชาให้จงได้  ไม่ประสพผลไม่เลิกรา....."

"ขอรับนายท่าน..!!!." แล้วผ้าคลุมสีดำก็ถูกกระชากทิ้ง เหล่ามือสังหารเผยตน  ทุกคนแต่งกายด้วยชุดหนังสัตว์รัดกุม  มีทั้งชายและหญิงปะปน ท่าทางทุกคนดุร้ายกระหายเลือดตามร่างกายสักยันต์แปลกๆ ลวดลายประหลาดๆเกือบทั่วตัว








มือสังหารคนหนึ่งชูคบไฟขึ้น แล้วโบกเป็นสัญญาณไปด้านหลัง  พลันธนูที่หัวติดไฟนับร้อยก็ถูกระดมยิงมาจากด้านหลังราวห่าฝน มันไปปักยังกระโจมที่พักก็ติดไฟและโหมไหม้อย่างรวดเร็ว  ไปต้องกายใครก็บาดเจ็บและร้องอย่างทรมาน  ทั้งสองฝ่ายยิงธนูโต้กันอย่างไม่ยอมแพ้  เสียงเอะอะโกลาหลเกิดขึ้นไปทั่วที่ตั้งทัพของฝ่ายกบฏ  และพวกมือสังหารบนเนินนับร้อยก็วิ่งเรียงหน้ากระดานลงมา  ทั้งหมดควงอาวุธเข่นฆ่าคนที่ขวางมาจนใกล้ถึงพระราชา  พวกมันมีฝีมือร้ายกาจจนไม่มีใครขวางได้เลย  ชมผาและหมอผีหนุ่มหันไปเห็นก็กระชับอาวุธเข้ารับมือทันที

"พาองค์กษัตริย์หนีไปในด่านคุ้มครองไว้ด้วยชีวิต ส่วนพวกมือสังหารทางนี้ ข้าจะรับมือพวกมันเอง...."
หมอผีหนุ่มสั่งขณะเกิดความอลหม่านไปทั่ว จนไม่มีใครตั้งสติรับเหตุการณ์นี้ได้ทัน

ชมผารับมือคู่ต่อสู้แล้วหันไปพยักหน้ารับ "ฝากด้วยนะ...."

"จะไปไหน..." เจ้ามือสังหารเข้าขวางหมายเล่นงานองค์กษัตริย์

หมอผีหนุ่มหมุนตัวมาเตะใส่มันหลบได้ แต่เจอเขาเตะตัดขาล้มลง หมอผีหนุ่มแทงซ้ำด้วยมีดกลางอกของมัน มันกระตุกนอนแน่นิ่งไป  เขาหันไปสั่งสหายชมผาที่ตะลึงอยู่ "รีบไปซิ...."

"ไอ้มนุษย์ชั่ว  สูฆ่าพี่น้องของข้า..!!!.." นางคนหนึ่งชี้หน้าด่าแล้วควงดาบวิ่งเข้ามาหา

หมอผีหนุ่มหลบแล้วแทงเข้าทีสีข้างทะลุอีกฝั่ง "ข้าไม่ได้ตั้งใจ แค่ป้องกันตัวนะ...."

"สู..สู.....อ้าก.ก.ก.ก.ก์..." พูดได้แค่นั้นนางก็ล้มลงขาดใจตาย

พระราชาถูกคุ้มกันออกห่างบริเวณต่อสู้ไป  ขณะนั้นทัพหนุนในค่ายติดอาวุธและตามออกมาสมทบ ขณะด้านนอกพวกทหารฝ่ายกบฏก็สามารถจัดระเบียบกองทัพได้ พวกเขาตั้งแถวตอบโต้บรรดาเหล่ามือสังหารและเข่นฆ่าพวกมันล้มตายเป็นใบไม้ร่วง พวกมือสังหารเห็นพรรคพวกตกตายไปมากมายและถูกกองทหารไล่ต้อนก็ถอยไปรวมกลุ่ม  พวกทหารล้อมเข้าหาหมายรุมฟันให้ด่าวดิ้น  ทว่าทุกคนต้องชะงักเมื่อตรงแนวป่าพรรคพวกของมันอีกหลายร้อยแสดงตนวิ่งออกมาพร้อมเสียงโห่ร้องข่มขวัญ  ธนูไฟหยุดโจมตีไปแล้ว  แต่สภาพตอนนี้มีไฟโหมไหม้ไปทั่วค่ายประดุจทะเลเพลิง  กำลังทหารส่วนหนึ่งช่วยกันดับไฟช่วยกันขนคนเจ็บวุ่นวาย  ส่วนพวกที่ต่อสู้ก็ทุ่มกำลังเข้าต่อสู้เต็มที่  

หมอผีสินวิ่งมายืนหน้าแถวทหาร แล้วสั่งทุกคน "อย่าแตกตื่นๆๆ  เข้าแถวตั้งแนวเอาไว้....รักษาแนวเอาไว้...."

เหล่าทหารเข้าแถวตั้งแนวขวางตามคำสั่งทันที  พวกมือสังหารหลายร้อยคนวิ่งกรูเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ ท่าทางแต่ละคนดุร้ายแววตากระหายเลือดและใส่ชุดเกราะหนาสีดำ ใช้ดาบด้ามใหญ่น่าหวาดหวั่น  พวกนี้คือสมิงมือสังหารกลุ่มนักฆ่ารับจ้างที่น่ากลัวที่สุดในดินแดนแห่งนี้  หมอผีหนุ่มกระชับอาวุธมั่นในมือยืนอยู่เบื้องหน้าของแถวทหาร  เขามองเหล่ามือสังหารที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างไม่หวั่นเกรง  แล้วเขาก็กุมดาบด้วยสองมือยกขึ้นไว้เหนือหัวตัวเอง

เขารอจนมันมาระยะห่างเพียงสิบเมตรก็ร้องสั่ง "ทุกคน...ประจัญบาน....ฆ่าพวกมันให้สิ้นอย่ามีความปราณี  เพราะพวกมันก็จะไม่ปราณีพวกเจ้าเช่นกัน......."

แล้วทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะตะลุมบอนกันชุลมุน  เสียงดาบกระทบกัน เสียงร่างคนถูกฟัน เสียงร้องโอดโอย  ดังฟังไม่ได้สรรพ  หมอผีหนุ่มนำทหารเข้าสู้อย่างเต็มสามารถ  เขาขยับไปทางไหนพวกมือสังหารก็แตกฮือถูกฟาดฟันล้มตายก่ายกองอยุ่แทบเท้า  เลือดเหล่าศัตรูสาดกระเซ็นอาบเต็มกายและใบดาบของเขาจนชุ่มโชก  แต่ขณะโรมรันกันเขาเหลือบไปเห็นผู้นำกลุ่มมือสังหารที่เป็นหญิงร่างใหญ่กำลังพาพวกลูกน้องไล่ติดตามองค์ราชาไป  ไม่มีใครสามารถขัดขวางมันได้  ชีวิตแล้วชีวิตเล่าถูกสังหารระหว่างทางที่พวกมันติดตามไป  ประเมินดูแล้วหมอผีหนุ่มเข้าใจทันทีว่าฝีมือของกลุ่มที่ไล่ติดตามไปสูงส่ง  เขาจึงออกวิ่งติดตามไปทันที

"ทหารกล้าจงอย่าถอยหนี  สู้มันเข้าไป สู้กันให้ตายไปข้าง..!!!..." เขาฟาดฟันดาบใส่ศัตรูผู้ขวางทางแล้วตะโกนสั่งทหาร

พวกมือสังหารตามมาทันกลุ่มองครักษ์  พวกมันฟาดฟันเหล่าองครักษ์ล้มตายอย่างง่ายดาย  มีเพียงชมผาที่พอรับมือไหว  แต่ก็ถูกกลุ้มรุมจนแยกห่างจากพระราชา  พวกมันสามคนเดินล้อมองค์ราชาพร้อมดาบสีดำเงาคมกริบ  พระราชาพยายามหาทางหนีแต่ก็จนมุม  แต่ก่อนที่มันจะทันสังหาร  หมอผีหนุ่มก็พุ่งกายเอาดาบมารับคมดาบของมันไว้  แล้วปะทะเพลงดาบ ระหว่าง สาม ต่อ หนึ่ง อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ  จนกระทั่งสังหารมันตกตายไปทั้งสามคน  ด้านชมผาที่รับมือหัวหน้ามือสังหารที่เป็นหญิงและกำลังตึงๆมืออยู่นั้น  หมอผีสินก็โถมกายเข้าไปช่วย  และฟันเข้าใบหน้าของเจ้าคนหนึ่งจนแหกล้มลงดับดิ้น  นางผู้นำมือสังหารเห็นเข้าให้แค้นใจหนักหนา นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน  วาดกระบวนท่าดาบเข้าหาหมอผีหนุ่มอย่างดุดันทันที

"เจ้ามนุษย์....สูต้องตายชดใช้ชีวิตของหมู่ข้า..."

หมอผีหนุ่มต้องรับกระบวนท่าดาบอันหนักหน่วงและโกรธแค้น  แต่เขาก็สามารถปัดป้องและรับได้หมดทุกกระบวนท่า  ชมผาได้พาพระราชาหลบมาภายในป้อมและพาไปเรือนพักของนายด่านที่นำทหารมาอารักขาเต็มที่  ทว่ายังมีสองมือสังหารที่ควบม้าสองตัวนำพรรคพวกกลุ่มหนึ่งไล่ติดตามมา  พวกนี้ร้ายกาจมากไม่มีใครหาญเข้ารับมือพวกมันได้ถูกสังหารตกตายไปหลายคน  ชมผาและนายด่านสองคนลากองค์ราชาสู้พลางถอยพลาง  ขณะที่หมอผีหนุ่มเองก็ตึงๆมือกับการต่อกรกับหัวหน้าสมิงมือสังหาร เพราะเพลงดาบของนางรุนแรงและร้ายกาจยิ่งนัก  

หลังจากสู้กันจนเหงื่อตกได้แผลได้เลือดกัน  ผู้นำสาวกลุ่มสมิงสังหารก็เอ่ยคุยกับหมอผีหนุ่ม "นับว่าสูมีฝีมือสมราคา  ราชินีจึ่งกำชับให้ข้าระวังสูให้จงดี  ข้ายินดีที่ได้เจอคนเก่ง  เพราะการเอาชนะคนเก่งได้ย่อมหมายว่าเราเก่งกว่า ชื่อเสียงจะเป็นที่ยำเกรงสืบไป...คริ..คริ...."

"เข่นฆ่าคนอื่นเพื่อเสริมบารมีตนนั้นข้าไม่เห็นสม  เพราะได้เพียงพระเดชหามีใครเทิดทูนเท่าพระคุณได้ไม่  แต่ถ้าเจ้าจะคิดอย่างนั้นก็ไม่ผิด  เพราะเจ้ามันเป็นเพียงนักฆ่าชั้นต่ำที่ไร้เกียรติทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเข่นฆ่า...."

"คริ..คริ...กล่าวได้เจ็บปวดมากนะสู  คืนนี้เลือดของสูจะนองพื้นดินที่ด่านศรีโพธิ์แห่งนี้...."


พูดจบนางผู้นำสมิงมือสังหารก็หยิบจานกลมๆเป็นรูปจักรออกมาจากเอวสองอันแล้วขวางใส่หมอผีหนุ่ม  สิ่งนั้นหมุนติ้วเข้าหาหมอผีหนุ่มที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ต้องขยับหลบตามสัญชาตญาณ กงจักรพุ่งผ่านแก้มจนรู้สึกเย็นวาบ มันตัดผ่านปอยผมของเขาขณะเอี้ยวตัวหลบและพุ่งเลยไปตัดคอของทหารฝ่ายกบฏสองคนขาดกระเด็น จากนั้นก็หมุนกลับไปเข้ามือของนางผู้นำ  หมอผีหนุ่มดูสภาพศพของพวกตนถึงเม้มปาก  เพราะนางคนนี้ร้ายกาจไม่เบา  และอาวุธก็ทรงอานุภาพยิ่งนัก
"นับว่าสายตาของสูดีไม่เบา หลบจักรสังหารของข้าได้ แต่ไอ้คนชะตาขาดรับเคราะห์แทน"

"ฮึ่มมม...กะ...แก"

"ข้าชื่อกายวัน จำชื่อของข้าไว้ก่อนลงนรก!!!"


  นางขว้างใช้กงจักรสองอันในมือขว้างใส่เขาอีก  คราวนี้เหมอผีหนุ่มต้องวิ่งหนีวิถีของกงจักร แต่มันก็ไล่ตามหลังมาติดๆ และใช้กงจักรขว้างใส่และไปทำร้ายคนที่อยู่รอบๆบาดเจ็บล้มตายไปอีกหลายคน นางผู้นำกลุ่มมือสังหารหัวเราะอย่างพอใจเรียกอาวุธกลับไปอยู่ในมือ  เห็นผู้เคราะห์ร้ายแล้ว หมอผีหนุ่มตัดสินใจปักหลักยืนเผชิญหน้ากับนางไม่คิดหนีหรือหลบอีก เพราะจะเพิ่มผู้เคราะห์ร้ายขึ้นหลายคน เขากำดาบฟ้าลั่นคู่มือไว้มั่นสบตาของนางสมิงมือสังหารมั่น

"ไม่หนีแล้วฤา...จอมเวทย์ชาวมนุษย์ สูน่าจะมีดีกว่าที่เห็นอยู่ หลบหนีราวสุนัขไนหนีพยัคฆ์ไม่ปาน"

"  อาวุธชั่วร้ายของเจ้า มันเอาเปรียบกัน ใยไม่ใช่ดาบมาสู้"

"พอดีข้าไม่ใช่คนคิดมากเรื่องนี้ซะด้วย และการถือดาบเข้าไปสู้กับสูก็ไม่ผิดอะไรกับการส่งลูกแกะเข้าไปสู้กับเสือ ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าข้าใช้ในสิ่งที่ถนัดในการสังหารสู คริๆๆ"

"สกปรกชั่วช้าที่สุด ไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ ทั้งลอบฆ่า ลอบโจมตีและเอาเปรียบคู่ต่อสู้"

"พวกข้าคือมือสังหาร ไม่ใช่นักรบมีศักดิ์ศรีอะไรแต่เดิม ทำได้ทุกอย่างขอเพียงงานสำเร็จเท่านั้น รับมือ!!!"

นางผู้นำกลุ่มมือสังหารขว้างจักรใส่เขาอีก  คราวนี้หมอผีหนุ่มกระโดดลอยตัวอยู่เหนือกงจักรทั้งสองอันแล้วอาศัยจังหวะอันแม่นยำเหยียบลงบนใบจักรทั้งสองกดน้ำหนักตัวลงยืนบนพื้น  ทำให้ใบจักรสองใบที่หมุนติ้วๆหยุดลงนิ่งใต้ฝ่าเท้าของเขา  นางผู้นำกลุ่มมือสังหารตกตะลึงคาดไม่ถึงว่าอาวุธเด็ดของตนจะถูกสยบได้ง่ายดาย  แต่ไม่ทันตั้งตัวหมอผีหนุ่มก็เข้าประชิดตัวชกนางเข้าที่หน้าแล้วจับแขนของนางก่อนจะฟาดเข้ากับเสาต้นใหญ่อย่างแรงจนหน้า เขาเตะเข้าที่ลำตัวก่อนจะปิดด้วยเข่าลอยเข้าเต็มๆกรามจนร่างของนางสมิงมือสังหารหงายท้องลงไปนอนกองกับพื้น และเขาเข้าจับร่างร่างนอนคว่ำเอาแขนข้างหนึ่งขัดเข้ากลางหลังเอาดาบจี้คอไว้  พวกลูกน้องของนางเห็นเจ้านายพลาดก็หยุดมือทางอื่นฮือจะเข้ามาช่วย

หมอผีหนุ่มเอาคมดาบแนบคอหอยของนางจนเป็นรอยพร้อมกับขู่ "อย่าขยับนะ  ไม่งั้นนายของพวกเจ้าคอขาดแน่.!!!..."

"....?!?!?!?......."
พวกลูกน้องของนางผู้นำกลุ่มมือสังหารทุกคนหยุดมือมองหน้ากันไปมาทำท่าลังเล

หมอผีหนุ่มเห็นดังนั้นก็สั่งกำชับต่อ "วางอาวุธ  ยอมให้กุมตัวเสียแต่โดยดี..!!!.."

"อย่านะหมู่เรา  สูจงอย่าพะวงเรื่องตัวข้าเร่งดำเนินการต่อไป  อย่าให้ชีวิตของข้าขัดขวางการลอบสังหารพยัคฆราชา..."

นายสมิงมือสังหารประกาศอย่างไม่คร้ามเกรง

หมอผีหนุ่มกดมีดถูกเนื้อลำคอของนางจนเลือดซึม "ปากดีนักนะ  น่าเชือดให้พวกมันดูจริงๆ"

"หมอผีมนุษย์เอ๋ย...ข้าหาได้อาลัยในชีวิตดอก  ข้าพร้อมตายได้ทุกเวลา  คำขู่ของสูอย่าหมายให้ข้าหวั่นเกรง..."

หมอผีหนุ่มกระชากร่างของนางให้ลุกขึ้นมาและส่งให้ทหารกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาสมทบ

"จับนางจองจำตัวไว้  แล้วจัดการพวกขัดขืนล้างมันให้สิ้น..!!!.."

"ขอรับ..."

ร่างของนางผู้นำถูกจับมัดในทันที  แต่พรรคพวกของนางกลับไม่ยอมสยบตามที่ได้รับคำสั่ง ยังคงสู้ตายถวายหัวอย่างไม่ย่อท้อหรือหวั่นเกรงต่อความตาย  ทว่าพวกมันมีไม่มากเท่าไหร่  สุดท้ายก็ถูกเข่นฆ่าล้มตายเกลื่อนพื้น  จนกระทั่งเหลือสาม – สี่คนที่พยายามสู้สุดชีวิตแต่บาดเจ็บสาหัส บรดาทหารไล่ต้อนพวกมันกระทั่งจนมุม  จนเมื่อพวกมันหมดหนทางสู้และหมดทางหลบหนีก็ชิงฆ่าตัวตายก่อนทันที  

"มือสังหารของศัตรูทางนี้ถูกกำจัดหมดแล้ว" หัวหมู่ตะโกนบอกมา

"ทางนี้ก็สังหารได้หมดแล้วเช่นกัน" นายหมู่ด้านหนึ่งตะโกนบอกมา เมื่อพวกมือสังหารจนมุมที่อาคารไฟไหม้ พวกมันก็วิ่งเข้ากองไฟและถูกเผาผลาญตายอย่างน่าอนาถ

"ทางนี้เช่นกัน"

"ทางนี้ก็สังหารได้หมดแล้วเช่นกัน................."

เสียงบอกต่อๆดังมาจากรอบๆค่าย

เหตุการณ์ด้านนี้จึงสงบลงหมอผีหนุ่มและทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก  ทว่าอีกด้านภายในค่ายยังมีอีกพวกที่ฝีมือร้ายกาจพอตัวกำลังไล่ล่าเพื่อสังหารเจ้าพยัคฆราช



เจ้าหญิงที่กำลังประทับอยู่ที่จวนของนายด่านได้ยินเสียงฆ้องศึกเตือนภัยปลุกให้ทรงตื่นจากบรรทม เจ้าหญิงจึงเอาผ้าขาวคลุมหน้าแล้วเสด็จออกไปนอกห้อง   และพระนางน้อยก็ต้องตกพระทัยเมื่อเห็นกลุ่มมือสังหารและทหารของฝ่ายตนกำลังโรมรันกันดุเดือดอยู่หน้าจวน ต่างฝ่ายต่างล้มตายกลาดเกลื่อนเลือดนอง  ระหว่างยืนทำอะไรไม่ถูกชมผาและนายด่านก็พาพระราชาวิ่งเข้ามาหา เจ้าหญิงรีบเข้าประคององค์ราชาไถ่ถามพระพลานามัย  ขณะเดียวกันเจ้ามือสังหารสองตนขี่ม้าไล่ตามมาถึงบนจวนที่ประทับ  มันทั้งสองหวดง้าวด้ามยาวใส่ทหารอารักขาล้มตายมาตลอดรายทางด้วยฝีมือการใช้ง้าวบนหลังม้าอันร้ายกาจ จนกระทั่งใกล้เข้ามาถึงพระราชาและเจ้าหญิง แต่ก่อนที่มันจะใช้อาวุธคู่มือสังหารพระราชา  ชมผาเข้ารับด้วยดาบในมือและต่อสู้ปกป้องอย่างสามารถ  แต่ดูฝีมือจะเป็นรองสองมือสังหารที่ควบม้าอย่างชำนิชำนาญ จนต้องสู้พลางถอยพลาง

"พาเหนือหัวเสด็จหลบภัยไปในจวนเถิดพะย่ะค่ะ..." ชมผาทูลบอกเจ้าหญิง

"แล้วสูเล่า???"

"หม่อมฉันจะรับมือพวกมันมิให้ทำร้ายทั้งสองพระองค์เอง"

เจ้าหญิงมองหาบางคนแล้วถาม "ยามนี้...พี่สินไปไหน?"

"กำลังนำทหารต่อสู้แลกำจัดพวกมือสังหารอยู่นอกด่านพะย่ะค่ะ..."

"หญิงจะไป....." เอ่ยยังไม่ทันจบพระราชาดึงแขนรั้งไว้

"อย่าไปนะลูกหญิง  ตามพ่อมา.."ตรัสจบพระราชาก็ดึงร่างน้อยให้ตามเข้าไปในจวน

มือสังหารขี่ม้าทั้งสองช่างชำนาญยิ่งนัก  มันวาดง้าวสังหารผู้ต่อต้านล้มตายไปหลายคน  เมื่อเห็นองค์ราชาเสด็จหนีเข้าไปในจวนมันก็ควบม้าฝ่าแนวป้องกันตามเข้าไป  ชมผาและนายด่านต้องหลบอาวุธของมันทั้งสองจนล้มลุกคลุกคลาน  มันทั้งสองขี่ม้าตามไล่ล่าสองกษัตริย์ไปติดๆ  เหล่าองครักษ์ที่ขวางทางถูกฆ่าตายหมดภายในไม่กี่เพลงดาบ  ทั้งสองพระองค์ถูกต้อนไปเข้ามุมอับไร้ทางหนี  ง้าวสองอันถูกสองผู้ขี่ม้าชี้ใส่และทะยานม้ามุ่งตรงเข้าหาหมายปลิดชีพ

ข้างชมผาและนายด่านรีบติดตามเข้าไป  แต่เจอพวกมือสังหารอีกหลายสิบคนเข้าขวาง  มองไปไกลๆตรงทางเข้าด้านหลังสองกษัตริย์กำลังจะถูกสังหาร  ทั้งคู่พยายามจะฝ่าวงล้อมอันหนาแน่นเข้าไปช่วย  แต่ก็ไม่อาจฝ่าเข้าไปได้  แต่ก่อนที่คมง้าวจะต้องพระวรกายทั้งสองพระองค์   ดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งไปปัดแนววิถีการฟาดของง้าวทั้งสองจนผิดเป้าหมายไป  ทุกคนมองหาที่มาเมื่อได้เห็นก็เบิกตากว้างอุทานกันอย่างดีใจถ้วนหน้า

"หมอผีสิน...!?!.."

หมอผีหนุ่มนำเหล่าทหารเข้ามาช่วยได้ทันท่วงที

"จัดการพวกปลายแถวนี่ก่อน  สองคนนั่นข้าจัดการเอง  ชมผา มาวิน ท่านทั้งสองไปอารักขาทั้งสองพระองค์..."

"ตกลงสหาย..." รับคำแล้วทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปอารักขาสองกษัตริย์พาไปยังที่ปลอดภัย

สองมือสังหารควบม้าจะตามไป หมอผีสินหยิบดาบฟ้าลั่นมาถือแล้วกระโดดไปยืนขวางหน้าไว้

 "พวกเจ้าทั้งสองจะไปไหนไม่ได้  จงหยุดการกระทำเดี๋ยวนี้..."

มันทั้งสองชักม้าหยุด คนหนึ่งชี้หน้าด้วยง้าวเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

"สูเจ้าอย่าบังอาจมาขวางวิถีของข้า  มิเช่นนั้นเลือดของสูจะเต็มคมง้าวของหมู่ข้าทั้งสอง..."

"หน้าที่ข้าคืออารักขาทั้งสองพระองค์  เจ้าหมายปลงพระชนม์ชีพ  ข้าคงนิ่งดูดายปล่อยเจ้าไปกระทำดังใจมิได้..."

"เหอะ..เราสองฝ่ายเป็นข้าต่างเจ้าบ่าวต่างนาย  ข้าก็ทำเพื่อเจ้านายของข้าเหมือนกับสู  ฉะนั้นอย่าเจรจาอันใดให้มากความเลยมาตัดสินฝีมือกันเถิด....."

"แต่ผู้นำของเจ้าถูกข้ากุมตัวไว้แล้วจงยอมวางอาวุธเถิด  อย่าต่อสู้ให้เสียเลือดเสียเนื้อโดยเปล่า...."

"หึ..หึ...หึ..พวกข้าสมิงมือสังหาร  เพื่อบรรลุเป้าหมาย  จะสู้จนตัวตายแม้นจักเป็นคนสุดท้าย.."

"เช่นนั้นก็ไม่มีความอันใดจะต้องเจรจากันแล้ว...." หมอผีสินกระชับดาบในมือมั่นเตรียมพร้อม

เจ้าสองมือสังหารควบม้าเข้าหา "ย้าก.ก.ก.ก.ก...เอาชีวิตสูมา....."

ม้าทั้งสองตัววิ่งสลับกันเข้าหาหมอผีหนุ่มที่ต้องวิ่งวนหนีไปเรื่อย  เจ้าสองมือสังหารช่างชำนาญในการต่อสู้บนหลังม้ายิ่งนัก ทั้งสองผลัดกันโจมตีใส่หมอผีหนุ่มอย่างสอดประสานกันได้อย่างน่าทึ่ง  หมอผีหนุ่มทำได้แค่ปัดป้องคมง้าวไม่ให้ต้องกายเท่านั้น  และพลันเขาก็คิดได้ว่าหากสู้กันอย่างนี้เขาคงต้องพลาดท่าจนได้  เขาจึงวิ่งล่อมันให้ไปในทางที่คับแคบและจัดการพวกมันทีละคน  เขาจึงวิ่งเข้าไปตรงทางเดินเข้าห้องอาหารของจวน  เจ้าคนหนึ่งขี่ม้าตามมาดังคาด  เขาจึงฉวยโอกาสโจมตีด้วยการผลุบเข้าห้องครัวแล้วลอบกระโดดถีบมันทางช่องส่งอาหาร มันตกจากหลังม้าแต่ยังชักมีดสั้นหมายขว้างใส่เขา  หมอผีหนุ่มไม่รอช้าพุ่งเข้าประชิดฟันมันขาดสะพายแหล่งล้มลงไปนอนสิ้นใจทันที



เจ้าคนที่เหลือเห็นเพื่อนพลาดท่าตกตายไปมันก็เดือดดาลสุดขีด  มันควบม้าเข้ามาหาและแทงง้าวใส่ราวพายุ  หมอผีหนุ่มหลบพัลวันจนต้องวิ่งหนีไปขึ้นหลังม้าที่เจ้าของสิ้นชีพเพราะมือของเขาไปแล้วและควบย้อนเข้ามาหามันเพื่อปะทะตัดสินฝีมือ  เจ้ามือสังหารควงง้าวพุ่งเข้าหาเขาอย่างเร็ว  หมอผีหนุ่มเอนกายหลบไปบนหลังม้าแล้วผุดขึ้นมาฟันฉับเข้ากลางหลัง  เจ้ามือสังหารหล่นจากหลังม้าตกลงมานอนแน่

Tiger3745


suriyamahajit