ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ร้อยรักวัยสวาท ภาคแรก ตอนที่38

เริ่มโดย suckzeed, มีนาคม 12, 2016, 05:31:36 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

 อ่านก่อนอ่านผลงาน http://xonly69.com/read-xonly-tid-159448.html
 

น้องกันตาโต
 

เมื่อพี่หน่อยพุดจบ และพอน้องกันได้ยินว่าคุณพ่อกับคุณแม่มาตามหาที่โรงเรียน เธอก็นั่งหน้าซีด ตัวสั่นเล็กน้อย ผมเหลือบ
สายตาไปมองแล้วสงสาร เธอคงกลัวบุพการีทั้งสอง จะกล่าวโทษ ที่เธอแอบไปนั่งรถเล่นกับผม
 
แม้ผมยังงุงงไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่แม่น้องกันจึงมาตามหา ทั้งๆที่ผมก็กลับมาก่อนเวลางานเลิกตั้งหลายชั่วโมงเช่นนี้ หรืออาจ
จะมีคนโทรไปรายงาน
 
แต่การที่จะปล่อยให้น้องกันเดินเข้างานไปตามลำพังนั้น ผมทำไม่ได้แน่ แม้จะรู้ว่าถ้าผมตามเข้าไปส่ง อาจจะโดนพ่อแม่น้อง
กันกล่าวโทษ หรือทำร้าย แต่ผมก็ไม่กลัว เพราะรุ้ใจตนเองดีว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมค่อยๆเคลื่อนรถผ่านประตูโรงเรียนเข้า
ไปช้าๆ แสงไฟจากหน้ารถสาดต้องกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่ใต้อาคารเรียน ใกล้ๆที่จอดรถอยู่สักสิบกว่าคน ต่างชี้มือมาที่รถบีเอ็ม
สีแดงของผม น้องกันกระซิบบอกว่าคุณพ่อคุณแม่เธอรวมตัวอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นด้วย ผมเลยนำรถไปจอดใกล้ๆ
 
"ไม่ต้องกลัวนะครับน้องกัน..เราไม่ได้ทำอะไรผิด..." ผมกระซิบบอก พอรถจอดสนิทน้องกันก็รีบเปิดประตุรถเดินนำเข้าไปหา
โดยที่มีผมเดินตามอยู่ด้านหลัง
 
"ไปไหนกันมารึน้องกัน..พ่อแม่เป็นห่วง.."
 
เสียงแม่น้องกันร้องถามเสียงเครียด เมื่อน้องกันเดินเข้าไปกอดเธออย่างประจบ ในขณะที่ผมเดินไปหยุดอยู่ห่างบุพการีทั้ง
สองของน้องกันตรงหน้า
 
"หนูกันขอโทษค่ะ..ที่ทำให้คุณแม่คุณพ่อเป็นห่วง..เผอิญไม่ได้เจอพี่ชายมาหลายปี..ก็เลยไป..เอ้อ..นั่งรถเล่นกันค่ะ..." น้องกัน
อธิบายเสียงเรียบๆ แต่สีหน้ายังคงกริ่งเกรงพ่อแม่จะดุอยู่
 
"อ้อ..ไปกับสมชายเองรึ..สมชายเป็นรุ่นพี่ของน้องกันค่ะคุณพ่อคุณแม่..เป็นเด็กดีมีความประพฤฒิเรียบร้อย เรื่องนี้คุณครูรับ
ประกันได้ค่ะ..เด็กๆคงแค่ไปนั่งรถเล่นกัน ไม่ได้ถูกล่อลวงไปอย่างแน่นอน..." คุณครุสุกัญญาที่ยืนอยู่ด้วยรีบออกปากการันตี
ตัวผม
 
"เอ๊ะ..หลานชายคนนี้..เหมือนผมเคยเห็น.." คุณพ่อน้องกันเพ่งมองหน้าผมด้วยสายตานิ่งเฉย แล้วขมวดคิ้วเหมือนรำลึกความ
ทรงจำ
 
"ก็พี่ชายที่หนูกันเคยแนะนำให้คูณพ่อรู้จัก ตอนที่พี่ชายไปเป็นกระเป๋ารถเมล์ไงคะ..." คราวนี้นำเสียงน้องกันค่อยสดใสขึ้น คง
คาดการณ์แล้วว่าไม่โดนดุแน่ๆ
 
"อ้อ..อืม..จำได้แล้ว..โตเป็นหนุ่มแล้วนี่หลานชาย......" คุณพ่อน้องกันพูดยิ้มๆ ไม่มีวีแววว่าจะดุแต่อย่างใด
 
"เอ้อ..แม่พาหนูกันไปขึ้นรถก่อนเร้ว...พ่อมีอะไรจะคุยกับหลานชายคนนี้หน่อย..."
 
พ่อน้องกันพูดจบ แม่น้องกันก็พาเธอเดินไปขึ้นรถเบนซ์ที่จอดอยู่ไม่ห่างนัก น้องกันยังแอบมาโบกมาลาผมด้วยซ้ำ สถานการณ์
ที่ดูตึงเครียดผ่อนลงไป จนเกือบอยู่ในสภาวะปรกติ..เพื่อนๆน้องกันหลายคนต่างก็เดินกลับไปร่วมงานตามเดิม คงมีเหลืออยู่
อีกสามสี่คน รวมทั้งอาจารย์สุกัญญาด้วย ส่วนเพื่อนๆผมและพี่หน่อยเริ่มทยอยเดินเข้ามาสมทบ
 
"เอ้อ..หลานชายคงยังเรียนไม่จบ..ใช่มั๊ย..." พ่อน้องกันเอ่ยเรียบๆขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มคนที่เงียบสงบรอฟัง
 
"ครับท่าน..ผมเรียนด้วยทำงานไปด้วยครับ..." ผมตอบไปด้วยเสียงที่เคารพและสุภาพ
 
"อืม..ขยันดีนะ..รู้จักทำงานหาเงินเองด้วย ซ้ำยังเรียนไปด้วย อนาคตต้องเจริญแน่ๆ..." พ่อน้องกันพูดยิ้มๆ อยู่ดีๆ สีหน้าก็เริ่ม
ตึง เสียงเริ่มเครียด ก่อนจะพูดต่อว่า
 
"ครอบครัวผมเป็นทหาร พี่ชายหนูกันสองคนก็เป็นนายร้อยอยู่..ครอบครัวเรารักในศักดิ์และสีของทหาร...ฉนั้น น้องกันเป็นลูก
สาวคนเดียวที่แตกออกไปเรียนหมอ แต่ผมก็ต้องการให้เธอได้สามีที่เป็นทหารเป็นคนมีสีเยี่ยงผม..." น้ำเสียงพ่อน้องกันทำเอา
คนที่ยืนฟังต่างนิ่งเงียบ
 
"แม้ผมจะนิยมชมชอบหลานชายว่าเป็นเด็กขยันหมั่นเพียร..แต่..คงเข้าใจหัวอกพ่อแม่นะ..ว่าต้องการให้อนาคตของลูกสาว
เป็นอย่างไร ..ผมขอพูดแค่นี้สั้นๆ หวังว่าหลานชายคงเข้าใจ และผมคงไม่ต้องออกมาตามหาลูกสาวแบบคืนนี้อีก..."
 
สิ้นสุดเสียงทุ้มห้าวๆที่เข้มแข็งตึงเครียด พ่อน้องกันก็หันหลังกลับเดินไปที่รถของตนเอง ผมยังเห็นน้องกันโบกมือผ่านกระจก
หยอยๆมาให้ผม เธอคงไม่ได้ยินคำพูดของพ่อเธอเป็นแน่
 
แต่ผมยังยืนนิ่ง ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยอับอายมากเท่าคืนวันนี้ ต่อให้ผมยังเป็นเด็กร้านจานตามร้านข้าวมันไก่ ต่อให้ผม
ต้องแต่งชุดนักเรียนแล้วกระโดดไปกระโดดมาเพื่อเก็บค่าโดยสาร ผมยังไม่เคยรู้สึกอับอายเท่ากับตอนนี้ แม้คุณพ่อน้องกัน
ไม่ได้พูดออกมาตามตรงว่า ให้ผมหัดตักน้ำใส่กระโหลก แล้วชะโงกดูเงาก็ตาม แต่ความหมายมันหาได้
ต่างกันตรงไหน ผมยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นถ้าพี่หน่อยไม่เอื้อมมือมาจับแขนผม
 
ผมเห็นพี่หน่อยยืนน้ำตาซึมแล้วจูงมือผมเดินเหมือนหุ่นยนต์ไร้วิญญาณกลับมาที่รถ เพื่อนๆของผมตบไหล่ปลอบผมเบาๆ แต่
ทุกคนไร้คำพูดที่จะเอ่ยปลุกปลอบ ผมเม้มปากกัดฟันแน่น จนกรามนูนเป็นสัน มือกำแน่นจนเล็บสั้นๆแทบจะจิกลงไปในเนื้อ
ผมไม่ได้โกรธคำพูดของพ่อน้องกันเลย..เพราะถ้าผมมีลูกสาว ผมก็คงต้องเลือกคุ่ครองที่ดีที่สุดให้กับเธอเช่นกัน แต่ผมแค่
โกรธตัวเองที่เคยมองพ่อแม่น้องกันด้วยความเคารพด้วยความเลื่อมใส ในวันแรกสมัยที่ผมยังเป็นกระเป๋าเก็บค่าโดยสาร ผม
แค่โกรธตัวเองที่หลงผิดคิดเผยอ ว่าการที่เป็นคนดี มีสัมมาชีพคงเทียบชั้นกับน้องกันได้แล้วเท่านั้นเอง

"ใจเย็นๆนะจ๊ะชาย..คนเป็นพ่อแม่ก็ต้องพูดแบบนี้แหละ..." พี่หน่อยค่อยๆเคลื่อนรถออกจากโรงเรียน แล้วพูดปลอบใจผมเสียง
นุ่มๆเบาๆ ผมตอบรับเพียง ครับ สั้นๆ
 
"ชายต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองให้พ่อน้องกันเห็น ว่าถึงแม้ชายจะไม่ได้เป็นทหารไม่ได้เป็นคนมีสีมีศักดิ์..แต่ก็จะเป็นผู้นำครอบ
ครัวที่ดีได้.."
 
"สู้ๆนะจ๊ะ....เออว่าแต่น้องกันเธอยังรู้สึกกับชายเหมือนเดิมใช่มั๊ยจ๊ะ.."
 
"ครับ...." ผมตอบรับสั้นๆเหมือนเช่นเคย รู้สึกใจมันหดหู่กับคำปรามาส จนเหมือนมีลมมาติดค้างอยู่ที่ลำคอ
 
"นั่นแหละดีแล้ว..ของแบบนี้มันอยู่ที่ตัวน้องกัน..ถ้าเธอยังรักชายไม่เปลี่ยนใจไปไหน..ยังไงเสียอุปสรรรค่แค่นี้ ชายกับน้องกัน
ต้องช่วยกันฟันฝ่านะจ๊ะ..." พี่หน่อยพยามยามพูดปลอบใจผมอีกหลายคำ แต่มันก็ยังไม่ช่วยทำให้ใจที่บอบช้ำของผมดีขึ้นมา
เท่าไหร่เลย
 
"เอ่อ..พี่ครับ ทำไมพ่อแม่น้องกัน เขาถึงมาที่โรงเรียนล่ะครับ พี่พอทราบมั๊ย..." ผมถามพี่หน่อยด้วยความข้องใจ คิดว่ามันต้อง
ไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอน
 
[post]
"อือ..ก็ทางโรงเรียนน่ะสิ..คงอยากอวดว่าที่โรงเรียนมีศิษย์เก่าเป็นนักศึกษาแพทย์มั้ง..เลยประกาศเรียกน้องกันขึ้นไปรับโล่ห์
รางวัล..คราวนี้พอประกาศหลายครั้ง แต่น้องกันไม่ขึ้นมา ก็เลยเริ่มออกตามหา เพื่อนๆของเธอ เดินมาตามหาน้องกันที่โต๊ะ
ของชาย..เจ้าเพื่อนคนที่ชื่อโตน่ะ เลยโพล่งออกไปว่าน้องกันไปนั่งรถเล่นกับชาย..เท่าน้นแหละ เพื่อนๆน้องกันเลย กล่าวหา
ว่าชายล่อลวงเธออกไปนอกงาน แล้วโทรไปหาคุณพ่อน้องกัน..เรื่องมันก็เลยเป็นอย่างที่ชายเห็น..แต่แรกพี่ไม่อยากให้ชาย
เข้าไปในงานกับน้องกัน เพราะกลัวว่าพ่อแม่เธอจะแจ้งข้อหาว่าชายล่อลวงลูกสาวเขาไปน่ะจ๊ะ..."
 
พี่หน่อยเล่าเรื่องให้ผมฟังจนหมด ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ด้วยความกลัดกลุ้ม ป่านนี้น้องกันก็คงเข้าใจว่าพ่อแม่เธอไม่ได้
รังเกียจตัวผมอย่างแน่นอน แล้วผมจะทำอย่างไรดี ที่จะพูดหรืออธิบายให้น้องกันเข้าใจได้
 
"เอาน่า..อย่าเพิ่งกลุ้มใจไปเลยจ๊ะ..รออีกวันสองวัน ชายลองไปดักพบน้องกันที่มหาวิทยาลัยสิจ๊ะ..แล้วค่อยๆอธิบายให้เธอฟัง.."
 
พี่หน่อยที่แสนดียังพยามชี้แนะนำหาหนทางให้กับผม จนผมต้องหันไปมองซีกหน้าของเธอว่าที่พี่หน่อยพูดมาทั้งหมดนั้น มัน
เป็นความจริงใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ เธอไม่รุ้สึกหึงหวงผมเลยหรืออย่างไร ทั้งๆที่พี่หน่อยกับผม ไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้า
กับลูกน้องเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่จากสีหน้าแววตาของเธอ ผมกลับพบเจอแต่ความจริงใจ
 
คืนนั้นผมไม่ได้กลับไปนอนบ้านหรอกครับ เพียงนอนให้พี่หน่อยกอดเฉยๆจนหลับกันไปทั้งคู่ ผมยังไม่มีอารมณ์พิสวาท
แม้จะมีร่างนุ่มนิ่มกอดประคองอยู่ตลอดทั้งคืนก็ตาม แต่ก็ดีครับ เหมือนพี่หน่อยจะล่วงรู้อารมณ์ของผม เธอจึงเพียงนอนกอด
นอนคุย ปลอบประโลมใจผมเพียงเฉยๆ ไม่ได้ยวนยั่ว หรือออดอ้อนปลุกอารมณ์แต่อย่างใด
 
จนรุ่งเช้าเป็นวันอาทิตย์ พวกเราหยุดงานกันทั้งคู่ พี่หน่อยจึงชวนผมออกไปทำบุญที่ต่างจังหวัดใกล้ๆ เพื่อให้ผมลืมเรื่องร้ายที่
บันทอนจิตใจ จนผมทำบุญทำทานเสร็จ ก็เกิดความสบายใจ พร้อมพลังฮึกเหิม ที่จะฝ่าฟันอุปสรรครักของ
ผมกับน้องกันขึ้นมาอีกครั้ง
[/post]

johnywalker

#1
 ::Crying:: พวกทหารเป็นอย่างนี้จริง  ๆ นะครับ กฎระเบียบที่เราไม่รู้อีกมากมาย

samrong

ยุคนั้นยังรบกับคอมฯอยู่  ตามชายแดนทั้งซ้ายขวาก็มีการปะทะกันอยู่เนืองๆ ยังอยากได้เขยเป็นทหารอีกหรือ อันตรายนะครับ

aeadza

อุปสรรคขวากหนามชิ้นใหญ่เลยทีนี้ครับทำไงๆๆๆๆ

devilzoa

พี่หน่อยเป็นคนที่ทำเพื่อคนที่ตัวเองรัก เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขตนก็สุข