ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ร้อยรักวัยสวาท ภาคแรก ตอนที่39

เริ่มโดย suckzeed, มีนาคม 13, 2016, 10:40:59 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

 อ่านก่อนอ่านผลงาน http://xonly69.com/read-xonly-tid-159448.html  


 
 
"ชายคิดไว้หรือยังจ๊ะ..ว่าจะทำอย่างไรต่อไป..." จู่ๆพี่หน่อยก็ถามผมขึ้นมา ขณะที่ผมกำลังขับรถกลับจากอยุธยา

"คิดเรื่องอะไรครับ..." ผมย้อนถามกลับงง ๆ เพราะยังไม่เข้าใจว่าพี่หน่อยพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

"อ้าว..ก็เรื่องน้องกันไงล่ะจ๊ะ..พ่อน้องกันอยากได้ลูกเขยเป็นพวกมีสี...ชายก็ทำตัวให้เป็นพวกนั้นสิคะ.."
 
"ไม่ละครับ...ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้..." ผมปฏิเสธหน้าตาเฉย จนพี่หน่อยต้องละสายตามามองหน้าผมนิ่งเขม็ง เหมือนไม่เชื่อสิ่ง
ที่เธอได้ยิน

"พี่ครับ..ผมยังคงเป็นตัวผม แม้ผมเรียนจบมา ผมก็ไม่คิดจะทำงานรับราชการ ให้ตัวเองมีสี แบบที่พ่อน้องกันเขาต้องการ ผม
ยังคงเป็นนายสมชาย ราษฏรเต็มขั้น..ตามเดิม ถ้าพ่อน้องกันจะเอาเรื่องนี้มาตั้งแง่รังเกียจผม ก็คงต้องปล่อยไปครับ ผมไม่มี
วันเปลี่ยนสีตัวเอง ยอมทำตามความต้องการแบบนั้นของพ่อน้องกันอย่างแน่นอน.."
 
ผมตอบพี่หน่อยไปตามตรง ด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวจริงจัง ตามความรุ้สึกนึกคิดในใจของผม ผมไม่มีวันเปลี่ยนตัวเอง ยอม
ทำตามความต้องการของพ่อน้องกันแน่ และผมก็เชื่อมั่นว่า น้องกันคงไม่ได้คิดแบบคุณพ่อของเธอเช่นกัน
 
"อืมมมม..ที่จริงมันก็เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วนะ..คนเราจะทำสิ่งที่ตนเองไม่ชอบได้อย่างไร โดยเฉพาะต้องปรับเปลี่ยน
ตัวเองเพื่อเอาใจว่าที่พ่อตาแบบนั้น..." พี่หน่อยเริ่มคล้อยตามความคิดของผม

"แล้วชายจะไปพบน้องกันอีกเมื่อไหร่คะ.."
 
คราวนี้ผมเองกลับต้องเป็นฝ่ายเหลือบตามามองพี่หน่อย อยากรู้ว่าที่เธอถามมานั้น มันมาจากความรุ้สึกภายในใจจริงๆหรือ
แกล้งพูดกันแน่ แต่ผมก็ไม่พบพิรุธใดๆ บนใบหน้าสวยหวานของพี่หน่อยเลยแม้แต่นิด จนอดคิดไม่ได้ว่าพี่หน่อยเธอไม่ได้
รักผมหรือไร จึงไม่มีอาการหึงหวงแม้สักนิด
 
"แน๊...มาจ้องมองพี่แบบนี้ทำไม..คงคิดละสิว่าทำไมพี่ถึงไม่หึงหวงชายบ้างเลยใช่มั๊ยจ๊ะ..." พี่หน่อยรู้ทันสายตาผมจนได้ เธอ
จึงรีบพูดดักความคิดของผมเสียก่อน ที่จะคิดเตลิดไปมากกว่านี้

"พี่รักชายสิจ๊ะ..รักมากด้วย..แต่พี่ก็มองเห็นว่าน้องกันเป็นผู้หญิงที่น่ารัก นิสัยดีคนหนึ่งเช่นกัน อีกอย่างเธอก็เป็นคนรักของ
ชายมาก่อน ..พี่จึงไม่คิดขัดขวาง..." พี่หน่อยรีบอธิบายให้ผมฟัง แม้ผมพอจะเข้าใจ แต่มันก็อดแปลกใจสงสัยไม่ได้ว่า จะมี
ผู้หญิงแบบพี่หน่อยอีกสักกี่คน ที่มีความคิดแบบนี้
 
"แล้วชายจะบอกน้องกันเธอมัยคะ..ว่าพ่อน้องกันพูดแบบนี้กับชาย..เพราะพี่ดูแล้วตอนเธอนั่งรถกลับ เธอคงยังไม่รู้เรื่องอะไร
ด้วยเลย.." พี่หน่อยยังคงพูดถึงเรื่องน้องกัน เสมือนว่ามันเป็นเรื่องสำคัญต่อเธอ มากกว่าผมเสียด้วยซ้ำ
 
"ไม่บอกครับ.." ผมพูดออกไปตามตรง เพราะคิดไว้แล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับน้องกันเป็นอันขาด

"ผมคิดว่า..ผมควรจะอยู่ห่างๆน้องกันไปสักพักก่อน แล้วเอาเวลานั้นมาทำงานและเรียน เพื่อจะได้จบสักที พี่ว่าดีมั๊ยครับ..."
ผมลองสอบถามความคิดเห็นจากพี่หน่อย อย่างน้อยเธอก็ผ่านโลกมามากกว่าผม น่าจะเป็นผู้ให้คำปรึกษากับผมได้ดี
 
"เรื่องเรียนเรื่องทำงานน่ะพี่เห็นด้วยจ๊ะ..แต่ชายไม่ควรออกห่างจากน้องกันนะ..เพราะเธอคงไม่เข้าใจแน่ว่า มันเป็นเพราะเหตุ
ใด...เอ้อ..ที่พี่ถามชายยังไม่ตอบพี่เลยว่า จะไปหาน้องกันเมื่อไหร่..."

"เอ้อ..เห็นน้องกันบอกว่า ทุกวันจันทร์ช่วงบ่ายเธอจะว่าง ไม่มีชั่วโมงเรียนครับ..." ผมบอกไปตามที่รู้มา
 
"ดีเลย..งั้นพรุ่งนี้ช่วงบ่าย ชายก็ไปดักรอพบน้องกันที่คณะสิคะ..."
 
พี่หน่อยสรุปให้เบ็ดเสร็จ จนผมต้องหันหน้ามามองใบหน้าเธออีกครั้ง เพราะรุ้สึกว่าพี่หน่อยกระตือรือร้น เรื่องผมกับน้องกันจน
ออกนอกหน้า เหมือนมันมีนัยแอบแฝง
 
"ไม่ต้องสงสัยหรอกจ๊ะ..ว่าทำไมพี่หน่อยถึงสนับสนุนชายเรื่องนี้..สักวันหนึ่งชายจะรู้เองว่าพี่ทำไปนั้นเพราะอะไร...."

คราวนี้ผมจับน้ำเสียงแฝงแววเศร้าๆ ของพี่หน่อยได้ชัดเจน แต่เธอก็ไม่ปล่อยให้ผมซักถาม ชวนผมคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไป จน
ผมลืมคำถามที่ตั้งใจถามไปทันที
 
รุ่งขึ้นวันจันทร์ ผมก็ทำตามที่พี่หน่อยบอกไว้ทันที หลังจากพูดคุยกับลูกทีมสักพัก จนปล่อยพวกเขาออกไปทำงาน แม้เกวลิน
จะอิดออด เหมือนมีเรื่องอยากคุยกับผม  แต่ผมก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอซักถามพูดคุย เพราะแน่ใจว่าเรื่องที่เกวลินจะถามจะคุย
นั้น คงไม่พ้นเรื่องในวันงานโรงเรียนอย่างแนนอน
 
เมื่อลูกทีมผมออกไปทำงานหาลูกค้ากันหมดแล้ว ผมเดินไปเยี่ยมหน้ามองพี่หน่อยที่ห้องของเธอ ตั้งใจบอกกับพี่หน่อยว่า วันนี้
ผมจะไปทำอะไร แต่เห็นว่าเธอกำลังโทรศัพท์พูดคุยอยู่ ผมเลยไม่ทันบอก รีบขับรถตัวเองไปที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อ
ติดต่อฝ่ายธุรการ เกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนใหม่อีกครั้ง จนเกือบเที่ยง ผมจึงกลับออกมาจากมหาวิทยาลัย แล้วรีบขับรถไป
สามย่าน เพื่อดักรอพบน้องกันทันที
 
ผมรออยู่พักใหญ่ ก็เห็นน้องกันเดินลงมาจากตึกคณะกับเพื่อนของเธอ ทั้งหญิงและชายกลุ่มเล็กๆสักสี่ห้าคน เมื่อน้องกันลงมา
ถึงหน้าตึก เธอก็หันมองรอบๆ เหมือนมองหาใครสักคน จนกระทั่งสายตาเธอกวาดมาพบผมที่ยืนรออยู่โคนต้นจามจุรี น้องกัน
เธอฉีกยิ้มด้วยความดีใจ แล้วเดินปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ เดินตรงรี่เข้ามาหาผม
 
"พี่ชาย..มารอกันนานหรือยังคะ..." ทันทีที่น้องกันเดินเข้าหยุดยืนต่อหน้าผมเธอก็รีบถามทันที

"แป๊บเดียวเองครับ..น้องกันหิวหรือยังครับ..."

"จะพากันไปเลี้ยงหรือคะ..กันทานเก่งนะคะ..บอกไว้ก่อนฮิฮิ..." น้องกันพูดยิ้มๆล้อผมขันๆ ผมมองรุปร่างเพรียวบางของเธอ
แล้วก็หัวเราะตาม ตัวบางๆขนาดนี้จะกินเก่งสักแค่ไหน
 
ผมรีบพาน้องกันไปขึ้นรถของผมแล้วขับพาเธอออกมาสุ่ถนนด้านหน้ามหาวิทยาลัย ตั้งใจจะพาเธอไปหาอาหารกินแถวๆ
สามย่าน แต่น้องกันกับขัดขึ้นเสียก่อน
 
"แวะซื้อไก่ เคเอฟซี กันดีกว่าค่ะพี่ชาย..แล้วเราไปนั่งทานกันที่สวนลุม.."
 
น้องกันเสนอแผนการขึ้นมาทันที ผมก็ไม่ขัดใจเธอ พอเราหาซื้อไก่เคเอฟซี แถวสยามใกล้ๆโรงภาพยนต์สยามได้ตามที่เธอ
ต้องการแล้ว ผมก็ขัยรถพาน้องกันมานั่งเล่นกันที่สวนลุมทันที
 
ที่สวนลุมสมัยเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว ยังค่อนข้างเงียบ โดยเฉพาะในวันทำงานเช่นนี้ สุมทุมซุ้มไม้ก็หนาแน่น เรียกได้ว่า
มันมีมุมสงบอยู่มากมาย ที่จะให้หนุ่มสาวเข้าไปคุย ไปพลอดรักกันได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องเกรงว่าจะมีสายตาสอดรู้สอด
เห็นจากคนอื่น หรือมีกล้องแอบถ่ายแบบสมัยนี้
 
ช่วงแรกผมพาน้องกันไปนั่งทานไก่เคเอฟซีกันที่เก๋งจีน ที่อยุ่ติดลำน้ำใสสะอาด เราพูดคุยกันล้วนแต่เรื่องที่เกี่ยวกับการเรียน
ของแต่ละคน จนกระทั่งทานเสร็จก็เดินกี่ยวนิ้วกันเดินย่อยอาหาร ช่วงนั้นน้องกันจึงเอ่ยปากสอบถามผมเกี่ยวกับเรื่องในคืน
วันงานโรงเรียน
 
"พี่ชายทราบหรือยังคะว่า ทำไมคืนนั้นคุณพ่อน้องกันถึงมาที่โรงเรียน..." น้องกันถามเหมือนต้องการจะเล่าเรื่องให้ผมฟัง เพราะ
คิดว่าผมยังไม่ทราบเรื่องทั้งหมด

"อ้อ..พี่ทราบแล้วครับ..พ่อน้องกันคงห่วงน่ะครับ คิดว่าน้องกันถูกพี่ล่อลวงออกไปจากงานโรงเรียน..." ผมตอบยิ้มๆ ให้ดูเป็น
เรื่องขำๆ
 
"แล้วพี่ชายกลัวมั๊ยคะ..."
 
น้องกันถามยิ้มๆ แล้วจ้องหน้าผมเพื่อรอคำตอบ แต่ผมยังไม่ทันรีบตอบก็ฉุดแขนน้องกันทรุดลงนั่งที่โต๊ะม้าหินชุดหนึ่งที่ล้อม
รอบด้วยพุ่มไม้เตี้ยๆใบหนาๆ
 
"ไม่กลัวครับ..เพราะพี่ไม่ได้ล่อลวงน้องกันไปสักหน่อย...เราแค่ออกไปนั่งรถคุยกันเฉยๆ.." ผมตอบยิ้มๆแล้วย้อนถามน้องกันบ้าง

"กลับบ้านไปแล้ว..น้องกันโดนคุณพ่อกล่าวโทษบ้างหรือเปล่าครับ..."

"ไม่นี่คะ...คุณพ่อยังชมเลยว่าพี่ชายเก่ง..ที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย...หายากสำหรับผู้ชายวัยเท่านี้..." น้องกันตอบยิ้มๆ แล้ว
มองหน้าผมด้วยนัยต์ตาที่บ่งบอกความภาคภูมิใจในตัวของผม
 
"แต่คุณแม่เตือนน้องกันว่า ยังอยู่ในวัยเรียน อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่น นอกจากเรื่องเรียนค่ะ...แต่.." น้องกันอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดต่อ จน
ผมต้องกระตุ้น ด้วยอยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับการคบหาเป็นแฟนกับผมทั้งที่ยังอยู่ในวัยเรียน
 
"แต่อะไรครับ"
 
"ตะ...แต่น้องกันว่า..เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่คะ.."
 
น้องกันบอกเสียงแผ่วๆ วงหน้าเริ่มแดงขึ้นมาทีละนิดๆ ผมไม่แน่ใจว่าในใจเธอกำลังคิดถึงเหตุการณ์ระหว่างที่เราคุยกันอยู่ใน
รถหรืออย่างไร ถึงได้ทำท่าเขินอายขึ้นมาในตอนนี้ทันที
 
"พี่ขอโทษครับ..ทะ..ที่ล่วงเกินน้องกัน..พี่อดใจไม่อยู่จริงๆครับ เพราะน้องกันสวยน่ารักเหลือเกิน..." ผมตอบเสียงสั่นๆกลับ
ด้วยความรุ้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ จนใกล้จะระเบิดออกมา
 
"คนรักกันเขาต้องทำแบบนั้นด้วยหรือคะ..." น้องกันถามเสียงแผ่วหวาน สั่นๆ แล้วหน้ายิ่งแดงกล่ำขึ้น เมื่อใจเธอคงนึกไปถึง
รสจูบของผมเมื่อคืนวันก่อน
 
"ถ้าน้องกันไม่ชอบ..คราวหลังพี่ชายจะไม่ทำอีกครับ.." ผมพูดยิ้มๆแต่หนักแน่น เหมือนเป็นคำสัญญา

"เอ้อ..น้องกันไม่ได้พูดสักหน่อยว่าไม่ชอบ..."
 
แต่น้องกันกลับตอบเสียงอุ๊บอิ๊บแผ่วๆเขินๆ แล้วนั่งก้มหน้า ซ่อนสายตาจากผม แต่แก้มสุกใสแดงปลั่งไปจนกระทั่งถึงใบหู
เพราะเธอเกล้าผมรวบเปิดหน้าผากกว้างให้แลเห็นความโหนกนูน
 
"ถ้างั้น พี่จะเข้าใจว่าน้องกันชอบ การกระทำของพี่นะครับ.."
 
ผมรีบสรุปแบบมัดมือชก จนน้องก้นส่งสายตาเหลือบขึ้นมองค้อน แต่เธอกลับยิ้มอายๆ เมื่อผมก้มหน้ามองจ้องลึกเข้าไปใน
ลูกนัยน์ตาโตๆของเธอ แล้วก็เหมือนเธอโดนสายตาคมเข้มของผมสะกดจิต จนน้องกันสบตาผมนิ่ง แม้กระทังผมค่อยๆเอน
หน้าเข้าไปแนบ จนสันจมูกโด่งของผม กดลงไปจนแก้มใสๆเนียนๆของน้องกันยุบบุ๋มลงไป
 
"อื้อออ..รังแกน้องกันอีกแล้ว.."
 
น้องกันหลุบตาจ้องมองตัก แล้วพูดเสียงสั่นๆ หน้าแดงกล่ำ ผมเอื้อมมือไปโอบไหล่น้องกันเบาๆ ก็รุ้สึกเลยว่าตัวเธอสั่นน้อยๆ
เหมือนลูกนกตกน้ำ แต่เธอก็ไม่แข็งขืน เมื่อผมออกแรงดึงไหล่น้องกันจนมาแนบกับแผงอกผม
 
"น้องกันหนาวหรือครับ..."
 
ผมถามเพราะขณะนั้นมันเป็นเดือนมกราคม หน้าหนาวของเราพอดี ซึ่งในช่วงเวลานั้นหน้าหนาวมันก็หนาวจริงจนต้องใส่เสื้อ
หนาๆกันหนาวกัน ไม่เหมือนในปัจจุบัน ที่หน้าหนาวยังร้อนแทบตับแตก

"เปล่าค่ะ..กันไม่ได้หนาว..ตะ..แต่กันกลัวพี่ชาย..."
 
น้องกันสารภาพเสียงเบาๆ เมื่อผมเอื้อมมืออีกข้างไปโอบกอดรัดร่างบอบบางของน้องกันแน่นขึ้น โดยไม่กลัวว่าใครจะมองเห็น
เพราะพุ่มไม้เตียๆนั้นใบหนาทึบ จนพอเรานั่งลงไปที่ซุ้มม้าหิน คนเดินผ่านไปผ่านมาก็จะไม่เห็นเลยว่ามีใครนั่งอยู่ในนั้น
 
"กลัวพี่?..ทำไมครับ...." ผมก้มหน้าลงไปจนริมฝีปากอยู่ห่างจากริมฝีปากน้องกันไม่ถึงฝ่ามือ

"พี่ชายไม่เหมือนก่อน..ไม่ขี้อาย แล้วก็ไม่น่ารักแล้วด้วย.." น้องกันตอบอุ๊บอิ๊บมา ซ้ำยังก้มหน้าไม่กล้าสบตากับผม
 
"ไม่น่ารักจริงหรือครับ..."
 
[post]
ผมพูดจบก็กดริมฝีปากตัวเองแนบลงไปที่ริมฝีปากเรียวบางมีเพียงลิปสิคมันๆเคลือบเอาไว้ น้องกันทำท่าอึกอัก แต่เมื่อผม
เน้นน้ำหนักลงไปจนปากเธอเผยอ ลิ้นเรียวแหลมของผมก็ฉกวาบเข้าไปในกระพุ้งปากน้องกันทันที แล้วแตะถูกปลายลิ้น
น้องกัน เธอสะดุ้งเหมือนโดนไฟช็อต แต่ก็พริ้วลิ้นหนี แต่ผมฉกลิ้นไล่ต้อนจนมันจนมุม ยินยอมให้ปลายลิ้นผมแตะไล้เบาๆ
จนน้องกันก็ตัวสั่นเอื้อมมือมากอดแขนผมไว้ เหมือนหาที่ยึด ผมฉกลิ้นกระตุ้นในโพรงปากซ้ำ จนน้องกันตัวอ่อน ครางฮือๆ
เบาๆในลำคอ
 
[/post]
 

 

johnywalker

พระเอกเริ่มปล่อยของแล้ว อะไรที่เรียนรู้มา เอามาใช้ให้หมด ::WowWow::


aeadza

ทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเผื่อมีคนแอบตามดูพฤติกรรมอยู่ละยุ่งเลย

devilzoa

โดนจูบแลกลิ้นเข้าไปน้องกันถึงกับระทวยเลย