ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ศึกหมอผี ตอนที่ ๑๓ ( Origins.)

เริ่มโดย นีโอ, มีนาคม 13, 2016, 04:46:16 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ

คุยก่อนอ่าน

ดำเนินเรื่องมาจนถึงตอนจบของภาค สาปสมิงสาว แล้ว ตอนนี้ค่อนข้างยาวหน่อยนะครับ ค่อยๆอ่านกันไป
หลังจากจบภาคนี้จะต่อด้วย ภาค EVP. หมอผีปะทะปรีเดเตอร์ แต่จะมาไวหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับแรงใจจากทุกท่าน
และใครที่ไม่เคยตอบเลย ตั้งแต่ตอนแรก ก็ขอให้ลองตอบสักครั้ง อยากรู้ว่าจะขาดใจหรือไม่

ส่วนบรรดามหาเกรียนทั้งหลาย ถ้าจะตอบกวนๆก็ขออย่าตอบเลยนะ อาทิ อื่อๆดี ตอบแล้วนะ ขอตาม สนุกดี สนุกมากฯ
มันไม่ได้มีประโยชน์อะไร กวนตากวนใจและถูกแบนเปล่าๆ ส่วนท่านที่เป็นนักอ่านเงา (บอร์ดผมเรียกปลิง) ถ้าพอใจ
จะเป็นอย่างนั้นก็ตามใจ ผมคงไปขอร้องอะไรไม่ได้  และหวังว่าจะเจอกันในตอนหน้าโดยเร็วนะครับ

ด้วยไมตรีจิต นีโอ




ป.ล.สำหรับเรื่องนี้ เคยคิดจะรีไรต์ทำเป็น E book แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างก็ยกเลิกไป
อ่านกันในนี้แหล่ะครับ สนุกกว่า สะใจดี ฮรี่ๆๆๆ





อ่านผลงานของนีโอแล้ว ถ้าชอบใจ แวะไปโหลด E book อ่านได้ที่ MEB.

ขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ^^




ศึกหมอผี  ตอนที่ ๑๓

มหาสงครามไสยเวทย์กู้บัลลังก์...



<>::<>::<>


หลังจากใช้เวลาเดินทัพมาได้สิบวัน กองทัพของท้าวพยัคฆราชได้บรรลุถึงแม่น้ำสะแกมีความกว้างประมาณ ๑๕ กิโลเมตร และเวลาที่กองทัพมาถึงนั้นก็เป็นต้นฤดูหนาว ทั้งยังเป็นปีที่อากาศค่อนข้างอบอุ่น มีการรั้งทัพปลูกค่ายพักเพื่อหารือเรื่องการข้ามแม่น้ำสายใหญ่ภายในเพิงพัก ซึ่งสร้างขึ้นเป็นพลับพลาที่ประทับชั่วคราวโดยใช้หญ้าฟางและลำไม้ไผ่ที่หา ได้จากในป่า ในส่วนหลังคาก็มุงด้วยใบจาก

หลังจากประชุมถกเถียงกันพักใหญ่ว่าจะจองถนนทำแพให้กองทัพข้ามไป หรือจะสร้างเรือต่อแพลำเลียงกองทัพข้ามไปดี ด้วยความเร่งรีบที่จะยกทัพไปประชิดกำแพงเมืองนครพยัคฆาก่อนกองทัพหนุนทางเหนือของเจ้านางจะยกมาช่วยตีกระหนาบ จะเป็นศึกสองด้าน  ในที่สุดมติประชุมจึงตัดสินให้ลงมือสร้างเรือแพ

กองทัพท้าวพยัคฆ์ราชหยุดตั้งค่ายเพื่อสร้างเรือโดยอาศัยต้นไม้บริเวณนั้นเป็นวัตถุดิบ  ทำให้เรือแพที่จะใช้ข้ามแม่น้ำทั้งหมดถูกสร้างเสร็จภายในเวลาเพียง ๑๐ วัน จากนั้นเหล่าทหารได้แบ่งกันขึ้นเรือข้ามแม่น้ำโดยมีเรือของแม่ทัพกองหน้านายด่านศรีโพธิ์เป็นผู้เบิกทาง

เช้าวันที่ ๑๑ หลังพักอยู่ริมฝั่งรอต่อเรือแพ หนุ่มหมอผีสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยแรงเขย่าเบาๆที่แขน

" ไม่สบายหรือเปล่า"

เสียงของชมผาเอ่ยถามขึ้นอย่างแผ่วเบา...หนุ่มจอมคาถาตื่นขึ้นพบใบหน้าคนเข้มของคนปลุก

"มะ..ไม่ ข้าสบายดี...."

"ข้าเห็นสูเป็นคนตื่นเช้า วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ยังไม่ตื่นจึงปลุก"

"อื่อๆ ข้าปรกติดี เพียงเมื่อคืนดื่มสุรามากไปหน่อย"

หนุ่มจอมคาถาขยี้ตามองไปรอบ ๆ ทหารส่วนใหญ่กำลังหุงหาอาหารสำหรับมื้อเช้าและเป็นเสบียงสำหรับมื้อกลางวันที่จะต้องลอยอยู่กลางน้ำ และส่วนหนึ่งรื้อถอนค่ายที่พักจัดเตรียมลำเลียงอาวุธหนักลงแพใหญ่...

"เมื่อคืนคุยกับไอ้ชาติเพลิน มันไปล่ากวางมาเป็นกับแกล้ม กว่าจะได้นอน ฮะ..ฮ้าวววว..."

"สูจะนอนต่ออีกก็ได้นะ...ระหว่างรอมื้อเช้าก่อนจะทยอยข้ามฝั่ง"

"ไม่แล้วหล่ะ ข้าตื่นแล้วก็หลับไม่ได้หรอก"

จอมคาถาพูดพลางมองออกไปในแม่น้ำสะแกสายกว้างกวาดสายตาไปโดยรอบแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

"ไอ้ชาติอยู่ไหน ท่านเห็นมันหรือเปล่า?"

"เห็นขลุกอยู่กับทหารกองสอดแนมทางโน้นแน๊ะ มีเรื่องใดจะหารือมันฤา ข้าจะให้คนไปตามมาพบ"

" ไม่ต้องลำบากท่านหรอก ข้าจะไปหามันเอง"

"ฤกษ์ข้ามแม่น้ำ เพลาสามบาทเช้านะ เตรียมตัวให้พร้อม"

"อื่อๆ"

หนุ่มจอมคาถาเดินไปริมแม่น้ำ วักน้ำขึ้นมาล้างหน้าบ้วนปาก แต่แล้วเขาก็สัมผัสถึงพลังอาฆาตบางอย่างแวบเข้ามาจนชะงัก แต่ไม่ทันจะเพ่งกษิณหมอผีชาติก็เดินเข้าด้านหลังเอามือแตะไหล่เขาจนชะงักและสัมผัสพลังนั้นก็หายไป

"มึงให้คนไปตามกูมาหา มีธุระอะไรวะ" หมอผีชาติเอ่ยถาม

"วันนี้จะข้ามแม่น้ำ กูคิดว่า....." เขาชะงักและมองไปในสายน้ำกว้างใหญ่ที่ไหลเอื่อยๆ

"ดินแดนนี้มันไม่มีอะไรง่ายๆอยู่แล้ว เต็มไปด้วยกฤติยามนตร์พิสดาร กูก็สัมผัสได้ว่ามีพลังงานบางอย่างรอคอยอยู่อย่างมุ่งร้าย มึงเตรียมรับมือไว้หรือยัง" หมอผีชาติเอ่ยอย่างรู้เท่าทันความคิดชายหนุ่ม

จอมคาถาเดินกลับไปที่เต็นท์ ยกกระเป๋าเป้ออกมาเปิดออก "อื่มห์ ดินระเบิดของกูยังเหลืออีกสามแท่ง..."

" มึงนี่ขนอาวุธมายังกะจะมาทำสงคราม ทำไมไม่เอารถถังมาด้วยเลยวะ"หมอผีชาติกอดอกดูชายหนุ่มเอาดินระเบิดออกจากกระเป๋ามาวางเรียง

"ถ้าเอามาได้ กูเอามาแล้ว"

"มึงจะเอาออกมาทำไมวะ มันจะไปใช้ทำอะไรได้"

"มันใช้ช่วยชีวิตกูได้ ตัวกูรอดตายก็เพราะปืน ไดนาไมค์แล้วก็ระเบิดมือมาหลายครั้ง ใต้แม่น้ำนี่กูรู้ว่ามีอันตรายรออยู่ ฉะนั้น ต้องเตรียมให้พร้อม..."

"มีอะไรกันหรือ?" ชมผาเดินถือจานอาหารเข้าร่วมวง ส่งให้หนุ่มจอมคาถาจานหนึ่ง หมอผีชาติจานหนึ่ง

เมื่อเห็นหนุ่มจอมคาถาเอาระเบิดออกมาวางก็เอ่ยถาม "สูเอาอาวุธสมัยใหม่ออกมาทำไม?"

"ข้ามีลางสังหรณ์อย่างไรบอกไม่ถูก..มีความรู้สึกว่าเราต้องพึ่งมัน ท่านเอาไปใช้ลูกนึง วิธีใช้เคยสอนไปแล้ว คงจะจำได้ใช่หรือไม่" บอกแล้วก็ส่งลูกระเบิดให้กับชมผา

" ก็ดีนะ..แบ่งแยกกันไว้..เผื่อฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือกันได้"

หมอผีชาติมองหนุ่มจอมคาถาส่งระเบิดให้ชมผาก็เอ่ยถาม " แบ่งให้กูบ้างสิ เผื่อบางทีกูต้องใช้บ้าง"

"กูจะไว้ใจมึงได้ไหมเนี่ย กลัวว่าระเบิดที่ให้มึงไปจะถูกใช้มาทำร้ายกูจริงๆ"

"มึงยังจะระแวงกูอีกหรือ ร่วมหัวจมท้ายกันมาสิบกว่าวัน แดกเหล้าเมาจนหลับก่ายกันหลายเพลา ถ้าคิดจะฆ่ามึงโอกาสกูมีนับไม่ถ้วน"

"แล้วมึงนึกว่ากูไม่ระวังตัวหรือ มิตรภาพท่ามกลางความระแวง ทำกูจะเป็นโรคประสาทอยู่แล้ว"

"มึงอย่าคิดเยอะ ตอนนี้หยุดกัดกันชั่วคราว เสร็จเรื่องปราบนางสมิงเมื่อไหร่ มึงกับกูได้กัดกันต่อแน่ๆ"

จอมไสยดำประกาศเจตนาชัดเจน แต่หนุ่มไสยขาวตรองครู่จึงส่งระเบิดให้

"อื่อ..เอาไป"

"ก็แค่นั้นแหล่ะ" หมอผีชาติรับระเบิดยัดใส่ย่ามแล้วเดินแยกไปหามุมนั่งกินอาหารเช้า

"ไว้ใจมันได้ฤา" ชมผาเอ่ยถามอย่างสงสัยในความคิดของหนุ่มไสยขาว

"เพลานี้เราลงเรือลำเดียวกัน หวังว่ามันคงจะมีสติไตร่ตรองบ้าง แต่ข้ารู้สึกว่า ต้องได้ใช้แน่ๆ"

"สูมีลางสังหรณ์ร้ายๆฤา...."

"ใช่..ข้ารู้สึกแปลก ๆ...ยังไงต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน"

ชมผาเก็บระเบิดใส่ชายพกและชวนไปหาที่นั่งกินมื้อเช้า

"กินข้าวกันเถอะ กองทัพเดินด้วยท้องนะ"

"ขอบน้ำใจท่านมาก ชมผา...สั่งกองหน้าคอยระวังตัว  แล้วก็ให้พวกช่างสิบหมู่ทำหอกไม้ไผ่สักยี่สิบอัน..."

" ได้...ว่าแต่สูจะทำหอกไม่ไผ่ไปทำไมกัน"

" เอาเถอะ...ไปทำตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน..เสร็จแล้วก็บอกด้วย...ข้าจะจัดเตรียมของบางอย่างก่อนจะออกเดินทาง"

" ได้....สหายสิน"


<>::<>::<><>::<>::<><>::<>::<><>::<>::<>




ราวสามโมงเช้า..กองทัพท้าวพยัคฆ์ราชก็จัดคนลงแพเสร็จ จากนั้นก็ถ่อแพไปเป็นหน้ากระดานโดยมีแพแรกเป็นกองหน้าคอยคุ้มกัน...แพแถวที่สองมีท้าวพยัคฆ์ราชอยู่แวดล้อมด้วยแพเหล่าองครักษ์  แพแถวที่สามเป็นแพเสบียงและพาหนะรวมทั้งยุทโธปกรณ์ในการรบ และแพแถวสุดท้ายเป็นกองระวังหลังมีหมอผีหนุ่ม จอมไสยดำ และชมผาคอยกำกับดูแล  เรือแพลำแล้วลำเล่าลอยล่องตัดผ่านลำน้ำที่ไหลเอื่อยๆ เหมือนฝูงมดกำลังนั่งบนใบหน้าลอยข้ามแม่น้ำ

ท้องน้ำสงบราบเรียบบางครั้งยังมีปลาใหญ่ผุดขึ้นบนผิวน้ำมองเห็นลำตัวขาว เมื่อพ้นจากเขตน้ำตื้นท่อนไม้ทีถูกหลาวเป็นพายจึงถูกใช้งานแทน เวลาผ่านไปก็ยิ่งไกลฝั่งออกไปทุกที หลายชั่วโมงผ่านไป บัดนี้...ฝั่งที่จากมาไม่สามารถมองเห็นได้แล้ว และฝั่งที่พวกเขาต้องการข้ามไปเริ่มมองเห็นอยู่ริบๆ สายลมยามบ่ายเริ่มโชยพัด โชคดีที่สายลมช่วยพัดแพของเข้าหาฝั่งทำให้เบาแรงฝีพายไปได้บ้าง....

แต่ทันใดนั้น!!!

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น...ขณะที่เรือแพลำแรกแล่นไปยังไม่ทันถึงกลางแม่น้ำ เหล่าทหารพบว่าจู่ๆ น้ำก็มีสีเข้มขึ้นพร้อมกับที่มีฟองอากาศผุดพราวเหมือนน้ำเดือดไปทั่วบริเวณ หมู่ปลาเล็กปลาใหญ่มากมายต่างกระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำบางตัวก็ถึงกับกระโดดขึ้นมาบนแพ ทุกคนต่างยืนนิ่งงงงันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนั้นเหล่าทหารบนเรือแพรวมถึงเรือแพที่หนุ่มจอมคาถาโดยสารมาก็รู้สึกว่ามี เสียงแปลกๆ ดังมาจากใต้ท้องเรือ เสียงเหมือนมีตัวอะไรกำลังแหวกว่ายอยู่ใต้ผืนน้ำ เกิดมวลคลื่นใหญ่สาดซัดจนเรือแพโยกเอียงไปมา แล้วสิ่งที่ทุกคนหวาดกลัวก็เกิดขึ้น

"ออกคำสั่งไป ห้ามทุกคนเคลื่อนไหว ให้อยู่นิ่งๆห้ามเคลื่อนไหว..แพจะล่มได้"

หนุ่มจอมคาถาตะโกนออกคำสั่ง ทั้งหมอผีชาติและชมผาก็ตะโกนบอกต่อๆกันไป โชคดีที่เหล่าทหารต่างเชื่อฟังกันไม่ตื่นตระหนก แนวของหมู่ปลาที่กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำเริ่มห่างออกไปที่เบื้องหน้า  ระลอกคลื่นใต้น้ำเงียบหายไปคงเหลือแต่ความเงียบบนเรือแพของกองทัพท้าวพยัคฆ์ราช และแล้วความแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นอีกเมื่อผืนน้ำที่เบื้องหน้ากลับค่อยๆ ยกตัวขึ้นแล้วแยกออกปรากฏสิ่งหนึ่งก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมา

"บรรลัยแล้วละมรึง!!!" เสียงของหมอผีชาติอุทานขึ้น "ตัวเหี้ยอะไรวะนั่น....!?!"

ภาพที่เห็นทำเอาหนุ่มจอมคาถาและทุกชีวิตต่างตะลึงงัน ส่วนหัวอันมหึมาของจระเข้ไม่ผิดเพี้ยนยกขึ้นสูงเหนือผิวน้ำเผยให้เห็นส่วนคอที่ยาว  ผิวหนังสีน้ำตาลเข้มดูเรียบๆไร้เกล็ดปกคลุมแต่ที่ด้านหลังคอกลับมีครีบเป็นแนวยาวคล้ายกับครีบของปลา...เขี้ยวคมวาวแสยะในปากพร้อมๆคราบน้ำไหลอาบลำตัวมันเหลื่อมสะท้อนแสงแดดยามบ่ายดูน่าสยดสยอง แววตาสีเขียวของมันจ้องมายังทุกชีวิตบนเรือแพอย่างมุ่งร้ายหมายชีวิต

     ขณะที่มันโผล่ร่างกายมหึมาขึ้นเหนือผิวน้ำ ทำให้พื้นน้ำปั่นป่วนเสียงของทหารขวัญอ่อนต่างส่งเสียงร้องกันดังลั่นสติแทบแตก   เกิดความโกลาหลบนเรือแพแทบทุกลำ บรรดาทหารองครักษ์บนเรือแพท้าวพยัคฆ์ราชขึ้นธนูเตรียมอารักขาองค์กษัตริย์ หนุ่มจอมคาถาและชมผาตะโกนบอกทุกคนให้สงบลงอย่าหวาดกลัว ทั้งสองคนรู้ดีว่าหากความหวาดกลัวทำให้กองทัพปั่นป่วนขาดสตินั่นก็หมายถึงหายนะสำหรับทุกคน  สัตว์ประหลาดชูคอคุมเชิงอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะทำอย่างไร...ชั่วครู่...มันหดคออันยาวใหญ่นั้นลงแล้วจมหายไปใต้น้ำ....

"มะ..มันไปแล้ว...มันคือตัวอะไร?!" จอมไสยดำเอ่ยถามไม่เจาะจง

"กุมภาอสรพิษ สัตว์เวทย์มนต์ของนางพญาสมิง" ชมผาเฉลยมา "ร้ายกาจมากๆ มันคอยลาดตระเวนในน้ำ"

"เอาไงดี?!"

"รีบให้นำเรือแพ  พายเข้าฝั่งอย่างเร็วที่สุด"

จอมคาถาหนุ่มตะโกนสั่งดังลั่น  เหมือนทุกคนจะตั้งสติได้ต่างรีบช่วยกันออกแรงใช้พายในมือพุ้ยน้ำกันจ้าละหวั่น ระหว่างนั้นก็หวาดระแวงสัตว์ประหลาดจะโผล่ขึ้นมาโจมตี ชายฝั่งที่เบื้องหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าเวลามันช่างเชื่องช้าอย่างที่สุด ฝ่ายเฝ้าระวังก็กวาดสายตามองดูผิวน้ำ กระทั่งก่อนจะถึงฝั่งปรากฏคลื่นใต้น้ำเป็นสายตัดผ่านแต่ยังไม่ปรากฏการโจมตีจากสัตว์ประหลาด มันทำราวกับจะยั่วยุให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัวจนเสียสติ

" ทุกคนเตรียมพร้อม...ข้าเห็นว่าคราวหน้ามันโจมตีเราแน่ๆ ..."

หนุ่มจอมคาถาตะโกนบอกทุกคน และไม่ทันขาดคำ!

ซู่มมมมมมมม.......................


ส่วนหัวของสัตว์ประหลาดก็โผล่ขึ้นมาพร้อมน้ำแตกกระจาย ลำตัวยาวเหยียดของมันลอยขึ้นสู่ผิวน้ำและเลื้อยล้อมรอบเรือแพของกองหลังเอาไว้

"อย่าตกใจ กุมสติเอาไว้ ขึ้นสายธนู เล็งที่หัว"

หนุ่มจอมคาถาตะโกนสั่ง บรรดาทหารขึ้นสายธนูและระดมยิงไปตามคำสั่ง

วี้ดดดดดดด....

ฉึ่ก! ฉึ่ก!


ธนูหลายดอกพุ่งเข้าปักบริเวณเนื้อหนังที่ดูนุ่มนิ่มไร้เกล็ดปกคลุมสะท้านไหว เจ้าอสุรกายขนาดมหึมาส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดเลือดแดงฉานทะลักออกมา   มันดึดดิ้นจนท้องน้ำปั่นป่วนราวกับถูกพายุพัดกระหน่ำ ระลอกคลื่นใหญ่กวาดซัดพาเรือแพล่มทหารหลายคนตกลงไปในน้ำดำผุดดำว่าย เรือแพบางลำแตกกระจายเพราะลำตัวมันสะบัดมาโดน แต่พวกที่อยู่บนแพก็ลากกันขึ้นมาอย่างทุลักทุเล


เจ้ากุมภาอสรพิษม้วนลำตัวจมหายลงไปใต้น้ำก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนหัวของมันวาดรี่เข้ามายังเรือแพที่จอมคาถาหนุ่มยืนอยู่ มันหมายจะทำลายเรือแพลำนี้ ทำเอาคนอื่นๆยกเว้น หมอผีชาติ ชมผา ตกใจส่งเสียงร้องเอะอะ บางคนพลัดตกลงน้ำ พอโผล่มาก็ว่ายหนีไปขึ้นเรือแพลำอื่น แต่ก่อนที่เจ้าอสุรกายจะพุ่งส่วนหัวลงมาโจมตีเรือแพ มันก็ต้องหน้าสะบัดกลับไ ปเมื่อหนุ่มจอมคาถาปลดสลักระเบิดขว้างใส่ แรงระเบิดสร้างบาดแผลฉกรรจ์จนมันมุดหายลงใต้น้ำอีก

" เร็ว...รีบพายเข้าฝั่ง"

หนุ่มจอมคาถาตะโกนบอก และทุกคนต่างใช้ทั้งมือไม้ก็พุ้ยน้ำอย่างไม่คิดชีวิต   อีกราวร้อยเมตรก็จะถึงดงไม้ที่เบื้องหน้า   ใต้ท้องน้ำที่ปั่นป่วน   แพที่ตามหลังมากลับลอยสูงขึ้นเพราะลำตัวของปลาไหลผสมจระเข้ยักษ์ดันแพให้ลอยขึ้น  แล้วแพก็คว่ำลงตามด้วยเสียงร้องโหวกเหวกของเหล่าทหาร หนุ่มจอมคาถาและชมผาสั่งแพที่อยู่ใกล้ให้รีบช่วยเหลือคนที่ตกน้ำ ขณะที่แพแถวแรกและแถวที่สองถึงฝั่ง ท้าวพยักฆ์ราชทรงเสด็จขึ้นฝั่งท่ามกลางการแวดล้อมอารักขององครักษ์อย่างหนาแน่นเพราะเกรงศัตรูจะนำกำลังมาซุ่มโจมตี และส่วนหนึ่งก็นำแพเปล่ากลับไปช่วยคนตกน้ำ

" เร็วๆ..ช่วยกันดึงคนตกน้ำกลับขึ้นมา..."

เสียงของจอมคาถาหนุ่มและชมผาตะโกนสั่งเสียงดังลั่นคุ้งน้ำ  พวกที่ดึงขึ้นมาบนแพได้ก็ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว  บางคนกลับว่ายน้ำเข้าฝั่งที่อยู่ไม่ไกลนัก   ข้างฝ่ายหมอผีชาติก็เสียหลักตกน้ำไปเช่นกันและถูกดึงกลับขึ้นมาบนแพได้ก็นอนแผ่หราหมดแรงเพราะกินน้ำเข้าไปหลายอึก

    พื้นน้ำสงบนิ่งอีกครั้งไร้วี่แววของจระเข้ผสมปลาไหลยักษ์ แต่แล้วทหารคนหนึ่งที่กำลังว่ายน้ำมาที่แพ อยู่ๆก็หยุดชะงักและโบกไม้โบกมือและร้องขอความช่วยเหลือลั่น เมื่อทุกคนหันมองที่ทหารนายนั้น ร่างของเขาก็จมหายไปใต้น้ำอย่างรวดเร็วราวกับถูกกระชากลงไปพร้อมพลายน้ำเป็นฟองเลือดสีแดงฉาน   พวกที่เหลือก็รีบว่ายน้ำกลับมาขึ้นเรือแพอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทุกคนก็ตกอยู่ในอาการเดียวกันคือ ร่างถูกกระชากลงสู่ใต้น้ำอย่างรวดเร็ว คนแล้วคนเล่าเสียงร้องโหยหวนดังไม่ขาดระยะ ถึงตรงนี้ทุกคนต่างเร่งช่วยกันพายแพเข้าฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต

"ไอ้เวรตะไลเอ้ย แม่งโผล่หัวมาสิวะ" หมอผีชาติคว้าระเบิดมาถือและกวาดสายตามองไปยังผืนน้ำเบื้องหลังอย่างโกรธแค้น ร่างของทหารที่ว่ายตามมาจมหายไปอีกหลายคน

"มึงเตรียมปลดระเบิดยัดใส่หอกไม้ไผ่นี่" หนุ่มจอมคาถามายืนข้างๆ ยกหอกไม่ไผ่ชูขึ้นแล้วร้องบอก

"มึงจะทำอะไรของมึงวะ" หมอผีชาติถามอย่างสงสัย

"สัตว์พวกนี้หนังหนา ต้องระเบิดจากข้างใน" หนุ่มจอมคาถาอธิบาย

"มึงมั่นใจนะ ว่าจะทำได้"

"กูปราบไอ้เวตาลมาด้วยวิธีเดียวกัน รับรองน่า...." หนุ่มจอมคาถาอธิบายขณะจ้องมองผิวน้ำด้านหลัง

เหลือระยะทางอีกประมาณยี่สิบเมตรก็จะถึงฝั่ง แต่ระยะทางในห้วงมรณะดูช่างแสนไกลเสียจริง

"จะเข้าเขตน้ำตื้นแล้ว ...ไอ้ปลาไหลยักษ์มันคงจะโจมตีอีกระรอกเพราะถ้าเข้าเขตน้ำตื้นมันจะหมดโอกาสแน่ๆ"

หนุ่มจอมคาถาเอ่ยบอก มือของหมอผีชาติกุมระเบิดในมือมั่น นิ้วเตรียมกระชากสลัก
  
และแล้วก็เป็นอย่างที่หนุ่มไสยขาวคาดการณ์ไว้...

ที่เบื้องหลัง...ส่วนหัวของปลาไหลยักษ์ที่คล้ายใบหน้าจระเข้ก็โผล่พ้นน้ำ...ดวงตาดำขลับราวนิลจับจ้องมาที่แพของหนุ่มจอมคาถาที่รั้งท้าย แล้วส่วนหัวก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

"ปลดสลักเร็วๆ ไอ้ชาติ"

"ไอ้เหยียบเป็ดเอ้ย ดึงไม่ออก นี่ๆๆๆ"

"เชี่ย! มึงจะเล่นมุกทำไม ปลดสลักเร็วๆ"

"เปล่าเล่นโวย ดึงไม่ออกจริงๆ"


"เอามานี่!" หนุ่มจอมคาถาส่งหอกให้ชมผา แย่งลูกระเบิดมาปลดสลักเอง "แค่เนี่ยเอง เสือกทำไม่ได้"

"ฉึ่ก...ฉึ่ก...."

ลูกธนูจากทหารบนเรือแพช่วยกันยิงสกัดเอาไว้ มันผงะหงายเพราะแรงปะทะจากคมลูกธนู มันชะงักอยู่ที่เบื้องหน้าของหนุ่มจอมคาถาราวสิบเมตรและเป็นโอกาสอันดี  หอกไม้ไผ่ถูกยัดด้วยลูกระเบิดปลดสลัก แขนกำยำยกขึ้นพุ่งหอกไม้ไผ่ขนาดลำขาผู้ใหญ่เสี้ยนปลายแหลมออกไปอย่างเต็มแรง หอกไม้ไผ่พุ่งแหวกอากาศออกไปด้วยความแรงและเร็ว


"ฉึ่ก!"

"กี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซ............"

เสียงปลาบหอกหมายไม้ไผ่ปักเป้าหมายพร้อมเสียงร้องของอสุรกายประหลาดดังก้องคุ้งน้ำ เมื่อส่วนปลายแหลมปักแน่นอยู่ที่ดวงตาข้างซ้าย  มันผงะหงายออกไปและสะบัดหัวอย่างรุนแรงด้วยความเจ็บปวด จนเกิดระลอกคลื่นรุนแรงพาเรือแพล่มไปอีกหลายลำ

"ทุกคนหมอบลงเร็วๆ" จอมคาถาหนุ่มตะโกนสั่ง

และอีกอึดใจต่อมาเสียงกึกก้องกัมปนาทของระเบิดก็ดังลั่นคุ้งน้ำอีกครั้ง

บึ้มมมมมมม......

แรงระเบิดอัดน้ำกระจายกระเซ็นขึ้นมาราดร่างของผู้หมอบบนเรือแพราวสาดน้ำใส่ แรงระเบิดฉีกส่วนหัวของมันขาดกระจุย ชิ้นส่วนและเลือดสีเขียวกระจายไปทั่วบริเวณส่งกลิ่นคาวชวนคลื่นเหียน ส่วนหัวของมันหายไปทันทีเหลือแต่ลำตัวที่ดิ้นเร่าๆจนน้ำแตกกระจายเกิดระลอกคลื่นสูงท้องน้ำปั่นป่วนเพราะแรงสะบัดของลำตัว   แพของหนุ่มจอมคาถาถูกคลื่นกวาดจนคว่ำ  โชคดีที่มาถึงเขตน้ำตื้นทุกคนจึงเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย

    ผืนน้ำเต็มไปด้วยเลือดสีเขียวและแผ่นน้ำยังคลุ้มคลั่งด้วยฤทธิ์ของส่วนลำตัวเจ้าสัตว์ประหลาดที่ดีดดิ้น แม้ว่าส่วนหัวจะขาดหายไปแต่เซลล์ส่วนล่างยังไม่ตาย ทั้งหมดขึ้นฝั่งมาอย่างปลอดภัยและมาทิ้งตัวนอนหอบอยู่ริมฝั่งอย่างหมดแรง หลังความชุลมุนวุ่นวายผ่านไป ก็มีการสำรวจความเสียหาย มีทหารหายไป ๑๕ คนคาดว่าน่าจะเสียชีวิตทั้งหมด บาดเจ็บสาหัส ๔๐๐ คน และบาดเจ็บไม่สาหัสนักประมาณ ๕๐๐ คน เหล่าหมอประจำกองทัพพากันช่วยรักษาเหล่าทหารบาดเจ็บอย่างเต็มความสามารถ การเดินทัพต้องถูกประวิงเวลาออกไปอีก เพื่อให้เหล่าทหารฟื้นตัวให้ได้มากที่สุด


  เมื่อความมืดเข้าครอบคลุมกองไฟจึงถูกก่อขึ้น กองทัพของท้าวพยัคฆ์ราชเลือกทำเลที่พักบริเวณชายป่าห่างจากแม่น้ำไกลมากพอสมควร ด้วยหวั่นเกรงเจ้าสัตว์ประหลาดจะลอบขึ้นมาโจมตีอีก เนื่องจากไม่มั่นใจว่ามันจะมีเพียงตัวเดียว หนุ่มจอมคาถานั่งหน้ากองไฟ มองรอบๆกายแล้วหดหู่เมื่อเห็นเลบ่าทหารกำลังช่วยปลอบขวัญให้กำลังใจกันและกัน วันนี้เขาและทุกคนก้าวข้ามความตายมาได้อีกครั้งจากปลาไหลหน้าจระเข้ตัวขนาดยักษ์ สัตว์ประหลาดที่ไม่น่าจะมีอยู่ในสารระบบ แต่ในป่าเขาแม่น้ำลำคลองของภพสมิง...ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

กองทัพของพระเจ้าพยัคฆ์ราชพักอยู่สามราตรี ทหารก็มีพละกำลังฟื้นคืน ร่างกายสดชื่นพร้อมจะออกเดินทางไกลกันต่อ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บก็ทุเลาลง แต่หนทางยังคงอีกไกล...และอันตรายอีกหลากหลายรูปแบบกำลังรออยู่...และชีวิตจะรอดพ้นอันตรายมากมายได้หรือไม่...ไม่อาจจะคาดเดาวันข้างหน้าได้  แต่เมื่อมีความมุ่งมั่นแล้ว...ก็ต้องบุกบั่นกันไป...เพราะเป้าหมายของทุกคนคือร่วมกันต่อสู้เพื่อกอบกู้แผ่นดินอันสุขสงบคืนมาจากนางพญาสมิง


<>::<>::<><>::<>::<><>::<>::<><>::<>::<>


หมอกควันปกคลุมทั่วท้องฟ้า และผืนน้ำจรดยังแผ่นดินที่กว้างไกล แม้ว่ามีแสงอาทิตย์ไรๆ พยายามประกายเจิดจ้า ก็ไม่อาจทำลายความมืดที่กำลังคืบคลานมาตามผืนแผ่นดินมาเรื่อย กองทัพกบฎของเจ้าพยัคฆ์ราชบัดนี้เคลื่อนพล เข้าใกล้กำแพงเมืองหมายประชิดและหักด่านเวียงวารินทร์แห่งนี้ อาวุธในมือของทุกหมวดหมู่กระชับมั่นในมือพร้อมเข้าตีเมืองด่านหน้าให้แตกได้ภายในไม่กี่เพลา เพื่อเป็นการประกาศให้ฝ่ายศัตรูได้รู้ถึงพลานุภาพ
 
"เร็ว เข้า...ข้าศึกมาถึงแล้ว" ทหารนายหนึ่งตะโกนเพื่อเป็นสัญญาณให้เหล่าเพื่อนพ้องสหายรบตื่นตัว กระทั่งนายทัพที่ดูมีบรรดาศักดิ์เดินเข้ามา

"ใช้เวลาเท่าใด กว่าที่เราจะติดอาวุธให้กองทัพมารับศึก?!"

นายทัพถามและมองเขม็งไปทางกองทัพฝ่ายกบฎที่กำลังฮึกเหิมและห้าวหาญอย่างสุขุม

"ประมาณครึ่งชั่วโมง" นายกองตอบเสียงสั่นๆ

"จำนวนข้าศึกล่ะ"

"คาด...ประมาณ _๘ พันขอรับ" ทหารตอบ

"ส่งม้าเร็วไปเมืองหลวง ขอกำลังและยุทธอาวุธ เรียกทหารทุกนายเตรียมรับศึก เราต้องยันทัพมันไว้ให้นานที่สุด" นายทัพสั่งการแน่วแน่ ทหารตอบรับและแยกย้ายทำหน้าที่ของตน

ธงทิวรูปเสือกำลังโจนทะยานสีแดงโบกสะบัดไปมาตัดกับสายหมอกและกระแสลมอันรุนแรง แต่ไม่มีทีท่าที่ทหารในกองทัพจะหวั่นเกรงกับธรรมชาติ มันจะยิ่งเพิ่มความท้าทายและกระหายในกายุทธนาการมากขึ้น  ในที่สุดกองทัพยิ่งใหญ่ หยุดทัพอยู่เพียงด้านของเมือง โดยไม่ใกล้ไม่ไกล ห่างกันแค่เพียงปลายจมูก ทหารกบฎจัดทัพอย่างเป็นระเบียบสงบนิ่งและเงียบเชียบ ขณะภายในเมืองที่เกิดการจลาจลจากความหวาดกลัว

ทหารยามบนกำแพงเมืองก็รีบลั่นระฆังเป่าหลอดเขาแจ้งเตือนภัยไปทั่วทั้งเมือง  ทหารเฝ้าประตูก็รีบปิดประตูเมืองลง ชาวบ้านที่จะออกนอกเมืองก็ตกใจรีบกลับเข้าไปในเมือง ชาวบ้านที่จะเข้าเมือง เห็นประตูปิดลงแล้วก็รีบแยกย้ายกันหลบหนีออกไปด้านข้าง ชาวบ้านที่อยู่ภายในเมืองทราบข่าวว่ามีกองทัพฝ่ายกบฏยกทัพประชิดกำแพงเมือง ทุกคนก็ตื่นตระหนกเป็นการใหญ่ต่างเก็บข้าวของเตรียมพร้อมอพยพและรอฟังข่าวอยู่ในบ้าน

ทหารที่ประจำบนกำแพงเมืองต่างเตรียมพร้อมแข็งขัน นายทัพปรึกษาและพยายามวิเคราะห์เกี่ยวกับการศึก

"นายทะเบียน ส่งเสบียงลงทางใต้ทั้งหมด" นายทัพคนเดิมสั่งการ

"เหตุใด" นายทะเบียนสงสัย

"เมืองอาจถูกตีแตกอย่างรวดเร็ว นำประชาชนออกทางด้านหลังและนำเสบียงตามไป" นายทัพอธิบายโดยละเอียด นายทะเบียนฟังแล้วอือออตาม

"แต่นางพญาสั่งการมา ห้ามทิ้งเมืองเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

"ข้าหาได้คิดหลบหนีหน้าที่ แต่แนการวางแผนไว้ล่วงหน้า หากเราต้านไม่อยู่จริงๆ"

นายทัพตอบและเดินกลับสู่หน้าด่านที่กำลังจะกลายมาเป็นสมรภูมิในไม่ช้า
 
ทหารในเมืองหน้าด่านเร่งขนยุทโธปกรณ์ อย่างธนู ดาบและหอก ความหวั่นไหวบนกำแพงเมืองเริ่มถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ เมื่อหน่วยลาดตระเวนรายงานว่าผู้นำทัพมาคือพระราขาพยัคฆ์ราช ทหารบางคนสองจิตสองใจ เพราะถูกบังคับเกณฑ์มาหาได้สมัครใจ บรรดาชาวบ้านชาวเมืองส่วนใหญ่ก็แสนยินดีที่เหนือหัวพระองค์เดิมกลับมาทวงบัลลังก์ แต่ก็ยังไม่แสดงออกมากเนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าพระองค์จะมีไชยชำนะ คงเก็บตัวเงียบรอฟังข่าวการศึก

พระเจ้าพยัคฆ์ราชนำทัพมาถึงหน้ากำแพงเมืองเห็นทหารบนกำแพงเมืองรู้ตัวแล้วก็ยกมือสั่งให้ทุกคนหยุดม้าไว้ ทหารม้าที่ตามมาก็ขึ้นมาเรียงแถวหน้ากระดาน ต่อแถวเป็นทางยาวหลายสิบเมตร เมื่อจัดระเบียบแถวเตรียมพร้อมเข้าโจมตีพระราชาก็ส่งสัญญาณให้ชมผานายกองทัพหน้า

ชมผารับพระบัญชาควบม้าขึ้นมาถึงหน้าประตูเมืองก่อนจะตะโกนว่า "เปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เปิดพวกเราจะยกทัพเข้าตี แล้วจะไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆทั้งสิ้น"
ทหารในเมืองได้ยินเสียงประกาศก็เริ่มรวนเรเสียขวัญกันไปตามสภาวะจิตใจ ตัวแทนเจ้าเมืองมาถึงกำแพงเมือง เมื่อเห็นกองทัพกบฎนำมาโดยพระเจ้าพยัคฆ์ราชก็จริงแต่ไม่มีเครื่องมือที่จะใช้ตีเมืองก็หันมาประกาศกับคนในเมืองว่า

"ทุกคนไม่ต้องกลัว ฝ่ายกบฏไม่มีบันไดปีนกำแพง ไม่มีเครื่องมือทำลายประตู พวกมันไม่มีทางเข้ามาในเมืองได้ ภายในเมืองของพวกเรามีเสบียงสะสมเอาไว้มากสามารถปิดเมืองอยู่ได้เป็นเดือนๆ พวกกบฏทำอะไรไม่ได้ก็ต้องถอนทัพกลับไปเอง หากไม่ถอยก็จะถูกทัพหลวงจากพระนครมาตีกระหนาบ ต้องถอยกลับไปเอง"
ทหารและชาวเมืองบางส่วนที่หนุนพระราชินีได้ฟังเช่นนี้ก็โล่งอกเห็นด้วยกับตัวแทนเจ้าเมือง แต่อีกส่วนก็แช่งชักให้พระราชาองค์เก่าสามารถบุกเข้ามาได้เพื่อช่วยปลดยุคเข็ญ ชมผาเห็นเกลี้ยกล่อมไม่ได้ผลก็ชักม้ากลับมารายงาน

ขณะนั้นหนุ่มจอมคาถาและจอมไสยดำควบม้าตามมาสมทบ เมื่อทราบว่าด่านเวียงวารินทร์ไม่เปิดรับก็กล่าวว่า

"สั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อม เราจะระดมกำลังบุกตีเมือง"

ชมผาก็ทำหน้าลำบากใจกล่าวว่า "สหายสินพวกเราไม่มีเครื่องมือที่จะใช้ตีเมืองจะบุกตีเมืองได้อย่างไร"

"ท่านเชื่อข้าเถอะ ท่านสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมไว้ ถ้าประตูเมืองถูกเปิดออกเมื่อไหร่ พวกเราจะได้บุกเข้าไปทันที"

หนุ่มจอมคาถากล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ เมื่อชมผาเห็นสหายชาวมนุษย์กล่าวด้วยความมั่นใจเช่นนี้ เขาจึงตัดสินใจทำตามยกมือสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมรบ

"มึงจะบุกเข้าไปยังไง ไอ้กองทัพนี้มันไม่มีหอรบ บันไดหรือเครื่องไสพังประตู" หมอผีชาติเอ่ยถามอย่างสงสัย

"ไอ้หมอผีตามตำรา มึงนี่ช่างไม่รู้จักคิดดัดแปลงอะไรบ้างเลย"

หนุ่มจอมคาถาตอบแล้วก็ลงจากหลังม้า ถือคันธนูยาวกว่า ๒ เมตรเดินออกมาด้านหน้า คันธนูกับลูกธนูเหล่านี้จัดสร้างมาจากโลหะผสม ส่วนสายธนูก็ใช้เอ็นสัตว์ที่เหนียวเป็นพิเศษ บนหัวลูกธนูก็ผูกติดระเบิด C4 เอาไว้ด้วย

ทั้งฝ่ายทหารในกำแพงเมืองและฝ่ายกบฏต่างสงสัยว่าจอมไสยขาวเดินออกมาคิดจะทำอะไร แล้วคันธนูที่ใหญ่ยาวขนาดนั้น เขาจะง้างได้ไหวหรือ...

เมื่อเข้าไปถึงระยะยิง หนุ่มจอมคาถาก็เงยหน้าคำนวณทิศทางลม ก่อนจะใช้สองมือง้างสายออก เมื่อมันคำนวณระยะห่างกับทิศทางลมเรียบร้อยแล้ว เขาก็ปักคันธนูลงกับพื้นแล้วขึ้นสายด้วยลูกธนูผูกระเบิด เมื่อง้างสายได้ระยะก็ปล่อยสายออก ลูกธนูก็ถูกยิงออกไปเป็นวิถีโค้งพุ่งฝ่าอากาศออกไป ชาวบ้านและทหารต่างไล่สายตามองตาม จนกระทั่งลูกธนูพุ่งเข้าใส่ประตูเมือง และทันใดนั้นเอง เสียงกึกก้องกัมปนาทก็ดังขึ้น

[size=12]ตู๊มมมมม!!!! [/size]


เสียงระเบิดC4 ดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อกระทบเป้าหมาย ทหารบนกำแพง ชาวบ้านและชาวเมืองต่างตกใจรีบก้มหัวลง แต่ระเบิดรอบนี้ยิงจากระยะที่ห่างเกินไป ทำให้พลาดเป้าจากจุดที่กำหนดไว้ จอมไสยขาวจึงดึงลูกธนูผูก C4 อีกดอกออกมาแล้วง้างยิงออกไปอีกรอบ เสียงระเบิดตูมดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีเสียงหินกรอบประตูเมืองลั่นโครม ตามมาด้วยประตูเมืองทั้งบานตกกระแทกลงสู่พื้น

ทั้งสองฝ่ายต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พวกเขาไม่เคยเจออาวุธใดที่มีอานุภาพร้ายแรงขนาดนี้มาก่อน ขณะที่ทุกคนกำลังอื้ออึ้งกันอยู่  ท้าวพยัคฆ์ราชก็ทรงชักดาบออกมาแล้วชี้ขึ้นฟ้าร้องตะโกนว่า

"ทุกคน" ท้าวเธอทรงสะบัดดาบไปข้างหน้า "บุกได้"

"ทุกคนบุกได้" ชมผาได้สติก็รีบร้องสั่งตาม ทหารชาวบ้านทุกนายก็นึกได้รีบดึงบันเทียนเร่งไสม้าออกไปข้างหน้า เสียงเฮจากทหารกบฏดังอย่างฮึกเหิมลำพองและวิ่งตั้งแนวเป็นทางยาวบุกเข้าไปที่ประตูเมือง

 ตัวแทนเจ้าเมืองก็แตกตื่นรีบร้องสั่งให้ทหารบนกำแพงเมืองลงไปสกัดไว้ นายทัพที่กำลังต่อต้านข้าศึกทางกำแพงเมืองอีกด้านจึงเร่งนำทหารที่อยู่ด้านหลัง เมืองเข้าช่วย ขณะที่ภายในเมือง เริ่มมีการอพยพออกทางด้านหลังแล้ว
 
ถึงแม้ว่าจะนำทหารไปช่วยเหลือแต่กำลังพลที่มีประจำการนั้นยากจะต่อกร

"คงต่อต้านได้ไม่นาน ท่านแม่ทัพ จงพาทหารในส่วนของเจ้าออกไปทางประตูทิศใต้เถอะ" นายทัพพูดกับตัวแทนเจ้าเมืองที่ประจำการอยู่ ในระหว่างที่ข้าศึกกำลังเข้าปล้นเมือง ความโกลาหลปนไปด้วยเสียงอึกทึก โครมคราม และเสียงร้องของมนุษย์ดังอึงคนึงวุ่นวายจอแจ

"ข้าคงจะทิ้งหน้าที่ ณ ด่านนี้ไปไม่ได้ หาไม่จะได้รับโทษจากพระแม่เจ้าอย่างหนัก" ตัวแทนเจ้าเมืองสารภาพ

"ท่านต้องไป" นายทัพเอ่ยเสียงเข้ม

"ไปแจ้งข่าวแก่ทางเมืองหลวง" นายทัพยังคงพูดเช่นเดิม "หาไม่จะได้รับโทษทั้งโคตรวงศ์"

"...!!!...."

[size=12] "ตูม !!! โครมมมมมมมมมมมมม" [/size]

เปิดฉากการรบตะลุมบอนในเมือง

กลุ่มควันลอยฟุ้งเต็มภายในกำแพงเมือง ศพที่ร่วงลงมาจากกำแพง เกลื่อนกลาดดาษดา นักรบต้องสละชีพไปหลายต่อหลายชีวิต ตัวแทนเจ้าเมืองลืมตาขึ้นตั้งสติและนำตนเองออกมาจากกลุ่มควัน  เขาจะกลับไปยืนยันกับนางพญาสมิงนายเหนือหัวว่า ตนตกลงมาจากกำแพงแล้ว หินก้อนโตทำให้กำแพงเมืองถล่ม ขณะที่ข้าศึกถาโถมวิ่งเข้าเมือง แม่ทัพทำอะไรไม่ถูกละทิ้งหน้าที่หนีไป เขาต้องบัญชาการรบเองและกำลังพลหยิบมือไม่สามารถต้านทานได้ เขาเหลือบเห็นม้าตัวหนึ่งที่ถูกผูกอยู่กับเสาท่าทางของมันปราดเปรียว เขาจึงรีบปลกเชือกนำมาเป็นพาห

Nuthaphat Phensongkram

เนื้อเรื่องกำลังดีอยากซื้อเก็บไว้อ่านมากกว้างจะมาอ่านในเว็บช่วยทำเป็นหนังสือได้ไหมครับ

samrong

เอ๋ เนื้อเรื่องเหมือนจะไม่ครบ

หมวย เเซ่เนี้ย

เหมือนเนื้อเรื่องจะหายไปบางส่วน  จากทีอ่าน ผ่านๆๆมา

Tiger3745

อ่านแล้วงงงงหน่อยเนื้อเรื่องขาดไปหายไป


suriyamahajit

หมอผีสองคนมาเข้ากันได้ตอนจะจบนี่เอง

light-up

เสียดายเนื้อหาที่ขาดหายไปกำลังสนุกเลย