ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ร้อยรักวัยสวาท ภาคแรก ตอนที่46-47

เริ่มโดย suckzeed, มีนาคม 19, 2016, 12:09:06 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed




สองสาวงามประชันโฉม

 อ่านก่อนอ่านผลงาน http://xonly69.com/read-xonly-tid-159448.html  
ตอนที่ 46

คืนนั้นผมจำใจต้องพาเกวลินไปที่ห้องพักซ่อมซ่อของผม ที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสดวกสบายใดเลยนอกจากที่นอนผืนบางๆ กับ
พัดลมเล็กๆเก่าๆเพียงเครื่องเดียว แต่ดูเหมือนเกวลินไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ นอกจากตัวของผมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

แล้วผมก็รู้จักคำว่าฟ้าเหลืองเป็นอย่างไร เมื่อเกวลินกวนผมทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอนหลับ ได้แต่เพียงหลับนอนกับเธอ เหมือน
เก็บกดตายอดตายอยากมาจากไหนไม่รู้เหมือนกัน

ผมขับรถอย่างง่วงงุนงงไปส่งเกวลินตอนตีห้า ที่หอพักของเธอย่านวัดดาวดึงส์ หลังจากนั้นก็ขับรถกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เพื่อไปทำงานในตอนเช้า ด้วยร่างกายที่อิดโรยเพราะอดนอน พอเจอหน้าพี่หน่อยในตอนเช้า เห็นเธอทำหน้าทั้งสงสารเห็นใจ
และสมเพช รีบไล่ให้ผมกลับไปนอนที่คอนโดของเธอก่อน ส่วนเรื่องลูกทีมขายเธอจะรับผิดชอบให้เอง

ผมได้นอนพักอีกตื่นใหญ่ในช่วงเช้า พอช่วงบ่ายร่างกายก็ฟื้นเป็นปรกติ จึงขับรถกลับมาที่ทำงานอีกครั้ง ในขณะที่พนักงานฝ่าย
ขายส่วนอื่นๆไม่มีใครอยู่ในออฟฟิสสักคน นอกจากพี่หน่อยเพียงคนเดียว

"ยังไงจ๊ะชาย...ฟื้นแล้วหรือ..." ผมเยี่ยมหน้าโผล่หัวผ่านประตุห้องพี่หน่อยเข้าไป เธอก็รีบทักมาทันที

"ครับพี่...ค่อยยังชั่วหน่อยที่ได้นอนตอนเช้า..." ผมบอกเสียงอ่อยๆอายๆ เพราะพี่หน่อยรุ้ดีว่าผมอดนอนนั้นมาจากสาเหตุใด

"พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่ายัยเด็กนั่น จะทำให้ชายโทรมไปได้ขนาดนี้เพียงแค่คืนเดียว..." พี่หน่อยพูดเสียงขรึมๆ ส่งยิ้มมาให้ผมด้วย
ความสงสาร

"แล้วเช้านี้เกวลินมาทำงานได้มั๊ยครับ..." ผมสอบถามด้วยความอยากรู้ ขนาดผมร่างกายแข็งแรง ยังรู้สึกอ่อนเพลียจนร่างกาย
ทรุดโทรม เพราะอดนอนมาทั้งคืน แล้วยัยเกวลินก็คงไม่ต่างกัน เผลอๆเธออาจไม่มาทำงานเสียด้วยซ้ำ

"เชอะ..แม่นั่นน่ะหน้าระรื่น มาทำงานแต่เช้าเลยละ.." พี่หน่อยพูดด้วยความหมั่นไส้ จิกสายตาค้อนขวับไปที่หน้าประตุที่ว่าง
เปล่า

"ฮ้า!..." ผมร้องด้วยความตกใจ คาดไม่ถึงเลยว่าเกวลินจะมีพละกำลังเหลือเฟือขนาดมาทำงานได้แต่เช้า

"ชายแน่ใจนะคะ...ว่า..เอ้อ..ยัยเด็กนั่นจะไม่เอาเรื่องของเราไปพูดให้คนอื่นฟัง..." พี่หน่อยถามออกมาด้วยความกังวล

"ครับพี่..เธอคงไม่เอาไปพูดแล้วละ..แต่ผมนี่สิ...จะปลีกตัวออกจากเกวลินยังไง..."

ผมถามด้วยรู้สึกหนักใจไม่ใช่น้อย เพราะเพียงแค่คืนแรก เกวลินก็แสดงออกมาเต้มที่ ว่าเธอรัก เธอหลงผมแค่ไหน และเด็กหัว
รั้นอย่างเกวลิน คงไม่ยอมให้ผมทิ้งเธอได้ง่ายๆแน่

"ตอนนี้พี่ยังไม่ทราบเลยจ๊ะ..ชายก็ปล่อยเวลาไปก่อน..ไม่แน่นะ นานไปเธออาจเบื่อและเป็นฝ่ายลามือไปเอง.." พี่หน่อยขมวด
คิ้วเรียวเล็กสีดำของเธอแล้วตอบคำถามผม

"แล้วถ้าไม่ล่ะพี่..." ผมถามออกไปด้วยเสียงและสีหน้าที่มีกังวล

"พี่ก็คงต้องทำใจล่ะ...ว่าแต่ชายอย่าไปหลงยัยเด็กนั่นแล้วกัน..."

พี่หน่อยตอบเสียงอ่อยๆ แล้วตาวาวคาดโทษกำชับผมไม่ให้ไปหลงรสสวาทของเกวลิน ผมตอบพี่หน่อยไม่ได้ ทำได้เพียง
หัวเราะกลบเกลือนร่องรอยพิรุธ เมื่อหวนคิดไปถึงความเร่าร้อนรุนแรงกับบทพิสวาทที่เกวลินทำกับผมเมื่อคืน

"คิดอะไรอยู่จ๊ะ..." ยังไงผมก็ไม่สารถปิดบังความรู้สึกในใจกับพี่หน่อยได้สักครั้ง เมื่อเธอเห็นผมนั่งอึ้งคิด พี่หน่อยก็ร้องถาม
ออกมาทันที

"เอ้อ..ผมกำลังคิดถึงอนาคตน่ะครับ..." ผมรีบพูดปดพี่หน่อยทันที ทั้งๆที่จริงแล้วผมหาได้กำลังคิดเรื่องนั้น

"ยังไงจ๊ะ..บอกพี่มาสิ..." พี่หน่อยสอบถามแล้วลุกขึ้นเดินจากเก้าอี้ของเธอ อ้อมมายืนเบื้องหลังผม แล้ววางมือเรียวเล็กขาวๆ
ลงบนบ่า ถามแล้วรอคำตอบ

"คือผมไม่อยากเป็นลูกจ้างพนักงานขายแบบนี้น่ะครับ..." ผมโพล่งออกไป เพราะที่จริงมันก็เป็นความคิดของผมมาแล้วตั้งแต่
เมื่อต้นปี

"อ้าววววว..ไม่อยากเป็นลุกจ้าง แล้วชายจะทำอะไรยังไงจ๊ะ.." พี่หน่อยก้มหน้ามากระซิบถามผมเบาๆ

"ผมคิดดูแล้วว่าอยากออกไปทำเองน่ะครับ...ผมพอรู้จักลูกค้าคนหนึ่งที่เขาสนใจธุรกิจทางด้านนี้..เขากำลังสร้างโรงงานผลิต
แอร์..ยี่ห้อใหม่..แต่ยังไม่มีดีลเลอร์ขาย...น่ะครับ..." ผมเอ่ยปากเล่าไปช้าๆ ดูท่าทางพี่หน่อยสนใจที่จะฟังต่อ

"เขาขวนผมให้ทำงานขายให้ครับ..แต่ไม่ใช่ลูกจ้างนะครับ..เขาให้ผมสร้างทีมขาย เพื่อขายแอร์ให้เขา...โดยจะตัดราคาขาย
ส่งให้...พี่หน่อยว่าดีมั๊ยครับถ้าพี่กับผมจะลาออกแล้วไปสร้างทีมงานขายกันเอง..."

"อืมมมมม..ก็น่าสนใจนะ..แต่มันไม่ใช่แค่ทีมขายอย่างเดียวสิจ๊ะ..แล้วทีมติดตั้งล่ะ..เราจะเอาจากไหน.."

"อ้อ..เรื่องนี้ผมถามเสี่ยวิบูย์ดูแล้ว..เขาบอกว่าช่วงแรกเขาจะให้ใช้ทีมงานผลิตของเขาไปติดตั้งให้ก่อน..จนกว่าเราจะพร้อม
ค่อยรับงานส่วนนี้ไปดูแลเอง..."

"ชายอยากทำหรือจ๊ะ...." พี่หน่อยถามผม ด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อผมตอบรับยืนยันว่าผมคิดไว้แบบนี้จริงๆ

พี่หน่อยก็ออกปากว่าเธอจะช่วยผมเอง โดยการแปลงคอนโดของเธอเป็นออฟฟิสฝ่ายขาย ในช่วงแรกมีผมกับพี่หน่อย
เป็นฝ่ายการตลาด ออกไปพบลูกค้าที่ทั้งผมและพี่หน่อยมีรายชื่อลูกค้าจำนวนมากที่สนใจสินค้าของเรา และบางพวกก็ติดใจ
สนใจตัวคนขาย คือผมและพี่หน่อยอยู่เช่นกัน

"แต่มันต้องมีพนักงานอยู่ประจำออฟฟิสนะจ๊ะ..คอยรับโทรศัพท์นัดหมาย อะไรพวกนี้ และต้องมีความรู้ชำนาญเรื่องแอร์ด้วย..."
พี่หน่อยบอกออกมาอย่างครุ่นคิดกังวล

ส่วนผมคิดไปไกลกว่านั้น ถ้าผมกับพี่หน่อยลาออกจากบริษัทแล้วไปทำกันเองสองคน อย่างน้อยผมก็ตัดความสัมพันธ์กับ
เกวลินไปได้ หล่อนคงไม่รู้แน่ว่าผมกับพี่หน่อยไปอยู่ที่ใด ถ้าพวกเราปิดเป็นความลับ

"อ้อ...พี่รู้แล้วละจ๊ะชาย..ว่าใครจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้..คนที่รับโทรศัพท์และอยู่ในออฟฟิส รวมทั้งยังไว้วางใจได้ มีแล้วละ.."

พี่หน่อยพูดยิ้มๆ เมื่อผมถามชื่อกลับ คำตอบของพี่หน่อยเล่นเอาหัวใจผมหล่นวูบไปกองที่ตาตุ่มด้วยควมตกใจ และประหลาด
ใจว่าทำไมพี่หน่อยถึงบอกว่าเกวลินคือคนที่เหมาะสมจะเอาไปอยู่ด้วยกัน

"แล้วทำไมต้องเป็นเกวลินด้วยครับ..." ผมถามออกไปอย่างข้องใจ รู้สึกผิดหวังนิดๆ ที่อยากจะชิ่งหนีเธอไป แต่พี่หน่อยดันมา
บอกว่ายัยนี่เหมาะกับงานที่ผมจะไปเริ่มใหม่กับเธอ

"อ่ะ.." พี่หน่อยเลิกคิ้วมองหน้าผมเหมือนแปลกใจ จนผมต้องปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ

"ชายอย่าลืมสิจ๊ะว่าคนรับโทรศัพท์ในออฟฟิสนี่สำคัญ เวลาเราออกไปพบลูกค้าข้างนอก..เราจะรุ้หรือว่ามีใครโทรมาหา ถ้าคน
รับโทรศัพท์ในออฟฟิสไว้ใจไม่ได้ เธออาจนำความลับในบริษัทเราไปบอกคู่แข่งได้นะจ๊ะ..แต่ถ้าเป็นเกวลิน เธอเป็นเอ้อ..คน
ของชาย..ยังไงเสียก็ไม่มีทางทรยศผู้ชายที่เธอรักอย่างแน่นอน..."

ความคิดเห็นของพี่หน่อยก็ดูมีเหตุผล แต่ผมกลับรู้สึกอึดอัดใจ ที่ต้องเจอหน้าใกล้ชิดเกวลินต่อไป ทั้งในออฟฟิสที่ทำงาน และ
ในชีวิตจริงส่วนตัว คราวนี้เห็นจะยากที่จะตัดความสัมพันธ์เมื่อถึงเวลาอันควร

"อย่าคิดมากสิจ๊ะ..พี่ต่างหากที่ควรเป็นคนไม่อยากให้ชายของพี่ใกล้ชิดกับเกวลิน..แต่พี่ยังต้องทำใจในเรื่องเล็กน้อย
เพื่อหวังในความสำเร็จข้างหน้า..."

พี่หน่อยลุกขึ้นมาพูดปลอบใจผม แล้วหลังจากนั้นเราสองคนกฌคุยรายละเอียดกัน จนเราทั้งสองมั่นใจว่าจะลองเสียงครั้ง
สำคัญของชีวิตในอนาคตด้วยกัน หลังจากนั้นก็โทรนัดเสี่ยวิบูลย์ แจ้งให้เสี่ยรู้ว่าเราสนใจข้อเสนอของเขา พร้อมที่จะนัด
เจอกัน

"แล้วแบบนี้มันจะเหมือนกับเราทรยศกับบริษัทเดิมมั๊ยครับพี่.." ผมถามพี่หน่อยเพราะรุ้สึกกังวล

"ไม่หรอกจ๊ะ..มันเป็นวิถีทางของธุระกิจ..ชายอย่าคิดมาก.." พี่หน่อยปลอบใจผมเบาๆ

"แล้วเราจะบอกเกวลินเมื่อไหร่ดีครับ...แล้วถ้าเธอไม่ตามไปด้วยล่ะครับ..." ผมยังไม่เลิกกังวล อาจเป็นเพราะอายุยังน้อย แต่
ริอ่านทำงานใหญ่ก็เป็นได้

"เอาไว้เป็นหน้าที่พี่เองจ๊ะ..." พี่หน่อยพูดยิ้มๆ

"พี่ครับ..ผมคิดว่าจะขายรถดีมั๊ยครับ เพื่อจะได้ช่วยเหลือเรื่องเงินทุนกับพี่ได้บ้าง.."

ผมรู้สึกเกรงใจพี่หน่อย ทั้งๆที่เป็นความคิดของผม แต่เธอกลับเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทั้งออฟฟิส ทั้งข้าวของเครื่อง
ใช้ รวมทั้งเงินวางค้ำประกันกับโรงงานผลิตแอร์ของเสี่ยวิบุลย์ แต่พี่หน่อยกลับหัวเราะยิ้มๆ แล้วเดินมากอดรัดหัวของผมดึงไป
แนบอก พูดเสียงเบาๆออกมา

"ขอบใจจ๊ะที่รักของพี่...พี่ยังพอมีเงิน..ชายไม่ต้องลำบากหรอกที่รัก..รถมีไว้ออกไปหาลูกค้าดีกว่าจ๊ะ.."

ผมรู้สึกอบอุ่นซาบซึ้งจริงๆ จนอดใจไม่อยู่ต้องส่ายหน้าคลุกอกอวบๆของพี่หน่อยจูบไปมา จนเธอหัวเราะคิกๆ ไม่รุ้ว่า
จักกะจี๋หรือเสียวสยิวกันแน่ แต่ผมน่ะรุ้ตัวเองดีว่า ท่อนลำผมนั้นมันยังนอนสงบนิ่งอยู่ในกางเกง คงเพลียจนหลับไม่ตื่นไปอีก
ทั้งวันเป็นแน่

ตอนที่ 47

เย็นวันนั้นผมได้พบเกวลินอีกครั้ง เมื่อเธอเดินกลับเข้ามาในออฟฟิส พอเธอเห็นหน้าผมก็ส่งยิ้มหวานหน้าอายๆแดงๆ
มาให้ แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน พี่หน่อยก็เดินออกมาจากออฟฟิสของเธอเสียก่อน แล้วเรียกเกวลินเข้าไปหา ผมไม่ทราบ
ว่าทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกันอยู่นานมาก จนเลยเวลาเลิกงานไปแล้ว พนักงานคนอื่นๆต่างทะยอยกันกลับ เหลืออยู่เพียงไม่กี่
คน พี่หน่อยจึงพาเกวลินออกมาจากห้อง

"กลับบ้านกันเถอะชาย.."

พี่หน่อยร้องชวน แล้วรีบเดินเลยผ่านหน้าผมไปชั้นล่าง โดยมีเกวลินเดินตามไปเงียบๆ จนคล้อยหลัง เธอก็หันมาส่งยิ้มหวานๆ
แต่มีเลสนัยแอบแฝงให้ผม จนผมเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยเดินออกจากออฟฟิส ก็พบว่าทั้งพี่หน่อยและ
เกวลินยืนรอผมอยู่ที่ข้างๆรถบีเอ็มสีแดงของเธอ

"ชายขับรถไปรอพี่ที่คอนโดนะจ๊ะ..พี่พาเกวลินไปธุระนิดหน่อย..เดี๋ยวจะซื้ออาหารเย็นติดมือไปเอง..."

พี่หน่อยบอกเสียงเรียบๆ สีหน้าขรึมๆ จนผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอมีธุระอะไรกับเกวลินกันแน่ ส่วนเกวลินก็นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร
นอกจากลอบมองสบตาหวานๆกับผมเป็นระยะตอนที่พี่หน่อยเผลอ

ผมขี้เกียจคาดเดา เพราะถึงอย่างไรก็เดาการกระทำของพี่หน่อยไม่เคยถูกสักที เมื่อเธอต้องการให้ผมไปรอที่คอนโด ผมจึง
ทำตาม ขับรถตามหลังรถพี่หน่อยออกไปจากลานจอดรถ ก่อนจะยูเทรินเลี้ยวไปคนละทาง ผมใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ขับรถมา
ถึงคอนโดพี่หน่อย ซึ่งผมมีกุญแจห้องอยู่แล้ว จึงไขประตูเข้าไปนั่งเล่นนอนเล่นรอบนโซฟา ที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็น
สมรภูมิสวาทครั้งแรกของผมกับพี่หน่อย

ผมรออยู่นานจนเคลิ้มหลับเพราะความอ่อนเพลียที่เสียพลังงานไปทั้งคืนวาน ก็สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงไขกุญแจห้อง
พี่หน่อยเยียมหน้าผ่านประตุเข้ามา ทีแรกผมนึกว่าพี่หน่อยจะกลับมาตามลำพัง แต่ปรากฏว่ายัยเกวลินค่อยๆเดินตามหลัง
เข้ามาด้วย ก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิด ในมือทั้งสองมีกล่องโฟล์มใส่อาหารอยู่เต็มสองมือ

"เกวเอาไปจัดที่โต๊ะอาหารให้นะคะพี่หน่อย..."

[post]ยัยเกวรับอาสาอย่างนอบน้อม แล้วถือกล่องใส่อาหารในมือตนเองไปวางไว้ที่โต๊ะทานข้าว ก่อนจะกระวีกระวาด มารับจากมือ
พี่หน่อยไปวางด้วยกัน ผมมองดูอ้าปากหวอด้วยความประหลาดใจ กับทีท่าที่ดูอ่อนน้อมของเกวลิน ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้
ไม่รุ้พี่หน่อยไปพูดกล่อมเธอยังไง

"ตะลึงอะไรที่รัก..."

ผมยิ่งตะลึงหนักขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินเสียงพี่หน่อยเรียกเช่นนั้น มันเท่ากับประกาศตัวออกมาอย่างชัดเจนต่อหน้า
เกวลินว่าเธอกับผมมีความสัมพันธ์กันแบบใด

"ผมเอ้อ...ผม...." ผมอึ้งจนติดอ่างพูดไม่ออก เสียงกรุ๊งกริ๊งของเกวลินก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

"พี่หน่อยคะ..ให้เกวตั้งโต๊ะ..เลยมั๊ยคะ..."

"ตามสบายเลยจ๊ะเกว..คิดเสียว่าบ้านนี้เป็นบ้านเกวเลย..ถ้วยจานอยู่ในตู้เก็บของข้างบนนะจ๊ะ..." พี่หน่อยร้องตอบยิ้มๆ สุ้มเสียง
และประกายตาเหมือนมีความสุข จนผมอดใจไว้ไม่ไหว ต้องฉุดลากข้อมือพี่หน่อยเข้าไปคุยกันที่โซฟา

"พี่อธิบายหน่อยครับ..ผมไม่เข้าใจ..." ผมถามอย่างร้อนรน ไม่เข้าใจการกระทำของพี่หน่อยแม้แต่นิด

"ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ...ไหนๆเรื่องมันก็เลยมาถึงขั้นนี้แล้ว...พี่ก็ต้องทำใจยอมรับให้เกวเป็นน้องสาวของพี่อีกคน..." พี่
หน่อยพูดยิ้มๆ ทำตาล้อเลียนยั่วเย้าผม เมื่อเห็นผมทำหน้างงๆ เธอจึงหัวเราะขำๆอย่างมีความสุข

"ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับพี่..ก็พี่ไม่ชอบเธอไม่ใช่หรือครับ..." ผมกระซิบถามเบาๆ ไม่อยากให้เกวลินได้ยิน

"นั่นมันเมื่อก่อนจ๊ะ...แต่ตอนนี้เกวลินเป็นน้องสาวพี่หน่อย และที่สำคัญ มีสามีคนเดียวกับพี่...ฉนั้นชายต้องดูแลให้ความอบอุ่น
กับเราสองพี่น้องให้เท่าเทียมกัน รู้มั๊ยจ๊ะ..."

ผมถึงกับหน้าเหว๋อ เมื่อได้ยินพี่หน่อยพูด ขณะกำลังอึ้งพูดอะไรไม่ออก ยัยเกวลินก็เดินเข้ามาสมทบกอดเอวพี่หน่อย
แล้วยื่นหน้าข้ามไหล่ของเธอมาจ้องมองผมตาหวานๆ

"ทานข้าวกันเลยดีมั๊ยคะพี่...หน่อย.."

"อืมมม..ดีจ๊ะ..พี่เริ่มหิวจนแสบท้องเหมือนกัน.."พี่หน่อยหันกลับกอดเอวยัยเกวลินเดินทิ้งผมไป ปล่อยให้ผมมองตามงงๆ ก่อน
จะหันหน้าเอี้ยวตัวมาร้องเรียกผม

"เอ้า...มัวแต่ยืนตะลึงอยู่นั่นแหละ..มาทานข้าวพร้อมกันสิจ๊ะ..ชายจ๋า..."

แม้อาหารที่จัดวางบนโต๊ะทานข้าว จะมีสีสันน่าลิ้มลองเพียงใดก็ตาม แต่คืนนั้นผมกลับรู้สึกมันฝืดๆคอชอบกล ต่างกับ
พี่หน่อยและเกวลินที่นั่งทานกันเหมือนเอร็ดอร่อย มิหนำซ้ำยังนั่งคู่กัน ทานไปคุยกันไป เสียงกระจุ๊งกระจิ๊ง เหมือนตัว
ผมเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้

ผมทานข้าวเสร็จก่อนก็ขอตัวไปนั่งรอที่โซฟา สักครู่สองสาวก็เดินจูงมือกันเข้ามานั่งขนาบข้างซ้ายขวาแล้วเอี้ยวหน้ามอง
หน้าผมยิ้มๆ ในขณะที่ผมนั่งตัวรีบตัวแข็ง เพราะไม่รุ้จริงๆว่าทั้งสองสาวพี่น้องคนละฝาคู่นี้จะเอายังไงกับผมกันแน่
จนกระทั่งพี่หน่อยซึ่งมีอาวุโสสูงสุดเอ่ยขึ้น

"พี่คุยกับน้องเกวแล้ว..เกี่ยวกับเรื่องของชาย...ในเมื่อพวกเราทั้งสองคนต่างก็รักชายเหมือนกัน มิหนำซ้ำยังเป็นเมียของ
ชายไปแล้ว ป่วยการที่เราจะมาแก่งแย่งกันจริงมั๊ยจ๊ะ....พี่เลยคิดว่าพวกเรามาร่วมมือสามัคคีกันทำให้คนที่เรารัก
มีความสุขดีกว่า..จริงมั๊ยจ๊ะเกว.."

พี่หน่อยอธิบายเรื่องราวช้าๆ ดูเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆธรรมดาๆเสียเหลือเกิน ท้ายประโยคยังหันไปถามยัยเกว ซึ่งเธอ
ก็รีบตอบรับอายๆว่าจริงค่ะ

"นั่นเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องงาน พี่คุยกับน้องเกวแล้วเช่นกัน เธอตกลงจะมาอยู่ด้วยช่วยกันทำให้บริษัทที่ชายฝันเป็นจริงไง
จ๊ะ..ดีมั๊ย..."

แม้สิ่งที่ได้ยินจากปากพี่หน่อยมันจะดีก็จริง ถ้าสองสาวรักใคร่เข้ากันได้แบบนี้ แต่ผมกลับรู้สึกกังวลไปถึงอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ
น้องกัน..ว่าผมจะทำอย่างไรดี ถึงอย่างไรความลับมันก็ไม่มีในโลกนี้ แม้จะปิดบังยังไง สักวันน้องกันต้องทราบแน่
ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเธอทราบแล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง

"พี่หน่อยคะ..พรุ่งนี้เกวไม่ต้องไปทำงานเลยใช่มั๊ยคะ..." เสียงกรุ๊งกริ๊งของเกวลิน ดังแทรกขึ้นมาจนความกังวลของผมแตก
กระเจิง

"ใช่จ๊ะ...เกวยังไม่ได้บรรจุเป็นพนักงาน ลาออกได้เลยไม่ต้องยื่นเอกสาร..แล้วไปจัดการเรื่องหอพักให้เรียบร้อย ขนข้าวของมา
อยู่กับพี่ได้เลย..."

ดูเหมือนพี่หน่อยจะวางแผนจัดการไว้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โดยที่ผมไม่ทราบอะไรเลย แม้กระทั่งการชวนให้เกวลินมาอยู่ด้วย
ผมก็เพิ่งทราบเช่นกัน มันจึงสับสนงุนงงว่าทำไมเรื่องราวมันจึงดำเนินไปได้รวดเร้วปานเสกมนต์ได้ขนาดนี้

"วันเสาร์นี้ใช่มัยจ๊ะที่เรานัดคุยรายละเอียดกับเสียวิบูลย์...." พี่หน่อยย้ำถามเวลานัดหมายอีกครั้ง เมื่อผมตอบว่าใช่

"งั้นดีเลย...สองสามวันนี้เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม...." พี่หน่อยพูดเหมือนรำพึงกับตนเอง

"พี่ครับ..เอ้อ..ทำไมเราต้องรีบร้อนกันขนาดนี้.." ผมถามเพราะข้องใจจริงๆ

"มันเป็นจังหวะชีวิตจ๊ะที่รัก...น้องเกวกำลังได้งานที่โรงเรียนเก่า..ส่วนพี่เดือนหน้าก็จะได้เซ็นต์สัญญากับบริษัท...ซึ่งจะเปิด
ธุรกิจมินิมาร์ทใหม่ในกรุงเทพหลายหลายร้อยแห่ง..ถ้าเราช้า ผลงานทั้งหมดก็จะเข้าที่บริษัทเดิมไงจ๊ะ..พี่ถึงต้องรีบร้อนเปิด
บริษัทเองเสียก่อน...."

พี่หน่อยอธิบายให้ผมฟัง แต่ผมยังข้องใจ เหมือนเธอเพิ่งทราบความคิดเรื่องนี้จากปากผมเมื่อเช้านี้เอง แต่ทำไมจึงรีบร้อนทำ
ผมเกรงว่ามันจะไม่รอบคอบ เผื่อมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ผมน่ะไม่ห่วงตัวเองเลยสักนิด เพราะเคยลำบากมาก่อน พร้อมที่จะไป
เดินต๊อกต๋อยได้เสมอ แต่พี่หน่อยนั้นคงไม่ใช่แน่ เธอจะสูญเสียทั้งเงินที่เก็บสะสมไว้ และตำแหน่งหน้าที่การงาน

"พี่ตัดสินใจรอบคอบแล้วหรือครับ ผมเป็นห่วงพี่..." ผมพูดออกมาจากความรุ้สึกลึกๆในใจ พี่หน่อยได้ยินเธอถึงกับส่งยิ้มหวานๆ
อ่อนโยนมาให้ผม พร้อมเอื้อมมือมาจับมือผมบีบเบาๆ

"เรื่องจัดตั้งบริษัทนี่พี่คิดมานานแล้วจ๊ะ..แต่พี่เป็นผู้หญิงคนเดียวคงทำไม่ได้.ดีที่ชายมาพูดเรื่องนี้..พี่จึงตัดสินใจได้ทันทีไงจ๊ะ.."
เมื่อผมทราบว่าพี่หน่อยคิดเรื่องนี้เช่นกัน ผมค่อยสบายใจขึ้น เพราะถ้าลองพี่หน่อยได้มีเวลาคิด เธอต้องรอบคอบอย่างแน่นอน

"งั้นผมก็สบายใจแล้วละครับ..."

ผมตอบยิ้มๆ แม้ยังข้องใจอีกเรื่องว่าทำไมพี่หน่อยต้องชวนเกวลินมาอยู่ด้วยในบ้าน แล้วแบบนี้เวลาผมจะมีอะไรกับเธอหรือกับ
เกวลิน ผมจะทำยังไงดี

"เอ้อพี่คะ..เกวกลับบ้านก่อนดีกว่ามั๊ยคะ..พี่หน่อยจะได้มีเวลาปรึกษางานกับพี่ชาย.." เกวลินที่นั่งเงียบๆมานาน กล่าวเสียง
กรุ๊งกริ๊งเบาๆอายๆ ออกมา

"อื้อ...ไม่ต้องกลับหรอกจ๊ะ..คืนนี้นอนกันที่นี่ทั้งสองคนเลย..." พี่หน่อยพูดยิ้มๆ ยัยเกวลินได้ยินถึงกับหน้าแดงๆอายๆ ส่วนผม
ถึงกับคอย่น

"มะกี้พี่พาน้องเกวไปฉีดยาคุมมาแล้วนะ..คราวนี้ทำอะไรจะได้ไม่ต้องเกร็ง..ฮิฮิ..."

พี่หน่อยเอียงหน้ามากระซิบบอกเสียงสั่นๆ ที่หูผม แต่เกวลินคงได้ยินเธอถึงกับอายบิดมือไม้เป็นเกลียวเขินๆ ยิ้มหน้าแดงๆ ยิ่ง
เมื่อผมหันหน้าไปมองตาเธอมีประกายหวานเยิ้ม มันชวนสยิวไปถึงบทสวาทที่เร่าร้อนเมื่อคืนยิ่งนัก จนท่อนลำในกางเกงของ
ผมพองตุงขึ้นมาทันที แล้วก็ไม่พ้นสายตาเหยี่ยวของพี่หนอ่ย ที่เอื้อมมือมาตะคลุบบีบกำยวบๆ จนมันกระดกงึกๆ เธอก็หัวเราะ
คิกๆ อย่างมีความสุข[/post]

zeedzeedzeed555

 ::Glad:: ::Glad::ข อบคุนจร้า สุดยอดมาก ติดตามมาทุกตอนเลย สู้ๆๆๆคับเปนกำลังจัยให้นะ

johnywalker

พระเอกมันทำบุญด้วยอะไรฟะ เมียสอง แต่สามัคคีกันอีก

rizzorizzo

อิจฉาพระเอก จิงๆ   ในชีวิตจริงจะมีใครเป็นแบบบ้างนะ  555

aeadza

อิจฉาตัวใหญ่มากครับตอนนี้มีเมียพีใหญ่แบบนี้

PEE WAII

ในที่สุดคุณชายก็มีคนที่เข้าใจถึงสองคน

leopoldi

อ่านตอนแรกๆ ก็สงสารพระเอก อ่านถึงตอนนี้ความสงสารกลายเป็นอิจฉาแทนแล้วเว้ยยยยย

devilzoa