ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ร้อยรักวัยสวาท ภาคแรก ตอนที่50-51

เริ่มโดย suckzeed, มีนาคม 22, 2016, 04:54:43 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed








ตอนที่50


"อย่าเสือกร้องเอะอะโวยวาย..กูยิงไส้แตกแน่..."

แม้ผมจะไม่ได้ยินเสียงเหี้ยมๆขู่ ผมก็นั่งนิ่งๆด้วยใจเต้นระทึกอยู่แล้ว ผมไม่ใช่พระเอกหนังพระเอกละครนี่ครับที่จะหาญ
สู้กับบรรดาเหล่าร้ายที่ถือปืนเป็นอาวุธได้ทั้งที่ตนเองมือเปล่า แต่แม้ว่าผมจะนั่งนิ่งๆ แต่ในหัวผมพยายามลำดับเรื่องราว
ว่า เป็นเพราะเหตุใดกันแน่ที่ทำให้ผมถูกจี้จับตัวมาขึ้นรถเยี่ยงนี้ ตัดประเด็นจี้ชิงทรัพย์ไปได้เลย เพระผมไม่ใช่คนร่ำรวยแต่อย่างใด รถที่ใช้ก็เป็นรถญี่ปุ่นคันเล็กๆมือสอง ความแค้นส่วนตัวก็ไม่น่าจะมีกับใคร คงมีเพียงประเด็นเดียวเท่านั้นเท่าที่ผมพอนึกออกว่า ต้องเป็นฝีมือของพ่อน้องกันอย่างแน่นอน

"จะพาผมไปไหนครับ..."

ผมนั่งมาในรถสักพัก ที่เคลื่อนตัวไปเลื่อยๆ โดยที่ผมไม่รู้ทิศทางว่ามันจะพาผมไปไหน แต่ไม่มีเสียงตอบ จนกระทั่งเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง รถที่แล่นอยู่ก็หยุด ผมถูกชายฉกรรจ์ทั้งสองหิ้วปีกพาลงมาจากรถ แล้วดันผมเดินไปสักสิบกว่าก้าวเดิน ก็กดไหล่ผมให้นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเปิดถุงผ้าสีดำคลุมหัวผมออก

แสงสว่างแว๊บเข้ามาในลูกนัยต์ตาแว๊บแรก ทำให้ผมแสบตาจนตาพล่ารีบกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะจำแนกได้ว่าผมกำลังถูกไฟสปอร์ตไลท์ส่องจับบนใบหน้า รอบตัวผมเป็นห้องโล่งๆว่างเปล่าขนาดใหญ่พอสมควร คล้ายโกดัง หรือห้องเก็บวัสดุสิ่งของ แต่ทว่ามันว่างเปล่า มีเพียงเก้าอี้ตัวที่ผมนั่ง กับเก้าอี้ว่างๆอีกตัววางอยู่ตรงหน้าเท่านั้นเอง

"ที่ไหนครับนี่..."

ผมเหลี่ยวหน้าหันไปถามชายฉกรรจ์ที่จับตัวผมมา แต่ทว่ายังไม่ทันหันไปเห็นตัวเขา หนึ่งในสองก็ปราดเข้ามาใช้วัสดุแข็งๆเย็นๆ จี้ที่ท้ายทอยผมแล้วสำทับเสียงเหี้ยมเกรียมว่า

"ไม่ต้องถาม ไม่ต้องหันมามอง..นายสั่งให้มึงนั่งเฉยๆ เดี๋ยวนายก็มา..."

ผมจำต้องทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง จนสักพักหนึ่ง แสงสว่างวาบขึ้นมาจากเบื้องหลังผมชั่วครู่แล้วก็มืดลงเหมือนเช่นเคย พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินกระทบพื้นซีเม็นต์ดังแกร๊กๆ ก้าวมาทางเบื้องหลังผม แล้วเดินผ่านไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ด้านหน้า แต่อยู่หลังโคมไฟสปร์ตไลท์ จนทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของบุรุษผู้ก้าวเดินเข้า
มาใหม่ ว่าเป็นผู้ใด

"เรานี่มันแสบเอาเรื่องเหมือนกันนะ...ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามติดต่อกับลูกสาวผม..." เสียงห้าวทุ้มกล่าวเครียดๆแต่คุ้นหู แม้มองไม่เห็นใบหน้าของผู้พูดผมก็เดาได้ออกว่าคงเป็นเสียงของคุณพ่อน้องกันอย่างแน่นอน

"แต่เรารักกันนะครับท่าน..." ผมรอให้พ่อน้องกันพูดจนจบ จึงพยายามอธิบายว่าผมรักน้องกันเธอจริงๆไม่ได้มาลวงหลอกแต่อย่างใด

"ไม่ต้องอธิบาย..ผมไม่ต้องการฟังคำแก้ตัว...แต่ต้องการให้นายปฏิบัติตามเท่านั้น...." เสียงพ่อน้องกันตวาดออกมาด้วยเสียงห้วนๆที่ค่อนข้างดัง อย่างไม่พอใจที่ผมพยายามอธิบายเรื่องราว

"นายมีทางเลือกสองทาง..." พ่อน้องกันส่งเสียงเข้มๆห้วนๆสั่งผม ก่อนจะโยนซองสีน้ำตาลลงมาบนตักผมแล้วสั่งให้เปิดดูสิ่งของข้างใน

ผมเปิดปากซองแล้วล้วงมือลงไปควานหา สัมผัสได้ว่ามันน่าจะเป็นรูปถ่าย จึงหยิบออกมาดู แล้วก็เป็นรุปถ่ายจริงๆ แต่ภาพในรูปที่ผมเห็นนั้นสิ ทำให้ผมใจหายวาบเหมือนมันตกไปที่ตาตุ่ม ก่อนจะหน้าแดงใจเต้นระรัว เพราะว่าบุคคลในภาพถ่ายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นผมกับเกวลินในอริยาบทต่างๆ ที่เดินจับจูงแขนกันที่ย่านพัฒพงศ์

"ทางเลือกแรก..นายหายไปจากชีวิตของลูกกัน...แบบเงียบๆ.." พ่อน้องกันเริ่มพูดขึ้นมาหลังจากที่ผมมองภาพถ่ายเหล่านั้นแล้ว

"ทางเลือกที่สอง..ผมจะเอารูปเหล่านี้ให้ลูกกันดู...แล้วเธอคงจะเสียใจที่นายมีความประพฤติแบบนี้..."

เสียงเครียดๆห้วนๆของพ่อน้องกันจบลง สมองผมเริ่มคิดตามว่าควรจะเลือกทางใดดี ซึ่งผลลัพภ์มันไม่ต่างไปกว่ากัน คือผมต้องเลิกติดต่อน้องกันอีกต่อไป แต่ความรู้สึกของน้องกันจะต่างกัน ทางเลือกแรก เธอคงเสียใจที่ผมหายตัวไปเฉยๆ แม้จะโกรธผมอยู่บ้างแต่คงไม่ถึงกับเกลียด แต่ทางเลือกที่สอง ผมเชื่อว่าถ้าน้องกันได้ดูรูปถ่ายเหล่านี้ ซึ่งมันไม่ได้มีแค่ผมกับเกวลินเดินจูงแขนกันไปเที่ยวเท่านั้น รูปในรถบนลานจอดรถที่ผมกับเกวลินมีอะไรกัน ก็ถูกถ่ายออกมาหมด ผมเชื่อว่าถ้าน้องกันเห็นแล้วเธอคงเกลียดผมอย่างแน่นอน ผมคงไม่สามารถอธิบายอะไรให้เธอทราบได้

"ผมขอเลือกแบบแรกครับ.. "

ผมตอบเสียงเบาหวิว ยอมรับว่าเสียใจและละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่อยากโทษว่ามันเป็นความผิดของพี่หน่อยกับเกวลิน ที่ทำให้ผมเดินมาจนถึงทางตันเช่นนี้ มันคงเป็นโชควาสนาของผมมากกว่าที่ทำบุญกับน้องกันมาเพียงเท่านี้

"ดี..ถ้างั้น..ผมจะลองเชื่อใจนายอีกครั้งว่านายจะหายตัวไปเงียบๆ ไม่ติดต่อลูกสาวผมอีก เพราะ...นี่มันเป็นโอกาศสุดท้ายแล้ว..ถ้านายผิดคำพูด..คงรู้นะว่าผมจะจัดการนายแบบใดได้บ้าง..." พ่อน้องกันพูดขู่ผมจบ ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมร้องสั่งลูกน้องคนที่พาผมมาที่นี่ ให้นำตัวผมกลับไปส่งที่เดิม

ผมยอมรับว่าขณะนั้นในหัวดูเหมือนมันว่างเปล่า ดูเหมือนมันเบลอๆ จนไม่สามารถคิดเรื่องราวอันใดได้เลย แม้จนกระทั่งผมถูกพาตัวมาส่งยังจุดเดิมที่รถผมจอดอยู่ จนขึ้นสตาร์ทและขับรถเคลื่อนออกไปเรื่อยๆ จนไม่รู้เลยว่าผมขับไปที่ใด จนกระทั่งสองข้างทางมองเห็นไร่นาเขียวขจีนั่นแหละ ผมจึงได้รู้สึกตัว พร้อมคลำหาทางกลับมาทิ้งตัวลงนอนก่ายหน้าผากบนโซฟาของห้องพี่หน่อย เอาเมื่อตะวันใกล้พรบค่ำแล้ว

สักครู่ผมก็รู้สึกทั้งเครียดและเสียใจ จนปวดหัวแทบระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ จึงเดินไปหยิบยาแก้ปวดที่ตู้ยาห้องพี่หน่อยมากรอกใส่ปากโดยไม่ใส่ใจว่ามันจะมีกีเม็ด จากนั้นผมก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง และเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งมีมือมาเขย่าตัวแล้วเรียกชื่อผมซ้ำๆหลายครั้ง จึงลืมตาขึ้นมองเห็นใบหน้าเบลอๆ ของผู้หญิงสองคนต่างจ้องมองมาด้วยความเป็นห่วง

"ชาย...ๆ....ๆ..." เสียงเรียกชื่อผมช้าๆ เหมือนเสียงจากภาพยนต์สโลโมชั่น

"พี่ชาย...เกิดอะไรขึ้นคะ..." ผมได้เสียงเสียงกรุ๊งกริ๊งที่คุ้นเคยดังแว่วๆใกล้ๆหู

"น้องกัน...."

ผมหลุดเสียงเรียกสาวคนรักออกมาเบาๆเหมือนละเมอ ก่อนจะกระพริบหนังตาที่หนักอึ้งลงถี่ๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบใบหน้าของพี่หน่อยและเกวลินต่างจับจ้องมองผมอยู่ด้วยความเป็นกังวล

"พี่หน่อย..เกว...ผมเผลอตัวนอนหลับไปครับ..." ผมร้องบอกเมียทั้งสองคนเบาๆ พร้อมหันมองรอบๆตัวดูภาพมันไม่
คุ้นตา เหมือนไม่ใช่ห้องในคอนโดของพี่หน่อยแม้สักนิด

"ที่ไหนครับเนี่ย...หิวน้ำจัง..." ผมสอบถามเสียงแผ่วเบาด้วยความแปลกใจ และคอแห้งกระหายน้ำ

"พี่ชายเผลอหลับที่ไหนกันคะ..นี่หลับไปตั้งสองวันแล้ว..เกวกับพี่หน่อยห่วงพี่มากเลย..กลัวว่าพี่จะไม่
ฟื้นอีกแล้ว...ฮือๆๆๆ.."

เสียงเกวลินร้องบอก ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำตาใสๆไหลคลอเบ้า ทำเอาผมประหลาดใจและตกใจ จนเมื่อประสาทสัมผัสเริ่มกลับมา ผมจึงรู้ว่าขณะนั้นตนเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง ไม่ใช่หลับอยู่บนโซฟาอย่างแน่นอน

"เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ...ชาย....ทำไมถึงได้เอายานอนหลับของพี่มาทาน จนหมด..." เสียงพี่หน่อยถามขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ยานอนหลับที่ไหนครับพี่..ผมทานยาแก้ปวดหัวนะครับ...พาราเซตามอน..จำได้ว่าข้างขวดเขียนไว้แบบนี้..." ผมตอบไปตามตรง เพราะจำได้ว่าอ่านฉลากข้างขวดแล้วว่ามันเป็นยาแก้ปวดชนิดหนึ่ง

"เด็กบ้า!...ไม่รู้จักดูให้ดี..ขวดน่ะมันใช่ แต่ยาข้างในเป็นยานอนหลับของพี่...ทำเอาพี่กับยัยเกวตกใจกันไปหมด...ต้องพามาหาหมอล้างท้อง...." พี่หน่อยต่อว่ายิ้มๆ เมื่อทราบความจริงว่าผมปวดหัวและต้องการทานยาแก้ปวดเพียงเท่านั้น หาได้คิดกินยานอนหลับเพื่อฆ่าตัวตายแต่อย่างใด

"เกวไปหาน้ำให้พี่ชายทานหน่อยเร็ว.."

พี่หน่อยร้องสั่งเกวลินเบาๆ เมื่อเห็นผมแลบลิ้นเลีบริมฝีปากที่แห้งผากเพราะกระหายน้ำ เกวลินกระวีกระวาดทำตามคำบอกของพี่หน่อยทันที

"ว่าแต่ทำไมถึงปวดหัวจ๊ะ..ก็ไปพบน้องกันมาไม่ใช่หรือ น่าจะมีความสุข..."

พี่หน่อยถามยิ้มๆ ทำหน้าล้อๆ เมื่อเห็นว่าผมปลอดภัยดีแล้ว แต่ผมอ้ำอึ่งไม่อยากจะตอบคำถามของพี่หน่อยเลยสักนิด ว่าสาเหตุที่ผมเครียดจนปวดหัวนั้นมาจากเรื่องใด

"เอ้อ..กลับบ้านกันดีกว่าครับพี่..แล้วผมค่อยเล่าให้ฟัง..." ผมพูดเสร็จก็เตรียมขยับตัวลุกขึ้น แต่ทว่าแขนผมยังเสียบ
อยุ่กับสายน้ำเกลือที่หยดติ๊งๆๆอยู่เลย

"อ่ะ..ต้องให้น้ำเกลือกับผมเลยหรือครับ..." ผมสอบถามขึ้นมาเบาๆ ทั้งสองสาวต่างพยักหน้าพร้อมกันเป็นคำตอบ

"รอสายๆก่อนนะจ๊ะ..ค่อยกลับบ้าน นี่ยังเพิ่งตีห้าเอง..."

พี่หน่อยตอบยิ้มๆ พร้อมใช้มือเสยเส้นผมของผมเบาๆ ด้วยความรักและห่วงอาทร ความอบอุ่นมันแล่นปราดเข้าใส่ใจผมจนต้องหลับตาซึมซับเอาไว้ ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้พี่หน่อยเห็น


ตอนที่ 51

หลังจากพี่หน่อยและเกวลิน พาผมออกจากโรงพยาบาลเพื่อมาพักฟื้นที่บ้าน ผมใช้เวลาทำใจเรื่องน้องกันอยู่พักใหญ่
ก็ทำใจได้ แต่ไม่ใช่ผมจะลืมเลือนเรื่องระหว่างน้องกันกับผมเลยหรอกนะครับ ผมเพียงเก็บเรื่องราวระหว่างผมกับเธอไว้ในซอกหนึ่งของหัวใจ ที่ลึกที่สุดเท่านั้น

เพราะผมยังมีภาระหน้าที่ ที่จะต้องทำอีกเยอะ.อย่างน้อยก็ยังมีอีกสองสาวที่รอตัวผม รอความสุขและความอบอุ่นที่ผม
จะต้องมอบให้ ช่วงระหว่างที่ผมยังทำใจเรื่องน้องกัน ทั้งพี่หน่อยและเกวลิน ก็ให้ผมอยู่เฉยๆ ไม่เข้ามาวุ่นวายกวนใจ
เลยแม้สักนิด สำหรับพี่หน่อยผมเชื่อมั่นว่าเธอคงต้องการทำเช่นนี้ แต่เกวลินนั้นที่ต้องทำตาม คงเพราะโดนพี่หน่อยกำชับไว้แน่ ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปร่วมเดือน ผมก็ทำใจได้ กลับมาเป็นนายสมชายคนเดิม ด้วยการประเดิมมอบความสุขฉันท์ผัวเมียให้กับผู้หญิงทั้งสองคนของผม

ช่วงนี้ผมจะเล่าเรื่องผ่านๆเรื่องเซ็กส์ระหว่างผมกับพี่หน่อยและเกวลินไปเลยนะครับ เพราะมันก็ไม่มีอะไรตื่นเต้นอีกแล้ว
เซ็กส์ก็ยังเป็นเหมือนเช่นเดิม วันธรรมดาก็ผลัดกันเข้ามานอนกับผม ส่วนวันหยุดนั่นแหละ จึงร่วมนอนร่วมสวาทกันพร้อมกันทั้งคู่ ทั้งสองสาวยังคงได้รับความสุขจากการร่วมหลับนอนกับผมไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่ตัวผมเองนั่นแหละที่รู้อยู่ในใจคนเดียวว่า ผมไม่กระสันต์ตื่นเต้นอีกแล้ว คงเพราะหลายครั้งระหว่างที่กำลังร่วมรัก ไม่ว่าจะกับพี่หน่อยหรือกับ
เกวลิน ภาพใบหน้าของน้องกัน มักวนเวียนเข้ามาอยู่ในหัวผมเสมอๆ นั่นเอง

เรื่องการงานของบริษัทที่พี่หน่อยเปิดขึ้นมา ช่วงแรกๆก็ดำเนินไปได้ดี พวกเราช่วยกันหาลูกค้าโครงการสร้างคอนโดมิเนี่ยมได้หลายแห่ง รวมทั้งโรงเรียนพาณิชย์ต่างๆ ที่ทำการเปิดสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ก็จะติดต่อผ่านมาทางเกวลินบ้าง ผมบ้าง ไม่ขาดมือ จนกระทั่งพวกเราปรึกษากันที่จะเปิดโชร์รูมเป็นตึกแถวแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนขึ้น รวมถึงการขยายงานและรับพนักงานเพิ่มเติม

ส่วนเรื่องการเรียนของผม ก็โดนพี่หน่อยร้องขอให้หาเวลากลับไปมุ่งมั่นศึกษาเพื่อให้เรียนจบปริญญาตรีเสียที ผมจึง
จำต้องจัดเวลาการทำงานและเรียนเสียใหม่ โดยใช้เวลาสี่วันรวมทั้งเสาร์และอาทิตย์เพื่อทำงานหาลูกค้า ส่วนวันธรรมดาสามวัน ผมเข้าไปฟังวิชาที่อาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย

จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงหนึ่งปี นับจากวันที่ผมเลิกติดต่อน้องกันตามที่รับปากกับพ่อเธอไว้ โดยที่ผมไม่ล่วงรู้เลยว่าเธอจะเป็นเยี่ยงไรบ้าง จนกระทั่งวันหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงหลังสงกรานต์ เมื่อพี่หน่อยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาผมในห้องทำงานส่วนตัว ในมือของเธอมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งติดมือเข้ามาด้วย แล้ววางกางบนโต๊ะให้ผมมองดู

"ชายดูนี่สิคะ..." พี่หน่อยชี้ให้ผมดูภาพข่าวการก่อกบฎ ที่เรียกกันว่าเมษายนทมิฬ ผมกวาดตาดูอย่างเฉยชาไม่รู้สึกกระตือรือร้นแต่อย่างใด เพราะผมไม่ชอบยุ่งวุนวายสนใจเรื่องข่าวการเมืองอยู่แล้ว

"ชายดูรูปนายพลคนนี้สิ..เห็นมั๊ยๆๆ.." พี่หน่อยจิ้มนิ้วลงมาที่รูปนายทหารยศนายพลท่านหนึ่ง แล้วบอกย้ำๆด้วยความตื่นเต้นให้ผมดู

"แล้วไงครับ..ก็รุปพวกทหารที่ก่อการกบฏ..แล้วโดนจับ...ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย..." ผมคอบเสียงเรียบๆ ไม่แม้
แต่จะจับจ้องมองหน้ามองรายชื่อของเหล่าทหารพวกนั้นด้วยซ้ำ

"คนนี้พ่อน้องกันไม่ใช่หรือ..ชายดูดีๆสิจ๊ะ..พี่หน่อยว่าพี่จำหน้าเขาได้นะ..เพียงแค่ไม่ทราบเท่านั้นว่าเขาชื่ออะไร..ใช่มั๊ย..ดูสิ"

พี่หน่อยพูดซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตื่นๆ ทำให้ผมพลอยตื่นเต้นไปด้วย เมื่อได้ยินประโยคที่ว่า..คนนี่พ่อน้องกันใช่มั๊ย
จึงรีบเพ่งตามองรูปภาพ พร้อมไล่อ่านรายชื่อทหารเหล่านั้น แม้ผมไม่ทราบว่าพ่อน้องกันจะชื่ออะไรยศฐาบรรดาศักดิ์
ยังไงก็ตาม แต่ผมจำนามสกุลของน้องกันได้ดี

แล้วก็เป็นจริงตามที่พี่หน่อยบอก เป็นพ่อน้องกันแน่นอน ที่เป็นหนึ่งในหลายๆนายทหารที่ข่าวพาดหัวว่าร่วมกันก่อการ
กบฏ  แต่ทว่ามีนายทหารบางส่วนถูกจับ และบางส่วนก็ชิงเดินทางหนีออกไปต่างประเทศได้เสียก่อน และพ่อน้องกันก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

"คราวนี้ก็ไม่มีพ่อน้องกันขวางความรักของชายแล้วนะ..ไปหาน้องกันสิจ๊ะ..." พี่หน่อยรีบบอกเมื่อผมเงยหน้าขึ้น หลังจากอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เสร็จ

"เอ้อ...เขาอาจพาครอบครัวหนีไปต่างประเทศด้วยมั้งครับพี่..."

ผมไม่ตอบรับ และไม่ได้ปฏิเสธ เพียงคาดเดาไปตามความรู้สึก ว่าถ้าเป็นตัวผม ก็คงไม่หนีไปแต่เพียงลำพัง คงต้องหอบหิ้วครอบครัวไปด้วยแน่ๆ

"อย่าเพิ่งคาดเดา..พรุ่งนี้ชายลองไปหาน้องกันที่มหาวิทยาลัยดู.."

พี่หน่อยคาดคั้น จนผมเริ่มรู้สึกงุนงงประหลาดใจ แทนที่ในชีวิตผมไม่มีน้องกันอีกแล้ว มีเพียงพี่หน่อยและเกวลิน เธอน่าจะพอใจดีใจ แต่นี่กลับสนับสนุนให้ผมไปตามหาน้องกันใหม่อีกครั้ง

"ผมไม่เข้าใจพี่เลยครับ..ว่าทำไมพี่หน่อยถึงอยากให้ผมไปหาน้องกัน..เสียจริง..."

ผมจับจ้องมองตาพี่หน่อย รอคำตอบอย่างคาดคั้น จนเธออึกอักอยู่ครู่ใหญ่ สีหน้าบ่งบอกรอยพิรุธออกมาให้ผมเห็น เหมือนมีสิ่งใดที่เธอไม่ยอมบอกกับผมมาตรงๆ

"เอ้อ...เอ้อ...พี่หน่อยเคยมีรักแรกแล้วผิดหวังไงจ๊ะ...คราวนี้เลยไม่อยากให้มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับคนที่พี่รักอีก.."

ตลอดเวลาที่อธิบายออกมา พี่หน่อยหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าเงยหน้ามาประสานสายตากับผม อย่างมีพิรุธ จนผมไม่เชื่อ
คำพูดของพี่หน่อยในครั้งนี้ แต่พอคาดคั้นอีกครั้ง พี่หน่อยก็ยังยืนยันคำตอบเดิมๆ จนผมคร้านที่จะซักถามเธอต่อ รีบ
ดึงตัวเธอเข้ามากอดสอดแขนรัดใต้ราวอกอวบใหญ่ไว้แน่น

"ผมไม่ได้รักพี่หน่อยมานานหรือยังครับ..."

ผมกระซิบถามเสียงอ่อนโยน พร้อมพรมจูบเบาๆไปที่แก้มนวล เพราะรุ้ตัวเองดีเลยว่า หลังจากย้ายมาเปิดบริษัทแล้วมีโชร์รูมที่ตึกแถว ผมก็มุ่งมั่นกับการทำงานมาก รวมถึงทั้งพี่หน่อยและเกวลินด้วย จนแทบจะหลงลืมไปเลยว่าครั้งสุด
ท้ายที่เราทั้งสามคนร่วมรักกันมันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว

"อื้อ...ชายอ่ะ..ถามไรไม่รู้..ใครจะไปจำได้ล่ะ..คงนานแล้วมั้ง..."

พี่หน่อยตอบอุ๊บอิ๊บอายๆ หน้าแดงกร่ำเหมือนสาวรุ่นๆ แต่ก็ยินยอมเอียงแก้มให้ผมพรมจูบไปจนทั่วหน้า ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะมาบรรจบประกบกัน เป็นจูบที่อ่อนหวานเต็มไปด้วยความละมุน ไม่เร่าร้อนและรุนแรง แต่มันก็ทำให้ท่อนลำในกางเกงผมค่อยๆคัดแข็งจนดุนดันเนินเนื้ออวบๆอูมๆ ในกระโปรงฟิตๆสั้นเหนือเข่าของพี่หน่อยได้ จนเธอร้องอุ๊ยๆ เมื่อมันกระดกงัดใส่ร่องเสียวของเธอเบาๆ

"อื้อ..ชายจ๋า..ไว้รอกลับบ้านก่อนดีมั๊ยจ๊ะ..." พี่หน่อยร้องบอกเสียงสั่นๆ หน้ายิ่งแดงกร่ำ เมื่อผมจับพี่หน่อยหมุนหันหลัง แล้วแอ่นเอวเสยกระทุ้งร่องก้นของพี่หน่อยเบาๆ

"ไม่มีใครอยู่ในออฟฟิสไม่ใช่หรือครับ..."

ผมร้องถามเสียงแหบหื่น แล้วคลายวงแขนที่รัดรอบราวนมของพี่หน่อย เอื้อมมือข้างหนึ่งไปคว้าอกอวบใหญ่ของเธอบีบคลึงเล่นเบาๆ ส่วนอีกข้างก็สอดลูบลึกเข้าไปที่ขอบชายกระโปรงฟิตๆ

"อื้อ...อย่าซนสิคะ..ว๊ายยยย..เด็กนี่ห้ามไม่ฟังเลย..ซู๊ดดดด..."

พี่หน่อยร้องปรามห้ามผมเสียงกระเส่า เมื่อมือข้างที่คลึงอกอวบจนหัวนมเธอตั้งแข็งดันผ่านบราไร้ฟองน้ำออกมาเป็นเม็ด ผมก็ใช้ปลายนิ้วคีบแล้วคลึง ส่วนมือข้างที่ลูบไล้เรียวขาขาวๆ นั้นสอดผ่านลึกเข้าไปในกระโปรงแคบๆ สัมผัสเรียวขาด้านในลูบไล้จนตุ่มขุมขนเล็กๆชี้ชัน

"เรายังไม่เคยได้ฉลองออฟฟิสใหม่กันเลยนะครับพี่..."

ผมพูดเบาๆเสียงกระเส่าหื่นๆ พร้อมไล้ริมฝีปากพรมจูบไปตามข้างแก้มพี่หน่อย ก่อนจะพลิกร่างเล็กๆบางๆของเธอหันกลับมาเผชิญหน้า พร้อมใช้สองมืดถลกกระโปรงฟิตๆของพี่หน่อยเลิกขึ้นมาเหนือเอว

"เซี้ยวจังเลย..ชายนี่..อุ๊ยว๊าย...จะทำจริงๆหรอคะ..."

พี่หน่อยต่อว่าผมเสียงเบาๆกระเส่าๆ แล้วร้องตกใจว๊ายเมื่อโดนผมจับร่างเธอพลิกมาเผชิญหน้าพร้อมถลกกระโปรงเธอเลิกขึ้นเหนือเอว จนแลเห็นเนินโคกอวบอูมที่ซุกซ่อนอยู่ในกกน.ตัวเล็กๆบางๆสีขาว มันบางจนทำให้แลเห็นกลุ่มขนสีดำจางๆเป็นปื้น

ผมไม่ตอบคำถามพี่หน่อย แต่สอดมือเข้าไปที่โคกอวบอูมนั้น แล้วยื่นนิ้วเกี่ยวรูดไปตามร่องสวาทเรียวยาว พี่หน่อยครางอูยตัวแอ่นกระตุก โพรงสวาทขับนำเมือกหล่อลื่นออกมาทันที

"เดี๋ยวที่รัก..ขอพี่ไปล็อคห้องก่อน...ซี๊ดดดด.."

พี่หน่อยร้องบอกเสียงสั่นกระเส่า เมื่อแลเห็นว่าผมต้องการจริงๆ ผมจึงปล่อยเธอให้เดินไปกดล็อคห้องเสียงดังกริ๊ก จังหวะนั้นผมก็ถอดเข็มขัดและปลดขอกางเกงรอท่า จนพี่หน่อยเดินกลับมา ผมก็รูดกางเกงขายาวและกกน.ลงไปกอง
ที่เท้าเรียบร้อยแล้ว

"หูยยย..เตรียมพร้อมเลยนะ..."

พี่หน่อยร้องแซวผมยิ้มๆ แล้วเอื้อมมือสอดเข้าขอบกางเกงใน รูดม้วนมันลงมาตามเรียวขาขาวๆของเธอ จนผมแลเห็นโคกเนืออวบอูมเปลือยๆเต็มหน้าขา

พี่หน่อยไม่รอช้ารีบเดินกลับเข้ามาดันตัวจนผมทรุดลงนั่งบนโต๊ะ แล้วป่ายขาขึ้นคล่อมข้ามตัวผม สอดมือล้วงลงไปจับลำยาวใหญ่ผมตั้งขึ้น แล้วค่อยๆหย่อนก้นลงมา

"ซี๊ดดด...." ทั้งผมและพี่หน่อยร้องครางออกมาพร้อมๆกัน เมื่อปลายลำบานเงี่ยงแดงๆของผมชำแรกเข้าไปในกลีบสวาทของพี่หน่อยมิดเงี่ยงอย่างคุ้นเคย

"ทำไมพี่ถึงอยากให้ผมกลับไปหาน้องกันล่ะครับ..." ผมร้องถามอีกครั้งเบาๆ พร้อมแอ่นเอวกระทุ้งลำยาวงัดเสยเมื่อพี่หน่อยขย่มก้นลงมา จนมันจมวูบเข้าไปได้ครึ่งท่อน

"ซี๊ดดดด..ก็พี่บอกแล้วไงคะ..." พี่หน่อยยังยืนยันคำตอบเดิม พร้อมร้องครางอูยๆ เมื่อผมเด้งเสยควยพรวดเข้าไปจนมิดสุดโคน

"แต่ผมไม่อยากผิดคำพูดครับ..เคยรับปากกับพ่อน้องกันแล้วว่าผมจะไม่ไปติดต่อกับเธอ..." ผมพูดไปด้วยเด้งควยรับแรงขย่มของพี่หน่อยไปด้วย จนเธอกัดฟันครางเสียวร้องอูยๆซี๊ดๆๆ

"ถ้าไม่อยากไปด้วยตัวเอง พี่ไปสืบให้ก็ได้นะคะ...ซี๊ดดด..." พี่หน่อยร้องตอบเสียงกระเส่า ขย่มก้นลงมาถี่ๆ แล้วร้องครางด้วยความเสียว

"ตามใจพี่ครับ..แต่ตอนนี้..ผมขอเย็ดพี่ก่อนนะครับ..."

ผมร้องตอบเสียงหื่นๆแหบๆ แล้วขยับมือสอดลอดใต้ข้อพับขา ออกแรงพยุงตัวลุกขึ้น พี่หน่อยร้องว๊ายๆ แล้วสอดมือโอบรัดคอผมแน่นด้วยกลัวจะพลัดพลาดตกลงมา ผมเลยอุ้มพาเธอเดินย่างก้าวไปรอบๆห้อง พร้อมกระเด้าเย็ดไปด้วย จนมาวางเธอที่หน้าต่างริมห้อง แล้วดึงควยออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับร่างพี่หน่อยพลิกหันหลัง สองมือเท้าขอบหน้าต่างออฟฟิส


[post]สองตอนนี้ใกล้อวสานแล้ว จึงให้อ่านกันตามสบาย

ตอนหน้าจะเป็นตอนจบของภาคแรก มีคำเตือนก่อนอ่านว่า

[backcolor=#FF0000]โปรดเตรียมทิชชู่ไว้ใกล้ๆมือ[/backcolor][/post]

johnywalker


st23652

ทิชชู่ไว้เช็ดน้ำตาหรือเปล่าครับ เสียวจริง 55

aeadza

ออกมารูปแบบนี้ยังกลับมาลุ้นใหม่ได้ไหมครับ

sent


leopoldi

กลัวเนื้อเรื่องพลิกจริงๆ กลัวจะดราม่าแทน

devilzoa

เอาแล้วๆแต่ตามสไตล์ท่านsukseedต้องมีหักมุม