ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Dark world ตอนที่ 4 ดั่งฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย

เริ่มโดย katalun, มีนาคม 26, 2016, 09:03:55 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

katalun

คุยกันครับ
       - ก่อนอื่นต้องกราบขออภัยที่ล่าช้าครับ สำหรับผู้ที่ตามอ่าน งานยุ่งก็ส่วนนึงครับ แต่ที่แน่ๆก็คือเขียนไม่ออกครับ มีไอเดียในการเขียนแต่เขียนสื่อไม่ออกจริงๆ
         ไม่ง่ายเหมือนที่คิด ณ จุดนี้อดทึ่งไม่ได้กับนักเขียนในตำนานหลายๆท่านที่สละเวลามาเขียนให้พวกเราได้อ่าน เป็นสิบๆร้อยๆพันๆหน้ากระดาษ
         ขอบคุณทุกๆท่านครับ
       - ขอบคุณผู้ดูแล และบ้านหลังนี้มากๆครับ
       - ขอบคุณ คุณarejaมากครับที่ช่วยปรับแก้ให้เยอะเลย
       - ขอบคุณที่ตามอ่านครับ ทุกคอมเม้นสำหรับหน้าใหม่อย่างผมชื่นใจเป็นบ้า สำหรับไอเดียที่นำมาเสนอ
         คงจะต้องใส่ไปใน 3-4ตอนข้างหน้าครับ เพราะว่างโครงเรื่องไว้แล้วเปลี่ยนแล้วไปไม่เป็นเลย 555 อ่อนจริงไรจริง
       - ตอนหน้าก็จะจบเหตุการณ์ในปราสาทแล้วครับ ไปสมรภูมิอื่นสักสองสามตอน ก็จะจบช่วงแรก



Dark world


บันทึกจากชายตาบอดผู้รอดชีวิต

        ข้าได้ยินเสียง วี๊ดร้อง เมื่อพวกมันมาถึง ทุกๆคนรับรู้ดีว่าหายนะมาถึงหมู่บ้านของเราแล้ว ข้าได้ยินเสียงคนเข้าพูดกัน ถึง4จตุรอาชาและราชินี ก่อนที่ทุกอย่างจะเต็มไปด้วยเสียงวี๊ดร้องครวญคราง
        ราชินีแม่มด สวยงามจนไม่อาจจะละสายตา ใครที่เห็นนางจะไม่ได้ขยับไปไหนอีก ข้ารอดมาได้เพราะตาบอดและแกล้งนอนตาย แอบฟังเหตุการณ์รอบๆอย่างหน้าสะพรึง
        จตุรอาชาคนแรก เปี่ยมไปด้วยพิษร้ายและแมลงมีพิษจำนวนมากมาย โดยเฉพาะแมงมุมของนาง
        จตุรอาชาคนที่สอง เปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาลของสัตว์ป่า ใครจ้องมองนางจะต้องแข็งเป็นหิน นางจะมาพร้อมกับขวานด้ามใหญ่เสมอ
        จตุรอาชาคนที่สาม ตัวนางเปี่ยมไปด้วยมนต์ดำที่คอยชักใยผู้คน
        และไม่มีใครเห็นจตุรอาชาคนที่ 4 เพียงแต่ข้าได้ยินพวกมันคุยกัน แต่ไม่มีใครในหมู่บ้านเห็นหรือพูดถึง จตุรอาชาคนที่ 4 เลย
   


-----------------------------------------------------


Dark world ตอนที่ 4 ดั่งฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย






        ก่อนสงครามสุดท้าย 1 ปี

        ณ ค่ายฝึกทหารแห่งนึงในดินแดนตะวันตก เวลาคล้อยยามบ่ายแสงแดดอ่อนๆ และสายลมพัดโชยมา เป็นช่วงเวลาสงบสุขที่ไม่ค่อยพบเจอนักในกลียุคแบบนี้ คนรับใช้ถือกาน้ำชาเดินเข้ามาหาเอโมสที่นั่งเขียนหนังสือบางอย่างอยู่
        "เป็นยังไงบ้างขอรับท่านเอโมส การคัดเลือกทหารติดตามท่านเมื่อวานนี้" คนรับใช้กล่าวอย่างนอบน้อมพร้อมรินช้ายามบ่ายให้กับผู้เป็นนาย
        "นับว่าเป็นวันดีเลยทีเดียวล่ะ ได้ทหารตามที่เราต้องการจนครบเลยด้วย คนที่จะไปกับเราจนถึงที่สุด ในที่สุดเราก็รวบรวมครบได้แล้ว เราคงพอจะทำอะไรได้บ้างแหละ"เอโมสกล่าวตอบพร้อมจิบชาอย่างอารมณ์ดี 
        "แต่ว่า หาได้ยากมากเลยนะขอรับนายท่าน คนที่สูญเสียสิ่งที่ต้องการจะปกป้องแต่ยังต้องการที่จะปกป้องแม้ไม่มีอะไรรออยู่เบื้องหลังเนี่ย ข้าไม่คิดว่าท่านจะรวบรวมได้ถึง20คน ตามที่ท่านคิดจริงๆ"
        "แต่ก็ทำได้แล้ว ศึกนี้เราต้องชนะอย่างแน่นอน" เอโมสกล่าวด้วยสายตามุ่งมั่น


   
-----------------------------------------------------


    เวลาปัจจุบัน

    เอโมสพากองกำลังบุกเข้าโจมตีประตูฝั่งเหนือของปราสาท Darkzone อย่างต่อเนื่อง กองกำลังนับหมื่นภายใต้การดูแลของเค้าเข็มแข็งดุดัน บุกกดดันโจมตีใส่เหล่ามอนสเตอร์ดุร้าย แม้ว่าเหล่าแม่มดจะพยายามหยุดยั้ง และตั้งแนวป้องกันดีสักแค่ไหน ทหารของเค้าก็ฮึกเหิม วิ่งเข้าประจันบาญอย่างไม่เสียดายชีวิต ตะลุมบอนจนข้าศึกแตกกระจายล้มตายเป็นจำนวนมาก

    ในขณะที่กำลังเข้าตะลุมบอนกับข้าศึกนั่นเอง  เค้าได้ยินเสียงดังสนั่นอันเป็นแบบเฉพาะของพลุสัญญาณพันธมิตร ระเบิดกังวาลสนั่นหวั่นไหวจากฟากฟ้า เอโมสแหงนหน้ามองควันสีเขียวที่ล่องลอยอยู่บนฟ้าจากทางตะวันออก เป็นสัญญาณบ่งบอกให้รับทราบว่ากองกำลังฝั่งทางตะวันออกได้บุกฝ่าปราสาทเข้าไปได้สำเร็จ  เช่นเดียวกันกับทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ได้จุดพลุสัญญาณบ่งบอกข่าวเช่นเดียวกัน   

    ความตั้งใจแรก เค้าอยากที่จะถอยกลับไปตั้งหลักพักแรมเสียก่อน เนื่องจากเป็นเวลาใกล้พลบค่ำ แต่ในเมื่อมีกลุ่มที่บุกเข้าไปได้แล้วถึงสองกลุ่ม  ตัวเค้าก็น่าจะเข้าไปสบทบด้วย ซึ่งน่าจะเป็นผลดีมากกว่าที่จะกลับไปตั้งหลัก คิดได้ดั้งนั้น เอโมสจึงฝากรองแม่ทัพคนสนิทให้คุมกองทัพดึงความสนใจ  แล้วหันไปเรียกทหารผู้ติดตามฝีมือดี 20 คน จุดพลุสัญญาณ แล้วบุกฝ่าความชุลมุนบุกทะลวงเข้าปราสาทสีดำทมิฬไปได้

   -----------------------------------------------------

    "มีบางอย่างแปลกๆไป  มันคืออะไรกันนะ" เอโมสเกิดความกังวล นึกไตร่ตรองสถานการณ์ในใจ  ท้องไส้ปั่นป่วนตอบรับความแปลกประหลาดบางอย่างภายในจิตใต้สำนึก

    ดูจากท้องฟ้าที่เริ่มสิ้นแสงตะวันแปรเปลี่ยนเป็นความมืดดำเข้าปกคลุม ปรากฎแสงดาวสุกสกาวระยิบระยับแข่งกันบนฟากฟ้า นี้คงเป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้ว ที่เอโมสบุกเข้ามาภายในปราสาท และเริ่มการจู่โจมตามส่วนสำคัญต่างๆ เพื่อติดตามสังหารราชินีแม่มดต้นตอแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด แต่ที่เค้ารู้สึกประหลาดใจคือการป้องกันภายในปราสาทมันช่างอ่อนแอ่ และง่ายดายเสียเหลือเกินในการบุกทะลวงส่วนต่างๆ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เค้ารู้สึกกังวลขึ้นมา

       "ฉัวะ!!!"...  เสียงคมดาบฟันตวัดเชือดเฉือนปีศาจรูปร่างคล้ายกับหมาป่า แต่มีขนาดใหญ่กว่ามากนัก ล้มลงไปนอนกับพื้นเลือดอาบไหลนอง
       "บริเวณนี้ นี่เป็นตัวสุดท้ายแล้วครับท่านเอโมส และยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ" 1ในทหารหากของเค้ากล่าวรายงาน เอโมส ฟังรายงานจากทหารของเค้าพลางครุ่นคิดไตร่ตรอง สายตาก็เหลือบไปเห็นทหารหนุ่มวิ่งมาทางเค้าสายตาเร่งรีบ
    " สารส่งถึงท่านเอโมส!!!!!  ข้าพลส่งสารของกองทหารเคิกร์  กองทหารพบว่าราชนีอยู่ในห้องใต้ดินทางด้านใต้ ท่านเคิกร์ได้นำกองกำลัง เข้าไปจับกุมนางแล้วครับ " ทหารส่งสารกล่าว 
    " ทำอะไรวู่ว่ามอย่างนั้น  ตามแผนหากใครพบเจอราชนีที่ใดก็ตาม  นอกจาก Tencommander ให้ถอยมาตั้งหลักแล้วเรียก Tencommander  ที่ใกล้ที่สุดเท่านั้น " เอโมส กล่าวอย่างหัวเสีย เมื่อมีทีมที่ไม่ปฏิบัติตามแผนการ  และประมาทราชนีแม่มดจนเกินไป   
        " แต่ท่านเคิกร์ยืนยันว่าจะเข้าไปเอง  ข้าเลยแอบออกมาส่งข่าวให้ท่าน " ทหารส่งสารกล่าว   
        " ก็ดี รีบนำทางข้าไปเร็ว " 

    ลางสังหรณ์ที่ยังคงรบกวนจิตใจของเอโมส นั้นเฉียบคม  เหตุการณ์ความไม่ปกติทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าสัมผัสได้ เป็นไปตามแผนการชั่วร้ายของราชนีแม่มด  ที่ต้องการล่อหลอกให้ Tencommander  เข้ามาติดกับทีละคนๆ เพื่อสูบวิญญาณและดึงมาเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์เสริมกำลังความแข่งแกร่งให้กองทัพของนาง

    เมื่อมาถึงห้องของราชนี เอโมส ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ที่ทหารยอดฝีมือกว่าหลายชีวิตถูกถอดชุดเกราะออก อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า  นอนแผ่แท่งรักตั้งตรงผิดกับร่างกายที่ดูเหมือนคนไม่มีแรง ร่างกายแน่นิ่ง มีน้ำรักขาวขุ่นหนองเต็มพื้น  ฉับพลันไฟคบเพลิงที่พนังสองข้างในห้องก็สว่างขึ้นทำให้เห็นอะไรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ณ.ที่แห่งนั้น เป็นห้องท้องพระโรงขนาดใหญ่มีพรหมแดงปูตรงจากประตูไปจนถึงฐานบันไดและขึ้นไปเพียงไม่กี่สิบขั้นก็จะเห็น จะเรียกว่าบังลังค์ก็คงไม่เชิงแต่เป็นแท่นเตียงนอนดูอ่อนนุ่มขนาดใหญ่มีม่านใสๆอยู่รอบๆทั้ง 4 ด้าน และเห็นเคิกร์หัวหน้ากองหนุ่ม นอนให้ราชนีแม่มดขึ้นควบแก่นกายอยู่ 

    มือไม้ของเคิกร์สะเปะสะปะจับบีบเค้นนมของราชนี หัวของเคิกร์นั้นพ้นขอบเตียงแหงนมาทางเค้าซึ่งดูจากตรงนี้ก็เหมือน จะหมดสติไปแล้วเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่น่าแปลกใจที่เหมือนร่างกายของเคิกร์ยังคงร่วมเสพสังวาสเด้งรับทุกการขย่มของร่างขาวนวลอวบอิ่มและแสนจะดูเปล่งปลั่ง สองมือของนางค้ำยันอยูที่หน้าอกของเคิกร์ทำให้ท่อนแขนสองข้างดันหน้าอกเข้าชิดกัน จากที่ดูเหมือนจะใหญ่อยู่แล้วกับดูแน่นขึ้นถนัดตา สะโพกของนางยกขึ้นจนเกือบสุดปลายอาวุธของเคิกร์เหมือนว่าจะหลุดจากเนินเนื้อของนางแต่นางกลับทิ้งตัวลงมา

    โดยที่ถ้ำสวรรค์ของนางไม่หลุดจากแก่นกายของเคิกร์เลยสักครั้งเดียว เส้นผมดำสนิทสยายขึ้นลงทุกครั้งที่นางทำการขย่ม  ในขณะนั้นราชนีก็เงยหน้าขึ้นมามอง เอโมส  พร้อมยิ้มเล็กน้อย


ราชินีแม่มด

    เอโมส หลับตาลงทำสมาธิรวบรวมพลัง  เมื่อลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเขาเปล่งประกายสีทองเหลืองอร่าม  และเริ่มมองเห็นสิ่งที่ซ่อนเร้นภายในห้อง
    รอบๆ ห้องท้องพระโรง  นายทหารหลายสิบคนที่ล้มลงนอนโดยไม่มีอาภรณ์ใดๆสวมใส มีอาการตัวสั่นกระตุก ดวงตาเหม่อลอย แต่กลับมีสีหน้าเปี่ยมด้วยความสุขสม น้ำรักไหลนองจากท่อนเอ็นประจำกายเป็นระยะ  และที่แก่นกายตั้งตระหง่านเส้นเลือดปูดโปนของเหล่าทหาร  กลับมีกลุ่มควันสีดำโอบอุ้มปกคลุมครอบเอาไว้ทุกคน  กลุ่มควันสีดำที่ดวงตาธรรมดาไม่อาจจะมองเห็นได้  โยงใยเป็นสายไปรวมกัน ที่จุดซ่อนเร้นของราชนีแม่มดผู้ร้ายกาจ

    กลุ่มควันสีดำยาวเป็นสายหลายเส้นมีต้นกำเนิดมาจากถ้ำสวรรค์ของราชนี โยงระยางออกมาคล้ายกับเส้นหนวดของปลาหมึก  ตรงปลายกลุ่มควันมีลักษณะเหมือนท่อทรงกระบอกที่มีความยืดหยุ่น  สวมครอบไปกับแก่นกายของเหล่านักรบที่ตกเป็นอาหารบำเรอให้กับตัวนาง

    เมื่อราชนียกสะโพกขึ้นแล้วทิ้งตัวลงขย่มเข้าไปที่ท่อนลำกำยำของดาร์คเคิกร์  เส้นสายของกลุ่มควันสีดำจากถ้ำสวรรค์อันฉ่ำเยิ้ม ก็กระเพื่อมสะบัดเป็นสายคล้ายกับการสะบัดเชือกเป็นจำนวนมาก เมื่อละลอกคลื่นของการสะบัดวิ่งไปถึงส่วนปลายที่ครอบคลุมแก่นกายของเหยื่อ ก็จะหยวบหยาบบีบอัดขึ้นลงไปกับท่อนลำ  สร้างความเสียวสะท้านให้กับเหยื่อ สร้างความเสียวอย่างประหลาดโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดยอะไรอยู่ ทำให้พวกเค้าหลุ่มหลงและไม่อาจถอนตัวจากความสุขอย่างยิ่งยวดที่นางประเคนให้

    เสียงน้ำแตกกระจายยังคงเกิดขึ้นรอบห้องๆไม่หยุดหย่อน  ทหารที่มีร่างกายกับพลังชีวิตอันแข็งแกร่งจะถูกท่อควันสีดำดูดน้ำรักบางส่วนส่งตรงไปยังราชนี  ส่วนที่เหลือจะทะลุกลุ่มควันร่วงหล่นสู่พื้นเบื้องล่างถือเป็นส่วนที่ใช้การไม่ได้  ทหารที่ฝึกฝนมาน้อยและความแข็งแกร่งไม่เพียงพอก็จะทนทานความเสียวไม่ไหว น้ำแตกทะลักเกินพิกัดหมดสติไป

    "อืมมมม...ซี๊ดดด...อา...ช่างอร่อยอะไรอย่างนี้...อาห์...อาห..อูยยย...อูวววววว.....หืม...ข้ารอเจ้านานทีเดียวอัศวินTencommander เอโมส"  ราชนีแม่มดกล่าวทักทายอัศวินหนุ่ม ด้วยเสียงหวานหวาบหวามปนกับเสียงครางกระเส่า ในขณะที่สะโพกก็ขย่มบรรเลงเพลงรักอย่างต่อเนื่อง

    การกลืนกินวิญญาณคราวล่ะมากๆลักษณะนี้ เอโมสเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง เมื่อกลุ่มราชินีแม่มดกับ 4 จตุรอาชาเข้าโจมตีเมืองหรือหมู่บ้าน เพื่อเพิ่มพูนบริวาร  จากความรู้ที่ศึกษาต่อกันมา ณ ตอนนี้อาจจะสายเกินไปแล้วที่จะทำการจะช่วยเหลือทหารที่ตกเป็นเหยื่อ  อีกไม่นานพวกเขาจะตกสู่บ่วงกามราคะ หลุ่มหลงมัวเมาจนไม่อาจถอนตัวต่อความเสียวกระสันต์ซ่านสุขได้ และจะค่อยๆสูญสิ้นจิตวิญญาณไปที่ละน้อยจนไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์ นั่นเท่ากับว่าเขาได้จากไปแล้ว 

    ส่วนคนที่พลังชีวิตแก่กล้า ผ่านกายฝึกฝน มีพรสวรรค์หรือความสามารถที่แข็งแกร่งมากกว่าคนปกติ ราชนีจะเป็นผู้ลงมือกลืนกินวิญญาณด้วยตัวของนางเองซึ่งจะให้ผลการสะกดยั่วยวนที่รุนแรงกว่าหลายเท่า  แม้แต่ตัวของเอโมสเองก็ไม่มั่นใจว่าจะทานทนพลังแห่งกามรมณ์อันยากที่จะหยั่งถึงของนางได้

    คนที่พลังชีวิตแก่กล้า ผ่านกายฝึกฝนที่สุดในที่แห่งนี้คงไม่พ้นจะเป็นนายกองหนุ่มที่กำลังนอนให้นางขย่มยวบหยาบอยู่บนเตียง วิธีการนี้ถึงแม้ว่าจะใช้พิธีกรรมล่อลวง และเวลานานกว่าปกติมาก แต่การกลืนกินเช่นนี้จะทำให้ความสามารถทางร่างกาย หรือทักษะต่างๆจะยังคงไม่สูญสลายไปไหน  วิญญาณภายในของเป้าหมายจะถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของราชินี ศัตรูจำพวกนี้จะแข็งแกร่งกว่าทั่วไปมาก

    "ซวบบบบ....ตุบ ซวบบบบ....ตุบ ซวบบบบ...ตุบ"เสียงราชินีแม่มดกำลังยกร่องหลืบของตัวเองขึ้นจากท่อนลึงค์ยาวใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปแลละทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    "ซี๊ด...ฟูววว...แฮ่ก แฮ่ก อูยย ระ เราควรจะทำยังไงกับเจ้ากันดีนะ..ที่มาขัดจังหวะ อืม...เวลารับประทานอาหารอันแสนสุขของเรา อูววววว...อย่างนี้ "
    "ต้องขอโทษจริงๆ ที่เรามาขัดความสำราญของท่าน แต่มันจำเป็นจริงๆที่เราจะต้องหยุดท่าน ระหว่างเผ่าพันธุ์ของเราทั้งสองสู้รบฆ่าฟันกันอย่างเนิ่นนาน มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเราจะเจรจาและอยู่ร่วมกันได้โดยที่พวกเจ้าไม่ต้องเบียดเบียนเรา" เอโมสเริ่มกล่าวต่อรองอย่างสุภาพ โดยไม่แสดงความหวั่นไหวต่อภาพการสมสู่ของหญิงสาวผู้งดงามเบื้องหน้า
    ราชินีหยุดขย่มสะโพกอันกลมกลึงของนางหันมาสนทนากับอัศวินหนุ่มอย่างจริงจัง
    "อิอิอิ...เอโมส เจ้ายังคงมองโลกอย่างสวยงามเสมอ ไม่ต่างจากครั้งแรกที่เราได้ประมือกัน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว มันไม่มีทางกลับไปจบด้วยการพูดคุยเจรจากันได้ มันไม่มีเหตุผลอันใดที่เจ้าต้องปรานีพวกเรา"
    "ทำไมล่ะ! เราเองใช้ว่าจะอยากเข่นฆ่าชีวิตหรือสิ่งใด เราแค่อยากปกป้องบ้านของเรา เมืองของเรา คนที่เรารัก ถ้าเจ้ายอมเจรจาหยุดการรุกราน ศึกนี้ก็จะจบลงได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อใคร" 
    "หึหึ.....เจ้าทำให้เราแปลกใจมาก ทั้งโลกในตอนนี้คงมีแต่เพียงเจ้าที่ยังคิดจะเจรจาต่อรองหาทางสงบศึกกับพวกเรา  ทั้งๆที่พวกเจ้าเองก็เป็นฝ่ายได้เปรียบไล่ต้อนพวกเราได้ถึงที่มั่นสุดท้าย เราอยากจะถามว่าเจ้าไม่สงสัยบางเหรอ? ว่าทำไม? เหล่าผู้นำของโลกถึงไม่สั่งให้ใช้อาวุธมหาประลัยของพวกเจ้าเผาที่แห่งนี้ในคราวเดียวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย" นางกล่าวตอบในเชิงตั้งข้อสงสัยให้กับเอโมส
    ."เราเองไม่อาจทราบความต้องการที่แท้จริงของผู้ใด แต่เจตนารมณ์ของเราคือมีเพียงการปกป้องสิ่งที่เรารัก และสิ่งนั้นทำให้เราเข้าใจได้ว่าทุกๆ ชีวิตย่อมต้องมีสิ่งที่อยากจะดูแลรักษาไม่เว้นแม้แต่เผ่าพันธุ์ของพวกท่าน เพราะฉะนั้นแม้มีโอกาสเพียงเล็กน้อย เราก็อยากจะลองเจรจาดู"
    เอโมสกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจตัวเองจบลง ความเงียบสงัดก็เข้าครอบคลุมภายในห้องทันที อาจมีเสียงลมหายใจหอบบ้างประปราย แต่ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว  ทั้งสองยืนสงบนิ่งสบตากันยั่งความคิดของอีกฝ่าย ก่อนที่ราชินีแม่มดจะแผดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
    "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!! ไม่ว่ากี่ครั้งกี่หนที่ข้าเจอเจ้า มันก็ช่างทำให้ข้าไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก หากว่าเจ้าอยากจะเจรจา ก็ลองเข้ามาคุยกับเราบนเตียงดูสิ เผื่อว่าเราจะใจอ่อน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!"

        สิ้นเสียงหัวเราะก่ำกึ้งกับเสียงตวาดกร้าวของนางแม่มดร้าย  ทหารส่งสารที่บัดนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในสมุนผู้ซื่อสัตย์ของนาง ยืนรอจังหวะอยู่ด้านหลัง เอโมส  ก็ชักดาบสีเงินเงางามทิ่มแทงไปที่จุดอับของ เอโมส  ปลายดาบอันแหลมคมเล็งไปที่ช่องว่างระหว่างชุดเกราะเพียงแค่สะกิดสร้างรอยแผลได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น พิษร้ายจะทำให้ร้ายกายของผู้ที่ต้องคมดาบตัวชาขยับเขยื้นร่างกายได้ไม่ถนัด
        "แกร๊ง!!!!!"
    เสียงปลายดาบกระทบกับของแข็งบางอย่างที่มองไม่เห็น ส่วนที่แหลมคมที่สุดห่างจากร่างเนื้อของเอโมสประมาณ 1 ฝ่ามือ  ทำให้คมดาบไม่อาจเข้าทำบาดแผลบนตัวของเอโมสได้
    "ฉัวะ!!" โดยไม่รีรอทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้เคียงก็ตวัดดาบตัดคอทหารส่งสาร อย่างรวดเร็ว ไร้ปราณี เลือดสาดกระจายอาบชโลมตัวของเอโมสสีแดงฉาน
    "ช่างยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนแปลง"โล่ห์อีจิส"  ความแข็งแกร่งของมัน แม้แต่การลอบจู่โจมจากด้านหลังก็ยังไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ เราคงต้องเปลืองแรงมากกว่านี้ซะหน่อยแล้ว"
    "ซี๊ดดดดดดดด.......อร้ายยยยยยยยยยยย......อิอิอิ อูววววว เสียวดีจริงๆเราชอบวิชานี้จังเลย.....ซี๊ดดดด " ราชนีแม่มดซู้ดปากครางเสียวสยิว เมื่อยกสะโพกจากท่อนแข็งของดาร์เคิกร์ที่นอนหมดสติอยู่ ขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่นางมารร้ายจะเริ่มขมิบบีบเกร็งปากถ้ำสวรรค์จนน้ำเล็ด กลุ่มเส้นสายของหมอกควันสีดำที่กำลังครอบแก่นกายของเหล่าทหารที่นอนแก่นแข็งหมดสติกันอยู่  เริ่มเผยอปล่อยแก่นกายเหล่านั้นออกมา  เมื่อหลุดออกมาไม่นานนัก ปลายหัวของกลุ่มควันสีดำเริ่มขยายออกใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น แล้วกลับครอบไปที่หัวของเหล่าทหารแต่ละคน

    "ฟูววววววววว ซี๊ดดดดดดด อูยยย  อ๊อยยยยยยย....จะ...จำนวน...ยะ...เยอะขนาดนี้เราเองก็เพิ่งเคยลองเหมือนกันค่ะ อึ้ยยยย....ตึงหีจังเลย สำหรับคนพิเศษเช่นเจ้าเลยนะคะ อ่าหหห์  เรารู้สึกหน่วงเข้าไปถึงมดลูกเลยค่ะ อูยยยยยยยยยยยย สะ เสียวว"หลินเชื่อมต่อกับซากทหารทั้ง 30คน ทำให้รู้สึกตึวหน่วงช่วงล่างจนถึงกับร้องครางมากกว่าเดิม

    ทหารภายใต้การนำของนายกองเคิกร์กว่า 30นาย  ที่พ่ายแพ้ให้กับเสน่ห์อันยั่วยวนรัญจวนราคะของนางมารร้าย ไม่สามารถแม้แต่จะได้เข้าสัปประยุทธ์เพียงซักนิด แต่ละคนเริ่มโงนเงนลุกขึ้นมายืนตุปัดตุเป๋ ตัวเซไปมา บางครั้งเหมือนจะเอนล้มลงไปอีกทางแต่ก็เอนกลับมายืนทรงตัวไว้ได้  ในมือของแต่ละนายจับอาวุธที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมา ดูเหมือนว่าพวกทหารเหล่านี้ไม่มีแรงที่จะยกดาบขึ้นมาตั้งท่าเตรียมตัวต่อสู้  ได้แต่กำด้ามดาบแน่น แล้วปล่อยปลายดาบห้อยลากไปกับพื้น 

    "ซวบ!!!ซวบ!!! ซวบ!!! ซวบ!!! ซวบ!!! ซวบ!!!ซวบ!!!ซวบ!!! ซวบ!!! ซวบ!!! ซวบ!!! ซวบ!!!"
    นางมารร้ายเริ่มโยกบั้นท้ายกลมกลึงได้สัดส่วนของนาง อัดเข้ากับแก่นกายของสูรร้ายอีกครั้ง และเริ่มเพิ่มความเร็วในการควบกลีบสวาทอัดเข้ากับแก่นกายมากขึ้นเรื่อยๆ
    "ฮาาาาห์ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ดดดดด อะ อ้าาาาา อร้ายยยยยยย!!!!!!" เสียงครางเสียวดังตามจังหวะการโยกที่เริ่มหนักหน่วง เสียงกระทบกันระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์ชาย หญิง ดัง ตั๊บตั๊บ เป็นจังหวะ เมื่อผ่านไปได้สักพัก สายน้ำเมือกลื่นเหนียวจากโพรงสวาทก็เริ่มหลั่งไหล เปลี่ยนเสียงตั๊บตั๊บ ให้กลายเป็นเสียง แจ๊ะแจ๊ะ แสดงถึงความฉ่ำเยิ้มของโพรงสวาทได้อย่างรัญจวนใจ

    ทหารเหล่านี้เปรียบเสมือนตุ๊กตาหุ่นไม้ที่กำลังโดนชักใยเชิดอยู่ด้านหลังดดยมีต้นขั้วมาจากโพรงสวาทของราชินีแม่มดผู้ชั่วร้าย พวกมันเริ่มเดินเข้าหากลุ่มทหารผู้กล้าของเอโมสตามจังหวะการโยกบั้นท้ายอันเร่าร้อนของราชินี  ยิ่งนางเพิ่มความเร็วในการขย่มมากขึ้นเท่าไหร่การเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารหุ่นเชิดก็เริ่มที่จะว่องไวมากขึ้นเท่านั้น

    " ทหารพวกนี้กลายเป็นหุ่นเชิดซอมบี้ของนางไปแล้ว  วิญญาณของพวกเค้าถูกนางกลืนกินไป  ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลังเลใดๆอีกแล้ว" เอโมส กล่าวสั่งการกับทหารของเค้า พร้อมๆกับสั่งการจิตใจของตัวเค้าเองไม่ให้หวั่นไหวใจอ่อนกับคนที่ใกล้เคียงกับคำว่าตายไปแล้ว
    " พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม!!!  มันมาแล้ว "
    ทหารหุ่นเชิดกระโจนเข้าหาเหล่าผู้กล้า เหวี่ยงดาบเต็มแรงไม่มีการยั้งมือเข้าไปที่เป้าหมาย  ผู้กล้าบางคนตั้งการ์ดรับด้วยโล่ห์ใหญ่ บางคนก็เอี่ยวตัวหลบอย่างไม่ลำบากอะไร  ผู้กล้าหลายคนจู่โจมโต้กลับ บ้างก็แทงดาบสวนไปที่ช่องท้อง  บ้างก็ฟันขาดตั้งแต่ช่วงไหล่ลงมา  แต่ทหารซอมบี้ไม่ได้มีความเจ็บปวดใดๆ หมุนตัวเหวี่ยงดาบเข้าใส่อีกครั้ง  ทหารทั้ง20นายภายใต้การนำของ เอโมส ตั้งรับการจู่โจมอย่างแข็งขัน ถึงแม้ว่าทหารซอมบี้จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความเจ็บปวด แต่การจู่โจมอันสะเปะสะปะ ไร้แบบแผนของพวกมัน  ไม่มีการเล็งเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน  เป็นเพียงการเหวี่ยงดาบอย่างหยาบกร้านไร้ซึ่งศิลปะการต่อสู้  ไม่เพียงพอที่จะทำอันตรายใดๆ กับทหารผู้กล้าชั้นดีที่เอโมส เลือกมาเป็นนักรบคู่ใจทั้ง20คน  แต่ความน่ากลัวที่แท้จริงของทหารหุ่นเชิดเพิ่งจะเริ่มขึ้น......

   
-----------------------------------------------------


    "อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ อู้ววว  ซี๊ดดดดดดดดด อร๊าซซซซซซซซ " นางมารร้ายเริ่มเร่งเพิ่มความรวดเร็วการขย่มตอขึ้นไปอีกขั้น สร้างความเสียวซาบซ่านให้กับตัวของนางเองจนต้องคราญครางหนักหน่วงขึ้น สะบัดหัวไปมาผมสยายกระจาย เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนผิวกายอันนวลเนียนสะท้อนแสงจากคบเพลิงดูงดงามระยิบตา  ส่วนผู้เป็นเจ้าของตอดุ้นเขื่อง ถึงแม้ว่าจะสลบไสลไม่ได้สติแต่ความเสียวเกินจะบรรยายอันเกิดมาจากร่างของนางมารร้ายยังคงเล่นงานทุกอณูของร่างกาย ทำให้ร่างกายกระตุกเด้งสวนโดยอัตโนมัติ ตอบสนองการโยกขย่มเป็นระยะๆ เสียงดับ ตั้บ ตั้บ ตั้บ ตั้บ ตั้บ

    ทหารหุ่นเชิดทั้งหมดยังคงจู่โจมกลุ่มผู้กล้าทั้ง 20คน อย่างต่อเนื่องแม้จะมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง แต่ไม่มีสักคนที่จะโอดครวญแสดงความเจ็บปวดออกมา แต่ละคนยังคงเหวี่ยงดาบอย่างรุนแรงเข้าหาคู่ต่อสู้  ที่แตกต่างออกไปคือความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้น ดูเหมือนว่ามันจะสนองตอบต่อการโยกย้ายส่ายสะโพกของนางมารร้าย  ยิ่งนางขย่มเร็วขึ้นเท่าไหร่ ทหารหุ่นเชิดก็ยิ่งจู่โจมได้ว่องไวขึ้น จนเหล่าผู้กล้าเริ่มตั้งรับได้ลำบากขึ้นเรื่อยๆ

    พวกทหารผู้กล้าที่ผ่านประสบการณ์ในสมรภูมิมาอย่างโชกโชน เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากฝีมือนับไม่ถ้วน คู่ต่อสู้ในอดีตที่ผ่านมาของพวกเค้าทุกคนจะต้องมีแบบแผนการโจมตีที่เกิดจากความคิดเสมอ แม้จะเป็นเด็ก6ขวบหรือราชสีห์ป่าดุร้าย การโจมตีจะต้องมีจุดหยั่งเชิง มีจังหวะการเข้าจู่โจม จังหวะการป้องกันตัวเอง  ด้วยสัญชาติญาณการต่อสู้พวกเค้าก็จะรับรู้ได้เองว่าควรที่จะรับมืออย่างไร แม้ว่าศัตรูจะจะมีท่วงท่ารวดเร็วเพียงใดก็ยังพอที่จะอ่านทางการโจมตีของคู่ต่อสู้และรับมือได้ไม่ยากนัก

    ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป ทหารหุ่นเชิดพวกนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้ครั้งไหนที่ผ่านมา มันไม่มีแบบแผนการโจมตี ไม่มีการรอดูท่าที ไม่มีความกลัวที่จะบาดเจ็บ จึงไม่ป้องกันตัวเอง แรกเริ่มการต่อกรกับพวกมันอาจจะสู้ได้อย่างไม่ลำบากมากนัก เพราะการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า สามารถรับมือได้โดยใช้สายตามองการเหวี่ยงดาบ  แต่เมื่อพวกมันเริ่มโจมตีเร็วขึ้น การต่อสู้กับการโจมตีที่ไร้แบบแผนกลับรับมือได้ยากมาก และไม่นานเท่าใดนักทหารผู้กล้าก็เริ่มที่จะมีคนเพลี่ยงพล้ำ โดนคมดาบของทหารหุ่นเชิด ฟันเข้าที่ต้นคออย่างรุนแรง !!!

    "แกร๊ง!!!" เสียงดาบของทหารหุ่นเชิดปะทะกับหัวไหล่ของทหารผู้กล้า แต่ไม่สามารถสร้างบาดแผลปลิดชีวิตทหารผู้กล้าได้เพราะนอกจากชุดเกราะเหล็กกล้าแล้ว ยังมีม่านเกราะบางๆแต่ทรงพลังครอบคลุมปกป้องกายเนื้อไว้ สิ่งนี้เป็นความสามารถของ "โล่ห์อีจิส" ที่เอโมสถือครองอยู่ อานุภาพของสิ่งนี้จะปกป้องคุ้มกันให้กับคนรอบๆกายตามคำสั่งของผู้ใช้งาน และที่ดีที่สุดคือใช้พลังของการป้องกันได้หลายๆแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางกายภาพ พลังเวทย์มนต์ ป้องกันความร้อนของเปลวเพลิง หรือมนต์สะกดก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พลังคุ้มกันจะขึ้นอยู่กับพลัง ฝีมือ และจิตใจที่อยากปกป้องของผู้ถือครอง ซึ่งพลังของเอโมสในตอนนี้ สามารถใช้พลังของ"โล่ห์อีจิส"คุ้มครองในระดับที่ใกล้เคียงกับเค้า ให้ผู้ที่อยู่ในรัศมีใกล้เคียงได้ถึง 20คนพร้อมๆกัน แต่หากมากกว่านี้การคุ้มครองจะลดประสิทธิภาพลง เค้าจึงเลือกคนที่คิดว่าเหมาะสมมาเพียง20คน เท่านั้น

    "ตัดคอมันซะ!!!  ถึงจะหยุดการเคลื่อนไหวของมันได้" เอโมส ตะโกนสั่งการไปหลังจากที่เค้าจัดการทหารหุ่นเชิดไปที่เข้าปะทะกับเค้าได้แล้วถึงสามตัว 

    ทหารผู้กล้าทุกคนได้ยินอย่างนั้นแล้วจึงเริ่มหันมาเล็งไปที่ต้นคอของทหารหุ่นเชิด แต่ไม่ง่ายดายนักที่จะฟันคอมันให้ขาดเพราะตอนนี้นางมารร้ายรั่วสะโพกขย่มถี่ยิบอย่างรวดเร็วทุกตัวเริ่มมีความเร็วที่ว่องไวมาก จนไม่อาจจะตามการเคลื่อนไหวได้ทัน แถมยังพลาดท่าโดนฟันเข้าเองหลายครั้ง หากไม่มีเกราะคุ้มกันพวกเค้าคงไม่สามารถต่อสู้ได้นานขนาดนี้

    "ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ นางรู้จุดอ่อนของกองกำลังเรา ว่าไม่สามารถรับมือกับการโจมตีที่คาดเดาไม่ได้ นางถึงเลือกใช้วิชาทหารหุ่นเชิด" เอโมสคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในใจ เริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ การปะทะกันก่อนหน้านี้หลายครั้ง กับราชินีและจตุรอาชาคุ้มกันที่ปรากฎตัวทั้ง3 คน  ตัวราชินีเองมีเวทย์มนต์และวิธีการมากมายที่ทรงพลังพอที่จะต่อสู้กับพวกเค้าได้อย่างสูสีและเคยแสดงออกมามาตอนที่เข้าปะทะกัน  เอโมสฝึกกองกำลังให้รับมือกับการโจมตีอันทรงพลังของราชินีหลากหลายรูปแบบ แต่นางกลับเลือกใช้ทหารหุ่นเชิดที่หวังผลได้ยากที่สุด  แต่เค้ากลับแพ้ทางมากที่สุด 

    "ยืดเยื้อไปไม่ดีแน่ๆ เสียเวลาที่จะมาต่อกรกับเจ้าทหารหุ่นเชิด"  เอโมส ตัดสินใจพุ่งฝ่าเค้าไปใส่ราชินีแม่มดโดยไม่สนคมดาบคมหอกหรือการโจมตีใดๆ ปล่อยผ่านการจู่โจมของทหารหุ่นเชิดเหล่านั้นให้มาถึงตัวโดยไม่ป้องกัน เพราะ"โล่ห์อีจิส"ยังคงทำการคุ้มครองอยู่
    "ปฐพีคุ้มกาย" สิ้นเสียงของหญิงสาวหวานใส ก็ปรากฎกำแพงดินขึ้นมาขวางหน้า เอโมส ทำให้เข้าไม่ถึงตัวนางมารร้าย
    "วายุหวลกลับ" เสียงหญิงสาวร่ายเวทมนต์ดังอีกครั้งปรากฎลมหมุนรอบๆตัวเอโมสอย่างช้าๆ
    "คาถาพวกนี้มัน ...หลิน!!!" เอโมส เรียกชื่อของผู้ที่ร่ายเวทมนต์ออกมาอย่างตกใจ


Tencommander หลิน

    หลินปรากฎตัวออกมาจากเวทมนต์บังสายตาที่แข็งแกร่ง แว่วตาคล้ายกับคนเหม่อลอย บนศรีษะสวมใส่"รัดเกล้าเรเว่น"หนึ่งในสิบสุดยอดไอเท็มของโลก ส่วนตัวของเธอสวมเสื้อคลุมบางใสที่เปิดเผยให้เห็นผิวขาวนวลเปล่งประกาย ส่วนเว้าส่วนโค้งและความงดงามภายใน สะโพกอันคอดกิ่ว  ท่อนขาขาวเรียวยาว  หน้าอกอวบอัดใหญ่พอประมาณ เด้งกระเพื่อมเล็กน้อยเมื่อเธอขยับแขนและเรียวนิ้วอันอ่อนช้อย  ยอดปทุมถันสีชมพูเล็กๆ ซึ่นตอนนี้ทั้งสองข้างดูแข็งชูชันขึ้นมา ขนตรงเนินเนื้อสามเหลี่ยมราบเรียบมีหยดน้ำใสๆเกาะเป็นละออง  หน้าท้องอันขาวนวลเนียนของนางที่บริเวณสะดือมีรอยสักรูปงูเห่าเลื้อยวนแหวนอยู่รอบๆ 

    ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ตัวเค้าเองก็รู้ดีว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรรอดพ้นจากดวงตาของเค้าไปได้  ยกเว้นเวทมนต์พรางตาของ"หลิน"ที่ทำให้ตื่นตะลึงทุกครั้งที่นางใช้งาน ไม่ใช้เพียงแค่หายไปเท่านั้นแต่จะทำให้ลืมเลือนไปได้เลยว่าเคยมีใครอยู่ตรงนั้น แม้จะเป็นพรรคพวกเดียวกันก็ตามหากนางไม่ยอม ก็จะไม่มีใครเห็นตัวนางหรือรู้สึกถึงนางได้แม้ว่าผู้ใช้จะห้ามเคลื่อนไหว แต่นี้ ก็เป็นความสมบูรณ์แบบอย่างถึงที่สุดในเวทย์มนต์พรางตัว  เพราะฉะนั้นนี้คือ "หลิน แห่ง Tencommander" ไม่ผิดอย่างแน่นอน   

    "อูย....อูย...จะ เจ้า อ๋าววววว  คะ คงไม่คิดว่าเราจะ จ๊ะ จ๊ะ อ๊ะ เรียกเจ้า ขะเข้ามา โดยมีแค่ทหารส่งสารชั้นต่ำนั้นเป็นตัวหลอกล่อ หรอกนะค่ะ  อาห์.....โอย...แล้ว กะ ก็ พวกเจ้าคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว อูววว แฮ่ก แฮ่ก คงไม่ต้องแนะนำกันให้เสียเวลา ซี้ด โอวววววววววว" นางมารร้อยเล่มเกวียนพูดไป ส่งเสียงกระเส่าไป สะโพกนางก็ยังคงควบไปที่ดุ้นโดยไม่ลดความรวดเร็วลงแม้แต่น้อย  กลับจะยิ่งเร่งกระแทกกระทั้นเข้าไปอีก "อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อูยยย ดีมาก รู้สึกดีมากๆ พวกเจ้ารู้สึกเหมือนเราไหมคะ อิอิอิ...อ อ่ะ อ๊ะ ฮร๊ายย"

    สถานการณ์เริ่มแย่กว่าที่จะจินตนาการถึง  เพราะอย่างไรเสียเอโมส ก็ไม่เคยคาดคิดแม้แต่สักเล็กน้อย ว่าจะมีใครในกลุ่ม Tencommander ผู้ถือครองอาวุธร้ายแรง ที่สร้างมาเพื่อต่อกรกับ Darkzone  จะพลาดท่าตกไปเป็นทาสรับใช้ของศัตรูเสียเอง
ในขณะนั้นทหารหุ่นเชิด 5ตัว ก็ตามเข้ามารุมฟัน เอโมสที่ยังอยู่ในอาการตกตะลึง คมดาบทั้งห้าเข้าไปที่ตัว เอโมส ทั้งหมด แน่นอนว่าด้วยอานุภาพของโล่ห์อีจิส  การโจมตีทุกอย่างจะไม่สามารถทำอันตรายเค้าได้  แต่ถึงกระนั้นก็มีบางสิ่งที่เริ่มแตกต่างออกไป ความแตกต่างนั้นคือระยะห่างระหว่างคมดาบกับร่างกาย เอโมส มันเริ่มที่จะมีระยะน้อยลงเรื่อยๆ จากตอนแรกที่ห่างกันมากกว่า1ฝ่ามือ มาในตอนนี้ระยะห่างเหลือเพียง 1 นิ้ว เท่านั้น   

    "แกรนครอส!!!" เอโมส เปล่งคลื่นพลังแห่งแสงกระแทกพวกมันกระเด็นไปคนละทิ้งทางพร้อมๆกับกระโดดถอยหลังมาตั้งหลักรวมกับเหล่าทหารผู้กล้า  ซึ่งในตอนนี้ความอ่อนแรงเริ่มเข้ากัดกินร่างกาย  จากการต่อกรกับศัตรูที่ไม่รู้จักความเหนื่อยล้าและเจ็บปวด  หนำซ้ำตอนนี้ร่างการของพวกมันที่เคยถูกฟันจนขาดรุ่งริ่งเริ่มที่จะฟื้นฟูตัวเองกลับมาสภาพเหมือนไม่เคยมีบาดแผลมาก่อน  นั้นเพราะมีจอมเวทย์มนต์หลินคอยฟื้นฟูสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั้นเอง

    ราชนีเริ่มยกกลีบสวาทขาวนวลอวบอิ่มฉ่ำเยิ้มขึ้นมาหนีบไว้ที่หัวหยักของแก่นกายโดยไม่หลุดออกมา  แล้วส่ายสะโพกร่อนหมุนวนไปมา แทนการขยับขึ้นลงเพียงอย่างเดียว ความเสียวแล่นแปล่บไปที่เจ้าของแก่นกายจนสะดุ้งตื่นจากการหมดสติขึ้นมาครางเสียว
    "โอ้ยยยยเสียวววว นี้ข้าอยู่ที่ใด โอ้สสสส อ๊า ทำไมมันถึงมีความสุขราวกับอยู่สรวงสวรรค์อย่าง นะ นี้  อ๊า  อ๊าซซ.....อู้วววววว.....ราชินีที่รักของข้า...อ๊าซซ...ซี้ดดดดดดด....ข้าเสียวจนเหมือนกับว่าวิญญาณจะสลายโอ้ววววววววววว หีของท่านช่างบีบรัดรุนแรงอะไรอะไรเยี่ยงนี้ อาซซซซวว.โอ้ยยยมันมากไป มันเสียวมากเกินไป ข้ารับไม่ได้อีกแล้วววว โอ้ยยยยย พอก่อนท่านหญิง อร้ากกกก.....อั่ก...อั่ก...ก...ก...ก" ทันทีที่ฟื้นคืนสติ ดาร์เคิกร์ก็เด้งเอวตอบรับอย่างรวดเร็วเพื่อตักตวงความเสียวสุดหฤหรรถ์จากโพรงสวาทของนาง ก่อนที่วิญญาณเข้าจะถูกกลืนกินไปจนไม่เหลือตัวตนของเค้าอีกต่อไป เหลือเพียงอสูรกายที่เปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล


    ทหารหุ่นเชิดเริ่มเปลี่ยนท่าทีการเข้าโจมตี จากการฟันอย่างสะเปะสะปะ  เป็นการเดินหมุนวนไปรอบๆ ตามการเคลื่อนไหวของสะโพกช่วงล่างนางมารร้าย บีบต้อนทหารผู้กล้าทั้งหมดเข้าไปรวมเป็นกลุ่มก้อนกันตรงกลางห้องโอบล้อมเอาไว้ แล้วเริ่มฟาดดาบโจมตีอย่างต่อเนื่องอีกครั้งเมื่อท่อนลำของดาร์คเคิกร์เริ่มกระทุ้งเข้าไปที่ร่องสวาทของนางมารร้าย ซวบ ซวบ ซวบ ซวบ ซวบ ซวบ

    คุณสมบัติของ"โล่ห์อีจิส" คือการป้องกันที่สมบูรณ์แบบใกล้เคียงมากกับคำว่าไร้เทียมทาน แต่ความแน่นอน ก็คือความไม่แน่นอน อาวุธพิเศษชิ้นนี้ยังมีจุดอ่อนเมื่อแบ่งปันการป้องกันไปให้ผู้อื่น อานุภาพก็จะลดลงตามสัดส่วนที่ถูกแบ่งไป และเมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่องไปเรื่อยอานุภาพก็จะลดลงเช่นกัน  "โล่ห์อีจิส" จะต้องรอเวลาฟื้นฟูตัวเองซึ่งไม่นานเท่าใดนัก แต่ด้วยเวทมนต์"วายุหวลกลับ"ของหลินที่ร่ายใส่  จะส่งผลทำให้เวลารอบๆตัวเค้าช้าลงครึ่งนึง ทำให้โล่ห์อีจิสฟื้นตัวนานกว่าปกติถึงสองเท่า

    เอโมสหวนนึกถึงการต่อสู้ที่ผ่านมาในอดีต หลายๆครั้งที่คู่ต่อสู้จะโจมตีด้วยแรงหรือเวทมนต์ที่มีพลังมหาศาลในคราวเดียวทำให้เค้าได้เปรียบในการต่อสู้เพราะการป้องกันอันสมบูรณ์จะทำให้คู่ต่อสู้โรยราไปเอง  ทว่าครั้งนี้ราชินีได้รับรู้ข้อมูลเหล่านี้จากหลินแล้ว และไม่ปล่อยโอกาสให้เค้าได้ฟื้นตัว ยังคงบังคับทหารหุ่นเชิดจู่โจ่มอย่างต่อเนื่อง แม้พลังการโจมตีจะต่ำแต่การโจมตีต่อเนื่องก็ทอนพลังป้องกันของเค้าได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเวทมนต์ของหลินที่ทำให้เค้าฟื้นตัวได้ช้าลงไปอีก

    เอโมสและเหล่าผู้กล้าทั้งหมดถูกไล่ต้อนมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันอยู่กลางห้อง โดยมี เอโมส อยู่ตรงกลางหลายล้อมด้วยกลุ่มทหารของเค้า ต้องนี้พวกเค้าทำได้แต่กางโล่ห์ใหญ่ประจำตัวของแต่ละคนรวมกันเป็นกระจุกคล้ายเต่าที่หุบแขนขาเข้าไปในกระดองตั้งรับ การจู่โจมของทหารหุ่นเชิดที่รุมตีกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งอยู่กลางห้องท้องพระโรง

    "ท่านเอโมส เป็นยังงี้ต่อไปไม่ดีแน่ ข้าว่าถึงเวลาแห่งพันธสัญญาของเราแล้วไม่เช่นนั้นพวกเราคงตายกันหมด" ทหารอวุโสผู้หนึ่งกล่าวกับเอโมสที่อยู่ตรงใจกลางการต้องป้อมป้องกัน
    "เดียวก่อนท่าน ขอเวลาเราคิดหาทางสักครู่"
    "ไม่มีเวลาอีกแล้วท่านเอโทส เรามาถึงขั้นนี้แล้วเราต้องจบสิ่งนี้ให้ได้"ทหารอีกนายกล่าวเสนอความเห็น
    ราชินีไม่ประมาท ปล่อยให้ศัตรูมีจังหวะวางแผนการใดๆ บังคับทหารหุ่นเชิดเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง
    "อิอิ....อูวววววว...อาาาาา...ฟู่วว ฟู่ว ฟู่วซซซ ดูสิว่าพวกเจ้าจะทนเราไปได้สักกี่น้ำ ซี้ดดดด อิอิอิ  ข้าหมายถึงน้ำของข้านะ ฮิฮิฮิฮิฮิ "  ราชินีเริ่มหันมาบรรเลงเพลงรักกับดาร์คเคิกร์อย่างจริงจังอีกครั้ง
    "ชอบหีของเราไหมคะ เจ้าอะ อะไรนะ ข้าลืมชื่อเจ้าไปซะแล้วสิ อิอิ ช่างเถอะ เพราะตอนนี้เราสนแต่ควยของเจ้าเท่านั้น" ราชินีอัดหีเข้าหาท่อนยักษ์อย่างไม่กลัวเกรง มือบีบหน้าอกอวบอัดเข้าหากัน ร่ำร้องเสียงกระเส่าขึ้น บ่งบอกถึงความเอร็ดอร่อยในกามกิจที่นางกระทำ วิชามารนี้ช่างเสียวสะท้านสะใจผู้ใช้ แล้วก็ไม่ใช้ว่าใครจะทำได้ง่ายๆ เพราะมันเหมือนกับร่วมเสพสังวาสพร้อมกันตามจำนวนหุ่นที่เชิดกันเลยทีเดียว
    "ป้าบ ป้าบ ป้าบ ป้าบ ป้าบ ป้าบ!!!"
    "อู..ง.. อา อู อาซซ อูววว กี๊ซซซซซ ก๊าซซซซซ ซะ ซะ เซียววว เสียววว ดี ดี ขะ ชอบบบ ก๊าสสสส "ดาร์คเคิกร์ที่โดนดูดกลืนวิญญาณจนหมดสิ้น เปล่งภาษาเหมือนกับเด็กหัดพูดผสมกับเสียงคำรามพิลึกพิลั่นไม่เหมือนเสียงมนุษย์สักนิด มันตอบสนองความเสียวตามอารมณ์พื้นฐาน แต่ร่างกายของมันแข็งแรงกำยำขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากมายหลายเท่า  ท่อนลำแก่นกายตั้งตระหง่านแข็งแกร่งสีดำมะเหลือม หัวบานพลุบเข้าพลุบออกโพรงสวรรค์ของนางมารร้าย น้ำเหมือกหล่อลื่นเริ่มที่จะไหลเยิ้มออกมาจากโพรงมากขึ้นๆ ส่งเสียง แจ๊ะ แจ๊ะ แจ๊ะ ป้าบ ป้าบ ป้าบ สลับกันไป

    "อ๊าซซซ  อืมมมมม เด็กดี อูววว ดี ดีมากกเลยค่ะ อ๊าซซซ เจ้าหิวววไหมเด็กน้อย  ยะ อยาก กินนมเราไหมค่ะ อิอิอิอิอิ"
    "กี๊ซซซซซ กี๊ กี๊กะ กิน กินน กูซซซ ข้าอยากกก กินนม พะ พี่สาวให้ อุ้บบบบบบ อู้....อามมม" ยังตอบไม่ทันจบราชินีแม่มดก็โน้มตัวลงป้อนยอดปุทมถันชูชัน ฐานรอบสีชมพูสด บนเนิ่นเนื้ออวบใหญ่สีขาวนวล อัดเข้าไปให้อสูรกายได้ดูดดื่ม เพิ่มพูนความเสียวซ่านให้นางยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น
    "อืมมมมม อูยยยยยย โอ้ยยยย ดีมากกกกก ดูดเข้าไป แรงๆอย่างนั้น อย่างนั้นโอ้วววว ฮ่าฮ่าฮ่า "
    "จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ ซี๊ดอูยยยยยย อาหย่อยย  แพล่บบบบบบ ซู้ดดดด จ๊วบบบ"

    มันดูดนมอวบใหญ่อย่างเมามันส์ เมื่อดูดข้างซ้ายจนพอใจเพื่อไม่ให้เสียดุลการค้าก็ย้ายไปดูดเตาอวบอีกด้าน มือก็ขย้ำเต้าอวบที่ว่างเว้นบีบบี้เต้านมของนางเค้นคลึงสลับบี้หัวนมไปมาอย่างสนุกมือ บั้นท้ายของมันก้ยังคงยกควยเด้งส่วนหีโหนกนูนอย่างไม่มีหยุดพัก
    "โฮ้วววว อู๊วววววว ดะ ดีมากกค่ะ เจ้าทำได้ดี ดีมาก อืมมมมม ความเสียว ของเราเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ เราใกล้แล้ว อีกนิดเดียว" ราชินีครางกระเส่าแสยะยิ้มร้ายพรายตามองไปที่กลุ่มทหารหุ่นเชิดที่รุมฟันกลุ่มทหารผู้กล้าที่ได้แต่ตั้งรับอยู่
กล้ามเนื้อโพรงหีของนางมารร้ายเริ่มแปรเปลี่ยนสภาพความหยืดหยุ่นยวบยาบ กระเพื่อมส่งแรงดูดตอดท่อนควยของอสูรกายร้ายอย่างหนักหน่วง สร้างความเสียวจนอสูรกายต้องถอนไปจากเต้านมขาว ส่งเสียงครางโหยหวน ส่วนตัวราชินีเมื่อความเสียวซ่านเริ่มถึงขีดสุด ช่องรักก็บีบกระตุกอย่างรุนแรง

    "อ๊ะ อ๊ะ ขะ ข้าถึงแล้ววววววว อร้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง" ราชินีส่งเสียงครางสุดท้ายน้ำแตกกระจาย เนื้อตัวกระตุกเกร็งอย่างรุนแรง  ในจังหวะที่นางถึงจุดสุดยอดตัวสั่นระริกช่องรักบีบขมิบน้ำเสียวแตกทะลัก ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวลครางขึ้นมาอย่างสุขสม ทหารหุ่นเชิดทั้งหมดก็เปล่งแสงสีดำทมิฬกระโจนเข้าไปฟาดดาบอย่างรุนแรง เข้าใส่กลุ่มทหารผู้กล้าที่ตั้งโล่ห์ป้องกันอยู่อย่างรักกุมเข้าไปอย่างจัง เสียงดังสนั่นจนปราสาทสั่นสะเทือน

    "เปรี้ยงงงงงงง!!!!!!!" เสียงการโจมตีกับการตั้งรับปะทะกันดังกึกก้องดังฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ฝุ่นตลบอบอวบไปทั่วห้อง

    -----------------------------------------------------

---จบตอนที่ 4---