ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_punyang

The New World : จอมคนโลกใหม่ 1

เริ่มโดย punyang, มีนาคม 31, 2016, 12:44:12 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

punyang

"บางครั้งมีหนึ่งความรู้สึกวูบเข้ามาในหัวว่า แท้จริงแล้วที่นี่ อาจจะไม่ใช่โลกของเรา"

กลางสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ ชายหนุ่มผู้หมดอาลัยตายอยาก นั่งเหม่อมองผืนน้ำอันกว้างใหญ่อย่างเลื่อนลอย หากจะมองหาใครที่โชคร้ายที่สุดในค่ำคืนนี้คงหนีไม่พ้นเขา

นายเกล้ากำเนิด ชายหนุ่มที่หวังเพียงมีชีวิตธรรมดา ๆ ไปวันๆ แต่บ่อยครั้งนักที่อะไรๆก็ไม่ได้อย่างหวัง ด้วยความเป็นคนมีมานะอดทน ทำงานตั้งแต่เล็ก ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี อยากจะมีหน้าที่การงานที่ดี  ช่วงแรกเหมือนดวงจะเข้าข้าง เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะพนักงานบริษัท เกือบจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้า แต่เพราะเป็นคนไม่มีเส้นสาย จึงได้แต่ปลอบใจตัวเองไปว่า สักวันต้องเป็นของเรา

แต่น่าเสียดายที่วันนั้น ไม่มีโอกาสมาถึง ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ และด้วยพิษเศรษฐกิจที่ซ้ำเติมให้รายได้หดหาย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บริษัทที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ขาดทุนหนัก สั่งปิดตัวลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

เขาถอดถอนใจเก็บของกลับบ้านกลางวันแสกๆ แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็ซ้ำรอยเข้าไปอีก เมื่อแฟนสาวที่คบหาดูใจกันมาเกือบ 2 ปี นอนระรื่นให้กับชายอื่นเชยชม

เขาจำได้ ว่ามันคือ อัพไลน์ ที่เพิ่งมาชวนเธอทำธุรกิจเครือข่ายไม่กี่อาทิตย์ก่อน ภาพเรือนร่างอันอ้อนแอ่นของแฟนสาว ถูกร่างกายอันกำยำของชายหนุ่มแนบอยู่คาตา

เธอสะดุ้งตกใจหน้าถอดสี เรียกชื่อ พี่เกล้าๆ หวังจะอธิบายบางสิ่ง

แต่มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว  แหล่งน้ำสุดท้ายได้เฮือดแห้งไปหมดแล้ว เขาแทบจะเดินออกมาตัวเปล่า ในตัวมีเพียง เศษเหรียญไม่กี่สิบบาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง  นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่กลางสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่

"บางครั้งมีหนึ่งความรู้สึกวูบเข้ามาในหัวว่า แท้จริงแล้วที่นี่ อาจจะไม่ใช่โลกของเรา"

ทั้งความฝัน ความทรงจำต่างๆ แล่นเข้ามาเต็มหัว แท้จริงแล้วผมว่าผมไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรเท่าไหร่ แต่ทำไมเรื่องร้ายๆ ถึงได้ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน บางครั้งผมคงเหนื่อย เหนื่อยเกินไปที่จะมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้

สิ้นเสียงความคิด ลมวูบขึ้นพุ่งเข้าปะทะหน้า เขารู้สึกตัวเองกำลังร่วงหล่นลงอย่างรวดเร็ว

มีคนกระโดดสะพาน   มีคนกระโดดสะพาน !!!!!

เสียงคนสองข้างแม่น้ำตะโกนโหวกเหวก เวลาแค่เสี้ยววินาที แต่แท้จริงมันช่างยาวนาน ผมตัดพ้อกับโลกทั้งใบ ถ้ามีโอกาสเกิดมาในโลกใบใหม่ ผมจะไม่ยอมเป็นคนขี้แพ้แบบนี้อีกแล้ว 

ตู้มมมม  เสียงร่างเนื้อกระทบน้ำอย่างจัง  ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว ผมค่อยๆลืมตาขึ้น มองดูสิ่งรอบกาย มันช่างสงบนิ่ง เยือกเย็นจนน่ากลัว แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น พอกันทีชาตินี้  ผมปล่อยตัวเองจมลงกึ้งบึ่ง ลมหายใจเริ่มติดขัด นี้ผมกำลังจะตายแล้วใช่ไหม

ช่วงแรกผมกระเสือกกระสน ทุรนทุราย แต่ชั่ววูบก่อนสิ้นสติ ผมสังเกตเห็นแสงวูบสีเขียวมรกต เป็นประกายอยู่ใต้ธารน้ำ ลำแสงสีเขียวอ่อนๆ ส่องประกายแวววาวมาทั้งผม มันน่าแปลกว่า ทั้งที่กำลังจะขาดอากาศตายแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกปลอดโปร่ง หัวมันโล่งไปทั้งหัว ผมค่อยหลับตาลงอย่างเนิบช้า

มันช่างอบอุ่น  อบอุ่นเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าความตายจะสบายเช่นนี้ ผมน่าจะเลือกที่จะตายมาตั้งนานแล้ว

ร่างกายชายหนุ่มจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ลึกลงเรื่อยๆ  ไม่มีใครรู้ว่าก้นบึ่งของธารน้ำสายนี้ลึกแค่ไหน หรือแท้จริงแล้วที่นี่มันไร้ที่สิ้นสุด

........

ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน เสียงสายน้ำกระทบโสตประสาท ปลุกผมขึ้นจากภวังค์อันแสนยาวนาน  นี่ผมตายไปแล้วใช่ไหม ผมค่อยๆถามตัวเอง ก่อนจะค่อยขยับตัวลุกขึ้นนั่ง

ผมค่อยมองไปรอบๆกาย ผมกำลังนั่งแช่อยู่กลางธารน้ำตื้น รอบข้างเต็มไปด้วยสีเขียวขจีของแมกไม้ ที่นี่ไม่เห็นเหมือนนรก และ คงไม่ใช่สวรรค์

สายน้ำเย็นเยือกไหลผ่านร่างกาย ความรู้สึกล้วนเป้นของจริง ผมคงเป็นคนที่อับโชคมากๆ ขนาดจะฆ่าตัวตายยมบาลยังไม่ยอมรับ แล้วที่นี่มันที่ไหนกันละเนี่ย ผมค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น มองสำรวจไปรอบข้างอีกครั้ง

สองข้างทางมันเป็นป่าโปร่งๆ ลำธารไหลผ่ากลาง  ดูสงบและร่มเย็น ผมค่อยๆลำดับความทรงจำดูว่า ผมกระโดดลงมาจากสะพานกลางเมืองใหญ่ แต่เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้

สำรวจดูของติดตัว ผมพบตัวเองมีเพียงเศษเหรียญ ไม่กี่สิบบาท นาฬิกา 1 เรือน และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โชคดีเหมือนเกินที่มันเป็นโทรศัพท์กันน้ำ ผมหยิบมันขึ้นมาเดินค้นหาสัญญาอยู่พักใหญ่

ให้ตายเหอ ให้จมน้ำตายไปเลยซะยังดีกว่าต้องมาหลงอยู่กลางป่าแบบนี้ โทรศัพท์ก็ไร้สัญญาณ มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า
ในช่วงที่ใกล้จะสิ้นหวัง จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียง วี๊ดร้องของหญิงสาวดังขึ้น

กรี๊ดดด นายท่าน ปล่อยเราเถอะ  เสียงเธอร้องโหยหวนช่างดูน่าเวทนา  ผมค่อยๆคืบคลานเข้าไปมองหาต้นตอของเสียง

ภาพที่เห็นเบื้องหน้ามันช่างแปลกตา ซุ้มกระโจมวางเรียงราย เหมือนเป็นคาราวานใหญ่ ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูแปลกต่าง คล้ายกับที่เคยในหนังจีนกำลังภายในเก่าๆ  ต้นตอของเสียงร้องเป็นหญิงสาวที่แต่งกายธรรมดาๆ กำลังถูกชายแก่หน้าตามากด้วยราคะ ล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้านวคลึงอย่างมูมมาม
เสียงตบฉาดใหญ่ ทำเสียงสะอื้นเงียบหายไป
ชายแก่ร่างท้วม จับเธอโกงก้น ถกผ้าขึ้นก่อนจะเริ่มลงมือกระทำชำเราเธออย่างรุนแรง
เธอกัดฟัน เหมือนอยากจะร้อง แต่ก็เอามือปิดปากไว้ไม่กล้าส่งเสียง  ใบหน้าเธอยังดูเยาว์วัยนัก
ผมทั้งอึ้งและตกใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่เขากำลังถ่ายหนังกันอยู่หรือเปล่า  ผมมองไปรอบๆ มันไม่เห็นเข้าเค้าจะเป็นกองถ่ายตรงไหนเลย

และที่แปลกมากๆ คือ นอกจากชายแก่คนนี้แล้ว ลักษณะคนอื่นๆ กลับนิ่งเฉยๆ นั่งก้มหน้าก้มตากันอย่างหวั่นเกรง กองคาราวานนี้นับคนได้อยู่ประมาณ 30 คนเศษ  บนรถม้าขนของมาเต็มคันรถ  และที่สำคัญ ผมไล่สายตามองแถบทุกคน ทั้งขบวนคาราวานนี้มีแต่ผู้หญิง ดูลักษณะแล้วมีทั้ง หญิงวัยกลางคน วัยสาวและสาวแรกรุ่น

น่าแปลกที่ทุกคน นั่งมองนิ่งๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ   ความรู้สึกผมลุกโช ผมอยากจะเข้าไปช่วยเธอจับใจ แต่ขาทั้งสองข้างที่สั้นเทาด้วยความกลัว กลับก้าวไม่ออก

ผมเฝ้ามาตาแก่นั้นควบสาวน้อยคนนั้น อย่างเจ็บปวด  จริงๆผมน่าจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง แต่ก็ไม่เลย สุดท้ายแล้วผมก็ไอ้ขี้แพ้ตามเคย

ชายแก่ร่างท้วม อัดกระแทกก้นงอนๆของหญิงสาวดัง ป๊าบๆ สนั่นไปลั่นป่า ก่อนที่จะค่อยๆ ชะลอลงและถอดดุ้นเอ็นเหี่ยวออกจากร่างเธอ

หญิงสาวน้ำตาไหล สะอื้นไห้เบาๆ ก่อนจะค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้น จับเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อยดั่งเดิม เธอรีบลุกขึ้นเดินไปร่วมกับสาวรุ่นคนอื่นๆ   

หญิงสาวคนอื่นๆ โอบกอดปลอบขวัญเธออย่างอ่อนโยน เธอสะอื้นไห้กลางอกของสาวใหญ่คนหนึ่ง
เป็นภาพที่ผมโคตรสะเทือนใจ  ผมมันไร้ค่า ไร้ค่าจริง

....
แม้จะรู้สึกทุกข์ระทมใจแค่ไหน ผมก็อดเลี่ยงไม่ได้ที่จะตามขบวน คาราวานนี้ไป เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นทางเดียวที่จะออกจากป่านี้ได้

น่าแปลกว่า เพราะคาราวานนี้ ดูแล้วมีการแบ่งการปกครองเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือคนคุ้มกันคาราวาน คนจัดการเสบียงหุ้งหาอาหาร และกลุ่มสุดท้ายเป็นสาวแรกรุ่นทั้งหมด ถูกจองจำไม่ต่างจากทาส

หญิงสาวคนที่ถูกข่มขืนคนนั้นก็คือทาสคนหนึ่ง  ผมแอบมองเธอเป็นระยะ ดูคร่าวๆเธอน่าจะอายุราวๆ 19-24 ปี เธอดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ตรงที่มีผิวขาวสะอาดสะอ้าน ผมดำขลับถึงกลางหลัง แม้เสื้อผ้าจะปกคลุมเรือนร่างไว้ แต่ผมประมาณด้วยสายตาคร่าวๆได้ว่าเธอเป็นคนที่รูปร่างดีถึงดีมาก อกเป็นอก เอวเป็นเอว ถึงจะมองเห็นหน้าไม่ชัดจากระยะนี้ ก็พาจะเดาออกมาเธอเป็นคนสวย

ตลอดระยะเวลา 3 วัน นอกจากเธอแล้ว ชายแก่คนนั้นยังเฝ้าวนเวียนดึงเด็กสาวออกมาเสพสมทีละคน ๆ แต่ทุกครั้งล้วนทำด้วยท่าสิ้นคิด คือให้หญิงสาวโก้งก้น และกระเด้าท่าหมาอย่างเดียว และดูเหมือนน้ำอดน้ำทนของมันจะมีอยู่เพียงแค่ 3-4 นาทีเท่านั้น

...

ครั้งหนึ่งผมรู้สึกหิวมาก และแอบเห็นขนมปังวางอยู่รถคันหลังสุดของคาราวาน ผมอาศัยจังหวะที่ทุกคนเผลอ แอบย่องไปหยิบขนมปังมาก้อน ถึงแม้จะรอดสายตาของคนคุ้มกันคาราวาน แต่กลับไม่รอดสายตาของทาสสาวคนนั้น

เธอเพ่งมองผมด้วยความตระหนกตกใจ ผมทำท่าจุ๊ปากขอให้เธอเงียบไว้ เธอเอามือทั้งสองข้างปิดปากเธอแน่น ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ   ผมค่อยๆปลีกตัวหนีออกมา  เธอเฝ้ามองแผ่นหลังผมที่วิ่งจากมา ผมหันกลับไปมองแววตาละห้อยของเธอ ผมพอจะเดาออกว่าเธอคงกำลังวิงวอนผมให้ช่วยอะไรเธอสักอย่าง

แต่น่าเสียดาย ที่ผมมันก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง
...

ย่ามสายของวันที่ 4 ผมเริ่มสังเกตเห็นเมือง ผมจึงรีบปรี่ตัวออกจากคาราวานเพื่อนมุ่งหน้าเข้าเมือง ถึงตอนนี้ใจผมล่วงไปลงอยู่ตาตุ่ม สภาพบ้านเมืองของที่นี่มันสร้างความตื่นตะลึงให้ผมไม่น้อย สภาพตึกรางบ้านช่องที่ทำด้วยไม้เป็นหลัก ถนนเป็นดินผู้คนยังสัญจรด้วยเกวียนและสัตว์เป็นพาหะนะ นี่มันยุคสมัยไหนวะเนี่ย ผมรีบปรี่เข้าไปหาป้าคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนมา

ป้า ป้า ที่นี่ที่ไหนเนี่ย แล้วนี้มันปี พ.ศ. เท่าไหร่

ป้ามองผมกลับอย่างงุนงง ก่อนจะถามผมกลับว่า นายน้อยพูดถึงเรื่องอะไร บ่าวไม่เข้าใจ เธอมองผมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะรีบเดินปรี่ไปจากผมอย่างรวดเร็ว

ผมยังพกความสงสัยไปเต็มกระบุง ก่อนจะค่อยๆย่างก้าวเข้าเมืองไปทีละก้าว 

มันน่าแปลก น่าแปลกมากๆ ตลอดสองข้างทางที่ย่างก้าวเข้ามา ผมแทบไม่พบผู้ชายเลยสักคนเดียว หมู่บ้านแห่งนี้มีแต่ผู้หญิง ผู้หญิง แล้วก็ผู้หญิง ซึ่งทุกคนเมื่อเห็นผมเธอแทบจะแหวกทางให้ เดินโน้มกายผ่าน ราวกับว่าผมเป็นเทพเจ้ามาจากไหน 

ผมเดินเข้ามาจนเกือบสุดทาง ก็พอสาวนางหนึ่งปรี้เข้ามาด้วยท่าทางอ่อนน้อม

นายท่าน เพิ่งมาถึงหรอค่ะ เชิญด้านในได้เลยนะคะ งานขายเพิ่งจะเริ่มขึ้น

งานขาย  ผมทวนคำบอกเล่าอย่างสงสัย

ขายอะไรครับ  ผมถามกลับ

ก็ขายทาสไงค่ะ เชิญด้านในเลยค่ะ เด่วจะไม่ทัน

....
ภายในมันโอ่งโถง ผู้คนรายล้วนอยู่รอบเวทีสูงที่ยกขึ้น  ผมเริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะในนี้ มีผู้ชายอยู่หลายสิบคนเห็นจะได้  แต่ละคนดูภูมิฐาน มีทั้งหนุ่มรุ่นๆ ยันตาแก่ผมขาว ผมถูกจัดนั่งด้านหลังสุด

ผมใช้เวลาช่วงนี้ ขบคิด เหตุผลอะไรที่ผมมาอยู่ที่นี่ ไม่มีวิทยาศาสตร์ข้อไหนที่ร่ำเรียนมาตอบคำถามนี้ได้ ในระหว่างนั้นเองก็มีชายร่างใหญ่เดินขึ้นเวที ลากหญิงสาวออกมาทีละคน

ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก นี่มันยุคแห่งการค้าทาสชัดๆ หญิงสาวแรกรุ่นคนแล้วคนเล่า ถูกลากขึ้นบนเวที มีตั้งแต่เด็กสาวในวัย 11-25 ผลัดกันขึ้นมา ชายร่างใหญ่จะประกาศราคาเริ่มต้นสำหรับเด็กสาวในวัย 14 ราคา 5 เบล

ผมสังเกตเห็นแววตาที่น่ารังเกียจของบุรุษทุกผู้ในที่นี้ ล้วนแล้วแต่มองเด็กสาวด้วยแววตาที่อยากจะกลืนกิน
6 เบล 7 เบล 10 เบล

ราคาของเด็กสาวถูกประมูลขึ้นให้สูงขึ้นตามลำดับ

หญิงสาวคนแล้วคนเล่าถูกเคาะขาย และส่งให้กับชายผู้ให้ราคาสูงสุด สิ่งที่ทำเอาผมตกใจไปมากกว่านั้น นั่นคือบางคนเมื่อประมูลได้มา ก็จับเด็กสาวขึ้นนอนคว่ำลงกับโต๊ะ ชัดดุ้นเอ็นขนาดใหญ่ยาวขึ้นแทงพรวดเข้าไปในร่องตีบตันของเด็กสาว

อื้ออ กรี๊ดดดด อื้ออ นายท่าน พอก่อน หนูเจ็บ อื้อออ เด็กสาวร้องไห้อย่างทุรนทุราย แต่กลับกลายเป็นความสะใจของบุรุษรอบข้าง บางคนถึงกับเกิดอารมณ์และจับทาสสาวที่ติดตามมาด้วยขึ้นมากระทำชำเราในแบบเดียวกัน

นี่มันนรกของหญิงสาวชัดๆ

ผมตัดสินใจจะลุกหนีไปจากนรกแห่งนี้ แต่แล้วเรื่องไม่ขาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อสินค้าชิ้นถัดมา ไม่ใช่ใครที่ไหน กลับเป็นหญิงสาวผิวขาวสะอาดตาที่ผมพบอยู่กลางป่า

มินตรา  สาวชาวเมืองไซเรีย ที่มีผิวผ่องดุจขนนก ชายร่างใหญ่บนเวทีเริ่มพิสูจน์ด้วยการกระชาก เสื้อผ้าเธอออก

เห้ยยย สะอึกจนแทบก้าวขาไม่ออก ผิวพรรณของเธอช่างผุดผ่อง ขาวเนียนต่างจากทาสคนอื่นๆ หน้าอกเธออวบอูมได้รูป ดูๆแล้วหากเทียบกับไซค์ปัจจุบัน คงไม่ต่ำกว่า 36 เธอรีบเอามือปกปิดส่วนสำคัญของร่างกายและทรุดตัวนั่งลง แต่ก็มิอาจปกปิดเรือนร่างอันงดงามของเธอไว้ได้

เริ่มต้นที่ 30 เบล  สิ้นเสียงชายร่างใหญ่

เสียงต่อราคาดังไม่ขาดสาย 35 40 45 50

ราคาเธอถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  สายตาทุกคู่ดูหื่นกระหายกับทาสสาวคนนี้

หน้าตาเธอดูอิดโรย ใบหน้าดูเศร้าหมองไร้ชีวิตชีวา ชายร่างใหญ่กระทำซ้ำร้ายเข้าไปอีก ด้วยการจิกหัวกระชากเธอลุกขึ้น เธอพยายามดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด เมื่อมือทั้งสองข้างหลุดออกจากเนินอกของเธอ เผยให้เห็นเนินอกขาวอวบ ปลายหัวนมชูชันไปดูเม็ดทับทิมสีชมพูอ่อน

ใบหน้าสวยหวาน ผสมกับเรือนร่างอันงดงามของเธอ ไม่แปลกใจเลยทำไมชายแก่ที่กลางป่าถึงได้ติดอกติดใจ ข่มขืนเธอบ่อยกว่าใครเพื่อน  ผมคิดแล้วยังปวดใจ ที่เห็นทุกครั้งแต่กลับไม่ทำอะไร ปล่อยให้เธอถูกย่ำยีครั้งแล้วครั้งเล่า
85 90 95 100

ราคาเธอพุ่งสูงขึ้นชนิดที่ทะลุเพดาน เสียงสู้ราคาประปรายลงไป คนสุดท้ายที่ให้ราคาเธอ 100 ผมจำได้ว่ามันซื้อเด็กสาวไปแล้วถึง 4 คน แต่ละคนเมื่อมันได้ไปก็ลงมือขย่มจนร้อนลั่น

โชคชะตาผมว่าโหดร้ายแล้ว ยังไม่สู้ของเธอ หากปล่อยให้มันได้ตัวเธอไป

ผมไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เงินเบล ที่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร

ผมยกมือตะโกนสุดเสียง

200 เบล !!!!!!!!!

ทุกสายตาผมหันมามองผมเป็นจุดเดียว เสียงร้องฮือฮาดังขึ้นไม่ขาดสาย นี่คงเป็นราคาทาสหญิงที่แพงที่สุดเป็นสถิติของที่นี่กระมั่ง

............

คุณต้องไม่เชื่อผมแน่ๆ สิ้นสุดการประมูลตัวทาสสาว ผมถูกพาไปจ่ายตังที่หลังเวที ผมบอกว่าผมไม่มีเงินเบล

ผมควักเหรียญสิบ ขึ้นมา 2 เหรียญ และยื่นให้กับหญิงร่างใหญ่เมื่อครู่ หญิงร่างใหญ่ส่งต่อให้กับคนที่ดูท่าทางจะเป็นเหมือนเถ้าแก่

เถ้าแก่คนนั้น เพ่งเหรียญสิบด้วยตาพองโด ก่อนจะเอ่ยว่า น่าจะเป็นเหรียญที่ใช้ในวัง ชายแก่คนนั้นมีท่าทีที่นอบน้อมกับผมขึ้นมาทันทีก่อนจะ ส่งเชือกซึ่งผูกเธอไว้ส่งให้ผม ก่อนจะพูดสั้นๆว่า มันเป็นของท่านแล้ว

นี่ต้องเป็นเรื่องที่บ้าที่สุดในโลก นี่ผมซื้อตัวหญิงสาวมาในราคาเพียง 20 บาท

ผมขอเสื้อคลุมตัวใหญ่ ให้กับเธอและรีบพาเธอออกไปจากนรกขุมนี้ 

....
ผมไม่รู้ว่าเธอจำผมได้หรือเปล่า แต่ตลอดเวลา แววตาของเธอดูหวาดกลัว หวาดระแวงผมทุกฝีก้าว ผมพาเธอมายังสถานทีที่คล้ายที่พัก เพราะมันใกล้ค่ำแล้ว อีกเช่นเคยผมควักเหรียญบาทขึ้นมาหนึ่งเหรียญ และถามเถ้าแก่ว่า เท่านี้พักได้กี่คืน เถ้าแก่แสดงพฤติกรรม ซึ่งไม่ต่างจากที่โรงขายทาสนั่น ก่อนจะบอกผมว่า นายท่านจ่ายขนาดนี้อยู่เป็นเดือนก็ยังได้

ผมมีเรื่องมากมายที่อยากถามเธอ แต่ดูท่าทางแล้วเธอคงไม่พร้อมจะพูดคุยกับผม ผมถามชื่อเธอดูอีกครั้ง
เธอชื่ออะไร    ผมถาม

เธอเงยหน้าอันเศร้าหมองสบตาผมวูบขึ้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า มินตรา ค่ะ

เธอก้มหน้าก้มตา ไม่สบตาผม  ผมทั้งสงสาร ทั้งหงุดหงิด แต่คิดๆดูแล้ว เธอเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา คงต้องให้เวลาเธอสักพัก ห้องที่นี่เป็นห้องเดี่ยว มีเตียงเพียงเตียงเดียว มีพนังกั้นสำหรับอาบน้ำ 

ผมค่อยๆพยุงร่างกายอันอ่อนล้า คงต้องอาบน้ำสักที ในขณะที่ผมกำลังถอดเสื้อออก จู่ๆ เธอก็ร้องไห้สะอื้นขึ้นอีกครั้ง

นายท่าน อย่ารุนแรงกับบ่าวนะค่ะ บ่าวขอร้อง   เธอก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย

"เห้ยยย จะบ้าหรอ" ผมสบถออกมา 

ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอสักหน่อย   ผมบอกกับเธอ

เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองผมอีกครั้ง แววตาช่างดูเศร้าหมอง ดวงตาใสๆคลอไปด้วยน้ำตา 

ผมเป็นโรคแพ้น้ำตาผู้หญิงสะด้วย ผมรีบเดินไปที่อาบน้ำทันทีเพื่อไม่ให้เธอเข้าใจผิด  โลกนี้มันอะไรกันนักหนา ที่นี่มีแต่ผู้ชายชั่วๆหรือยังไง 

ผมว่าผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อออกมา ก็พบว่าเธอยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ผมเลยแกล้งวางมาดเข้ม สบถออกมาว่า จะนั่งอีกนานไหม "ฉันซื้อตัวเธอมาตั้ง 200 เบล" นะ

เธอสะดุ้งเฮือกอย่างร้อนรน เธอจะค่อยลุกขึ้นนั่งคุกเข่า ก้มโค้งต่อหน้าผม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า
"ขออภัยค่ะ นายท่าน  เธอเอาศรีษะจรดพื้นไม่เงยขึ้น"

ผมยังไม่เข้าในธรรมเนียมของที่นี่เท่าไหร่ แต่เดาว่าธรรมเนียมของที่นี่ ผู้หญิงคงถูกกดขี่อย่างมาก เพราะเธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผม ผมเอ่ยเบาๆว่า

"ขอน้ำทานหน่อยละกัน"  เธอสะดุ้งเฮือกก่อนจะ รีบกุลีกุจอรินน้ำให้ผมอย่างร้อนรน

เธอวางน้ำลงบนโต๊ะผมอย่างนุ่มนวล ก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าอยู่เช่นเดิม

ผมรู้สึกอึดอัดยังไงชอบกล สุดท้ายทนไม่ไหวเลยบอกว่า  เลิกคุกเข่าสักทีได้ไหม ขึ้นมานั่งด้วยกันนี่สิ

เธอสะดุ้งเฮือก อีกคราก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนว่า บ่าวปรนนิบัตรนายท่านได้หลายอย่าง อย่าทำอะไรบ่าวเลยนะค่ะ
โอ้ยยย พอแล้วผมน้อมตัวลงไป ฉุดเธอขึ้นมานั่งบนเก้าอี้

อย่าค่ะนายท่าน  เธอส่งเสียงห้ามเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนต่อสู้อะไรผม  สุดท้ายผมดึงเธอขึ้นมานั่งจนได้

เธอยังคงก้มหน้าไม่สบตา  ผมเลยบอกกับเธอไปว่า เลิกเรียกตัวเองว่าบ่าวสักที

ต่อไปนี้ฉันสั่งให้เธอเรียกแทนตัวเองว่า มินตรา เข้าใจไหม

ค่ะ บ่าวรับทราบ ค่ะ  เธอยังขานคำเดิมๆ

ผมแสร้งขึ้นเสียงแข็งว่า เอ๊ะบอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่า มินตรา !!

ค่ะ บ่า.. มินตรา ทราบแล้วค่ะ
....
ผมเริ่มจับทางได้ การจะคุยกับผู้หญิงในยุคนี้ ห้ามคุยแบบปกติ ต้องพูดกับเธอในเชิงออกคำสั่ง เธอจะทำตามอย่างว่าง่ายผมเริ่มด้วยการสั่งให้เธอไปอาบน้ำ  ผมรู้สึกทันทีว่าเธอทำหน้าฉงนสงสัย ก่อนจะเอ่ยกับผมว่า

แต่ปกติ มินตรา ถูกสอนมาว่า ห้ามอาบน้ำในอ่างของเจ้านาย นิค่ะ

ผมเลยบอกว่า งั้นผมสั่งให้เธอไปอาบน้ำใน อ่างของฉันเดี๋ยวนี้

...
 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Wolf Stranger

อ่านสนุก จินตนาการดีครับ
และถ้าเข้าใจไม่ผิด เนื้อหาส่วนท้ายขาดหายไปหรือเปล่าครับ

applej2k

Thanks you ขอบคุณมากครับ
น่าจะขาดตอนท้ายนิดนึงนะครับ

pinthepk


ยศกร จันพ


grut1247


zorohana

ตามเรื่อยๆเลยครับแนวนี้ ขอบคุณครับ

kai1957ac

น่าติิดตามครับ เจาะเวลาหาอดีต บวก เมืองลับแล

ultrasonic


phozis

#9
ขอบคุณที่กลับมาเพิ่มเติมผลงานที่ขาดหายไปนะครับ ::Thankyou:: ::Thankyou::

Wiwek



oymfoyp00


devilzoa

แหมไปอีกที่กลายเป็นเจ้านายคนสะแล้ว

asper