ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ร้อยรักวัยสวาท ภาคสอง ตอนที่1

เริ่มโดย suckzeed, เมษายน 03, 2016, 10:45:49 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed


แจงเพื่อนแซบในอดีต


หมวยอรจิรา ลูกสาวเจ้าของหอพัก

มาตามคำสัญญาครับ ว่าไก่ได้พลอยจบ จะได้อ่านเรื่องนี้ในภาคที่ 2 ติดตามได้ครับ ในภาค 2 นี้ ผมเปลี่ยนวิธีการเขียนนิดหน่อย

เป็นแบบนวนิยาย ไม่ใช่เรื่องเล่าเหมือนในภาคแรก อ่านแล้วคิดเห็นอย่างไร รีพายบอกกันบ้างนะครับ


suckzeed..............
 อ่านก่อนอ่านผลงาน http://xonly69.com/read-xonly-tid-159448.html  

ภายในห้องพักของคอนโดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นออฟฟิสฝ่ายขาย ของบริษัทเล็กๆที่บริหารงานโดยผัวหนุ่มกับเมียสาวสวยทั้งสอง
ห้องพักที่เคยคึกคัก มีเสียงครวญครางด้วยความสุขสมของคนทั้งสามแทบทุกวี่วันโดยไม่เลือกเวลาว่าจะเป็นกลางวันหรือดึก
ดื่นปานใด จนผู้พักรายอาศัยรายอื่นที่อยู่ข้างห้องต่างพากันอิจฉา ในความสุขสมของครอบครัวเล็กๆครอบครัวนี้

แต่ครั้นเวลาผ่านไปเพียงแค่สามปี เมื่อหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้องตายจากไป บรรยากาศเก่าๆกลับอันตธานหายไปเป็นปลิด
ทิ้ง บัดนี้มันกลับมาเงียบเหงาอ้างว้าง เสมือนกับว่าไม่มีผู้พักอาศัยอีกต่อไปเสียแล้ว ทั้งที่จริง ยังคงมีร่างสูงโปร่งของชายหนุ่ม
อยู่อีกผู้หนึ่ง ที่กำลังรวบรวมสิ่งของมีค่าสำหรับชีวิตเขา เก็บลงลังกระดาษทีละชิ้นๆ

แต่อนิจจาสิ่งของมีค่าที่ชายหนุ่มรวบรวมเก็บลงกล่องกระดาษใบย่อมนั้น กลับมีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆไม่กี่ชุด พร้อมเอกสารสำคัญ
ที่บ่งบอกว่าเขาเป็นใคร เรียนจบขั้นสูงสุดเท่าใด พร้อมภาพวาดรุปเหมือนของตนเองที่ใส่กรอบไว้อย่างดี เพียงใบเดียว ส่วนใน
มือของเขานั้นกลับไปเพียงภาพถ่ายของหญิงชรา และอัลบั้มรูปของหญิงสาวผู้ตายจากไป

"ผมขอโทษครับพี่หน่อย..ผมไร้ความสามารถที่จะรักษาสมบัติชิ้นสุดท้ายของพี่ไว้ได้..." น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นสั่นเครือ
บ่งบอกอารมณ์ของผู้พูด ว่ารู้สึกเช่นใด

สมชายคือชายหนุ่มผู้นั้น ที่รำพึงออกมาเบาๆ พร้อมหยิบอัลบั้มรูปถ่ายของหญิงสาวสวยขึ้นมามองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะ
วางมันซุกลงไปในกล่องกระดาษอย่างทนุถนอม แล้วปิดผนึกด้วยเทปกาวจนแน่นหนา ก่อนจะฉวยกล่องกระดาษอุ้มไว้ใน
วงแขน พร้อมก้าวเดินออกมาจากประตูห้อง ที่มีครอบครัวใหม่ยืนรออยู่ หลังจากที่ได้ซื้อห้องพักแห่งนี้จากสมชายมา
เรียบร้อยแล้ว

สมชายจำเป็นต้องขายห้องพักในคอนโดของมณธิราหรือพี่หน่อย ก่อนที่จะถูกธนาคารยึด เพราะตนเองเอาไปจำนองไว้ เพื่อ
นำเงินมารักษาภรรยาที่ป่วยเป็นโรคร้าย แต่ท้ายสุดก็ยังไม่สามารถยื้อยุดชีวิตของเธอเอาไว้ได้

"คุณสมชายจะอยู่พักต่อสักเดือนสองเดือนก็ได้นะครับ ผมกับครอบครัวไม่ได้รีบร้อนย้ายเข้ามาพัก..." เสียงอารีย์จากชายสูงวัย
เจ้าของห้องคนใหม่ร้องบอกสมชาย ขณะที่ยื่นมือมารับพวงกุญแจห้องจากเขา

"ไม่เป็นไรหรอกครับ..ขอบคุณมาก..จะช้าหรือเร็ว ผมก็ต้องย้ายออกอยู่ดี..ขอบคุณอีกครั้งครับ..."

สมชายไม่ยอมรับความเอื้ออารีย์ที่เจ้าของห้องรายใหม่หยิบยื่นให้ หลังจากส่งกุญแจห้องพักให้แล้ว เขาก็เดินถือลังกระดาษไป
รอเรียกลิฟท์ จนร่างสูงใปร่งของเขาหายเข้าประตูลิฟท์ไปแล้ว เจ้าของห้องสูงวัยผู้นั้นและครอบครัว โดยเฉพาะบุตรสาววัย
กำดัด จึงเข้าไปสำรวจความเรียบร้อยภายในห้องพัก ที่ซื้อเอาไว้เพื่อให้บุตรสาวพักในช่วงที่เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยที่
กรุงเทพ

สมชายเดินอุ้มลังกระดาษจนมาถึงรถญี่ปุ่นสีดำคันเล็กๆของตนเอง ก่อนจะเปิดประตูหลังท้ายรถ แล้วเก็บเข้าไป เขาหันกลับ
ยืนแหงนคอมองไปยังทิศทางของห้องที่เคยพักอีกครั้งหนึ่ง  ความทรงจำในอดีตถึงภาพของพี่หน่อยในอริยาบทต่างๆ โดย
เฉพาะที่ระเบียงห้อง ที่เขากับเธอมักออกมายืนรับลมเย็นบนระเบียงห้องในยามค่ำคืน ผุดวาบขึ้นมาในสมอง จนเขารีบสลัดมัน
ทิ้ง หาใช่เพราะไม่ต้องการนึกถึงอีกแล้ว แต่สลัดมันทิ้งเพราะมันคือความทรงจำที่ปวดร้าว ความทรงจำที่เสมือนเป็นบาดแผล
อยู่ในใจ ที่เขาได้แต่โทษตนเองว่าขาดความรอบคอบเอาใจใส่ จนภรรยาที่แสนดีจบชีวิตไปก่อนเวลาอันควร

สมชายสตาร์ทรถแล้วค่อยๆขับเคลื่อนออกไปจากคอนโด ทิ้งเบื้องหลังที่มีทั้งความสุขและความเศร้าเอาไว้ ขับรถมุ่งหน้าไป
ห้องเช่าพักแห่งใหม่ของตนเอง เพื่อชีวิตใหม่และอนาคตใหม่เบื้องหน้า โดยที่ตนเองก็ยังไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นตายร้ายดี
ประการใด ขอเพียงไม่ย่อท้อต่อชีวิต..และบทเรียนที่เคยลำบากยากเข็ญเพียงเท่านั้นก็พอแล้ว

สมชายนำรถเข้าไปจอดใต้อาคารสูงสี่ชั้น ค่อนข้างใหม่ ซึ่งเป็นอพาร์ตเม้นท์แบ่งห้องให้เช่า โดยที่ชั้นล่างสุดทำเป็นที่จอดรถ
สำหรับลูกค้าที่มาพัก มีเพียงห้องเล็กๆถูกแบ่งกั้นอยู่สองห้อง ห้องแรกเป็นสำนักงานสำหรับผู้มาติดต่อเช่าห้องพัก ส่วนอีกห้อง
เปิดเป็นมินิมาร์ทขนาดเล็กๆ ที่ขายของใช้จำเป็นให้กับผู้พักอาศัย

สมชายจอดรถเรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปโผล่หัวมองเข้าไปในสำนักงาน ที่เคยเป็นที่ทำงานของเจ้าสาวใหญ่เจ้าของ
อพาร์ตเม้นท์ แต่กลับไม่พบใครในนั้น เขาจึงหลุบหน้าออกมา แล้วเดินไปดูในมินิมาร์ท เห็นมีเพียงสาวหน้าหมวยวัยกำดัดนั่ง
อยู่หลังเครื่องคิดเงินเพียงลำพัง

"เชิญค่ะ..."

เสียงโมบายที่ติดอยู่กับประตู ดังกรุ้งกริ๊ง จนสาวหน้าหมวยรูปร่างโปร่งบางเงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่เปิดประตุเข้ามา พอเห็น
หน้าชายหนุ่มเธอก็ร้องทักทายตามมารยาท แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือนิยายในมือต่อ คาดว่าคงเป็นลูกค้าห้องพักที่มาหาซื้อ
ของใช้เฉกเช่นเคย

"หมวย..ๆ..เจ้เจ้าของหอพักไม่อยู่หรือครับ..."

เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มผู้นั้นกลับร้องถาม และเรียกหล่อนว่าหมวย จนอรจิรา เงยหน้ามองไม่สบอารมณ์ คิ้วเรียวโก่งคำขลับ
ขมวดมุ่น ตาชั้นเดียวแต่ค่อนข้างโตของหล่อน จ้องมองหน้าสมชายอย่างเอาเรื่อง แม้ว่าใบหน้าของเธอจะหมวยจริงจากเชื้อ
สายของบรรพบุรุษ แต่เธอก็ไม่ชอบให้ใครๆมาเรียกเช่นนี้

"ม๊าไม่อยู่..มีธุระอะไร...แล้วชั้นก็ไม่ได้ชื่อหมวย..รู้ไว้ด้วย...นะแก..."

อรจิราตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ด้วยไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้มาร้องถามหาม๊าเธอด้วยธุระอะไร หรืออาจจะเป็นเซลล์แมนมาเสนอ
ขายของก็เป็นได้ แม้จะสะดุดตากับใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็ตาม

"ผมมาติดต่อเช่าห้องนะ..มะ..หมวย..วางเงินมัดจำกับเจ้ไว้แล้ว..."

สมชายกลับมีอารมณ์สนุกที่จะยั่วเย้าเรียกหญิงสาวผู้นี้ว่าหมวยอีกครั้ง หลังจากที่ได้เห็นสายตาดุๆเอาเรื่องของหล่อน มิหนำซ้ำ
ยังเรียกตัวเขาว่า แก เสียอีกด้วย

"เย้ย...แกจะหาเรื่องหรอ..บอกแล้วว่าชั้นไม่ได้ชื่อหมวย..."

อรจิราแหวเสียงดังใส่ แม้จะทราบแล้วว่าเขาเป็นลูกค้าของมารดา แต่อารมณฺกำลังโมโหที่ถูกเรียกว่าหมวยซ้ำเป็นครั้งที่สอง
จึงผุดลุกขึ้นยืนจังก้าท่าทางเอาเรื่อง หลังเค้าน์เตอร์เก็บเงิน จนสมชายอดขำไม่ได้ จึงหัวเราะฮึๆฮาๆเบาๆ

"เอ้า..พี่เห็นหน้าหมวยๆ ก็เลยนึกว่าน้องชื่อนี้..ขอโทษก็ได้...ว่าแต่เจ้..เอ้อ..แม่ของน้องไม่อยู่รึ..." สมชายคร้านที่จะต่อปาก
ต่อคำกับเด็กสาวที่คะเนมองด้วยสายตา น่าจะอายุไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ

"ใครเป็นญาติกับแก..มาเรียกชั้นว่าน้อง..." แต่อรจิรายังไม่ยอมหายโกรธง่ายๆ เมื่อถูกเรียกว่าน้องจึงเอาเรื่องต่อ

"เฮ้อ...งั้นชื่ออะไรล่ะ..ผมจะได้เรียกถูก..."

ที่สุดสมชายก็ยอมแพ้ ถอนหายใจออกมาดังเฮือก ไม่อยากต่อปากต่อคำโต้เถียงกับเด็กสาวหน้าตาหมวยๆ หน้าตาน่ารักๆผู้นี้
ต่อ ในเมื่อไม่รู้จักชื่อ จะเรียกหมวยก็ไม่ยอม จะเรียกน้องก็ดันมาหาว่าจะนับญาติกันเสียอีก ด้านอรจิราค่อยนึกขึ้นได้ ว่าตนเอง
ใช้อารมณ์โมโหเกินเหตุ จริงดั่งที่เขาบอก ในเมื่อไม่ทราบชื่อจะให้เรียกกันได้อย่างไร

"ชั้นชื่ออร...จะมาหาม๊า ก็นั่งรอสักครู่ ม๊าไปห้างซื้อของเข้าร้าน..บ่ายๆน่าจะกลับ..."

อรหรืออรจิราลดโทนเสียงสูงๆ แหวๆ ตอบกลับ จนเบานุ่มแต่ก็ยังห้วนๆอยู่ เมื่อสำนึกได้ว่า แท้จริงแล้วชายหนุ่มผู้นี้มาหาม๊า
ของเธอด้วยธุระที่จะมาเช่าห้องพัก เปรียบเสมือนเป็นลูกค้าคนหนึ่งของมารดา ที่มักสั่งสอนเธอเสมอให้พูดจาสุภาพกับลูกค้า
แต่เธอเองต่างหากที่มักไม่จดจำ และอารมณ์มักจะเสียเสมอเมื่อเธอใครๆเรียกเธอว่า หมวย

"รอตั้งบ่ายเชียวหรือครับ...ให้ผมเอาของเก็บใส่ห้องก่อนได้มั๊ย...เดินทางมาเหนื่อยๆ อยากนอนพักเลยน่ะครับ..ผมจ่ายเงิน
จองห้องเอาไว้แล้ว..นี่ไงดูสิครับ..."

เมื่อสมชายได้ยินเสียงนุ่มๆเบาๆแม้ยังจะห้วนๆสั้นๆอยู่ จากเรียวปากบางเชิดของสาวหน้าหมวย แสดงว่าหล่อนเริ่มอารมณ์เย็น
ขึ้นมากว่าเดิม ก็ร้องถาม พร้อมแสดงหลักฐานใบเสร็จรับเงินที่จ่ายเป็นค่าจับจองห้องพักเรียบร้อยแล้วยื่นให้หญิงสาวที่แนะนำ
ตัวว่าชื่ออร ดู เพราะไม่อยากนั่งแกล่วรอจนถึงเวลาบ่ายซึ่งอีกหลายชั่วโมง เจ้เจ้าของอพาร์ทเม็นต์มารดาของสาวหน้าหมวยจึง
จะกลับมา

"งั้นคุณ..เอ้อ..รอสักครู่..."

อรจิรายื่นมือรับใบเสร็จมามองดู เมื่อเห็นว่ามารดาของหล่อนรับเงินมัดจำห้องมาจากเขาแล้วจริงๆ จึงร้องบอกให้เรารอสักครู่
แล้วรีบลุกเดินออกมาจากหลังเค้าน์เตอร์เก็บเงิน

"พี่ชื่อสมชาย..เรียกพี่ชาย..ก็ได้..."

สมชายพูดออกไปแล้วตัวเขาเองกลับชะงัก แต่หาได้ชะงักกับรูปร่างเพรียวบางสูงในกางยีนส์รัดรูป จนอวดโค้งสะโพกกลม
กลึงและเอวคอดกิ่ว ของสาวหน้าหมวยแต่ประการใด เขาชะงักเพราะจิตรำลึกไปถึงหญิงสาวที่เคยส่งสำเนียงกรุ๊งกริ๊งเรียก
เขาว่า พี่ชาย..ต่างหาก

"เดินตามาค่ะ..พี่..เอ้อ..พี่ชาย..."

อรจิรายินยอมเรียกชื่อของเขา ทั้งที่รู้สึกขัดๆเขินๆ ด้วยเธอเป็นลูกคนเดียวของหม่าม๊า ไม่เคยเรียกใครว่าพี่ชายมาก่อน ครั้น
จะไม่เรียกก็กระไรอยู่ ในเมื่อพี่ชายคนนี้เป็นลูกค้า และพูดจาดีขึ้นไม่กวน ไม่ยั่วโมโหของเธออีกแล้ว

สมชายเดินตามหลังของอรจิราออกมาจากร้านมินิมาร์ท หญิงสาวก็หันกลับไปล็อคประตูห้อง แล้วพาเขาเดินเข้ามาในออฟฟิส
ของมารดา เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน หยิบสมุดบันทึกเล็กๆออกมาดูบันทึกที่มารดาเขียนเอาไว้ นายสมชาย องอาจ จะเข้าพักวันที่
10มค.ห้องเบอร์420 มัดจำค่าห้องไว้แล้ว2000บาท

อรจิราเอื้อมมือไปคว้าพวงกุญแจที่วางซุกอยู่ในลิ้นชัก เลือกๆจนได้กุญแจห้องพักเลขที่420 ตามบันทึกของมารดา ยื่นมาให้
ชายนุ่ม ที่ยืนรออยู่

"พี่ชาย..ไขกุญแจเข้าไปพักก่อนก็ได้ค่ะ..บ่ายๆม๊ากลับมาค่อยลงมาจ่ายเงินค่าห้อง..."

อรจิรายื่นกุญแจส่งให้ใส่มือสมชายที่ยื่นมารับ แม้ไม่ได้เจนตนา แต่เมื่อทั้งสองกระทบกันจังๆ จนอรจิรารีบปล่อยกุญแจร่วง
หล่น กระทบกระจกโต๊ะทำงานดังกริ๊ก รีบร้องขอโทษ แล้วหยิบมาส่งให้ชายหนุ่มใหม่ ที่คราวนี้เขาแบมือรอรับแต่โดยดี

"สุขสบาย...ยินดีต้อนรับค่ะ..ขาดเหลืออะไร..มีขายที่มินิมาร์ทนะคะ..."

อรจิรารีบพูดกลบเกลือนแก้มแดงๆของเธอ แล้วผลุนผลันพาแขกผู้พักใหม่เดินออกมาจากออฟฟิสของมารดาอย่างรีบร้อน
ก่อนจะไขกุญแจห้องมินิมาร์ทของเธอผลุบเข้าไปนั่งใจเต้นระทึกที่หลังเค้าเตอร์ ทั้งๆที่ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงต้องรุ้สึก
เก้อเขินเยี่ยงนี้ เมื่อมือทั้งสองมาประทะกันโดยเหตุบังเอิญ


suriyamahajit

#1
เคยอ่านแล้วขอบคุณมาก ถึงจะยังไงก็ขออีกรอบขอบคุณมากครับ

iss.issawa

สนุกมากครับ ชวนอ่านมาก น่าจะเสียวแน่นอนครับ ขอบคุณมากครับ

johnywalker

อ่านภาคแรกมาแล้ว พอมาอ่านภาค 2 โดยใช้วิธีเล่านิยาย จริง ๆ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะ ขาดอารมณ์แบบเดิมไป แบบ คนสู้ชีวิตน่ะ แต่ขออ่านไปเรื่อย ๆ ก่อน ค่อยมาคุยกันวันหลังนะครับ

kasor7

ลีลาการเขียนเรียกว่ายังน่าอ่านทุกเรื่อง   ติดตามมาตลอด  ทำให้ทึ่งในฝีมือการเขียนมาก

st23652

มันไม่เหมือนกัน เเต่ มันดีไปคนละเเบบ

jubjub00

ติดใจจากภาค1เลยต้องมาต่อภาคสอง รอติดตามนะครับ

aeadza

ทิ้งอดีตเก่าๆไปอย่าไปจมปรักอยู่กับมัน เริ่มต้นใหม่ดีกว่าครับ

PEE WAII

สนุกมากครับใอ่านกีทีก็ลุ้นด้วยตลอด

leopoldi

ลำบากจริงพ่อคุณเอ้ย ชีวิตจะดีขึ้นก็มาลำบากอีก แถมคนที่ดีที่สุดก็จากไป น่าสงสารแท้ๆ

devilzoa


suteeboonmark

วิธีการเล่าเรื่องก็น่าติดตามครับ...ชอบฝีมือการเล่าเรื่องของคุณครับ

Skyline4646