ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ขุนช้างขุนแผน (Copy)  ตอนที่ 13  (เริ่มการล้างแค้น)คุณ jookie1414

เริ่มโดย สองyu, เมษายน 28, 2016, 09:20:50 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

สองyu

ตอนที่ 13  (เริ่มการล้างแค้น)

กลางดึกคืนหนึ่ง ณ เรือนพักของขุนช้าง ที่เมืองสุพรรณบุรี เมื่อยามย่ำค่ำทุกผู้คนต่างหลับใหลในนิทรารมย์ ด้วยช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาว อากาศหนาวเย็น นอนหลับสบาย โดยเฉพาะเจ้าขุนช้างยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนหัวค่ำกราบมือกราบตีนเมีย ขอยุ่งด้วยเหมือนดังเช่นเคย พอตกดึกก็นอนกรนครอกฟี้ หลับสบายหายห่วง สำหรับนางวันทองนั้น อ่อนเพลียจากการบุกทะลวงของขุนช้างทุกๆ คืน ก็อ่อนเพลีย พอเสร็จเรื่อง ก็นอนหลับไม่รู้เรื่องเช่นกัน สำหรับบ่าวไพร่ที่ทำงานหนักมาทั้งวัน พอตกดึก อากาศเย็นสบาย ก็มุดเข้ามุ้งนอนหลับสบาย

แต่มีอยู่ผู้หนึ่ง ไม่หลับใหลไปกับคนอื่น ในหัวใจคุคั่งไปด้วยไฟแห่งความแค้น เขาเดินทางมาจากที่อันไกลโพ้น เพื่อจะมาล้างแค้นขุนช้างที่ทำกับเขาไว้มาก มันต้องได้รับผลกรรมที่มันก่อไว้ เขาคิดในใจ เมื่อมาถึงยังเรือนของขุนช้าง เขาก็หยุดที่หน้าเรือน บริกรรมคาถา พลางใช้หัวแม่เท้าจิกธรณี เป็นเคล็ดในการตรึงบ้าน เพื่อให้ทุกคนในบ้านหลับสนิทไม่มีใครตื่น ถ้าเขาไม่ต้องการ หลังจากนั้น ก็พยักหน้าให้เงามืดที่เดินมาด้วยกัน เงามืดนั้นมี 2 ร่าง ร่างหนึ่งเป็นเด็กผูกผมจุกหน้าตา น่าเอ็นดู อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ดำทะมึน ...ใช่แล้วครับ เขาคนนี้คือขุนแผนนั่นเอง

ขุนแผนได้เดินทางมาไกลมาหลังจากที่ได้รับของวิเศษครบถ้วนตามต้องการแล้ว เขาก็เดินทางมาจากแดนไกล เพื่อจะมาทำการล้างอาย ล้างแค้น ไอ้ขุนช้าง เพื่อนทรยศ ที่ได้เคยฆ่าเขาทั้งเป็นมาแล้ว สำหรับร่างที่ติดตามเขามาทั้ง 2 ร่างนั้น ร่างหนึ่งก็คือ กุมารทอง เป็นลูกของเขาที่เกิดกับนางบัวคลี่ที่เขาได้ผ่าท้องและนำเอามาทำพิธีกรรมจนเป็นกุมารทอง ส่วนอีกร่างหนึ่งคือ โหงพราย เป็นนายป่าช้าที่เขาได้สู้ชนะ และโหงพรายได้ยอมเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเขา

กุมารทอง และโหงพราย ได้เดินนำหน้าขุนแผนขึ้นไปบนเรือน เล่นเอาผีบ้านผีเรือนนั้นกระเจิดกระเจิง หนีตายออกจากบ้านกันเป็นพัลวัน ด้วยกลัวฤทธิ์เดชของเจ้าสองตัวนี้ ขุนแผนเมื่อเดินขึ้นเรือนแล้ว ก็บอกกับกุมารทองและโหงพรายว่า
""ที่นี้ ให้ข้าจัดการเอง เอ็งทั้ง 2 ไปทำธุระให้กับข้าอย่างหนึ่ง กุมารทองลูกทำหน้าที่บังตาคนอื่น ไม่ให้เข้ามาที่เรือนแห่งนี้ได้ ส่วนโหงพรายเจ้าไปดูแลม้าสีหมอก อย่าให้ไอ้โจรที่ไหนมันมายุ่งได้ ...ไป ไปทำงานกันตามที่สั่งได้แล้ว""

กล่าวพลาง เดินเข้าไปในเรือน เวลาผ่านไปนานมาก จนเรือนของขุนช้าง บัดนี้ได้ทำการต่อเติมขยายออกไปมากมาย จนกระทั่งขุนแผนนั้น ตาลาย เดินหาห้องไม่ถูก เดินมั่วไปมั่วมา จนกระทั่งถึงห้องห้องหนึ่งที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นห้องนอนของขุนช้าง ด้วยความดีใจ ก็รีบร่ายมนตราคลายสะกดกลอนประตู (ถ้ามาปัจจุบันรวยไม่รู้เรื่อง อิอิ) ผลักประตูเข้าไป ก็มองเห็นม่านมุ้งที่กางอยู่ในห้อง ขุนแผน ก็ค่อยเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ในใจนั้นก็นึกทบทวนถึงวิธีการในการแก้แค้นหลากหลายประการ พร้อมทั้งรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอหน้ากับนางวันทองอีกครั้ง สับสนอลหม่านอยู่ในใจของเขา

เมื่อยกสองมือเปิดม่านมุ้งออก ขุนแผนนั้นตกตะลึง ยืนแข็งค้างด้วยความตกใจ ด้วยร่างที่นอนอยู่นั้นหาใช่ ร่างอ้วนพลุ้ยหัวล้านของขุนช้าง หรือร่างงดงามของนางวันทองไม่ ร่างที่นอนอยู่ในม่านมุ้งแห่งนั้น กลับเป็นร่างของหญิงสาวรุ่นกำดัด อายุประมาณ 14 ปี กำลังเริ่มแตกวัยสาว แต่ความงามของนางนั้นเล่า ทำให้หนุ่มผู้เจนโลก และผ่านหญิงงามมามากอย่างขุนแผนนั้นตกตะลึง ผมของนางยาวสลวยดำขลับ นุ่มดุจดั่งแพรวไหม หน้าผากนูนขาวสะอาด ดวงตาที่พริ้มปิดสนิทนั้นเล่าก็ได้รูปงดงาม ขนตายาวงอน จมูกโด่งน้อยๆ เป็นสันพองาม ปากเล็กๆ แดงระเรื่อ ลงมาเรื่อยจนถึง เนินหน้าอกที่เริ่มเป็นกระเปาะน้อยๆ เอวคอดกิ่ว สะโพกที่เริ่มผายนิดๆ พองาม สองเท้าเรียวยาว รวมเรือนร่างของนางช่างงดงามอย่างไร้ที่ติ

เสียงนกแสกที่ร้องดังมาแต่ไกล ปลุกขุนแผนให้ได้สติตื่นจากภวังค์ในความงาม โอ นางเป็นผู้ใดฤา จึงได้งดงามดุจดั่งนางอัปสรสวรรค์ เช่นนี้ ขุนแผนเมื่อได้สติ ก็บริกรรมคาถา เป่าไปยังร่างของนางเพื่อปลุกนางให้ตื่นขึ้นมา เพียงชั่วครู่เดียว ร่างงามดั่งนางอัปสรสวรรค์นั้นก็เริ่มกระดุกกระดิก ม่านแพขนตางอนยาวนั้นก็เริ่มกระพือน้อยๆ นางเริ่มจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อดวงตางามของนางเปิดออก นางก็มองเห็นบรุษหนุ่มรูปงาม ที่นั่งยิ้มอยู่ที่ด้านข้างเตียงนอนของนาง ตามสัญชาตญาณ นางถดกายเข้ามายังอีกด้านหนึ่งของเตียง พลางยกผ้าห่มขึ้นมากอด ดวงตางดงามนั้นส่องประกายประหลาดใจ ปนความโกรธ และความระแวง คละเคล้ากันไป

ขุนแผนเมื่อเห็นนางงามรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็ยิ้มน้อย พลางนึกบริกรรมคาถามหาละลวย พลางเป่าเบาๆ ไปยังร่างของหญิงงามนั้น ร่างของหญิงงามนั้น เริ่มสั่นสะท้านน้อยๆ ภายในดวงใจดวงน้อยๆ ของนางนั้น เริ่มรู้สึกแปลกๆ ความกลัวและความไม่พอใจเริ่มลดน้อยถอยลง ความพึงใจกับความงดงามของบุรุษหนุ่มเบื้องหน้า ก็เริ่มมีมากขึ้น จนนางเองยังรู้สึกประหลาดใจ ด้วยชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนเริ่มเข้าวัยสาวนั้น นางไม่เคยพึงพอใจใครง่ายๆ มาก่อน ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก

""สวัสดีจ๊ะ สาวน้อย เธอเป็นใครหรือจ๊ะ? ทำไมมาอยู่ที่เรือนของขุนช้างเล่าจ๊ะ? เป็นญาติกับขุนช้างหรือเปล่า"?"
สาวน้อยนั้น สะเทิ้นอาย เมื่อถูกถามไถ่จากชายหนุ่ม แต่เมื่อถูกรุมเร้าถามอีกครั้งจากขุนแผน นางจึงได้เอ่ยปากตอบไป
""ฉันชื่อ แก้วกิริยา จ๊ะ ฉันเป็นลูกสาวของพระยาสุโขทัย แต่ท่านพ่อติดหนี้กับขุนช้างเป็นจำนวนเงิน 15 ตำลึงจ๊ะ ท่านพ่อเลยต้องให้ฉันมาขัดดอกกับขุนช้างจ๊ะ ฉันเพิ่งจะมาอยู่ได้วันนี้แหละจ๊ะ""

ขุนแผนนั้น เนื่องด้วยช่วงนี้ห่างจากสตรีเป็นเวลานาน กอปรกับรูปลักษณ์และกิริยามารยาทของแก้วกิริยา ก็งดงามสมกับเป็นลูกพระยา ก็รู้สึกกระสันรัญจวนใจ รีบบริกรรมคาถามหาละลวยอีกคาบหนึ่ง เป่าไปยังกระหม่อมของแก้วกิริยาทันที จนร่างของแก้วกิริยาสั่นสะท้าน เมื่อขุนแผนเห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้นมานั่งตระกองกอดร่างของแก้วกิริยาไว้ในอ้อมกอด แก้วกิริยานั้นหะแรกก็ดิ้นรนขัดขืนเล็กน้อย แล้วก็สะท้านไปทั้งร่างเมื่อถูกขุนแผนประทับจูบ ลิ้นของขุนแผนนั้นแทรกผ่านริมฝีปากบางเบา เข้าไปกระหวัดรัดพันกับลิ้นของแก้วกิริยา สร้างความเคลิบเคลิ้มแก่แก้วกิริยา จนเกิดความง่านและความเสียวซ่านในร่องหีสาวน้อย จนเริ่มหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาปริ่มๆ ที่ปากทาง

ขุนแผนแลกลิ้นกับแก้วกิริยาจนตัวอ่อนระทวย แล้วก็ค่อยๆ วางร่างของแก้วกิริยาลงกับเตียงนอน พลางประทับจูบแผ่วเบาไล่ ตั้งแต่หน้าผาก สองตา ปลายจมูก จนกระทั่งมาถึงริมฝีปากของนาง บดขยี้อย่างรุนแรง ทำให้แก้วกิริยาถึงกับลืมความเป็นกุลสตรี ยกสองแขนขึ้นกอดคอของขุนแผน สองมือนั้นเล่าก็ลูบผมหยักสลวยของขุนแผนไปมา

ขุนแผนเมื่อประทับจูบจนสาแก่ใจแล้ว ก็ค่อยๆ ไล่จูบแผ่วเบามาตามซอกคอ จนถึงเนินอกขาวผ่องของแก้วกิริยา พลางใช้มือค่อยๆ ปลดผ้ารัดอกของนางออก ทรวงอกของสตรีแรกรุ่น เผยออกมาให้ขุนแผนเห็นเป็นกระเปาะน้อยๆ ด้วยเริ่มจะแตกวัยสาว ปลายหัวนมนั้นชี้ชันน่าดูด เห็นเป็นสีชมพูเข้มด้วยมีเลือดไปหล่อเลี้ยงมากมาย สั่นระริกน้อยๆ ตามอารมณ์ของเจ้าของ ขุนแผนเห็นแล้วทนไม่ไหว ก้มลงดูดหัวนมข้างขวาเข้าปาก ดูดดุนด้วยปาก ลูบไล้ด้วยปลายลิ้น สองหูได้ยินเสียงครางแผ่วเบาของเจ้าของนม สองมือนั้นเล่าก็บีบเคล้าแผ่วเบาที่ฐานเต้าอ่อน จากข้างซ้ายย้ายมาข้างขวา

ขุนแผนดูดดุนหัวนมของแก้วกิริยาอย่างมิรู้เบื่อ จมูกนั่นก็สูดดมกลิ่นอายที่ผสมระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ผสมกันจนทำให้ขุนแผนแสนจะคลั่งไคล้ จูบไล่ดะลงมายังหน้าท้องที่แบนราบ จนมาถึงยังสะโพกผายกว้างที่ยามนี้บิดไปมา บ่งบอกถึงเจ้าของสะโพกว่ารู้สึกอย่างไร มือของขุนแผนนั้นสั่นระริกด้วยความรู้สึกเงี่ยนที่รุนแรงจนทำเอาเขาแทบยับยั้งเอาไว้ไม่อยู่ เขาไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ขุนแผนไม่เคยทำรุนแรงกับหญิงคนใดที่ได้สัมผัสกับรสรักของเขา แต่แก้วกิริยากลับทำให้เขานั้นแทบคลุ้มคลั่ง

มือของขุนแผนจับที่ผ้านุ่งของแก้วกิริยากระชากออกอย่างรุนแรง จนร่างของแก้วกิริยานั้นสะท้านตามแรงกระชากของขุนแผน สองเต้าที่ยังชูชันเป็นกระเปาะสะเทือนน้อยๆ ร่างของแก้วกิริยานั้นเปลือยเปล่าขาวโพลน ชวนให้หลงใหลยิ่งนัก ขุนแผนครางเบาๆ ในลำคอ พลางก้มลงดูดดุน ไซร้ไปทั่วร่างงามของแก้วกิริยา สร้างความปั่นป่วนจนแก้วกิริยานั้นบิดร่างขาวโพลนไปมาดุจดั่งร่างของงูขาว ที่ดีดดิ้นไปมาตามพายุอารมณ์ที่ก่อเกิด

ขุนแผนเมื่อเห็นว่าแก้วกิริยานั้นพร้อมแล้ว ก็จ่อควยอาคมช้าๆ ที่ปากช่องทางของแก้วกิริยาที่ยังปิดสนิทอยู่ แต่มีน้ำเงี่ยนใสๆ ไหลออกมาน้อยๆ ปลายหัวควยอาคมแตะยังแคมร่องหีของแก้วกิริยา แล้วค่อยๆ แหวกเข้าไปทีละนิด ในความรู้สึกของขุนแผนนั้น มันช่างเป็นช่องทางที่บีบรัด คับแคบแต่อบอุ่น แถมภายในยังตอดรัดอย่างรุนแรง จนเป็นครั้งแรกที่ขุนแผนนั้นต้องหยุดตัวเองไว้ก่อน ด้วยกลัวที่จะหลั่งออกมาจนทำให้ตนต้องขายหน้า

ขุนแผนจึงก้มหน้าลงดูดดุนไปยังปลายยอดของเต้านมแก้วกิริยาอีกครั้ง ส่วนเต้าอีกข้างนั้นก็ใช้มือลูบไล้ไปมา สองนิ้วก็บีบบี้ปลายติ่งเต้า จนมันแข็งชูชันสู้มืออีกครั้งหนึ่ง แก้วกิริยานั้นเสียวสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเป็นครั้งแรกในวัยสาวที่มีชายหนุ่มมากระทำกับตนดั่งนี้ เมื่อขุนแผนก้มหน้าลงดูดดุนกับปลายยอดทรวงก็แอ่นอกให้ขุนแผนดูดดุนอย่างเต็มที่ สองมือลูบไล้ที่ผมอ่อนสลวยหยักศกของขุนแผนไปมา

เมื่อขุนแผนจ่อควยอาคมเข้ากับร่องหีของตน แก้วกิริยาก็อ้าขาออกเปิดทางสะดวกให้แก่ขุนแผน เมื่อควยอาคมแทรกเข้ามายังร่องหีของนางนั้น ความเจ็บปวดจากการถูกควยทะลวงหีเป็นครั้งแรกนั้น กลับบางเบาไปด้วยอิทธิฤทธิ์ของควยอาคม ยามที่มันเริ่มชำแรกเข้ามา แก้วกิริยารู้สึกเหมือนกับร่องหีจะฉีกออกเป็นสองข้าง แต่ก็เจือปนไปด้วยความเสียวซ่าน นางจึงอ้าขาออกกว้างกว่าเดิม รอรับกามทัณฑ์ด้วยความเต็มใจ

ขุนแผนเมื่อรอจนกระทั่งรู้สึกว่าจะไม่ล่มปากอ่าวแล้ว ก็ค่อยๆ ชักควยอาคมขึ้นมา เห็นควยอาคมนั้นเป็นมันปลาบอาบไปด้วยสายเลือดเส้นเล็กๆ จางๆ จากร่องหีของแก้วกิริยา ซึ่งเป็นการบอกให้รู้ว่าแก้วกิริยานั้นยังเป็นสาวพรหมจารีย์อยู่ เมื่อควยอาคมรูดออกมาช้าๆ ก็ลากเอาแคมหีที่ฟิตแน่นของแก้วกิริยานั้นติดขึ้นมาด้วย แก้วกิริยาก็แอ่นตูดตามควยอาคมด้วยความลืมตัว แล้วขุนแผนก็กระแทกเข้าไปในร่องหีของแก้วกิริยาอย่างสุดแรง
ด้วยความรู้สึกเงี่ยนอย่างที่สุดในชีวิตของเขา เขากระทำกับแก้วกิริยาอย่างป่าเถื่อน เหมือนดังกับนางไม่ใช่คน ตูดกระแทกสุดแรงทุกครั้ง ส่ายควยไปมาอย่างรุนแรงอย่างไม่สนใจว่านางจะเจ็บหรือไม่ ปากนั้นดูดดุน ขบกัดปลายถันของนางอย่างรุนแรง

แต่แก้วกิริยานั้นในตอนแรกก็รู้สึกกลัวและเจ็บปวดกับการกระทำของขุนแผน แต่เมื่อผ่านไปนางกับรู้สึกชอบกับความรุนแรงที่ขุนแผนได้ประเคนให้ ขุนแผนนั้นยามนี้หูอื้อตาลายด้วยความตอดรัดแน่นในร่องหีสาวน้อยที่เขาได้รับ เขากระแทกสุดแรงทุกครั้งเหมือนดังกับต้องการให้ร่องหีที่ตอดรัดควยอาคมของเขานั้นพังทลายไป และแล้วก็มาถึงยังจุดสุดยอดที่มนุษย์ใฝ่ฝันถึง ขุนแผนกระแทกสุดแรงแล้วฉีดน้ำควยพุ่งเข้าร่องหีของแก้วกิริยาอย่างท่วมท้นจนล้นออกมานอกร่องหีเนืองนองไปหมด

แก้วกิริยาเมื่อถูกกระแทกจนเคลิบเคลิ้ม รู้สึกเหมือนดังกับร่างลอยเบาลอยสูงขึ้น สูงขึ้น แล้วในที่สุดก็ตกมาจากที่สูง เสียวซ่านจนถึงจุดสุดยอดเมื่อน้ำควยร้อนลวกของขุนแผนฉีดมากระทบกับมดลูกของนาง สองแขนก็กอดรัดร่างของขุนแผนไว้แน่น สองขากระหวัดรัดตูดของขุนแผนไว้แน่นเหมือนต้องการให้มันชำแรกมาในร่างเดียวกับนาง

เมื่อเสร็จกิจแล้วขุนแผนก็ได้สติ รีบลุกขึ้นมาแต่งกายอย่างรีบร้อน ในใจตนนั้นก็ละอายใจที่ตนเองล่วงเกินเด็กสาวคนนี้อย่างไม่ยั้งคิด แถมยังกระทำทารุณกับนางทั้งที่นางยังเป็นเด็กสาว ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าตนเองไฉนจึงเป็นเช่นนั้น เมื่อเสร็จกิจแก้วกิริยาก็ไม่แสดงอาการอะไร หยิบเสื้อผ้ามาแต่งกายด้วยอาการสงบ ขุนแผนซะอีกบังเกิดความรักและสงสารกับแก้วกิริยาเป็นอย่างยิ่ง จึงนั่งลงตระกองกอดร่างน้อยๆ ไว้แน่น
""น้องแก้ว พี่ชื่อขุนแผน พี่รักน้องมาก แต่การที่พี่ล่วงเกินน้องไป พี่จะรับผิดชอบ พี่จะรักและเลี้ยงดูแก้วกิริยาตลอดไป น้องแก้วมาเป็นเมียของพี่แผนเถิดนะจ๊ะ""

แก้วกิริยานั้นเมื่อได้ฟังคำของขุนแผน ร่างก็เริ่มสั่นระริก แล้วในที่สุดหยาดน้ำใสๆ ก็ไหลรินออกมาจากดวงตาใสงามของนาง ดุจดั่งเป็นเม็ดไข่มุก ขุนแผนเห็นแก้วกิริยาร้องไห้ก็รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ พลางกอดร่างของแก้วกิริยาแน่นด้วยความรักสงสารที่ตื้นตันในหัวอกของเขา ขุนแผนตระกองกอดจนแก้วกิริยาเริ่มง่วงจะหลับ ก็ลุกขึ้นแล้วหยิบเอาห่อเงินออกมา พลางวางไว้บนอกของแก้วกิริยา พลางกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
""น้องแก้วจ๊ะ ห่อนี้เป็นเงิน 45 ชั่ง พี่แผนให้น้องแก้วเอาเงินนี้ไปไถ่ตัวของน้องออกมา แล้วออกไปตั้งตัว รอจนพี่แผนเสร็จธุระแล้ว พี่แผนจะมาหาน้อง"" เมื่อขุนแผนกล่าวเสร็จ ก็บริกรรมคาถาสะกดให้แก้วกิริยานั้นหลับใหลสู่นิทรารมย์อันสุขสมทันที

ขุนแผนออกจากห้องของแก้วกิริยา เดินตามหาห้องนอนของขุนช้าง เมื่อเดินมาจนสุดตัวเรือนก็ไม่พบว่าห้องของขุนช้างอยู่ที่ไหน ขุนแผนรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ด้วยรู้สึกว่าขุนช้างก็คงกลัวว่าตนจะมาล้างแค้นจึงได้ซ่อนห้องนอนของตนเองไว้อย่างลึกลับ เพื่อป้องกันมิให้ขุนแผนมาหาพบ ในที่สุดขุนแผนก็หมดความอดทน ทรุดนั่งลงพนมมือขึ้น บริกรรมคาถาเบาๆ เรียกเหล่าผีบ้านผีเรือนที่กระเจิดกระเจิงมาพบ แล้วถามไถ่จนรู้ว่า ห้องของขุนช้างนั้นมีทางเข้าอยู่ที่ห้องของแก้วกิริยานั่นเอง ด้วยขุนช้างนั้นสร้างเรือนใหม่ โดยให้ห้องทั้งหมดล้อมห้องของตนเองไว้ เพียงเจาะช่องระบายลมที่เพดาน และที่พื้นห้อง จนห้องนั้นเย็นสบาย แต่ทางเข้านั้นกลับมาทางเดียวคือต้องผ่านที่ฝาของห้องนอนแก้วกิริยา

ขุนแผนได้รู้ดังนั้นจึงเดินกลับมายังห้องของแก้วกิริยา เดินเข้ามาที่ฝาข้างที่อยู่หัวเตียงของแก้วกิริยา แล้วยกมือขึ้นโยกที่ห้อยตะเกียงที่แขวนอยู่ ที่แขวนนั้นถูกโยกลงแล้ว ก็มีเสียงแอ๊ดเบาๆ ฝาด้านนั้นเปิดออกน้อยๆ ขุนแผนจึงเดินมายังฝานั้นเปิดออกแล้วเดินเข้าไปภายในฝานั้น เป็นช่องทางที่มืดสนิท เมื่อขุนแผนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในช่องทางนั้น ข้างๆ หูก็ได้ยินเสียงของกุมารทอง
""อย่าเพิ่งก้าวเข้าไปจ๊ะพ่อ มันเป็นกับดัก หนูสอบถามจากไอ้พวกผีบ้านผีเรือนแล้วจ๊ะ พวกมันบอกว่าพ่อจะต้องใช้ดาบแทงเข้าไปที่ช่องทางด้านซ้ายมือจ๊ะ แล้วกับดักจะไม่ทำงานจ๊ะ""

ขุนแผนได้ฟังดังนั้น ก็ชักดาบฟ้าฟื้นออกจากฝัก เสียงดังครืนครั่นของฟ้าร้องดังมาแต่ไกลยามเมื่อดาบฟ้าฟื้นพ้นจากฝัก ก็ส่องประกายสีเขียวเรืองรอง จนใบหน้าของขุนแผนนั้นกลายเป็นสีเขียว แสงจากดาบนั้นส่องให้เห็นร่องเล็กที่ฝาด้านซ้ายมือของเขา ขุนแผนจึงเสียบดาบเข้าไป มีเสียงดังฉับ แล้วขุนแผนก็ก้าวเดินเข้าไปตามทางนั้น ก็เห็นมีที่วางตะเกียงเปล่าอยู่อันหนึ่ง นอกนั้นไม่มีอะไร ก็ได้ยินเสียงข้างหูขึ้นอีก
""พ่อต้องหมุนคันโยกมาทางขวา 3 รอบ มาทางซ้ายอีกรอบหนึ่ง จากนั้นก็ดันคันโยกขึ้นจนสุด ฝาถึงจะเปิดได้จ๊ะพ่อ""
ขุนแผนก็ทำตามคำแนะนำของกุมารทอง และแล้ว ฝาด้านหน้าของเขาก็เผยออก ขุนแผนก็เดินเข้าไปในห้องนั้นทันที