ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

LoSo ตอนที่ ๑ จุดเปลี่ยน (แนวเกมออนไลน์เรื่องแรก)

เริ่มโดย นีโอ, พฤษภาคม 02, 2016, 06:13:33 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ

ห่างหายไปนาน ขอนำผลงานใหม่ๆสดๆมาลง
เป็นผลงานแนวเกมออนไลน์เรื่องแรก ประสิทธิประสาทวิชาโดยท่าน Assasin008
อาจจะไม่ดีเลิศเท่า แต่ก็พยายามที่สุด ช่วยอุดหนุนแนะนำติชมมือใหม่คนนี้ด้วยนะครับ
ถ้าผลตอบรับดี ก็จะมีตอนต่อไปมาอย่างแน่นอน





Legend Of Survivors Online.

ตอนที่ ๑ : จุดเปลี่ยน


---------------------------------

ในอนาคตอีกไม่ไกลจากนี้

'เสก' ยืนหลบอยู่ในมุมมืดของซอกตึกฝั่งตรงข้าม เขามองดูชายร่างสันทัดผิวขาว สวมแว่นสายตาหนา รูปร่างน่าจะท้วมอ้วนลงพุงพอประมาณ เขากำลังเดินออกจากร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ครบวงจรขนาดใหญ่ จะเรียกว่าศูนย์ของคอมพิวเตอร์ยี่ห้อนั้นก็ไม่ผิด เพราะมันใหญ่โตมโหฬารกว้างขวางสูงตระหง่านเทียมฟ้าสีหม่นๆมีชั้นจำหน่ายสินค้าหลายสิบชั้น มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ต่างๆไว้บริการให้เลือกชื้อทุกชิ้นส่วน ด้วยสนมราคาและรสนิยมจึงเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับชนชั้นกรรมกร หรือจะเรียกให้ถูกก็คือชนชั้นล่างหาเช้ากินค่ำไม่สามารถเหยียบย่างเข้าไปได้ เนื่องจากราคาของอุปกรณ์ต่างแพงระยับ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ราคาขั้นต่ำบางชิ้นสามารถชื้ออาหารประทังชีวิตได้เป็นเดือนหรืออาจจะเป็นปี ก็ไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่เกินจริง

สำหรับชายหนุ่มที่ยืนมองชายผิวขาวสวมแว่นก้าวออกจากอาคารหรูหรา มันสร้างความรู้สึกสะท้อนใจในความเลื่อมล้ำของสังคม เขาไม่กล้าปรากฏตัวออกจากเงามืดไปทักทายเมื่อเห็นบรรดาผู้เข้าใช้บริการล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดี ครั้งหนึ่งเขาเคยไปด้อมๆมองๆหน้าร้านผ่านตู้กระจก เพียงแค่พนักงานหน้าร้านเห็นสารรูปของเขาก็ปรี่ออกมาไล่ให้ออกห่างจากหน้าร้านเพราะสถานภาพของเขาไม่เหมาะสมกับสินค้าในร้าน
 
ในวันนั้นเขาถูกพนักงานของร้านใช้วาจาขับไล่ดูแครนเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและจิตใจอย่างหยาบคาย  แต่สำหรับเขาแล้วก็รู้สึกเฉยๆและชินชาเพราะในชีวิตก็ถูกเย้ยหยันมาตลอดทั้งจากชนชั้นสูงหรือระดับเดียว ดังนั้น   การจะปรากฏตัวที่ไหนเพื่อทำอะไรสักอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหนหรือต่ำศักดิณากว่าอย่างไร ชายหนุ่มก็จำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อไม่ต้องให้ไปถูกเขาหยามหยันหรือขับไล่ให้เกิดความอับอายอีก

'Legend Of Survivors Online.'

"ตำนานของผู้เหลือรอดออนไลน์ แปลเป็นไทยเท่ๆ ตำนานนักรบคนสุดท้ายออนไลน์ หรือเรียกสั้นๆว่า Loso"

'เสก' ยืนอ่านป้ายขนาดใหญ่ที่ขึ้นเต็มจอจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่เต็มเนื้อที่หน้าอาคารตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป ด้วยเทคโนโลยี่ด้านภาพสามมิติอันสมจริงฉายภาพ Trailer หรือตัวอย่างของเกมออนไลน์บนจอ ภาพกราฟฟิกอันสวยงามเสมือนจริงที่เห็นไม่ได้มีความแตกต่างจากภาพธรรมชาติแต่อย่างไร และสิ่งมหัศจรรย์นี้มันเกิดจากการรังสรรค์ด้วยเทคโนโลยี่ชั้นสูงของมนุษย์ที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งด้วยความกระหายที่ต้องการจะควบคุมธรรมชาติให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของมนุษย์ให้จงได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ภาพทิวทัศน์ของป่าไม้เขียวชอุ่ม ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสใต้ดวงอาทิตย์เจิดจ้า มันไม่มีให้เห็นในยุคปัจจุบันที่โลกเข้าสู่ยุคดิจิตอลเต็มรูปแบบ เทือกเขาทอดยาวเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง สกุณาบินถลาบนฟากฟ้า สัตว์ป่าหากินเริงร่ากู่ร้องก้องไพร ภาพที่มนุษย์ยุคนี้โหยหาแต่เท่าที่ชายหนุ่มได้ยินได้ฟังมา บางคนบอกว่ามันเป็นความงมงายบ้าง หรือไม่ก็เป็นความตื้นเขินทางสติปัญญาบ้าง และที่หนักกว่านั้นก็บอกว่ามันเป็นความโง่เขลาของคนที่เรียกหาแต่ภาพอดีตไม่สนใจความเป็นจริงในโลกปัจจุบันและคิดพัฒนาในยุคสมัยที่ตัวเองดำรงชีวิตอยู่

'จะว่ายังไง ก็เอาที่สบายใจเถอะนะ' เสกเอ่ยกับตัวเอง เนื่องจากไม่อยากจะใช้ความคิดหมกมุ่นถึงเรื่องเหล่านี้มากนัก  เพราะไม่เช่นนั้น มันก็เป็นการตบหน้าตัวเองด้วยนั่นเอง ในเมื่อเขาก็เป็นมนุษย์ที่โหยหาภาพในอดีตคนหนึ่ง

ภาพของธรรมชาติเขียวขจีหายไปกลายเป็นหมู่บ้านและปราสาทราชวังหลังใหญ่ มีภาพกองทัพของเหล่านักรบที่แต่งกายด้วยชุดเกราะคล้ายอัศวินสุดอลังการในยุคกลางของยุโรป จากนั้นก็ปรากฏเป็นภาพของสงครามที่กองทัพต่างๆเข้าประหัตประหารกันอย่างดุเดือดด้วยสรรพอาวุธประดามีและพลังแสงต่างๆ ภาพ แสง สี เสียง ช่างถูกสร้างมาให้เสมือนจริงแสนจะตื่นตาตื่นใจ ทุกบริษัทที่ให้บริการเกมออนไลน์ ต่างแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ต่างทุ่มเทงบประมาณและใช้บุคลากรอันเป็นเลิศสร้างสรรค์มาเพื่อดึงดูดลูกค้าและแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดเกมออนไลน์ในโลกเสมือนจริงที่นับวันจะมีมูลค่าสูงขึ้นให้มาใช้บริการ



เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากจนถึงมีนวัตกรรมใหม่ โลกเสมือนจริงที่จำลองภาพจินตนาการต่างๆ ถูกนำมาใช้ในวงการเกมออนไลน์ ผู้คนมากมายหลายล้านคนเริ่มหันมาให้ความสนใจและหลงใหลในการมีตัวตนในโลกที่สมบูรณ์แบบในโลกเสมือนจริงในเกม และได้รับความนิยมกลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างสูงในโลกและเมืองที่รุ่งเรืองด้วยเทคโนโลยี่ บริษัทที่ให้บริการต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือด และบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดซึ่งมีสาขาใหญ่ในประเทศไทยสถิตอยู่ในอาคารหรูข้างหน้านี้ และก็กำลังจะออกเกมตัวใหม่ที่ฉายภาพตัวอย่างให้เขาดูอยู่ตรงหน้า ซึ่งถูกทุ่มงบโหมโปรโมทโฆษณาออกสื่อทุกสื่อถี่ยิบด้วยความคาดหมายว่าจะได้รับความนิยมและมีคนสมัครเข้าเล่นหลายล้านคนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

'เฮ้อ...เลิกฝันถึงกิเลสตัวนี้เถอะวะ มันก็แค่ของเล่นคนรวยเท่านั้น คนจนๆอย่างเราหมดสิทธิ์!' เสกเอ่ยบอกกับตัวเองอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และมองภาพชายผิวขาวที่เดินยิ้มอย่างอารมณ์ออกออกจากอาคารโดยมีพนักงานสาม – สี่ คนเดินติดตามมาส่งถึงรถยนต์ด้วยท่าทางพินอบพิเทา

'โลกของคนจนและคนรวย มันแตกต่างกันสุดขั้วจริงๆ มีเงินสามารถบัลดานได้ทุกอย่าง เทียบกับเราแล้ว ราวกับอยู่คนละโลกเลยนะ ฮึๆๆ' เสียงหัวเราะตบท้ายราวจะเย้ยหยันตัวเอง

'เสก' ยืนมองชายผิวขาวขึ้นรถยนต์แบบพับล้อเป็นยานบินได้ขับออกไป แม้ในสายตาจะเหมือนเป็นคนรู้จักมักคุ้น แต่เอาเข้าจริงๆเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับชายหนุ่มคนนั้นเท่าไหร่  เพียงแต่เคยทักทายพูดคุยกันบ้างเท่านั้น ในเวลามานั่งร้านกาแฟที่หัวมุมถนน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโฮมแคปซูลที่เขาพักอาศัยอยู่เท่าไหร่นัก  และเนื่องจากแหล่งซุกหัวนอนของเสกอยู่ซอยเดียวกับที่พักของเขา  เวลาที่ต้องเดินออกมาถนนใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า 'นิว สีลม โรด' ( New Silom Road) แล้วแวะเข้าร้านกาแฟที่หัวมุมถนน มิตรภาพที่ไม่ลึกซึ้งระหว่างเขากับชายหนุ่มผิวขาว ร่างท้วม ตัดผมสั้นเกรียน สวมแว่นตาหนาคนนั้นจึงเกิดขึ้นในบางครั้งบางคราวแต่ก็แนบแน่นยาวนาน

หนุ่มคนนั้นชื่อ 'กฤช'เหตุที่เสกรู้จักชื่อของเขาก็เพราะเคยได้ยินคนขายกาแฟเรียกชื่อของเขาอยู่บ่อยครั้ง  ในเวลาที่ชายหนุ่มเข้าไปนั่งสั่งกาแฟดื่มในร้าน  แรกๆเขากับชายผิวขาวใส่แว่นก็ไม่ได้ทักทายอะไรกัน  และเสกเองก็ไม่ค่อยจะชอบรูปร่างหน้าตาท่าทางของเขาด้วยซ้ำ  โดยเฉพาะท่าทางการเดินขย่มไหล่ และเคี้ยวหมากฝรั่งดังจั๊บๆไม่หยุดปากของเขานั้น ดูแล้วเหมือนคนยโสโอหังถือว่าตัวเองเจ๋งและทรงภูมิเหนือกว่าใครๆ มันเป็นภาพที่น่าหมั่นไส้และกวนอวัยวะเบื้องล่างโดยไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยวาจาจาบจ้วงหยาบคายออกมาด่าใครๆเลยจริงๆ

"เฮ้...มาสเตอร์  วัน คอฟฟี่ พรีส...."

ชายหนุ่มจำลีลาการสั่งกาแฟของหนุ่มผิวขาวสวมแว่นตาหนาร่างอ้วนได้ดี  ทุกครั้งเขาจะผลักบานกระจกประตูหน้าร้านเข้ามาแล้วก่อนที่จะเลือกโต๊ะนั่ง เขาจะยกนิ้วชี้ขึ้นเหนือหัว แล้วจะพูดประโยคนั้นเสียงดัง โดยไม่จำเป็นบอกชนิดของกาแฟแต่อย่างใดเลย คล้ายกับจะเป็นแสดงหรือโอ้อวดให้ใครต่อใครรู้ว่า เขาเป็นลูกค้าขาประจำตัวจริงที่เจ้าของร้านต้องบริการให้ดี  และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเมื่อเขาเข้ามาปรากฏตัวในร้านทีไร  เจ้าของร้านก็ต้องรีบเข้ามาบริการและเขาก็พูดคุยหรือไม่ก็กระเซ้าเย้าแหย่กับเจ้าของร้านและคนชงกาแฟราวกับเป็นเพื่อนสนิทมานานหลายสิบปี

หลังจากการปรากฏของชายหนุ่มผิวขาว ร่างอ้วน สวมแว่นตาหนาๆ แรกๆเสกก็ไม่ได้สนใจคิดจะพูดคุยอะไรกับเขา  จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนมาใช้บริการแน่นร้าน และเขาจำเป็นต้องมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับเสกเพราะไม่มีที่ว่าง มิตรภาพระหว่างเสกกับชายผิวขาว ร่างอ้วน สวมแว่นตาหนาจึงเริ่มต้นขึ้น เขาเริ่มชวนคุยตามประสาคนร่วมโต๊ะ และเมื่อถูกชวนพูดคุยด้วย เสกจำเป็นต้องคุยด้วยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เวลาเสกแวะเข้าไปนั่งจิบกาแฟร้านนั้น  ถ้าเผอิญเขาอยู่ในร้าน  ก็จะรี่มานั่งคุยด้วยทุกครั้ง เหตุที่ชายคนนั้นชอบจะคุยกับเสกก็คงเพราะเสกมักจะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด และสามารถทนรับฟังการพูดจนเรียกว่าจะเป็นพล่ามของชายผิวขาวสวมแว่นหนาคนนี้ได้นานกว่าใครๆในร้าน จนกระทั่งเกิดความสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง

'กฤช'เป็นคนที่มีเชื้อชาติพันธุ์ผสมกันระหว่างญี่ปุ่นกับไทย  เท่าที่เขาเผยประวัติให้เสกล่วงรู้มานั้น พ่อของเขาเป็นชาวญี่ปุ่น  เข้ามาทำงานเป็นวิศวกรโรงงานในโรงงานแห่งหนึ่งที่เมืองอุตสาหกรรมตะวันออก ส่วนแม่เป็นสาวที่ทำงานในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งบนถนน นิว สีลม โรด ทั้งสองโคจรมาพบกันด้วยบุพเพนำพาต่างต้องตาถูกใจในรูปร่างและอัธยาศัยจึงก่อให้เกิดความรักอันเบ่งบาน  ฝ่ายชายจึงตัดสินใจบอกรักและขอแต่งงานเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันนับตั้งแต่นั้นมา

หลังจากนั้นก็บังเกิดพยานรักสองชาติพันธุ์มาเป็นเขา เรื่องราวชีวิตของทั้งสองไม่ได้เป็นโศกนาฏกรรมเหมือนนิยายหรือละครยอดนิยมในอดีตที่นายทหารญี่ปุ่นต้องพลัดพรากจากคนรักสาวชาวไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ด้วยความตาย ต่างหวานชื่นครองรักอย่างเป็นสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น กฤช เติบโตและร่ำเรียนจบด้านวิศวกรคอมพิวเตอร์ด้านออกแบบจากประเทศญี่ปุ่น และมาทำงานพัฒนาซอฟแวร์และคอมพิวเตอร์ให้บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองไทย ด้วยฝีมือและมันสมองของเขา จึงได้รับผลตอบแทนสูงจนฐานะของเขาเข้าขั้นมั่งคั่งเรียกว่าร่ำรวย ด้านความรู้ความสามารถของเขาเลื่องลือจนบริษัทคอมพิวเตอร์หลายแห่งถึงกับประมูลค่าจ้างแย่งตัวกันทีเดียว

ด้วยความที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยๆ( ๒๐ ต้นๆ) และมีเงินเดือนมูลค่าสูงมาจับจ่ายใช้สอยไม่ขาดมือ เขาจึงใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นไปในทางเสื่อมเสีย ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้มีเพื่อนมากมาย เพราะเวลาส่วนใหญ่ของเขาจะหมดไปกับโลกโซเซี่ยลฯ การท่องไปในโลกอินเตอร์เน็ต และเกมออนไลน์ซึ่งมีค่าบริการสูงและเป็นที่นิยมของชนชั้นสูงและระดับกลางที่พอจะดิ้นรนหามาสนองความต้องการของตัวเองได้

การใช้ชีวิตเช่นนี้ก็เพื่อผ่อนคลายเรียนรู้ ก่อนที่เขาจะไปรับตำแหน่งประธานบริหารบริษัทคอมพิวเตอร์ที่มีส่วนแบ่งการตลาด ๖๕ % อันเป็นบริษัทของตระกูลเขาเอง ยิ่งฟัง กฤช เล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟัง เสกก็รู้สึกว่าตัวเองช่างต่ำต้อยน้อยค่าลงไปอีกอักโข และได้นั่งฟังกฤชเล่าถึงเทคโนโลยี่ต่างๆที่เขาแทบไม่กระดิก สถานที่ต่างๆที่เขาท่องเที่ยวไปโดยบางแห่งเขาแทบจะไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ โลกของกฤชนั้นแสนกว้างใหญ่ แต่โลกของเสก กลับเล็กและคับแคบเหลือเกิน

มิตรภาพที่บังเอิญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่าง กฤช และ เสกเกิดขึ้นบนโต๊ะกาแฟ...ไม่ใช่มิตรภาพพิเศษ หรือลึกซึ้งอะไร เพราะเสกเองก็แค่คนงานธรรมดาๆที่แวะเข้ามานั่งจิบกาแฟในบ่ายวันหนึ่ง แล้วบังเอิญมาเจอะเจอกับเขาเท่านั้น

'คนงานธรรมดา!'

.

.

!

" ไอ้เวรเอ้ย !!! "

เมื่อเอ่ยถึงประโยคนี้ทีไร เสกรู้สึกตะขิดตะขวงสะท้อนใจและจุกอยู่ในลำคอเสมอๆ บางครั้งยังกระดากปากละอายใจอีกด้วย เวลาจะพูดบอกใครๆที่ถามว่าทำอาชีพอะไร และเมื่อจะบอกไปอย่างนั้นมันก็คล้ายๆเขากำลังโกหกตัวเองและคนอื่นๆอย่างหน้าด้านๆ

เนื่องจากประโยคที่บอกใครๆว่า 'คนงานธรรมดา'นั้น มันดูดีเกินความเป็นจริง และฟังดูหรูกว่าสภาพที่เขากำลังเป็นอยู่ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือคนงานค่าแรงราคาถูก และต้องอยู่ภายใต้การดูแลช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง โดยไม่ต่างจากคนป่วยไข้ซ้ำซาก ที่ต้องได้รับการเยียวยาจากสารพัดบัตรและโปรฯต่างๆทั้งปีทั้งชาติไม่เท่าไหร่นัก

แต่ถึงอย่างไร โลกยุคใหม่ก็ไม่ได้ลงมือทำร้ายคนระดับเดียวกับเสกอย่างโหดร้ายจนเกินไป เพราะอย่างน้อยๆเขาก็ยังพอมีที่ซุกหัวนอน แม้ว่ามันจะเป็นเพียง 'โฮม แค็ปซูล' ( House capsules ) เก่าๆโกโรโกโสจัดสรรพื้นที่แคบๆประมาณ ๓ X ๔ เมตร เป็นที่พำนักจากรัฐบาลกลางจัดหามาให้เป็นสวัสดิการ เช่นเดียวกับการงานที่เขาทำเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง  ถือว่าเป็นงานชั้นต่ำ ไม่ต้องใช้ฝีมือและความรู้ที่สูงส่งอะไรก็สามารถทำได้ถ้าไม่พิกลพิการแขนขาขาดหรือสติปัญญาไม่สมประกอบ แม้มันจะเป็นงานที่เรียกว่าต้อยต่ำที่สุดในประเทศนี้ และชวนให้รู้สึกอับอายอยากบอกให้ใครๆรู้  แต่ทุกครั้งเมื่อเขาไปยืนรอคิวเพื่อกดเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติของรัฐบาลกลาง มันก็สามารถจะทำให้ท้องของเขาหายหิว และเปิดแย้มโลกที่รื่นรมย์ให้เขาได้พอชื่นชมแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขอันน้อยนิดมาได้บ้าง

หน้าที่การงานของเสกนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาไม่อยากจะเปิดเผยให้ใครได้รู้  และเวลาใครก็ตามถามไถ่ถึงเรื่องนี้ เขาจะรู้สึกไม่สบายใจ หากเลี่ยงได้ก็จะไม่เอ่ยถึง หากถูกซักมากๆก็จะเดินหนีทันที

แต่แล้วในวันหนึ่งเมื่อเขาเข้าไปนั่งในร้านกาแฟ กฤชที่นั่งอยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นเขามานั่งก็ยกแก้วกาแฟถือวิสาสะมานั่งร่วมโต๊ะอย่างคุ้นเคยโดยไม่ต้องชวน จากนั้นเขาก็จะพล่ามเรื่องต่างๆโดยมีเสกเป็นผู้รับฟังที่ดีเหมือนทุกครั้ง

"เอ...รู้จักกันมาตั้งนาน ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณเสกทำงานอะไร" และแล้วประโยคบาดใจสำหรับเสกก็ถูกเพื่อนคนนี้เอ่ยถามขึ้นมา

ท่าทางขณะเอ่ยถามของเขาแสนจะยียวน เมื่อพิงไปกับพนักเก้าอี้แล้วยกเท้านั่งท่าไขว้ห้าง วันนั้นเขาใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ สวมกางเกงยีนต์ สะพายกระเป๋า ผมสั้นเกรียนหยิกน้อยๆ สวมแว่นหนาๆ ท่าทางของเขาช่างเหมือนตัวการ์ตูนโอตาคุผู้หมกมุ่นกับเรื่องเฉพาะทางอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จริงๆ

' ! '

เมื่อได้ฟังคำถาม เสกยังไม่ตอบคำถามของเขา เพียงแต่ยิ้มอย่างขวยเขินและยกกาแฟขึ้นจิบ ส่วนในหัวสมองก็พยายามคิดจะแต่งเรื่องโกหกสักเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของตนเอง เพื่อจะได้บอกให้เขารับรู้แทนเรื่องจริงๆ  แต่ระหว่างนั้นก็เกิดความรู้สึกละอายใจหากจะหลอกลวงคนอื่นๆถึงสถานะของตนในสังคม ในที่สุดก็จำต้องตอบไปตามความจริง

"เอ่อ..คือว่างานของผม มันก็เป็นงานทั่วๆไป ง่า...ไม่น่าสนใจหรอกครับ" เสกพยายามตอบเลี่ยงๆ และรู้สึกต้อยต่ำไม่น้อย ที่จะบอกถึงหน้าที่การงานที่เทียบไม่ได้กับผู้สนทนาตรงหน้า "ผมว่าคุณกฤชอย่ามาสนใจเลย แต่คุณสบายใจได้ว่าผมทำงานสุจริตไม่ผิดกฏหมายแต่อย่างใด"

"หื้อ...แล้วคุณทำงานอะไรกันหล่ะ ?!"

"งานที่ผมทำนี้ไม่ได้โก้หรูอะไรหรอกครับ คุณกฤชรู้แล้ว อาจจะรังเกียจ จนพาลเลิกคบกับผมก็ได้"

"พูดอย่างนี้...ผมยิ่งสนใจใหญ่ บอกมาเถอะน่า สำหรับผมจะหน้าที่ใหญ่โตเป็นผู้นำประเทศ หรือกรรมกรหาเช้ากินค่ำ ผมก็ถือว่ามนุษย์เรามีความสำคัญเท่าเทียมกันทั้งนั้นแหละ ฮ่าๆๆ" กฤช พูดแล้วหัวเราะเสียงดังจนบรรดาคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียวกัน ยิ่งทำให้เสกรู้สึกกดดันและรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่จะเอ่ยปากบอกถึงอาชีพของตน สายตาคนรอบๆข้างที่มองมายังเขาก็เหมือนจะสนใจใคร่รู้เช่นกัน เขาจึงรู้สึกอายเหลือเกินที่จะบอกเล่าถึงเรื่องอาชีพการงาน

"งานทุกอย่างมีคุณค่าในตัวเอง" กฤชยื่นใบหน้ากลมๆสวมแว่นตาหนามาใกล้ๆ "ดูอย่างผมสิ...ผมไม่เคยปิดบังใครเลยว่าทำงานอะไร จริงอยู่ถึงแม้ว่าผมจะเป็นผู้คิดค้นพัฒนาระบบเทคโนโลยี่ และกำลังถูกต่อต้านเหยียดหยามจากพวกหัวเก่านักอนุรักษ์ที่เทิดทูนวิถีชีวิตแบบเก่า พวกเขากล่าวหาว่าผมกำลังทำลายอนาคตของมนุษยชาติ มอมเมาด้วยความสะดวกสบาย แต่ผมก็ไม่เคยก้มหัวหรือยอมพ่ายแพ้ให้กับความคิดเหล่านั้นหรอก ตรงกันข้าม ผมกลับท้าทายอย่างทระนงด้วยซ้ำ...และผมก็ไม่ได้สนใจหรอกว่า ไอ้เทคโนโลยี่ของผมจะทำลายโลกไปขนาดไหน เพราะว่าความเจริญของสังคมในระบบปัจจุบันย่อมต้องแลกมาด้วยความเสื่อมสลายของระบบเก่าๆ ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะไม่รู้จักปรับตัว มนุษย์ที่ไม่รู้จักปรับตัวก็สมควรสูญพันธุ์ตามไดโนเสาร์"

ระหว่างที่กฤชเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางขึงขังจริงจัง เสกจับจ้องมองกิริยาอาการของเขาอย่างชื่นชม  ระหว่างนั้นเขาก็เค้นเสียงพูดผ่านริมฝีปากมาเน้นๆ "มนุษย์เราไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากมายหรอกนะครับ แต่มนุษย์เรามีความฝันมีความทะเยอทะยาน และปรารถนาจะไปให้ถึงที่จินตนาการไว้ ผมและคุณหรือใครๆก็เหมือนๆกันทั้งนั้น คือคนที่ผ่านทางมา เมื่อถึงเวลาก็ต้องจากไปเหมือนๆกัน แต่ก่อนจะจากโลกนี้ไป เราจะทิ้งสิ่งใดไว้ให้โลกนี้จดจำ วันนี้เราอาจจะดูอ่อนด้อยน้อยค่า แต่ถ้าเราหาจุดเปลี่ยนในชีวิตเจอ เมื่อนั้นชีวิตของเราจะพบแสงสว่าง"

เสกนั่งอมยิ้มนั่งฟังที่กฤชพูดแล้วก็อดที่จะชื่นชมในความผยองของเขาไม่ได้ เพราะนอกจากมันจะเป็นเหตุผลที่ดีแล้ว ยังทลายกำแพงแห่งความเขินอายที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาจนพังครืนอีกด้วย และในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง  เสกก็ตัดสินใจเงยหน้าสบตาและเอ่ยบอกถึงอาชีพที่เขาทำหาเลี้ยงชีวิตของตนเองอยู่

"ผมทำงานเป็นกรรมกรคัดแยกขยะเครื่องใช้อิเลคโทรนิคและหุ่นยนต์ของรัฐบาล โรงงานตั้งอยู่ท้ายซอยที่โซนเอฟของถนนนิวสีลมโรดนี่แหล่ะครับ"

คำพูดของเสกเอ่ยบอกอย่างไม่ลังเลหรือมีความรู้สึกที่เขินอายใดๆ

สถานที่พักอาศัยของเสก ถูกเรียกว่า 'โฮมแค็ปซูล' ( House capsules ) เป็นของเก่าแก่โบรานมาตั้งแต่เริ่มถูกนำมาใช้ใหม่ๆสภาพเหมือนกล่องเหล็กที่ขึ้นสนิมผุๆ  แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังพอเป็นที่ซุกหัวนอนสำหรับคนงานค่าแรงต่ำอย่างเสกและคนงานคนอื่นๆได้ และก็ยังดีกว่าคนจรจัดที่นอนเกลื่อนอยู่ตามสถานีรถไฟลอยฟ้าด้วยซ้ำ

ชุมชนโฮลแค็ปซูลที่เสกอยู่อาศัย จัดเป็นชุมชนแออัด และเป็นสิ่งของเหลือใช้ที่รัฐบาลกลางจัดสรรมาให้ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่คนใช้แรงงานที่ทำงานให้กับรัฐ ข่าวว่าชื้อของมือสองมาจากต่างประเทศ พลิกดูราคาจัดชื้อรวมทั้งค่าขนย้ายแทบจะไม่ต่างจากชื้อใหม่ ได้ข่าวว่ารัฐมนตรีที่ดำเนินเรื่องร่ำรวยอื้อซ่าทีเดียว  แต่กระนั้นก็ไม่มีใครมาตรวจสอบหรือมีผู้อยู่อาศัยร้องเรียน เนื่องจาก คนที่อยู่อาศัยต่างก็เป็นคนงานที่มีโอกาสทางสังคมน้อยทั้งสิ้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก นั่นคือเป็นแรงงานราคาถูกความรู้น้อย วันๆต้องขลุกอยู่กับพวกกองขยะเทคโนโลยีสารพัด  และต้องทำงานเลี้ยงชีวิตให้ผ่านพ้นไปเพียงวันๆหนึ่งเท่านั้น

หน้าห้องพักของเสกในโฮมแค็ปซูลนั้นมีแต่คราบสนิม จนแทบไม่หลงเหลือสีดั้งเดิมให้ได้เห็น  บางแห่งยังถูกสนิมกัดเป็นรอยโหว่แทบจะมองทะลุเข้าไปข้างในได้ เหมือนกับเครื่องสำหรับเสียบคีย์การ์ด ซึ่งสนิมจับเขรอะและไม่สามารถจะใช้งานได้ ส่วนภายในนั้น...สภาพไม่ต่างจากรังหนูเท่าไหร่นัก ผนังหลุดลอกเป็นรูโหว่ต้องหาภาพมาปิดเอาไว้ให้ดูดี แต่ถึงอย่างไรเสกก็พอจะฝากชีวิตเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้ได้ เนื่องจากอยู่ตัวคนเดียว  ไม่ต้องแบกภาระเรื่องครอบครัวเนื่องจากเขายังโสด ภาระนอกจากดูแลตัวเอง เขาเจียดเงินอันน้อยนิดส่งไปให้แม่ที่บ้านนอกซึ่งต้องดูแลน้องสาวที่กำลังเรียนอยู่

เมื่อมองสภาพที่อยู่อาศัยและสถานภาพทางสังคมของเสกและกฤช มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน กฤช เกิดมาท่ามกลางความรักอันอบอุ่นของพ่อแม่และสถานะที่ดีในสังคมระดับไฮโซไซตี้ เติบโตมาท่ามกลางสังคมซุปเปอร์ดิจิทัลที่กลายเป็นอารยธรรมใหม่ที่รุ่งเรือง วิถีการดำรงชีวิตของเขาก็แสนสบาย ๆ และอยู่ในวงล้อมของเครื่องอิเลคโทรนิคที่ก้าวล้ำนำยุคสารพัดชนิด ไม่ว่าจะกินจะนอน หรือจะทำอะไรก็เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสกับปุ่มหรือป้อนรหัสเท่านั้น บรรดาเจ้าเครื่องอิเลกโทรนิกต่างๆก็จะยอมเป็นทาสรับใช้ทันทีโดยที่มันจะไม่มีวันปริปากบ่นหรือหลบเลี่ยงได้ ยกเว้นเครื่องภายในของมันจะชำรุดจนไม่สามารถจะป้อนโปรแกรมสั่งการใช้งานได้นั่นแหละ  มันจึงจะกลายเป็นเศษขยะที่ไร้ค่าและถูกส่งมาให้เขาจัดการแยกชิ้นส่วนเพื่อนำไปรีไซเคิ่ล

วิถีชีวิตของเสกเป็นเหมือนส่วนเกินของสังคมในยุคสมัยใหม่และกลายเป็นภาระของรัฐบาลกลาง จึงได้รับการดูแลแบบตามมีตามเกิดด้วยเศษเงินจากงบประมาณที่จำกัด แม้ว่าชีวิตจะไม่สุขสบายเหมือนกับชนชั้นกลางและชั้นสูง อีกทั้งยังต้องจมปลักอยู่กับขยะหุ่นยนต์และเศษเครื่องอิเลกโทรนิกที่กองเป็นพะเนิน แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอมีความรื่นรมย์บางอย่างในชีวิตเหลืออยู่บ้าง ไม่ถึงกับเหือดแห้งหรือหมดความบันเทิงใดๆไปจากชีวิตเสียทีเดียว ยามใดที่มีเงินเดือนเหลือน้อยนิด ก็จะนำมันมาใช้สร้างความบันเทิงให้ชีวิตมีแรงดิ้นรนทนอยู่ในสังคมยุคนี้ต่อไป

ในโลกยุคนั้นมีนอกจากโรงภาพยนตร์ก็มีความบันเทิงประเภทเกมออนไลน์เสมือนเปิดร้านไว้บริการ คุณภาพและสนนราคาก็ตามฐานะของผู้มาใช้บริการ เสกเลือกใช้บริการที่ร้านกลางซอย ซึ่งราคาถูกและพอช่วยผ่อนคลายให้เขาหลีกหนีจากโลกแห่งความจริงได้บ้าง แต่เครื่องก็เป็นแบบเก่าๆหรือสเป๊คถูกๆ เป็นรูปไข่ครึ่งใบให้เข้าไปนั่งเอนกายบนเบาะใส่หมวกและกล้องที่ตา  มีเกมระดับกลางๆให้เลือกเล่นไม่มาก เนื่องจากเกมคุณภาพดีๆโด่งดังจะมีค่าลิขสิทธิ์แพง เดือนหนึ่งได้เข้าไปเล่นสามารถหลุดจากโลกแห่งความเป็นจริงได้สักสอง – สามชั่วโมง คนระดับเขาก็มีความสุขแล้ว

เสกได้พบกฤชแทบจะทุกครั้ง เมื่อเข้าไปนั่งซดกาแฟที่ร้านหัวมุมถนนแห่งนั้น เว้นเสียแต่ว่าเป็นช่วงที่เขาไม่ค่อยจะมีเงินและห่างหายไปจากร้าน จึงไม่โอกาสได้นั่งพูดคุยกับเขา เพราะเขาจำเป็นต้องประหยัดเงินในกระเป๋า ต้องลดสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตลงไปเพื่อประคองปากท้องให้อยู่รอดถึงสิ้นเดือน และการเข้าไปนั่งปล่อยอารมณ์จิบกาแฟก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาจำเป็นต้องตัดทิ้งไป แม้ว่าใจจะอยากเข้าไปนั่งละเลียดลิ้มรสเพียงใดก็ตาม ช่างเป็นวงจรซ้ำซากที่น่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก

ปลายเดือนของแต่ละเดือน จะเป็นช่วงที่เสกได้แต่เดินผ่านหน้าร้านกาแฟหรือไม่ก็มองเเข้าไปเท่านั้น  โดยเฉพาะยามเช้าเวลาไปทำงาน และเวลาเดินทางกลับโฮมแค็ปซูลตอนเย็น เมื่อต้องเดินผ่านหน้าร้าน การก้าวเท้าแต่ละก้าวของเขาจะรวดเร็วกว่าปกติ  ขณะเดียวกันจะสลัดความคิดเรื่องกาแฟออกไปจากในหัวให้หมด จะกลืนน้ำลายลงคอบ้าง ก็เมื่อได้กลิ่นกาแฟโชยมากับสายลม ผ่านร้านเกมออนไลน์เสมือนจริงก็จะเมินไปทางอื่น เลิกคิดถึงการผจญภัยในเกมที่ตื่นตาตื่นใจ







และในเย็นวันนี้หลังเลิกจากการทำงาน เสกก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับที่พักตามปกติ เมื่อโผล่ขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน  เขาก็เดินจากถนนใหญ่เพื่อจะเลี้ยวเข้าซอยอีกที แต่ขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านร้านกาแฟแห่งนั้น สองเท้าของเสกก็ต้องหยุดชะงักทันที เมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อเขาจนดังลั่น

เมื่อเสกหันไปมองที่ต้นเสียง ก็เห็นกฤชยืนกวักมือเรียกอยู่ที่หน้าร้านกาแฟ เขาไม่ได้เจอกฤชมาหลายวันแล้ว และพยายามหลบหน้า เพราะว่าช่วงใกล้สิ้นเดือนเขาไม่มีค่ากาแฟ เขาพยายามปฏิเสธแต่กฤชก็ยังเดินตามมา และเอ่ยปากว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงกาแฟเอง ในที่สุดเสกก็ตัดสินใจเดินตามเขาไปนั่งที่โต๊ะด้านข้างร้าน เจ้าของร้านก็จัดกาแฟรสชาติที่ทั้งสองชอบดื่มมาบริการโดยไม่ต้องสั่งทันที

"หมู่นี่คุณหายหน้าหายตาไปเลยนะ" เขาเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองเหมือนทุกครั้ง "ตอนแรกๆผมก็คิดว่าคุณคงจะเบื่อฟังผมพล่าม เลยหลบหน้าผมไปหากาแฟที่อื่นดื่ม"

"พอดีช่วงนี้งานเยอะครับ...ผมก็เลยไม่มีเวลาแวะมานั่งคุยด้วย" เสกเอ่ยบอกกฤชเสียงเรียบๆ แต่ทุกถ้อยคำในประโยคนั้นเป็นการโกหกทั้งสิ้น ความจริงคือเขาต้องประหยัดค่ากาแฟไว้เป็นค่าอาหารจนกว่าจะถึงสิ้นเดือนต่างหาก

"ช่วงนี้ผมเองก็ไม่ค่อยว่าง มีงานสำคัญเข้ามา และอีกอย่างกำลังติดเกมออนไลน์เสมือนจริงแบบใหม่" กฤชเริ่มสนทนาถึงงานอดิเรกของเขา แน่นอนว่ามันย่อมเลิศหรูตามฐานะการเงินของเขา

ในเย็นวันนั้นความสนใจของเสกไม่ได้อยู่ที่รสชาติของกาแฟ หรือดีใจที่กฤชรับเป็นเจ้ามือเลี้ยงกาแฟและขนมปังฟรีๆสักนิด แต่เขาสนใจในตัวเกมเสมือนจริงออนไลน์ที่กฤชนำมาบอกเล่าให้เขาฟังต่างหาก เพราะมาด้วยระบบใหม่ไม่มีใครเหมือนและแหวกแนวที่สุด เพราะอาชีพต่างๆในเกมสามารถสร้างรายได้นำมาแรกเป็นเงินในโลกจริงได้ด้วย ซ้ำยังมีเงินรางวัลสำหรับผู้สามารถเอาชนะผู้เข้าร่วมเล่นคนอื่นๆจำนวนมหาศาล แตกต่างจากเกมทั่วๆไปที่ตีมอนสเตอร์ เข้าดันเจี้ยน วางแผนรบเก็บเลเวลสะสมไปวันๆไว้คุยอวดกัน  ซึ่งสำหรับเขาการเล่นแบบนั้นไร้สาระได้แค่ความบันเทิงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ก่อประโยชน์อะไรกับชีวิตปากกัดตีนถีบอย่างเขา

" เกม Legend Of Survivors Online. หรือ LoSo เป็นเกมใหม่ที่มีความเสมือนจริงเกือบทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นสายลมพัด ฝุ่นละออง แสงแดดส่อง ความหิว ความเหนื่อยล้า สีผิว รูปร่าง หรือแม้แต่การอาบน้ำก็ด้วย แต่ระบบไม่ได้ใส่ความเสมือนในเรื่องการถ่าย  เพราะผู้เล่นคงไม่ชอบใจแน่ถ้าต้องท้องเสียระหว่างตีมอนเตอร์แน่ๆ ฮ่าๆๆ"

เสกอดขำเบาๆไม่ได้เมื่อกฤชปล่อยมุกนั้นมา

"แล้วเกมนี้ จะมีความต่างจากเกมอื่นๆมากพอสมควร เพราะเกมนี้จะไม่มีอาชีพให้เล่น แต่สามารถสมัครงานได้เหมือนกับโลกแห่งความเป็นจริง แต่จะเป็นกองทัพต่างๆ ไต่เต้าเข้าร่วมรบและค้นหาทรัพยากร และยังสามารถสร้างกองทัพของตัวเองได้ด้วย  และทุกๆงานจะอยู่ในรูปแบบของภารกิจ ซึ่งภารกิจมีอยู่ ๒ แบบ คือแบบกำหนดเอง(การสมัครงาน) แบบระบบกำหนด(ภารกิจต่างๆ) โดยมีอาณาจักรศูนย์กลางเป็นส่วนควบคุม ซึ่งจะมีพระราชาเป็นผู้ออกคำสั่งทั้งหมด

นอกจากนี้ภายใน Legend Of Survivors Online. ยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปลดล็อกอีกหลายทวีป ซึ่งนี่ก็เป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งของเกมนี้ จะต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างในการเล่น และจะรับสมัครผู้เล่นจำนวนจำกัดในหนึ่งซีซั่น ผมสนใจจะเข้าไปเล่นเพื่อสร้างกองทัพและอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ และรวบรวมอาณาจักรอื่นๆเข้าเป็นหนึ่ง  ว่ากันว่าผู้ที่สามารถเป็นผู้พิชิตเกมนี้ได้ทุกๆซีซั่น คนๆนั้นจะได้รับการบันทึกชื่อไว้เป็นตำนานและมีรางวัลถึงสามพันล้านบาทเชียวนะ มันน่าสนใจสำคอเกมเมอร์ก็ด้วยข้อเสนอนี้แหล่ะ"

" สามพันล้านบาท!!! " (เทียบอัตราเงินปัจจุบันประมาณ ๒ ล้าน - ผู้แต่ง)

"ใช่! เงินรางวัลเกือบจะเท่าเงินเดือนผมหนึ่งเดือนทีเดียว"

' !? ' ได้ฟังกฤชพูดถึงเงินเดือนทำเอาเสกรู้สึกหดหู่จนนั่งคอตกในความเลื่อมล้ำมากขึ้นไปอีก

"ผมไปทดลองใช้เครื่องนั้นมาแล้ว"

เสกฟังแล้วนึกถึงภาพวันที่เขาเห็นกฤชเดินออกมาจากร้านคอมพิวเตอร์ในวันนั้น จึงรู้ถึงสาเหตุได้พบเจอเขา ณ สถานที่แห่งนั้นเมื่อวันก่อน

"ความจริงผมเองก็มีแคปซูลสำหรับเล่นเกมออนไลน์อยู่แล้วนะ แต่วันนั้นผมไปทดลองใช้เครื่องแบบ V.I.P ซึ่งเป็นเครื่องตัวใหม่ของบริษัท ทดลองระบบแล้วน่าสนใจมาก"

"เครื่องธรรมดากับ V.I.P ต่างกันยังไงครับ" เสกถามไปเพื่อต่อบทสนทนา เพราะคนอย่างเขาแค่เครื่องธรรมดายังไม่มีปัญญาชื้อหามาใช้เลย คอมพิวเตอร์แบบจอแบบนตั้งโต๊ะสมัยเก่าก็เก็บจากเศษขยะมาประกอบใช้เอง

"เครื่องเกมวีไอพี สเป๊กนี้ จะได้รับส่วนลดในการซื้อของในระบบเกม ๑๐% ครับ อย่างเช่นการซื้อบ้าน หรือบัตรธนาคารภายในเกม และเงินภายในเกมสามารถแลกเป็นเงินจริงได้ ด้วยอัตรา ๑๐๐ เซนัล เท่ากับ ๑ บาทไทย และยังได้รับกล่องสุ่มปริสนาที่ต้องไปสุ่มระดับเองอีกหนึ่งกล่อง และที่สำคัญเครื่องเล่นเกมแบบวีไอพี ยังมีระบบผ่อนคลายกล้ามเนื้อระหว่างเล่นเกม เพราะระบบภายในตัวเครื่องได้ติดตั้งการทำงานของก

bunrikung

โอ้ขอบคุณนะครับน่าสนใจมาก ไม่ได้แวะเข้าบอร์ดมานานๆที เปิดเจอเรื่องนี้ผมนี้ ต้องติดตามเลยครับ

PerverseLife

 ::Glad::ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะครับ ผมสมาชิกใหม่ ฝากตัวประเดิมที่ตอนแรก ไว้จะซื้อผลงานนะครับตอนนี้ขอลองติดตามอ่านก่อน

por774

คือ...อ่านตอนท้ายเรื่องเหมือนโดนตัดออกไปนะครับ พอไปอ่านตอนที่2 ชัดเลยครับหายไปจริงๆ

aey3699

ชอบเรื่องแนวนี้ครับ เดินเรื่องได้อย่างดี เห็นเป็นภาพตามเนื้อเรื่อง งานดีต้องติดตาม