ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

LoSo ตอนที่ ๕ : Harem Dungeon (๖๐%)

เริ่มโดย นีโอ, พฤษภาคม 14, 2016, 06:13:21 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ



ขอบคุณทุกความห่วงใย ตอนนี้ลูกชายปลอดภัยกลับบ้านแล้ว
เป็นลมแดดเพราะอากาศร้อนจัด
ขอเวลาดูแลลูกๆก่อน แล้วจะกลับมาต่อ
ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาแสดงความเห็นมา ณ ที่นี้

ด้วยไมตรีจิต นีโอ

ขอบคุณน้องแว่น แต่งรูปประโยค เคาะบรรทัดให้



[size=9][backcolor=#ffff66]กดอ่านก่อนอ่านผลงาน[/backcolor][/size]  

Legend Of Survivors Online.

ตอนที่ ๕ : Harem Dungeon

-------------------------------------------


             สาวสวมแว่นเดินจูงเจ้าโคหนุ่มเลียบมาตามริมถนน แต่ไม่วายเหลือบมองลอดแว่นชำเลืองดูขบวนเสด็จของเจ้าหญิงเอลซ่า นึกๆแล้วเจ็บใจในคำดูถูกของเจ้าหญิงว่าเป็นคนชั้นต่ำ และยังนางองครักษ์ผิวสีที่ทำให้ใบหน้าสวยๆของเธอมีรอยแผล เธอสาบานกับตัวเองว่าจะเก็บความแค้นครั้งนี้เอาไว้และจะสนองคืนเจ้าหญิงผู้หยิ่งยโสกับนางองครักษ์ตัวร้ายอย่างสาสมในวันหน้า แม้จะรอนานแค่ไหนก็จะรอคิดบัญชีกับพวกนางทั้งสอง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่อุบัติขึ้นนั้นล้วนอยู่ในสายตาของเสกที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ร้านข้างทาง

ใบหน้าคมเข้มของเขามีรอยยิ้มที่มุมปากด้วยความขบขันในกิริยาของหญิงสาวที่ทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยง และเธอก็แวะมาที่ร้านกาแฟผูกเจ้าโคตัวนั้นไว้ตรงต้นไม้หน้าร้าน พูดคุยราวกับรู้ภาษาของมัน

" ฉันไม่อยากผูกแกหรอกนะ แต่ว่าแกชอบเดินเพ่นพล่าน เดี๋ยวจะไปก่อเรื่องอย่างตะกี้อีก "

กำชับวัวของตนเสร็จหญิงสาวก็เดินเข้ามาในร้าน และไม่เห็นมีที่ว่าง พอดีที่โต๊ะของเสกมีที่ว่างอยู่  เธอเดินสับเท้าเข้ามาทรุดนั่งร่วมโต๊ะโดยไม่ถามไถ่อะไร เสกอึ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่าทางของเธอยังหงุดหงิดไม่หาย ล้วงกระเป๋าหยิบตลับแป้งมาเปิดกระจกส่องดูรอยแผล เอามือลูบๆคลำๆด้วยใบหน้าบึ้งตึง

" เจ้ามันรนหาเรื่องเองนะ อาจารีย์ มีเรื่องกับใครไม่มี ไปมีกับเจ้าหญิงเอลซ่า ฮ่าๆๆ " เจ้าของร้านกาแฟเดินเข้ามาทักอย่างคุ้นเคย แต่คำพูดเหมือนตอกย้ำให้หน้าตาบึ้งตึงนั้นตึงเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก

มือบางลูบคลำแก้มที่เป็นรอดกรีดจากปลายหวายด้วยท่าทีหงุดหงิด

" ฉันไม่นึกว่าพระนางและนังมืดจะหยิ่งยโสพูดจาดูหมิ่นคนเช่นนั้น ฉันไม่มีวันลืมความอัปยศที่พวกนั้นมอบไว้ให้ แผลบนแก้มฉันจะคอยเตือนใจไม่ให้ลืม "
" เจ้านี่มันช่างหาเรื่องใส่ตัวซะจริงๆ คราวก่อนก็มีเรื่องกับพวกเอลฟ์ชั้นลอร์ดแล้วก็ไล่ตีลูกขุนนางใหญ่ " พ่อค้ากาแฟเอ่ยถึงวีรกรรมของเธอ เสกฟังแล้วก็คิดว่าสาวสวมแว่นหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้ ท่าทางจะเป็นพวกสายบู้
" แล้วพูดจาอะไรก็ระวังปากไว้บ้าง เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับใคร? " พ่อค้ากาแฟเอ่ยยิ้มๆให้กับหญิงสาวแล้ววางแก้วกาแฟให้ตรงหน้า หญิงสาวยังไม่ใส่ใจเขาเก็บตลับแป้งสบตาแล้วคว้าแก้วกาแฟยกขึ้นดื่ม

เมื่อวางแก้วกาแฟ คิ้วบางๆขมวดน้อยๆแล้วชำเลืองตากลมสีฟ้ามองบุรุษหน้าตาคมเข้มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แม้เขาจะดูหล่อเหลา องอาจผึ่งผาย แต่หญิงสาวสวมแว่นหนากลับมองเขาอย่างดูแคลน

" เจ้าเป็นคนของเจ้าหญิงที่คอยคาบข่าวไปฟ้องเอาความดีความชอบหรือเปล่า? เอาซี่...รีบเอาคำพูดของฉันไปฟ้องเจ้านายของแกเลย เผื่อจะได้รับรางวัลความภักดีที่ซื่อสัตย์เหมือนสุนัข ฉันไม่กลัวเจ้านายแกหรอก! "

พ่อค้ากาแฟฟังคำพูดก้าวร้าวถึงกับหน้าถอดสี รีบพูดขึ้นแทรกทันที

" เฮ้ย! อาจารีย์พูดจาเบาๆหน่อย ชายคนนี้ไม่ใช่บริวารรับใช้เจ้าหญิงนะ เขาคือท่านแม่ทัพพิทักษ์พระนคร มีนามว่า นักฆ่าหมายเลขแปด ผู้โด่งดัง เจ้านี่หูตาไม่กว้างไกลไม่พอ ถนัดแต่หาเรื่อง โดยเฉพาะคนเด่นๆดังๆนี่ ชอบมีเรื่องด้วยจริงๆนะ "
"....!?!....." พอทราบนามอันอุโฆษของบุรุษตรงหน้า คิ้วบางขมวดนิดหน่อย แต่ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นจนออกนอกหน้าเหมือนคนอื่นๆที่พบเจอเขาเลย
" ปากของเจ้าเบาๆไว้บ้างนะ จะพูดจาอะไรก็หัดคิดก่อนหรือไตร่ตรองก่อน ปากมันจะนำภัยมาให้ ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่โชคดีไปทุกครั้งหรอกนะ "
" แล้วทำไม?! " หญิงสาวยังไม่ลดราวาศอก

" นักฆ่าหมายเลขแปด แล้วยังไง ฉันไม่ใช่พวกบ้าคนดัง ชื่อเสียงหน้าตาของเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก และฉันก็พอใจจะมีไลฟ์สไตล์อย่างนี้ ถ้าไม่แน่จริงฉันไม่อยู่มาได้นานขนาดนี้และมีฟาร์มใหญ่โต ปลูกพืชผักขายเลี้ยงคนครึ่งเมือง และมีนมวัวบริสุทธิ์ส่งให้ทุกคนดื่มทุกวันหรอก "
" แต่ทุกคนก็จ่ายเงินให้เจ้านะ ไม่ได้เอามาฟรีๆ พูดอย่างกับทุกคนเป็นหนี้เจ้า "
" ก็ฉันต้องลงทุนลงแรงทำนี่ พืชไม่ได้งอกจากดินเอง นมวัวไม่ได้ตกลงมาอย่างฝนนี่นา จะให้ฟรีๆได้ยังไง "
" เอาเขาไม่อยู่จริงๆคนนี้..." เจ้าของร้านกาแฟบ่นอย่างหน่ายๆ

หญิงสาวสวยแว่นปากจัดหันมามองเสกแล้วพูดขึ้นทันที

" คุณก็เหมือนกัน ทำงานในรั้วในวังช่วยรายงานความเดือดร้อนของชาวบ้านจากพวกเชื้อพระวงศ์และพวกขุนนางบ้าง จะไปไหนทีไปกันเป็นขบวนใหญ่ปิดถนนบ้าง เฆี่ยนตีคนขวางทางบ้าง ทำตัวใหญ่โตคับบ้านคับเมือง ชาวบ้านสัญจรไปมาลำบากและยังเจ็บตัวอีกด้วย ภาษีก็เก็บให้มันน้อยๆหน่อยรีดไถจนชาวบ้านชั้นรากหญ้าจะไม่มีกินอยู่แล้ว แต่พวกขุนนาง เชื้อพระวงศ์ร่ำรวยเอาๆ "
"...!?..."
" แต่อย่างว่านะ พวกข้าราชการมันก็เหมือนกันหมด ทำงานเอายศเอาตำแหน่ง ให้ตัวเองและพวกพ้องสุขสบาย ชาวบ้านตาดำๆจะเป็นยังไงช่างมัน เฮ้อ...ทั้งโลกจริงกับโลกเสมือนจริง สภาพไม่ต่างกันเลย "
"...!?..." เสกมองใบหน้าขาวผ่องแล้วยังคงนั่งนิ่ง
" มองอะไร?!" หญิงสาวตวาดใส่จนเขาสะดุ้ง
" อ้อๆๆ ฉันได้ข่าวว่าฮาเร็มของคุณใหญ่โต มีผู้หญิงเป็นร้อยๆ แล้วเห็นฉันสวยเลยนึกอยากได้ฉันเข้าฮาเร็มใช่มั๊ย  อย่ามาชวนเสียให้ยาก จะทุ่มเท่าไหร่ เอาอะไรมาล่อฉันก็ไม่สน "
" อาจารีย์ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ " เจ้าของร้านกาแฟขัดมา
" ไม่พูดก็จริง แต่สายตาของเขามันฟ้อง ฉันสัมผัสได้! "
" อื้อ...ข้าว่าวันนี้เจ้าคงจะหงุดหงิด ถึงพาลพะโรไปทั่วอย่างงี้ ข้าว่าเจ้ากลับไปดูแลฟาร์ของเจ้าเถอะนะ ส่วนค่ากาแฟเจ้า ข้าไม่คิดเงินหรอก ถือว่าเลี้ยงปลอบขวัญเจ้าก็แล้วกันนะ รีบๆไปเถอะนะ ก่อนจะมีเรื่องกับใครอีก "
" ไปก็ได้ ไม่ต้องไล่ ขอบใจสำหรับกาแฟนะ! "

บอกแล้วหญิงสาวสวมแว่นผู้มีผิวขาวราวกับน้ำนม กิริยาที่แสดงออกเป็นธรรมชาติไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ ก็ผุดลุกเดินสับเท้าออกจากร้านไป

" เอ่อ... อย่าถือสานางเลยนะ อันที่จริงนางเป็นคนนิสัยดีนะ แต่คงเพราะโมโหเรื่องเจ้าหญิง ถึงล่วงเกินท่าน "
" อื้อๆๆ " เสกพยักหน้าอย่างเข้าใจและยิ้มที่มุมมองหญิงสาวจูงวัวเดินออกจากหน้าร้านไป


-----------------------------------

พระตำหนักของเจ้าหญิงเอลซ่าในเวลาค่ำคืน ท้องฟ้าดารดาษด้วยหมู่ดาวล้อมเดือน
รอบๆพระตำหนักใหญ่โตร่มรื่นด้วยแมกไม้ บรรดาเหล่าทหารยามต่างยืมเฝ้ากันอย่างง่วงหง่าวหาวนอนตามจุดต่างๆรอบๆรั้ว ภายในทางเดินขึ้นสู่ชั้นสองของเรือน นางทาสสาวทรวดทรงอวบอัดในชุดบางเบาผิวขาวผ่องประคองถังใส่นมโคที่อุ่นจนร้อนเดินขึ้นบันไดเข้ามาและมีนางอะเมซอนองครักษ์ผิวดำยืนเป็นทวารบาลอยู่

" หยุดก่อนไครเซอิส! " เสียงร้องทักดังขึ้นนางทาสสาวหันไปมองซีน่า  องครักษ์ชาวอะเมซอนที่เดินเข้ามายืนตรงหน้า
" มีอะไรรึ ซีน่า? "
" พูดกับข้ามีหางเสียงหน่อยข้าเป็นราชองครักษ์นะ "
" ก็ทาสเขาเหมือนกันจะมาแบ่งแยกทำไม? "

ทาสสาวมององครักษ์อะเมซอนผิวดำ พลางแบะริมฝีปากอย่างเหยียดหยาม เพราะรู้กำพืดกันดีว่าใครเป็นใคร ก่อนจะมาเป็นทาส ไครเซอิสเป็นถึงพระธิดาของเจ้าแคว้นหนึ่งแต่เพราะการพ่ายแพ้สงคราม ทำให้นางถูกจับตัวในฐานะเชลยและถูกส่งให้มาเป็นทาสรับใช้เจ้าหญิงเอลซ่า นางทาสสาวจึงมีผิวพรรณขาวนวลละเอียดอ่อนผิดกับนางทาสคนอื่นๆ และด้วยรูปโฉมที่งดงาม ทำให้มีผู้ชายทั้งหนุ่มและแก่มาสนใจไม่น้อย ด้วยปูมศักดิ์ศรีที่เหนือกว่านางองครักษ์ถึงแม้ปัจจุบันนางจะเป็นคนสนิทของเจ้าหญิงเอลซ่า  

แต่ฐานะที่แท้จริงของนางอะเมซอนก็เป็นเพียงทาสอีกคนหนึ่งเท่านั้น

" จะพูดจาอะไรระวังปากระวังคำไว้บ้าง อย่าลืมว่าเจ้าอยู่ในฐานะอะไร ข้าสามารถจับเจ้าลงหวายได้ "
" ข้าไม่กลัวหรอก เพราะถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว "

ไครเซอิสเอ่ยแล้วยิ้มเยาะ ก่อนจะก้าวเดินสะบัดบั้นท้ายขึ้นบันไดไปยังชั้นสองนางอะเมซอนองครักษ์มองตามบั้นท้ายอวบอัดของเกสรที่เดินหายเข้าไปในห้อง สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาต

" ฝากไว้ก่อนเถอะนางทาส...นึกว่าตัวสูงส่งนักรึไงวะ สักวันเถอะข้าจะลงหวายให้เจ้าลายไปทั้งตัว " นางพึมพำ

ภายในห้องสรงน้ำ เจ้าหญิงเอลซ่า ประทับอยู่ในอ่างน้ำทรงกลมด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นเทวนารี เทพีแห่งความงามยืนเปลือยอวดเรือนร่างอรชร พระวรกายอันขาวผ่องของเจ้าหญิงแช่อยู่ในนมโคอุ่นซึ่งเจือปนด้วยเครื่องหอมเพื่อประทินผิวตามตำรับถนอมผิวพรรณของชนชั้นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง รอบๆอ่างน้ำ มีสาวใช้สองคนคอยรับใช้หัวหน้าสาวใช้ซึ่งเป็นหญิงมีอายุ นางคอยดูแลควบคุมสาวใช้คนอื่นๆรวมทั้งไครเซอิสให้ปรนนิบัติรับใช้เจ้าหญิงเอลซ่า และนางยังคอยลงโทษผู้ที่รับใช้ไม่ถูกพระราชอัธยาศัย

ใบหน้าเคร่งขรึมและสายตาดุๆทำให้ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง และนางมักลงโทษรุนแรงต่อผู้ทำผิด เมื่อไครเซอิสนำโถนมโคอุ่นเข้ามาภายในห้องสรงน้ำนางก็เดินเข้ามานั่งข้างๆและค่อยๆบรรจงเทน้ำนมที่อุ่นจนร้อนจากเตาถ่านลงริมอ่างน้ำจากนั้นราดลงไปบนพระอังษา( ไหล่)อันขาวผ่องของเจ้าหญิงอย่างบรรจง

" ว้าย!!! " เจ้าหญิงเอลซ่ากรีดร้องออดมาอย่างตกใจ ทำให้บรรดาผู้รับใช้คนอื่นๆรีบเข้ามาประคองและผลักร่างของไครเซอิสจนหงายท้องลงไปนอนกับพื้นหินอ่อน โถบรรจุนมหล่นลงพื้นแตกกระจาย
" องค์ ..หญิง.." ไครเซอิสตกใจรีบลุกขึ้นมาก้นหน้าหมอบคลานกับพื้นพูดตะกุกตะกัก
" น้ำนมร้อนเกินไปเจ้าไม่รู้หรือ นังโง่ เจ้าเกือบจะทำให้ผิวเจ้าหญิงไหม้เสียแล้วไหมล่ะ "

หัวหน้าสาวใช้ส่งเสียงตวาดด้วยโกรธแค้นแทนเจ้านาย นางทาสคลานไปมาอยู่บนพื้นห้องร้องไห้สะอึกสะอื้น

" หม่อมฉันขอประทานอภัย...องค์หญิง หม่อมฉันขอประทานอภัยด้วย... ได้โปรดกรุณา หม่อมฉันเสียใจ  "
" เจ้าต้องเสียใจแน่ๆนางชั่ว เจ้าเกือบทำพระองค์เสียพระสิริโฉม โทษมหันต์นัก อากาวี ทาไลน่า  เจ้าทั้งสองเอาครีมและเอาน้ำมันมะพร้าวมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ข้าจะรีบบำรุงผิวเจ้าหญิงมิให้เสียพระสิริโฉม "

นางทาสทั้งสองรีบเข้าไปยังโต๊ะใกล้อ่างน้ำ หยิบเอาโลหะทองแดงขัดเป็นเงาวับและหยิบขวดน้ำมันส่งให้หัวหน้าสาวใช้อย่างรวดเร็ว นางรีบเอาครีมทาและชโลมน้ำมันลงบนพระอังษา

" เรียบร้อยเพคะ เจ้าหญิงยังรู้สึกแสบร้อนพระวรกายหรือไม่เพคะ " เจ้าหญิงทรงรับกระจกมาส่องดูบ่าของตน และเมื่อไม่เห็นมีร่องรอยตำหนิก็ถอนหายใจอย่างโล่งพระทัยขณะนางทาสสาวหมอบตัวสั่นสะอึกสะอื้นด้วยความหวาดกลัว
" ขอบคุณเทวนารี ทรงบัลดานให้ผิวข้าไม่ไหม้พอง "

หัวหน้าสาวรับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นกัน นางรีบนวดน้ำมันบำรุงผิวให้เจ้าหญิงและทอดสายตาเย็นชาไปยังร่างของนางทาสสาวที่หมอบกับพื้นตัวสั่นอยู่

" เจ้าจะต้องถูกเฆี่ยน ให้สาสมกับความผิดของเจ้าในครั้งนี้ ราชมัญ! " เสียงตะโกนเรียกดังลั่นห้องสรง ซึ่งนางองครักษ์ซีน่ากำลังเดินตรวจตราอยู่เบื้องนอกได้ยินเสียงเอะอะก็เข้าใจว่าเกิดเหตุจึงเปิดประตูเข้ามาภายในห้องสรงทันที

" ท่านองครักษ์มาก็ดีแล้ว นางทาสมันบังอาจคิดทำร้ายพระวรกายเจ้าหญิง จงเฆี่ยนมันให้สาสมโทษานุโทษ "

หัวหน้าคนรับใช้ออกคำสั่งเสียงเฉียบ นางกองครักษ์แสยะยิ้มอย่างสาสมใจในโอกาสที่ตนรอคอยมานาน เมื่อคนทำผิดคือหญิงสาวที่ทำท่ายโสโอหังกับนางมาตลอด นางอะเมซอนจอมโหดรีบปลดแส้หนังที่สะเอวออกมาสะบัดเสียงดังหวีดหวิวเป็นการลองน้ำหนัก ซึ่งนางเต็มใจจะเฆี่ยนตีไครเซอิสเพราะหมั้นไส้ในกิริยายโสโอหังมานานแล้ว ไม่ได้สำเหนียกเจียมตนว่าขณะนี้นางอยู่ในฐานะอะไร

" ได้โปรดเถิดองค์หญิง ได้โปรดกรุณาข้าน้อยเถอะเพคะ อย่าลงโทษหม่อมฉันเลยเพคะ ได้โปรด "

นางองครักษ์ซีน่าไม่รอช้า เมื่อมีโอกาสก็สั่งให้คนอื่นๆจับร่างของไครเซอิสคว่ำลงและใช้แส้ในมือฟาดลงไปเต็มเหนี่ยวกลางแผ่นหลังของนางทาสสาวผู้ทระนง หนังแส้อันคมกริบกระชากแผ่นหนังจนกระทั่งเนื้อผ้าฉีกขาดกระจุย และกรีดผิวหนังอันขาวผ่องของนางจนเลือดกระเซ็น ไครเซอิสส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวจะขาดใจตายเสียให้ได้ และนางอะเมซอนซีน่าก็เฆี่ยนซ้ำอย่างไม่ปราณีอีกหลายที จนกระทั่งเสียงโหยหวนดังลั่นตำหนัก

" พอเถอะๆ นางคงไม่ได้ตั้งใจแค่นี้นางคงสำนึกแล้ว " เจ้าหญิงทรงเอ่ยห้าม ซีน่าจึงหยุดมือ

พระเนตรของเจ้าหญิงมองอย่างเวทนาต่อนางทาส ยามนี้แผ่นหลังไหล่ของนางทาสสาวโชกไปด้วยเลือดจนแดงฉานและนอนแน่นนิ่งหอบหายใจปวกเปียกอยู่บนพื้นห้อง

" นางทาสคนนี้กำเริบมานาน จองหองผองขนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง สมควรจะได้รับโทษเพื่อขัดเกลาสันดานเสียบ้าง มันยังคิดว่าตนเองเป็นเจ้าหญิงอยู่หรือกระไร วาสนาของมันหมดสิ้นไปนานแล้วหาได้สำเหนียกไม่ " นางองครักษ์ผิวดำเอ่ยอย่างเข่นเขี้ยวและขยับจะลงแส้ต่อ

" ต้องเฆี่ยนให้หลากจำ จะได้ไม่เป็นที่ระคายเคืองพระบาท "
" พอได้แล้วซีน่า นางบอบช้ำถึงเพียงนี้คงจะได้สำนึกบ้าง จงนำนางออกไปแล้วรักษาดูแลนางด้วย " เจ้าหญิงสั่งอย่างมีพระเมตตาและทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถขึ้นยืนอวดเรือนร่างขาวผ่องทรวดทรงสมส่วนงดงามราวประติมากรรมชั้นเยี่ยม

หัวหน้าคนรับใช้สั่งให้เอาผ้ามาคลุมพระวรกายทันที

" พวกเจ้านำนางออกไป "

นางองครักษ์ตะโกนสั่งสำทับ สองคนรับใช้จึงรีบเข้ามาช้อนแขนพาร่างของเกสรให้ลุกขึ้นและประคองร่างอันอ่อนระทวยออกไปจากห้อง จากนั้นจึงได้ละสายตาหันมาจ้องมองดูเจ้าหญิงซึ่งกำลังทรงส่องกระจกทอดพระเนตรเงาของตัวเองในบานกระจก และบรรดาคนรับใช้ต่างช่วยกันสวมใส่พระภูษาและแต่งพระพักตร์ให้

" ซีน่า! " เสียงเข้มๆตรัสขึ้น

" คราวหน้าคราวหลังเจ้าอย่าได้ด่วนกระทำการใดก่อนที่ข้าจะมีคำสั่ง ไครเซอิสเองคงไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเรา นางบาดเจ็บถึงเพียงนั้นอาจจะใช้เวลานานกว่าจะทุเลา ข้าไม่อยากให้ใครครหาข้าว่า...ทารุณโหดร้ายกับบ่าวไพร่ มันจะเสื่อมเสียพระเกียรติไปถึงพระราชบิดาของเราได้ "
" เพคะ " องครักษ์หญิงผิวดำก้มหน้ารับคำสั่งอย่างสำนึก
" เจ้าออกไปสำรวจตรวจตรารอบๆที่พักเราเถิด "

องครักษ์ผิวดำรับพระบัญชาแล้วเดินออกไปจากห้องสรง เจ้าหญิงทรงหันมายังหัวหน้าคนรับใช้

" ส่วนเจ้าสั่งหมอไปตรวจดูอาการของเกสรด้วย "
" เพคะ " หัวหน้าคนรับใช้สูงอายุรับพระบัญชาแล้วไปปฏิบัติตามพระราชประสงค์ทันที

เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว เจ้าหญิงทรงส่องกระจกยลพระโฉมแล้วทรงพระสรวลพลางรำพึง

' ข้าจะต้องงดงามกว่าหญิงใดในแผ่นดิน แล้วมัดใจเขาไว้ให้ได้ แม่ทัพพิทักษ์พระนครจะต้องเป็นของข้าคนเดียว '

-----------------------------

ในช่วงหัวค่ำเสกเดินเตร่ไปตามตรอกซอกซอยต่างๆอย่างไม่เร่งรีบ จนกระทั่งมาถึงจวนพักของแม่ทัพใหญ่อันเป็นที่พำนักของเขาในเมืองหลวง จวนหลังนี้อยู่ใกล้ๆพระบรมมหาราชวัง ภายในมีอาณาบริเวณกว้างก่อรั้วกำแพงสูงรายรอบ  ปลูกสร้างเรือนหลายหลังใหญ่น้อยเรียงราย แวดล้อมด้วยต้นไม้พรรณไม้ประดับปลูกไว้ร่มรื่น  ตัวเรือนสร้างด้วยไม้และผนังก่อด้วยอิฐเผาเคลือบสีสัน บางหลังบ้างชั้นเดียวบ้างสองชั้น หลังคาหน้าจั่วมุงด้วยกระเบื้องสีสด เสาใหญ่และคานเป็นท่อนซุงจากไม้เนื้อดี ที่แกะสลักด้วยฝีมือช่างมือเอก  กรอบประตูหน้าต่าง ลูกกรงบนราวระเบียงก็ล้วนแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามอ่อนช้อย  ดูจากศิลปะการก่อสร้างบ้านเรือนนับว่าผู้ออกแบบเกมช่างใส่ใจทุกรายละเอียด รวบรวมศิลปะต่างๆมาผสานกันได้อย่างกลมกลืนไม่ขัดตา

เมื่อเสกเดินผ่านประตูกำแพงเข้าไปก็ตะลึงกับความกว้างขวางใหญ่โตภายใน

" ขนาดจวนแม่ทัพยังใหญ่โตขนาดนี้.. แล้ววังหลวงจะใหญ่โตอลังการแค่ไหน ? " เสกรำพึงกับตนเอง

เมื่อเดินผ่านธรณีประตู  บรรดาบ่าวไพร่วัยฉกรรจ์ในชุดเครื่องแบบสีฟ้าขลิบขาวเจ็ดแปดคนวิ่งกรูออกมาจากห้องโถงของเรือนหลังใหญ่ยืนเรียงรายรอต้อนรับตามทางเดิน  ท่าทีอันนอบน้อมของคนเหล่านั้นทำให้เสกชะงักไปพักเพราะในชีวิตจริงไม่เคยมีใครมาให้ความสำคัญอย่างนี้ เวลากลับโฮมแค็ปซูนต้องคอยเดินหลบผู้คนที่อาศัยอยู่วุ่นวายเนื่องจากพื้นแคบๆเบียดเสียดแออัดกันอยู่ ถนนแต่ละล๊อคกว้างแค่เดินสวนกันเท่านั้น

เมื่อเดินผ่านบรรดาคนรับใช้แล้วพวกเขาค้อมศีรษะให้ ความรู้สึกมันช่างยิ่งใหญ่จริงๆ

" ยานนิคอยู่ไหน...? " เสกเอ่ยถามถึงพ่อบ้านผู้ดูแลจวน เป็นข้อมูลที่ได้จาก AI.แนะนำมา
" เรียนท่านแม่ทัพ ยานนิคกำลังจัดเตรียมการต้อนรับท่านอยู่ที่ฮาเร็มซีกตะวันออก ตอนนี้บ่าวอีกคนกำลังไปตามมาพบท่านขอรับ โปรดรอสักครู่..." บ่าวคนหัวแถวรีบรายงานทันที ด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบ

เสกไม่ไถ่ถามอะไรต่อ เขาเงยหน้ามองบ้านพักแล้วยิ้มอย่างพอใจ ความคับข้องหมองใจในโลกแห่งความจริงมลายหายไปสิ้นเชิง เมื่อได้มายืนอยู่ในสถานที่อลังการเช่นนี้

" ยินดีต้อสรับนายท่านกลับสู่จวน...เชิญท่านแม่ทัพเข้าไปพักผ่อนด้านในเถอะขอรับ " เสกพยักหน้ารับแล้วเดินตามบ่าวคนที่พูดเข้าไปข้างใน

-------------------------------------

เสกถูกพามานั่งยังห้องรับรองกว้างด้านหน้าเรือนใหญ่ ภายในห้องมีเครื่องประดับมีค่ามากมาย โต๊ะ เก้าอี้ ตั่ง ล้วนถูกแกะสลักอย่างวิจิตร บนตั่งตัวใหญ่ปูลาดด้วยหนังสัตว์ เสกเดินขึ้นไปนั่งแล้วบรรดาบ่าวนำอาหารเครื่องดื่มมาบริการ ขณะนั้นก็มีเสียงคนกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามา ซึ่งเขาเป็นบ่าวอาวุโสที่มีฐานะเป็นพ่อบ้านของที่นี่  แม้รูปร่างจะซูบผอม ผมเผ้ายาวสยายขาวโพลน หากใบหน้ายังเอิบอิ่มสดใส ยามเดินเหินดูกระฉับกระเฉงแข็งแรง เขาเดินสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน  

ค้อมตัวเล็กน้อยทำความเคารพผู้เป็นเจ้านาย

" ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว ...ขออภัยที่บ่าวออกมาต้อนรับช้า "
" ไม่เป็นไรหรอก...ยานนิค คุณเอ้ย...ท่าน...เอ...ใช้ป่าววะ แก..อื้อ..หยาบเกินไป อะไรดีวะ? " เสกนึกสรรพนามคุยกับบ่าวไพร่ไม่ออก เพราะเกิดมาไม่เคยเป็นเจ้าคนนายคนมาก่อน
" อ้า...ท่านแม่ทัพขอรับ "

หัวหน้าคนรับใช้มองอากัปกิริยาของเจ้านายอย่างแปลกใจ ดูเหมือนเขาจะไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมของที่นี่ราวเปลี่ยนเป็นคนละคน ทำให้คนที่ก้มหัวคารวะให้ถึงกับทำหน้าเจื่อนๆ เหลือบตามองผู้เป็นนาย เห็นอีกฝ่ายยังนั่งกอดอกทำสีหน้าครุ่นคิดเหมือนงงๆสับสน เขาจึงส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มอย่างขบขันท่าทางจะออกปราบปรามพวกมอนสเตอร์หนัก อดหลับอดนอนจนเบลอไปหมด สมองจึงสับสนวุ่นวายจำเป็นต้องช่วยให้ผ่อนคลาย อันเป็นหน้าที่หลักของเขา

" เรียนท่านแม่ทัพ มีพระราชโองการจากกษัตริย์ไกอา ให้ท่านแม่ทัพเข้าเฝ้าในวังพรุ่งนี้ ณ ท้องพระโรง ซึ่งพระองค์จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านในฐานะผู้กล้าปราบมอนสเตอร์จากภัยพิบัติ Sky Fall. ขอรับ "
" พรุ่งนี้ผมต้องเข้าเฝ้าหรอ? " เสกถามกลับงงๆ
" ขอรับ แต่..." หัวหน้าคนรับใช้มองเจ้านายแล้วค้างคำพูด

" แต่คงต้องจัดการเนื้อตัวนายท่านก่อน เพื่อตัวเตรียมตัวให้นายท่านเข้าเฝ้า "

คำว่า ' เตรียมตัวให้เขาเพื่อการเข้าเฝ้า ' ลงเสียงหนักๆเหมือนต้องการเน้นย้ำ  ซึ่งเสกพอฟังก็เข้าใจในทันที ว่าผู้เป็นบ่าวต้องการอะไร การเข้าเฝ้ากษัตริย์ย่อมมีพิธีการตามระเบียบมณเทียรบาล สภาพของเสกในเวลานี้ทั้งทรุดโทรมทั้งมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง หากต้องไปเข้าเฝ้าในสภาพนี้นับว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง  

หลังจากหัวหน้าคนรับใช้สั่งงานคนอื่นๆเสร็จก็หันมาบอกกับเสกที่นั่งอยู่บนหลังสัตว์

" ขอเชิญท่านแม่ทัพตามข้ามาทางนี้...ข้าจะพาท่านไปชำระล้างร่างกาย เราจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว "

เสกเดินตามหัวหน้าคนรับใช้ไปยังเรือนรับรองด้านปีกตะวันตก เสกมีใบหน้ารื่นเริงและตื่นตากับภาพต่างๆรอบๆจวน  ระหว่างเดินไปบ่าวไพร่บริวารที่เดินสวนต่างหยุดทำความเคารพ โดยเฉพาะบ่าวสาวๆหน้าตาแฉล้มในชุดแม่บ้านแบบเมดทรวงอกดันผ้ากันเปื้อนออกมาเป็นพุ่ม ตู๊ม..ตู๊มสะดุดตา ทำเอาเขามองตามจนเหลียวหลัง บรรดาสาวน้อยก็ยิ้มหวานให้อย่างมีความหมาย หัวหน้าคนรับใช้เหลือบมองน้อยๆ แต่ไม่กล่าวกระไร

เดินมาจนถึงด้านหลังเห็นหลังคาเรือนไม้ด้านตะวันออกที่เห็นลิบๆพ้นดงพุ่มไม้ข้างหน้า หัวหน้าคนรับใช้พาออกมาทางประตูด้านข้าง  เดินผ่านระเบียงที่ทอดยาว จนมาบรรลุทางเดินซึ่งมุงหลังคากั้นแดดฝน บนพื้นปูลาดด้วยกระเบื้องสี ซึ่งสร้างเชื่อมจากเรือนหลังใหญ่ไปยังเรือนหลังเล็กที่เป็นปีกสองข้าง จนมาถึงหน้าเรือนไม้ชั้นเดียวหลังนั้น

' จะพาไปไหนวะ เดินมาตั้งนานแล้ว จวนแม่ทัพทำไมมันลึกลับซับซ้อนอย่างนี้? ' เสกหยุดรำพึงกับตนเอง และมองไปรอบๆ

" เชิญทางนี้ขอรับ นายท่าน..."

หัวหน้าคนรับใช้แตะแขนเสกเบาๆและบอกให้เดินตามไปในทางเดินแคบๆ ปูพื้นด้วยหินอ่อน จนกระทั่งมาหยุดตรงหน้าตึกขนาดใหญ่ด้านล่างก่อด้วยหินขัด คานและระเบียงเป็นไม้ หลังคาเป็นกระเบื้อง มีกำแพงสูงล้อมรอบอีกชั้น ด้านหน้าประตูไม้มีชายผิวดำเปลือยอกโพกศีรษะแบบทหารเปอร์เชียสองคนคาดดาบโค้งยืนทำหน้าตาทมึนทึนเป็นทวารบาลอยู่ เดาจากการก่อสร้างที่วิจิตรและมีคนกวดขันอย่างนี้ ณ แห่งนี้ต้องเป็นสถานที่สำคัญภายในจวนแน่ๆ

หัวหน้าคนรับใช้พาเสกมาหยุดตรงหน้าประตู ชายสองคนค้อมศีรษะทำความเคารพเขา

" เชิญท่านแม่ทัพเข้าไปพักผ่อนด้านในได้ขอรับ เราจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว "
" ง่า... ที่นี่คือ " เสกถามอย่างสงสัย
" ยินดีต้อนรับท่านแม่ทัพ มาถึงแล้วหรือขอรับ เชิญเข้ามาเลยขอรับ..."

เสียงดัดๆของบุรุษคนหนึ่งดังขึ้น และร่างในชุดเสื้อแขนกุดผ่าอกแบบแขก สวมหมวกกอเลาะห์ก็เดินออกมาจากประตูและโค้งศีรษะทำความเคารพเขาอย่างนุ่มนวลผิดรูปร่างกำยำผิวดำสนิท จากนั้นก็เดินเข้ามาประชิดตัวและกุรีกุจอเชื้อเชิญให้เสกตามเขาเข้าไปข้างใน เสกเดินตามไปอย่างมึนๆแต่พอเดินพ้นธรณีประตูเข้าไปก็ไม่เห็นหัวหน้าพ่อบ้านตามเข้ามา

" เอ่อ...คุณพ่อบ้าน ทำไมไม่ตามเข้ามาด้วยหล่ะ? "
" หมดหน้าที่ของข้าแล้วนายท่าน ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของรูอา จะดูแลนายท่านเอง "
" ง่า...ตามผมเข้าไปเถอะ ที่นี่มันแปลกๆยังไงไม่รู้ " เสกพูดด้วยท่าทีหวั่นเกรงกิริยาของชายผิวดำ
" ภายในตึกนี้ มีกฎว่าห้ามบุรุษอื่นใดเหยียบย่างเข้าไป นอกจากนายท่านผู้เดียว ร่างกฎเองลืมแล้วหรือขอรับ "
" หา..." เสกอุทานงงๆแล้วมองคนผิวดำทะมึนด้านข้าง

" ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่า ไอ้นี่เป็น..."
" ถูกต้องฮ้า...นายท่าน ข้าน้อยมีตำแหน่งเป็นยุนัด ผู้หมดพิษสงความเป็นชายแล้ว มีหน้าที่คอยควบคลุมเหล่าบรรดานางในฮาเร็มของนายท่าน ข้าน้อยจึงเป็นผู้ชายเพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับสิทธิพิเศษอยู่ในฮาเร็มได้นอก เหนือไปจากนายท่าน เรียกภาษาอื่นๆอาจจะงงๆเพราะไม่คุ้น แต่ถ้าเรียกแบบเข้าใจง่ายๆก็คือขันทีของจีนนั่นแหล่ะฮ้า..."
" ฮาเร็มของผม!?!" เสกอุทานคำนั้นออกมา

" ง่า... คุณกฤชสร้างฮาเร็มไว้ด้วยหรอ ?!? "

เสกพูดเสียงพึมพำๆ และนึกถึงคำว่า ' ฮาเร็ม ' สถานที่รวมของหญิงงามนับร้อย แต่ทุกคนมีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือคอยรับใช้ปรนเปรอความสุขให้ชายเพียงหนึ่งเดียว ' Harem ' ในภาษาอาหรับหมายถึง ' ต้องห้าม ' มันจึงเป็นสวรรค์บนดินของผู้ที่เป็นเจ้าของ แต่เป็นดินแดนต้องห้ามของชายอื่นอีกร้อยพัน ซึ่งแต่เดิมเป็นวิมานของบรรดาสุลตาลเจ้าครองนครแถบๆอาหรับ

เปรียบไปก็เหมือนโรงอาหารที่เต็มไปด้วยของคาวหวานอุดมสมบูรณ์ แต่มีไว้บำเรอปากท้องของคนเพียงคนเดียว ส่วนชายอื่นต่อให้ปากแห้งจนท้องกิ่วก็ไม่มีสิทธิ์ลิ้มลองเพียงครั้งเดียว  เขาไม่นึกว่าภายในจวนของแม่ทัพแห่งนี้ จะมีสถานที่แบบนี้ด้วย ภาพในฝันแบบโรแมนติกของบรรดาผู้ชายผุดขึ้นในหัวทันที เขานึกถึงภาพสาวงามนุ่งน้อยห่มน้อยหรือไม่นุ่งอะไรเลยเข้ามารายล้อมออเซาะฉอเลาะรอบๆกายเอาใจเขาเพียงคนเดียว

" นายท่านขอรับ เชิญตามข้ามาทางนี้ขอรับ บรรดาสาวๆรอปรนนิบัติท่านอยู่ " เจ้าขันทีแขกผิวดำเอ่ยบอกเสก ซึ่งกำยืนฝันหวานตาเยิ้มอยู่เมื่อได้รู้ว่าจะเข้าสู่ฮาเร็ม สถานที่ในฝันของบุรุษ
" ง่า...พะ  พาผมไปเลย อีกไกลไหม? " เสกเอ่ยถามแล้วสาวเท้าก้าวตามไปติดๆ นึกถึงภาพสาวน้อยหน้าแฉล้มนับร้อยๆรอคอยปรนนิบัติเขาแล้วแทบอดใจไม่อยู่
" นายท่านออกไปปฏิบัติราชการครั้งนี้นานเกือบเดือน บรรดาสาวๆในฮาเร็มบ่นคิดถึงท่านทุกคน และท่านพ่อบ้านก็ยังไปหาชื้อพวกนางจากพ่อค้าทาสมาใหม่อีกหลายคน พวกที่มาใหม่ๆก็ล้วนเป็นพวกเชื้อพระวงศ์ตกยากทั้งนั้น ยังเจ้ายศเจ้าอย่าง ต้องสั่งสอนอยู่นานกว่ากว่าจะยอมทำตามระเบียบ นี่ก็รอนายท่านกลับมาทำสัญญา..."

พอได้ยินคำว่าทำสัญญา เสกนึกถึงเรื่องที่คุยกับ AI.เสียงหวานส่วนตัว 'ถ้าผู้เล่นมีบ้าน จะสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ ๘ ตัว แต่ถ้าได้รับยศตำแหน่งสูงๆและมีบ้านพักหลังใหญ่ จะสามารถชื้อสัตว์เลี้ยงได้เป็นร้อยๆตัว แต่ต้องระวังหน่อย เพราะสัตว์เลี้ยงพวกนี้จะเป็น AI. ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง หากเราเลี้ยงดูไม่ดี สัตว์เลี้ยงพวกนี้อาจจะหาทางฆ่าเจ้าของเพื่อเป็นอิสระ หรือไม่ก็อาจจะนำความลับเจ้าของไปบอกคนอื่นๆเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้...'

' สาวๆในฮาเร็มนี่ เข้าข่ายสัตว์เลี้ยงในเกมหรือเปล่านะ?' เสกรำพึงเมื่อนึกถึงคำเตือนของ AI.ส่วนตัวขึ้นมาชักหวั่นๆ 'การทำสัญญามันมีแต่กับสัตว์เลี้ยงนี่ หมายความว่า... สาวๆในฮาเร็มมีสถานะเป็นสัตว์เลี้ยง อื่อ...คุณกฤชเอามาเลี้ยงไว้เยอะหรือเปล่า แล้วมีใครดื้อบ้าง... เขาว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดคือผู้หญิง เราต้องระวังตัวไว้ก่อน...'

" ตามาทางนี้ นายท่าน..." เจ้าขันทีแขกผิวดำเดินนำหน้าเข้าไปด้านใน ผ่านทางเดินยาวที่รอบๆ เต็มไปด้วยสวนดอกไม้หลากสีงดงามราวกับสรวงสวรรค์

กลิ่นหอมของมันขจรขจายไปทั่วบริเวณนั้น ชายผิวดำคนที่เดินนำหน้าหันมาผายมือเชิญ เป็นเชิงเร่งให้เขารีบตามเขาไปเมื่อเห็นว่าเสกมัวแต่หยุดมองความงามของสวนดอกไม้อยู่ และทำท่าซาบซึ้งกับกลิ่นหอมกำจายนั่น

" ขอต้อนรับนายท่านเข้าสู่ฮาเร็ม!!!"

ประตูขนาดใหญ่เปิดออกและขันทีแขกผิวดำโค้งศีรษะผายมือเชิญเสกให้เข้าไปข้างใน เสกเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปด้วยใจระทึก เดินเข้าไปสอง-สามก้าวเขาก็หยุดทอดสายตาสำรวจไปทั่วบริเวณนั้น ซึ่งเป็นห้องกว้างขวางขนาดใหญ่มหึมาดูคล้ายกับท้องพระโรงหรูหราคล้ายๆพระราชวังของยุโรปประดับไปด้วยข้าวของราคาแพงดูวิจิตรงดงาม เพดานสูงจนต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่ามอง แลเห็นโคมไฟระย้าทำจากแก้วคริสตั้นแขวนอยู่ด้านบน

เสาแต่ละต้นสูงใหญ่มหึมาเรียงรายค้ำอยู่ดูหนักแน่นมั่นคง ผ้าม่านสีขาวปักดิ้นทองแขวนประดับตามหน้าต่างประตูดูละลานตา พื้นที่ขนาดหลายร้อยตารางวาจัดเป็นห้องโถงใหญ่ มีห้องพักกว่าร้อยห้องและยังมีห้องย่อยๆเพื่อใช้งานต่างๆ ทั้งห้องครัวห้องเก็บไวน์ ห้องอาบน้ำ ห้องพยาบาลและเรือนจำอยู่ด้านหลังสำหรับไว้กักขังนางในฮาเร็มที่กระทำความ ผิดหรือทำผิดกฎ

" ณ ที่นี้คือฮาเร็มของนายท่าน สาวๆในนี้ไม่ได้มีแต่ความสวยสะโอดสะอง หน้าตาสวย หุ่นอวบอั๋นเป็นแม่พันธุ์ชั้นดีเท่านั้น เราได้คัดเลือกทำการฝึกฝนในการบำรุงบำเรอให้นายท่านมีความสุขพึงพอใจ พวกนางจะปรุงแต่งความงดงามตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ ต้องอาบน้ำนวดหน้านวดตัว ฝึกตนตรีวิชานาฏศิลป์และนั่น มโหรีบรรเลง " ขันทีแขกตัวดำอธิบายเรื่องราวต่างๆให้เขาทราบ จากนั้นออกคำสั่งให้คณะนักดนตรีสาวๆบรรเลงเพลงเบาๆคลอเคล้าบรรยากาศต้อนรับเขา
" ว้าว! " เสกอุทานตาโตเมื่อเห็นสาวๆหน้าตาจิ้มลิ้มสวมชุดบางๆเป็นผ้าซีทรู นั่งบรรเลงเครื่องดนตรีอยู่ราวสิบคน

แต่ละอนงค์นางหน้าตาทรวดทรงสอบผ่านแบบเกียรตินิยมทุกคน พวกนางบรรเลงเครื่องสายไปชายตาสบเขาด้วยจริตจะก้านยั่วยวน ทำเอาเสกมองดูปทุมถัน บั้นเอว สะโพก หนั่นเนื้อแล้วอยากจะหยุดนั่งฟังการบรรเลงดนตรีต้อนรับนั่น

" เชิญนายท่านทางด้านนี้ขอรับ ที่เห็นนี่แค่ตัวอย่าง..." เสียงเรียกทำเอาเสกที่กำลังเคลิ้มกับเสียงดนตรีคืนสติ และออกเดินตามขันทีผิวดำที่เดินนำไปยังห้องถัดไป เสียงดนตรียังแว่วหวานลอยตามหลังมา
" โอ้ว...ตัวอย่างยังเด็ดขนาดนี้ ของจริงจะขนาดไหนกันเนี่ย!? " เสกรำพึงในใจอย่างตื่นเต้นเมื่อเดินตามไป

เสกเดิ

phisuiti


renmaster

อุดหนุน ใน meb มาแล้วครับท่านนีโอ .. เล่มนึง ล่อไปพันกว่าหน้า อ่านกันตาแฉะเลยทีเดียว จะรอเล่ม 2 นะครับ

bunrikung

เอ๋มีหนังสือด้วยหรอครับ อยากทราบชื่อครับเหมือนได้อ่านตัวอย่างแล้วอยากอุดหนุนครับ ขอบคุณครับ

Bleach69

รอตอนต่อไปอยู่นะครับผม กำลังสนุกเลย ชอบๆ

chaidui


mgz101

ยาวจนมึนdymaicยังมิอาจสู้ท่านAss ความรู้สึกส่วนตัวนะจ๊ะ สู้ๆ