ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ตำนานนักรัก ตอนที่ 82

เริ่มโดย suckzeed, พฤษภาคม 29, 2016, 08:43:16 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

 [size=9][backcolor=#66FF00]กดอ่านก่อนอ่านผลงาน [/backcolor][/size]  

ช่วงแรกที่รถพยาบาลฉุกเฉินวิ่งออกจากบ้าน ผมก็ยังขับรถตามหลังเกาะขบวนไปได้เป็นอย่างดี แต่เพียงไม่นาน ผู้ที่ขับรถ
ชำนาญและเก่งกว่าผม ก็ค่อยๆแซงหน้าผมไปทีละคันๆ จนกระทั่งผมหลุดออกจากขบวน ฉนั้นกว่าจะตามไปถึงโรงพยาบาล
ได้ ทั้งคุณดาและพ่อตาผมก็ถูกนำตัวไปยังห้องฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว

คุณวิตามเข้าไปช่วยดูแล ส่วนผมถูกเจ้าหน้าที่หน้าห้องฉุกเฉินตามตัวให้ไปกรอกทำประวัติคนไข้ ถามโน้นถามนี่ จนหลาย
คำถามผมก็ไม่สามารถตอบได้

"เอาอย่างนี้ครับคุณพยาบาล..รอให้คนป่วยได้สติก่อนค่อยซักถามรายละเอียด ช่วงนี้คุณก็ช่วยรักษาดูแลให้เต็มที่ และถ้า
ต้องอยู่พักค้าง คุณก็จัดห้องที่ดีที่สุดที่คุณมีให้กับทั้งสองได้เลย..เรื่องเงินผมไม่มีปัญหา..."

แม้ผมจะเข้าใจดีว่ามันต้องมีพิธีขั้นตอนมากมายตามระเบียบของโรงพยาบาลเอกชนในการรับคนป่วยเข้ารักษาเป็นคนไข้ใน
แต่ทว่าผมก็ไม่อยากมาเสียเวลาตอบคำถามโน้นนี่ เพราะใจมันร้อนลุ่มอยากตามเข้าไปดูคุณดาและพ่อตาผมในห้องฉุกเฉิน
มากกว่า จึงตัดบทตอบไปด้วยสุ้มเสียงแข็งๆ หน้าตึงๆ จนพยาบาลเวรหน้าห้อง ต้องพับเรื่องซักถามไว้ชั่วคราว

ผมจึงได้มีโอกาสเข้าไปดูแลทั้งพ่อตาและเมียได้ แต่ก็เพียงยืนดูอยู่ห่างๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ประจำเวรห้องฉุกเฉิน
ที่สุดทั้งคุณดาและพ่อตาผมก็จำต้องเข้าเช็คอินเป็นคนไข้ใน ถูกบุรุษพยาบาลเข็นเตียงแยกกันขึ้นไปนอนรักษาตัวบนตึก
ในห้องส่วนตัวใกล้ๆกัน โดยเฉพาะที่ห้องของคุณดา มีทั้งหมอและพยาบาลเดินเข้าๆออกๆ แล้วสุดท้ายก็เข็นเตียงของคุณดา
ออกมาจากห้องอีกครั้ง

"จะพาเมียผมไปไหนครับ..." ผมร้องถามพยาบาลร่างบางๆ ที่เดินถือสมุดชาร์ตประวัติการรักษาคุณดา ตามหลังบุรุษพยาบาล
ออกมาจากห้อง

"ห้องทำคลอดค่ะ.."

เสียงเล็กๆตอบกลับอย่างรีบร้อน แล้วไม่รอให้ผมซักถามต่อ รีบเดินจ้ำอ้าวตามเตียงของคุณดาไปครั้นผมจะเดินตามเข้าลิฟท์
เธอกลับหันมายกมือห้ามแล้วร้องบอกเบาๆ

"สามีคนไข้รอที่นี่ก่อนดีกว่าค่ะ...เดี๋ยวเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณหมอจะมาบอก..."

ผมจึงต้องยอมหยุดยืนอยู่ที่หน้าลิฟท์ มองร่างไร้สติของคุณดาที่มีสายน้ำเกลือ ระโยงระยางเสียบอยู่ที่แขนของเธอ ปล่อยให้
ประตูลิฟท์ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ แล้วพาร่างของเธอหายลับไป จึงหมุนตัวกลับ เดินไปยังห้องพักรักษาตัวของพ่อตาผม ที่มี
คุณวินั่งเฝ้าอยู่

"คุณวิ..พยาบาลเข็นเตียงคุณดาไปห้องทำคลอด..มันหมายความว่ายังไงครับ..." ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องพักรักษาตัวของ
พ่อตาเข้าไปก็รีบร้องถามคุณวิทันที

"โธ่....คุณดา.."

แทนที่คุณวิจะรีบตอบคำถามของผม เธอกลับอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงและหน้าตาเศร้าๆ แทน จนผมต้องจับไหล่เธอเขย่า
แล้วถามย้ำอีกครั้ง

"วิ..เสียใจด้วยนะคะ...คุณดาคงเสียเด็กในท้องไปแล้วละค่ะ..."

คำตอบเบาๆของคุณวิ ถึงกับทำให้ผมยืนอึ้ง แม้เด็กในท้องคุณดาจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของผมก็ตาม แต่ผมกลับรู้สึก
ใจหาย และเศร้าเสียใจจนน้ำตาไหลออกมา จนคุณวิต้องเอื้อมแขนมากอดปลอบ พร้อมกระซิบให้กำลังใจ สักครู่จึงค่อยๆ
คลายวงแขนออก

"ขอบคุณครับคุณวิ..ผมไม่เป็นไรแล้ว..ว่าแต่พ่อเป็นยังไงบ้างครับ.."

ผมรีบร้องถามอาการของพ่อตา ด้วยยังเห็นว่าท่านนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ที่แขนมีสายน้ำเกลือโยงระยางไม่ต่างจาก
คุณดาเลยสักนิด

"วิก็ยังไม่ทราบค่ะ...คุณท่านคงอ่อนเพลีย เสียใจ จนความดันขึ้นสูง..แต่อาการอย่างอื่นจะมีมากอีกมั๊ย คงต้องรอให้คุณหมอ
มาตรวจซ้ำอีกครั้ง..."

คุณวิตอบกลับเบาๆ พร้อมขยับไปยืนข้างเตียงพ่อตาผม ยื่นมือเรียวขาวของเธอไปแตะไล้ตามแขนพ่อตาผมอย่างแผ่วเบา
ด้วยความห่วงใย ดูอาการที่แสดงออกมาแล้วผมมั่นใจเลยว่าคุณวิ ทำไปด้วยความรักและความห่วงใยพ่อตาผมในฐานะอื่น
มากกว่าฐานะพยาบาลประจำตัวอย่างแน่นอน

ผมนั่งรอด้วยความกระวนกระวายใจต่อไปอีกเกือบสองชั่วโมง บุรุษพยาบาลคนเดิมก็เข็นเตียงคุณดาออกมาจากลิฟท์
ผมรีบผุดลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปหา คราวนี้นอกจากพยาบาลตัวเล็กๆคนเดิมแล้ว ยังมีคุณหมอวัยกลางคนเดินตามออก
มาจากลิฟท์ด้วย

"สามีคนไข้ค่ะคุณหมอ..." คุณพยาบาลรีบแนะนำ

"คุณกานดาปลอดภัยแล้วครับอาการบอบช้ำทางร่างกายไม่มีปัญหา..แต่ว่า...ผมขอแสดงความเสียใจด้วยที่ไม่สามารถช่วย
เหลือเด็กในท้องได้..."

คำตอบของคุณหมอ เหมือนดั่งที่คุณวิคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจริงๆ ว่าบัดนี้ ผมสูญเสียทารกในท้องของคุณดาไปให้กับความ
ป่าเถื่อนของไอ้คนโรคจิตทัดเทพ ซึ่งมันก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ทารกในครรภ์ของคุณดา เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ของตัวมันเอง

"ขอบคุณครับคุณหมอ..."

ผมพยายามอดกลั้นใจ กล่าวขอบคุณนายแพท์ท่านนั้นไปเบาๆ แล้วหมุนตัวกลับเดินเข้าห้องไปดูคุณดาที่นอนหลับ
ไร้สติบนเตียง สักครู่ทั้งหมอทั้งพยาบาลต่างก็ทะยอยเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมอยู่ตามลำพัง จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิด
ประตุเข้ามา จึงหันไปมองเห็นคุณวิเดินเข้ามา

"คุณดาเป็นยังไงบ้างคะ.."

"คุณดาปลอดภัยครับ..แต่.." แม้ผมตอบไม่ได้มากไปกว่านี้ คุณวิแกก็เข้าใจ ยื่นมือมาลูบแขนปลอบผมเบาๆ

"คุณวิกลับบ้านไปก่อนเถอะครับ..ผมอยู่ดูแลทางนี้เอง...." เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ที่ผมและคุณวิต่างจ้องมองร่างไร้สติของ
คุณดากันเงียบๆ จนผมต้องเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

"คุณนั่นแหละควรกลับบ้านค่ะ..ทางนี้วิดูแลเองได้..คุณควรไปเอาเอกสารต่างๆทั้งของคุณดาและคุณท่านมาที่โรงพยาบาล
ในวันรุ่งขึ้น...ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณดาคะ..เธอถึงได้...เป็นแบบนี้...เมื่อบ่ายแก่ๆก่อนออกจากย้าง วิก็เห็นคุณดายังเป็น
ปรกติ..."

แม้มันจะมิใช่เวลาที่คุณวิจะถาม เพราะความข้องใจอยากรู้เรื่องก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้โกรธต่อว่าเธอ ด้วยรู้ดีว่าเธอถามเพราะ
ความเป็นห่วง ครั้นจะตอบตามตรงว่าสาเหตุที่ทำให้คุณดาเป็นแบบนี้ เพราะไอ้ทัดเทพ ผมก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม จึงหุบ
ปากไม่ยอมตอบ คุณวิก็ไม่กล้าซักถามต่อ

"ถ้างั้นผมฝากคุณวิดูแลคุณดากับพ่อด้วยนะครับ..ป่านนี้ที่บ้านคงวุ่นวายกันน่าดู แล้วผมจะมาใหม่พรุ่งนี้เช้าครับ"

เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ปรากฏว่าทั้งสาลี่และมะลิต่างนั่งรอการกลับมาของผม แล้วรีบซักถามอาการของคุณดา และพ่อตาผม
จนแทบตอบไม่ทัน จึงต้องเล่าเรื่องทั้งมหดให้สองพี่น้องรับรู้ จากนั้นก็ปลีกตัวขึ้นไปรื้อกระเป๋าถือของคุณดา ตรวจดูเอกสาร
ต่างๆจึงทราบว่าคุณดานั้นมีบัตรที่เธอทำประกันชีวิตไว้ ส่วนของพ่อตาผมมีเพียงบัตรประชาชนเก่าๆใบหนึ่งที่ใช้ยืนยันว่า
แกชื่ออะไรนามสกุลอะไรเท่านั้น ผมจึงเก็บบัตรทั้งสองยัดลงในกระเป๋าสตางค์ส่วนตัว เพื่อเอาไว้แสดงให้เจ้าหน้าที่โรง
พยาบาลในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนก่ายหน้าผากครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา โดยเฉพาะผมต้องหาวิธีเอาคืน
ไอ้ทัดเทพและสมุนบริวารของมันอย่างสาสม

พอวันรุ่งขึ้นผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว จึงขับรถไปเยี่ยมคุณดาอีกครั้ง พอขึ้นไปถึงชั้นที่คุณดาพักรักษาตัว พยาบาลประจำ
เวรในตอนเช้า รีบตรงเข้ามาหาผม เมื่อทราบว่าผมเป็นสามีของคุณดา

"เอ้อ..คุณคะ..เดี๋ยวสายๆวันนี้ คุณหมอวิโรจน์ขอพบนะคะ..."

"คุณหมอวิโรจนน์...ต้องการพบผมเรื่องอะไรครับ..." ผมย้อนถามกลับด้วยความงุนงง แต่ก็คาดการว่านายแพทย์ท่านนี้ คง
เป็นคุณหมอที่ดูแลรักษาคุณดาเป็นแน่

"เอ้อ..ดิฉันไม่ทราบค่ะ..รอพบแล้วคุณหมอท่านจะบอกเองดีกว่า..."

พยาบาลสาว พูดยิ้มๆเสียงเรียบเย็น แล้วหมุนตัวเดินผละไป ผมจึงได้เข้าไปเยี่ยมคุณาในห้อง เมื่อเปิดประตุเข้าไป ก็เห็น
เธอหันหน้ามามอง แล้วพอมองเห็นว่าเป็นผม เธอก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้ ผมจึงเร่งเดินเข้าไปกอดปลอบเบาๆให้กำลังใจ

"คุณ...ลูก...ลูกไม่อยู่แล้ว...ฮืออออ.."

"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณดา...อย่าคิดมาก...ยายหนูคงมีบุญมาแค่นี้...ไว้เราค่อยมีลูกกันใหม่ได้นี่ครับ..." ผมร้องปลอบเบาๆ
พยายามอดกลั้นความเสียใจ ไม่แสดงออกมาให้เธอเห็น

"ขอบคุณนะคะ..ที่คุณรักแก แม้จะรู้ว่าแกไม่ใช่..." คุณดาร้องบอกเสียงสะอื้น จนผมต้องยื่นมือไปปิดปากเธอไว้ก่อนที่เธอจะ
พูดออกมาจบประโยค

"ผมรักแกครับ...ชิวิตแกบริสุทธิ์เกินกว่าจะรับรู้ว่าพ่อเลวๆคนนั้นมันทำกับแก...คุณดาไม่ต้องเสียใจหรอกครับ..ไว้เราค่อยมี
ลูกกันใหม่ก็ได้..."

ผมต้องพูดย้ำอีกหลายครั้ง เพื่อให้ความหวังกับคุณดาว่า จะมีลูกใหม่กับผม จนเธออ่อนเพลียสิ้นเสียงร่ำไห้ และนอนหลับ
ไปในอ้อมกอดของผม จนผมต้องค่อยๆ ขยับตัวอย่างแผ่วเบา ออกมานั่งรอหมอวิโรจน์ที่โซฟาภายในห้อง จนครู่ใหญ่ หมอ
วิโรจน์จึงเข้ามาตรวจดูอาการของคุณดาอีกครั้ง จนเรียบร้อยจึงเอ่ยปากชวนผมออกมาพูดคุยกันนอกห้อง

"อาการคุณดาเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ..." ผมรีบร้อนถามด้วยความร้อนใจ

[post]"เอ้อ...อาการทั่วไปที่เกิดจากการตกเลือดและการบอบช้ำทางร่างกาย...เรียบร้อยดีครับ..แต่ว่า...ผมคงต้องขอตัดชิ้นเนื้อที่
ปากมดลูกคุณดาไปตรวจดูก่อนนะครับ.."

ตอนแรกที่ผมได้ยินคุณหมอวิโรจน์บอก ก็ยิ้มดีใจ  ที่คุณดาไม่มีอาการเป็นอะไรมาก แต่พอได้ยินคำว่าแต่ว่าเท่านั้น ผมถึง
กับใจสั่น แล้วหน้าซีดลงทันทีที่หมอวิโรจน์พูดจบ

"ตัดชิ้นเนื้อไปพสูจน์..อะไรครับ.." ผมรีบร้อนถามด้วยความกังวล ลางสังหรณ์มันบอกกับผมทันทีว่า เมื่อหมอมาขออนุญาต
แบบนี้ เรื่องคงไม่ใช่เล็กน้อยเป็นแน่

"ให้ผลพิสูจน์ออกมาก่อนดีกว่าครับ ผมจึงค่อยบอกให้ทราบ..." หมอวิโรจ์พูดออกมาด้วยเสียงและสีหน้าเคร่งขรึม แต่การ
ให้ผมรอคำตอบนี่มันช่างทรมานใจจนผมอดโพล่งถามออกไปตามที่คิดไม่ได้

"หมอหมายความว่า..คุณดาเมียผม อาจเป็นมะเร็งที่ปากมดลูกใช่มั๊ยครับ..."

"เราก็หวังว่ามันจะไม่ใช่ครับ...ใจเย็นๆครับคุณ บ่ายๆเย็นๆนี้ ผลก็จะออกมาแล้ว..."

ลองว่าหมอวิโรจน์พูดออกมาแบบนี้แล้ว มันน่าจะเกินกว่า90%  ที่คุณดาเมียผมจะเป็นมะเร็งปากมดลูก เพียงแต่ว่ามันยัง
เป็นมะเร็งในระดับขั้นไหนเท่านั้นเอง แต่มันก็แทบทำให้เข่าผมทรุด จนต้องเดินคอตกไปทรุดตัวนั่งรอฟังผลที่โซฟา

จนสายๆคุณวิก็แวะเข้ามาดูแลคุณดา พอเธอมองเห็นผมนั่งอย่างคนอ่อนแรงอยู่ที่โซฟาก็แปลกใจ รีบตรงมาทรุดตัวนั่งข้างๆ
แล้วสอบถาม

"คุณหมอสันนิษฐานว่าคุณดาจะเป็นมะเร็งที่ปากมดลูกครับ..ตอนนี้กำลังส่งชิ้นเนื้อไปพิสูจน์.." ผมตอบให้คุณวิทราบ
พร้อมมอบเอกสารบัตรประจำตัวทั้งของคุณดาและพ่อตาผม รวมถึงบัตรประกันสุขภาพของคุณดา ให้คุณวิช่วยเป็นธุระจัด
การให้ จากนั้นเธอก็อยู่นั่งคุยปลอบใจผมสักครู่ใหญ่ จึงลุกออกไปจัดการธุระที่ผมมอบหมายให้

จวบจนกระทั่งเย็น ที่เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมก็ได้รับคำยืนยันจากนายแพทย์วิโรจน์ ว่าคุณดาเป็นมะเร็งปากมดลูกจริงๆ
แต่เป็นเพียงขั้นที่2 วิธีการรักษามีหลายขั้นตอน เริ่มจากวิธีแรกนั้นก็คือ ต้องตัดปากมดลูก และท่อรังไข่ทิ้ง เพราะมันลุกลาม
ไปถึงจุดนั้นแล้ว

"เอ้อ..แล้วหลังจากตัดมดลูกทิ้งแล้วคุณดาจะเป็นยังไงครับ.." ผมถามออกไปด้วยสุ้มเสียงแห้งๆสั่นๆ แม้ไม่อยากรู้คำตอบ แต่
ผมก็จำเป็นต้องรู้

"เอ้อ...คุณดาจะมีบุตรอีกไม่ได้แล้วครับ แต่ไม่สำคัญเท่ารังไข่ เมื่อถูกตัดมันจะสร้างฮอร์โมนอีกไม่ได้ เมื่อระดับฮอร์โมนต่ำ
คุณดาอาจจะเข้าวัยทองก่อนเวลาอันควร และมีผลข้างเคียงอีกหลายอย่างครับ...ถ้ารักษาวิธีนี้แล้วได้ผล ก็ไม่ต้องใช้เคมี
บำบัดครับ.."

"ครับ..คุณหมอจัดการได้เลยครับ..." ผมตอบออกไปด้วยสุ้มเสียงแห้งๆ แล้วลืมนึกไปเสียสนิทว่าผมนั้นเป็นเพียงสามีของ
คุณดาเพียงพฤฒินัยเท่านั้น หาได้มีผลทางกฏหมายแต่อย่างใด[/post]

p_hart


คนธรรมดา ธรรมดา

อ่านแล้วรู้สึกพิมพ์ไม่ถูกเลยว่าคุณดานี่แหละที่น่าสงสารที่สุด

Skyline4646

เคราะห์กรรมซัดมาสองระรอก สงสารคุณดาจริงๆ

เฉลิมพล พรมจันทร์

ไอ้สัดนรกทัดเทพนี้น่าจะให้ตายไปเลย