ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 7 ความลับของ หลิงหลิง

เริ่มโดย zeech, มิถุนายน 16, 2016, 09:06:28 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

zeech

หมอวิปลาส ตื่นจากหลับใหล มองดูใบหน้าที่งดงามของ ลิ่มบ้อฮวยในขณะกำลังหลับ
อย่างมีความสุข ในที่สุดมันก็ได้สมรักกับนางตามที่มันปรารถนา
มันไล่สายตาสำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่าของนาง พลางใช้มือของมันลูบไล้
อย่างทะนุถนอม

ลิ่มบ้อฮวยเมื่อถูกสัมผัสร่างอย่างนิ่มนวลเช่นนั้นก็ลืมตาขึ้น นางจำเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ได้ทั้งหมด นางไม่เข้าใจว่าเหตุใด นางจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
แต่นางก็ไม่เสียใจ ยิ่งคิดถึงบทรักอันรัญจวนใจ ที่หมอวิปลาสมอบให้ นางก็รู้สึกวาบหวิว
ในอารมณ์ขึ้นมา สายตาของนางหยาดเยิ้ม ยามสบตากับหมอวิปลาส

"แม่นางลิ่ม เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง"

"เหตุการณ์ล่วงเลยมาถึงเพียงนี้ ท่านยังเรียกข้าว่า แม่นางลิ่มอีกหรือ  ท่านต้องเรียกเพียงชื่อของข้า"

หมอวิปลาสยิ้มออกมา แล้วพูดออกมาใหม่

"เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง บ้อฮวย"

ลิ่มบ้อฮวยยิ้มอย่างมีความสุขออกมา นางนึกไม่ถึงเช่นกันว่า
หากเปิดใจรับสิ่งที่ใหม่เข้ามา จะทำให้ก่อเกิดความสุขเช่นนี้

"ข้ารู้สึกว่า ข้าแข็งแรงขึ้นมาก เหมือนมีกำลังก่อเกิดขึ้นใหม่ในร่างของข้า"

หมอวิปลาส หัวเราะร่า ออกมา

"นั่นเป็นเพราะว่า ข้าได้มอบพลังให้เจ้า  มา มาให้ข้ามอบพลังให้เจ้าอีกสักครั้ง"

แล้วหมอวิปลาส ก็พลิกร่างขึ้นคร่อมร่างเปลือยของลิ่มบ้อฮวย ใบหน้าของมันซุกไซ้
ไปทั่วทั้งเรือนร่างของนาง เหมือนพึ่งเคยพานพบเป็นครั้งแรก
ลิ่มบ้อฮวย ก็เริ่มส่งเสียงครวญครางด้วยความเสียวซ่านขึ้นมาอีกครา
แม้นใครได้ยินก็คงจะอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกวาบหวิว รัญจวนใจขึ้นเป็นแน่

------------

เยี่ยกุ้ยอิง เหม่ยผิง และ เหม่ยลี่ หนีหลุดจากวงล้อมของลัทธิเบญจธาตุออกไปได้
ก็มารวมตัวกันอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง คอยฟังข่าวของเจ้าสำนักลิ่มบ้อฮวย
เนื่องจากไม่ทราบว่า หลิงหลิง พานางหลบหนีไปที่ใด ทั้งยังคอยติดตามดูเหล่า
บริวารของลัทธิเบญจธาตุ เพื่อสืบความเป็นไปของเหม่ยเยี่ยอีกทางหนึ่ง

เวลาผ่านไปนาน เจ็ดวันแล้ว ทั้งสามก็ยังไม่ได้รับข่าวใดๆเลย จึงตัดสินใจ
สะกดรอยตาม บริวารของลัทธิเบญจธาตุกลุ่มหนึ่งมาถึงโรงเตี๊ยม
บริเวณภายนอกโรงเตี๊ยมมีคนล้อมมุงดูสิ่งหนึ่งกันอย่างเนืองแน่น
จึงพากันเร่งฝีเท้าเข้าไปดู ภาพที่เห็นก็คือ ทูตทั้งสี่แห่งลัทธิเบญจธาตุ
ยืนอยู่กลางวงล้อมนั้น พร้อมกับผู้คนที่มีทั้งคนชรา สตรี และเด็ก
ถูกควบคุมตัวไว้ ทูตไฟผู้เป็นพี่ใหญ่ของทูตทั้งสี่ป่าวประกาศเสียงดัง
ออกมาว่า

"พวกเจ้าทั้งหลายที่มารวมกันอยู่ ณ ที่นี้ จงกลับไปแจ้งข่าวแก่
หานไป่เจี้ยน จอมยุทธจอมปลอมที่พวกเจ้านับถือกันนักหนาด้วยว่า
หากภายในสามวัน ยังไม่นำ กระบี่เก้าศาสตรา มาคืนให้แก่ลัทธิเรา
ครอบครัวชาวยุทธของพวกเจ้าทุกคน จะถูกพวกเราฆ่าล้างโคตรให้
หมดเช่นเดียวกับครอบครัวนี้"

พูดจบบริวารของมันก็ผลักชายชราที่ถูกพันธนาการผู้หนึ่งออกมา
แล้วเงื้อดาบฟันลงไปที่ร่างของชรานั้น สิ้นใจตายลงทันที

ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างร้องฮือขึ้น  

บริวารแห่งลัทธิเบญจธาตุอีกผู้หนึ่งก็ตรงเข้าไปดึงร่างของ
แม่เฒ่าชราอีกผู้หนึ่งออกมา เงื้อดาบขึ้นแล้วฟาดลงทันที

แต่ดาบยังมิทันฟาดลงมาต้องร่างของแม่เฒ่าชรา
บริวารของลัทธิเบญจธาตุผู้นั้นก็ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด
และจบชีวิตลงเสียก่อน ร่างของมันฟุบลงกับพื้น ก็ปรากฎ
ร่างของผู้ที่แทงกระบี่ใส่มัน เยี่ยกุ้ยอิงนั่นเอง

เยี่ยกุ้ยอิงมิอาจทนดูต่อไปได้อีกต่อไป นางกระโดดออกมา
แทงกระบี่ไปยังร่างของบริวารลัทธิเบญจธาตุผู้นั้น
ด้วยความโกรธ เหล่าบริวารของมันคนอื่นๆเห็นดังนั้น
ก็กรูเข้ามาล้อมเยี่ยกุ้ยอิงไว้

เหม่ยผิง และ เหม่ยลี่เห็นดังนั้น ก็กระโดดเข้ามาใช้กระบี่
ฟาดฟันเหล่าบริวารของลัทธิเบญจธาตุที่ปิดล้อมเยี่ยกุ้ยอิง
ล้มตายลง จนวงล้อมถูกเปิดออกเป็นช่อง เยี่ยกุ้ยอิงไม่รอช้า
กระโจนหนีออกมาทางช่องนั้นทันที

ทูตไฟเห็นดังนั้น ก็ลอยตัวตามไปด้วยวิชาตัวเบา ฟาดโซ่อัคคี
อาวุธคู่กายของมัน ไปที่ร่างของเยี่ยกุ้ยอิง  เยี่ยกุ้ยอิงรู้สึกมีสายลม
อันรุนแรง วูบเข้ามาจากเบื้องหลัง ก็กระโจนหลบวูบออกไปทางด้านข้าง
โซ่อัคคีของมันห่างจากร่างของนางไปเพียงหนึ่งฝ่ามือ
เสียงโซ่อัคคีกระทบกับพื้นดังสนั่น ฝุ่นของดินและเศษหินฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ

เหม่ยผิง และ เหม่ยลี่ ตรงเข้ามาช่วยอาจารย์ของพวกนางรับมือ
ฟาดฟันกระบี่ออกไปพร้อมกันที่ร่างของทูตไฟ  ทูตไฟหยุดการโจมตีเยี่ยกุ้ยอิง
ถอยเท้าออกมาตั้งรับเพลงกระบี่เงาจันทราของดรุณีทั้งสอง

ปลายกระบี่หนึ่งพลิกพริ้วที่ส่วนบน อีกหนึ่งกระบี่ทิ่มแทงอยู่ที่เบื้องล่าง
ทูตไฟต้องถอยร่างออกไปตั้งรับอยู่ถึงสามกระบวนท่า  แล้วกระโดดลอยตัว
ถอยห่างออกมา พลางส่งโซ่อัคคีพุ่งตรงไปยังร่างของ เหม่ยผิง และ เหม่ยลี่
ดรุณีทั้งสองมิทันได้คาดคิดว่าจะมีกระบวนท่าเช่นนี้ พวกนางทำได้เพียง
ยกกระบี่ขึ้นตั้งรับโซ่อัคคีที่พุ่งออกมาด้วยกำลังแรง  

ทันทีที่โซ่อัคคีกระทบกับกระบี่ที่ทั้งสองนางตั้งรับ เหม่ยผิงและเหม่ยลี่ก็รู้สึก
ปวดแปลบไปทั้งข้อมือ จนต้องปล่อยกระบี่หลุดจากมือออกมา

ทูตดิน เห็นเป็นโอกาสงามเช่นนั้น ก็ลอยตัวตามมาเข้าจู่โจมใส่
เหม่ยผิง และเหม่ยลี่ ด้วยค้อนสยบปัฐพีของมัน  ขณะที่ค้อนกำลัง
จะฟาดลงมาที่ร่างของดรุณีทั้งสอง พลันร่าง ร่างหนึ่งในชุดคลุมยาวสีแดงสด
ลอยตัววูบเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฝ่าเท้าของมันปะทะเข้ากับค้อนสยบปัฐพีอย่างเต็มแรง
ทูตดินถึงกับเซถลาถอยหลังไปสี่ห้าก้าว  ร่างในชุดแดงนั้นวางเท้าลงสู่พื้นเหมือนมิได้
สัมผัสกับสิ่งใด  ที่แท้ร่างในชุดแดงนี้เป็นหญิง  เหม่ยผิงและเหม่ยลี่ พอเห็นใบหน้า
ของร่างนั้นก็ร้องเรียกขึ้นพร้อมกัน

"หลิงหลิง"


ทั้งสองวิ่งเข้ามาหา หลิงหลิง ด้วยความดีใจ เหม่ยลี่พูดขึ้นก่อนว่า

"พวกเราออกตามหาเจ้าไปทั่ว เจ้าไปอยู่ ณ.ที่ใด"


ในขณะนั้นเอง ทูตน้ำ และ ทูตลมก็ตามมาสมทบ

จึงกลายเป็นว่า พื้นที่ส่วนนั้น เกิดการต่อสู้กันสี่คู่  ทูตไฟต่อสู้กับเยี่ยกุ้ยอิง
ทูตดินต่อสู้กับ หลิงหลิง  ทูตน้ำต่อสู้กับเหม่ยผิง และทูตลมต่อสู้กับเหม่ยลี่

ทางด้านทูตไฟกับเยี่ยกุ้ยอิงนั้น การต่อสู้ผ่านไปสี่กระบวนท่า เยี่ยกุ้ยอิง
ก็เสียท่า ถูกโซ่อัคคีฟาดเข้าที่ขาจนล้มลง และถูกทูตไฟจี้สกัดจุด พาตัว
หลบหนีไป

ส่วนทูตดินหลังจากถูก หลิงหลิง กระโดดถีบสกัดพลังค้อนของมันจนต้อง
เซถลาไป ก็เกิดความแค้น ควงค้อนสยบปัฐพีของมันเข้าจู่โจมใส่ หลิงหลิง
อย่างอำมหิต บ้าคลั่ง หลิงหลิง พริ้วร่างหลบด้วยวิชา เมฆาลอยล่อง
ค้อนของมันที่พลาดเป้าไปในแต่ละครั้ง ทำให้มันยิ่งเพิ่มความโกรธมากยิ่งขึ้น

มันตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายของมัน กระบวนท่าเขวี้ยงค้อนฆ่าอสูร  
มันควงค้อนหมุนด้วยกำลังแรงอยู่หลายรอบ แล้วเหวี่ยงแหวกอากาศ
ตรงมาที่ร่างของหลิงหลิง

หลิงหลิง เห็นดังดังนั้นก็ร่ายรำวิชา ฝ่ามือมังกรล่องเมฆา
พลังวัตรแฝงในร่างของมันก็ไหลมารวมอยู่ที่ฝ่ามือทั้งสอง ได้อย่างรวดเร็ว
ตามปราถนา อากาศรอบบริเวณฝ่ามือของมัน เหมือนถูกผนึกอัดแน่นด้วยกำลังแรง
แล้วฟาดออกไปด้วย กระบวนท่า มังกรผงาดฟ้า

อากาศที่ถูกผนึกไว้นั้น ถูกผลักออกไปด้วยกำลังมหาศาล พุ่งตรงไปกระทบกับ
ค้อนที่หมุนแหวกอากาศมาด้วยกำลังแรงเช่นกัน  แต่ค้อนกลับถูกแรงกะแทก
จนหมุนเคว้งคว้างไร้ทิศทาง ลอยกระเด็นกลับไปตกอยู่ใกล้ตัวของทูตดิน

ทูตดินถึงกับตะลึงงัน มันไม่คาดคิดว่าผู้ที่สยบท่าไม้ตายของมันกลับเป็นดรุณีน้อย
นางนึง หากล่วงรู้ไปถึงผู้อื่นมันคงต้องอับอายเป็นแน่ มันเก็บค้อนของมัน
แล้วกระโดดหนีไปจากที่นั้น

หลิงหลิง หลังจากกำราบทูตดินได้แล้ว หันกลับไปเห็น เหม่ยลี่ และเหม่ยผิง
อยู่ในสถานะการณ์ที่ย่ำแย่ แต่ดูเหมือน เหม่ยลี่จะคับขันกว่า มันจึงสอดมือเข้าไป
ต่อสู้กับทูตลมแทน  

ทูตลมหันกลับมาควง ธงวายูอสูร ของมัน โจมตีหลิงหลิง
รวดเร็วปานจักรผัน ทั้งวิชาตัวเบาของมันก็เลอเลิศ ยิ่งทำให้การรับมือกับมัน
เป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น

หลิงหลิง เคลื่อนเท้าหลบหลีกด้วยวิชา เมฆาลอยล่อง และพยายามหาช่องโหว่
โจมตีกลับ แต่กระบวนท่าธงวายุอสูร ของมันรวดเร็วและไหลลื่นยิ่งนัก จนไม่สามารถ
หาช่องโหว่เข้าโจมตีได้เลย

หลิงหลิงจึงถอยออกมาตั้งกายตรงยกมือทั้งสองขึ้นมาระดับอก แล้วรวบรวมพลังวัตร
ที่แฝงอยู่ในร่างให้มารวมตัวกันที่มือและเท้า แล้วร่ายรำ ฝ่ามือมังกรล่องเมฆา
ตั้งแต่กระบวนท่าที่หนึ่ง ถึงกระบวนท่าที่สิบหก อย่างไหลลื่นและต่อเนื่อง
ตรงเข้าจู่โจมใส่ ทูตลม  พลางเคลื่อนท่าร่างด้วย วิชา เมฆาลอยล่องไปพร้อมกัน

คราวนี้ทูตลมกับเป็นฝ่ายหนักใจบ้าง วิชาธงของมันนับเป็นสุดยอดแห่งความรวดเร็วแล้ว
แต่วิชาฝ่ามือของดรุณีน้อยผู้นี้ กลับรวดเร็วและต่อเนื่องดุจสายน้ำ มันทำได้แต่เพียงก้าว
ถอยและตั้งรับเท่านั้น มิอาจหาช่องโหว่โจมตีคืนได้เลย จนในที่สุดมันจำต้องกระโดด
ลอยตัวหนีออกไปจากการต่อสู้นั้น  

เมื่อทูตลมหนีไปแล้ว หลิงหลิงก็เหลือบไปมองเหม่ยผิง กำลังถูกฝ่ามือของทูตน้ำ
ฟาดเข้าที่หน้าอกหนึ่งฉาด เหม่ยผิงถึงกับล้มลง  ทูตน้ำเห็นได้ทีก็ยก ดาบผลึกน้ำแข็ง
ของมันกระโจนเข้าฟาดใส่ร่างเหม่ยผิงทันที

หลิงหลิง ไม่รอช้าหมุนตัวกลับไปใช้ฝ่ามือผลัก ดาบผลึกน้ำแข็ง ของทูตน้ำก่อนจะต้องร่าง
ของเหม่ยผิง  ทูตน้ำหันกลับมาฟาดดาบผลึกน้ำแข็งเข้าหลิงหลิงแทน อย่างหนักหน่วง
การต่อสู้ผ่านไปได้เพียงสี่กระบวนท่า ทูตน้ำก็ถึงกับตกใจในกระบวนท่าที่รวดเร็ว
และต่อเนื่องประดุจสายน้ำ ของดรุณีน้อย มันตระหนักได้ทันทีว่ามันไม่ใช่
คู่มือของ ดรุณีน้อยผู้นี้เสียแล้ว เมื่อเห็นโอกาส  มันจึงกระโดดหลบหนีไป
ก่อนที่จะเพลี่ยงพล้ำ



เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายสงบลงแล้ว เหม่ยผิง และ เหม่ยลี่ ตรงเข้ามาจับมือ หลิงหลิง
คนละข้างอย่างดีใจ เหม่ยผิงกล่าวขึ้นก่อนว่า

"หลิงหลิง เหตุใดชั่วเวลาไม่นาน เจ้าจึงมีวรยุทธที่เยี่ยมยอดเช่นนี้"


"เรื่องมันยาว ในวันข้างหน้าข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง  แล้ว เหม่ยเยี่ยล่ะ นางไปอยู่ที่ใด"


เหม่ยลี่ มีสีหน้าสลดลงแล้วพูดขึ้น

"นางถูก พวกลัทธิเบญจธาตุจับตัวไป  ซ้ำในตอนนี้ อาจารย์หญิงก็ถูกพวกมัน
จับไปอีกผู้หนึ่งแล้ว"


นางพูดจบก็มีทีท่าว่าจะหลั่งน้ำตาออกมา  หลิงหลิงตรงเข้าโอบกอดตัวนางไว้แล้วปลอบว่า

"ไม่ต้องเป็นกังวล  ข้าจะติดตามไปเอาตัวนางทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้"


สิ้นคำของ หลิงหลิง สองพี่น้องก็ประสานเสียงดังขึ้น

"ข้าไปด้วย ข้าไปกับเจ้าด้วย หลิงหลิง"

หลิงหลิง ยกมือขึ้นห้ามแล้วพูดว่า


"ข้าคิดว่าพวกเราควรไปพบกับท่านเจ้าสำนัก ลิ่มบ้อฮวยก่อน ไปแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านทราบ
และควรรีบเดินทางไปจากที่นี่โดยเร็ว ก่อนที่พวกมันจะกลับมาอีกพร้อมกับกำลังคน"

ทั้งสามจึงพากันออกเดินทาง เมื่อมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของ หมอวิปลาส
ในระหว่างทางทั้งเหม่ยผิง และ เหม่ยลี่ ต่างก็ซักถามอาการของเจ้าสำนักลิ่มบ้อฮวย
ด้วยความเป็นห่วง  เมื่อทราบว่า ลิ่มบ้อฮวยพ้นจากอันตรายแล้วก็คลายใจ




ในเวลาเย็นของวันนั้น ขณะที่กำลังหาที่พักแรมสำหรับคืนนี้
หลิงหลิงก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นในร่าง  เหงื่อกรานของมันแตกไหลย้อย
ใจเต้นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากร่าง  อารมณ์กำหนัดกำลังก่อตัวขึ้น
ทีละน้อย  

นับตั้งแต่วันที่มันได้เสพสมกับนักบวชหญิงทั้งสี่  วันนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดพอดี
มันถึงกำหนดเวลาที่ฤทธิ์ยา เหมยฟ้ารัญจวน จะกำเริบ  หลิงหลิง พยายามสกัด
กั้นอารมณ์กำหนัดมิให้ก่อตัวขึ้น  แต่ก็มิอาจทำได้ จนเหม่ยลี่และเหม่ยผิง
สังเกตุเห็นความผิดปกติ

"หลิงหลิง เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดใบหน้าของเจ้าจึงแดงเช่นนั้น"
เหม่ยผิงพูดพลางอังมือของนางไปที่หน้าผากของหลิงหลิง


"หา... นี่เจ้าไม่สบายนี่ ตัวเจ้าร้อนเหลือเกิน  พวกเราไปพักที่วัดร้างนั่นดีกว่า"



หลิงหลิง ยกมือจี้สกัดจุดตัวเอง ยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วพูดขึ้นว่า

"เหม่ยผิง เหม่ยลี่ พวกเจ้าไปให้ห่างจากตัวข้า  ข้ามีพิษร้ายในร่าง  มันจะทำให้ข้า
ขาดสติ และเป็นอันตรายต่อพวกเจ้า  จงรีบหนีไปซะ"


เหม่ยลี่ และเหม่ยผิง ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ช่วยกันประคองร่างของ หลิงหลิง
เข้าไปในวัดร้างที่อยู่ข้างหน้า


"พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ  จงรีบหนีไปซะก่อนที่ข้าจะขาดสติ แล้วทำร้ายพวกเจ้า"


เหม่ยลี่ และเหม่ยผิงพยายามจะคลายจุดให้ หลิงหลิง แต่ก็มิอาจทำได้

"ไม่ เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้า  เจ้าเป็นอะไร กันแน่"


หลิงหลิง เหงื่อกรานผุดขึ้นเต็มใบหน้า สติของมันกำลังจะหมดไป

"พวกเจ้าไม่เข้าใจ พิษของยา มันทำให้ข้าเกิดความกำหนัด หากข้าขาดสติลง
ข้าจะลวนลามพวกเจ้า"


เหม่ยลี่ และเหม่ยผิง หน้าแดงขึ้นแล้วหัวเราะขึ้นพร้อมกัน  แล้วเหม่ยผิงก็พูดขึ้นว่า

"ข้าคิดว่าเป็นสิ่งใดที่ร้ายแรง  พวกเราเป็นสตรีด้วยกัน จะหาเกรงสิ่งใด
หากเจ้าลวนลามข้า ข้าก็จะลวนลามเจ้าเช่นเดียวกัน"


พูดจบทั้งสองนางก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันอีก  หลิงหลิง พยายามพูดอีกครั้งก่อนสติ
จะขาดไป

"ข้าไม่ใช่สตรี"



หลิงหลิงเปลี่ยนใบหน้าเป็น หื่นกระหาย ตาของมันมองมาที่เหม่ยลี่ และ เหม่ยผิง
ปานจะกลืนกิน หากว่ามิได้ถูกสกัดจุดไว้ มันคงกระโจนเข้าใส่ทั้งสองนางเป็นแน่
ความกำหนัดที่เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ สร้างความทรมานให้มันมากจนมันต้องร้องออกมา

"ข้าอยากเชยชมพวกเจ้าเหลือเกิน  โอย..ข้าทรมานเหลือเกิน
มาเถิดมามีความสุขร่วมกับข้า...โอยยย"


เหม่ยลี่ และเหม่ยผิง เฝ้ามองอาการของหลิงหลิง ด้วยความงงงัน
พวกนางในตอนนี้ ไม่มีวันเข้าใจว่า นี่มันคืออาการเช่นไร พวกนางมิอาจทนดู
หลิงหลิงทรมานต่อไปได้ เหม่ยผิงจึงตัดสินใจ จี้สกัดจุดที่ร่างของ หลิงหลิง จนหลับไหลไป


เหม่ยลี่ และเหม่ยผิง มองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างขบขัน  ทั้งคู่ช่วยกันดูแลหลิงหลิงเป็นอย่างดี





เวลาผ่านไปสองชั่วยาม  แสงไฟจากกองไฟส่งแสงสว่างอยู่วอมแวม
ทั้งสามนอนหลับใหลอยู่ใกล้ชิดกัน หลิงหลิงนอนอยู่กึ่งกลางของดรุณีทั้งสอง  
กายของทั้งสองนางแนบชิดติดตัวมัน โดยหาเฉลียวใจเลยสักนิดว่า  
มันคือบรุษแปลงมาในร่างของสตรี  ทั้งสองนางรักใคร่หลิงหลิงประดุจสหายสนิท
แต่หลิงหลิงในยามนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น มันลืมตาขึ้น มองไปโดยรอบตัวมัน
จึงได้เห็นดรุณีผู้งดงามสองนาง นอนอยู่เคียงข้างมัน  ความกำหนัดที่สงบลงไป
ก็ก่อกำเริบขึ้นอีกครั้ง จุดที่สกัดไว้ก็เริ่มคลายตัว มันสามารถขยับแขนทั้งสองได้แล้ว
มือขวาของมันยกขึ้นวางลงบนต้นขาของ เหม่ยผิง แล้วลูบไล้ไปมา

เหม่ยผิงหลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย ก็หาได้รู้สึกตัวไม่ว่า  ฝ่ามือของหลิงหลิง
กำลังเลื่อนไหลลงมาที่ด้านในโคนขาของนาง แล้วก็ไหลเลื่อนขึ้นมาจนมือของมัน
วางลงบนเนินสงวนของนาง แล้วค่อยๆบีบมือเข้ามาจนเกาะกุมเนินสวาทของเหม่ยผิง
ไว้เต็มฝ่ามือ เนินเนื้อที่โหนกนูนนุ่มนิ่มของนาง ทำให้แก่นกายของ หลิงหลิง ลุกชูชันขึ้นมา
ไฟราคะลุกโหมกระหน่ำขึ้นในจิตใจของมันจนยากที่จะระงับ  แต่ร่างของมันยังไม่สามารถ
ขยับได้เป็นปกติ

และแล้วมือข้างซ้ายของมันก็ถูกยกขึ้นไปวางลงบนโคนขาของ เหม่ยลี่ แล้วเลื่อนไปเกาะกุม
เนินสวาทของเหม่ยลี่เช่นเดียวกัน  สภาพในตอนนี้จึงกลายเป็น สองดรุณีนอนหงายร่าง
ให้สตรีแปลงใช้มือทั้งสองข้างของมันบีบกำเนินสวาทของพวกนาง อย่างหื่นกระหาย
โดยพวกนางหารู้สึกตัวไม่

เหม่ยลี่มีวัยที่อ่อนเยาว์ เวลาหลับนางจึงไม่แตกต่างจากเด็กเท่าไรนัก นางหลับลึกและไม่ระวังตัว
นางกำลังฝันไปว่า นางกำลังควบอาชาวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า จึงสอดคล้องกับที่ หลิงหลิง กำลังบีบเค้น
เนินสวาทของนางอย่างเมามัน เหม่ยลี่อ้าขาออกกว้างขึ้น แล้วขยับบั้นเอวขึ้นลงประคุจกำลังควบอาชา
ยิ่งทำให้หลิงหลิง สามารถใช้มือของมันคลึงเค้นเนินสวาทของนางได้ถนัดขึ้น  เหม่ยลี่แม้จะมีวัยเยาว์
แต่เนินเนื้อของนาง กลับโหนกนูนและกว้างขวาง จนมันมิสามารถเกาะกุมได้หมด

หลิงหลิง เริ่มขยับร่างได้มากขึ้น  มันละมือจาก เหม่ยผิง หันมานอนตะแครงข้างไปทางด้าน
ที่เหม่ยลี่นอนอยู่แล้วสอดมือขวาของมันเข้าไปเกาะกุมที่เนินสวาทของเหม่ยลี่อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันสอดมือเข้าไปในกางเกงสัมผัสเนินเนื้อแท้ๆของเหม่ยลี่ แล้วบีบเค้นอย่างหื่นกระหาย  

เหม่ยลี่รู้สึกถึงสัมผัสอันเสียวสยิว  ในฝันของนาง  นางหยุดม้าลงและขยับร่างให้เนินเนื้อของนาง
สัมผัสกับหลังม้าพลางครางออกมาด้วยความเสียว  มันเป็นความเสียวที่พึ่งพานพบในชีวิตของนาง

หลิงหลิง เปลื้องผ้าส่วนล่างของมันออก มองเห็นแก่นกายอันแข็งตึงของมันอย่างเห็นได้ชัด
แล้วเลื่อนตัวลงไปที่ปลายเท้าของ เหม่ยลี่ มือของมันค่อยๆรูดกางเกงเหม่ยลี่ออกไปอยู่ที่ปลายเท้า
เผยให้เห็น เนินสวาทขาวนวลผุดผ่อง ไหมสีดำอ่อนละเอียดประดับอยู่อย่างเบาบางและเป็นระเบียบ  
มันเลื่อนใบหน้าของมันเข้าดอมดม แล้วลากลิ้นลงบนร่องกลางเนินสวาทของนางทันที

เหม่ยลี่สะดุ้งเฮือกสุดตัว พลันความฝันของนางกลับพิศดารขึ้น นางฝันว่านางล้มตัวลงนอนที่ทุ่งหญ้า
แล้วอาชาตัวนั้นก็ก้มลง ใช้ลิ้นของมันโลมเลียที่เนินสวาทของนาง นางถึงกับร้องห้าม แล้วก็ครวญครางออกมา

"อย่า..อย่าเลียข้า ..อย่า.อูยยยยยยยย.....ซี๊ดดดดดด......"


หลิงหลิงมองไปที่ใบหน้าของนาง เห็นว่ายังหลับอยู่ก็เข้าใจว่านางละเมอ มันจึงก้มลง
ดูดกินเนินสวาทของนางต่อ  

เหม่ยลี่รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่าง นางรู้สึกเหมือนกึ่งฝันกึ่งจริง สะโพกของนางร่อนบิดไปมา
ตามจังหวะลิ้นของ หลิงหลิง

"อูยยยยย...เจ้าม้าพอก่อน ...ข้าจะขาดใจอยู่แล้ว....อูยยยยย...ซี๊ดดดด...."

บัดนี้เหม่ยลี่กลับกลายเป็นเปลือยเปล่าไปทั้งร่าง  ดรุณีน้อยเรือนร่างอ้อนแอ้น
แม้จะมีเต้าถันที่กลมกลึงแต่ก็ยังโตไม่เต็มที่นัก กลับถูกดูดกินยอดถันจนมันตั้งชูชันขึ้น
ส่วนท่อนล่างนั้นเล่าก็ถูก แก่นกายของบรุษเพศที่แข็งตัวจนเต็มที่วางพาดอยู่  
แล้วเคลื่อนตัวเสียดสีไปมาจนบางครั้ง ส่วนหัวที่เบ่งบานนั้นก็ชนเข้ากับร่องสวาท
และเสียดสีกับติ่งเสียวนั้นอย่างตั้งใจ มันพยายามจะแทรกตัวลงไปในร่องหลืบนั้น  

เหม่ยลี่หลั่งน้ำแรกแห่งรักออกมาเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่องหลืบของนางตามธรรมชาติ  
หลิงหลิงเริ่มรุกหนักจนเหม่ยลี่รู้สึกตัว  ลืมตาขึ้น
มองเห็นใบหน้าของหลิงหลิง กำลังดูดกินยอดถันของนางอย่างเพลิดเพลิน


"หลิงหลิง เจ้ากำลังทำอะไร ....อูยย.ข้าเสียวเหลือเกิน ...ซี๊ดด...."

นางเข้าใจว่า หลิงหลิง กำลังล้อนางเล่น   นางห้ามปรามด้วยเสียงสั่นพร่า

"พอแล้ว..หลิงหลิง...พอ...ข้าเสียวจนทนไม่ไหวแล้ว"

แต่แล้วนางก็ตกใจสุดขีด เมื่อรู้สึกว่า เนินสวาทของนางกำลังถูกแท่งเนื้อ
ที่แข็งเกร็งพยายามบุกทะลวงเข้ามา

"อะไรนั่น  หลิงหลิง ....จะ..จะ..เจ้าเป็นชาย"

"อย่า..อย่าดันเข้ามา.....อย่าาา.โอ๊ะ...."


แก่นกายของหลิงหลิง บุกทะลวงผ่านพรหมจรรย์ของเหม่ยลี่ได้สำเร็จ
มันขยับบั้นเอวขึ้นลงอย่างรวดเร็วด้วยความกำหนัดที่ล้นปรี่ จนร่างของเหม่ยลี่
สะท้านสะเทือนไปทั้งร่าง

เหม่ยลี่พยายามทุบตีไปที่ร่างของ หลิงหลิง แต่ก็เป็นเพียงในช่วงแรกเท่านั้น
แล้วนางก็ถูกกำหนัดระหว่างหญิงชายเข้าครอบงำ มือของนางเปลี่ยนจากทุบตี
มาเป็นบีบกำไปที่ต้นแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของหลิงหลิง
นางพึ่งสำนึกได้ตอนนี้เองว่าร่างของหลิงหลิง นั้นเป็นชายไปทุกสัดส่วน  

หลิงหลิง เต็มเปี่ยมไปด้วยความกำหนัด มันมิได้สนใจสิ่งใดนอกจากขยับบั้นเอว
กระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ใคร่ของมัน แก่นกายของมัน
ที่มุดลงไปในร่องสวาทของเหม่ยลี่ ขยับเข้าออกอยู่ตลอดเวลา บางครามันก็หยุดแช่
แล้วบดคลึง จนติ่งสวาทของเหม่ยลี่ถูไถกับฐานของแก่นกายที่เต็มไปด้วยขนของมัน
สร้างความเสียวซ่านให้กับนางอย่างที่สุด   ตัวมันเองก็ถูกความหนึบแน่นจากร่องสวาท
ของเหม่ยลี่บีบรัด จนเกือบจะพ่ายแพ้ยามบดคลึง

หลิงหลิง ยันกายขึ้นจับบั้นเอวของเหม่ยลี่ให้กระชับขึ้น แล้วขยับบั้นเอวอย่างถี่ยิบ

"โอ้วว....โอ้วว...โอ้วว..โอ้วว..โอ้วว.โอ้วว.โอ้วว"

เหม่ยลี่ ครางออกมาเสียงดังกระชั้นถี่อย่างลืมตัว  
หลิงหลิง ใช้นิ้วมือของมันบดบี้ติ่งสวาทไปในขณะเดียวกันกับขยับบั้นเอวอย่างต่อเนื่อง  
ทำให้เหม่ยลี่ถึงกับครางออกมาเสียงดังกว่าเก่า

"โอ้วว..โอ้วว.โอ้วว.โอ้วว..โอ้วว.โอ้วว..เอ้อออ ...ฮ้าาา."

และแล้วก็ถึงจุดสุขสมไปในที่สุด นางปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนเพลีย
ปล่อยให้หลิงหลิงขยับบั้นเอวอย่างรุนแรงและรวดเร็วต่อไป   ความหนึบแน่นของเหม่ยลี่
สร้างความหฤหรรษ์ให้มันอย่างมาก แก่นกายของมันถูกร่องสวาทของเหม่ยลี่
บีบรัดจนในที่สุดมันก็ถึงจุดสุขสมตามเหมยลี่ไป  

"อึ๊บบ..อึ๊บ...อึ๊บ..อึ๊บ..อึ๊บ..โอ้วววววววววววว"

แก่นกายของมันพ่นน้ำรักออกมา
ไหลเปรอะเปื้อนเนินสวาทของเหม่ยลี่เต็มไปหมด





ถึงแม้ว่า หลิงหลิงจะปลดปล่อยน้ำรักของมันออกไปแล้ว แต่ความโลภในการเสพสม
ของมันยังคงมีอยู่ ฤทธิ์ยาเหมยฟ้ารัญจวน ทำให้มันขาดสติยั้งคิด  
มันพลิกร่างมาหาเหม่ยผิงทันที

เหม่ยลี่รู้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางตรงเข้าใช้ท่อนแขนรัดคอ หลิงหลิงไว้
แต่หลิงหลิงไวกว่า มือข้างนึงของมันจี้สกัดจุดไปที่ร่างของเหม่ยลี่ทันที
เหม่ยลี่อ้าปากจะส่งเสียง หลิงหลิงก็ไวกว่าอีก มันจี้สกัดจุดใบ้
เข้าที่ร่างเหม่ยลี่อย่างแม่นยำ แล้วใช้ผ้าปิดตานางไว้

หลิงหลิงขยับร่างมาหาเหม่ยผิงอีกครั้ง ร่างเปลือยของมันก่ายกอดร่างของ
เหม่ยผิงที่นอนหลับนิ่งอยู่ มือของมันสอดลอดเข้าไปในอกเสื้อของเหม่ยผิง
สัมผัสกับสองเต้ากลมของดรุณีน้อยอย่างเต็มกำมือ  มันใช้สองนิ้วของมัน
บดบี้ยอดถันอย่างสนุกมือ

เหม่ยผิงถูกสัมผัสที่รุนแรงบริเวณทรวงอกของนาง ก็รู้สึกตัวตื่น
นางเข้าใจว่า หลิงหลิง เล่นกับนางจึงพูดทั้งที่ตายังปิดอยู่ว่า

"ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่า หากลวนลามข้า ข้าจะลวนลามเจ้าเช่นเดียวกัน"

นางพูดจบ ก็เลื่อนมือลงไปหมายจะจับเข้าที่เนินสวาทของ หลิงหลิง
แต่มือของนางกลับคว้าเข้าที่ แก่นกายอันแข็งตึง แทน

เหม่ยผิงตื่นตกใจมาก หุนหันจะยันกายลุกขึ้นหนี แต่ช้าไปเสียแล้ว
หลิงหลิง คว้าร่างของนางไว้ แล้วจี้สกัดจุดนางไว้ ร่างของนางนิ่งอยู่กับที่
ปล่อยให้ หลิงหลิง เปลื้องผ้าของนางออกทีละชิ้น จนเปลือยเปล่าทั้งร่าง

นางสุดแสนจะอับอาย ตั้งแต่เกิดมาแม้แต่ สตรีด้วยกันนางก็มิเคยเปิดเผย
ร่างเปลือยเปล่าให้ได้เห็น  และยิ่งทราบว่า หลิงหลิงเป็นบุรุษ นางก็ยิ่ง
อับอายยิ่งนัก นางหลับตาสนิทไม่กล้าสบตากับหลิงหลิง

หลิงหลิง สำรวจเรือนร่างของเหม่ยผิงอย่างใกล้ชิด ทรวงอกของนาง
กลมกลึง ขาวผุดผ่องและมีขนาดใหญ่กว่าเหม่ยลี่มาก  จนมันอดใจไว้ไม่ไหว
ตรงเข้าคลึงเค้นดูดกินยอดถันของนางทันที

นี่คือครั้งแรกที่เหม่ยผิงรู้สึกเช่นนี้  นางรู้สึกวาบหวิวเคลิบเคลิ้ม เมื่อปากของหลิงหลิง
สัมผัสกับยอดถันของนาง ยิ่งเมื่อมันอมยอดถันของนางเข้าไว้ในปากแล้วดูดกิน
ใจของนางหวิววาบจนเจียนจะขาดเสียให้ได้  

หลิงหลิงวางร่างของ เหม่ยผิงคว่ำหน้าลง แล้วยกสะโพกของนางให้โด่งขึ้น
จนมองเห็นกลีบสวาทอันอวบอิ่มของนางย้อยออกมา บริเวณร่องกลางระหว่าง
กลีบทั้งสองนั้น ปรากฏติ่งน้อยสีชมพูแหลมยื่นออกมา  หลิงหลิงไม่รอช้าตรงเข้า
ใช้ปลายลิ้นระรัวที่ติ่งนั้นทันที

เหม่ยผิงถึงกับมีใบหน้าบิดเบี้ยว ร่างของนางแข็งเกร็งไปด้วยความเสียวซ่าน นางพยายาม
ข่มใจที่ไม่ส่งเสียงครางออกมา แต่ในที่สุดนางก็พ่ายแพ้ เมื่อหลิงหลิงใช้ปากงับเข้าที่ติ่ง
เนื้อนั้น แล้วดูดกิน

"อ๊ายยยยยยยย...........อ๊ายย......."


ความเสียวซ่านจู่โจมเข้ามาในเรือนร่างของ เหม่ยผิง อย่างไม่หยุดหย่อน
นางเสียวและเหนื่อยอย่างที่สุด แต่ในความเสียวนั้น นางก็ยอมรับว่า
อยู่ภายในใจว่า มันข่างมีความสุขเหลือเกิน  หลิงหลิงยังคงดูดและใช้ลิ้น
เลียวนอยู่ที่จุดนั้นไม่ยอมหยุด  จนเหม่ยผิงเกิดอาการแข็งเกร็งที่ปลายนิ้วเท้า
ใบหน้าของนางเชิดสูงขึ้น หน้าท้องแข็งเกร็งและสั่นกระตุกขึ้น

นางอิ่มเอมในความเสียวซ่านที่แล่นเข้ามาจนถึงจุดสูงสุด ผ่อนลมหายใจออกมา
อย่างเหนื่อยหอบ น้ำรักของนางไหลเอ่อเปียกแฉะไปทั้งปากของหลิงหลิง


หลิงหลิง เห็นว่านางไปถึงที่หมายแล้ว ก็ถึงทีของมันบ้าง มันจับแก่นกายของมัน
แทรกตัวเข้าไปในร่องอันหนึบแน่นของเหม่ยผิง น้ำรักของนางช่วยให้ แก่นกายของ
หลิงหลิง ทะลวงผ่านพรหมจรรย์ของนางไปอย่างง่ายดาย หลืบสวาทของเหม่ยหลิง
ก็เช่นเดียวกับเหม่ยลี่ มันหนึบแน่น และบีบรัดแก่นกายของหลิงหลิง จนมันเสียวซ่านอย่างที่สุด
มันต้องหยุดพักเป็นครั้งคราว เพื่อมิให้ทำนบน้ำรักของมันพังทลายลงเร็วเกินไป

หลิงหลิง ทิ้งน้ำหนักทั้งร่างลงทาบทับจนร่างของ เหม่ยผิงคว่ำติดอยู่กับพื้น
แก่นกายของมันดันจนติดกับบั้นท้ายอันงอนงามของนาง  มันใช้ขาทั้งสองของมัน
ดันขาของ เหม่ยผิงให้ถ่างออก แล้วดันส่วนล่างของมันกระแทกแก่นกายเข้าไป
ในร่างของเหม่ยผิง มือทั้งสองของมันก็คลึงเค้นที่สองเต้าของนางไปพลาง

เหม่ยผิงถูกจู่โจมด้วยกระบวนท่านี้ ทำให้นางต้องร้องออกมาด้วยความเสียวสยิวอีกครั้ง
แก่นกายของมันที่ดันมาจากทางเบื้องหลัง ทำให้สัมผัสกับติ่งสวาทของนางมากขึ้น
ซ้ำยังถูกโจมตีที่ทรวงอกไปพร้อมกัน นางหลับตาขมวดคิ้วคล้ายดังเจ็บปวด
แต่น้ำเสียงกลับคล้ายกินของอันเผ็ดร้อนเข้าไป

"อูยยยย....ซี๊ดดด...ซี๊ดดด..ซี๊ดดด..."


กระบวนท่าแห่งรักนี้ ดำเนินไปท่ามกลางเสียงครวญครางของทั้งคู่
จังหวะแห่งรักเริ่มกระชั้นถี่ ประสานกับเสียงหอบหายใจ
แล้วต่างก็ส่งเสียงอันถึงที่สุดแห่งความสุขออกมา

น้ำรักของหลิงหลิง พุ่งกระจายไปจนเต็มหลืบสวาทแล้วไหลย้อย
กลับมาเต็มสองกลีบสวาทของ เหม่ยผิง
หลิงหลิง ฟุบร่างลงข้างกายเหม่ยหลิงหลับตาดื่มด่ำกับความสุข
แห่งราคะที่พึ่งเสร็จสิ้นไป

--------------

[post]ย่างเข้าสู่วันที่สามแล้วที่ เว่ยฉิงคัง  และ เม่ยเม่ย พักอยู่ที่ วังหุบผาภูต
เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะครบกำหนดตามที่ องค์หญิง ลีลู่อิน ผ่อนผันให้
ตลอดสองวันที่ผ่านมา เว่ยฉิงคัง เฝ้าสังเกตดูความเคลื่อนไหว ของผู้คน
ภายในวังหุบผาภูติแห่งนี้ มันพบสิ่งผิดปกติอยู่สิ่งหนึ่งนั่นคือ จะมีเหล่าบริวาร
ชายหอบหิ้วเสบียงออกจากห้องครัวของวัง มุ่งตรงออกไปภายนอกตลอดทั้ง
สองวันที่ผ่านมา จนถึงเช้าวันที่สาม มันก็ตัดสินใจสะกดรอยตามคนเหล่านั้นไป

จนถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง บริวารชายเหล่านั้นก็หยุด  หนึ่งในบริวารเหล่านั้นเดินออกมา
ที่ประตูถ้ำแล้วก้มลงจับก้อนหินเล็กๆหมุน  ประตูหน้าถ้ำก็เลื่อนขึ้นทันที
แล้วบริวารเหล่านั้น ก็หอบหิ้วเสบียงเข้าประตูถ้ำนั้นไป

เว่ยฉิงคัง ลอบเดินตามเข้าไปทันที ภายในเป็นทางเดินที่คับแคบและคดเคี้ยว
มีคบเพลิง ติดอยู่ตามผนังตลอดระยะทาง จนในที่สุดมันก็ตามคนเหล่านั้น
มาถึงห้องโถงกว้างภายในถ้ำ เมื่อคนเหล่านั้นวางเสบียงที่หอบหิ้วเข้ามา
วางลง พวกมันก็พากันเดินกลับในเสันทางเดิม  เว่ยฉิงคังตามออกมาจนทราบ
ตำแหน่งเปิดกลไกประตูแล้ว ก็กลับไปที่เดิมอีกครั้ง คราวนี้มันเดินลึกเข้าไป
มากกว่าเดิม จนพบกับห้องโถงส่วนใน  แสงไฟจากคบเพลิงช่วยให้มันเห็น
เป็นชายผู้หนึ่ง อายุราวห้าสิบเศษ ใบหน้าขาวซีด หนวดเครายางรุงรัง
แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแสดงถึงผู้ที่มีฐานะสูง กำลังนั่งเดินลมปราณอยู่บนแท่นหิน
ภายในห้องโถงนั้น ข้างกายคนผู้นั้น มีคัมภีร์หนึ่งเล่ม

เว่ยฉิงคังเดินใกล้เข้าไปอีกก็พบว่า บริเวณปากของชายผู้นี้มีคราบเลือด
เกรอะกรัง ใบหน้ามีอาการสั่นกระตุกคล้ายมีอาการเจ็บปวดอยู่ภายใน
มันทราบได้ทันทีว่านีคือ อาการธาตุไฟเข้าแทรก  อ๋องลีลู่ปัง คงเร่งฝึก
ลมปราณภูติคำราม จนเกิดธาตุไฟเข้าแทรกไม่สามารถขยับไปไหนได้
ได้แต่เดินลมปราณประทังความเจ็บปวดเอาไว้  


เว่ยฉิงคัง ใช้ความคิดอย่างหนักว่า มันควรจะช่วยเหลือ หรือว่า...
มันเพ่งมองไปที่คัมภีร์ที่อยู่ข้างกาย อ๋องลีลู่ปัง  
[/post]
......................................................
ติดตามผลงาน by zeech ได้ที่นี้...
ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม )
http://xonly69.com/read-xonly-tid-163937.html ตอนที่ 5 หมอวิปลาสพบรัก http://xonly69.com/read-xonly-tid-164119.html ตอนที่ 6 หมอวิปลาสสมรัก
http://xonly69.com/read-xonly-tid-163759.html ตอนที่ 3 งานประลองยุทธวันแรก http://xonly69.com/read-xonly-tid-163831.html ตอนที่ 4 วันประลองยุทธวันสุดท้าย
http://xonly69.com/read-xonly-tid-163619.html ตอนที่ 1 โจรน้อยแห่งเขาแปดกระโหลก http://xonly69.com/read-xonly-tid-163665.html ตอนที่ 2 เมี่ยวนึ๊งตงหมอวิปลาส
  มารราคะ ( ฉบับใหม่ )
ตอนที่ 19  ศึกของมา

tanavong

ยอดฝีมือในบู๊ลิ้มไหนเลย จะเทียบเท่า ยาเหมยฟ้ารัญจวน
อยากขอคารวะเป็นศิษย์จังครับ

hanabombam

แม่นางผิง แม่นางลี่ เสร็จหลิงๆจนได้ แบบนี้หลิงๆก็มีพลังเพิ่มขึ้นอีกอ่ะซี้


unicrons

เก็บสามพี่น้องหมดแล้วแต่พี่ใหญ๋โดนจับอยุ่หนะสิ

yak7384

เก็บจนครบสามพี่น้องเลยนะหลิงหลิง เป็นเพราะยาเหมยฟ้ารัญจวน แล้วพลังยุทธจะก้าวไปขนาดไหนละทีนี้

่jub2520


naitoom

 ::Sweat:: ::Sweat:: ::Sweat::
เป็นแบบที่เดาไว้ เริ่มเพิ่มกำลังภายในด้วยการอึบสาวๆแล้ว
ตอนนี้ได้ครบทั้งสามพี่น้องแล้ว ต่อไปใคร?

เว่ยฉิงคัง จะผันตัวเองไปอยู่ด้านมืดหรือเปล่า?
เพราะ ธรรมะ อธรรม แบ่งกันด้วยด้ายเส้นบางๆเท่านั้น

Thor

เฟยอี้จัดซะนึกภาพตามเลย
เว่ยฉิงคังนี่ตัวร้ายในอนาคตแน่ๆ คล้ายตัวละครในหนังจีนเรื่องหนึ่งเลย

asiakook

เตือนแล้วไม่ฟังกันเลย แกงค์เหมยครบครัน ขอบคุณครับ

Dr547




dekduer55

3พี่น้องเสร็จเฟ่ยอี้หมดแล้ว ฮาเร็มดีๆนี่เอง ขอบคุณคับ

alwayz

แล้วเหม่ยผิงกัยเหม่ยลี่ก็ไม่รอด ใครอยู่ใกล้ไม่รอดสักราย