ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หลง #20 by daona

เริ่มโดย tamanสี่, มิถุนายน 19, 2016, 09:02:43 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

tamanสี่

หลง #20 แผนกำราบดาวมหาลัย บทที่ 5,
daona Posted: Feb 6 2006, 05:54 PM   

ลึงค์ศักดิ์สิทธิ์ของหมอจัน

"นั่นเป็นเพราะอีแพมมันเป็นผู้หญิงที่มีจิตสำนึกต่อต้านกับเรื่องกามารมณ์น่ะซิวะ ผู้หญิงแบบนี้มันจะไม่ถูกสะกดให้ทำเรื่องที่มันละอายใจง่ายๆ สามัญสำนึกของมันยับยั้งไว้"
"อ้าว อาจารย์อย่างงี้ก็ไม่มันส์น่ะซิครับ" ได้เอกบอก
"ใจเย็นๆ กูยังอธิบายไม่หมดเลย เรื่องแบบนี้ถ้ากูแก้ไม่ได้ก็เสียชื่อหมอจันหมด มึงต้องการให้มันเป็นยังไงล่ะ"
"ผมอยากให้อาจารย์ทำให้อีแพมมันร่าน แบบสุดๆเลยน่ะ" ไอ้เอกย้ำ
"ใช่ครับ เอาแบบที่เห็นของผู้ชายเป็นผวาเข้าใส่เลยอาจารย์"
"เอาให้ร่านแบบกะหรี่เลยอาจารย์" เสียงสนับสนุนดังกันเซ็งแซ่ ในขณะที่สาวแพมยังนั่งอย่างเหม่อลอยเหมือนกับไม่รู้ตัว ว่าเพื่อนๆกำลังพูดถึงเธอ...
แต่ที่จริงแล้วสติของแพมยังอยู่ครบถ้วน หญิงสาวได้เห็นได้ยินทั้งหมด แต่ไม่มีเรี่ยวแรงและกำลังที่จะพูดต่อต้าน ด้วยว่าอวัยวะในร่างกายถูกตัดขาดไปจากการควบคุมของสมอง หญิงสาวได้แต่ตกตะลึงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งฟังอย่างหวาดหวั่น น้ำตาเริ่มเอ่อคลอที่เบ้า สำนึกได้ว่าตนเองเสียรู้เพื่อนๆเข้าแล้ว
แพมกวาดสายตามองมายังชาคริตเหมือนจะขอความช่วยเหลือ แต่ชายหนุ่มตอนนี้ก็อยู่ในความสับสนไม่แพ้กัน ใจหนึ่งอยากจะช่วยญาติสาวผู้พี่ แต่อีกใจก็เต็มไปด้วยความปั่นป่วนรัญจวนใจ ยิ่งเห็นใบหน้างามสะคราญ ชุดที่รัดรูปอวบอัด ก็ยิ่งอยากที่จะกอดรัดฟอนเฟ้น อยากที่จะได้นอนกับเธอให้สมกับที่ใฝ่ฝันมานาน... แล้วในที่สุดอำนาจฝ่ายต่ำก็เป็นผู้ชนะ เขาปลอบใจตัวเองว่าเรื่องถึงขั้นนี้ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ถึงเขาอยากจะช่วยแต่เพื่อนๆก็คงไม่ยอมอยู่ดี
"พวกมึงจงนั่งดูเงียบๆ อย่าส่งเสียงดังให้เสียพิธี" หมอจันพูดเสียงแข็ง จากนั้นก็หันมาทาง สาวแพม ดาวมหาลัยผู้ดวงตกสุดขีด "ยืนขึ้นอีแพม"
หญิงสาวลุกขึ้นยืนตามคำสั่งของหมอจัน
"ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของมึงออกให้หมด"
เสียงของหมอจันทรงอำนาจอย่างประหลาด แพมพยายามจะขัดขืนแต่ไม่สามารถควบคุมบังคับร่างกายได้ มือของเธอเอื้อมขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด... ทีละเม็ด และในไม่ช้าร่างของหญิงสาวก็เปล่าเปลือยล่อนจ้อน อวดความขาวโพลนอยู่ใน แสงเทียน
เสียงครางเสียงหอบหายใจดังกระเส่าเต็มห้อง ทุกสายตาจับจ้องมาที่ร่างของหญิงสาวกันเป็นตาเดียว เพราะเรือนร่างของสาวแพมนั้นงดงามอย่างสมบูรณ์แบบเย้ายวนไปทุกส่วนสัด ความอวบนูนของเนื้อโคกนั้นเผยให้ทุกสายตาได้เห็นอย่างเต็มตา ขนหมอยของเธอเป็นระเบียบแลดูอ่อนนุ่มน่าลูบไล้ ปกคลุมพื้นที่ด้วยปริมาณที่พอเหมาะได้ดกและไม่บางจนเกินไป เนื้อแคมทั้งคู่นั้นเบ่งพองออกมานูนเป่ง อันแสดงถึงความงามของสาวบริสุทธิ์ มองเห็นรอยผ่าแดงระเรื่อราวกับสีกุหลาบสด แม้แต่น้องแนนเองยังต้องมองด้วยความอิจฉา
หญิงสาวยืนตัวสั่นระริก ดวงตากลมโตมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ทั้งหวาดกลัวทั้งอับอายสุดขีด ตอนนี้แม้แต่อยากจะหลับตาก็ไม่สามารถจะบังคับได้ ร่างงดงามเปล่าเปลือยของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อไปทั้งตัวด้วยความอัปยศอดสูใจ ไม่เคยเลยที่เธอจะต้องตกอยู่ในสภาพนี้ จริงอยู่ที่เธอจะเคยเปลือยกายให้คนเห็นมาแล้วเมื่อครั้งตบกับน้องแนน แต่ตอนนั้นมันด้วยอารมณ์โกรธและเป็นการพัวพันอยู่กับแนนโดยมีโคลนเปื้อนเต็มตัว อีกทั้งคนที่มุงดูก็อยุ่ในระยะไกลทั้งสิ้น ต่างจากครั้งนี้ที่เธอเปลือยเปล่าอย่างแท้จริง แถมอยู่ต่อหน้าผู้ชายมากมายในระยะใกล้แค่เอื้อม... และยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้อีกด้วย
สายตาหลายๆคู่มองไปยังร่างของแพมด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสายตาที่หื่นกระหายใคร่จะได้ลิ้มลองเรือนร่างที่น่าฟัดอย่างยิ่งนี้ แต่สายตาของชาคริตยังมีแววของความสงสารและความรักเจือปนอยู่บ้าง ในขณะที่สายตาของสาวแนนนั้นเต็มไปด้วยความสะใจและอยากรู้อยากเห็น
หมอจันหยิบเอาขันน้ำมนต์ใบเขื่องขึ้นมา บริกรรมคาถา จากนั้นก็หยิบเทียนขาวเล่มใหญ่หยดไปในขัน ปากก็พึมพำอยู่ตลอดเวลา จากนั้นก็ยกขันขึ้นมาดื่ม แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ร่างของแพม จากนั้นก็เป่าพรวดลงไปที่หน้าอกของหญิงสาว แพมกรีดร้องโหยหวน รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ล้มตัวลงนอนกับพื้นในทันที ร่างกายร้อนระอุราวกับถูกไฟเผาผลาญ ดิ้นรนไปมา เต้านมสั่นกระเพื่อมไปตามแรงดิ้นรน เหงื่อเกาะพราวเต็มเรือนร่างที่เปล่าเปลือย หมอจันเป่าพรวดลงไปเป็นครั้งที่สอง ทำให้แพมเปลี่ยนจากร้อนระอุกลายเย็นยะเยือก หนาวจนต้องนอนขดตัว ริมฝีปากสั่นระริกหอบหายใจแรง จากนั้นก็กลับไปเป็นร้อนสลับกับหนาวอยู่ตลอดเวลา รู้สึกหูอื้อ และตาพร่าจนมองอะไรลานเลืองไปหมด สักครู่ร่างงามนั้นก็หยุดดิ้นรน ถึงตอนนี้เหล่าคนดูทุกคนเริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับภาพที่เห็นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หมอจันทรุดตัวลงนั่ง จากนั้นก็กรอกน้ำมนต์ใส่ปากของนักศึกษาสาว แล้วสั่งให้เธอกลืนน้ำมนต์ หญิงสาวปฎิบัติตามคำสั่งทันที หมอจันบริกรรมคาถาแล้วเป่ากระหม่อมของแพมอีกครั้ง จากนั้นก็เดินกลับมานั่งยังที่เดิมแล้วบอกว่า
"ตอนนี้กูลงอาคมบนตัวอีแพม จิตของมันอยู่ในอำนาจสะกดอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้แต่จิตสำนึกส่วนลึก ตลอดจนสามัญสำนึกก็ไม่มีทางที่จะต่อต้านคำสั่งของกูได้"
"แล้วตอนนี้มัน..มันร่านรึยังอาจารย์" ไอ้เอกถาม
"ยัง..มันแค่อยู่ในอำนาจสะกดเฉยๆ แต่กูจะทำพิธีขั้นต่อไปเพื่อเปลี่ยนนิสัยมัน ลุกขึ้นอีแพม" หมอจันสั่งเสียงกร้าว พร้อมกับยื่นมือเข้าไปหา
ทันใดนั้นแพมก็ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่า ใบหน้าของสาวสวยแสดงถึงความเคลิบเคลิ้ม ตาที่เคยกลมโตบัดนี้หรี่ปรือ เหมือนคนกำลังใกล้จะหลับ สาวสวยก้มลงจุมพิตเบาๆที่หลังมืออันหยาบกร้านมีขนของหมอจัน ขณะที่ก้มลงจุมพิตมือ แพมก็รู้สึกเยือกเย็นบนศีรษะด้วยลมปากเป่าเบาๆของหมอจัน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นรู้สึกสลึมสลือบางครั้งก็เคลิบเคลิ้มบางครั้งก็รู้สึกตัวเหมือนกับเป็นปกติ แต่ไม่ว่าจะมีความรู้สึกอะไร หญิงสาวก็ไม่สามารถควบคุมอวัยวะของตัวเองได้เลย ยังคงต้องรอรับคำสั่งของหมอจันเหมือนกับอวัยวะเหล่านั้นไม่ใช่ของตัวเอง
หมอจันหยิบย่ามออกมา แล้วล้วงเข้าไปข้างในดึงเอาวัตถุออกมาสิ่งหนึ่ง เสียงฮือฮาดังขึ้น แพมซึ่งจับตามองอยู่ถึงกับใจหายวาบเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนั้นอย่างชัดเจน มันมีรูปร่างคล้ายกับอวัยวะของผู้ชาย ใหญ่ขนาดที่มือของเธอกำไม่มิด หญิงสาวหวาดหวั่นจนตัวสั่นระริก รู้แล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
หมอจันหันมาบอกกับพวกนักศึกษาที่นั่งจ้องกันเงียบกริบว่า
"ลึงศ์อันนี้ทำมาจากเศษเนื้อบริเวณท่อนเนื้อของศพฆาตกรซึ่งชอบฆ่าข่มขืนผู้หญิง ผสมกับเศษเนื้อบริเวณหีของศพผู้หญิงที่ยามมีชีวิตอยู่ก็เป็นกะหรี่ หรือร่านสวาทคบชู้ไม่เลือกหน้า รวมทั้งหมด 7 ศพ ผสมกับดิน 7 ป่าช้า แล้วผ่านการลงอาคมด้วยน้ำมนต์ที่ปลุกเสกด้วยคาถา 7 บท อันเป็นคาถาเมตตามหานิยม ซึ่งเป็นคาถามหาเสน่ห์ ทำให้คนรักคนหลง แต่เมื่อถูกนำมาใช้ในพิธีนี้จะทำให้ ลึงค์นี้เป็นที่รวมของความรู้สึก หมกมุ่นกามารมณ์ ปลุกปั่นอารมณ์เพศ เสพสังวาสอยู่เป็นนิจ และสำคัญที่สุดคือขาดผู้ชายไม่ได้เลย กูจะสั่งให้อีแพมสังวาสกับลึงค์นี้ หลังจากนั้นมันจะเป็นผู้หญิงที่ร่านแบบสุดๆ เห็นของผู้ชายเป็นต้องผวาเข้าใส่ ตอนนี้กูจะถามเป็นครั้งสุดท้ายว่ามึงอยากจะให้กูทำพิธีต่อไปหรือไม่"
ทุกคนหันมามองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำพูดอะไร เพราะไม่มีใครคิดว่ามันจะน่ากลัวถึงขนาดนี้ ยิ่งแพมสาวสวยนั้นมีอาการสั่นระริกอย่างรุนแรง เพราะความหวาดกลัวท่อนเอ็นนี้อย่างสุดขีด
และในท่ามกลางความเงียบนั้น ในทีสุดก็มีเสียงใสๆดังขึ้น ซึ่งจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้นอกจากสาวแนนที่ยังแค้นนักศึกษารุ่นพี่ไม่หาย
"ทำต่อเลยค่ะอาจารย์"
ชาคริต พูดสอดขึ้นอย่างกังวล
"น้องแนน"
จิรพนธ์ถามหมอจัน
"แล้วมันจะกลับมาเป็นอย่างเดิมหรือเปล่าอาจารย์"
"ก็ต้องประมาณ สามเดือนเป็นอย่างน้อยที่อาคมจะเสื่อมถอยลงไปเอง ซึ่งถ้าไม่นำมาลงอาคมเพิ่มมันก็จะคลายความร่านลง แต่ความอยากในกามารมณ์เมื่อถูกปลุกเร้าแล้วก็ไม่มีวันจะกลับมาเป็นปกติแล้ว"
"มีวิธีอื่นอีกมั้ยอาจารย์ เอาแบบให้ร่านแค่สามสี่วันน่ะ" จิรพนธ์ถาม
"ไม่มี ถ้าไม่ใช้ลึงค์นี้อย่างมากก็ทำได้แค่สะกดให้อยู่ในอำนาจจิตเฉยๆแบบที่กูทำในตอนแรก แต่มันจะไม่ร่านอย่างที่พวกมึงต้องการ" หมอจันตอบเรียบๆ
"งั้นทำเลยอาจารย์" ไอ้เอกตัดสินใจบอก
"เอาไงเอากัน" ไอ้แมนเสริม
ชาคริตเองก็นิ่งเงียบ
หมอจันหันมาทางนักศึกษาสาวที่นั่งคุกเข่าล่อนจ้อนอยู่ตรงหน้า แล้วยื่นท่อนลึงค์ศักดิ์สิทธิ์ให้
"อีแพม มึงต้องสังวาสกับลึงค์ศักดิ์สิทธิ์นี้เดี๋ยวนี้"
แพมรับท่อนลึงค์จากมือของหมอจันมา แล้วลุกขึ้นยืนถ่างขาออกจับท่อนลึงค์ตั้งไว้กับพื้น แล้วค่อยๆนั่งยองๆลงไป จ่อท่อนลึงค์กับหอยของตัวเอง แต่เมื่อท่อนลึงค์นั้นสัมผัสกับปากแคมของตัวเองหญิงสาวก็หยุดชะงักไปเฉยๆ สีหน้านั้นเผือดขาว ริมฝีปากที่ทาลิปสติคจนแดงฉานนั้นสั่นระริก
"นั่งลงไปซิ เอาลึงค์เข้าหีมึงเดี๋ยวนี้"
หญิงสาวค่อยๆนั่งลงไป ทั้งๆที่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอ้อนวอน ท่อนลึงค์ศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆสอดเข้าไปในร่องหลืบของตัวเองทีละนิดทีละนิด หญิงสาวทรุดตัวนั่งลงไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ท่อนลึงค์ชำแรกผ่านหนังร่องหลืบของตัวเอง มันฝืดคับจนหญิงสาวน้ำตาร่วง แต่ก็กดร่างลงไปช้าๆไม่ยอมหยุด ฉับพลัน เลือดพรหมจรรย์ของสาวสวยก็ไหลซึมลงมาตามลำลึงค์แล้วหยดหยาดลงไปนองบนพื้นในทันที
"อูยยยยย" เสียงร้องครางดังออกมาระงมทั่วห้องด้วยความหวาดเสียว
ความเจ็บปวดพุ่งเข้าสู่ทุกเส้นประสาทของหญิงสาวจนหน้าตาบิดเบี้ยว แต่ก็หาได้หยุดการกระทำของตัวเองไม่ แพมยังคงทรุดตัวนั่งลงไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ดุ้นเนื้อดันผ่านร่องหลืบอันคับแน่นเพราะไม่เคยมีวัตถุใดฝ่าเข้าไปก่อนเลยในชีวิต ตอนนี้เลือดพรหมจรรย์อาบลำลึงค์จนแดงโชกไปหมดทั้งลำ
หญิงสาวปวดร้าวแทบขาดใจร้องครางออกมาในลำคอ แต่ไม่อาจขัดขืนต่อคำสั่งของหมอจัน หญิงสาวกัดฟันกดร่องหีของตัวเองลงไปไม่ยอมหยุด กลีบแคมเผยออ้ากว้างขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวดทวีขึ้นอย่างรุนแรง น้ำตาไหลพรากๆไม่ขาดสาย
"โอยยย.... ตายแล้ว" แนนคิดอยุ่ในใจด้วยความเสียวสยอง ลึงค์อันนี้มีขนาดใหญ่มากจนแม้กระทั่งแนนเองที่ผ่านผู้ชายมาหลายคนยังรู้ตัวว่าทนไม่ไหวแน่ๆ แต่ทำไมแพมซึ่งเป็นสาวบริสุทธิ์จึงกดตัวเองให้ลึงค์ยักษ์เข้าไปไม่หยุดยั้ง นี่แสดงว่าคาถาอาคมของหมอจันนั้นมีฤทธิ์อำนาจรุนแรงจริงๆ หญิงสาวยกมือขึ้นปิดตา แล้วแอบมองผ่านร่องนิ้ว เพราะไม่กล้ามองอย่างเต็มตา ความรู้สึกหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว...
ในที่สุดลึงค์ก็เข้าไปในรูหีของแพมจนมิดหมดทั้งตัว..! เหลือเพียงแต่ฐานขนาดใหญ่เท่านั้นที่ถูกกุมไว้ในอุ้งมือของหญิงสาว ท่อนลึงค์นั้นแดงฉานไปหมดอย่างน่ากลัว
เหล่านักศึกษาหนุ่มๆต่างพากันจ้องเขม็งกันไปที่หอยของสาวสวย ความรู้สึกนั้นแตกต่างกันไป บางคนอาจจะรู้สึกเสียดายที่พรหมจรรย์ของสาวสวยพราวเสน่ห์ต้องสังเวยให้กับเอ็นผีแทนที่จะเป็นเอ็นของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นทุกคนต่างก็รู้สึกท่อนเนื้อของตัวเองลุกตั้งชันแข็งขันไปตามๆกัน เมื่อเห็นแคมหีของหญิงสาวเขมือบท่อนลึงค์จนมิดด้าม
ใบหน้าของสาวสวยบิดเบี้ยวร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวด นี่หากไม่ได้โดนอาคมของหมอจันสะกดไว้คงกรีดร้องลั่นไปนานแล้ว
"เป็นไง มึงรู้สึกยังไงอีแพม" หมอจันเอ่ยปากถาม สายตากร้าวแข็งด้วยอำนาจจิต
"เจ็บ แพมเจ็บเหลือเกิน..." หญิงสาวร้องเสียงแตกพร่าเหงื่อไหลหยดหยาดลงมาจนถึงปลายจมูก
"แน่ละมึงเจ็บ แต่มึงจะเจ็บแค่ครั้งเดียว ลึงค์นี้เป็นลึงค์ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากมึงสังวาสกับลึงค์นี้แล้ว ต่อไปมึงจะมีแต่ความสุขและคอยจะหาลึงค์มาใส่หีตัวเองตลอดเวลา ความสุขมึงจะมีมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น มึงอยากมีความสุขตลอดเวลามั้ย"
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็กัดฟันพูดตอบ
"อยาก... แพมอยากมีความสุข ช่วยแพมด้วย.... โอยย...แพมเจ็บเหลือเกิน" หญิงสาวพูดไปร้องครวญครางไป

...................