ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

XO ตอนที่ 29 - สุดยอดนักรัก

เริ่มโดย assasin008, พฤศจิกายน 07, 2015, 11:59:10 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

assasin008

XO ตอนที่ 29 - สุดยอดนักรัก
.....................................
Assasin008 2015-11-07

   'เนวาน่า ระดับความใคร่ 99%  ระดับความรัก 99%'

   'ท่านได้รับทักษะ Blood of Curse (สายเลือดแห่งคำสาป)  - ทักษะติดตัวระดับเจ็ดดาวเฉพาะสายเลือดของตระกูลเนโครมัน ได้รับความรู้เกี่ยวกับคำสาปในระดับตั้งแต่เจ็ดดาวลงไปทั้งหมด คำสาประดับต่ำกว่าเจ็ดดาวที่ใช้มีโอกาสเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ใช้คำสาปได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30% และป้องกันลดทอนผลจากคำสาปลง 20%'

   'ท่านได้รับทักษะ Undead Evolution (วิวัฒนาการแห่งอันเดท) - ทักษะติดตัวระดับเจ็ดดาวเฉพาะสายเลือดของตระกูลเนโครมัน อันเดทในบงการสามารถฟื้นฟูค่าพลังชีวิตและพลังเวทย์ได้จากการฆ่าศัตรู สามารถสุ่มพัฒนาความสามารถตัวเองได้ตามจำนวนการฆ่า รวมถึงความยาวนานของเวลาบงการ'

   แม็กขมวดคิ้วมองดูข้อความของระบบด้วยความสงสัยขุ่นข้องใจ เขาแทบไม่สนใจใยดีกับทักษะลับเฉพาะสายเลือดที่ได้มาสองทักษะด้วยซ้ำ เพราะเขากำลังสงสัยว่าทำไมค่าระดับความใคร่และความรักของเนวาน่าจึงไม่ยอมขึ้นถึงระดับ 100% เสียที ทั้งที่เขาได้ทำให้เธอสุขล้นจนตาปรือสติหลุดลอยนอนสลบไสลไปแล้ว

   โดยปกตินั้น หากกระทำถึงระดับนี้ สตรีทุกนางจะต้องหลงรักเขาจนเต็มร้อย และกลายเป็นทาสรักหรือไม่ก็ทาสแห่งความใคร่อยากใดอย่างหนึ่ง หากทว่าระดับอารมณ์ของเนวาน่ากลับหยุดนิ่งอยู่ที่ตัวเลข 99% โดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับกระเตื้องขึ้นไปได้อีก

   เมื่อคิดไม่ออกแม็กจึงค่อยลองอ่านทักษะที่เขาได้มาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ก่อนจะพอคาดเดาอะไรบางอย่างออกมาได้ เขาคาดว่าทักษะด้านรัก ๆ ใคร่ ๆ ของโฟร์มดนั้นน่าจะเป็นคำสาปรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่เป็นคำสาประดับสูงจนใครก็ทานทนไม่อยู่ และหากว่านี่นับเป็นคำสาป เนวาน่าที่มีทักษะสายเลือดแห่งคำสาป ก็อาจจะสามารถต้านทานลดทอนได้ส่วนหนึ่ง จนค่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ขึ้นถึงหนึ่งร้อย

   การคาดเดาของแม็กนี้ถือว่าถูกต้องครึ่งหนึ่ง เนวาน่าไม่ได้โดนผลกระทบจากทักษะรักใคร่เต็มร้อย เธอจึงยังพอครองสติได้ หากทว่าเหตุผลอีกครึ่งหนึ่งนั้นก็เป็นเพราะปณิธานอันหนักแน่นที่ถูกพร่ำสอนมาตั้งแต่เยาว์วัย สำหรับคนในราชวงศ์แบล็คฟอร์ดแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปยิ่งกว่าวงศ์ตระกูลอีก และแนวคิดนี้ได้กลายเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของเนวาน่าไม่ต่างอะไรกับเหตุผลในการมีชีวิตอยู่

   เมื่อมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด แม็กจึงไม่สามารถกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างได้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กลายเป็นทาสรักของเขา และหากว่าเขาแสดงท่าทีเป็นมิตรกับเมืองแบล็คฟอร์ดตั้งแต่ต้น หรือแสดงท่าทีสนใจตำแหน่งสามีของเธอ จิตใจเธอจะเปิดยอมรับเขามากกว่านี้ และหากเขากระทำงานบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อแบล็ฟอร์ดสักหน่อย ก็จะสามารถพัฒนากลายเป็นทาสรักได้อย่างง่ายดายยิ่ง

   ความจริงแล้วนี่นับเป็นเงื่อนไขสำคัญอย่างหนึ่งของภารกิจในเกม คนที่ต้องการพิชิตใจของเจ้าหญิงเนวาน่า จะต้องสร้างผลงานให้แบล็คฟอร์ดและแสดงให้เห็นถึงคุณค่าเหนือคน และหากเนวาน่ามองเห็นว่าใครคนนั้นมีความสำคัญต่อแบล็คฟอร์ด เธอจึงจะค่อยทุ่มเทจิตใจให้ การกระทำของแม็กที่ผ่านมาจึงไม่ตรงกับเงื่อนไขเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว

   ในส่วนของทักษะที่แม็กไม่ได้ใส่ใจนักเพราะเป็นแค่ระดับเจ็ดดาวนั้น หากจะใช้คำว่าวานรได้แก้วก็คงไม่ผิดเพี้ยน ทักษะสองอย่างนี้หากจะบอกว่ายอดเยี่ยมก็อาจจะไม่สามารถเทียบเคียงกับทักษะสุดโต่งระดับเก้าถึงสิบดาว หากทว่านี่ก็เป็นทักษะลับเฉพาะทางสายเลือดที่หาไม่ได้ง่ายนัก

   ทักษะทางสายเลือด หมายความว่าทักษะเหล่านี้เรียนรู้ไม่ได้ และไม่มีภารกิจให้ทำเพื่อรับเป็นรางวัล นั่นหมายความว่าแม็กเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวในตอนนี้ที่มีทักษะสองอย่างนี้ ทั้งที่ทักษะทั้งสองอย่างนี้ต่างก็เป็นทักษะที่หากวางขายได้ ก็คงมีราคาในหลักหลายแสนเหรียญทองเป็นอย่างน้อย

   ทักษะสายเลือดคำสาปนั้นเป็นทักษะสุดยอดอย่างหนึ่งของนักเวทย์สายมืดที่เน้นคำสาป โอกาสเพิ่มระดับของคำสาปนั้นถือว่าได้ยอดเยี่ยม แต่ยังต้องเสี่ยงดวง ดังนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพคำสาป 30% และเพิ่มการป้องกันอีก 20% นั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า

   ส่วนทักษะที่สองนั้นแม้จะเป็นแค่เพียงทักษะเจ็ดดาวเพราะเฉพาะเจาะจงเกินไป แต่หากผู้ใช้งานเป็นผู้บงการศพแล้ว ทักษะนี้จะเป็นประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะมันจะช่วยลบจุดด้อยของผู้บงการศพได้อย่างยอดเยี่ยม

   โดยปกติแล้วผู้บงการศพนั้นจะต้องใช้ค่าพลังเวทย์มหาศาล การเรียกปลุกสั่งการศพหนึ่งศพ ก็เหมือนร่ายเวทย์แรง ๆ หนึ่งครั้ง ทั้งยังต้องหน่วงจ่ายพลังเวทย์ให้อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ศพสลายตัว หากปลุกศพสิบศพก็ต้องจ่ายเวทย์เพิ่มขึ้นสิบเท่า ผู้เล่นสายนี้ส่วนใหญ่จึงจะมีร่างกายอ่อนแอ เพราะต้องนำค่าพลังไปเพิ่มที่ค่าความฉลาดแทบทั้งหมด

   เมื่อมีทักษะวิวัฒนาการของอันเดท เหล่าอันเดทในบงการ จะสามารถฟื้นฟูค่าพลังได้จากการสังหารศัตรู และนั่นหมายความว่าในสนามรบนั้นภาระในการจ่ายเวทย์จะลดลง เพราะยิ่งฆ่าพวกมันก็ยิ่งได้รับพลัง ผู้บงการศพจึงไม่ต้องจ่ายพลังให้ตลอดเวลาตามปกติ อีกทั้งยังสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งในระหว่างการสู้รบได้ จึงเป็นที่น่าเสียดายยิ่งที่ใครบางคนยังไม่ตระหนักถึงคุณค่าเหล่านี้ และมัวแต่เอาเวลาไปสนใจเรื่องอื่น

   "อืม ช่างเถอะ ถือว่าทางใครทางมันก็แล้วกัน ตอนนี้ขอเก็บเกี่ยวก่อนดีกว่า"

   ชายหนุ่มส่งเสียงบ่นพึมพำ ก่อนจะขยับร่างออกจากความคับแน่น แล้วยืนมองสำรวจไปรอบห้องครู่ใหญ่ จากนั้นเขาจึงค่อยขยับร่างเปลือยเปล่าไปยืนใกล้กับร่างซากศพไร้ชีวิตของเทพสาวทั้งห้าพลางครุ่นคิด

   เขาสนใจร่างศพของเทพสาวทั้งห้า แต่ไม่ใช่เพราะมีรสนิยมกินไม่เลือกแบบเจ้าชายวิลเลี่ยมแต่อย่างใด เขาแค่รู้สึกว่าศพทั้งห้านั้นจะสามารถเป็นกำลังสำคัญให้กับเขาได้ เพราะเขาในเวลานี้มีทักษะของผู้บงการศพแล้ว เพียงแต่เขาก็ไม่อยากให้เนวาน่ารู้ว่าเขาเอาไป ไม่เช่นนั้นอาจจะเรียกใช้งานลำบากในภายหลัง

   โชคดีที่เขามีทักษะน่าสนใจอีกอย่าง ซึ่งเป็นทักษะที่ได้มาจากอะโฟรไดที และนี่เป็นทักษะเพื่อการเก็บความเยาว์วัยอันงดงามเอาไว้ไม่ให้เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ทักษะนี้จึงเอื้อประโยชน์แก่ฐานะผู้บงการศพของเขาอย่างใหญ่หลวง เพราะมันคือทักษะที่สามารถรักษาซากศพให้คงอยู่ในสภาพเหมือนมีชีวิตไปตลอดกาล!!!

   'Eternal Bless (ลมหายใจนิรันดร)'

   แม็กก้มลงไปจูบริมฝีปากอวบอิ่มของเทพสาวที่แทบดูไม่ออกว่าไร้ชีวิต จากนั้นพลังมนตราของทักษะลับเฉพาะนี้ก็เอ่อไหลเข้าไปในร่างของศพเทพสาวนั้น และผลลัพธ์ก็คือสีหน้าของเทพสาวดูเปล่งปลั่งเป็นสีขาวอมชมพูยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ปอดก็ยังสูดลมหายใจเข้าออกได้ราวกับเธอได้ฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้ว แม้แต่ดวงที่ดูเลื่อนลอยไร้ชีวิตชีวาในคราวแรกก็เปลี่ยนเป็นทอประกายมีชีวิตชีวาจนไม่มีทางดูออกว่านี่คือซากศพไร้ชีวิต

   เมื่อมอบทักษะรักษาซากศพเรียบร้อย แม็กจึงค่อยทดลองเอื้อมมือไปถอดแหวนรักษาสภาพออกมาวางไว้บนเตียง ก่อนจะพบว่าศพของเทพสาวยังคงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา และไม่เกิดผลกระทบอันใดในทางที่ไม่ดี

   เขากระทำเช่นเดียวกันกับซากศพทั้งห้า และวางแหวนรักษาสภาพไว้บนเตียง เพราะมันเป็นไอเท็มที่ไม่มีค่านักสำหรับเขา ทั้งยังสามารถหลอกให้เนวาน่าที่ตื่นมาในภายหลังเข้าใจผิดได้ เธอจะต้องเข้าใจว่าซากศพเทพสาวอันแข็งแกร่งจะต้องเสื่อมผุพังเพราะไม่ได้สวมใส่แหวน และหากว่าเขาจะใช้ศพเทพสาวเหล่านี้ในภายหลัง ก็จะไม่โดนสงสัยและสืบย้อนกลับไปมากนัก

   "หนักเหมือนกันแฮะ"

   แม็กส่งเสียงบ่นเล็กน้อย เพราะว่าซากศพในเกมนี้สามารถยึดถือเป็นไอเท็มหนึ่งชิ้นได้ ผู้เล่นสามารถแปลงสภาพมันเป็นการ์ด แล้วใส่เข้ากระเป๋ามิติได้ เพียงแต่ศพเหล่านั้นจะเสื่อมสภาพเน่าเหม็นไปตามปกติ ทั้งยังจะส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมาด้วยหากปล่อยให้เน่าเหม็นในกระเป๋ามิติ ส่วนข้อดีก็คือน้ำหนักในสภาพการ์ดจะเหลือเพียง 20% ของน้ำหนักจริง แต่ก็ต้องกินพื้นที่ช่องเก็บของศพละหนึ่งช่อง

   เทพสาวหนึ่งร่างหนักประมาณ 55 กิโลกรัม เทพสาวห้าร่างจึงหนัก 275 กิโลกรัม แต่เมื่ออยู่ในสภาพการ์ดก็จะเหลือน้ำหนักเพียง 20% ซึ่งก็คือ 55 กิโลกรัม และน้ำหนักระดับนี้หากต้องแบกไปไหนมาไหนในโลกแห่งความเป็นจริง รวมกับข้าวของก่อนหน้าคงจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือทำอย่างอื่น

   แต่ว่านี่คือในเกมที่มีระดับค่าพลังสูงกว่าโลกจริง อีกทั้งแม็กยังมีพลังปราณช่วยเสริมพลังอีกส่วนหนึ่ง น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาเพียงนี้จึงไม่นับเป็นอย่างไรได้ ทั้งที่ความจริงแล้วนี่นับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้บงการศพในการพกพาศพไว้ใช้งานมากทีเดียว

   ดังนั้นส่วนใหญ่จึงนิยมเก็บเฉพาะซากกระดูกซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่าไว้แทนซากที่มีเลือดเนื้อ และเหตุผลอื่นก็คือคงไม่มีใครอยากเก็บซากศพเน่า ๆ ส่งกลิ่นเหม็นติดกระเป๋าเอาไว้ด้วย

   หลังจากเก็บศพของเทพสาวทั้งห้าในช่องเก็บของเรียบร้อยแล้ว แม็กก็เดินไปหยิบผ้าห่มคลุมให้ร่างเปลือยเปล่าของเนวาน่า ก่อนจะสวมวิญญาณโจรขโมย รื้อค้นข้าวของในห้องแล้วเลือกเก็บไอเท็มที่ดูดีมีประโยชน์ ซึ่งของส่วนใหญ่ในห้องลับนี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์และหายากไม่น้อย เพียงแต่เขายังไม่ทราบว่าพวกมันไว้ทำอะไรได้บ้าง

   แม็กเลือกหยิบพวกสมุนไพร หนังเสือบากี เขี้ยวงูกอร์ก้อน เล็บหมาป่าดำ หญ้าซากศพ และอะไรต่ออะไรยัดใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เขาได้แต่รู้สึกคับแค้นใจที่ช่องเก็บของตัวเองมีเพียงแค่หนึ่งร้อยช่อง และวางแผนว่าจะไปรับภารกิจขยายจำนวนช่องเก็บของอย่างเร่งด่วน

   เขารื้อค้นอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะเดินกลับออกไปอย่างสง่าผ่าเผยในทิศทางเดิมที่เขาเข้ามา และที่ด้านนอกตรงสุสานมืดนั้นกำลังเป็นเวลาเกือบพลบค่ำ บรรยากาศสำหรับคนปกติส่วนใหญ่จึงวังเวงเวิ้งว้างชวนขนลุก แต่แม็กกลับรู้สึกตรงกันข้าม เพราะทักษะของผู้บงการศพนั้น ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีซากศพอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นซากศพนับพันที่ถูกฝังอยู่ในสุสานจึงทำให้พลังชีวิตสูงสุดและพลังเวทย์สูงสุดของเขาพุ่งพรวดพราดอย่างน่ากลัว

   ความจริงแล้วทักษะมิตรสหายแห่งอันเดท ที่เพิ่มค่าพลังชีวิตสูงสุดและค่าพลังเวทย์สูงสุด 3% ต่อหนึ่งศพที่สัมผัสได้นั้นไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ โดยปกติผู้บงการศพจะมีระยะสัมผัสกับความตายที่แฝงอยู่ในซากศพในระยะไม่เกิน 5 ถึง 10 เมตร ซึ่งในระยะเพียงแค่นั้นอย่างดีก็คงมีศพไม่กี่สิบ หากทว่าสำหรับแม็กที่มีสัมผัสกาลเวลาซึ่งสามารถขยายยืดยาวได้ถึงหนึ่งร้อยเมตรนั้นกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

   "ใกล้จะมืดแล้วแฮะ เอาไงดี ... ไปรับภารกิจเพิ่มช่องเก็บของก่อนดีกว่า ของเต็มเลย ... แล้วก็รับรางวัลจากภารกิจด้วย เผื่อต้องใช้เงิน"

   แม็กยืนสูดหายใจด้วยความรู้สึกโปรดโปร่งในสุสานมืดราวกับกำลังยืนอยู่ในสวนดอกไม้เนิ่นนาน ก่อนจะตัดสินใจเดินทางเข้าเมืองไปพร้อมกับฝึกการใช้ศพให้คล่องไปพลาง เขาจึงหยิบเอาการ์ดซากศพของเทพสาวทั้งห้าออกมาจากช่องเก็บของ แล้วควบคุมบงการให้พวกเธอตามเขาไป เงาร่างหกร่างจึงวิ่งทะยานหายลับไปกับความมืดที่กำลังกลืนกินสุสานมืดแห่งนี้อย่างเชื่องช้า

....................................................

   "ได้รับรางวัลจำนวน 10,000 เหรียญทอง จากภารกิจครอบครอง เตียวเสี้ยน หนึ่งในร้อยแปดสุดยอดสาวงาม"
   "ได้รับค่าชื่อเสียงจำนวน 10,000 หน่วย จากภารกิจครอบครอง เตียวเสี้ยน หนึ่งในร้อยแปดสุดยอดสาวงาม
   "ได้รับรางวัลจำนวน 10,000 เหรียญทอง จากภารกิจครอบครอง เฟิ่งหวง หนึ่งในร้อยแปดสุดยอดสาวงาม"
   "ได้รับค่าชื่อเสียงจำนวน 10,000 หน่วย จากภารกิจครอบครอง เฟิ่งหวง หนึ่งในร้อยแปดสุดยอดสาวงาม"
   "ท่านได้รับตำแหน่งบุรุษนักรักอันดับหนึ่ง เนื่องจากครอบครองสุดยอดสาวงามจำนวนมากที่สุดในปัจจุบัน"
   "ได้รับค่าชื่อเสียงจำนวน 10,000 หน่วย และเงิน 10,000 เหรียญทอง จากตำแหน่งบุรุษนักรักอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรก"
   "ผู้ครองตำแหน่งบุรุษนักรักอันดับหนึ่ง จะได้สิทธิพิเศษใช้บริการของระบบที่ไม่มีต้นทุนได้ในราคา 20% ทุกอย่างจนกว่าจะพ้นตำแหน่ง"
   "ขอแสดงความยินดีด้วย ค่าชื่อเสียงปัจจุบันของท่านมี 128,412 หน่วย จัดเป็นลำดับที่ 99,187 จากผู้เล่น 1,472,745,384"
   "ได้รับกระเป๋ามิติระดับ 6 ดาว เป็นรางวัล เนื่องจากค่าชื่อเสียงมากกว่าหนึ่งแสนหน่วย"
   "กระเป๋ามิติระดับ 6 ดาว มีช่องเก็บของ 300 ช่อง ช่วยลดน้ำหนักเหลือ 10% ของน้ำหนักของจริง"

   นี่เป็นรอบที่สองของวัน ที่แม็กต้องขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดเมื่อได้อ่านข้อความของรางวัล ทั้งที่เขาได้รับกระเป๋ามิติเป็นของรางวัล ซึ่งตรงกับที่ต้องการอยู่พอดี อีกทั้งยังได้เงินมาอีกสามหมื่นเหรียญทอง กับค่าชื่อเสียงอีกสามหมื่นหน่วย จนติดอันดับหนึ่งแสนคนแรกได้สำเร็จ หากทว่าเวลานี้เขากลับกำลังรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง

   สิ่งที่เขาหงุดหงิดก็คือตำแหน่งบุรุษนักรักอันดับหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วเขาควรจะต้องยินดี หากทว่าเมื่อได้ขบคิดให้ดีแล้ว เขากลับพบว่าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้รับตำแหน่งนี้ทั้งที่ได้ครอบครองแอสโมดิอุสกับอะโฟรไดที แต่ค่อยได้รับข้อความนี้หลังจากที่เขาได้ครอบครองเตียวเสี้ยนและเฟิ่งหวง

   นั่นหมายความว่า มีใครอย่างน้อยหนึ่งคนที่ไม่ทราบว่าเป็นผู้เล่นหรือ NPC และใครคนนั้นก็ได้ครอบครองสุดยอดสาวงามอย่างน้อยสองคน ทำให้เขาไม่ได้รับตำแหน่งนี้ในคราวแรก และเรื่องที่เขายอมรับไม่ได้เด็ดขาดก็คือ ร้อยแปดสุดยอดสาวงามบางคนนั้นมีใครบางคนครอบครองไปเสียแล้ว!!!

   "ถามได้มั้ย ว่าใครที่เคยรับตำแหน่งบุรุษนักรักอันดับหนึ่งก่อนหน้านี้?"
   
   แม็กเงยหน้าจากหน้าจอระบบ แล้วหันไปถามเจ้าหน้าสาวสวยในอาคารช่วยเหลือผู้เล่น เธอจึงหันมายิ้มให้ตามที่ได้ตั้งโปรแกรมไว้แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ซึ่งเดาได้ว่ากำลังประมวลผลคำถาม จากนั้นเธอจึงค่อยส่ายศีรษะไปมาแล้วตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ

   "คำถามนี้ตอบให้ไม่ได้ค่ะ"

   "... งั้นตอนนี้สุดยอดสาวงาม ที่ยังไม่มีใครครอบครอง เหลืออยู่กี่คน?"

   "คำถามนี้ 500 เหรียญทองค่ะ แต่คุณได้ส่วนลดจากตำแหน่งบุรุษนักรัก เหลือเพียงแค่ 100 เหรียญทอง จะยืนยันคำถามมั้ยคะ?"

   "โอเคครับ บอกมาเลย"

   "สถานะในเวลาปัจจุบัน หากไม่นับคุณกายเวอร์ที่ครอบครอง 4 ใน 108 สุดยอดสาวงาม ก็ยังมีอีก 8 สุดยอดสาวงามที่มีผู้ครอบครองแล้ว หรือก็คือ ยังเหลืออีก 96 สุดยอดสาวงามในทวีปต่าง ๆ ที่ยังไม่ถูกครอบครองค่ะ ... มีคำถามเพิ่มเติมมั้ยคะ?"

   เจ้าหน้าที่สาวตอบเสียงนิ่งเพราะมีสติปัญญาจำกัดเฉพาะบางเรื่อง ในขณะที่แม็กยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจกว่าเดิม เขารู้สึกว่าตนเองคิดง่ายเกินไปสักหน่อย เกมนี้เปิดบริการมาแล้วห้าปีกว่า มีผู้เล่นหลายล้านคน และมี NPC ในระบบอีกนับไม่ถ้วน หากจะมีใครสักคนสามารถครอบครองสุดยอดสาวงามได้บ้างก็คงไม่แปลกอะไร และนั่นทำให้เขาทราบว่าเขาควรจะเร่งรีบให้มากกว่านี้สักหน่อยเพื่อเร่งเก็บสุดยอดสาวงามที่ยังไม่มีคนจับจอง

   "เอ่อ ... แล้วจะตามหาสุดยอดสาวงามที่เหลือได้ยังไง?"

   "คำถามนี้ตอบให้ไม่ได้ค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นต้องสืบค้นเอง แต่สามารถบอกได้ว่าข้อมูลสาวงามบางส่วน มีถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถหาอ่านได้ในหอสมุดทั่วไปค่ะ"

   "หอสมุดเหรอ ... อืม สงสัยต้องอ่านหนังสือกันหน่อยแล้วล่ะมั้งเนี่ย"

   "หอสมุดของทุกเมืองจะเปิดทำการตลอดเวลาทุกวัน ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ มีคำถามเพิ่มมั้ยคะ"

   "อืม ... อีกคำถามครับ ... ไอ้ค่าชื่อเสียงนี่มันช่วยอะไรได้บ้าง เห็นมีจัดลำดับด้วย?"

   "คำถามนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ ค่าชื่อเสียงได้จากการทำภาระกิจ ยิ่งภารกิจยากก็ยิ่งได้ค่าชื่อเสียงสูง และจะถูกหักออกหากทำผิดกฎของเกม เช่นเจตนาฆ่าผู้เล่นหรือ NPC ในพื้นที่ปลอดภัย หากค่าชื่อเสียงติดลบ จะมีสถานะเป็นผู้เล่นฆาตรกร โอกาสของตกหล่นเมื่อตายจะเพิ่มขึ้น และคนที่ฆ่าผู้เล่นฆาตกรจะไม่เสียอะไร ส่วนข้อดีของชื่อเสียงก็คือ ยิ่งมีมาก NPC ก็จะยิ่งเชื่อใจไว้ใจเหมือนผู้เล่นคนนั้นเป็นคนใหญ่คนโต และให้ภารกิจยาก ๆ มีตรงไหนไม่เข้าใจมั้ยคะ?"

   "เข้าใจครับ ... เหมือนผมอ่านเจอว่ามีผู้เล่นบางกลุ่ม ที่เป็นผู้เล่นฆาตกร แล้วรวมกลุ่มกันเป็นเมือง เป็นค่ายโจร พวกนี้เค้าทำไปทำไม เข้าเมืองก็ไม่ได้ ลำบากแย่"

   "เรื่องนี้คุณจะต้องหาคำตอบเอาเองค่ะ แต่พวกเราสามารถบอกได้แค่ว่า รสนิยมในการเล่นเกมของคนเราไม่เหมือนกันค่ะ ยกตัวอย่างเช่นคุณผู้เล่นเองก็มีรสนิยมในการครอบครองผู้หญิง มากกว่าเล่นเกมเพื่อเอาชนะ มีคำถามอื่นอีกมั้ยคะ?"

   "มีย้อนด้วยแฮะ ... รสนิยมเหรอ? ... อืม ก็จริง ถามเพิ่มอีกข้อนึง ... ผมสงสัยว่าทำไมเนวาน่าถึงไม่กลายเป็นทาสของผม?"

   "คำถามนี้ 100 เหรียญทอง แต่ลดเหลือ 20 เหรียญทองค่ะ ยืนยันการถามมั้ยคะ?"

   "น้อยกว่าคำถามก่อนนี้เหรอ? ... ยืนยันครับ"

   "น้อยกว่าเพราะคำตอบนั้นตรงไปตรงมาค่ะ คำตอบก็คือ คุณผู้เล่นยังไม่สามารถทำภารกิจได้ครบตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้"

   "ภารกิจ? ยังไง?"

   "คำถามนี้ตอบไม่ได้ค่ะ คุณจะต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่สามารถบอกได้ก็คือ การครอบครองใครก็ตาม คุณจะต้องกระทำภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์ จึงจะทำได้ ต่อให้คุณมีทักษะตัวช่วย แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด"

   "เอ๋ แล้วอย่างก่อนหน้านี้ อย่างเตียวเสี้ยน เฟิ่งหวง อะโฟรไดที แอสโมดิอุส คาร่า มีอา หรือเจ็ดนางฟ้าสกุลเทียน ทำไมพวกเธอครบเงื่อนไขได้ล่ะ"

   "เนื่องจากคุณได้ครอบครองพวกเธอแล้ว ข้อมูลเหล่านี้จึงเปิดเผยได้ แต่คนละ 200 เหรียญทอง ลดเหลือ 40 เหรียญทองค่ะ ต้องการทราบข้อมูลของคนไหนคะ?"

   "เฟิ่งหวง ก่อนก็แล้วกัน"

   "เฟิ่งหวง เจ้าหญิงวิหคเพลิง เงื่อนไขที่จะทำให้ได้ครอบครองก็คือ เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้ทำให้เธอเติบใหญ่ และเป็นผู้ทำให้เธอได้พลังกลายเป็นราชินีค่ะ"

   พนักงานสาวตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ ในขณะที่แม็กนั้นส่งเสียงอืมและย้อนนึกคิดในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ซึ่งความจริงแล้วเงื่อนไขเหล่านี้นับว่ายากเย็นแสนเข็ญ เพียงแค่ทำให้ลูกเจี๊ยบเฟิ่งหวงเกิดเป็นวิหคเพลิงได้ก็ยากมากแล้ว

   "เตียวเสี้ยนล่ะ?"

   "เตียวเสี้ยน หนึ่งในสี่โฉมงามแห่งทวีปไชนี่ เงื่อนไขที่จะทำให้ได้ครอบครองก็คือ การรักษาสัญญา การเอาชนะด้วยดนตรี และการเอาชนะด้วยวรยุทธ์"

   "อืม ... อาจจะคล้ายกับกับพวกเจ็ดนางงามสกุลเทียนซินะ"

   แม็กรับฟังแล้วบ่นพึมพำ เงื่อนไขสองอย่างหลังนั้นเขาคาดเดาได้ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่เคยคิดเรื่องการรักษาสัญญา และหากคิดย้อนกลับไปแล้ว การที่เขารักษาสัญญาปล่อยตัวพวกเธอจากการเป็นทาสในครั้งแรก น่าจะตรงกับเงื่อนไขนี้ เตียวเสี้ยนจึงแสดงท่าทีในทางบวกต่อเขาไม่น้อย

   "ต้องการถามทั้งเจ็ดเลยมั้ยคะ?"

   "เอ่อ ... ไม่เป็นอะไร งั้นขอถามของอะโฟรไดที กับ แอสโมดิอุสหน่อย"

   "อะโฟรไดที เทพีแห่งความรัก เงื่อนไขเดียวก็คือทำให้นางรู้สึกถึงความใคร่ ส่วนแอสโมดิอุส จ้าวแห่งความใคร่ เงื่อนไขเดียวคือทำให้นางรู้สึกถึงความรัก ... มีคำถามเพิ่มเติมมั้ยคะ"

   พนักงานสาวเว้นจังหวะเล็กน้อยคล้ายกำลังประมวลผล ก่อนจะเอ่ยเฉลยเรื่องราวออกมา และถึงแม้ว่าเงื่อนไขจะมีเพียงแค่ข้อเดียว หากทว่านั่นนับเป็นเรื่องยากลำบากแสนเข็ญอย่างยิ่งยวด ใครกันที่จะสามารถทำให้เทพีแห่งความรักบังเกิดความใคร่ และใครกันจะสามารถทำให้จ้าวแห่งความใคร่บังเกิดความรัก หากว่าทั้งสองไม่บังเอิญมาอยู่ด้วยกัน

   "แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าแต่ละคนกำหนดภารกิจอะไรเอาไว้ในใจ?"

   "คำถามนี้ตอบได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ คำตอบก็คือผู้เล่นจะต้องทำความรู้จักกับตัวละคร หาข้อมูลเกี่ยวกับตัวละคร หากผู้เล่นมีค่าชื่อเสียงมากเพียงพอ ตัวละครเหล่านั้นอาจจะสนทนาในเชิงขอร้องเพื่อบอกเงื่อนไขออกมาอย่างอ้อม ๆ หรือไม่ก็อาจจะบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมาแล้วแต่นิสัยของตัวละคร ... มีคำถามเพิ่มเติมมั้ยคะ?"

   "... ไม่มีแล้วครับ"

   "ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ ขอให้คุณนักผจญภัยโชคดี"

   พนักงานสาวกล่าวเสียงเรียบแล้วก็นิ่งไปเหมือนหุ่นยนต์ ซึ่งความจริงเธอเองก็เป็นหุ่นยนต์ที่ใช้เพื่อตอบคำถามแบบเฉพาะเจาะจงอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม็กจึงแค่พยักหน้าไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แค่ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินออกอาคารช่วยเหลือผู้เล่นมายืนเหม่อมองดูดวงจันทร์ และรับสัมผัสของสายลมเย็นสดชื่นสบายของยามค่ำคืน
 
   "... เกือบลืม ต้องไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงก่อนซินะ เอาแบบไหนดีหว่า"

   แม็กยืนเหม่อลอยชื่นชมทิวทัศน์อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยนึกได้ว่ามีธุระที่ต้องกระทำ เขาจึงเดินเข้าไปในย่านการค้าซึ่งยังคงเปิดไฟสว่างพอสมควรแต่มีผู้คนไม่มากนัก เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะเลือกพักผ่อนในเวลากลางคืน เก็บเรี่ยวแรงไปตีมอนสเตอร์ตั้งแต่เช้าตรู่

   เขาเดินสำรวจดูสินค้าตัวอย่างหน้าร้านอย่างละเอียด แต่ยังไม่เจอร้านไหนถูกใจ เพราะว่าแม็กนั้นเติบโตมาในสังคมอู้ฟู่ร่ำรวย เขาจึงพอมองออกว่าสินค้าชิ้นไหนเป็นของชั้นต่ำ และชิ้นไหนเป็นของชั้นดี

   เขาเดินเตร่ไปจนเกือบสุดซอย ก่อนจะพบกับร้านเสื้อผ้าร้านสุดท้ายที่ดูเก่าคร่ำครึสีซีดจาง หากทว่าเขากลับสะดุดตากับเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่วางอยู่หน้าร้าน เสื้อผ้านั้นให้ความรู้สึกธรรมดาในคราวแรก แต่เมื่อสังเกตให้ดีแล้วเขากลับพบว่านั่นเป็นงานฝีมือที่ปราณีตละเอียดละออไม่เข้ากันกับสภาพร้าน ทั้งยังดูมีคุณค่าสูงส่งกว่าราคาป้ายที่แขวนอยู่ เขาจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในร้าน

   "สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย สนใจเสื้อผ้าแบบไหนคะ? ... เอ๊ะ?"

   เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งบนบานประตูดังขึ้น พร้อมกับพนักงานร้านสาวหน้าตาสวยน่ารักวัยไม่ถึงยี่สิบที่เดินปรี่เข้ามาทักทายด้วยท่าทางยินดีกระฉับกระเฉง ดูเธอจะแปลกใจไม่น้อยเมื่อหันมามองดูเขา

   แม็กหันไปยิ้มให้และมองสำรวจเธอตามความเคยชิน จนอีกฝ่ายแสดงท่าทีขวยเขินออกมา เขาจึงพูดหยอกล้อบริหารเสน่ห์ไปตามความเคยชินอีกครั้ง

   "สวัสดีครับ เอ่อ ผมชื่อแม็ก คุณคนสวยชื่ออะไรเอ่ย?"

   "เอ่อ ... คือ ... ลิลลี่ ... ลิลลี่ค่ะคุณเทพธนู"

   พนักงานสาวชื่อลิลลี่โดนจ้องมองและหยอกล้อจนใบหน้าแดงก่ำ ดูไปแล้วเธอน่าจะเป็นสาวขี้อายไร้เดียงสาพอสมควร และอะไรบางอย่างทำให้แม็กรู้สึกว่าเธอคนนี้น่าจะเป็น NPC ชาวบ้านธรรมดาของระบบมากกว่าจะเป็นผู้เล่น
     
   "เอ๋ เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอครับคุณลิลลี่คนสวย? ทำไมต้องตกใจด้วย?"

   "ปะ เปล่าค่ะ ... คือ ลิลลี่เคยเห็นคุณยิงธนูใส่คนไม่ดีคนนั้น ... แล้วลิลลี่ก็ได้ตามข่าวของคุณ ... ได้ยินมาว่าคุณต่อสู้เสมอกับแม่ทัพฟาร์อีสต์ แม่ทัพอันดับหนึ่งของเมืองด้วย ... เอ่อ ที่ตกใจ เพราะไม่นึกว่าจะได้เจอเทพธนูในร้านเก่า ๆ แบบนี้"

   เธอพูดเสียงตะกุกตะกักแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา ซึ่งหากให้แปลความหมายแล้ว เธอคนนี้คงจะแอบเป็นแฟนคลับของเทพธนูผู้ลวงโลกเข้าเสียแล้ว

   "คนไม่ดี? หมายถึงไอ้บ้ากล้ามสตรองน่ะเหรอ?"

   "ใช่ค่ะ คนไม่ดีคนนั้นชอบมาตามตื๊อ แต่ลิลลี่ไม่เล่นด้วย เขาก็เลยรบกวนจนลูกค้าคนอื่นกลัวไม่มีใครกล้าเข้ามาในร้าน"

   "อ้อ ... เป็นแบบนี้นี่เอง"

   แม็กยิ้มแหย ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ เพราะนึกได้ว่าเผลอรับปากเป็นลูกพี่ของไอ้บ้ากล้ามสตรองเข้าไปแล้ว ความผิดของสตรองก็เลยเหมือนจะกลายเป็นความผิดของเขาไปด้วยส่วนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะสั่งให้สตรองเพลา ๆ ความหื่นลงบ้าง และหากอีกฝ่ายไม่รับปากเชื่อฟัง เขาจะได้ใช้เป็นข้ออ้างเลิกเป็นลูกพี่แล้วกระทืบสั่งสอนในเกมเสียเลย

   "ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยสั่งสอนคนไม่ดีคนนั้น"

   "ไม่เป็นอะไรหรอก เรื่องเล็กน้อย ... เอ่อ ... เปิดร้านอยู่ใช่มั้ย?"

   ลิลลี่คล้ายจะเริ่มเขินน้อยลง เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับแม็ก แล้วก้มหน้างุดสลับไปสลับมา ซึ่งหากให้แปลความหมายจากท่าทีแล้ว ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าพนักงานสาวร้านเสื้อผ้าคนนี้แอบชื่นชอบเทพธนูที่ช่วยแก้แค้นให้เธอเข้าเสียแล้ว

   "เอ่อ ค่ะ เทพธนูอยากได้อะไรคะ รับรองว่าลิลลี่จะให้ราคาพิเศษเลย"

   "เรียกผมว่าแม็กดีกว่านะ อย่าเรียกเทพธนูเลย"

   "ค่ะเทพธนู เอ๊ย ค่ะคุณแม็ก"

   "ผมอยากได้เสื้อผ้าใส่เองสักสี่ชุด แล้วก็อยากได้เสื้อผ้าของผู้หญิงสักหลายตัว ... เอ่อ เรื่องขนาดตัวนี่คือยังไง ต้องพาตัวจริงมาวัดก่อนหรือเปล่า?"

   "ขนาดรูปร่างไม่ต้องห่วงค่ะ ชุดเสื้อผ้าจะสามารถปรับเข้ากับรูปร่างได้ ไม่ว่าจะสูงต่ำ อ้วนผอมยังไงก็ตาม แค่เลือกแบบก็พอแล้วค่ะ แต่หากต้องการตัดชุดใหม่ก็อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยค่ะ"

   "ตัดชุดใหม่ได้ค่ะ แต่ต้องใช้เวลา เพราะว่าพ่อกับแม่กำลังป่วย ส่วนลิลลี่ยังเรียนรู้อยู่"

   "เสื้อผ้าตัวอย่างพวกนี้ลิลลี่ตัดเองหรือเปล่า อย่างที่แขวนไว้หน้าร้าน"

   "เปล่าค่ะ ของพวกนี้ส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่ทำเอาไว้ เพียงแต่พวกท่านทำงานหนักไม่ได้มาสองปีกว่าแล้ว เพราะป่วยด้วยคำสาปตอนพยายามไปหาหนังเสือดำบากี กับหนังแล้วก็เขี้ยวงูกอร์ก้อนมาเป็นวัตถุดิบ"

   "คำสาปงั้นเหรอ? หนังเสือดำบากี? เขี้ยวงูกอร์ก้อน? ... หรือว่าภารกิจ?"

   แม็กทวนคำด้วยความสงสัย อย่างแรกคือเรื่องป่วยด้วยคำสาป และอย่างที่สองก็คือพวกวัตถุดิบที่เขารู้สึกคลับคล้ายว่าเพิ่งฉกมาจากคลังของเนวาน่าแบบสด ๆ ร้อน ๆ อย่างบังเอิญน่าเหลือเชื่อ จากนั้นเขาจึงค่อยนึกไปถึงคำพูดของพนักงานของระบบที่บอกว่า หากชื่อเสียงมากพอ อาจจะได้รับการเสนอภารกิจอย่างอ้อม ๆ และคำพูดของลิลลี่นั้นดูจะสื่อไปทางภารกิจไม่น้อย

   "ใช่ค่ะ พวกท่านโดนคำสาประดับหกดาวทำให้มีไข้สูงเกือบตลอดเวลา หมอหรือแม้แต่นักบวชในเมืองก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ให้ยาประคองอาการไปวัน ๆ"

   ลิลลี่เล่าพลางทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา แม็กซึ่งแพ้น้ำตาผู้หญิงจึงรีบพูดปลอบใจ ไม่ให้เธอร้องออกมา

   "ขอไปดูหน่อยซิ ผมอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง"

   "เทพธนูมีความรู้เรื่องคำสาปเหรอคะ?"

   "ก็พอมีอยู่บ้างนะ ขอลองดูก่อนก็แล้วกัน"

   แม็กพยายามพูดให้ความหวัง ลิลลี่จึงหยุดร้องไห้ แล้วหันมามองดูเขาด้วยดวงตาพินิจพิจารณา ก่อนจะพยักหน้าแล้วทำท่าให้เขาเดินตามขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

   เสียงไม้กระดานบันไดดังเอี๊ยดอ๊าดใกล้พังทลาย แต่ยังดีที่สภาพโดยรวมนั้นสะอาดสะอ้านเหมือนโดนดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากลิลลี่ จึงไม่มีฝุ่นหรือหยากไย่ให้ต้องปัดออก

   เสียงแอ๊ดดังขึ้นอีกครั้งเมื่อประตูไม้เปิดออก แม็กเดินตามเข้าไปด้านใน เห็นบนเตียงนอนผืนใหญ่ มีหญิงและชายวัยกลางคนนอนหน้าซีดตัวสั่นสะท้านเหมือนป่วยหนัก นั่นสมควรจะเป็นพ่อกับแม่ของลิลลี่ที่ป่วยหนักมานาน

   "พ่อจ๋า แม่จ๋า ... วันนี้หนูพาเทพธนูมาช่วยดูอาการนะคะ"

   ลิลลี่เดินเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำเสียงนั้นคล้ายจะพูดบอกตัวเองมากกว่าบอกผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยดูเจ็บปวดทรมาณ และไม่มีท่าทางว่าจะมีสติรับฟังแต่อย่างใด

   แม็กเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาคิดถูกหรือผิดที่คิดรับภารกิจนี้ เพราะเขาไม่มีความรู้ด้านการรักษาอะไรพวกนี้ แต่ก็ไม่อยากเห็นสาวสวยเสียใจสิ้นหวัง เพราะต่อให้เขามีทักษะของนักบวช แต่ว่าหากไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ การใช้อักขระเวทย์แสงแก้ไขก็จะไม่ตรงจุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแก้คำสาปก็คือ การเข้าใจคำสาปเสียก่อน


   ทันใดนั้นเรื่องราวแปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น เมื่อแม็กลองกวาดสายตามองดูพ่อกับแม่ของลิลลี่ ข้อความของระบบก็เด้งขึ้นมา โดยระบุว่านั่นเป็นความสามารถของทักษะสายเลือดต้องสาปที่เขาเพิ่งได้รับมาจากเนวาน่า และในนั้นบ่งบอกถึงรายละเอียดของคำสาปที่พ่อกับแม่ของลิลลี่โดน รวมไปถึงทางแก้อย่างละเอียดชัดเจน

   'ทักษะสายเลือดแห่งคำสาปทำงาน ตรวจพบคำสาปอาฆาตของอสรพิษกอร์ก้อน คำสาประดับ 6 ดาว สติของผู้ถูกคำสาปจะเลอะเลือน มีไข้สูง อ่อนเพลีย ไม่ได้สติ สาเหตุเนื่องจากความอาฆาตของกอร์ก้อนที่แฝงอยู่บริเวณสมองด้านหลัง สามารถแก้ไขได้ด้วยการกินน้ำต้มใบอ่อนของต้นหญ้าซากศพ รวมถึงการใช้เวทย์แสงลบล้างความอาฆาต'

   "คำสาปอาฆาตของอสรพิษกอร์ก้อนงั้นเหรอ?"

   แม็กบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่ลิลลี่ที่ได้ยินกลับชะงักแล้วหันมาเบิกตากว้างมองดู คล้ายกับกำลังตื่นเต้นยินดี ดูเหมือนเธอจะกำลังตื่นเต้นที่เทพธนูสามารถระบุชื่อของคำสาปได้ นั่นเป็นชื่อของคำสาปที่หมอมือหนึ่งของเมืองบอกออกมา เพียงแต่หมอมือหนึ่งคนนั้นก็จนปัญญาที่จะรักษา หากทว่าวันนี้เทพธนูเพียงมอบแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคำสาปอะไร เธอจึงอดมีความหวังขึ้นมาไม่ได้

   "เทพธนูรู้จักเหรอคะ? ได้โปรดช่วยรักษาคุณพ่อคุณแม่ด้วยเถอะค่ะ ลิลลี่ยอมตอบแทนให้ได้ทุกอย่างเลยค่ะ"

   เธอหันมาจับมือของแม็กแล้วบีบแน่น ดวงตาคู่นั้นร้องขอวิงวอนจนเขารู้สึกอยากช่วยเหลืออย่างจริงจัง จึงเอ่ยปากบอกให้เธอไปนั่งรอเงียบ ๆ ส่วนเขานั้นเดินไปยืนที่ปลายเตียง แล้วเริ่มวาดอักขระแห่งแสงขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยเน้นไปที่อักขระที่มีสรรพคุณชำระล้างความอาฆาตเป็นหลัก

   ลิลลี่ลืมตาโตเมื่อเห็นอักขระเวทย์ธาตุแสงเข้มข้นเหมือนพวกนักบวชระดับสูง เธอย่อมไม่คาดคิดว่าเทพธนูจะมีความรู้ทางด้านเวทย์แสง จากนั้นไม่นานนัก ก็เริ่มปรากฎวงแหวนเวทย์สีขาวนวลอบอุ่นขึ้นล้อมรอบร่างของผู้ป่วยทั้งสอง และเรื่องอัศจรรย์ก็พลันบังเกิดขึ้น

   เพียงครู่เดียวพ่อกับแม่ที่ล้มป่วยมาเนิ่นนานก็หยุดสั่นเทิ้ม สีหน้าเจ็บปวดทรมาณเริ่มเลือนหายไปทีละน้อย ลิลลี่คล้ายมองเห็นไอสีดำรูปร่างคล้ายงูลอยออกมาจากส่วนศีรษะของทั้งสอง แล้วมลายหายไปอย่างรวดเร็ว นั่นคล้ายจะสื่อว่าคำสาปที่ไม่มีใครแก้ได้นั้นได้สูญสลายหายไปแล้ว

   วงเวทย์สีขาวค่อยจางลงทีละน้อย แต่น้ำตาของลิลลี่นั้นยิ่งมายิ่งไหลพราก เพราะเธอได้เห็นด้วยสองตาตนเอง ว่าพ่อกับแม่ของเธอหายจากความทรมาณ และนอนหายใจสม่ำเสมอเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไปแล้ว นี่คือสิ่งที่เธอเฝ้ารอมาเนิ่นนานจิตใจแทบกลายเป็นด้านชา

   เธอโผลงไปกอดแล้วเรียกพ่อกับแม่ ก่อนที่พวกท่านจะปรือตาขึ้นมามองด้วยความเหนื่อยอ่อน เธอจับมือพ่อกับแม่มาอิงไว้ที่ข้างแก้มแล้วร้องไห้กระซิก ในขณะที่พ่อและแม่ซึ่งเพิ่งได้สตินั้นพยายามยิ้มให้ แล้วนอนหลับไปอีกครั้ง

   "อย่าเพิ่งรบกวนมาก ให้พักผ่อนเยอะ ๆ หน่อย รีบเอาใบนี่ไปต้ม แล้วเอาให้พ่อกับแม่กินก่อน ไม่นานน่าจะหาย"

   แม็กรอจนลิลลี่ร่ำไห้จนพอ เขาจึงค่อยหยิบล้วงเอาหญ้าซากศพที่หยิบมาจากเนวาน่าให้กำหนึ่ง ซึ่งนี่คือหญ้าที่เกิดบนหลุมศพทั่วไป และมันเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการบำบัดคำสาปได้อย่างที่ใครต่อใครก็นึกไม่ถึง

   "ขอบคุณค่ะเทพธนู"

   ลิลลี่มองมาด้วยสายตาสำนึกในบุญคุณ ก่อนจะรีบรับสิ่งที่ดูเหมือนหญ้าใบหงิกงอหน้าตาน่าเกลียด เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร เธอรู้แค่ว่าเธอเชื่อมั่นในคำสั่งของเทพธนูอย่างยิ่ง

   เธอจึงรีบวิ่งลงไปในห้องครัวจัดการต้มน้ำอย่างเร่งด่วน ดวงตานั้นดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากที่เคยมองดูเขาเหมือนมองดูดารานักร้อง กลับกลายเป็นแววตาเทิดทูนสำนึกบุญคุณและเชื่อถืออย่างเต็มเปี่ยม

   แม็กย่อมไม่อยากยืนรออยู่ในห้องคนป่วย เขาจึงเดินลงไปชั้นล่าง แล้วสำรวจเข้าไปในร้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเสื้อผ้าของสตรีที่เขายังไม่มีแผนจะซื้อในเวลานี้ จนกระทั่งถึงแผนกชุดชั้นในเขาจึงค่อยหยุดชะงักครุ่นคิด

   เขามองดูราคาแล้วหยิบฉวยตะกร้าเลือกเอาชุดชั้นในแบบวาบหวามยั่วสวาทขึ้นมาเจ็ดแบบ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดสวมใส่เอง แต่เป็นเพราะเขามีผู้หญิงต้องใช้สิ่งเหล่านี้เจ็ดคนด้วยกัน
     
   "ยาได้ผลดีมากเลยค่ะเทพธนู พ่อกับแม่ดูแข็งแรงแจ่มใสขึ้นเยอะเลย"

   เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ลิลลี่พนักงานคนสวยก็ปรี่เข้ามาหาพร้อมด้วยรอยยิ้มขอบคุณ ซึ่งน่าจะพอสื่อได้ว่าอาการของพ่อแม่เธอดีขึ้น เพียงแต่สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้กลับเป็นชุดที่ลิลลี่สวมใส่ เพราะตอนนี้เธอเปลี่ยนไปสวมใส่สิ่งที่เขาไม่แน่ใจนัก ว่าควรจะเรียกมันว่าชุดชั้นใน หรือว่าเสื้อกล้ามเนื้อบางเอวลอยคอลึก

   เนื้อผ้าสีขาวนั้นบางเฉียบแนบลู่ไปกับผิวกาย ส่วนคอเว้าจนเห็นเต้านมด้านบนจนเกือบเห็นปลายถันอยู่รำไร ส่วนชายเสื้อด้านล่างนั้นก็ลอยสูงเหนือสะดือจนเกือบเห็นฐานเต้านม ส่วนด้านล่างนั้นเป็นกางเกงยีนส์สั้นจู๋อวดเรียวขาขาวเพรียว ซึ่งมองแวบเดียวก็แปลความหมายได้อย่างตรงไปตรงมา ว่าลิลลี่ที่แสดงท่าทีเขินอายหน้าแดงก่ำนั้นกำลังเสนอร่างกายยั่วเย้าเขาอยู่

   ลิลลี่นั้นไม่ได้สวยโดดเด่น แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐานค่าเฉลี่ยในเกมอยู่บ้าง สำหรับแม็กแล้ว หากให้คะแนนสุดยอดสาวงามเต็มสิบ และให้คะแนนเจ็ดนางงามสกุลเทียนแปดคะแนน ลิลลี่ก็คงได้ประมาณหกถึงเจ็ดคะแนน เท่าเทียมกับเกตเพื่อนของหมิว เพียงแต่ผู้หญิงที่แสดงท่าทีเปิดเผยความรักร้อนแรงพร้อมกับเขินอายนั้นจะดู ดีกว่าเดิมส่วนหนึ่ง แม็กจึงอดมองด้วยความสนใจไม่ได้

   สิ่งที่เขาไม่ทราบก็คือ ลิลลี่นั้นนับเป็น NPC ชาวบ้านที่สวยเด่นมากพอควรแล้ว หากไม่นับเจ้าหญิงเรนเน่ และราชินี ลิลลี่นั้นจัดอยู่ในสาวงามห้าคนแรกของเมืองเลอองนิสต์ที่หนุ่ม ๆ ตามจีบจนมีชื่อติดบอร์ดประจำเมืองเลยทีเดียว

   หากทว่าการพบเธอนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ส่วนใหญ่แล้วเธอมักจะให้ญาติมาช่วยเฝ้าร้านให้ เพราะต้องคอยดูแลพ่อกับแม่บนชั้นสอง ดังนั้นคนที่จะพบเจอได้นั้นต้องทำให้ญาติคนนั้นเชื่อใจเสียก่อน แต่วันนี้บังเอิญที่ญาติคนนั้นไม่ว่าง ลิลลี่จึงต้องลงมาอยู่เฝ้าร้านเองจนได้เจอกับเทพธนูที่เธอแอบชื่นชอบ

   นอกจากนี้การจะทำให้ลิลลี่เปิดใจให้นั้น จะต้องมีสิ่งเล็ก ๆ อีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าทักษะตัดเสื้อ ซึ่งแม็กบังเอิญได้ทักษะนี้มาจากแองจี้โดยไม่ได้คาดคิด ลิลลี่จึงมองว่าแม็กนั้นมีความรู้ในแวดวงการตัดเสื้อ และนับเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน

   "หายก็ดีแล้ว ที่เหลือก็พักรักษาตัวเองดี ๆ ... ว่าแต่ตอนนี้ช่วยเลือกชุดให้ผมได้มั้ย ผมอยากได้สักสี่ชุด ชุดนอน ชุดลำลอง ชุดหนังสีดำคล่องตัวใส่ต่อสู้ แล้วก็ชุดที่ดูดีพอไปเข้างานสังสรรค์ได้ ... แล้วก็ผมอยากได้ชุดหนังสีดำรัดรูปของผู้หญิงที่เคลื่อนไหวง่าย ๆ แล้วก็พอใช้ต่อสู้ได้ อีก 7 ชุด ... อืม ขอหน้ากากสีดำด้วย หรืออะไรก็ได้ที่ปิดหน้าไม่ให้คนเห็นได้ง่าย ๆ"

   "ได้ค่ะเทพธนู เดี๋ยวลิลลี่จะรีบเลือกของที่ดีที่สุดให้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ ... เอ่อ เจ็ดชุดเหมือนกันหมดเลยหรือเปล่าคะ?"

   "เหมือนหรือต่างกันก็ได้"

   "รับทราบค่ะเทพธนู"

   ลิลลี่รับฟังแล้วพยักหน้าด้วยความตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นไปหลังร้านหยิบเอาสมุดภาพพลิกไปมา แล้วมุดหายไปหลังประตู ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจว่าเขาจะหาซื้อชุดหนังให้ผู้หญิงมากมายถึงเจ็ดชุดไปเพื่ออะไร เธอสนใจแค่หาสินค้าที่น่าจะเหมาะสมกับเทพธนูผู้เป็นไอดอลของเธอเท่านั้น

   "นี่ค่ะ ชุดหนังหมาป่า ระดับห้าดาว น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง ลองดูก่อนนะคะ ส่วนนี่ก็ชุดลำลอง ส่วนนี่ก็ ..."

   "อืม ชุดสวยดี คนขายก็สวยไม่แพ้กัน"

   แม็กพูดหยอกเย้าจนเธอหน้าแดงกว่าเดิม แล้วรับเอาเสื้อผ้าที่ลิลลี่ยื่นมาให้ เขายอมรับลิลลี่นั้นก็น่าสนใจไม่น้อย แต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยและอยากพักอยู่พอสมควร จึงพยายามมองข้ามการยั่วยวนในครั้งนี้ไปก่อน ทั้งที่รู้สึกได้ว่าลิลลี่กำลังอยากใช้ร่างกายของเธอเพื่อตอบแทนบุญคุณอย่างแรงกล้า

   เสื้อผ้าที่ลิลลี่มอบให้นั้นทำให้แม็กไม่รู้สึกผิดหวัง ชุดหนังหมาป่านี้แม้จะระดับไม่สูง แต่ก็ดูดีและคล่องตัว เพียงแต่ข้อเสียคือไม่ได้มีพลังป้องกันสูงมากนัก ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เพราะต้องการเน้นความคล่องตัว และการพลางตัวในความมืดเป็นหลัก

   เขาถูกใจการออกแบบของเสื้อหนังเหล่านี้ไม่น้อย เพราะของผู้ชายนั้นเน้นทะมัดทะแมงสมส่วน ในขณะที่ของผู้หญิงทั้งเจ็ดชุดนั้น ล้วนแล้วแต่มีลวดลายและรูปร่างแตกต่างกันไป แต่ที่ไม่แตกต่างก็คือเสื้อผ้านั้นอวดสัดส่วนโค้งเว้าได้อย่างสวยงามน่าดูโดยไม่ต้องเปิดเผยเนื้อตัวออกมา

   ส่วนหน้ากากที่ขอไปนั้น มาเป็นลักษณะคล้ายหมวกหนัง ปิดเก็บเส้นผม และบังใบหน้าส่วนบนตั้งแต่จมูกขึ้นไป เหลือเพียงรูของดวงตา ซึ่งเมื่อเขาสวมใส่แล้วก็ถือได้ว่ากระชับสะดวกมากทีเดียว
   
   "เทพธนูชอบก็ดีแล้วค่ะ รับอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ ไม่คิดเงินค่ะ ถือเป็นคำขอบคุณของลิลลี่"

   "หือ ไม่ดีมั้ง คิดราคามาดีกว่า อย่างน้อยก็อย่าให้ตัวเองขาดทุน"

   "ไม่ได้หรอกค่ะ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับที่เทพธนูช่วยรักษาพ่อกับแม่ให้ ... เทพธนูคะ ... เทพธนูว่าลิลลี่สวยหรือเปล่าคะ?"

   "สวยซิ สวยมากเลยล่ะ ลิลลี่มีคนรักหรือยังล่ะ?"

   เขาเอ่ยชมพร้อมกับหยอดคำหวานใส่จนลิลลี่บิดตัวไปมาด้วยความเขิน โดยปกติลิลลี่นั้นก็ขี้อายอยู่แล้ว ยิ่งโดนชมด้วยไอดอลในดวงใจ เธอก็เลยยิ่งปลื้มปิติหัวใจพองโตจนแทบระเบิด

   สำหรับ NPC หญิงสาวในโลกที่เต็มไปด้วยสงครามนี้แล้ว พวกเธอที่อ่อนแอไร้ฝีมือต่อสู้จะมองว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าชนชั้นนักรบนักปกครอง และมีความคิดชื่นชอบอิงแอบผู้แข็งแกร่งเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่หล่อเหลามากความสามารถ ทั้งยังเพิ่งช่วยเหลือพ่อกับแม่ของเธอให้หายจากความทรมาณ​

   "มีมาจีบกันเยอะพอสมควร แต่ยังไม่มีใครเป็นคนรักค่ะเทพธนู"

   "แปลกจัง ลิลลี่ออกจะสวยน่ารักขนาดนี้ ..."

   แม็กพยายามเปิดหัวข้อสนทนาเพื่อเรียนรู้นิสัย และเธอก็ตอบสนองด้วยแววตาเปล่งประกายร้อนรัก ก่อนจะพบว่าลิลลี่นั้นมีความฝันแสนหวานเช่นเดียวกับวัยรุ่นในโลกด้านนอก เพียงแต่ลิลลี่มองเทิดทูนผู้แข็งแกร่งเป็นไอดอล แทนที่จะชื่นชมพวกดารานักร้องที่พึ่งพาอาศัยในโลกแห่งนี้ไม่ได้

   ยกตัวอย่างเช่นเธอเทิดทูนแม่ทัพฟาร์อีสต์ราวกับเทพเจ้า และสำหรับเทพธนูที่ได้ข่าวว่าสู้เสมอกันนั้นก็อยู่ในระดับเดียวกัน เธอจึงมีความคิดชื่นชมอยากใกล้ชิดสัมผัส หากทว่าวางตัวต่ำกว่า ไม่ได้คาดหวังว่าจะตบแต่งเป็นภรรยาอยู่กินกัน ส่วนเรื่องความรักนั้นพวกเธอเปิดกว้างถือว่าเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง

   ลิลลี่เองก็เป็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง เธอเองก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยากลองของวัยรุ่น เธอมีความต้องการทางเพศตามร่างกายที่เติบใหญ่ขึ้น และไม่นานเธอก็คงจะลงเอยกับชาวบ้านในเมืองสักคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะกลายเป็นแค่คู่นอนคนแรก หรืออาจจะกลายเป็นสามีของเธอก็เป็นได้

   ดังนั้นหากเป็นไปได้ สาวชาวบ้านเหล่านี้ย่อมยินดียิ่ง หากจะมอบครั้งแรกของเธอให้กับเทพธนูที่เธอยกย่องเทิดทูน โดยไม่ได้คิดว่านี่จะกลายเป็นบ่วงสัมพันธ์รั้งเขาไว้ข้างกาย

   แม็กอ่านสิ่งเหล่านี้ออกด้วยสัญชาตญาณอันว่องไว ซึ่งความจริงเขาได้ศึกษาเรื่องพวกนี้จากบอร์ดข่าวสารบ้างแล้ว ว่าชาวบ้านนั้นค่อนข้างเปิดกว้าง เพียงแต่ปกติจะไม่ค่อยมองพวกนักผจญภัยที่เข้ามาในนี้เป็นครั้งคราว ยกเว้นก็แต่นักผจญภัยที่มีค่าชื่อเสียงสูงพอสมควร และกระทำภารกิจที่ตั้งไว้ได้จนสำเร็จ อย่างเช่นตัวเขาที่สามารถรักษาพ่อแม่ได้ จนลิลลี่ให้ความสนใจเป็นต้น

   "... อืม ... ว่าแต่ ลิลลี่จะไม่บอกใครใช่มั้ย เรื่องที่ผมมาซื้อชุดพวกนี้?"

   แม็กสนทนาไประยะหนึ่งแล้วจึงค่อยนึกขึ้นได้ เพราะหากลิลลี่นำไปพูดว่าเขาเคยมาซื้อชุดพลางตัวพวกนี้ให้คนอื่นฟัง ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะไม่สะดวกในการใช้งาน หรือหากเขานำมาใช้งาน แล้วลิลลี่ไปพูดทีหลังว่าชุดนั่นมาจากร้านของเธอ เขาก็มีโอกาสซวยอีกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องถามให้แน่ใจเสียก่อน

   ลิลลี่มองมาด้วยท่าทางสงสัย แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงเสียดาย ซึ่งฟังดูแล้วแม็กเชื่อว่า เธอน่าจะเตรียมตัวไปคุยโม้กับเพื่อน ๆ ที่มีไอดอลในดวงใจมาซื้อของที่ร้านอย่างแน่นอน รวมไปถึงเรื่องที่เขารักษาพ่อกับแม่ของเธอจนหายดีด้วย และนั่นอาจจะทำให้เขาต้องคอยรักษาผู้คนจนเหน็ดเหนื่อยในภายหลัง

   "คุยกับคนอื่นไม่ได้เหรอคะ?"

   "เอ่อ ... ถ้าแค่คุยบอกว่าผมมาซื้อของ แต่ไม่บอกว่าซื้ออะไรไปบ้างก็ไม่เป็นอะไร"

   "ค่ะ งั้นลิลลี่จะเก็บเป็นความลับไม่บอกใคร ว่าเทพธนูทำอะไรไปบ้าง"

   ลิลลี่พยักหน้าตกลง แต่แม็กที่มีความสามารถโดดเด่นเรื่องการอ่านใจผู้หญิงนั้นไม่เห็นด้วย เขารู้สึกผิดท่าเสียด้วยซ้ำ ที่ไปสะกิดความสงสัยของลิลลี่เข้าแล้ว และเขาแน่ใจเต็มร้อย ว่าลิลลี่จะต้องนำเรื่องนี้ไปคุยสนทนาในวงผู้หญิง แล้วขึ้นต้นด้วยคำว่า 'นี่เธออย่าไปบอกใครต่อเชียวนะ' จากนั้นเพื่อน ๆ ของลิลลี่ก็จะนำเรื่องพวกนี้ไปบอกต่อ และขึ้นต้นด้วยประโยคเดียวกันจนข่าวสารกระจายไปทั่วทั้งเมือง

   เขาพลาดเองที่ไม่ทันคิดเรื่องความลับ อย่างน้อยเขาก็น่าจะไปซื้อร้านที่ไม่รู้จักเขา และซื้อคราวละหนึ่งชุด เพื่อให้ยากต่อการจดจำ แต่ในกรณีนี้เขาคงแก้ตัวยากแล้ว เพราะหากไม่ทำอะไรความลับคงจะหลุดออกไปอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจะต้องหาทางปิดปากลิลลี่ให้สนิท ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง

   "ลิลลี่ใช้น้ำหอมอะไรน่ะ หอมจังเลย"

   เมื่อตัดสินใจแล้ว แม็กก็ไม่ลังเลอีก เขากระทำตามที่ตัวเองถนัด มองเธอด้วยดวงตาอบอุ่น แล้วขยับใบหน้าเข้าไปใกล้โดยอาศัยข้ออ้างที่ว่าอยากดมกลิ่นน้ำหอม และเมื่อมีข้ออ้างที่เหมาะสมไม่ประเจิดประเจ้อเกินไป ลิลลี่ก็มีเหตุผลที่จะยืนนิ่งให้เขาขยับใบหน้าเข้าใกล้ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ เพราะเธอเองก็ปราถนาอยากมอบร่างกายให้เขาเป็นการตอบแทนบุญคุณอยู่แล้ว

   "น้ำหอมกุหลาบขาวค่ะ ... อืมมมมม ... เทพธนู ... อืออออ"

   ลิลลี่ตอบเสียงตะกุกตะกักตามจังหวะเต้นของหัวใจที่กระหน่ำรัว เพราะเทพธนูที่เธอคลั่งไคล้บูชาขยับเข้ามาใกล้จนแทบโอบกอด ทั้งยังขยับใบหน้ามาสูดดมที่ปรางแก้มจนเธอสัมผัสได้ถึงไออุ่น ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่สัมผัสร่างกายเธอ แต่สำหรับสาวไร้เดียงสาที่อยู่ในอารมณ์รักคนหนึ่งแล้ว นั่นมากเกินพอที่จะทำให้อารมณ์ของเธอกระเจิดกระเจิงจนอยากเป็นฝ่ายเข้าหาเขาเอง

   แม็กใช้เวลาเล้าโลมโดยไม่แตะสัมผัสร่างกายไม่นาน ลิลลี่ก็เป็นฝ่ายทานทนไม่ไหว เธอขยับใบหน้าจุมพิตลงไปที่แก้มของชายหนุ่มแผ่วเบา หากทว่ายังไม่กล้ากระทำมากกว่านั้น เพราะเกรงว่าอาจเป็นการลบหลู่เกียรติของเทพธนูอันสูงส่ง

   "เทพธนู ... ได้โปรด ท่านจะให้เกียรติรับร่างกายของผู้ต่ำต้อยเช่นช้าแทนสิ่งตอบแทนได้หรือไม่?"

   "แน่นอน"

   เขาตอบพร้อมกับโอบแขนกอดรัดร่างบางของลิลลี่เอาไว้ ริมฝีปากบางโดนบดขยี้หนักหน่วงจนร่างงามอ่อนระทวย เสื้อเนื้อบางโดนมือแกร่งถลกขึ้นแล้วขยำขยี้ทรวงเต้าจนเธอสยิวซ่านขนลุกซู่สติหลุดลอย

   แม็กใช้เวลาเล้าโลมกับร่างงามนานพอดูจนสัมผัสได้ถึงความฉ่ำชื้นที่ปลายนิ้ว จากนั้นเขาจึงค่อยสอดปลายนิ้วลึกเข้าไปในร่องรัก แล้วชักเข้าชักออกจนลิลลี่สูดปากร่ำร้องเสียวซ่านสุขสม และหวีดร้องตัวกระตุกขึ้นสวรรค์ไปก่อนหนึ่งรอบ

   ข้าวของเครื่องใช้บนโต๊ะทำงานเช่นสายวัดและกรรไกรโดนกวาดออกจนหล่นเต็มพื้น ก่อนที่เขาจะจับวางเจ้าของร้านคนสวยลงไปนอนอยู่แทนที่ ลิลลี่ปรือตามองเขาด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้มมากปรารถนา ขณะที่เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าตนเองอวดรูปร่างกำยำของนักรบที่เธอฝันใฝ่

   ลิลลี่แหงนหน้าเริ่ด ตัวกระตุกสั่นสะท้านระริก เมื่อเขาขยับร่างใช้อาวุธแกร่งกร้าวทรงพลังทิ่มแทงเข้ามาในร่างกาย เธอเจ็บปวดวูบหนึ่ง หากทว่าทนเก็บเอาไว้ไม่พูดบอกออกมา แต่จากนั้นไม่นานความเจ็บก็เลือนหายกลายเป็นความเสียวซ่าน

   อาวุธทรงพลังของเขาทำเอาเธอจุกแน่นตรงท้องน้อย หากทว่านั่นมาพร้อมกับความสุขหฤหรรษ์ยากบรรยาย เธอจึงทำได้เพียงส่งเสียงร่ำร้องแว่วหวาน สองขาอ้างถ่างออกด้วยอยากเปิดทางให้เขาเข้ารุกล้ำเข้ามาในร่างด้วยความเร่าร้อนกว่าเดิม

   "อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ เทพธนู ... โอววว เทพธนู ... อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ .... โอววววววว ซี้ดดดสสสสสส ท่านเทพธนูขาาาาา โอ๊ววววววว"

   เสียงกระแทกปั้กปั้กดังสนั่นหวั่นไหว โต๊ะทำงานสภาพกลางเก่ากลางใหม่สั่นสะเทือนกุกกักคล้ายจะรับแรงกระแทกกระทั้นไม่ไหว ร่างงามที่โดนอาวุธทรงพลังฟาดฟันกระตุกแล้วกระตุกเล่าไม่หยุด เธอร่ำร้องเสร็จสมไปสามรอบ ก่อนที่เขาจะกระแทกหนักหน่วงหยุดลงแล้วปลดปล่อยความร้อนผ่าวไหลทะลักเข้าไปในร่องรักอย่างท่วมท้น

   ลิลลี่กอดรัดร่างกำยำของเทพธนูที่โน้มตัวลงมากอดด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข วินาทีนั้นเธอรู้สึกได้ถึงพันธะสัญญาแห่งมนตรา ที่ได้ผูกจิตวิญญาณของเธอเอาไว้กับเทพธนู และเธอตระหนักได้ว่าเธอตกเป็นทาสรักของเขาแล้ว

   "ลิลลี่ จำไว้นะ ห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าผมเข้ามาซื้ออะไร แล้วก็ห้ามบอกใครด้วยว่าผมรักษาพ่อกับแม่ให้ บอกได้แค่ว่าผมเข้ามาซื้อเสื้อผ้าทั่วไป แล้วก็ห้ามแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของชุดหนัง ไม่ว่าจะเห็นจากที่ไหนก็แล้วแต่"

   "ค่ะท่านเทพธนู"

   แม็กอ่านข้อความของระบบ แล้วออกคำสั่ง ซึ่งลิลลี่ก็พยักหน้าตอบอย่างมั่นคงขณะมองดูเขาด้วยแววตาร้อนฉ่ำ และเขาก็เชื่อว่าเธอจะทำเช่นนั้น เพราะครั้งนี้มันเป็นคำสั่งที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ระหว่างเจ้านายและทาสรัก มิใช่แค่เพียงคำร้องขอเหมือนในคราวแรก

   "เด็กดี เชื่อฟังคำสั่งแบบนี้ก็ต้องมีรางวัลให้"

   เขาพูดชมเชยและเริ่มให้รางวัลด้วยการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสะโพกอย่างหนักหน่วง ร่างงามจึงแอ่นบิดไหวกระตุกสะท้านไปกับความหฤหรรษ์และส่งเสียงครางซี้ดซ้าดไม่หยุด และในจังหวะที่สองร่างเร่งขยับเพราะใกล้ถึงฝั่งฝันนั้น ก็พลันปรากฎเสียงดังกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งประตูร้านดังขึ้น

   แม็กหันขวับมองไปทางประตูร้าน เพราะนึกได้ว่าร้านยังเปิดอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีใครเข้ามาดูสินค้าในร้าน ส่วนลิลลี่ที่ใกล้เสร็จสมนั้นคล้ายไม่สนใจอะไรอีกนอกจากหลับตาปี๋ดื่มด่ำไปกับความหฤหรรษ์

   เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้แม็กขยับร่างจนส่วนนั้นหลุดพล๊อกออกมา และเป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งคู่ถึงจุดสุดยอดพอดี ลิลลี่ที่นอนเปลือยกายบนโต๊ะตัดเสื้อจึงตัวกระตุกส่งเสียงหวีดร้องสุดเสียว ส่วนแม็กที่อยู่ในท่ายืนนั้นก็ฉีดกระฉูดหยาดน้ำขาวข้นพุ่งขึ้นไปในอากาศ แล้วหยดแหมะลงไปบนใบหน้าและเนื้อตัวของเธอเป็นทางยาว

   ภาพที่เห็นนั้นเทียบได้กับฉากเด็ดในหนังอีโรติคสักเรื่อง บุรุษผู้มาเยือนทั้งสามจึงได้แต่ยืนตาค้างมองดูด้วยความแตกตื่นลุ้นระทึก ส่วนแม็กที่เพิ่งเสร็จสมไปอีกหนึ่งยกนั้นได้แต่หันไปมองดูผู้มาเยือนทั้งสามแล้วขมวดคิ้ว เพราะไม่คาดว่าจะบังเอิญเจอคนที่ไม่อยากเจอเข้าในเวลานี้

   "ลูกพี่คร้าบบบบ สุดยอดไปเลย ได้ฟันลิลลี่สาวชาวบ้านตัวท๊อปของเมืองซะด้วย"
   
   เสียงนั้นก้องกังวาลลั่นราวกับเกรงว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน แม็กจึงได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความรู้สึกอับจนหนทาง เขาแทบอยากจะด่ากลับไปสักคำ หากทว่าเมื่อมองดูแววตาของทั้งสามที่มองมาด้วยความเคารพเลื่อมใสราวกับนักบวชมองดูพระผู้เป็นเจ้าแล้ว เขาก็อ้าปากด่าไอ้สามเกลอบ้ากล้ามไม่ลง

...............................
จบตอนที่ 29

สถานะท้ายตอน ใครไม่สนข้ามได้ครับ

ข้อมูลพื้นฐานของตัวละคร 
   ชื่อ : Guyver      เผ่าพันธ์ : Titan(ไททัน)  ระดับ : 1     คลาส: 0
   ทรัพย์สิน: 58,700 เหรียญทอง - 10 เหรียญเงิน - 1,000 เหรียญทองแดง
   ชื่อเสียง: 128,412 หน่วย (ลำดับที่ 99,187 / 1,472,745,384)
   พลังชีวิต : 10,000 / 10,000 (class limited)     
   พลังเวทย์ :  10,000 / 10,000 (class limited)
   พลังจิต:    10,000 / 10,000 (class limited)       
   พลังปราณ: 4,100,000 / 4,100,000
   ความแข็งแกร่ง : 100 (class limited)
   ความคล่องแคล่ว : 100 (class limited)
   ความอดทน : 100 (class limited)
   ความฉลาด : 100 (class limited)
   ความแม่นยำ : 100 (class limited)
   ความโชคดี : 100 (class limited)
   อาชีพ : Angelus (นักบวช คลาส 6),  Death Bosom (ผู้บงการศพ คลาส 6)
   ตำแหน่ง: ตำแหน่งที่ปรึกษาระดับสูงประจำวิหารอำนวยพร, ราชาแห่งเผ่าพันธุ์วิหคเพลิง

   ทาส
   - Angie - เผ่าพันธุ์มนุษย์ อาชีพ นักบวชคลาส 3, แม่ครัว คลาส 2, ช่างเสื้อผ้า คลาส 1
   - คาร่า - ชนเผ่ากีร่า ลูกครึ่งมนุษย์และเทพ นักพยากรณ์คลาส 6, นักล่า คลาส 4, ชาวประมง คลาส 2
   - มีอา - ชนเผ่ากีร่า ลูกครึ่งมนุษย์และเทพ นักล่าคลาส 2, เกษตรกร คลาส 3, ชาวประมง คลาส 2
   - เตียวเสี้ยน - เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 5, นักกวีคลาส 4
   - เทียนซู - เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, แม่ครัวคลาส 4
   - เทียนหยาง - เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, เกษตรกรคลาส 4
   - เทียนซาง - เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, หมอยาคลาส 4
   - เทียนหวิง - เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, แม่ค้าคลาส 4
   - เทียนเซิง - เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, ช่างทำอาวุธคลาส 4
   - เทียนซิ่ง - เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, ชาวประมงคลาส 4
   - เทียนอวี้ - เผ่าพันธุ์มนุษย์ นักร้องคลาส 4, นักดนตรีคลาส 4, จอมยุทธ์คลาส 4, หมอพิษคลาส 4
   - ลิลลี่ - เผ่าพันธุ์มนุษย์ แม่ครัว คลาส 2, ช่างเสื้อผ้า คลาส 3

   สัตว์เลี้ยง
   - เฟิ่งหวง - ราชินีวิหคเพลิง คลาส 7 เลเวล 1 
.....................................

คำถามน่าสนใจท้ายตอน
ชุดหนังสีดำเจ็ดชุดให้ใครใส่หนอ?
---------------------------------------------
เวปส่วนตัว - http://www.novel008.com
Discord - https://discord.gg/DkT2Mf8q

art18623


tumsweet

ชอบมากเลยเรื่องนี้แต่เสียดายอ่านไม่ค่อยครบเลยไม่ต่อเนื่อง

kasor7

เป็นแนวที่อ่านได้ สนุก  เร้าอารมณ์ ไปอีกแบบ  ไม่ซ้ำจำเจกับใครดี ชอบ

kipkipju kisdsada

เนื้อหาแน่นบทรักก็หนักหน่วงเช่นเคย สนุกไม่จำเจดีครับ ขอบคุณมากๆครับ

sintosin