ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ขอคำแนะนำเรื่องการแต่งเรื่องครับ

เริ่มโดย cd13579, สิงหาคม 23, 2016, 03:05:40 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

cd13579

คืออยากรู้ว่าท่านผู้ประพันธ์ทั้งหลายมีวิธีเอาโครงเรื่องในหัวมาเขียนบรรยายยังกันบ้างครับ คือทำแล้วภาษามันดูไม่ลื่นไหลมันดูแข็งขัดลูกตาอะครับ ::Orz:: ยิ่งตอนอยากจะบรรยายให้เห็นภาพอารมณ์หรือความรู้สึกยิ่งย้ำแย่มากครับ
แบบว่ายิ่งเติมยิ่งขัดยิ่งตัดยิ่ง งง  ::Crying:: เขียนตอน1ไล่แก้กัน3-4รอบ คือแต่งเรื่องแรกด้วยเลยอยากมาขอคำแนะนำในนี้หน่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้าฮะ ::Thankyou:: 
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

พัดลม

#1
ปกติครับ
แก้เป็นสิบรอบ เขียนเพิ่ม ลบทั้ง เพียบ

ส่วนความลื่นไหลอยู่ที่เจลครับ  ::Oops::

โครงเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าเป็นแนวไหน
จินตนาการ
อิงจากเรื่องจริง
จิ้นจากของจริง

ส่วนใหญ่จะมีพรอต หรือโครงเรื่องในหัวไว้แล้ว
แล้วค่อยไปขยายต่อ ส่วนบทบรรยายประกอบนี้ แล้วแต่คนนะครับ ผมไม่เขียนหรอกว่าสภาพรอบห้องมีอะไรเป็นแบบไหน ไม่เหมือน ไรท์บางคนที่บ้าพลัง  ::Oops::

แต่ถ้าไม่มีอารมณ์.................................











แต่ง อะแน๊ แอบคิดอะไรรึป่าว  ::Oops::

ไม่มีอารมณ์ก็เขียนไม่ออก ถึงจะมีพรอทก็เถอะ เขียนๆไปก็ไม่ถูกใจ ไม่เขียนแม่งเลย ::HoHo::

เรืองที่เขียนค้างไว้มีพรอตไปจนจบแล้ว แต่ มีค;ามสนุกกับลบรูปแต่งรูปก็เลยยังไม่ได้กลับไปเขียนต่อ
เรื่องใหม่ก็มีแต่ยังไม่ถึงเวลาเขียน  ::Shy::

ตัวอย่างเบื้องหลัง
https://xonly8.com/index.php?topic=164200
กฏ-กติกา เงื่อนไขข้อปฏิบัติหลักๆเวป xonly
1.ห้าม emo เปล่า, ไม่เป็นคำ   do not use emoji only - Banned
2.ห้ามตอบเฉพาะคำย่อในเวปนี้ disallow short massage like lol thx ty omb omg etc. - Banned
3.ตอบ 3 คำไม่ใช่ 3 พยางค์ ๆๆๆๆๆ ไม่นับเป็นคำ if you comment less then 3 words as 'thank,wow,good,like,love' - Banned

4.ตอบมักง่าย ไม่ว่าจะยาวแค่ไหนก็โดนแบน

pamaaeng

คำแนะนำสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังคิดจะแต่งเรื่องเสียว
โดย  Iczy

--------------------------------------------------------------------------------

....ได้เห็นเพื่อน ๆ หลายคนขยับปากกาเขียนอย่างนี้ ผมเองก็ชื่นใจครับ เหมือนที่ท่าน angitian ได้กล่าวมาแล้วว่า ถ้าได้ลองเขียนแล้วจึงจะเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่แต่งเรื่องให้เราอ่านกัน เพราะเรื่องที่แต่งแต่ละเรื่อง เราอ่านเหมือนกับว่าเขาเขียนกันง่าย ๆ แต่นั่นไม่ใช่เลย คนแต่งเรื่องกว่าจะเขียนออกมาได้ พบกับความลำบากหลาย ๆ อย่าง ต้องตบแต่งหลายต่อหลายครั้งกว่าจะให้เรื่องออกมา "เนียน" อ่านแล้วดูเป็นธรรมชาติ ลื่นไหล ได้อารมณ์

สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังจะแต่งหรือแต่งเรื่องอยู่ในตอนนี้ ผมมีคำแนะนำจากการอ่านตำรา การได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับท่านที่แต่งเรื่องพวกนี้และจากการอ่านตำรามาให้ท่านได้อ่าน จะได้เป็นแนวทางในการเขียนได้บ้าง แต่ก็ต้องบอกกันตรงนี้เลยว่า การแต่งเรื่องนั้น มันไม่เหมือนกระบวนการผลิตสินค้าในโรงงาน คนแนะนำก็สามารถแนะได้แต่เพียงสิ่งที่มัน "น่าจะ" มีประโยชน์ นักแต่งแต่ละท่านจะต้องพิจารณาถึงความถนัดและแนวเรื่องที่ท่านชอบด้วยนะครับ

ว่าไปเป็นข้อ ๆ เลยก็แล้วกัน

1. ก่อนจะลงมือเขียน คิดแนวเรื่องให้ได้เสียก่อน ว่าจะเป็นแนวใด มีตัวละครในเรื่องกี่ตัว มีความสัมพันธ์กันอย่างไร มีอะไรเป็นจุดหักเหให้ตัวละครมาเย็ดกัน พยายามทำให้สมเหตุสมผลที่สุด จริงอยู่ที่ว่าเรื่องที่เขียนเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่ความสมจริงก็สำคัญ เพราะจะทำให้คนอ่านไม่สะดุด คนอ่านจะเสียอารมณ์มากถ้ากำลังอ่านไปสักครึ่งเรื่องแล้วมาเจอประโยคที่บรรยายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขาจะหยุดอ่านแล้ว "หลุด" ออกมาจากโลกที่เราสร้างไว้เพื่อคิดว่า "อะไรกันฟะ เป็นไปไม่ได้" อารมณ์ที่เราพยายามสร้างมาตลอดก็จะหายไป

เรื่องของความสมจริงนี้จะทำให้คนอ่านรู้สึกเชื่อมั่นในตัวคนเขียนว่า มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ตัวเองกำลังเล่าอยู่ ทำให้คนอ่านยอมหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการที่คนเขียนสร้างขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งว่า คนเล่าเรื่องจะต้อง "รู้" มากกว่าที่เขียน เช่น แม้เราจะเขียนถึงตัวละครที่เป็นนักศึกษา และในเรื่องไม่ได้กล่าวถึงภูมิหลังของเขาเท่าไหร่นัก แต่คนแต่งเรื่องก็จะต้องรู้ภูมิหลังของตัวละครนี้ว่า พื้นเพด้านครอบครัวเป็นอย่างไร อบอุ่นดีหรือไม่ มีญาติพี่น้องกี่คน เคยมีเรื่องสะเทือนใจอะไรในอดีตบ้างไหม นิสัยเขาเป็นแบบไหน เก็บกด ร่าเริง ชอบเข้าสังคม ฯลฯ

เหล่านี้ผู้แต่งเรื่องจะต้องทำการบ้านมาก่อนที่จะเขียนเรื่อง อย่างน้อยก็คิดในหัวมาก่อนบ้าง เวลาที่เล่าเรื่องจะทำให้มีรายละเอียดมากขึ้น อย่าคิดว่าเรื่องเสียวจะสำคัญเฉพาะตอนฉากเอากันเท่านั้น เพราะการสร้างอารมณ์ตั้งแต่ต้นเรื่องมีผลอย่างยิ่งต่อการไปสู่จุดไคลแม็กซ์

2. เมื่อได้แนวเรื่องและมีพล็อตในใจแล้ว ต้องคิดต่อว่าจะเล่าเรื่องแบบไหน เล่าแบบบุคคลที่หนึ่งคือแทนตัวผู้เล่าว่า "ผม" หรือ "ดิฉัน" หรือจะเป็นแบบมุมมองที่สามคือ เปรียบตัวผู้เล่าเป็นกล้องที่คอยบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยผู้เล่าไม่ได้เป็นตัวละครในเรื่อง

เรื่องเสียวที่เราอ่านกันส่วนใหญ่จะเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เช่น เรื่อง เมื่อผมมีความสุข ของคุณ adsl เรื่อง Story of Incest ของคุณ jam เพราะข้อดีข้อหนึ่งของมุมมองนี้คือ ผู้อ่านสามารถสวมบทบาทเป็นตัวละครในเรื่อง ทำให้อินกับเรื่องได้ดี แต่มุมมองนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน คือ คนเล่าเรื่องไม่สามารถบรรยายในสิ่งที่ตัวละครที่เป็นผู้เล่าเรื่องไม่ได้พบเห็นเอง เช่น จะไปบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อเมริกาทั้ง ๆ ที่ตัวผู้เล่าเรื่องยังอยู่ที่เมืองไทยเหมือนตาเห็นไม่ได้ ทางเลี่ยงก็อาจจะเล่าในลักษณะที่ผู้เล่าได้ฟังคนอื่นบอกมาอีกที

ข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่งของมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็คือ คนเล่าเรื่องจะต้องเข้าใจลักษณะนิสัยและปูมหลังของตัวละครที่เล่าเรื่องเป็นอย่างดี และต้องเล่าเรื่องด้วย "เสียง" ของตัวละครนั้น ไม่ใช่เสียงของคนแต่ง เช่น ถ้าตัวละครที่เล่าเรื่องเป็นอาชญากร ก็จะต้องเล่าด้วยแนวคิด มุมมองของอาชญากร ไม่ใช่ใช้ถ้อยคำสุภาพอ่อนน้อมตามภูมิหลังของคนแต่ง กล่าวคือ คนเล่าเรื่องต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครในเรื่องให้เต็มหัวใจก่อนจะเล่าเรื่องได้

เรื่องที่เล่าด้วยมุมมองบุคคลที่สามก็เช่น เรื่องโอ้ พี่สาวที่รัก ที่ผมแปล จะสังเกตเห็นว่า ไม่มี "ผม" เป็นผู้เล่าเรื่อง แต่จะเป็นในลักษณะที่มีกล้องที่มองไม่เห็นไล่ตามจับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวละครเอก มุมมองนี้เป็นมุมมองที่นักแต่งนิยายเรื่องยาวใช้กันมาก เพราะมีข้อดีตรงที่คนเล่าเรื่องไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดด้วยภูมิหลังและระดับเชาวน์ปัญญาของตัวละครที่เล่าเรื่องเหมือนในบุคคลแรก คนแต่งเรื่องสามารถใช้วิธีบรรยายตามที่ตัวเองถนัดได้เลย และถ้าจำเป็น ก็สามารถมองเข้าไปในความคิดของตัวละครได้ว่า ขณะนี้ตัวละครกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งก็จะทำให้ผู้อ่านได้ใกล้ชิดกับตัวละครมากขึ้น มีความรู้สึกมีส่วนได้ส่วนเสียกับตัวละครในเรื่อง

การเลือกที่จะเล่าจากมุมมองของตัวละครตัวใดก็สำคัญมาก คุณต้องนึกลำดับเหตุการณ์และสถานที่ในเรื่องของคุณให้ดีว่า ใครเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์สำคัญที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเป็นตัวละครเอกนั่นแหละ แต่ตัวละครเอกอาจมีได้มากกว่าหนึ่งคน คุณอาจต้องลองสวมบทบาทเป็นตัวละครในเรื่องของคุณแล้วดูว่า เล่าเรื่องจากมุมมองของตัวละครใดจะทำให้เรื่องของคุณน่าอ่าน เร้าใจที่สุด

3. เรื่องที่ดีจะต้องมีส่วนประกอบสำคัญหลายอย่าง ที่ขาดไม่ได้คือ ความขัดแย้งในเรื่องและการเข้าถึงอารมณ์

ความขัดแย้งจำเป็นอย่างไร? เชื่อว่าทุกคนคงเคยอ่านเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดมาแล้ว ถ้าเริ่มเรื่องมาสโนไวท์เอาชนะแม่มดได้ แล้วแต่งงานกับเจ้าชายอย่างมีความสุข ถามว่าคุณจะยังสนใจอ่านต่อหรือไม่? ที่เราสนใจอ่านไปจนถึงท้ายเรื่องก็เพราะว่ามันมีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างสโนไวท์กับแม่มด โดยที่สโนไวท์เป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหมดประตูสู้ ผู้แต่งทำให้เราเอาใจช่วยสโนไวท์ตลอดเรื่อง คอยลุ้นว่าสโนไวท์จะเอาชนะแม่มดได้อย่างไร และพอถึงตอนท้ายเรื่อง ผู้อ่านก็ได้พบกับคำเฉลยที่ทำให้พอใจกับความเหนื่อยที่ได้อ่านมาตลอดเรื่อง

เห็นไหมครับ ในนิยายทุกเรื่องที่ขายดี คุณจะต้องพบกับความขัดแย้งเสมอ ยิ่งขัดแย้งรุนแรงเท่าไหร่ ยิ่งตัวเอกตกอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่มากเท่าไหร่ คนอ่านก็ยิ่งลุ้นและติดตามกันตัวโก่ง เอาล่ะ ถ้าไม่ใช่ในนิยาย ความขัดแย้งก็ยังเป็นจุดที่ดึงดูดความสนใจของเราอยู่ดี ลองดูที่ข่าวในทีวีและหนังสือพิมพ์สิครับ ร้อยละร้อย มีแต่เรื่องของความขัดแย้งทั้งนั้น และคนดูก็ชอบเสียด้วย ถ้าเป็นเรื่องฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านทะเลาะกันก็ยิ่งมีคนสนใจ ถามว่า ถ้าทีวีนำเสนอข่าวที่ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านปรองดองกันทำงาน คนดูก็อาจทึ่งในแว่บแรก แต่เขาก็จะไม่สนใจติดตามข่าวนี้อีก

สำหรับเรื่องเสียวล่ะ ความขัดแย้งอยู่ตรงไหน? หลัก ๆ เลยก็คือ ความต้องการไงครับ เช่น ผู้ชายอยากเย็ดผู้หญิง แต่ผู้หญิงไม่เล่นด้วย แค่นี้ก็เกิดความขัดแย้งแล้ว คนอ่านก็จะคอยลุ้นว่า ผู้ชายจะได้เย็ดจริงหรือไม่และทำอย่างไรถึงจะได้เย็ด ยิ่งมีอุปสรรคในเรื่องมากเท่าไหร่ คนอ่านก็ยิ่งติดตามมากเท่านั้น และก็จะเป็นการสร้างอารมณ์หรือ sexual tension ด้วย ยกตัวอย่างเรื่องที่พี่เขยแอบชอบน้องเมีย (น้องเมียชื่อหลิน) ถ้าเริ่มเรื่องมา พี่เขยก็จับน้องเมียเย็ดได้สำเร็จแล้ว เราก็คงอ่านแค่ครั้งเดียวแล้วจะไม่อ่านอีกเพราะไม่มีอะไรเร้าใจ แต่คนแต่งเรืองบรรยายถึงความยากในการเอาน้องเมียเพราะเมียก็ยังอยู่ และยังบรรยายถึงความงามของน้องเมีย และความขัดแย้งในใจของพี่เขยไปด้วย ทำให้ความขัดแย้งและ sexual tension ในเรื่องทวีความรุนแรงมากขึ้น จนถึงท้ายเรื่องที่เป็นจุดไคลแม็กซ์ ผู้อ่านซึ่งถูกบิลด์อารมณ์มาเรียบร้อยก็จะรู้สึกสมหวังที่สุด

ส่วนเรื่องของการเข้าถึงอารมณ์ก็สำคัญ ผู้อ่านจะเลิกอ่านเรื่องของคุณถ้าเขาอ่านไปแล้วไม่รู้ว่าตัวละครแต่ละตัวกำลังมีอารมณ์ดีใจ เสียใจ สงสัย ฯลฯ ในแต่ละบทแต่ละตอนของเรื่อง ซึ่งถ้าคนอ่านไม่ได้รู้ว่าตัวละครที่เขากำลังอ่านอยู่มีความรู้สึกอย่างไร เขาก็สวมบทบาทเป็นตัวละครนั้นในใจไม่ได้ มันก็จะเป็นแค่การเล่าเรื่องเหมือนรายงานข่าว คือมีอะไรเกิดขึ้นที่ไหน แต่ไม่ได้ใส่อารมณ์เข้าไปด้วย ดังนั้นคนเขียนจะต้องคอยระวังไว้ตลอดเรื่องว่า ขณะนี้ตัวละครของคุณกำลังรู้สึกอย่างไร และต้องสื่อให้คนอ่านได้รับรู้โดยที่ไม่ประเจิดประเจ้อเกินไปด้วย พูดแบบนี้อาจจะเข้าใจยาก ต้องลองดูตัวอย่างกันสักหน่อย

"ทำไมเธอทำแบบนี้"
"ผมชอบคุณนี่ครับ"
"ชอบกันก็ค่อย ๆ ทำไปตามลำดับซิ มาทำอย่างนี้มันไม่ดีรู้มั้ย"
"ผมรู้ แต่มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ"

เป็นไงครับ อ่านแล้วได้อะไรนอกจากรู้ว่าคนสองคนกำลังเถียงกัน คุณรู้มั้ยว่าคนพูดแต่ละคนกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เอาล่ะ อาจบอกว่าเดาจากคำพูดได้ แต่ลองดูแบบนี้สิครับ

"ทำไมเธอทำแบบนี้" วิยะดาพูดเสียงขุ่น เธอสะบัดมือครรชิตออกแล้วหันหลังให้เขา
ครรชิตเดินตามมาข้างหลัง "ผมชอบคุณนี่ครับ" เขากล่าวเสียงนุ่มนวล พร้อมกับโอบแขนรอบเอวคนรัก
"ชอบกันก็ค่อย ๆ ทำไปตามลำดับซิ มาทำอย่างนี้มันไม่ดีรู้มั้ย" วิยะดาพูดเสียงแผ่วเบา เธออ่อนลงตั้งแต่เขาเข้ามากอดเธอแล้ว
"ผมรู้ แต่มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ" ครรชิตกอดสาวคนรักแน่นเข้าแล้วซุกหน้าลงกับซอกคอเธอ กลิ่นกายสาวมันหอมจรุงใจเร้าความต้องการเหลือเกิน

ดีกว่ากันมั้ย? คนอ่านรู้ว่าวิยะดากำลังเคืองน้อย ๆ ส่วนครรชิตก็กำลังอยู่ในอารมณ์พิศวาสและกำลังตามอ้อนวอนคนรักอยู่

แล้วแบบนี้ล่ะ

"ทำไมเธอทำแบบนี้" วิยะดาฉอเลาะขณะอยู่ในอ้อมกอดเขา เธอไล้นิ้วไปตามแผ่นหลังเขาลงมาจนถึงก้นกอย ครรชิตเสียววาบตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ผมชอบคุณนี่ครับ" เขาฝืนใจพูด ความเกลียดกับความเสียวมันกำลังทำสงครามกันอยู่ในอกเขา
วิยะดาแกล้งจีบปากจีบคอ "ชอบกันก็ค่อย ๆ ทำไปตามลำดับซิ มาทำอย่างนี้มันไม่ดีรู้มั้ย" ขณะพูดเธอล้วงมือเข้าไปในกางเกง กำลำควยที่ยังอยู่ในกางเกงในกระทอกขึ้นลง
"ผมรู้ แต่มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ" เขาพยายามสะกดกลั้นความขยะแขยงที่พุ่งขึ้นมาจากภายใน เพื่ออนาคตของครอบครัวของเขา เขาจำเป็นต้องเล่นละครน้ำเน่าแบบนี้

คงเห็นแล้วนะครับว่า ทั้งสามตอนมีการแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกันไป ทั้ง ๆ ที่เป็นบทสนทนาเดียวกัน บทแรกไม่มีการแสดงอารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น ผู้อ่านต้องเดาเอาจากคำพูด ซึ่งไม่เป็นการแต่งเรื่องที่ดีเลย บทที่สอง แสดงถึงวิยะดาที่เป็นฝ่ายขุ่นเคืองครรชิตที่เอาเปรียบเธอ และครรชิตเป็นฝ่ายไล่ตามอ้อนวอน บทที่สาม วิยะดาเป็นฝ่ายรุกเร้าแต่คำพูดกับการกระทำไม่ไปด้วยกัน ในขณะที่ครรชิตแกล้งเออออห่อหมกไปด้วยทั้ง ๆ ที่ในใจเกลียดชังวิยะดา

นี่แหละครับ การแสดงให้ผู้อ่านรู้ถึงอารมณ์ของตัวละคร คุณควรจะให้ผู้อ่านได้รับรู้เช่นนี้ตลอดทั้งเรื่อง อย่าให้ขาดหายหรือสะดุดลงไปเพราะจะมีผลต่อการมีส่วนร่วมของผู้อ่าน

4. ฉากกับการเล่าเรื่อง ตรงนี้คุณต้องทำหน้าที่เหมือนผู้กำกับหนัง กล่าวคือ ตรงช่วงใดควรจะเป็นการเล่าเรื่องโดยสรุป ตรงช่วงใดควรจะเป็นการแสดงที่มีฉากชัดเจนจนผู้อ่านนึกภาพออก เหมือนละครเวทีนั่นแหละครับ คุณจะเห็นว่า บางครั้งฉากบนเวทีก็จะปิดแล้วมีเสียงบรรยายออกมาว่า ขณะนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แล้วอีกพักเดียว ฉากก็เปิดออก แล้วมีตัวละครออกมาแสดงให้ผู้ชมด้านล่างได้เห็น

การที่จะเลือกว่าช่วงใดควรเล่าเรื่อง ช่วงใดควรเป็นฉากแสดง ไม่ยากอย่างที่คิด ง่าย ๆ ก็คือ คุณคิดว่าช่วงใดที่เป็นช่วงที่น่าเบื่อหรือใช้เวลานานเกินไป ก็ใช้วิธีเล่าเรื่องไปเสีย แต่ถ้าคิดว่าช่วงใด เป็นจุดสำคัญ หัวเลี้ยวหัวต่อ ของเรื่อง ต้องการให้ผู้อ่านเข้าถึงมาก ๆ ก็ให้มันเป็นฉากแสดง เพราะการเล่าเรื่องทำให้ผู้อ่านอยู่ห่างจากแกนเรื่อง ในขณะที่ฉากแสดงจะทำให้เข้าถึงอย่างใกล้ชิด เหมือนเลนซ์กล้องที่ซูมเข้าซูมออกนั่นเอง เพียงแต่ว่าการเล่าเรื่องนี้ผู้เขียนสามารถซูมทั้งเวลาและสถานที่ได้

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตัวเอกกำลังเดินทางไปเพื่อทดสอบหน้ากล้อง คุณไม่ต้องจัดเป็นฉากแสดง เพราะการเดินทางของตัวเอกไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าตื่นเต้น ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาสำคัญของเรื่อง แค่เล่าว่า เขาหรือเธอขับรถออกไปที่สตูดิโอตอนแปดโมงเช้า แค่นี้ก็พอ ไม่ต้องแสดงถึงขนาดว่า

วิยะดาก้าวขึ้นรถแล้วปิดประตู เธอค้นในกระเป๋าถือจนเจอกุญแจแล้วสอดมันเข้าไปสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มสอดรับกับความตื่นเต้นในใจเธอ อา นี่จะเป็นการเริ่มต้นเส้นทางชีวิตที่เธอใฝ่ฝันมาตลอด
เท้าเธอเหยียบคันเร่งให้รถคันงามพุ่งทะยายไปข้างหน้า ถนนสาธรยังมีรถคับคั่งเหมือนเดิม เธอพยายามฉีกแซงรถคันอื่น ๆ จนบางครั้งก็หวาดเสียวต่อการเกิดอุบัติเหตุ

อ่านแล้วเริ่มง่วงรึเปล่า นั่นเพราะทั้งสองย่อหน้านี้ ไม่ได้มีเนื้อหาสำคัญอะไรเลย เปลืองทั้งแรงคนอ่านและคนเขียน การใช้ฉากแสดงมาก ๆ ก็มีผลเสียต่อเรื่องเหมือนกัน เพราะจะทำให้ผู้อ่านเกิดความล้าและเครียดได้ การที่ผู้อ่านต้องสร้างภาพของฉากในจินตนาการเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังความคิดมากโข ดังนั้นคุณควรเลือกใช้เฉพาะตอนที่จำเป็นเท่านั้น

5. การบรรยาย เช่น การบรรยายลักษณะของตัวละคร ฉาก สถานที่ เหตุการณ์ ฯลฯ เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ทั้งนี้เพราะนิยายไม่เหมือนภาพยนตร์ที่ผู้อ่านมองปราดเดียวก็เห็นว่ารูปร่างหน้าตาของตัวละครหรือฉากเป็นอย่างไร นิยายจำเป็นต้องใช้คำพูด "ระบาย" ทั้งรูปร่างและฉากออกมาโดยใช้สมองของผู้อ่านเป็นกระดาษวาดเขียน ดังนั้นคุณในฐานะของผู้แต่งเรื่องจะต้องพิถีพิถันกับการบรรยายให้ดี นิยายที่ผู้อ่านมองไม่เห็นฉากในจินตนาการ ถือเป็นนิยายที่ล้มเหลว

หลัก ๆ ของการบรรยายก็คือ คุณต้องไล่สภาพทางกายภาพให้เห็นภาพพจน์ โดยต้องดึงจุดเด่นของสิ่งที่คุณต้องการบรรยายออกมาให้มากที่สุด และถ้าจะให้ดี รายละเอียดแต่ละจุดควรมีความเชื่อมโยงกัน เช่น ถ้าจะบรรยายบ้าน ควรบรรยายถึงรูปร่าง ขนาด สีสัน สภาพว่าเก่าหรือใหม่ และเชื่อมโยงกับท้องฟ้า ต้นไม้ที่ปลูกอยู่รอบ ๆ เป็นต้น

การบรรยายลักษณะของตัวละคร ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรรีบร้อนทำแบบบรรยายตุ๊กตาในโฆษณาขายสินค้า

เธอสูง 167 ซม. ผมสีดำยาว ตาสีดำเหมือนกัน จมูกโด่ง ปากสีแดง หน้าอกใหญ่ขนาด 36 นิ้ว สะโพกผายกว้าง 42 นิ้ว เอวคอดแค่ 23 นิ้ว ขายาว

อะไรแบบนี้น่าเบื่อมาก ๆ ถ้าผู้อ่านที่เจนสนามมาเจอบทบรรยายแบบนี้ตั้งแต่ต้นเรื่อง เขาก็จะหยุดอ่านเรื่องของคุณทันทีเพราะยังมีเรื่องเสียวดี ๆ กว่านี้ให้เลือกอ่าน

วิธีการบรรยายที่ดีไม่ควรใส่แต่ข้อเท็จจริงทางกายภาพ ควรมีการใส่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการมองเห็นด้วย และคำบรรยายไม่ควรกระจุกตัวรวมกันอยู่แค่ที่ต้นเรื่อง แต่ควรกระจายไปทั่ว ๆ เรื่อง เช่น ถ้าจะบรรยายว่าผู้หญิงคนนี้สวย ต้นเรื่องอาจบรรยายถึงปฏิกิริยาของคนรอบข้างที่มองเวลาเธอเดินผ่าน และอาจบรรยายรูปกายเธอที่เด่น ๆ สั้น ๆ อย่าเยิ่นเย้อ ในตอนกลางเรื่องก็อาจมีการแอบสอดการบรรยายรูปร่างเธออีกครั้งตอนที่ตัวละครคุยกัน และในตอนท้ายเรื่องก็อาจจะบรรยายละเอียดจากมุมมองของตัวละครชาย เป็นต้น

การบรรยายรูปร่างหน้าตาของตัวละคร บางครั้งก็ไม่จำเป็น บางครั้งก็ทำได้ยาก เรื่องเสียวที่อยู่ในดวงใจของเราบางเรื่องลองนึกย้อนกลับไปดูสิครับว่าเขามีการบรรยายรูปร่างหน้าตาของตัวละครหรือไม่ บางเรื่องคุณจะเห็นว่าไม่มีเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไว้ผมยาวหรือซอยสั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องนั้นลดความสนุกลงไป อันนี้ขึ้นกับเทคนิคและพล็อตเรื่องว่ารูปร่างหน้าตาของตัวละครเป็นส่วนสำคัญของเนื้อเรื่องหรือไม่

การบรรยายรูปร่างหน้าตาของตัวคนเล่าเรื่องในมุมมองบุคคลที่หนึ่งทำได้ยาก เพราะนอกจากจะมีอคติของผู้เล่าอยู่ก่อนแล้ว (ใครจะบรรยายตัวเองว่าน่าเกลียดอัปลักษณ์ยิ่งกว่าหมา??) ยังหาช่วงโอกาสเล่าได้ยาก ถ้าจู่ ๆ คุณหยุดการเดินเรื่องแล้วมาบรรยายว่า "ผมเป็นคนหล่อเหลาเอาการ เป็นนักกีฬา ฯลฯ" คนอ่านก็จะสะดุดและอาจคิดว่า "ไอ้บ้านี่มันหลงตัวเองชิบหาย" และเกิดหมั่นไส้คุณขึ้นมาตะหงิด ๆ ก็ได้ ดังนั้นในหลาย ๆ เรื่อง ก็ใช้วิธีให้ตัวเอกสำรวจตัวเองในกระจก (ซึ่งเป็นมุขเดิมที่ซ้ำซากน่าเบื่อมาก เลี่ยงได้ควรเลี่ยง) หรือใช้วิธีเล่าจากปากคำของตัวละครคนอื่น เช่น เพื่อนของคนเล่าในเรื่องอาจชมคนเล่าว่า หล่อ จีบสาวเก่ง อะไรทำนองเนี้ยได้โดยไม่ผิดธรรมชาติเกินไป

6. บทสรุปของเรื่อง ต้องทำอย่างตั้งใจ จะทำแบบลวก ๆ ขอไปทีไม่ได้ เพราะพอผู้อ่านเริ่มอ่านเรื่องของเรา ก็เหมือนกับมีสัญญาใจกับผู้แต่งอยู่ก่อนแล้วว่า ถ้าอ่านเรื่องของเขาไปจนจบ คุณจะได้รับรางวัล อาจเป็นความสนุก อาจเป็นความสบายใจที่ได้รู้จุดลงเอยของปริศนาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องที่คุณเล่าจะต้องโยงใยนำไปสู่จุดไคลแม็กซ์ซึ่งมักเป็นตอนก่อนจะจบเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องเสียว ก็จะเป็นตอนที่ตัวเอกได้เย็ดกัน ซึ่งคุณควรจะให้ความเอาใจใส่กับการบรรยายและเล่าในฉากตรงนี้มาก ๆ ถ้าเล่าเรื่องมาตั้งแต่ต้น สร้างอารมณ์กันมาซะดิบดี แต่พอถึงตอนจุดเย็ดกัน แค่สองบรรทัดจบ คนอ่านจะรู้สึกเหมือนถูกหลอกให้อ่าน และเขาจะอารมณ์ค้างกับผลงานคุณ เพราะฉะนั้น ใจเขาใจเราครับ อย่าทำแบบลวก ๆ คนอ่านเขาให้ความไว้วางใจกับเราแล้ว อย่าทรยศความไว้วางใจนั้น

การจะเล่าฉากพิศวาสแบบชัดเจน คือ ระบุอวัยวะลงไปเลยว่า เอาควยเข้าหี หรือจะบรรยายแบบซอฟท์หน่อย เช่น ท่อนเอ็นสอดเข้าในร่องหลืบ ก็แล้วแต่บรรยากาศของเรื่องทั้งหมดว่าเป็นแนวไหน ไม่มีข้อที่แตกต่างกันมากนักระหว่างสองแบบนี้ เพราะไม่ต้องบรรยายละเอียดละออก็เสียวได้ ขึ้นกับการบิลด์อารมณ์มาตั้งแต่ต้นและเทคนิคในการบรรยาย

-----------------------------------------------------------------------------------

ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ อย่าเชื่อทั้งหมด เพราะผมเองก็อ่านตำรามาและลองเขียนดูเพียงไม่กี่เรื่อง คุณควรใช้ความคิดของคุณเองให้มากเข้าไว้ด้วย ควรระลึกเสมอว่า ถ้าคุณเป็นคนอ่าน คุณอาจไม่ต้องสนใจอะไรมาก เพียงแค่อ่านเรื่องนี้แล้วเสียวหรือไม่เสียว แต่ถ้าคุณเปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนเขียน คุณจะต้องใส่ใจกับการอ่านมากขึ้น ต้องค้นหา "กลไกความเสียว" ของแต่ละเรื่องออกมาให้ได้ วิเคราะห์ว่า ทำไมเวลาคุณอ่านเรื่องนี้แล้วถึงเสียว ทำไมอ่านเรื่องโน้นแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วเราจะสามารถนำกลไกเหล่านี้มาปรับใช้ในเรื่องของเราเองได้อย่างไร

การเขียนเรื่องไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมักจะมีแรงต้านจากภายในตัวของเราเองเสมอ โดยออกมาในรูปต่าง ๆ กัน เช่น เราไม่มีความสามารถพอหรอก, งานเรายุ่งมากไม่มีเวลาเขียน หรือแม้แต่จะอ้างว่า ขออ่านเรื่องคนอื่นเป็นการศึกษาก่อนลงมือเขียน
เหล่านี้ไม่ต้องตกใจ นักเขียนเกือบทุกคนรู้สึกแบบเดียวกัน ไม่เฉพาะตอนที่เขียนเรื่องแรก ๆ เท่านั้น แต่เป็นทุกครั้งที่จับปากกาจะลงมือเขียนเลย แต่พวกนักเขียนเหล่านั้นเขาก็ดื้อดึงต่อต้านแรงเสียดทานพวกนี้ขีด ๆ เขียน ๆ ลงมาบนกระดาษจนได้
บางคนอาจกลัวว่าเรื่องที่เราแต่งออกมาจะไม่สนุก ไม่ได้ตามที่ตัวเองคาดหวังไว้ ก็เลยไม่แต่งดีกว่า นั่นก็เป็นแรงต้านจากภายในตัวของเราอีกนั่นแหละ ขอให้คิดเสียว่า ถ้าคุณไม่ก้าวเดินก้าวแรกเพราะกลัวว่าหนทางข้างหน้าจะทุรกันดาร อย่างนั้นตอนคุณเป็นเด็ก คุณคงเอาแต่คลานใช่ไหม คงไม่อยากเดินล่ะซิ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น จงยอมรับตั้งแต่ก่อนเขียนเลยว่า ผลงานของเราจะต้องออกมาไม่ได้เรื่อง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนเขียนหนังสือครั้งแรก เราจะได้ไม่กดดันตัวเองเกินไป นักเขียนดัง ๆ ระดับโลกอย่างเออร์เนส เฮมิงเวย์ก็ไม่ได้เขียนเก่งมาตั้งแต่เกิด ผลงานแรก ๆ เขาถูกสำนักพิมพ์ตีกลับตั้งไม่รู้กี่หนต่อกี่หน แต่ที่เขาประสบความสำเร็จได้ก็เพราะเขายังเขียนและเขียนและเขียนต่อไปไม่หยุด การฝึกฝนทำให้ผลงานหลัง ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเขาหยุดเขียนตั้งแต่ผลงานชิ้นแรกถูกปฏิเสธ เขาจะมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลกได้หรือ
เช่นกัน ขอให้คิดอยู่เสมอว่า เราเป็นมือสมัครเล่น การที่เราคาดหวังว่าผลงานของเราต้องออกมาแล้วดีเลิศไร้ที่ตินั้น มันผิดความเป็นจริงเกินไปหน่อยมั้ง ลดความคาดหวังของคุณลง จงคาดหวังแค่ว่าให้ได้ระบายความคิดที่อยู่ในหัวเราออกมา ถือเป็นการฝึกแบบหนึ่งเท่านั้น และเขียนไปเรื่อย ๆ ผลงานเราก็จะดีขึ้นได้เอง

areja


พัดลม

#4
อ้างจาก: นีโอ เมื่อ สิงหาคม 23, 2016, 09:51:37 ก่อนเที่ยง
พอดีผ่านมาเจอ ก็ไม่มีอะไรจะแนะนำ เพราะตัวเองก็ยังไม่เก่งกาจสามารถอะไร
ความรู้ก็แค่ งูๆปลาๆ เท่านั้น  เมื่อปี 2553 มีความคิดแค่อยากจะแต่งเรื่องเท่านั้น
ตอนนั้นเพิ่งหัดเล่น คอม. ใช้คีย์บอร์ดก็ไม่เป็น แต่พยายามนั่งจิ้มทีละตัวๆจนเป็นเรื่องขึ้นมา
เอามาลงนี่คือตัวอย่างเรื่องแรก ตอนแรกในชีวิต ใช้เวลานั่งจิ้มเกือบๆ 3 ชั่วโมง

ตอนนั้นบอกตรงๆว่าแต่งขำๆ ไม่ได้คิดว่าจะแต่งมายาวนานจนถึงทุกวันนี้
หมั่นพิมพ์บ่อยๆ คิดอะไรที่แตกต่าง นึกสำนวนที่เราชอบแล้วมันจะออกมาเป็นตัวเราเอง

ก่อนที่จะบ้าพลัง ปล่อยไม่ยอมหยุด
จนคนอ่านถึงกับ  ::Orz:: หมดแรง






เพราะตาลาย  ::HoHo::
กฏ-กติกา เงื่อนไขข้อปฏิบัติหลักๆเวป xonly
1.ห้าม emo เปล่า, ไม่เป็นคำ   do not use emoji only - Banned
2.ห้ามตอบเฉพาะคำย่อในเวปนี้ disallow short massage like lol thx ty omb omg etc. - Banned
3.ตอบ 3 คำไม่ใช่ 3 พยางค์ ๆๆๆๆๆ ไม่นับเป็นคำ if you comment less then 3 words as 'thank,wow,good,like,love' - Banned

4.ตอบมักง่าย ไม่ว่าจะยาวแค่ไหนก็โดนแบน

cd13579

ขอบคุณทุกท่านครับ อ่านๆคำแนะนำทั้งหลายแล้วพอเห็นทางรำไรๆแล้วครับ ขอย่อยขอมูลแปปท่าทางต้องกลับไปปรับอะไรๆหลายๆอย่างในเรื่องใหม่  ::Crying::  คาดว่าในชาตินี้ท่านๆคงจะได้อ่านและติชมผลงานของผมนะครับ
ป.ล. ทีฉากเสียวเขียนซะเร็วไม่มีปัญหาไหงฉากธรรมดาแต่งยากแต่งเย็น(ความหื่นมีผลต่อการแต่งชัดๆ
สู้โว๊ยยยย  ::Fighto::
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

(จิ๋ว)

หวัดดีจ้าคุณซีดีเลขคี่    ::Thankyou::

จิ๋วยังไม่เก่งนะ  ออกตัวก่อน ยังอยู่ระหว่างฝึกหัด (แต่ไม่ค่อยมีเวลาฝึกเลยช่วงนี้ งาน + เกมส์  ชุลมุน
จนไม่รู้คนอ่าน จะงอลไหม  แหะ ๆ)

แวะมาบอกว่า จุดเริ่มต้นที่มาเขียนเพราะความชอบ  และอยากลองลงมือเขียนมานานแล้ว
แต่ไม่เคยกล้าสักที พอลงมือเขียนก็ยิ่งรู้ว่า  เออ มันยากจริงแหะ..... แต่ก็นะ ค่อย ๆ เล่า
ถ้าสังเกตุจะเห็นว่า จิ๋วเล่า ภาษาพูดมาก  ไม่ค่อยจะเป็นภาษาเขียนด้วยซ้ำ แต่ว่ามันก็โอเคนะ
คนอ่านเก็ท เข้าใจ และไหลไปได้เรื่อย ๆ

เวลาเขียน จิ๋วจะมีเค้าโครงเรื่อง (พล็อตเรื่อง) ไว้ในใจ ว่าตอนนี้จะเล่าเรื่องอะไร
แล้วก็พิมพ์ไปเรื่อย ๆ มีบางครั้งเหมือนกันที่ทรยศตัวเอง คือตั้งใจไว้อย่างนึง
แต่บทพาออกไปเจอทางออกอีกทางหนึ่งจนไกลกว่า ที่ตั้งใจไว้ก็มี (แต่รุ่นพี่บอกว่า อย่างนี้ไม่ดี
เอิ๊ก ๆ ส่งครูคงโดนหักคะแนน โทษฐานไม่ทำตามแผน 55555  แต่ออกนอกแผนมันหนุกกว่านิ๊นา อิอิ)

เรื่องส่วนใหญ่ อ่าน + แก้ +อ่านซ้ำใหม่ ไม่ต่ำกว่า 20 รอบต่อต่อน  อ่านจนกว่าตัวเองจะพอใจว่า
เออ เนียน  เออ ไม่สะดุด   แต่ถ้าติด  ก็จะไม่เร่งรัดตัวเอง ไปทำอย่างอื่น หรือ ไปผ่อนคลาย
แล้วค่อยกลับมาใหม่ ตอนสมองโล่ง ๆ หน่อย จะดีกว่า  ส่วนอารมณ์ เกี่ยวอย่างแรง ไม่มีอารมณ์
ก็เขียนไม่ออก  (โดยเฉพาะเวลาเคือง งอลตาพัดลม ต้องไปยิงมอนสเตอร์ให้ไส้ทะลักจนพอใจก่อน
ค่อยเขียนต่อ) 

จิ๋วคิดว่า ความสำคัญของการเขียนคือ ต้องไม่ลืมว่า เราทำไปทำไม
ทำเพราะสนุก  ถ้าเขียนแล้วติดไม่สนุก  ก็หยุด นึกสนุกค่อยมาเขียนต่อใหม่
ไม่ใช่การบ้าน ไม่ใช่รายงาน ที่ต้องเร่งส่ง เร่งจบ สบาย ๆ แล้วค่อยว่ากันไป
แต่ถ้าถึงเวลาที่อารมณ์มา ไอเดียมา ก็ต้องรีบจ้วงเลย อย่าช้า ไม่งั้นจะลืม 55555

จิ๋วจะมีจดพล็อตไว้ในมือถือด้วย กันลืม (กลัวอัลไซเมอร์อยู่เหมือนกัน)
วันนี้นึกได้เท่านี้ วันหน้านึกไรได้อีกจะมาบอกเพิ่มละกันนะ

ขอให้สนุกกับการเขียนค่ะ มันเป็นทักษะที่ฝึกแล้ว เป็นแล้ว จะติดตัวไปจนตาย
เหมือนขี่จักรยานเลยหล่ะ....   ::Confident::  เชื่อพี่ไอ้น้อง  อิอิ

ปล. ถ้าเขียนบทธรรมดาไม่ค่อยออก ให้เขียนทีละประโยค  บรรทัดละประโยค
แล้วค่อยจับมันมารวมกันทีหลัง อ่านซ้ำว่า งงไหม รู้เรื่องไหม ค่อย ๆ ไป
ทีละประโยค จนรวมเป็นย่อหน้า ทีละย่อหน้า ก็จะรวมได้หลายหน้าเองจ้า

========== ( ^-^ ) ติดตามผลงานย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ ( ^-^ ) ==========
>>>>> รวมเรื่องเล่าของ จิ๋ว // พัดลมจิ๋ว <<<<<<<<    
====== ( ^-^ ) ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่มาให้กำลังใจค่ะ ( ^-^ ) ======

(อาจอย่า-ออดอ้อน.อาจอยู่-อย่างอยาก.อาจอย่าง-เอื้อนเอ่ย.อาจอยาก-แอบอิง.อาจแอบ-อำอดีต.อาจอ่าน-อ้างอวด.อาจอิอิ-อำอีก)
...ปริศนาอักษรจิ๋ว...


jalando นักเขียนดาร์คไซด์

คำแนะนำจากบทความของคุณ lczy ยอดเยี่ยมมากครับ โดยส่วนตัวผมเป็นคนรักการอ่าน วิธีการเขียนของผมทั้งหลายก็ถูกซึมซับมาจากประสบการณ์ที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มอื่นๆ ซึ่งเมื่อผมย้อนกลับมาประเมินผลงานของผมที่ผ่านมา ค่อนข้างมีหลักการเขียนคล้ายคุณ lczy  และแน่นอนกว่าจะโพสต์เรื่องๆหนึ่งลงได้ต้องอ่านและแก้ซ้ำหลายๆรอบ ในส่วนที่ผมทำผมแก้ไม่น้อยกว่า 3 รอบ เชื่อว่าคงไม่มีเรื่องไหนจะออกมาดีได้หรอกถ้าร่างเพียงรอบเดียว สิ่งสำคัญลงมือทำครับ มัวแต่คิดว่าจะทำแต่ไม่เริ่มลงมือ มันทำไม่ได้
สุดท้ายฝากผลงานผมด้วยครับหลักๆผมแต่งเรื่องที่ห้องซีรีย์ตอนยาวๆซะเป็นส่วนใหญ่ เรื่องที่ผมชอบแต่งเป็นแนว darkside ด้านมืดของคนแต่ไม่ถึงขั้นวิปริต ผสมผสานกับความตื่นเต้น หักมุมคาดเดาไม่ได้ และแปลกแยกไม่เหมือนใคร ยิ่งนอกกรอบเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ขอย้ำไม่มีแนววิปริตนะครับแต่อาจจะวิตถารนิดๆ ลองเสพดูครับถ้าพวกคุณคอเดียวกับผม

cd13579

ชอบเรื่องคุณจิ๋วกับคุณพัดลมนะครับเนื้อเรื่องดูไม่หนักอ่านแล้วไหลไปเรื้อยๆ เบาๆละมุนๆดี ส่วนดารค์ไซค์นี้อ่านตอน1จบแล้วนี้ปักหลักรอเลยครับ ทันตรงต่อสิ่งที่ผมคิดดี ตรงเรื่องมุมมืดๆของมนุษย์นี้ละ
ป.ล. ช่วงนี้ติดสอบอยู่คาดว่าต้นๆเดือนหน้าจะปล่อยบทนำออกไปให้ติชมกันระครับ ขอบคุณทุกคำแนะนำนะครับ
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

areja

#9
ขอบคุณไรต์ทุกท่านทั้งไรต์ตำนานไรต์บอร์ดและไรต์ใหม่นร้า ถ้ามีสิ่งใดรีพลายใด
สร้างความรำคราญหรือ รีพลายมักง่ายมาแจ้ง pm แว่น หรือ คุณพัดลม ได้เลยจะดำเนินการ
ตัดไฟพวกรีพลายไม่สร้างสรรออกให้ทันที

อ๋อ คุณ jalando งานเขียนเอง ลงห้องไรต์บอร์ดได้เลยนะ ถึงจะมีหลายตอนก็เข้าข่าย
ไรต์ใหม่ ไรต์ของบร์อดจ๊ะ ห้อง ซีรีย์นั้นจัดไว้สำหรับงานก๊อปชุด ก๊อปซีรีย์ที่ไม่ทราบผู้ประพันธ์
หรือ เป็นงานชุดเก่าเก็บของสมาชิกที่มีจำนวนหลายตอนนำมาลง แต่ไม่ทราบชื่อผู้ประพันธ์
เพราะถ้าตรวจทราบเป็นไรต์ตำนานก็จะจัดย้ายไป อีกนะกลุ่มซีรีย์ชุดเนี๊ยะ..

jalando นักเขียนดาร์คไซด์

ขอบคุณครับตอนต่อๆซึ่งเป็นตอนที่ 4 ผมจะเอาไปลงห้องไรต์บอรด์

areja

จร้า ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณ jalando ที่รังสรรค์ผลงานปั้นดีๆมาเพื่อมวลมหาสมาชิก.

พัดลม

#12
คุณ jalando ย้ายตอนเก่าไปผู้ประพันธ์บอร์ดแล้วนะครับ

รอทั่นไก่ทำลิงค์ทางด่วนเพิ่มให้  ::Grimace::
::Falling::
กฏ-กติกา เงื่อนไขข้อปฏิบัติหลักๆเวป xonly
1.ห้าม emo เปล่า, ไม่เป็นคำ   do not use emoji only - Banned
2.ห้ามตอบเฉพาะคำย่อในเวปนี้ disallow short massage like lol thx ty omb omg etc. - Banned
3.ตอบ 3 คำไม่ใช่ 3 พยางค์ ๆๆๆๆๆ ไม่นับเป็นคำ if you comment less then 3 words as 'thank,wow,good,like,love' - Banned

4.ตอบมักง่าย ไม่ว่าจะยาวแค่ไหนก็โดนแบน

assasin008

เท่าที่ผมเคยเจอ
นักเขียนหน้าใหม่ มักจะเจอปัญหาเดียวกัน คือไม่กล้าที่จะนำเสนอผลงานชิ้นแรกของตัวเอง
หลายคนเขียนแล้วย้อนกลับไปแก้ ย้อนไปย้อนมา สุดท้ายเครียด ไม่เขียนมันแล้ว เลิก
(น่าเสียดายนะครับ)

คำแนะนำของผมในส่วนนี้ก็คือ
อย่ามองหาความยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่ผลงานชิ้นแรก เพราะมันเป็นไปไม่ได้ครับ
เราควรจะทดลองส่งผลงานออกมา อย่ากลัวพลาด :)

ขนาดนักเขียนมือฉมัง เขายังเขียนดีบ้าง ห่วยบ้าง ผิดบ้าง มั่วบ้าง เละเทะบ้าง
แล้วนักเขียนที่เพิ่งเริ่มเขียนจะตั้งว่าผลงานตัวเองต้องสมบูรณ์แบบเปิดตัวแล้วบูมคนชอบทันทีได้อย่างไร

ลองมองดูนักเขียนทั่วไปก็ได้ครับ ลองหาผลงานชิ้นแรกของเขามาอ่านดู แล้วเทียบกับผลงานชิ้นหลัง ๆ

เอาใกล้ตัว ถ้าลองอ่านเรื่องรักยมของผม ตอนแรกสุดที่ผมเขียน เรียกได้ว่าเขียนไปเรื่อย
ถ้าเอามาเทียบกับนิยายช่วงหลัง อาจจะมองว่าเป็นคนละคนเขียนก็ไม่แปลก

สิ่งสำคัญไม่ใช่การลงผลงานที่สุดยอดครับ แต่สำคัญที่ไม่ต้องกลัวความผิดพลาด
มีอะไรไม่ดี ก็รับฟังเสียงคนอื่นลองไปประยุกต์ อะไรเข้าท่าก็เอาไปใช้ อะไรไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องตามทั้งหมด
เขียนไปแล้วค่อยปรับไป ค่อย ๆ พัฒนา ผิดบ้างถูกบ้าง ใช้เวลาสักหน่อย เดี๋ยวก็คล่องเอง

การลงในเวปแบบนี้เป็นการอ่านฟรี ความเครียดจะมีน้อย ผิดบ้างจะเป็นอะไรไป
แต่เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มขายผลงาน ตอนนั้นคุณอาจจะค่อยเครียดเพิ่มขึ้น
เพราะว่าผลงานของคุณจะต้องคุ้มค่าเพียงพอ
แต่สำหรับงานชิ้นแรก อย่าเพิ่งมองไกลเกินไป อย่าเครียดเกินไป
ลองลุยก่อน แล้วจะเจอหนทางที่เหมาะกับตัวเองในที่สุด

ลุยเลยครับ มีปัญหาปรึกษาเจ๊แว่น :D


เวปส่วนตัว - http://www.novel008.com
Discord - https://discord.gg/DkT2Mf8q

areja