ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

แก้วกานดา ตอนที่ 8 – คู่อริ

เริ่มโดย assasin008, กันยายน 23, 2016, 11:25:28 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

assasin008

คุยเรื่อยเปื่อย

อย่างที่เคยบอกกันไว้แล้ว
เรื่องนี้จะดาร์คกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่ผมเขียนนิดหน่อย
ไม่ถึงขั้นดำมืดนางเอกติดยาโดนรุมโทรมอะไรแบบนั้น เพราะไม่ใช่แนว
แต่จะมีการเศร้าเสียใจไม่สมหวังปวดตับบ้างบางช่วง

ใครไม่ชอบแนวนี้เชิญผ่านนะครับ ของดดราม่าในทุกกรณี ;D


แก้วกานดา ตอนที่ 8 – คู่อริ
................................................
Assasin008 2016-09-23


        "กานต์ไม่อยากไปมหาลัยนี่นา ขออยู่กับพี่อาร์ตอีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ ช่วงเช้าโดดนิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวกานต์ค่อยไปเรียนช่วงบ่ายแทนก็ได้ อยู่ด้วยกันอีกหน่อยนะคะ นะ นะ"

        กานต์นักศึกษาสาวสวยวัยยี่สิบส่งเสียงออดอ้อนขณะกำลังสวมใส่กระโปรงนักศึกษาสีดำที่ยาวถึงข้อเท้า ดวงตาคู่สวยที่เปล่งประกายระยิบระยับด้วยความสุขนั้นกำลังจับจ้องมองดูผู้ชายคนที่สองในชีวิตที่ได้เสพสัมผัสเรือนร่างอันงดงาม เวลานี้หากจะบอกว่าเธอเกือบลืมบอลที่เป็นผู้ชายคนแรกไปแล้วก็คงไม่ผิดนัก

        "ไม่ได้หรอก มีเรียนสิบโมงไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ไปเรียน นอกจากกานต์จะเสียการเรียนแล้ว ข่าวกานต์โดนไอ้บอลฟันก็จะยิ่งมีน้ำหนัก แต่ถ้าวันนี้กานต์โผล่เข้าไปในมหาลัยแล้วไม่มีท่าทีอะไรพิเศษ ข่าวลือก็จะหายไปเอง อีกอย่างวันนี้ผมมีนัดกับช่างซ่อมแอร์ด้วย ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยเอาไว้เราค่อยเจอกันพรุ่งนี้ก็ได้"

        อาร์ตยามหนุ่มตอบแบบไม่ได้หันไปมอง เขากำลังยืนอยู่หน้ากระจกเงาและทำการสวมใส่ติดกระดุมเสื้อ เสื้อผ้าชุดนี้คือเครื่องแบบของพนักงานรักษาความปลอดภัย

        "อืม ... ก็ได้ค่ะ ... แต่ต้องเจอกันจริง ๆ นะคะ ไม่งั้นกานต์โกรธด้วย ... เดี๋ยวให้กานต์ช่วยใส่เสื้อให้นะ"

        สาวสวยยืนนิ่งครุ่นคิดวูบหนึ่งขณะทำการติดตะขอกระโปรงนักศึกษา เธอพยักหน้าพูดตอบด้วยเสียงอ่อนหวานเมื่อคิดว่าเขาพูดไม่ผิด เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเธอในเวลานี้คือการกลบข่าวให้เงียบเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นนั้นยังมีเวลาอีกเยอะ อย่างน้อยเวลาสี่ชั่วโมงในช่วงเช้าที่เธอขลุกอยู่กับอาร์ตในห้องนอนของบอลก็ทำให้เธออิ่มเอมมากพอสมควรแล้ว

        กานต์รีบขยับเข้าไปใกล้แล้วเอื้อมมือนุ่มนิ่มไปช่วยเขาติดกระดุมเสื้อให้ทีละเม็ด ท่าทางอ่อนหวานของเธอนั้นไม่ได้ต่างอันใดกับภรรยาที่พยายามเอาใจสามี แม้แต่สายตาเว้าวอนเหมือนไม่อยากแยกห่างแม้สักวินาทีก็ยิ่งเหมือนสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน

        "พี่อาร์ตคะ ..."

        "อืม ว่าไง"

        "... ข้อตกลงของเรา ... ที่บอกว่าจะให้กานต์เป็นคู่นอน จนกว่าจะเรียนจบนั่น ... คือว่า ..."

        "มีอะไรเหรอ หรือว่าเปลี่ยนใจ จะไม่รักษาสัญญาแล้ว"

        "เปล่าค่ะ ... ไม่ใช่แบบนั้น ... คือ ... กานต์ ... กานต์อยากจะ ... เอ่อ ... คือว่า ... เรา ... เราสองคน ... คือ ... อืม ... อืม"

        กานต์เงยหน้ามองอาร์ตแล้วก้มหลบสายตาหน้าแดงซ่าน เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้งเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่กล้าพูดออกมา ท่าทางของเธอตอนนี้เหมือนสาวน้อยที่กำลังเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก

        อาร์ตมองดูท่าทีเขินอายแสนน่ารักของกานต์ด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่าน เขาไม่แน่ใจว่าเธออยากพูดอะไร หากทว่าท่าทีเช่นนี้ของสาวสวยนั้นมีเสน่ห์ร้อนแรงซุกซ่อนอยู่ เขาจึงอดใจไม่ไหวต้องใช้สองแขนโอบรัดร่างนุ่มนิ่มของเธอเข้ามาสวมกอดแล้วประกบปากจูบแลกลิ้น ก

        กานต์ย่อมมิได้ขัดขืนอะไร หรือหากเขาจะกระทำมากกว่านี้เธอก็ยินดีด้วยซ้ำ เธอจึงกอดเขาตอบและเผยอปากจูบตอบกับเขาแต่โดยดี เธอชอบรสจูบของเขา และเขาก็ชอบรสจูบของเธอ จูบนี้จึงยิ่งดุเดือดร้อนแรงขึ้นทีละน้อยจนอารมณ์รักที่สงบลงไปแล้วเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

        สาวสวยจิกมือลงบนแผ่นหลังด้วยความเสียวเมื่อชายหนุ่มตะปบมือลงไปขยำบนทรวงอกอวบอิ่มจากด้านนอกเสื้อนักศึกษา เธอหอบหายใจกระเส่าเร่าร้อน สัมผัสวาบหวิวนี้คล้ายไม่เคยเพียงพอจะทำให้เธออิ่มหนำ ทั้งที่เธอเพิ่งโดนเขาทำจนถึงจุดสุดยอดไปแล้วสี่รอบติดกัน

        "กานต์อยากจะอะไร ... พูดต่อให้จบซิ ตอนนี้เราสองคนยังต้องอายกันอีกเหรอ"

        อาร์ตถอนจูบออกมาขณะที่กานต์ยังคงหลับตาพริ้มเผยอปากยืนนิ่งเหมือนไม่อยากห่างหายไปจากรสจูบแสนหอมหวาน รอจนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากถาม สาวสวยจึงค่อยปรือตาขึ้นมามองเขาแล้วนิ่งเงียบเหมือนกำลังรวบรวมความกล้า และในที่สุดเธอก็สามารถข่มความกลัวพูดในสิ่งที่เธออยากพูดออกมาได้สำเร็จ

        "กานต์อยากคบเป็นแฟนกับพี่อาร์ต ... ถ้าเป็นแฟนกันกานต์สัญญาค่ะว่าจะเชื่อฟังคำสั่งพี่อาร์ตทุกอย่าง พี่อาร์ตอยากเจอกานต์ตอนไหนเวลาไหนก็ได้ตลอดเวลา พี่อาร์ตอยากจะทำอะไร กานต์ก็ให้ทำได้ทั้งหมดเลย"

        เมื่อพูดจบใบหน้าสวยใสก็แดงซ่านร้อนผ่าว กานต์รีบก้มหน้างุดเพื่อหลบไม่กล้าสบตากับเขา เพราะโดยพื้นฐานแล้วกานต์นั้นเป็นผู้หญิงขี้อายที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง เธอเองก็ยังรู้สึกแปลกใจที่ตอนขอคบกับบอลเป็นแฟนเธอกลับไม่รู้สึกอะไรแบบนี้ แต่พอเป็นพี่อาร์ตเธอกลับรู้สึกเกรงว่าเขาจะไม่อยากเป็นแฟนกับเธอ

        "พูดกันจริง ๆ กานต์เป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยในระดับต้น ๆ ที่ผมเคยเจอมาเลย แล้วเราสองคนก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี ผมสารภาพว่าชอบกานต์มาก แต่นอกจากเรื่องนี้เราแทบไม่รู้จักกันเลย กานต์แน่ใจเหรอว่าผมเป็นคนดีพอ ไม่กลัวเหรอว่าผมจะเป็นพวกปากสว่างนิสัยเสียแบบไอ้บอล กานต์ไม่รู้สึกเหรอว่าผมเป็นแค่ยามไม่เหมาะสมกับกานต์"

        อาร์ตนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทียอมรับ และท่าทีคลุมเครือนี้ทำให้กานต์รู้สึกสับสนว้าวุ่นทำตัวไม่ถูก เธอเหม่อมองดูอาร์ตแล้วพยายามครุ่นคิด ก่อนจะพบว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยน ถึงแม้ว่าเขาและเธอจะเพิ่งร่วมรักนัวเนียกันอย่างร้อนแรงเพียงใด แต่ความจริงก็คือเธอแทบไม่รู้จักเขา และเขาก็แทบไม่รู้จักเธอเลย

        "พี่อาร์ตไม่ชอบกานต์เหรอ"

        "เปล่าเลย ผมชอบมากต่างหาก กานต์สวยเหมือนกับนางฟ้า น่ากินไปทั้งตัว แถมยังน่ารักด้วย ผมไม่ได้ปฏิเสธนะ เพียงแต่ข้อเสนอนี้เร็วเกินไป การเป็นคนรักกันมันมีอะไรมากกว่าการมีเซ็ก ตอนนี้เราควรจะคบกันไปก่อน แล้วค่อย ๆ เรียนรู้กันไป เขาเรียกว่าอะไรนะ กิ๊กหรือเปล่า ถ้ามีเวลาพอบางทีกานต์อาจจะเปลี่ยนความคิดเมื่อไหร่ก็ได้"

        "กิ๊ก ... เป็นยังไงคะ ไม่เหมือนเป็นแฟนกันเหรอ"

        "ก็ใกล้เคียงในหลายความหมายนะ แต่จะไม่ผูกมัดกัน เราจะคบสนิทสนมกันคล้ายแฟน แต่ผมจะไม่ห้ามถ้ากานต์จะลองคบหากับคนอื่น และในทางกลับกันกานต์ก็จะไม่ห้ามผมเหมือนกัน"

        "งั้น ... เป็นกิ๊กกันก็ได้ค่ะ ให้กานต์ได้เจอกับพี่อาร์ตบ่อย ๆ ก็พอแล้ว"

        สีหน้าของกานต์ดีขึ้นเมื่อเขาไม่ได้ปฏิเสธเสียทีเดียว เธอจึงรีบพยักหน้ารับข้อเสนอ จากนั้นก็ส่งเสียงครางอย่างมีความสุขเมื่อโดนชายหนุ่มรวบกอดและจูบไซร้ซอกคออีกครั้ง เธอลูบไล้ฝ่ามือไปตามแผ่นหลังแข็งแกร่งของเขาด้วยความเร่าร้อน เพียงแค่โดนเขาเล้าโลมเล็กน้อย อารมณ์ของเธอก็ติดไฟขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

        "กานต์นี่แปลกดีนะ ดูจากท่าทางการแต่งตัวแล้วออกแนวสาวขี้อายไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกระต่ายน้อยขี้กลัว แต่เวลามีอารมณ์ขึ้นมาล่ะก็ร้อนแรงยังกับแม่เสือสาว จุดติดง่าย แต่ดับยากอีกต่างหาก"

        "พี่อาร์ตอย่าหยอกซิคะ"

        ชายหนุ่มถอนปากออกมาจากลำคอขาวผ่องแล้วพูดหยอกล้อ กานต์จึงส่งเสียงประท้วงออกมาด้วยความขัดเขิน ท่าทางของสองหนุ่มสาวนั้นดูน่ารักเข้ากันได้ดียิ่ง

        "ให้เดานะ ... กานต์น่าจะเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์พร้อม แต่การที่กานต์ขาดความมั่นใจ ขี้อาย น่าจะเป็นเพราะว่ากานต์โดนพ่อหรือแม่เอาไปเปรียบเทียบกับใครสักคนที่เก่งกว่า เช่นบอกว่าต้องทำให้ได้แบบคนนั้น ทำให้ได้แบบคนนี้ กานต์ก็เลยไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง พอสะสมนานวันเข้าความคิดที่จะออกนอกกรอบก็เลยยิ่งแรง พอมีอะไรกระตุ้นสักหน่อย สุดท้ายกานต์เลยทำเรื่องออกนอกกรอบแบบนี้ ผมเดาถูกหรือเปล่า"

        "พี่อาร์ตรู้ได้ยังไงคะ?"

        กานต์เบิกตากลมโตมองดูอาร์ตด้วยความแปลกประหลาดใจ เพราะว่าสิ่งที่อาร์ตพูดนั้นดูจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริงนัก ครอบครัวของกานต์นั้นอบอุ่น เพียงแต่พ่อแม่ออกจะเข้มงวดอยู่บ้าง ยิ่งมีพี่แก้วที่แสนเก่งอยู่ข้างหน้า พ่อแม่ก็ยิ่งคาดหวังจะให้กานต์เป็นแบบพี่แก้ว พ่อแม่อยากให้เธอเรียนเก่งแบบพี่แก้ว อยากให้เธอเล่นกีฬาเก่งแบบพี่แก้ว และความคาดหวังเหล่านั้นก็กลายเป็นความกดดันที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่มั่นคง รู้สึกเหมือนตัวเองไม่เคยดีพอให้พ่อแม่ภูมิใจ

        "คาดเดาเอาน่ะ แต่คงเดาถูกซินะ"

        "ก็ถูกค่ะ"

        "อืม กานต์ก็อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป เราอาจจะเปลี่ยนพ่อแม่ได้ยาก แต่เราสามารถพยายามควบคุมตัวเอง อะไรที่เราถนัดเราก็ทำไป อะไรที่เราไม่ถนัดก็ปล่อย ๆ มันไปบ้าง คนเราถนัดไม่เหมือนกัน กานต์ไม่จำเป็นต้องเก่งเหมือนคนที่พ่อแม่เปรียบเทียบ ถึงทำไม่ได้ยังไงพ่อแม่ของกานต์ก็คงรักกานต์เหมือนเดิมนั่นแหละ"

        อาร์ตพูดพลางสวมกอดร่างนุ่มนิ่มของกานต์ไว้อีกครั้ง กานต์ยืนนิ่งแนบใบหน้าซะลงบนไหล่ของเขา สมองของเธอครุ่นคิดย้อนไปมา คำพูดของอาร์ตทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้ยกอะไรบางอย่างออกไปจากอก อะไรที่หนักอึ้งอึดอัดน่าหงุดหงิด ถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย กานต์จึงส่งเสียงพึมพำเล่าเรื่องราวของตนเองออกมาโดยไม่รู้ตัว

        "พี่สาวของกานต์เป็นคนเก่งมาก พี่เป็นคนสวย เรียนเก่ง กีฬาเก่ง มีความเป็นผู้นำ ทำทุกอย่างได้ดีเลิศ พ่อกับแม่ชมพี่มาตลอด แต่กานต์ไม่เก่งเท่า โดยเฉพาะเรื่องกีฬา เรื่องเรียนกานต์พอจะไหว แต่เรื่องอื่นสู้ไม่ได้เลยสักนิด"

        "จริงเหรอ ไม่มีหรอกนะคนที่เก่งทุกอย่างน่ะ ลองนึกดูซิว่ากานต์ชอบทำอะไรบ้าง ไม่นับเรื่องเรียนกับเรื่องกีฬา"

        "... กานต์ชอบทำอาหาร ชอบทำขนมเค้ก"

        "แล้วพี่ของกานต์ทำอาหารเป็นหรือเปล่าล่ะ"

        "... พี่แก้ว ทำอาหารไม่เป็น ทำได้แค่อาหารทั่วไป"

        "เห็นหรือเปล่าล่ะ กานต์เก่งกว่าแล้วไงหนึ่งเรื่อง"

        "ก็แค่เรื่องทำอาหารเองค่ะ สู้เรียนเก่งกับเล่นกีฬาไม่ได้หรอก"

        "ใครเป็นคนบอกล่ะว่าเรื่องเรียนกับกีฬาสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีคนทำอาหารเก่ง ๆ เราคงจะอดกินอาหารอร่อย ๆ น่ะซิ แล้วผู้ชายก็ชอบผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งด้วย เอ้า ลองนึกมาอีกซิว่ามีอะไรอีก ที่กานต์ทำได้ แต่พี่สาวทำไม่ได้"

        กานต์แสดงสีหน้าประหลาดใจวูบหนึ่งหลังจากได้ยินคำพูดของอาร์ต เธอกระพริบตาปริบ ๆ งุนงง ก่อนจะเผยประกายวิบวับยินดีออกมา ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคนบอกว่าการทำอาหารเก่งก็สำคัญไม่แพ้การเรียนเก่ง อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยได้ยินคำพูดแนวนี้จากพ่อแม่ตัวเองอย่างแน่นอน

        "กานต์ชอบปลูกต้นไม้ ... ตรงระเบียงห้องพักกานต์มีต้นไม้เยอะเลย ... กานต์ชอบเย็บปักถักร้อย แต่พี่ทำไม่เป็น ... กานต์ ..."

        หลังจากที่ได้เปิดความคิด กานต์ก็พรั่งพรูความคิดที่เก็บกักไว้ออกมาราวกับไม่มีวันหมด และเธอก็เพิ่งตระหนักได้ว่าพี่สาวของเธอไม่ได้เก่งไปเสียทุกเรื่องอย่างที่เธอเข้าใจ อย่างน้อยที่สุดเธอเองก็ยังมีเรื่องที่เก่งกว่าพี่สาวของเธออยู่หลายเรื่อง

        "เห็นหรือเปล่าล่ะ ว่ากานต์น่ะมีเรื่องที่เก่งกว่าพี่สาวเยอะขนาดไหน ทีนี้ก็เลิกกดดันตัวเองได้แล้ว ไม่มีใครเก่งไปเสียทุกเรื่องหรอก"

        "ขอบคุณค่ะ ... พี่อาร์ต ... พี่ทำงานเป็นยามจริงเหรอคะ"

        "อื้อ จริง ๆ ไม่เชื่อเหรอ"

        "อืม กานต์รู้สึกว่าพี่อาร์ตไม่น่าจะเป็นยาม คำพูดคำจาของพี่อาร์ตเหมือนคนมีความรู้ ถ้าบอกว่าพี่อาร์ตเป็นจิตแพทย์กานต์ก็คงเชื่อนะ"

        "ฮะ ฮะ จิตแพทย์คงเป็นไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นหมอโรคจิตชอบปล้ำผู้หญิงล่ะก็พอไหว"

        "พี่อาร์ตอ้ะ"

        ชายหนุ่มหัวเราะขบขันแล้วเริ่มกอดฟัดใส่ร่างนุ่มนิ่มในชุดนักศึกษาจนเธอหน้าแดงก่ำ สาวสวยส่งเสียงทักท้วงเง้างอนหากแต่ปล่อยตัวให้เขาฟอนเฟ้นเท่าที่เขาอยากกระทำ เธอกำลังมีความสุข ไม่ใช่แค่ความสุขในเรื่องความใคร่ หากแต่หัวใจของเธอกำลังพองโต

        ปมด้อยที่เธอคิดว่าเก่งสู้พี่สาวไม่ได้โดนคลายออกจนหายคับข้องใจ และผู้หญิงที่ถูกผู้ชายทำให้มีความสุขก็มักจะเผลอตัวหลงรักผู้ชายคนนั้น หากก่อนหน้านี้เธออาจจะอยากเป็นแฟนกับเขาเพราะความใคร่ เธอชอบความรู้สึกตอนร่วมรักกัน หากทว่าเวลานี้หัวใจของเธอได้ยิ่งถลำลึก ความรู้สึกอิ่มเอิบในหัวใจนี้ไม่ใช่แค่ความใคร่ หากแต่เป็นความรักที่ร้อนแรงยิ่งกว่า เธอไม่เคยรู้สึกอยากกอดใกล้ชิดกับใครเช่นนี้มาก่อน แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าเวลาจะไม่อนุญาติให้กระทำเช่นนั้น

        "พอแค่นี้ก่อน ถ้ามากกว่านี้เดี๋ยวจะไม่ได้ไปเรียนกันพอดี กานต์รีบไปได้แล้ว"

        อาร์ตเล้าโลมเธอจนร้อนรุ่มจากนั้นก็หยุดกระทำแล้วผลักไสเธอออก กานต์จึงใช้ใบหน้าแดงก่ำมองดูชายหนุ่มด้วยท่าทีเง้างอน แต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปหยิบแว่นตากรอบสีชมพูมาสวมลงบนใบหน้า แล้วเปิดประตูห้องเพื่อเตรียมไปเข้าคลาสเรียนซึ่งกำลังจะเริ่มในอีกสิบห้านาทีข้างหน้า

        กานต์ชะโงกหน้ามองออกไปนอกห้องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น จากนั้นก็หันมาโบกมือลาชายหนุ่มด้วยความรู้สึกไม่อยากแยกจากกัน ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นขาตั้งสำหรับวาดรูป

        เธอเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าอยากจะเปิดดูรูปให้ชัดถนัดตา เพราะเมื่อคืนนั้นเธอเห็นภาพนั้นเพียงแค่แวบเดียว เธอรู้สึกเหมือนมองเห็นรูปวาดของพี่แก้ว แต่ก็ไม่แน่ใจนัก กระนั้นเธอก็ไม่ได้เข้าไปเซ้าซี้ขอดู เนื่องจากทราบว่าตนเองต้องรีบเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยแล้ว และเธอก็ไม่คิดว่าอาร์ตจะรู้จักกับพี่แก้วของเธอ

        นักศึกษาสาวสวยเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยโดยไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติอันใด ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นปกติเช่นเคยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เพื่อนร่วมคณะยังคงทักทายกับเธอเช่นก่อนหน้า สายตาร้อนแรงของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่แอบมองสำรวจเรือนร่างของเธอก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

        คลาสเรียนของเธอเริ่มขึ้นตามปกติและจบลงอย่างปกติ เธอไปรับประทานอาหารกลางวันกับกลุ่มเพื่อนสนิทตามปกติ ทุกอย่างคล้ายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป จนกระทั่งเมื่อมีเพื่อนนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย

        "สวัสดีจ้ะกานต์ ขอนั่งด้วยได้หรือเปล่า"

        เสียงทักทายด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่ค่อยเป็นมิตรนักดังขึ้นมาจากด้านข้าง กลุ่มเพื่อนสาวของกานต์จำนวนห้าคนที่กำลังนั่งคุยกันตรงโต๊ะรับประทานอาหารต่างพากันเงียบลง สายตาทุกคนหันไปมองดูผู้กล่าวคำทักทายแล้วพากันเบ้ปากไม่พอใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง

        "ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเธอหรอกนะอรอนงค์ ไปหาเรื่องที่อื่นเถอะ"

        เพื่อนสาวร่างท้วมของกานต์หันไปกล่าวด้วยน้ำเสียงจิกกัด หากทว่าอรอนงค์นักศึกษาสาวสวยผมสั้นหุ่นนางแบบที่โดนกล่าวพาดพิงกลับหันไปยิ้มให้เหมือนไม่รู้สึกรู้สากับคำจิกกัด อีกทั้งยังถือวิสาสะนั่งลงไปบนเก้าอี้ซึ่งยังว่างอยู่ทั้งที่อีกฝ่ายไม่แสดงท่าทีต้อนรับ

        "ยัยหมูตอนเงียบไปเถอะย่ะ ชั้นไม่อยากลดตัวลงไปคุยกับแก วันนี้ชั้นมีเรื่องมาคุยกับกานต์ต่างหาก"

        "แหม แหม ปากคอเราะร้ายน่าโดนตบเหมือนเดิมนะอนงค์ คราวนี้อะไรอีกล่ะ ตำแหน่งนางนพมาสเธอก็ได้ไปแล้วไง กานต์เขาอุตส่าห์ใจดีไม่ลงประกวดด้วย เธอก็เลยได้ไป ทั้งที่ความจริงถ้ากานต์ลงด้วยล่ะก็นะ เธอไม่มีทางได้ตำแหน่งหรอกย่ะ เธอน่ะสวยสู้เพื่อนชั้นไม่ได้สักนิด"

        นักศึกษาสาวร่างท้วมเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อคำกระทบกระแทกจากอนงค์ อีกทั้งยังส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยกลับ และคำเยาะเย้ยในความนี้ก็ทำให้ใบหน้าของอรอนงค์แสดงอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที

        "ฮึ ชั้นสวยกว่ากานต์เป็นร้อยเท่า ต่อให้มันลงประกวด ชั้นก็ต้องได้ตำแหน่งอยู่ดี อีกอย่างชั้นไม่ขี้อายจนไม่กล้าขึ้นเวทีประกวดแบบกานต์มันหรอกนะ"

        "อ๋อ เหรอ จ้ะ ๆ เธอสวยจังเลยอนงค์ แต่แปลกดีนะ ทำไมหนุ่ม ๆ ถึงโหวตให้กานต์เป็นดาวมหาวิทยาลัย แถมยังเอาแต่มารุมจีบกานต์เพื่อนสนิทของชั้นคนนี้นะ ทำไมถึงไม่ไปตามจีบนางนพมาสกันเลยนะ"

        "นางหมูตอนหุบปากไปเลยนะ"

        อรอนงค์สาวสวยผมสั้นนางนพมาสคนล่าสุดทะเลาะฝีปากกับสาวร่างท้วมแบบไม่มีใครยอมใคร และการทะเลาะนั้นก็เริ่มจะรุนแรงขึ้นจนคนรอบด้านเริ่มหันมาให้ความสนใจ แต่ยังดีที่เพื่อนสาวคนอื่นช่วยกันออกตัวแยกทั้งคู่ให้ห่างจากกันเพื่อสงบสติอารมณ์กันได้สำเร็จ

        "ฮึ สักวันเราได้เจอกันแน่นางหมูตอน แต่ว่าวันนี้ชั้นมีเรื่องมาคุยกับกานต์ก่อน กานต์เธอช่วยตอบให้ชั้นหายสงสัยหน่อยได้หรือเปล่า"

        อนงค์สะบัดหน้าใส่สาวร่างท้วม ก่อนจะหันมามองดูกานต์ด้วยสายตาแปลก ๆ เหมือนมีแผนการอะไรที่ไม่ค่อยดีนัก กานต์เองก็สังเกตเห็นท่าทีนั้น แต่เธอคาดเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการถามอะไร เธอจึงพยักหน้าเปิดทางให้อีกฝ่ายพูดออกมา

        "ดีมาก งั้นฟังชัด ๆ นะ ... ชั้นเห็นคลิปลับของเธอกับนายบอลแล้ว ชั้นไม่นึกเลยนะว่าเธอเงียบ ๆ ขี้อายแบบเธอจะกล้าทำเรื่องบัดสีอะไรแบบนั้นได้ ผู้หญิงอะไรหน้าด้านชวนผู้ชายขึ้นห้องกลางวันแสก ๆ"

        อรอนงค์กล่าวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม น้ำเสียงนั้นดังฟังชัดจนคนแถวนั้นได้ยินกันแทบทั้งหมด กานต์เองก็เบิกตากว้างมองดูอนงค์ด้วยความตกใจ และกานต์คงจะตื่นตกใจหน้าซีดควบคุมสติไม่อยู่อย่างแน่นอน หากว่าเธอไม่ได้พบกับอาร์ตเสียก่อน

        เวลานี้กานต์ตกใจก็จริง หากแต่ไม่ได้ตกใจรุนแรงพอ ท่าทางที่แสดงออกภายนอกจึงดูเหมือนงุนงงมากกว่าตื่นตกใจ เนื่องจากกานต์ได้เตรียมใจรับมือเอาไว้แล้วล่วงหน้า อาร์ตเองก็กำชับเธอมาอย่างดี และเธอมั่นใจว่าไม่มีคลิปแอบถ่ายอะไรที่ว่าเด็ดขาด กานต์ในตอนนี้จึงไม่ได้แสดงท่าทีแตกตื่นอะไรออกมาเกินควร

        สายตาจิกกัดของอรอนงค์มองดูท่าทีของกานต์อย่างละเอียดยิบ ในขณะที่คนอื่นก็กำลังมองดูอยู่เช่นเดียวกัน และหากว่ากานต์แสดงท่าทีน่าสงสัยออกมา ทุกคนจะต้องรับรู้เหมือนกัน หากทว่าตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่ากานต์กำลังงุนงงไม่เข้าใจว่าอนงค์พูดเรื่องอะไร

        ท่าทีตอบสนองของกานต์ทำให้รอยยิ้มของอรอนงค์เลือนหายไป อนงค์ขมวดคิ้วพยายามเค้นหาความจริง หากทว่าไม่มีสิ่งใดปรากฏให้เห็น ทั้งที่อนงค์คาดว่ากานต์จะต้องแสดงท่าทีแตกตื่นออกมาให้เห็นบ้าง

        "คลิปอะไรเหรอ ... แล้วบอลที่ว่าคือใคร"

        กานต์พยายามข่มหัวใจที่เต้นรัว เธอตอบออกไปตามที่อาร์ตได้แนะนำเอาไว้ สิ่งสำคัญไม่ใช่การเอ่ยปากปฏิเสธ หากแต่เป็นการแกล้งไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น

        คำถามของกานต์ทำให้คิ้วของอนงค์ยิ่งขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม ส่วนเพื่อน ๆ ของกานต์นั้นก็พากันหันไปมองดูอนงค์ด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ พวกเธอแปลความว่าอนงค์กำลังหาเรื่องใส่ความกานต์อย่างที่ชอบทำด้วยความอิจฉาที่กานต์สวยกว่า

        "อย่ามาทำไขสือนะ ไอ้บอลมันเป็นญาติของชั้น ชั้นได้ยินจากไอ้บอลหมดแล้ว มันบอกว่ากานต์ดาวมหาลัยชวนมันขึ้นไปบนห้อง แล้วมันก็ได้เปิดบริสุทธิ์ แถมยังบอกอีกว่ากานต์ร้อนแรงสุด ๆ ลีลายิ่งกว่ากะหรี่ข้างถนนอีก"

        อนงค์ไม่ยอมแพ้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม เสียงฮือฮาจึงดังมาจากรอบด้าน เพราะว่าบางคนก็ได้ยินข่าวลือนี้เข้าหูมาบ้าง เพียงแต่ไม่มีใครคิดเชื่อเรื่องราวน่าตลกแบบนี้ จนกระทั่งเมื่ออนงค์พูดโพล่งออกมา ทุกคนจึงค่อยคิดทบทวนเรื่องราวว่ามีมูลหรือไม่

        กานต์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งหากทว่าไม่ได้แสดงท่าทีอะไรรุนแรง แน่นอนว่าหากเธอไม่เจอกับอาร์ตเข้าก่อน เธอคงไม่ได้เตรียมใจรับเรื่องนี้จนต้องเผยอาการออกมา

        กระนั้นต่อให้เธอเตรียมการล่วงหน้า แต่หากว่าเธอไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอาร์ต กานต์เชื่อว่าเธอก็คงจะเก็บอาการไม่อยู่ เพราะว่าเธอวางให้บอลเป็นคนรัก แต่เธอในตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่าตัวเองมีอะไรกับบอล เธอสนใจอาร์ตมากกว่าจนไม่ได้คิดถึงบอลเลยด้วยซ้ำ  ตอนนี้กานต์จึงไม่รู้สึกตกใจอะไร เธอเพียงแค่รู้สึกโกรธในสิ่งที่บอลทำลงไป

        "อนงค์ เธอจะหาเรื่องชั้นยังไงชั้นก็ไม่เคยว่าอะไรนะ แต่คราวนี้เธอชักจะล้ำเส้นเล่นแรงเกินไปหรือเปล่า แล้วตกลงยังไงกันแน่ ตอนแรกเธอบอกว่าเห็นคลิปอะไรนั่น แล้วตอนนี้เธอพูดว่าได้ยินมาจากคนอื่น ตกลงคือยังไงกันแน่ ไหนเอาคลิปออกมาให้ดูหน่อยซิ"

        กานต์พูดด้วยความโกรธหงุดหงิดซึ่งปกติแล้วเธอไม่เคยแสดงอาการเช่นนี้ หากแต่การแสดงความโกรธโดยไม่แตกตื่นสับสนนี้ยิ่งทำให้คนเชื่อว่ากานต์ไม่ได้รู้เรื่องด้วย โดยเฉพาะเมื่อคำพูดของฝ่ายอรอนงค์นั้นย้อนแย้งกันเองด้วย ทุกคนจึงยิ่งเชื่อตรงกันว่าข่าวลือนี้อาจจะเป็นข่าวที่ฝ่ายอรอนงค์เจตนาสร้างขึ้นมาเล่นงานกานต์โดยเฉพาะ

        "เอ่อ ..."

        อรอนงค์โดนย้อนกลับเช่นนี้ก็ถึงกับอึ้งไป ก่อนหน้านี้เธอได้ยินข่าวลือจึงหาทางคุยกับบอลเพื่อยืนยันข่าว และเมื่อบอลยืนยันและอธิบายรายละเอียด อนงค์จึงรู้สึกเชื่อและเจตนาเอาเรื่องนี้มาเล่นงานกานต์ เพียงแต่อนงค์เลือกที่จะเล่นงานกานต์ให้ตื่นตกใจด้วยการหลอกว่ามีคลิป เพราะเธอเชื่อว่ากานต์จะต้องตกใจจนคุมสติไม่อยู่ แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น คำพูดของอนงค์จึงกลายเป็นมัดพันย้อนแย้งกันเองจนไม่น่าเชื่อถือ

        "ก็ ... ถ้าไม่จริงก็แล้วไปซิ ชั้นไปล่ะ"

        อนงค์ไม่มีทางเลือกอื่นอีก เธอฉลาดพอที่จะรู้สถานการณ์ว่าตอนนี้เธอคงทำอะไรไม่ได้ เธอจึงกล่าวลาและทำท่าจะลุกหนีออกจากโต๊ะ หากทว่าสาวร่างท้วมเพื่อนของกานต์กลับพุ่งปราดเข้ามาคว้าจับข้อมือของอนงค์เอาไว้อย่างแน่นหนาเสียก่อน

        "เดี๋ยว ... อนงค์ นี่หล่อนจะเข้ามาพูดโกหกสร้างเรื่องใส่ความแล้วจะทำเนียนกลับไปเฉย ๆ งั้นเหรอ อย่างน้อยก็ต้องพูดขอโทษกานต์เพื่อนของชั้นสักหน่อยนะ"

        "ปล่อยชั้นนะ ยายหมูตอน ไม่งั้นล่ะมีเรื่องแน่"

        "อ๋อ เหรอ ชั้นก็อยากมีเรื่อง เอาซิจะเอาไงกันล่ะ ตบกันเลยดีหรือเปล่า ถ้าหล่อนไม่ยอมขอโทษล่ะก็เราได้ตบกันแน่"

        สาวร่างท้วมกล่าวพร้อมกับแยกเขี้ยวยิงฟัน มือที่อวบอ้วนนั้นเงื้อทำท่าจะสะบัดใส่อรอนงค์ได้ทันทีเหมือนไม่เกรงกลัวอะไร และเป็นอรอนงค์เองที่ตื่นตกใจกลัวจนหน้าซีด อนงค์แสดงท่าทีหวาด ๆ ออกมาอย่างเห็นได้ชัด และในสุดท้ายอนงค์ก็หันไปมองกานต์แล้วส่งเสียงออกมาแผ่วเบาว่าขอโทษ

        สาวร่างท้วมเห็นเช่นนั้นก็ไม่รู้สึกยินยอม แต่กานต์ไม่อยากให้มีเรื่องมีราวมากความ กานต์จึงขอร้องให้เพื่อนสาวร่างท้วมหยุดมือ อนงค์จึงค่อยสามารถสะบัดมือหลุดแล้วเดินย่ำเท้าจากไปด้วยความคับแค้น หากแต่ความคับแค้นใจนี้คงจะไปลงที่บอลผู้เป็นญาติของเธอก่อนเป็นอันดับแรก

        ภายหลังจากที่อรอนงค์จากไป ทุกสิ่งก็กลับไปสงบเช่นเดิม ข่าวลือที่กำลังสะพัดในมหาวิทยาลัยถูกเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ภาพลักษณ์ของกานต์ยังคงเป็นนักศึกษาสาวสวยแสนหวานขี้อายเช่นเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

        กานต์แอบถอนหายใจโล่งอกเงียบ ๆ เธอรู้ว่าเธอทำสำเร็จแล้วในขั้นแรก ที่เหลือก็แค่ห้ามไปแสดงท่าทีอะไรกับบอลให้คนอื่นรู้ ซึ่งเธอคิดว่าคงไม่ยากลำบากอะไรนัก เพราะว่าตอนนี้ในหัวของเธอนั้นมีแต่อาร์ตยามหนุ่มสุดหล่อจนแทบไม่มีที่ว่างให้บอลแม้สักเศษเสี้ยว

        ตลอดทั้งบ่ายวันนั้น กานต์เอาแต่นั่งอมยิ้มมีความสุขทั้งวันจนเรียนไม่รู้เรื่อง ความรู้สึกอึดอัดต่ำต้อยที่โดนนำไปเปรียบเทียบกับพี่แก้วมาตั้งแต่เด็กหายไปจนรู้สึกโล่งสุขสบาย อีกทั้งในตอนนี้เธอมีแต่จินตนาการวาบหวามกับอาร์ต

        เธอยังพยายามครุ่นคิดหาข้ออ้างเพื่อจะไปนอนค้างกับอาร์ตทั้งคืน เธอได้แต่หวังว่าจะสามารถหาข้ออ้างไว้หลอกพี่สาวของเธอได้ และเวลานี้เธอกำลังรู้สึกแอบภาคภูมิใจเล็ก ๆ ในเรื่องนี้ อย่างน้อยเธอก็มีอีกหนึ่งเรื่องที่ชนะพี่สาว เธอมีแฟนได้ก่อนพี่สาวคนเก่งของเธอ

       

        ..............................................

       

        ผกายแก้ว ยืนสง่าโดดเด่นราวกับเดือนในหมู่ดาวท่ามกลางผู้คนมากมาย เรือนกายสวยผุดผาดประหนึ่งกะหลาบงามสีขาวนั้นกลายเป็นจุดรวมสายตาของหนุ่มน้อยใหญ่ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงสัมมนาในโรงแรมห้าดาวแทบตลอดเวลา และแน่นอนว่าสายตาเหล่านั้นย่อมมิได้มองดูด้วยความชื่นชมบริสุทธิ์ใจนัก หากทว่าต่างแอบแฝงความคิดครอบครองของเพศชาย ไม่มีใครไม่ชื่นชอบอยากครอบครองสาวงาม โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยโดดเด่นราวกับนางฟ้าที่ร่วงหล่นลงจากสรวงสวรรค์แบบผกายแก้ว

        แก้วในวันนี้สวมใส่เสื้อผ้าแบบนักธุรกิจหญิงที่ไม่ได้รัดกุมเกินไปและไม่ได้เปิดเผยเกินไป เธอสวมเสื้อสูทรัดรูปสีดำปิดทับด้านนอก ข้างในนั้นมีเสื้อสีขาวที่กลืนไปกับผิวกาย ในขณะที่ด้านล่างนั้นเป็นกระโปรงสีดำสั้นอวดเรียวขาวขาวเพรียวและรองเท้าส้นสูงสีดำ ความสวยที่โดดเด่นนี้ทำให้ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบน่ามอง

        ริมฝีปากบางที่ทาลิปสติกสีแดงสดนั้นเผยอเผยรอยยิ้มสดใสที่สามารถหลอมละลายหัวใจของชายหนุ่ม ยิ่งมองควบคู่ไปกับใบหน้าที่สวยหวานและเรือนร่างโค้งเว้าเร้าใจแล้ว วงล้อมสนทนาที่มีแก้วเป็นจุดศูนย์กลางก็ยิ่งดึงดูดหนุ่มน้อยหนุ่มใหม่ให้เข้าหามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครสามารถต้านทานเสน่ห์อันร้อนแรงได้

        นอกจากความสวยงามของใบหน้า และเรือนกายอันงดงามแล้ว ทุกท่วงท่าของผกายแก้วล้วนแล้วแต่เปี่ยมไปด้วยกิริยาน่ามองเหมือนนางพญาหงส์ แต่ที่เสริมเน้นให้ความงามเหล่านี้โดดเด่นก็คือความฉลาดเฉลียวในคำพูดคำจา ไม่ว่านักธุรกิจรอบด้านจะพูดเรื่องอะไร หญิงสาวที่สวยผุดผาดหยาดฟ้ามาดินก็สามารถพูดคุยสนทนาให้คำตอบที่น่าสนใจได้อย่างกลมกลืนน่าฟัง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใช่หญิงสาวสวยที่ไร้สมอง หากทว่ามีทั้งความสวยและความฉลาดควบคู่กันไปทั้งสองด้าน

        นอกจากความสวยและเก่งแล้ว แก้วยังมีชาติตระกูลที่ไม่น้อยหน้าใคร อีกทั้งฐานะการงานในปัจจุบันยังเป็นผู้บริหารดาวรุ่งอายุน้อย อนาคตของเธอจึงแลดูสดใสประหนึ่งดวงอาทิตย์ยามเช้า จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ฐานะสูงส่งในสังคมจำนวนมากมายพยายามเข้ามาเชื่อมไมตรีสร้างความสัมพันธ์

        ผกายแก้วไม่ได้ตื่นตระหนกขัดเขิน หากทว่าตอบโต้สนทนาด้วยท่าทีอันเหมาะสม ยามเมื่อเธอยิ้มส่งเสียงหัวเราะขบขัน วงสนทนาก็พากันส่งเสียงเฮฮาครื้นเครงขึ้นมา ยามเมื่อเธอกล่าวเป็นการเป็นงานเรื่องธุรกิจ วงสนทนาก็พากันพยักหน้าครุ่นคิดชื่นชม ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างก็ยิ่งกระสันอยากครอบครองเรือนกายแสนงดงามของผกายแก้วจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่

        อย่างไรก็ตามแก้วกลับไม่ได้แสดงท่าทีสนใจใครเป็นพิเศษ ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะยิ้มแย้มเป็นมิตร แต่เธอก็ขีดเส้นกั้นเอาไว้อย่างมีมารยาท เธอไม่เปิดโอกาสให้ใครข้ามเส้นกั้นเข้ามาได้ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่พยายามแจกขนมจีบจึงได้แต่พากันผิดหวังเสียดาย จวบจนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงบ่ายสอง ผกายแก้วจึงได้โอกาสขออนุญาตออกจากวงสนทนา เนื่องจากหมดเวลางานสัมมนาแล้ว

        เรือนร่างงดงามที่ยั่วน้ำลายบุรุษเพศนั้นเดินออกจากห้องจัดงานสัมมนาด้วยท่าทีนุ่มนวล ก่อนจะแวะเข้าไปทำธุระในห้องน้ำหรูหราโอ่อ่าสมฐานะของโรงแรมห้าดาว เธอยืนอยู่หน้ากระจกมองดูใบหน้าสวยงามของตนเองที่แดงซ่านเนื่องจากไวน์ราคาแพง เธอยืนครุ่นคิดเหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งส่งเสียงทักมาจากด้านข้าง

        "ไงจ๊ะ ผกายแก้ว วันนี้เธอก็ทำตัวเด่นเหมือนเคยซินะ เป็นไงบ้างล่ะ วันนี้หลอกผู้ชายได้แล้วกี่คน"

        แก้วเหลือบตามองหญิงสาวเจ้าของเสียงจิกกัดผ่านทางกระจกเงา เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายคล้ายหงุดหงิดรำคาญ เนื่องจากอีกฝ่ายนั้นคือคู่อริอันแสนคุ้นเคยจากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน และเรื่องบาดหมางระหว่างทั้งคู่ก็คือผกายแก้วนั้นสวยโดดเด่นและเก่งกว่าอีกฝ่าย อีกฝ่ายจึงพยายามตอแยหาเรื่องตลอดมา

        "วันนี้เธอมางานสัมมนานี้ด้วยเหรอจ๊ะกนกกร ไม่ทันสังเกตเห็น เธอเลย แอบไปยืนหลบอยู่ตรงไหนมาล่ะ"

        ผกายแก้วไม่เหมือนกานต์น้องสาวคนรองที่พยายามเลี่ยงปัญหา เธอไม่ได้ชอบหาเรื่องใคร แต่ว่าหากใครมาหาเรื่องแล้วล่ะก็ แก้วจะสวนกลับไปด้วยความรุนแรงที่เทียบเท่ากันหรือแรงกว่า

        ประโยคอันเย็นชาของแก้วนั้นหากพูดกับคนอื่นคงไม่มีผลอะไรมากนัก หากทว่าสำหรับกนกกรซึ่งไม่ชอบความพ่ายแพ้แล้วกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เธอรู้สึกริษยาแก้วมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย แม้แต่ในงานสัมมนาครั้งนี้เธอก็เต็มไปด้วยความริษยาที่แก้วเป็นดาวเด่นในงาน ส่วนเธอนั้นโดนกีดกันออกไปอยู่ในมุมที่ไม่มีใครใส่ใจ และนั่นคือสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

        กนกกรนั้นจัดเป็นสาวสวยคนหนึ่ง เธอเก่งทั้งวิชาการและการกีฬา รูปร่างหน้าตาทำให้เธอสามารถเป็นนางแบบได้สบาย และกนกกรอาจจะได้ตำแหน่งดาวเด่นในรั้วมหาวิทยาลัย ถ้าหากไม่มีผกายแก้วที่สวยโดดเด่นและเก่งกว่าในทุกด้านเข้าไปประชันขันแข่ง ด้วยเหตุนี้กนกกรจึงรู้สึกริษยาแก้วจนถึงกระดูกดำ ทั้งที่แก้วไม่เคยไปทำอะไรให้เธอมาก่อน

         "พี่สาวว่าร้ายแล้ว แต่ได้ข่าวว่าน้องสาวของเธอก็ไม่เบาเลยนะ ชื่ออะไรนะกานต์ใช่หรือเปล่า ล่าสุดได้ข่าวว่าน้องสาวของเธอน่ะชวนผู้ชายที่ไม่รู้จักขึ้นห้องกลางวัน ๆ แสก ๆ ไม่ยอมไปเรียนเชียวนะ เชื้อร่านแบบนี้ไม่ทิ้งแถวเธอเลยนะผกายแก้ว"

        กนกกรเลือกที่จะไม่พูดจุดอ่อนของเธอ ถึงแม้จะเจ็บแค้นที่อีกฝ่ายโดดเด่นกว่าแต่ก็ยังเลือกที่จะเก็บเอาไว้ในใจ ในเวลานี้เธอไม่มีเรื่องให้โจมตีแก้ว เธอจึงเลือกโจมตีไปทางกานต์น้องสาวของแก้ว และข้อมูลที่เธอโจมตีนั้นก็ได้รับมาจากน้องสาวของเธอเอง ซึ่งก็คืออรอนงค์คู่อริของกานต์นั่นเอง เรียกได้ว่าทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องต่างก็ตกเป็นอริกันและกันราวกับสวรรค์กำหนดเอาไว้

        "ท่าทางเธอจะตกข่าวนะจ๊ะนก เมื่อกลางวันน้องสาวของเธอที่ชื่ออรอนงค์เพิ่งจะหน้าแตกกลางโรงอาหารไม่ใช่เหรอ มีคนถ่ายคลิปเอาไว้ด้วยนะเธอดูหรือยัง ช่องแชทของมหาลัยก็กำลังประณามอรอนงค์เสียยกใหญ่ โทษฐานที่สร้างเรื่องกุเรื่องขึ้นมาใส่ร้ายกานต์ แบบนี้ซินะที่เรียกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว"

        แก้วเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเหยียด ๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงขบขัน ถึงแม้เธอจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เธอก็ยังมีรุ่นน้องและเพื่อนในมหาลัยอยู่บ้าง เธอจึงรับทราบข่าวสารเรื่องราวประเด็นร้อนในรั้วมหาวิทยาลัยได้ตลอดเวลา และเรื่องที่อรอนงค์ไปหาเรื่องกานต์กลางโรงอาหารนั้นก็กำลังเป็นประเด็นร้อนแรง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปทางการประณามหยามเหยียดอรอนงค์เสียมากกว่า

        โดนเล่นด้วยไม้นี้เข้าไปกนกกรก็ถึงกับนิ่งอึ้งหน้าเสีย กนกกรเองก็มีเส้นสายติดตามข่าวในมหาวิทยาลัยและรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นดี เธอย่อมทราบว่าน้องสาวของตัวเองโดนตอกกลับจนหมอไม่รับเย็บ เพียงแต่เมื่อครู่เธอแค่อยากทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าโดยไม่ทันคิดว่าจะโดนตอกกลับ และผลก็คือเธอกลายเป็นฝ่ายโดนเล่นงานกลับจนหน้าเสียเอง

        "เฮอะ"

        กนกกรไม่มีอะไรจะเล่นงานแก้วอีก เธอจึงส่งเสียงสะบัดหน้าแล้วเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้องน้ำด้วยอารมณ์ขุ่นข้อง เหลือแต่เพียงแก้วที่ยืนถอนหายใจส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยหน่ายอยู่ในห้องน้ำเพียงลำพัง

        "เฮ้อ พอกันเลย ทั้งพี่ทั้งน้อง แล้วทำไมทั้งเราทั้งกานต์ต้องดวงซวยมาเจอพี่น้องขี้อิจฉาคู่นี้ด้วยล่ะเนี่ย น่าเบื่อจริง ๆ เลย ... เอ๊ะ โทรศัพท์มือถือของใครกัน"

        แก้วส่งเสียงบ่นอุบ ก่อนจะทำการเก็บตลับแป้งใส่กระเป๋าสะพาย หากทว่าก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องน้ำนั้น แก้วก็สังเกตเห็นโทรศัพท์มือถือสีทองที่วางอยู่หน้ากระจกตรงตำแหน่งที่คู่อริของเธอเพิ่งเดินจากไป แก้วจึงคิดว่าน่าจะเป็นของนก และเมื่อเธอมองดูภาพบนหน้าจอเธอก็ยิ่งแน่ใจว่านั่นคือของนก เนื่องจากเป็นรูปของนกเด่นหราอยู่บนนั้น

        แรกสุดนั้นแก้วไม่อยากแตะโทรศัพท์ของนกเพราะรังเกียจ เธอคิดจะรอให้นกกลับมาหยิบไปเอง หรือหากโดนคนอื่นขโมยไปก่อนก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรสนใจ หากทว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของแก้วก็คือ เธอพบว่าโทรศัพท์ของนกนั้นไม่ได้ใส่รหัสป้องกันหน้าจอ และนั่นหมายความว่าแก้วสามารถที่จะเปิดเครื่องแล้วลองค้นหาข้อมูลคู่อริของเธอได้อย่างที่อยากจะทำ

        แก้วแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย เธอมองซ้ายมองขวาก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือสีทองใส่กระเป๋าถือตัวเองแล้วเดินออกจากห้องน้ำ เธอเดินลงไปที่ชั้นจอดรถใต้ดินของโรงแรม และเมื่อเข้าไปนั่งในรถส่วนตัวแล้ว เธอจึงค่อยหยิบเอาโทรศัพท์มือถือสีทองขึ้นมาสำรวจดูด้วยความสนใจ

        โทรศัพท์เครื่องนี้ดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจนักในคราวแรก แก้วไม่ได้เจอข้อมูลอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษ จนกระทั่งเมื่อเธอเปิดโปรแกรมสนทนาขึ้นมาอ่าน เธอจึงค่อยหยุดชะงักขมวดคิ้วด้วยความไม่อยากเชื่อ เพราะจากที่เธอลองสุ่มอ่านแล้ว เธอพบว่านกนั้นมีการสนทนากับผู้ชายอยู่สามคนเป็นหลัก

        บทการสนทนาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวสื่อไปทางการขายบริการทางเพศ หรือไม่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่าง เช่นการตกลงสัญญาทางการค้า แก้วอ่านเพียงครู่เดียวก็สามารถสรุปเรื่องราวออกมาได้ ผู้ชายสองคนนั้นเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการที่แก้วรู้จัก เพียงแต่ทั้งคู่อายุอานามปาเข้าไปห้าสิบกว่าแล้ว และจากบทสนทนาทำให้ทราบว่านกใช้ร่างกายเพื่อเอาใจแลกกับข้อตกลงทางธุรกิจ

        นอกจากนี้นกยังมีบทสนทนากับชายอีกคนที่ดูเหมือนจะอายุใกล้กันเพราะเพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ แต่อีกฝ่ายดูจะเป็นลูกของมหาเศรษฐีคนหนึ่ง และชายคนนี้มีสถานะเหมือนเสี่ยเลี้ยงให้เงินนกเป็นรายเดือน โดยแลกกับร่างกายของนกนั่นเอง

        แก้วพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความไม่อยากเชื่อ เธออาจจะไม่ชอบหน้านกมากนัก แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่านกจะตกต่ำจนถึงขั้นนี้ หากทว่าหลักฐานในการสนทนานี้ชัดเจนเกินไปจนแก้วต้องยอมเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อแก้วได้เปิดดูคลิปลับที่เก็บไว้ในโทรศัพท์ด้วยตาตนเอง

        เสียงครางกระเส่าของนกดังออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์มือถือ ภาพบนหน้าจอในเวลานี้คือใบหน้าอันบิดเบี้ยวเหยเกมีความสุขของนก ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของนกกำลังยืนโก้งโค้งอยู่หน้ากระจกเงา มีร่างกำยำของชายหนุ่มกำลังโหมกระหน่ำกระแทกใส่จากด้านหลัง เพียงแต่น่าเสียดายที่มุมกล้องนี้ไม่เห็นใบหน้าของผู้ชาย แก้วจึงเห็นแค่เพียงร่างกำยำกระตุ้นอารมณ์สาว

        แก้วรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขณะมองดูคลิปลับแสนร้อนแรงนี้ นกโดนกระเด้าจากด้านหลังด้วยอารมณ์กลัดมันหนักหน่วง สีหน้าและเสียงร้องของนกนั้นเต็มไปด้วยความสุข เต้านมขนาดพอดีมือโดนบีบทึ้งจนบิดเบี้ยว จากมุมนี้แก้วมองไม่เห็นส่วนนั้นของชายหนุ่ม แต่ว่าเพียงแค่นี้ก็สร้างความรุ่มร้อนให้เธอขึ้นมาได้อย่างง่ายดายแล้ว

        สาวสวยกลืนน้ำลายลงคอดังอึก เธอดูคลิปนี้จนจบแล้วทำการปลดกระดุมถอดเสื้อสูทออกด้วยความอึดอัดคับข้อง จากนั้นเธอจึงขยับนั่งพิงกับเบาะคนขับแล้วเปิดดูคลิปอื่นซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

        ทุกคลิปนั้นจะไม่เห็นใบหน้าของฝ่ายชายเหมือนเขาไม่อยากให้นกถ่ายเอาไว้ คลิปแรกคือฉากนกโดนกระแทกจากด้านหลังตรงกระจกเงา คลิปที่สองนกเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมขย่มใส่แก่นกายยาวใหญ่ คลิปที่สามนกกำลังใช้ปากดูดดมอมเลียให้ชายหนุ่ม คลิปที่สี่นั้นเห็นแค่ภาพแก่นกายยาวใหญ่วิ่งเข้าวิ่งออกร่องสวรรค์ ซึ่งแม้จะไม่เห็นหน้าของสองฝ่ายแต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นฉากการร่วมรักของนกกับชายคนเดิม

        แก้วเบิกตากว้างขณะกำลังมองดูคลิปที่ห้า เพราะว่าคลิปนี้นอกจากจะมีกนกกรเป็นนางเอกแล้ว ยังมีดารารับเชิญอย่างอรอนงค์ซึ่งเป็นน้องสาวมาร่วมด้วยอีกคน และเวลานี้ทั้งคู่กำลังช่วยกันใช้ปากและลิ้นบริการให้แก่นกายยาวใหญ่ของชายหนุ่ม

        ดูถึงตรงนี้แก้วก็รีบกดปิดเครื่องด้วยใบหน้าแดงก่ำ เธอหอบหายใจปล่อยลมร้อนออกมาเนื่องจากอารมณ์กำลังพลุ่งพล่านปั่นป่วน เมื่อคืนที่ผ่านมานั้นภาพวาดของยามหนุ่มทำให้เธอปั่นป่วนจนนอนแทบไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้ได้เห็นคลิปสด ๆ ร้อน ๆ อารมณ์ของแก้วก็ยิ่งปั่นป่วน อารมณ์ร้อนแรงนั้นทำให้เธอนึกถึงยามหนุ่มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แก้วรู้สึกเหมือนอารมณ์ของตัวเองยิ่งมาก็ยิ่งรุนแรงจนแทบจะคุมไม่อยู่มากขึ้นทุกที

        สาวสวยขับรถออกมาจากโรงแรมห้าดาวโดยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เวลานี้เธออยากระบายความอัดอั้นแสนทรมานนี้ออกไป แต่ปัญหาใหญ่ก็คือแก้วยังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้กับใครมาก่อน เธอจึงรู้สึกลังเลไม่แน่ใจ กระนั้นสุดท้ายแล้วแก้วก็ตัดสินใจหยิบเอาสมุดวาดรูปขึ้นมามองดูขณะที่รถติดไฟแดงตรงทางแยก เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็กดโทรตามเบอร์โทรศัพท์ที่เขียนกำกับเอาไว้บนด้านหน้าสมุดวาดรูปเล่มนั้น

เวปส่วนตัว - http://www.novel008.com
Discord - https://discord.gg/DkT2Mf8q

ano


pj4105

ขอบคุณครับ  อิจฉาพระเอกจริงๆ คนต่อไปก็พี่สาว  น้องคนสุดท้องก็ไม่น่ารอดนายอาร์ต


dwarf

ขอบคุณครับ..ชักเริ่มอิจฉาอาร์ต แล้ว

sofee

ขอบคุณครับ รอมานานเลยครับ
เข้ามาเช็คทุกวันเลย

br007

ขอบคุณนะครับ

เสี่ยคนนั้นเป็นพี่อาร์ตหรือเปล่าน้อ

kizzies


ttxluck

ขอบคุณครับ นายอาร์ตโชคดีจริงได้กับน้องสาวแล้ว และกำลังจะได้กับพี่สาวอีกคน


h-man

เขียนแนวนี้น่าสนใจมากครับ
ติดตามงานของท่านแอสมานาน
ถึงตอนนี้งานของท่านแอสพัฒนาไปไกล
เขียนได้หลากหลายแนวมาก
การมีบทพระนางบ่อยๆอาจหวือหวา
แต่เนื้อเรื่องประกอบและบทสนทนาดีๆเป็นอะไรที่ทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้ดีขึ้น
ขอบคุณงานดีๆที่มีมาอย่างต่อเนื่องนะครับ

::Thankyou::

automilo

มาใวๆหน่อยน่ะครับ เรื่องนี้สนุกมาก ขอบคุณครับ

akine


olemantu

ดาร์ค ๆหน่อยก็ดีเหมือนกันครับ ชีวิตจริง ๆ ตอนนี้ผู้คนก็ดาร์ค หรือเทา ๆ กันอยุ่แล้ว

navy868

ขอบคุณครับ...ชีวิตจริงมีทั้งขาวและดำ ผสมรวมกันแล้วกลายเป็นสีเทาๆ ...แนวนี้รับได้ครับ