ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 19 ความลับที่ถูกเปิดเผย

เริ่มโดย zeech, ตุลาคม 02, 2016, 03:50:18 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

zeech



เมื่อเห็นว่า ลี่จิน หลับลงแล้วมันก็จุมพิตลงที่หน้าผากของนาง
แล้วพลิกร่างหันมาทาง ฮุ่ยหนิง ที่นอนนิ่งอยู่ ดวงตาทั้งสองของนาง
มองตรงมายังมันและลี่จิน หากนางมีสติเป็นปกติก็คงต้องรับรู้
กระบวนท่าร่วมรักของมันกับลี่จิน แล้วสำนึกได้ว่าถึงคราวของนางเข้าแล้ว

เฟยอี้จ้องมองใบหน้าของ ฮุ่ยหนิงอย่างใกล้ชิดอยู่เนิ่นนาน แล้วเริ่มลูบไล้ไปตาม
ส่วนต่างๆบนเรือนร่างของนาง  มันจุมพิตลงบนริมฝีปากของนางอย่างบรรจง
แล้วโลมเลียไล่ลงมาบนทรวงอก  จนใบหน้าของมันสัมผัสก้บเต้าถันที่เต่งตึง
มือทั้งสองของมัน ก็ตรงเข้าลูบคลำบีบเค้นทั้งสองเต้าในเวลาเดียวกัน   
ยอดถันทั้งสองของนางถูกมันใช้นิ้วบดบี้  แล้วอ้าปากงับยอดถันสลับไปมาพร้อมกับ
ดูดกินอย่างหิวกระหาย

มันวุ่นวายอยู่กับทรวงอกของนางอยู่ครู่หนึ่ง จึงดันร่างของนางให้นอนหงาย
ขาข้างหนึ่งของมันยกขึ้นเกยทับร่างของนางไว้  จนลำแก่นกายอันแข็งเกร็งของมัน
สัมผัสอย่างแนบแน่นกับโคนขาของนาง แล้วถูไถเสียดสีอย่างแนบชิดคล้ายดังว่า
ต้องการจะหลอมรวมกัน 

จากนั้นมันก็ใช้ขาของมันดันเรียวขาทั้งสองของนางให้เปิดอ้าออก ส่งผลให้เนินสวาทของนาง
เบ่งบานออกมาอย่างเปิดเผย มือของมันเข้าเกาะกุมคลึงเค้นอยู่ที่เนินสวาทนั้น นิ้วมือของมัน
เขี่ยติ่งสวาทของนางให้โอนเอนไปมา  สลับกับกดปลายนิ้วบี้บดลงไป  มันต้องการกระตุ้นให้นางเกิด
การตื่นตัวเพื่อเรียกพลังชีวิตให้ฟื้นคืน

มันทำเช่นนั้นอยู่เพียงครู่  ร่องสวาทของนางก็เริ่มเกิดความฉ่ำเยิ้ม  มันจึงคิดหาวิธีที่จะกระตุ้นนาง
ให้หนักหน่วงขึ้น  จึงหยิบกระดิ่งขึ้นมาสั่น แล้วพูดขึ้นว่า

"ฮุ่ยหนิง    เจ้านั่งคร่อมลงบนหน้าอกข้า"

สิ้นคำของมัน ฮุ่ยหนิงก็ยันกายลุกขึ้นยืนบนเตียงนั้น หันใบหน้าไปหามัน นางยกขาข้างหนึ่ง
คร่อมร่างของมันไว้ แล้วนั่งลงบนแผงอกของมัน

เฟยอี้เบิกตากว้าง เพ่งมองหว่างขาของนางที่อ้าออกอยู่บนหน้าอกของมัน  กลีบสวาททั้งสองของนาง
แย้มเปิดออกจนมองเห็นติ่งน้อย สีชมพูระเรื่อได้อย่างชัดเจน   มันจ้องมองดูอยู่อย่างเนิ่นนานแล้ว
จึงสั่นกระดิ่งอีกครั้ง


" เลื่อนเนินสวาทของเจ้ามาที่ปากของข้า"


ฮุ่ยหนิงเลื่อนกายเข้ามา แล้วคุกเข่าลงคร่อมส่วนลำคอของมัน นางแอ่นเนินสวาทของนางออกมา
จนเกือบชิดกับปากของมัน

ร่างของฮุ่ยหนิง หยุดนิ่งในท่าแอ่นเนินสวาทคร่อมอยู่บนปากของมัน  ร่องสวาทของนางห่างจากปากมัน
เพียงแค่คืบ  เฟยอี้จ้องมองเนินสวาทที่เปิดอ้าอยู่ตรงหน้ามันอยู่ครู่หนึ่ง  แล้วผงกศรีษะขึ้น ใช้ลิ้นโลมเลีย
ชอนไชไปตามกลีบสวาททั้งสองข้าง แล้วโลมเลียร่องสวาทของนางจนทั่วบริเวณ  ลิ้นของมันบางครั้งระรัวถี่
บางครั้งลากไปมาด้วยความเนิบนาบ เชื่องช้า   

ทุกครั้งที่ปลายลิ้นของมัน ระรัวที่ติ่งสวาท ร่างของนางก็จะสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย นิ้วมือ และนิ้วเท้า
ของนางเริ่มมีการเคลื่อนไหว จนสังเกตเห็นว่านิ้วมือเหล่านั้นจิกลงและแข็งเกร็ง

ฮุ่ยหนิงเริ่มรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่าง มันแผ่ซ่านจากหว่างขาของนางขึ้นมา  จนหลายครั้ง
นางถึงกับสูดอากาศเข้าไปในปากจนเกิดเสียงดังขึ้น  ในความรู้สึกของนางมันคล้ายดังว่าอยู่ในความฝัน

และแล้วนางก็รู้สึกถึงความเสียวซ่านบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แล่นขึ้นมาดุจดังระลอกคลื่น
ไม่รู้จักจบสิ้น ในความฝันนั้นนางได้ร้องเสียงดังออกมาระบายความซ่านเสียวที่ได้รับอยู่ตลอดเวลา

เฟยอี้กำลังระรัวลิ้นอย่างเร็วถี่ไปที่ติ่งน้อยจนไหวโอนเอนไปมา
ครั้นเฟยอี้ หยุดลิ้นมันลง เปลี่ยนมาเป็นโลมเลียอย่างเชื่องช้า นางก็รู้สึกว่าเหมือนถูกยั่วยุ
ให้นางเกิดความต้องการเช่นเดิมอีก  จนร่างของนางต้องแอ่นเนินสวาทร่อนเข้าหาปากของมัน
ทั้งที่นางเองก็ยังไม่รู้สึกตัว

เฟยอี้เห็นอาการของนางเป็นเช่นนั้น ก็รู้ว่าการกระทำของตนนั้นได้ผล ก็ยิ่งเพิ่มความหนักหน่วง
และความรวดเร็วในการโลมเลียหนักขึ้น จนนางหลั่งความฉ่ำเยิ้มออกมาจนท่วมท้น 

แล้วในที่สุดมันก็งับปากของมัน ดูดกินติ่งน้อยของนางอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง

ร่างของฮุ่ยหนิง สะดุ้งสุดตัว หน้าท้องนางแข็งเกร็ง ปลายนิ้วมือและเท้าหงิกงุ้มลง ใบหน้าของนาง
เริ่มมีอาการบิดเบี้ยว แล้วเผยอริมปากอ้ากว้างออกมาเอง บั้นเอวของนางพยายามส่ายหนี
ความซ่านเสียวที่กำลังได้รับ

เฟยอี้เห็นอาการเช่นนั้น ก็ใช้สองมือของมันยึดช่วงเอวอันคอดกิ่วของนางไว้ไม่ให้จากไป
แล้วดูดกินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

พลันดวงตาทั้งคู่ของนางก็กลับมาเคลื่อนไหว แล้วเบิกกว้างขึ้น  พร้อมกับปล่อยเสียงครางดังออกมา
อย่างสุดเสียว

"อ๊ายยยยยยยยย...........อ๊ายยยยยยยยย...........  ไม่ไหวแล้ว ..ซี๊ดดดดดดดด........
....อูยยยยย...........เสียว....เสียวเหลือเกิน..........."


เฟยอี้เห็นนางได้สติตื่นฟื้นคืนมาเช่นนั้นก็ตกใจ  รีบรวบรัดร่างของนางให้นอนลงอย่างรีบเร่ง
แล้วจ่อแก่นกายของมันถูไถขึ้นลงตามร่องสวาทเตรียมดันแก่นกายของมันให้มุดเข้าไปในร่างของนาง

ฮุ่ยหนิงตื่นฟื้นขึ้นมา ด้วยความเสียวซ่านอย่างที่สุด  จนนางต้องร่ำร้องและส่ายเอวไปมา
ครั้นสติตื่นฟื้นมาโดยสมบรูณ์ มองเห็นร่างของตน นั่งคร่อมอยู่บนใบหน้าคนผู้หนึ่ง 
ยังมิทันที่จะได้กล่าวสิ่งใด  คนผู้นั้นก็รวบร่างของนางให้นอนลง แล้วเอาแก่นกายของมันถูไถ
กับร่องสวาทของนางอย่างสุดเสียว  นางล่วงรู้ทันที่ว่าสิ่งใดจะบังเกิดขึ้นกับนาง
จึงยกแขนทั้งสองขึ้นดันร่างมันไว้ไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในร่างของนาง 

แต่สายเกินไป เฟยอี้ใช้มือทั้งสองคว้าจับเอวที่คอดกิ่วของนั้น แล้วดันแก่นกายอันแข็งเกร็งของมัน
จมหายไปในร่องสวาทของนางจนมิด

"อย่า.....ท่านคือผู้ใด.....อย่าาา..โอ้วววววววววว........................................."

จากนั้น เฟยอี้ก็ส่ายบั้นเอวบดคลึงแก่นกายของมันให้ควงคว้านอยู่ในโพรงสวาทอยู่ไปมา
สร้างความซ่านเสียวให้บังเกิดกับ ฮุ่ยหนิงอย่างที่สุด จนนางแอ่นร่างตามติดการส่ายของเฟยอี้
อยู่ไปมา

"..ซี๊ดดดดด......อืมมมมมม............................ซี๊ดดดดด................."


แล้วมันก็เริ่มขยับบั้นเอว เข้าออก อย่างเนิบนาบ เพ่งมองใบหน้าของฮุ่ยหนิงแล้วยิ้มให้อย่าง
อ่อนหวาน

ฮุ่ยหนิง มิกล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางเพ่งมองดูใบหน้ามันทั้งที่ยังส่งเสียงครางอยู่ ครั้นพอเห็น
มันยิ้มให้นางก็ปิดเปลือกตาลงอย่างละอาย  ความสุขจากสัมผัสของมันทำให้นางมิอาจตัดใจขัดขืน 
ทุกครั้งที่แก่นกายของมันถูกดันเข้ามาในร่างของนาง  นางก็ต้องถึงกับส่งเสียงครางรับออกมาทุกครั้ง


" ซี๊ดดด........................อ้าาาา................ซี๊ดดดด.....................อ้าาาา........."


ทันใดนั้น มันก็ขยับแก่นกายเข้าออก เร็วขึ้น และแรงขึ้น

" ตั้บ ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....."

" ซี๊ดดด......อ้าาา...ซี๊ดดด.....อ้าาา....ซี๊ดดด......อ้าาา...ซี๊ดดด.....อ้าาา......."


โพรงสวาทของ ฮุ่ยหนิง ตอดรัดแก่นกายมันอย่างรุนแรง เป็นจังหวะ มันจึงคิดหาวิธีมีชัย
ต่อศึกครั้งนี้ ก่อนที่มันจะพ่ายแพ้  มือทั้งสองของเฟยอี้ ยึดเอวที่คอดเว้าของ ฮุ่ยหนิงไว้อย่างแนบแน่น
แล้วเคลื่อนร่างเข้าใกล้ฮุ่ยหนิงจนเกือบแนบชิด มันเร่งจังหวะบั้นเอวของมันจนเร็วถี่ 

ฮุ่ยหนิง ถึงกับอ้าปาก ร้องเสียงดังกระชั้นถี่ ตามจังหวะที่ถูกกระแทกกระทั้น มือทั้งสองลูบไล้
ทรวงอกของตนเองอย่างลืมตัว

" โอ้วว...ซี๊ดดด....โอ้วว...ซี๊ดดด....โอ้วว...ซี๊ดดด....โอ้วว...ซี๊ดดด....โอ้วว...ซี๊ดดด...."


โพรงสวาทของนางตอดรัดแก่นกายของมันรุนแรงขึ้น  จนมันใกล้จะสิ้นสุดความอดทน 
มันจึงหยุดจังหวะกระแทกกระทั้นลง  ดันแก่นกายของมันจนแนบแน่นกับ เนินสวาทของนาง
แล้วส่ายบั้นเอว ให้แก่นกายของมันควงคว้านอยู่ไปมา

ฮุ่ยหนิงถูกจู่โจมด้วยท่วงท่านี้ นางก็ถึงกับแอ่นเนินสวาทยกสูงขึ้น แล้วนิ่งค้าง
ส่งเสียงครางดังยาวออกมา

"อู้ววววววววววววววววว............................อ้าาาาาา....."


ฮุ่ยหนิง เสียวซ่านจนถึงจุดสูงสุด ในครั้งแรกของชีวิต  นางหลับตาพริ้มลงอย่างดื่มด่ำกับความสุข
ที่ได้รับ แล้วผ่อนลมหายใจยาวออกมา

เฟยอี้เห็นเช่นนั้น ก็ทราบว่ามันมีชัยต่อนางแล้ว จึงหันกลับมาเร่งจังหวะซอยถี่อย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

" ตั้บ ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....ตั้บ....."


มิคาด ฮุ่ยหนิงกลับมาครางส่งเสียงดังอีกครั้ง พร้อมกับการตอดรัด อย่างเร่งเร้าไม่ลดละ
จนมันมิอาจทานทนได้อีกต่อไป มันดันแก่นกายของมันจนแนบแน่นกับเนินสวาทของนางอีกครั้ง
แล้วปลดปล่อยน้ำรักของมันจนท่วมท้นโพรงสวาทของนาง

ฮุ่ยหนิงเอง เมื่อถูกมันกระแทกกระทั้นอย่างเร็วถี่อีกครั้ง  ความเสียวซ่านก็กลับบังเกิดขึ้นอีก
จนเมื่อถูกแก่นกายควงคว้านเป็นคำรบสอง นางก็ถึงกับล่องลอยอย่างเป็นสุขอีกครั้ง

"โอ้วว...ซี๊ดดด....โอ้วว...ซี๊ดดด....โอ้วว...ซี๊ดดด....โอ้วววววววววววววววว........."


ทั้งคู่ส่งเสียงร้องครางประสานเสียงกันอย่างมีความสุข  เฟยอี้ฟุบร่างซบใบหน้าแนบชิด
กับพวงแก้มของนาง ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหอบ แล้วโอบกอดนางนิ่งอยู่เช่นนั้น

ฮุ่ยหนิงนอนหันหน้านิ่งมองไปยังร่างเปลือยเปล่าของ ลี่จิน ที่หลับนิ่งอยู่ โดยมีเฟยอี้โอบกอดร่าง
ของนางไว้อย่างแนบชิดอยู่เบื้องหลัง  เมื่อความเสียวซ่านรัญจวนจางหายไปแล้ว  นางก็ยิ่งมีสติมากขึ้นจนสมบรูณ์
นางครุ่นคิดอย่างสับสนว่า เหตุใด ตัวนางและ ลี่จิน จึงตกมาอยู่ในห้องเดียวกันกับบุรุษหนุ่มซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อน
ซ้ำยังยินยอมให้มันกระทำต่อร่างของนางได้เช่นนี้  นางจดจำได้แต่เพียงว่า ตัวนางและลี่จินถูกคนของลัทธิเบญจธาตุ
จับตัวมา  ต่อจากนั้นนางก็ไม่สามารถระลึกจดจำสิ่งใดได้อีก

ยิ่งครุ่นคิด นางก็ยิ่งบังเกิดความเสียใจ จนกลับกลายเป็นความคั่งแค้น  ฮุ่ยหนิงสะบัดกายลุกขึ้นจากอ้อมกอดของมัน
เฟยอี้ผงกศีรษะขึ้นจ้องมองนาง เห็นนางกำลังสวมใส่เสื้อผ้า จึงร้องถามออกไป

"ฮุ่ยหนิง  เจ้าจะทำสิ่งใด หรือจะไปที่ใดรึ จึงได้สวมใส่เสื้อผ้า"


ฮุ่ยหนิงไม่ตอบคำ นางสวมเสื้อผ้าจนเสร็จสิ้น แล้วหยิบกระบี่ของนางขึ้นมาพร้อมกับชักออกจากฝักอย่างรวดเร็ว
คมกระบี่ของนางชี้ไปที่คอของเฟยอี้  แล้วร้องถามขึ้น

"เจ้าคือผู้ใด  เหตุใดจึง...  ."
นางมิกล้ากล่าวออกมาจนครบใจความ


"ข้าชื่อ เฟยอี้  ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการช่วยเจ้า และ...."


เฟยอี้พูดออกมายังมิทันจบประโยค  นางก็ร้องห้ามขึ้น

"หุบปาก  เจ้าพร่ำเพ้ออันใด ข้าจะฆ่าเจ้าเสียจะได้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้"


ฮุ่ยหนิงเดินจ่อปลายกระบี่ไว้ที่ลำคอของเฟยอี้ แล้วเอื้อมมือไปเขย่าร่างของลี่จิน ที่นอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียงนั้น

"ลี่จิน  ลี่จิน  เจ้าตื่นสิ   ตื่น..ลี่จิน"


นางเขย่าร่างของลี่จินอยู่หลายครั้ง ก็ยังไม่รู้สึกตัว จึงมั่นใจว่า ลี่จินต้องถูกเฟยอี้จี้สกัดจุดไว้
จึงร้องบอกต่อเฟยอี้ว่า

"เจ้า...เจ้าจี้สกัดจุดของนาง  ....เลวยิ่งนัก  เร่งคลายจุดให้นางเดี๋ยวนี้"


ปลายกระบี่อันแหลมคม ถูกดันให้ทิ่มลึกลงไป จนเฟยอี้รู้สึกเจ็บ จึงยืนขึ้นในร่างเปลือยเปล่าหมายจะตรงไปยัง
ร่างของลี่จินตามคำสั่งของนาง

ฮุ่ยหนิงเห็นร่างเปลือยเปล่าของมันอย่างชัดแจ้งเช่นนั้น ก็ตกใจ ชักกระบี่หดกลับแล้วหันใบหน้าหนี

เฟยอี้เห็นจังหวะกระบี่ของนางหละหลวม ก็ตรงเข้าใช้ท่อนแขนปัดกระบี่ออกไปทางซ้าย แล้วสอด
ปลายนิ้วมือ จี้สกัดจุดฮุ่ยหนิงที่หัวไหล่ 

ฮุ่ยหนิงถูกจี้สกัดจุดเช่นนั้นก็ไม่สามารถขยับร่างได้อีก  นางตวาดเสียงดังออกมาด้วยความเจ็บใจ

"ฆ่าข้าเสียสิ  "


น้ำตาของนางหลั่งไหลออกมาจนเปียกชุ่ม

เฟยอี้เห็นเช่นนั้น ก็มีใบหน้าที่สลดลง  มันเดินไปที่กองเสื้อผ้าของมันแล้วสวมใส่  จากนั้นก็ตรงไปยังร่างของลี่จิน
แล้วใส่เสื้อผ้าให้นางจนเสร็จสิ้น

"ข้าจะคลายจุดให้ ลี่จิน และจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พวกเจ้าทราบ จากนั้นหากพวกเจ้าคิดจะระบาย
ความแค้น ก็ตามแต่ใจพวกเจ้าเถิด"


สิ้นคำมันก็คลายจุดหลับให้ลี่จิน  แล้วปลุกนางให้ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อลี่จินได้สติก็บังเกิดความสับสน มองไปยังร่างของ
ฮุ่ยหนิง และบรุษหนุ่มผู้หนึ่ง จึงคิดจะเอ่ยปากถาม  พลันเฟยอี้ก็จี้สกัดจุดให้นางนิ่งไปอีกครั้งดุจเดียวกับ ฮุ่ยหนิง

จากนั้นมันก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่ เรื่องที่พวกนางต้องพิษสะกดวิญญาณของลัทธิเบญจธาตุ
กลายเป็นองครักษ์หุ่น  แล้วหมอวิปลาสไปช่วยเอาตัวพวกนางออกมาจากลัทธิเบญจธาตุ  จนถึงเรื่องที่พิษสะกดวิญญาณ
ไม่มีหนทางใดรักษา  นอกเสียจากการร่วมรัก  มันจึงตัดสินใจทำเรื่องเช่นนี้ลงไปจนพวกนางตื่นฟื้นขึ้น
แล้วมันก็กล่าวขึ้นว่า

"ฮุ่ยหนิง  ลี่จิน  ถึงแม้ว่าข้าพึ่งพบพวกเจ้าได้ในเวลาไม่นาน แต่ข้าก็ขอกล่าวคำหนึ่งอันเป็นความในใจข้า
ข้ารักพวกเจ้ายิ่งนัก  หากพวกเจ้าไม่รังเกียจข้าว่าเป็นคนมากรัก  ข้าก็อยากจะขอตบแต่งให้พวกเจ้าเป็นภรรยาของข้า"


ในขณะที่เฟยอี้เล่าความเป็นมาทั้งหมดให้ทั้งสองนางรับทราบ ก็เป็นเวลาใกล้รุ่งแล้ว  หมอวิปลาสทะยานร่างเข้ามา
ด้วยวิชาตัวเบามาที่หน้าประตูห้อง พลางร้องเรียกขึ้น

"เฟยอี้  เจ้าช่วยพวกนางเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่  ข้ามาตามกำหนดนัดหมายแล้ว"


เฟยอี้ได้ยินเช่นนั้น ก็ร้องตอบออกไป

"อาจารย์ รอข้าสักครู่หนึ่งเถิด ข้ามีเรื่องจะกล่าวกับนางทั้งสอง"


เฟยอี้เดินตรงไปยังเบื้องหน้าของ ฮุ่ยหนิง แล้วโอบกอดร่างของนางไว้  จากนั้นใช้มือปาดคราบน้ำตาออกจากแก้มให้นาง

"ฮุ่ยหนิง ข้ามีภาระที่รับปากกับผู้มีพระคุณท่านหนึ่งไว้ หากเสร็จสิ้นภาระนี้แล้ว ข้าจะกลับมาให้เจ้าฆ่าข้า"


จากนั้นมันก็เดินตรงไปยังร่างของลี่จิน  แล้วโอบกอดนาง เช่นเดียวกับที่ทำกับ ฮุ่ยหนิง แล้วนิ่งมองไปที่ใบหน้าของลี่จิน
ลี่จินเองก็รู้สึกตกใจเมื่อทราบเรื่องราวในครั้งแรก แต่เมื่อได้ยินว่ามันคิดตบแต่งนางเป็นภรรยาของมัน  ตัวนางเอง
ก็รู้สึกสับสนตนเองว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกยินดี  อาจจะเป็นเพราะมันเป็นบุรูษที่รูปงาม ครั้นถูกมันจ้องมองตา ค้างนิ่งอยู่เช่นนั้น
นางก็รู้สึกอับอาย หลบสายตาลงเบื้องล่าง

"ลี่จิน  เจ้าช่างน่ารักนัก  เมื่อข้าเสร็จสิ้นภาระข้าจะกลับมาหาเจ้า"

จากนั้นมันก็เดินไปยังหน้าประตู แล้วหันกลับมาพูดว่า

"อีกครึ่งชั่วยาม จุดที่ข้าจี้สกัดไว้จะคลายออก  ข้าหวังว่าจะได้พบพวกเจ้าอีกครั้ง ที่อารามชีบุปผาหยก"

แล้วมันก็ออกจากห้องไป สมทบกับหมอวิปลาส เดินทางไปช่วยองค์หญิง ลีลู่อิน โดยมีวังลัทธิเบญจธาตุเป็นจุดหมาย

--------------


ณ. สำนักทวนผดุงคุณธรรม  เว่ยฉิงคัง กำลังนั่งชมบริวารในสำนักฝึกซ้อมอาวุธ และควบคุมการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มันซ่องสุมกำลังคนและหมั่นฝึกซ้อมกำลังคนอยู่มิได้ขาด  แรงอาฆาตแค้นของมันเฝ้าเตือน
มันอยู่ทุกวันเวลาว่าจะต้องทำลายลัทธิเบญจธาตุให้ย่อยยับไป

ในขณะนั้นเอง บริวารผู้หนึ่งก็วิ่งเข้ามายังลานฝึกซ้อมอย่างตื่นเต้น

"นายน้อย....นายน้อย......พวกมัน...พวกมัน ..บุกขึ้นมาแล้ว......"



เว่ยฉิงคัง หันไปดูบริวารผู้นั้น แล้วถามขึ้น

"ผู้ใด....ผู้ใดที่บุกเข้ามา"


บริวารผู้นั้นชี้มือไปยังหน้าประตูใหญ่

"มัน..มันคือ..เทวทูตหน้าทอง....."


ทุกคนในที่นั้น ครั้นได้ยินคำว่า เทวทูตหน้าทอง ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด
ชื่อเสียงในความโหดเหี้ยมของมัน เป็นที่จดจำและครั่นคร้ามต่อผู้ที่ได้เคยพบเห็นมัน

เว่ยฉิงคัง พลันมีดวงตาแฉวแววอำมหิตขึ้น มันเฝ้ารอคอยวันนี้มาอย่างเนิ่นนาน

"เทวทูตหน้าทอง  เจ้ามาก็ดีแล้ว  วันนี้ เป็นวันตายของเจ้า"


เว่ยฉิงคังส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความแค้น แล้วลุกขึ้นเดินออกไปยังประตูใหญ่
หน้าสำนักโดยทันที

เว่ยฉิงคังมองไปเบื้องหน้าของสำนัก ห่างออกไปไม่ไกลนัก เห็นคนผู้หนึ่งควบอาชาสีขาว
สวมเสื้อคลุมยาวสีแดงปลิวไสวไปตามแรงลม  ใบหน้าของมันสวมใส่หน้ากากสีทอง
ส่งแสงเรืองรอง สะท้อนแสงแห่งดวงตะวันในยามบ่าย ดูสง่างามยิ่งนัก

เบื้องหลังของมันมีผู้ติดตามอีกนับสิบคน ควบอาชาอยู่เช่นเดียวกัน กำลังตรงมายัง
สถานที่ที่มันยืนอยู่ 

เว่ยฉิงคัง ยืนรอด้วยท่าทีที่นิ่งสงบอยู่ ณ ที่นั้น  ดวงตาของมันจ้องมองไปเบื้องหน้า ไร้วี่แวว
แห่งความขลาดกลัว ครั่นคร้ามแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกับบริวารของมัน ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะ
ออกมายืนเคียงข้างมันแม้แต่ผู้เดียว

เทวทูตหน้าทอง หยุดม้าลงตรงหน้าของ เว่ยฉิงคัง แล้วโบกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้บริวารที่ติดตาม
หยุดม้าลงพร้อมกับมัน แล้วเพ่งมองไปยังเว่ยฉิงคังที่กำลังจ้องมองมายังมันอย่างนิ่งสงบ

เทวทูตหน้าทอง พิจารณาลักษณะและเครื่องแต่งกายของเว่ยฉิงคัง ก็คิดประมาณอยู่ภายในใจ
แล้วร้องถามออกมาว่า

"เป็นเจ้ารึ  เว่ยฉิงคัง ผู้นำชาวยุทธจงหยวน ที่มิเจียมตนคิดจะต่อต้านลัทธิของเรา"


"มิผิด  คือข้าเอง"


เทวทูตหน้าทองลงจากหลังม้า  แล้วไล่สายตามองทีใบหน้าของมันลงไปจรดปลายเท้า

"บิดาของเจ้า เว่ยน่ำเทียน ยังต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝังเพราะต่อต้านลัทธิเรา  ตัวเจ้าคิด
เจริญรอยตามบิดาหรือไร"


เว่ยฉิงคัง เบิ่งตากว้างขึ้น ฉายแววอำมหิตออกมาอย่างชัดแจ้ง

บริวารลัทธิเบญจธาตุผู้หนึ่งก็ตวาดเสียงดังออกมาว่า

"เจ้าเป็นตัวอันใด  อยู่ต่อหน้าท่านเทวทูตหน้าทอง เหตุใดจึงยังมิคุกเข่า"


"เฮอะ..ข้ามิชมชอบคุกเข่าให้ซากศพ  วันนี้พวกเจ้าทุกคนคงต้องเน่าเหม็นอยู่ใต้
พื้นดินที่ข้าเหยียบย่ำอยู่นี่แล้ว"


เทวทูตหน้าทอง ได้ยินเช่นนั้นก็มีดวงตาวาวโรจน์ขึ้นด้วยความโกรธ

"สามหาวนัก เช่นนั้นข้าคงต้องส่งเจ้าไปพบกับบิดาในนรกแล้ว"


เทวทูตหน้าทองสืบเท้าเข้าไปหา พร้อมกับกางกงเล็บสามนิ้วไปยังลำคอ
ของ เว่ยฉิงคัง หมายจะตะปบลำคอมัน ให้ตายในกระบวนท่าเดียว
แต่ผิดคาด เว่ยฉิงคังเบี่ยงร่างหลบไปทางขวาแล้วฟาดฝ่ามือตอบโต้ออกมา

เทวทูตหน้าทอง สัมผัสได้ถึงเงาพลังฝ่ามืออันรุนแรง กำลังล่วงเข้ามาถึงร่างของมัน
มันถึงกับตื่นตกใจ ถดถอยเท้าออกไปข้างหลัง แล้วร่ายรำกระบวนท่าออกตั้งรับ

การจู่โจมอันรุนแรงของเว่ยฉิงคัง ตามติดออกมาอีกหลายฝ่ามือ
เทวทูตหน้าทองถึงกับต้องถอยร่นเป็นพัลวัล มันได้แต่ร่ายรำกระบวนท่าต้านรับอย่างรีบเร่ง
แล้วรำพึงอยู่ภายในใจ ถึงความผิดพลาดที่ประเมินฝีมือของคนผู้นี้ต่ำไป 

ในยามนี้เทวทูตหน้าทอง ทำได้เพียงปัดป่ายกระบวนท่าออกตั้งรับจนผ่านไปหลายสิบกระบวนท่า
มันถอยเท้าออกไปข้างหลังหลายสิบเก้า พลางครุ่นคิดหาวิธีชิงกลับมาเป็นฝ่ายรุกไล่บ้าง

เทวทูตหน้าทองตัดสินใจสะกิดเท้าทะยานร่างเหินลอยขึ้นสู่เบื้องบน เพื่อตั้งหลัก
ร่างของมันลอยห่างออกมาจากร่างของเว่ยฉิงคัง

ครั้นเมื่อเท้าทั้งสองของมันสัมผัสกับพื้นดิน ก็เร่งเร้าลมปราณในร่างให้พุ่งพวยขึ้น
แล้วร่ายรำกระบวนท่า อัคคีผลาญฟ้า ฟาดฝ่ามือซ้ายและขวา สลับกันออกไปในอากาศ

บังเกิดลูกพลังออกมาจากฝ่ามือทั้งสองของมัน พุ่งตรงไปยังร่างของเว่ยฉิงคัง
เว่ยฉิงคังเห็นเช่นนั้นก็ทะยานร่างขึ้นสู่เบื้องบนหลบหนีลูกพลังนั้น

แต่ยังมิทันที่เท้าทั้งสองของมันจะสัมผัสกับพื้นดินได้อย่างเต็มที่ ลูกพลังลูกที่สอง
ก็พุ่งเข้าจู่โจมมาอีก ทำให้มันต้องสะกิดเท้าทะยานร่างขึ้นไปอีกครั้ง

ทันใดนั้น เทวทูตหน้าทองก็ฟาดลูกพลังที่สามตรงเข้ามาที่ทรวงอกของ เว่ยฉิงคัง
ในขณะที่มันกำลังทะยานร่างหลบลูกพลังลูกที่สอง

เว่ยฉิงคัง เห็นตนเองอยู่ในสภาวะคับขันเช่นนั้น ก็เร่งเร้ากำลังภายในอย่างรวดเร็ว
แล้วฟาดฝ่ามือทั้งสองออกไป  สกัดลูกพลังที่กำลังพุ่งตรงมายังทรวงอกมัน 

บังเกิดลูกพลังใหญ่ออกมาจากฝ่ามือทั้งสองของ เว่ยฉิงคัง พุ่งชนลูกพลังของเทวทูตหน้าทอง
จนสลายตัวไป แล้วลูกพลังใหญ่นั้นยังพุ่งตรงต่อไปยังร่างเทวทูตหน้าทอง

เทวทูตหน้าทองมิทันระวังตัว ตื่นตกใจยิ่งนัก รีบเอนร่างไปด้านหลังหลบลูกพลังนั้น
ได้อย่างฉิวเฉียด


เทวทูตหน้าทอง และ เว่ยฉิงคัง ยืนประจันหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทั้งคู่ต่างก็ร่ายรำกระบวนท่า
รวบรวมพลังลมปราณในร่าง

เทวทูตหน้าทองหมายจะพิชิตชัยโดยเด็ดขาด มันร่ายรำกระบวนท่าไม้ตาย ห้าธาตุรวมเป็นหนึ่ง
ถ่ายเทลมปราณทั้งร่างมาไว้ที่ทรวงอก จนร่างเบ่งพองขึ้น ฝ่ามือทั้งสองของมันประกบกันนิ่งอยู่ที่
ทรวงอก

เว่ยฉิงคัง ก็ร่ายรำกระบวนท่าไม้ตายออกมาเช่นกัน กระบวนท่านี้มีชื่อว่า ฝ่ามือวิญญาณคร่ำครวญ
ลมปราณจากจุดตังชั้งของมันพุ่งพวยไหลเวียนไปทั่วร่าง จนเกิดไอเย็นเยียบแผ่ซ่านออกจากกายมัน
เกิดพลังวัตรอันแรงกล้า รวมตัวอยู่ที่ฝ่ามือทั้งสองรอการปลดปล่อยออกไป

คนทั้งสองต่างจ้องมองดูกัน แล้วปลดปล่อยพลังลมปราณที่รวบรวมไว้ไปยังร่างของอีกฝ่าย
พลังลมปราณอันแรงกล้าจากคนทั้งสอง พุ่งตรงเข้าหากันอย่างรุนแรงจนบังเกิดลมกรรโชกแรง
ไปทั่วบริเวณนั้น

เมื่อพลังลมปราณของคนทั้งสองพุ่งชนกัน  ก็บังเกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ  อาณาบริเวณโดยรอบนั้น
ฟุ้งตลบไปด้วยผงธุลี จนมองไม่เห็นสิ่งใด  รอจนเมื่อฝุ่นละอองเจือจางลง จึงเห็นร่างของเว่ยฉิงคัง
ยืนนิ่งสงบไม่ไหวติงอยู่ ณ ที่นั้น

ในทางตรงข้าม บนพื้นดินปรากฎหน้ากากทองแตกออกเป็นสองเสี่ยง ถัดออกไปเพียงเล็กน้อย
เป็นร่างของบุรุษผู้หนึ่งกำลังส่ายร่างโงนเงน กระอักโลหิตออกมา  บุรุษผู้นั้นมีวัยประมาณห้าสิบเศษ
ผมและเคราของมันมีสีดำและขาวอยู่ปะปนกัน ใบหน้าของมันเสี้ยมแหลม มีดวงตาเรียวเล็ก
ประดุจเหยี่ยว มันคือใบหน้าที่ชาวยุทธจงหยวนรู้จักกันเป็นอย่างดี

มันคือ เจ็ดกระบี่ปลิดชีพ หลงจินหู่  หนึ่งในห้าเทพยุทธจงหยวนนั่นเอง

เหล่าบริวารของลัทธิเบญธาตุที่ติดตามมันมาเห็นเช่นนั้น ก็ตื่นตกใจยิ่งนัก เพราะเป็นที่ทราบกัน
ในหมู่ชาวลัทธิเบญจธาตุกันทั่วว่า เทวทูตหน้าทองนั้นมีใบหน้าที่แท้จริงอัปลักษณ์นัก เนื่องด้วย
ด้วยเปลวไฟเผาผลาญแต่เยาว์วัยจนเสียโฉม จึงสวมใส่หน้ากากทองปกปิดใบหน้าที่แท้จริงไว้ตลอดเวลา

หลงจินหู่ เห็นว่าตนเองอยู่ในสภาวะคับขัน สถานะที่แท้จริงของตนถูกเปิดโปง ทั้งยังได้ความบอบช้ำภายใน
จึงคิดใช้พลังฝีมือที่แท้จริงของตน  คลี่คลายสถานะการณ์เพื่อหลบหนี  มันเคลื่อนร่างอย่างรวดเร็วไปยัง
บริวารผู้หนึ่ง สอดมือรวบเอากระบี่ของบริวารผู้นั้นมาเป็นของตน ทันใดนั้นร่างของบริวารผู้นั้นก็ขาดออก
เป็นสองท่อน โดยมิเห็นแม้เงากระบี่ว่าฟาดฟันออกมาในยามใด

เป็นเวลาเดียวกันกับ เว่ยฉิงคังสืบเท้าเข้ามาหามัน  หลงจินหู่แย้มยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม
แล้วฟาดฟันกระบี่ออกไป

เว่ยฉิงคังถึงกับหยุดเท้าลง หลบประกายกระบี่ที่ฟาดฟันเข้ามา แต่มันก็ต้องตื่นตกใจ เพราะประกาย
กระบี่ที่ฟาดฟันมานั้น กลับแยกออกมาเป็นเจ็ดสายซ้อนกัน แม้หลบไปหนึ่งกระบี่กลับถูกอีกหกกระบี่
จู่โจมตามติด มันทำได้เพียงถอยเท้ากลับอย่างรวดเร็ว พลางส่ายใบหน้าหลบหลีกกระบี่อย่างร้อนรน
จนมันถึงกลับรำพึงอยู่ภายในใจว่า

"มิเสียทีที่มันได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในห้าเทพยุทธ เพลงกระบี่ของมันช่างรวดเร็ว
และร้ายกาจยิ่งนัก"

และแล้วรังสีคุกคามจากกระบี่ก็หยุดลง เว่ยฉิงคังเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่ หลงจินหู่ ยืนอยู่
ก็พบแต่ความว่างเปล่า  คงเห็นแต่เหล่าบริวารของลัทธิเบญจธาตุที่ยืนมองมายังมันนิ่งอยู่

พลันมันก็รู้สึกเจ็บแสบที่ใบหน้า จึงใช้มือสัมผัสที่ใบหน้าของตนออกมาดู พบว่าเป็นหยาดโลหิต
ของมันเองติดมือมา  เว่ยฉิงคังถลึงตาอย่างเครียดแค้น แล้วรำพึงอยู่ภายในใจ

"มันถึงกับฝากรอยแผลไว้บนใบหน้าของข้า"

เว่ยฉิงคังกำมือทั้งสองแนบแน่นอย่างคลั่งแค้น ส่งเสียงร้องดังออกมาแล้ววาดฝ่ามือเป็นวงกลม
ฟาดพลังอย่างรุนแรงใส่เหล่าบริวารของลัทธิเบญจธาตุที่เหลืออยู่ จนกระอักโลหิตออกมาทางปาก
สิ้นใจตายลงจนหมดสิ้น

----------------



หลังจากที่เว่ยฉิงคังมีชัยต่อ เทวทูตหน้าทอง หรือ แท้ที่จริงคือ หลงจินหู่ เหล่าบริวารของมัน
ก็ยอมรับนับถือมันด้วยใจที่แท้จริง พวกมันโห่ร้อง สรรเสริญ นายของมันอย่างเซ็งแซ่ จนเว่ยฉิงคัง
เกิดความฮึกเหิมลำพองใจเพิ่มขึ้นเป็นมาก

ถึงช่วงเย็น มันจัดให้มีงานเลี้ยงฉลองชัยชนะที่มันมีต่อเหล่าลัทธิเบญจธาตุ ทั้งยังสั่งความออกไป
ให้บริวารแพร่กระจายข่าวเรื่องนี้ออกไป

เว่ยฉิงคัง ดื่มสุราจนเมามาย ส่งเสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วสำนัก มันมิได้รู้ตัวว่าเป็นเวลาค่ำคืนแล้ว
เหล่าบริวารที่เลี้ยงฉลองก็เมามายหลับไหลไปจนหมดสิ้น มองไปทางใดก็พบแต่ความเวิ้งว้างเงียบเหงา

ในยามเงียบเหงา ว้าเหว่ เช่นนี้ ในหัวสมองของมันก็ปรากฎใบหน้าของชุ่ยเหลียนขึ้นมา 
ใบหน้าของนางเลื่อนลอยตามติดอยู่ในหัวของมัน แม้ว่ามันจะหันไปทางใดก็ปรากฎแต่ใบหน้าของนาง

"ชุ่ยเหลียน....ชุ่ยเหลียน....เจ้าอยู่ที่ใด.."


มันร้องเรียกชื่อ ชุ่ยเหลียน จนดังก้องไปทั่วบริเวณ แล้วทะยานร่างด้วยวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม
จากยอดไม้หนึ่ง ไปยังอีกกิ่งไม้หนึ่ง จากหลังคาหนึ่งไปยัง อีกหลังคาหนึ่ง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
ดุจดังภูตผีล่องลอยอยู่ในอากาศยามค่ำคืน

จนมันมาหยุดยืน ณ สถานที่หนึ่ง อาณาบริเวณของสถานที่นั้นเงียบสงัด ไร้เงาผู้คนใดๆ
สถานที่นั้นคือ  สำนักมังกรเขียว  เว่ยฉิงคัง ทะยานร่างข้ามกำแพงเข้าไปยังภายใน
แล้วเดินอย่างผ่าเผย ดังมันเป็นเจ้าของสำนัก

เมื่อไปถึงหน้าห้อง ห้องหนึ่ง เว่ยฉิงคังก็ใช้เท้าถีบไปยังประตูบานหนึ่งซึ่งปิดสนิท
จนมีบริวารของสำนักสองคนถลันออกมา

"เจ้า...เจ้าเข้ามาทำอะไร"


เว่ยฉิงคังจับคอเสื้อบริวารผู้หนึ่งดึงเข้ามา แล้วพูดว่า

"ไปเรียก ชุ่ยเหลียนมาพบข้า"


แล้วมันก็เหวี่ยงร่างบริวารผู้นั้นจนล้มกลิ้งลงกับพื้น  ครั้นบริวารผู้นั้นยันกายลุกขึ้นมาได้
ก็รีบวิ่งออกไปจากสถานที่นั้น

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ก็ปรากฏร่างของชุ่ยเหลียนขึ้น  นางเดินเข้าไปภายในห้องนั้น
เห็น เว่ยฉิงคังนั่งรอ โดยมีบริวารของนางเองคอยรินสุราให้ นางจึงเอ่ยปากขับไล่บริวาร
ผู้นั้นให้ออกไป แล้วไถ่ถามขึ้น

"เจ้ามาทำอะไร"


เว่ยฉิงคัง แย้มยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

"ข้าสัญญากับเจ้าไว้ว่าจะช่วยสามีเจ้า  ข้าก็มาตามสัญญาแล้ว"


"แต่..นี่มันเป็นเวลาค่ำคืน  หาใช่เวลาที่เหมาะสม ท่านพี่ตี้เก่งกำลังพักผ่อน"


เว่ยฉิงคัง เดินเข้าไปชิดร่างของชุ่ยเหลียน แล้วโอบกอดนางไว้

"แต่ข้าคิดถึงเจ้า"


ชุ่ยเหลียนสะบัดร่างออกจากอ้อมกอดของมัน

"เจ้า...เจ้าอย่ามาเช่นนี้ในบ้านข้า  ข้าจะมิยินยอมให้เจ้ามาหยามข้าอีก
เจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว"


"ชุ่ยเหลียน ข้าก็เป็นสามีของเจ้าเช่นกัน  สามีกับภรรยารักกัน จะเป็นอะไร"


พูดจบมันก็เข้ากอดรัด  ร่างของชุยเหลียน ใบหน้าของมันซุกไซ้ไปตามซอกคอของนาง
ชุ่ยเหลียนดิ้นรนจนสะบัดร่างหลุดออกมา  นางฟาดฝ่ามือถูกใบหน้าของเว่ยฉิงคัง ดังฉาดใหญ่
เว่ยฉิงคังมิทันระวังตัว ถูกนางตบจนหน้าชาเช่นนั้นก็โกรธ

"ก็ได้  หากเจ้าต้องการเช่นนี้  ข้าจะไปปลุก เอี๊ยงตี้เก่ง บอกมันว่า ข้าก็เป็นสามีของเจ้า
ในคืนนั้นเจ้ากับข้า มีความสุขร่ำร้องออกมาเช่นไร"


สิ้นคำมันก็ก้าวเท้าออกไปยังประตูห้องทำท่าจะเปิดออกไป

"อย่า....อย่าไป..."


ชุ่ยเหลียน ร่ำร้องออกมาจนเสียงหลง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นางหวาดหวั่นที่สุดตลอดมา
หลังจากคืนที่ถูกเว่ยฉิงคังย่ำยี  นางคงมิอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หากเอี๊ยงตี้เก่งทราบว่า
นางได้ตกเป็นของผู้อื่น แล้วทอดทิ้งนางไปด้วยความรังเกียจ

เว่ยฉิงคังหันกลับมา แล้วแย้มยิ้ม

"หมายความว่า  เจ้ายินยอมแล้วใช่หรือไม่"



มันหันกลับมา แล้วตรงเข้าประชิดร่างของนาง มือทั้งสองของมันจับใบหน้าของนาง
แล้วก้มใบหน้าของมันลงซุกไซ้โลมเลียไปทั่วใบหน้าของนาง

ชุ่ยเหลียน ได้แต่ข่มความรู้สึกรังเกียจไว้อยู่ภายใน สู้ทนให้มันใช้ลิ้นลากเลียไปตามต้นคอ
และใบหู  แม้นางจะเกิดความเสียวสยิวในบางครั้ง แต่ก็เจือด้วยความรังเกียจในตัวมันยิ่งนัก
ฝ่ามือของมันตรงเข้าลูบไล้เค้นคลึงสะโพกอันโด่งงามของนางอย่างเต็มกำมือ  มันถลกกระโปรงยาว
ของนางขึ้น จนเห็นเรียวขางามผุดผ่อง แล้วสอดนิ้วมือชอนไชเข้าไปที่หว่างขาของนาง

ชุ่ยเหลียนมิสามารถทานทนให้มันหยามต่อไปได้ นางผลักร่างของมันออก หมายจะสลัดให้หลุด
จากอ้อมกอดมัน

ในขณะที่นางพยายามใช้มือทั้งสองผลักทรวงอกมัน  มันกลับเอื้อมมือไปแหวกอกเสื้อของนางออก
แล้วกระชากอย่างรุนแรง ในยามค่ำคืนนางกลับมิได้ใส่เอี๊ยม มองเห็นเต้ากลมกลึงทั้งสองของนาง
สั่นไหวไปมาคล้ายดั่งท้าทายมัน 

เว่ยฉิงคัง สืบเท้าเข้าไปหาชุ่ยเหลียน ขณะที่ชุ่ยเหลียนใช้มือทั้งสองของนางปกปิดสองเต้าของนางไว้
แล้วถอยเท้าหนี มันเอื้อมจับแขนสองข้างของนางให้อ้าออก แล้วดันร่างของนางให้ถดถอยไปพิงกับผนังห้อง
แล้วก้มหน้าซุกไซ้สองเต้าของนางอย่างสาสมแก่อารมณ์หื่นกระหายของมัน  ลิ้นของมันลากไล้โลมเลียไปทั่ว
ยอดถันทั้งสอง แล้วดูดกินสลับกันไปมา

ชุ่ยเหลียน มิกล้าส่งเสียงร้องออกมา ได้แต่เม้มริมฝีปากไว้แนบแน่น พลางสะบัดร่างส่ายหนีใบหน้าของมัน
แต่คล้ายกับยิ่งยั่วยุอารมณ์กำหนัดของมันให้มากขึ้น  ยิ่งนางส่ายหนีมันก็ยิ่งซุกไซ้หนักขึ้น
ครั้นถูกมันโลมเลียดูดกินยอดถันนานเข้า นางก็เริ่มเกิดความเสียวสยิวเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนอดไม่ได้
ที่จะครางออกมาอย่างแหบพร่า

"ซี๊ดดดดดดดดดดด.............อ้าาาาาาา........."



การขัดขืนของนางเริ่มอ่อนแรงลง จนคล้ายไม่ออกแรงต่อต้าน นางหลับตาพริ้ม เชิดใบหน้า
ครางออกมาอย่างต่อเนื่อง

เว่ยฉิงคังโลมเลียลดต่ำลง จนมันคุกเข่าลงกับพื้นมุดหัวเข้าไปในกระโปรงของนาง
แล้วระรัวลิ้นไปทั่วเนินสวาทของนาง

ชุ่ยเหลียนสะดุ้งขึ้นสุดตัว ดันศรีษะมันไว้มิให้ลุกล้ำเข้ามา แต่ปลายลิ้นของมันที่ชอนไชอย่างระรัวถี่
ถึงกับทำให้นางไร้ซึ่งเรี่ยวแรง มือทั้งสองของนางเปลี่ยนจากผลักดันเป็นลูบคลำศรีษะมันอยู่ไปมา

"โอ้ววววววววว....................ซี๊ดดดดด...ซี๊ดดดดด............"



เว่ยฉิงคังเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด มันผุดลุกขึ้นเปลื้องเสื้อผ้าออกจากายมันจนหมดสิ้น

"ชุ่ยเหลียน ....เจ้ามาโลมเลียให้ข้า."


ชุ่ยเหลียนได้ยินเช่นนั้น พลันได้สติคืนมาทันที นางส่ายหน้าไปมาแล้วแสดงสีหน้าขยะแขยง

"ไม่....ไม่...ข้าไม่ทำ..."


"หากเจ้าไม่ทำตามความต้องการของข้า  ข้าจะร้องเรียกให้มันตื่นขึ้น"

ชุ่ยเหลียนถอนหายใจออกมาแล้วก้มหน้าลง  นางเดินเข้าไปหามันแต่โดยดี

เว่ยฉิงคังใช้มือข้างหนึ่งโน้มศรีษะของนางเข้ามาที่ทรวงอกมัน แล้วกดนิ่งไว้

ชุ่ยเหลียนยื่นลิ้นของนางออกมา แล้วเริ่มโลมเลียไปที่ทรวงอกของมัน  นางจดจำ
วิธีการที่มันโลมเลียนาง แล้วทำเช่นนั้นกับมัน

เว่ยฉิงคังถึงกับส่งเสียงครางออกมาอย่างเสียวสยิว  มือของมันข้างหนึ่งโยกย้ายศรีษะของนาง
ไปยังจุดที่มันต้องการ  จุดใดที่มันเสียวสยิวมาก มันก็จะยึดศรีษะของนางให้หยุดนิ่งอยู่ ณ. จุดนั้น
แล้วส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างสุขสม


"โอ้ววว...ซี๊ดดดด..................อืมมมมมม.........ซี๊ดดดดดด.........."


ศรีษะของนางถูกมันกดให้ลดต่ำลงเรื่อยๆ  จนนางต้องคุกเข่าลง
มองมาเบื้องหน้า เห็นลำแก่นกายอันใหญ่ยาว ผงกห้วขึ้นลงคล้ายดังจะทักทายนาง
ชุ่ยเหลียนส่ายหน้าไปมา  พลางส่งเสียง

"ไม่....ไม่......ข้าไม่........."


ในเบื้องลึกของนางที่เห็นแก่นกายของมัน นางก็รู้สึกเสียววาบเข้ามาในช่องท้อง
นางยังจดจำคืนที่มันกระแทกกระทั้นแก่นกายอันยาวใหญ่นี้ เข้ามาในร่างของนาง
มันทั้งเจ็บและเสียวซ่านไปทั้งร่าง  ความรู้สึกที่ถูกกระทำในครั้งนั้นแม้นางจะไม่เต็มใจ
แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่านางได้พบความสุขอย่างที่ไม่เคยได้รับจากสามีของนาง

เว่ยฉิงคัง แอ่นร่างส่ายเอวให้แก่นกายของมันถูไถไปตามใบหน้าของนาง
แล้วจ่อส่วนหัวของแก่นกายมันไว้ที่ริมฝีปากของนาง

"เจ้า ต้องการให้ข้าร้องเรียกมันมาใช่หรือไม่"


สิ้นคำของมัน นางก็ดุนปลายลิ้นของนางออกมา สัมผัสกับส่วนหัวของแก่นกายมัน
แล้วกระดกลิ้นขึ้นลง

เว่ยฉิงคังกำผมบนศรีษะของนางไว้ แล้วส่งเสียงครางออกมา

"อู้วววว............ซี๊ดดดดด.....ซี๊ดดดดดดดดดด............อ้าาาาา......"


มันจับศรีษะของนางให้โลมเลียไปตามความยาวของลำแก่นกายมัน  แล้วกดลง
ต่ำอีกให้นางโลมเลียพวงสวรรค์ให้มัน


" ซี๊ดดดด..............ซี๊ดดดดดดดดดดดด...........ซี๊ดดดดด........."



กำหนัดของเว่ยฉิงคัง ท่วมท้นจนสุดระงับ มันจับแก่นกายของมันจ่อเข้ากับปากของนาง

"อ้าปากเจ้าออก"


เมื่อนางเผยอปากออกมา มันก็แอ่นร่าง ดันแก่นกายที่ยาวใหญ่ของมันจนหายเข้าไปในปากของนาง


ชุ่ยเหลียนรับรู้ถึงความคับแน่นในช่องปาก ศรีษะของนางถุกมันจับยึดเอาไว้  แล้วมันก็โยกบั้นเอว
เข้าออกที่ปากของนางอย่างถี่รัว

เว่ยฉิงคัง ส่งเสียงครางกระชั้นถี่ตามจังหวะแก่นกายที่เข้าและออกจากปากของนาง  ความอบอุ่นจากช่องปาก
ของนางเร่งเร้าให้มันโยกบั้นเอวอย่างกระชั้นถียิ่งขึ้น


"ซี๊ดด....ซี๊ดด....ซี๊ดด....ซี๊ดด....ซี๊ดด....ซี๊ดด....ซี๊ดด....ซี๊ดด...."


แล้วมันก็หยุดบั้นเอวลงอย่างกระทันหัน ชักแก่นกายอันยาวใหญ่ของมันออกมา
เว่ยฉิงคังทราบดีว่า หากยังคงปล่อยให้แก่นกายยังคงอยู่ในปากของนางในยามนี้ คงต้องถึงจุดสุขสมไปแล้ว
ด้วยความอ่อนนุ่มและอบอุ่นจากช่องปากของนาง


ชุ่ยเหลียนผลักร่างของมันออก แล้วสำลักออกมา นางเพ่งมองดูหน้ามันอย่างเคืองแค้น

นางยังมิทันได้ขยับร่างไปที่ใด ก็ถูกมันรวบร่างขึ้นมา วางไว้บนเตียง แล้วกระชากกระโปรงของนางออกจากร่าง 
มือทั้งสองของมันยื้อยุดกับมือของนางที่รั้งกางเกงส่วนในไว้ มิให้หลุดออกมา

ในที่สุดนางก็พ่ายแพ้ กางเกงนั้นขาดติดมือมันออกมา จนเผยให้เห็น เนินสวาทอันกว้างขวางปกคลุมด้วยไหมสีดำสนิท
อย่างชัดเจน  มันเคลื่อนกายลงทาบทับร่างของชุ่ยเหลียน มือทั้งสองของนาง ถูกมือของมันทาบทับไว้อยู่เหนือศรีษะ
มันแอ่นบั้นเอวขยับไปมา แก่นกายอันยาวใหญ่ของมันก็ทิ่มแทงเฉียดไปมากับร่องสวาทของนาง บางครั้งลำแก่นกาย
ของมันก็ทายทับพอดีกับร่องสวาทของนาง  มันถูไถบี้บดจนลำแก่นกายของมันเสียดสีกับติ่งสวาทของนาง
สร้างความซ่านเสียวให้กับชุ่ยเหลียนยิ่งนัก

ขณะที่นางกำลังเคลิบเคลิ้มอย่างลืมตัวอยู่นั้น  ส่วนหัวของแก่นกายมันก็ชำแรกผ่านร่องสวาทของนางเข้ามา
จนชุ่ยเหลียนผวาร่างขึ้น  แม้นางมีสามีแล้ว และเคยถูกมันกระทำเช่นนี้มาแล้ว แต่ความใหญ่ยาวของมันก็ยัง
สร้างความตื่นกลัวให้กับนางอยู่ดี

มันดันบั้นเอวจนแก่นกายของมันชำแรกผ่านร่องสวาทของนางเข้ามาจนสุดลำ  ชุ่ยเหลียนรู้สึกคับแน่นในโพรงสวาท
ถึงกับครางออกมา

"โอ๊ะ............โอ้ววววว..........."


จากนั้นมันก็ขยับบั้นเอวของมันเข้าออก  แล้วส่งเสียงครวญครางออกมา คล้ายสาสมแก่อารมณ์กำหนัดของมัน

"ซี๊ดดด........อ้าาา........ซี๊ดดด....อ้าาาา...............ซี๊ดดด....อ้าาาาาา................ซี๊ดดดดด...อ้าาา..."


ชุ่ยเหลียนหลับตา  ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างเสียวซ่าน  นางพยายามข่มกลั้น ไม่ให้ตนเองปล่อยเสียงใดออกมา

เว่ยฉิงคัง เร่งจังหวะบั้นเอวของมันให้เร็วขึ้นจนกลายเป็น ซอยถี่ เสียงครวญครางของมันดังออกมาถึงนอกห้อง

ในยามนี้ ชุ่ยเหลียนก็สิ้นสุดความอดทนเช่นกัน ลำแก่นกายของมันเสียดสีกับติ่งเสียวของนางอย่างเร็วถี่
จนนางมิอาจไม่ส่งเสียง  เสียงของนางเริ่มเล็ดลอดออกมา แล้วดังขึ้นสอดรับกับเสียงของมันได้อย่างคล้องจอง

"โอ้ววว...ซี๊ดดด...โอ้ววว...ซี๊ดดด...โอ้ววว...ซี๊ดดด...โอ้ววว...ซี๊ดดด...โอ้ววว...ซี๊ดดด..."


ขณะที่นางกำลังส่งเสียงครวญคราง ร่างของนางก็สั่นไหวไปตามจังวะบั้นเอวของเว่ยฉิงคังอยู่นั้น
พลันสายตาของนางก็เห็นคนผู้หนึ่ง ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้อง ใบหน้าของคนผู้นั้นมีน้ำตาหลั่งไหลออกมา

มันคือ เอี๊ยงตี้เก่ง  สามีของนางนั่นเอง  เอี๊ยงตี้เก่ง ได้ยินเสียงครวญครางของคนทั้งสองดังออกมา
จึงเดินเข้ามาดู ครั้นพอเห็นเป็น ชุ่ยเหลียน มีท่าทีกำลังซ่านเสียวโดยมีชายอื่นทาบทับอยู่บนร่าง
มันก็ถึงกับนิ่งค้าง ทำสิ่งใดไม่ถูก คล้ายดังว่าวิญญาณของมันได้ล่องลอยออกไปจากร่างแล้ว

ชุ่ยเหลียน ตกใจแทบสิ้นสติ ร้องเรียกเสียงดังออกมา

"ท่านพี่"


เว่ยฉิงคัง หาได้สนใจสิ่งใด มันยังคงเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นจนร่างของนางสั่นไหวไปทั้งร่าง
แม้นางพยายามดิ้นรน ร้องเรียกสิ่งใดออกมามันก็หาได้สนใจ

"ท่านพี่...ฮือๆๆๆ...........ท่านพี่......ปล่อยข้า....ปล่อย...ฮือๆๆๆ..."


เว่ยฉิงคังเสร็จสมบนเรือนร่างของชุ่ยเหลียน ต่อหน้าสามีของนางที่ยืนมองดูอยู่
ชุ่ยเหลียนผลักร่างของมันให้พ้นไปจากร่างของนาง  แล้วโผเข้าหาสามีของนางที่แทบเท้า

"ท่านพี่...ฮือๆๆๆ .........ข้าผิดต่อท่านแล้ว....ท่านพี่.....ฮือๆๆๆๆ......"


เว่ยฉิงคังลุกขึ้นนั่ง ทำท่าทีคล้ายกับเบื่อหน่าย  แล้วพูดขึ้นว่า

"เจ้าช่างไม่รู้ว่า เวลาใดควรสอด  เวลาใดควรนิ่งเฉย บ้างเลย"


 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

gorncp

 ขอบคุณครับ ตอนนี้เดาไม่ค่อยถูกเลยว่าจะเป็นแบบไหน



การตอบ รีพลายอย่าง พอเหมาะพอควรถ้าเจ้าของกระทู้แจ้งมา จะพิจารณา เป็นรายกรณี

ถ้าตอบ เช่น zzzzddd xxxx2222 อิอิ,ลุ้นๆ,555, ดีดี,ดี, ต่อ,ติดตาม,ty,thx,thx kub(Thx ขี้หมาThanx พิมพ์ไม่ถูก
ห้ามใช้ทุกกระดานที่ ฉันดูแล
),ใจจร้า,ใจครับ,แจ่ม,เยี่ยม,สนุกดี,สุดยอด,อ่านต่อ,Good (เฉยๆ)
emo เปล่าๆ
อาจเตือนเห็นอีก ถ้าเตือนไปแล้ว ผิดซ้ำซากก็จะแบนเหมือนกัน รีพลายตอบซั่วๆ ตอบแล้ว mod ไม่เข้าใจ จะโดนแบน
รีพลายมักง่ายต่างๆ จะแบนครั้งแรก 6 เดือน คราต่อไป แบนยาวขึ้น แล้วจะหายเมื่อไม่ปรับปรุง

พวก ก๊อปตอบ รัวๆรวดเดียวเป็น 10 กระทู้ โพสต์ละ 1 นาทีนะ เจอจะ แบน ถ้ามักง่ายเช่นนี้ ถือว่าไม่ให้เกียรติ์
คนแบ่งปัน/ คนลงงาน..พวกเปิดรัวๆ ประโยคเดียวเป็น 10 มันควรหรือ? ตอบซ้ำมาหลายครัง ในกระทู้เดียวกัน
อาจโดนพักใช้ได้เหมือนกัน และห้ามใช้ ข้อความจากระบบในการตอบรีพลายเด็ดขาด! มันมักง่ายประเภทเดียว
กับก๊อปตอบ จะแบน ครึ่งปี ครั้งต่อแบนเพิ่มขึ้นอีก และ หายจากบอร์ด
         

            ผลงานที่ สมาชิกอุตสาห์นำมาลง ไม่ว่าจะเขียนเอง หรือขอมาลงล้วนได้มาด้วยการสละเวลา
            ถ้าจะตอบมามักง่ายก็ อย่าใช้ห้องนี้ เสพผลงานเลยไปหาเสพที่ใดแล้ว รีพลายตอบ นั้นได้ ก็ไป
            อย่าทะลึ่งมา เปรี้ยว มา เกรียน ลอง  สด ,เก๋า อย่าเลย จะเสียน้ำใจเสียความรู้สึกเปล่าๆ
            เพราะถึงคุณมี 100 ยูส 1000 ชื่อ ถ้ารีพลายผิดกฏ-กติกากระดานนี้ ฉัน ก็จะแบนหมด

...................................................................

ถ้าถูกแปะเตือนที่ โพสต์หรือกระทู้คุณ และส่งไปที่ pm คุณ จงรีบปรับปรุงรีพลายซะ ขอบคุง,ขอบหี,ขอบควย
ขอบหมา,ขอบแมว,ขอบคุน
เตือนนะอย่าลองของ ใครโดนเตือนไปให้ปรับปรุงการรีพลายเจอ ครั้ง 2 จะลบ
ทุกกระทู้ที่ตอบ และพบถ้าอีกรอบ จะแบน 6 เดือนเหมือนโทษ ป้วนเกรียนอื่นๆ....

คำขอบคุณยังเขียนไม่ถูกความหมายมันจะถูกไหม? ที่ต้องมาเข้มงวดเรื่องนี้ เพราะชักเยอะพวกมักง่าย เยอะ
ไรต์ คนลงงาน ก็ติมาด้วย..เครนะ ขอกันดีๆ จะไม่โดนลบของเก่าทิ้ง แต่ยังรีพลายอีก ถ้าเตือน เตรียมหาที่อ่านใหม่เลย..
แว่น ยกตัวอย่างคำ ขอบคุณเขียนไม่ถูกชัดไหม?

ใคร ขอบคุณ รีพลาย เขียนไม่ถูกต้องแบนแล้วนะ ให้โอกาสเตือน 1 ครั้ง มันเป็นคำขอของ ไรต์ และ คนลงงาน
เรื่องความมักง่าย เพราะ ขอบคุณ เฉยๆก็ดูเอียนจริงๆ แต่ก็เป็นคำสากลในการตอบแทนน้ำใจ ฉะนั้น ขอเถอะเขียนให้ถูก
เมื่อต้องปรับเปลี่ยนก็ต้องคล้อยตามกัน กฏไม่ได้ใช้กับใคร? เพียงคนเดียว และไม่ยากเกินไป 
คิดว่าสร้างมาตรฐาน กันใหม่อีกสิ่ง ถ้ายากก็ไม่ต้องเข้ามาใช้ กระดานนี้ เพราะ ฉันแบนแน่.. 

อ๋อ thx ขี้หมา นี้หรือ เขียนไม่ครบ thank กระดาน แว่น ดูแลอย่าให้เห็นนะ แบน ย้ำซะขนาดนี้พิมพ์มาอีกถือว่าลอง
บางคนโวยวาย ขำ   thx ขี้หมา แค่นี้ก็แบน ถุย! ก็ตรรกะเอ็งมันมักง่ายไง เงื่อนไขง่ายๆถึงออกมาแถ มันยากนักคุณมึง
ก็ไม่ต้องเข้ามาใช้ เวปนี้ไม่ง้อ บอร์ดอยู่มาได้ไม่ต้องพึ่งคนมักง่ายใช้ตรรกะปลิง จ้องจะสูบทั้งที่ใช้ฟรี เสือกเยอะ
ไรต์เขียนมาหาข้อมูลมากว่าจะจบแต่ละตอน ไอ้ซากปลิง เข้ามา Thx  เหอะๆ เอาใช้ไปหาที่เสพที่อื่นเถอะ เวปนี้แบน

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉัน
แบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึก ด้วยรีพลายคุณเองเลย
เขียน ขอบคุณ ให้ถูก ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,
ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น.
.



2/10/2559


อ้างจาก: nop103 เมื่อ ตุลาคม 02, 2016, 04:35:26 หลังเที่ยง
::Glad:: Good
ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 19  ความลับที่ถูกเปิดเผย( 6 เดือน 2/10/2559-2/4/2560 )
มักง่ายไปเรา แบนไปหาที่อื่นใช้หล่ะกัน

อ้างจาก: Tommy15 เมื่อ ตุลาคม 02, 2016, 05:03:07 หลังเที่ยง
มาแล้วววว
ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 19  ความลับที่ถูกเปิดเผย( 6 เดือน 2/10/2559-2/4/2560 )
ใช่แต่รีพลายอย่างนี้ อดอ่านแล้วววววววววววววว

อ้างจาก: treemiles เมื่อ ตุลาคม 02, 2016, 05:21:43 หลังเที่ยง
โหดจิงๆ
ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 19  ความลับที่ถูกเปิดเผย( 6 เดือน 2/10/2559-2/4/2560 )

พักใช้ไปนะ รีพลายผิดมาก็ เดียวคราวนี้จะเตือนเบาๆ 1 เดือน ครั้งหน้า ครึ่งปีตามนี้แน่

birdramon2

เว่ยฉินคัง มาจัดชุ่ยเหลี่ยน ต่อหน้าต่อตา อย่างนี้เลย คงไม่จบดี เดี๋ยวก็มีคนแก้แค้นแทน

phisuiti

เฟยอี้ได้เพิ่มอีกสองคน แล้ว อาจารย์ละจะเพิ่มอีกกี่คน

nop103

 ::Glad:: Good

2/10/2559
อ้างจาก: nop103 เมื่อ ตุลาคม 02, 2016, 04:35:26 หลังเที่ยง
::Glad:: Good
ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 19  ความลับที่ถูกเปิดเผย( 6 เดือน 2/10/2559-2/4/2560 )
มักง่ายไปเรา แบนไปหาที่อื่นใช้หล่ะกัน

acdzee


tawatrung

เว่ยฉิกคังยังไงก็ยังเป็นคนไม่เอาไหนอยู่ดี ชอบใครก็ไม่ชอบไปชอบเมียชาวบ้านกินของเหลือ สู้เฟยอี้ก็ไม่ได้กินแต่ละทีเปิดซิงทุกคน


panu98765panu

เจ้าเว่ยฉิงคัง รับบทชาติชั่วดีแท้  ผู้ร้ายก็ต้องตายตอนจบอยู่ดี

Tommy15

มาแล้วววว

2/10/2559
อ้างจาก: Tommy15 เมื่อ ตุลาคม 02, 2016, 05:03:07 หลังเที่ยง
มาแล้วววว
ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 19  ความลับที่ถูกเปิดเผย( 6 เดือน 2/10/2559-2/4/2560 )
ใช่แต่รีพลายอย่างนี้ อดอ่านแล้วววววววววววววว

cd13579

เอาวะ คุณชากูไม่ใช่เล่นๆ แต่ไปโซ้ยยยเมียชาวบ้านแบบนี้แย่ๆ
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ


treemiles

โหดจิงๆ


2/10/2559
อ้างจาก: treemiles เมื่อ ตุลาคม 02, 2016, 05:21:43 หลังเที่ยง
โหดจิงๆ
ยอดยุทธสะท้านบู๊ลิ้ม ตอนที่ 19  ความลับที่ถูกเปิดเผย( 6 เดือน 2/10/2559-2/4/2560 )

พักใช้ไปนะ รีพลายผิดมาก็ เดียวคราวนี้จะเตือนเบาๆ 1 เดือน ครั้งหน้า ครึ่งปีตามนี้แน่

flexihop

สมกับเป็นรายปักษ์ที่รอคอยจริงๆ ดำเนินเรื่องเขม้นเกลียวเข้ามาทุกที ขอบคุณครับที่สละเวลาอันมีค่ามามอบความอภิรมย์ครับ