ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

จ้างให้ก็ไม่รัก(1)

เริ่มโดย twintower, พฤศจิกายน 28, 2016, 11:19:58 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

"จอมช่วยตรวจดูสำนวนคำฟ้องด้วยนะ นี่เอกสาร  ส่วนต้นฉบับพี่ส่งให้ทางเมลแล้ว ถ้ามีแก้ไขเพิ่มเติมก็จัดการได้เลย แล้วส่งให้กาญด้วยนะหลังจากตรวจเสร็จแล้ว"

พงษ์ผู้จัดการฝ่ายนิติกรหรือทนายความประจำบริษัทอสังหาฯชื่อดังสั่งงานลูกน้องหนุ่มที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยนิติกรที่พึ่งผ่านทดลองงานมาได้ไม่นานนัก

"ครับพี่"

"พี่จะออกไปคุยกับผู้พิพากษาก่อน อาจจะไม่เข้านะ"

ประโยคหลังพงษ์บอกไปถึงลูกน้องผู้หญิงที่ชื่อกาญที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการในฝ่ายนี้

"ครับ"

เสียงตอบสั้นๆจากผู้ช่วยก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้าไปอ่านเอกสารที่ส่งให้ 
พงษ์ยิ้มออกมานิดนึงก่อนเดินออกจากห้องเพราะรู้ว่าลูกน้องคนนี้เป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก 
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ระหว่างที่จอมนั่งอ่านเอกสารพร้อมดูคู่มือกฎหมายเพ่งประกอบไปด้วยส่วนกาญนั้นติดสายโทรศัพท์อยู่  ระหว่างนั้นมีเสียงที่หน้าห้องว่า

"คุณพงษ์อยู่ไหม"

จอมเหลือบไปมองที่เจ้าของเสียงและเห็นกาญที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เลยเป็นคนตอบเจ้าของเสียงนั้นว่า

"ไม่อยู่ครับ"

แล้วจอมก้มหน้าอ่านเอกสารต่อโดยไม่สนใจเจ้าของเสียง แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงพูดที่ค่อนข้างวางอำนาจ

"ไปไหน ไปนานหรือยัง แล้วจะเข้ามาหรือเปล่า"

สายตาของทั้งคู่ประสานกันอย่างตรงๆ สายตาของจอมที่เริ่มแข็งกร้าวจนเจ้าของเสียงที่วางอำนาจเริ่มหวาดหวั่นแต่ไม่ลดละโทนเสียงลง

"ท่านประธานให้ตามเอกสาร คุณพงษ์ฝากไว้หรือเปล่าหรือไม่รู้เรื่อง"

กาญที่พึ่งวางสายรีบบอกมาว่า

"อยู่กับพี่คะคุณพีซ คุณพงษ์ฝากไว้แล้ว"

แล้วกาญรีบถือซองเอกสารไปให้เจ้าของเสียงที่ยืนอยู่หน้าห้อง

"ขอบคุณนะพี่กาญ"

เป็นเสียงอ่อนลงอย่างมากก่อนที่จะตวัดสายตาที่ไม่พอใจไปมองชายหนุ่มที่นั่งอ่านเอกสารต่อเหมือนไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

"ไม่เป็นไรคะ"

พีซเมื่อได้รับเอกสารแล้วก็เดินกลับไปส่วนกาญเดินหันกลับมาที่โต๊ะของผู้ช่วยหัวหน้าของเธอ

"จอมพี่กาญถามจริงๆ มีอะไรกับคุณพีซเลขาหรือเปล่า เห็นพูดกันแต่ละทีเหมือนโกรธกันมาก่อน"

"เปล่านี่  คุณกาญต้องไปถามเจ้าตัวเองแล้วกันเค้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เจอผมแล้ว  แต่พูดดีๆก็ไม่ได้ วางอำนาจเหลือเกิน ถือว่าเป็นเลขาคุณอ้อมั้ง"

จอมตอบมาเพียงเท่านี้ก่อนจะก้มหน้าไปอ่านเอกสารต่อ
กาญถอนใจเบาๆก่อนเดินกลับมาที่โต๊ะ ทำให้นึกไปถึงช่วงที่จอมเข้ามาทำงานใหม่ๆเพราะพงษ์ต้องการผู้ช่วยนิติกร
แต่ตอนแรกพงษ์นั้นต้องจำใจรับจอมเข้ามาทำงานด้วย เพราะจอมนั้นเป็นเด็กฝากจากท่านประธานเจ้าของบริษัท
โดยที่พงษ์ไม่รู้อะไรมากนักรู้แต่ว่าพ่อของจอมเป็นเพื่อนกับท่านประธาน
แต่ด้วยวุฒิด้านนิติศาสตร์ที่จบมาด้วยคะแนนสูงจนได้เกียรตินิยมอันดับ 1ของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังทำให้พงษ์ตัดสินใจง่ายขึ้น
ซึ่งช่วงแรกๆ ทั้งพงษ์และกาญค่อนข้างอึดอัดกับจอมเป็นพิเศษ 
เพราะความที่เป็นคนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยยิ้ม ทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความลำบากจนพงษ์เกือบจะตัดสินใจให้ไม่ผ่านทดลองงาน 
แต่ด้วยเพราะความสามารถที่พงษ์ไม่เคยเห็นมาก่อนจากเด็กที่จบใหม่ไม่มีประสบการณ์เลย
คือจอมนั้นจำมาตราของกฎหมายได้ค่อนข้างแม่นยำ และตรวจแก้ไขสำนวนฟ้องหรือสัญญาที่ต้องทำกับบริษัทอื่นๆได้ออกมาดีเกินความคาดหมายจนผู้ใหญ่ในบริษัทชมเชย
ทั้งๆที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานที่ไหนมาก่อนและการร่างสัญญาที่เป็นภาษาอังกฤษหลายๆฉบับจอมทำได้อย่างดีเยี่ยมเพราะพงษ์นั้นไม่มีความรู้ในภาษาอังกฤษเลย
ไม่รวมถึงเวลาติดขัดข้อกฎหมายต่างๆ จอมจะช่วยดูและช่วยหาทางออกให้ได้
รวมถึงความจำที่ดีเลิศและเรื่องของการสั่งงานที่จอมทำให้เสร็จและออกมาดีทุกครั้ง
จนพงษ์ยอมรับในฝีมือสมกับที่ได้เกียรตินิยมอันดับ 1
แต่สิ่งที่พงษ์คาใจและยังไม่ถามเพราะตั้งแต่จอมจบมาได้ปีเศษๆจอมไม่เคยคิดจะอบรมเนติต่อรวมทั้งสอบตั๋วทนายด้วย
แถมประธานบริษัทก็แอบมาบอกว่า
พ่อของจอมเป็นอัยการและแม่เป็นทนายความชื่อดังแต่ทำไมจอมถึงไม่อยากก้าวหน้าเหมือนพ่อกับแม่
ซึ่งพงษ์แอบมาปรึกษากับกาญหลายๆเรื่อง 
จนพงษ์ให้จอมผ่านทดลองงานด้วยผลงาน A+ แต่เขียนข้อควรปรับปรุงคือมนุษย์สัมพันธ์ที่จอมทำไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะความที่เป็นคนไม่ค่อยพูด
แต่ถ้าคนที่ทำงานใกล้ตัวจะรู้ว่าจอมนั้นถึงจะเป็นคนอ่อนน้อมแต่ก็เป็นคนที่แข็งกร้าวมากไม่ยอมคนง่ายๆ  แต่จอมก็ปรับตัวให้เข้ากับคนในฝ่ายได้อย่างดี
จนทั้งกาญและพงษ์ต่างชินกับการที่จอมเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ 
แต่กับคนอื่นในบริษัทจอมพูดด้วยน้อยมากและค่อนข้างจะมีปัญหากับพีซเวลาพูดจากัน

"คุณกาญผมตรวจร่างให้เรียบร้อยแล้วนะ ตามที่แก้ในเอกสารนะ คุณกาญพิมพ์ส่วนที่แก้ได้เลยครับ"

จอมเดินมาส่งเอกสารที่แก้ไขเสร็จแล้วให้กาญที่โต๊ะ

"ได้จอมพี่กาญจะทำให้ทันที"

เธอตอบพร้อมนึกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา จอมจะพูดกับเธอแบบนี้ตลอดทั้งๆที่เธอเรียกชื่อจอมได้อย่างสนิท
แต่จอมก็เรียกเธอด้วยคำว่าคุณและแทนตัวเองว่าผมทุกครั้งและอายุเธอก็มากกว่าจอมหลายปีแต่จอมก็ไม่เรียกเธอว่าพี่
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปที่โต๊ะทำงานแต่สิ่งที่เธอรู้เพิ่มเติมนอกจากหัวหน้าเธอ คือเธอรู้ว่าจอมนั้นสมัยเรียนมัธยมเป็นถึงนักพูดโต้วาทีของโรงเรียน
แต่ที่จอมไม่อยากเป็นทนายเพราะไม่อยากพูดมาก นี่คือเหตุผลที่จอมเคยเล่าให้เธอฟังตอนที่ติดรถของจอมระหว่างไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน
ซึ่งเรื่องรถของจอมก็เรียกเสียงฮือฮาจากพนักงานของบริษัทได้เหมือน  เพราะวันที่จอมมาทำงานวันแรกนั้นรถที่ขับมาคือรถจากยุโรปป้ายแดงซึ่งมันดูเกินฐานะ 
แต่พอรู้ว่าพ่อกับแม่ของจอมทำงานอะไรทุกคนเลยคลายความสงสัย  แต่นึกไปกันใหญ่ว่าจอมเป็นลูกคุณหนูเหมือนพีซแต่พอทำงานด้วยแล้วไม่ใช่
จอมนั้นติดดินมากๆ แต่ข้อเสียที่ทุกคนพูดถึงคือความที่ไม่ค่อยพูดทำให้ทุกคนไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย

จนเวลาเลิกงานจอมถามกาญว่า

"คุณกาญจะให้ไปส่งที่ป้ายรถเมล์มั้ยครับ จะได้ไปพร้อมกัน"

"ไม่ต้องจ๊ะจอม  วันแฟนพี่กาญกับลูกมารับพี่กาญนะ"

"ครับ งั้นผมกลับก่อน"

จอมเดินออกจากห้องไปที่ลานจอดรถของบริษัทฯโดยไม่หันไปมองรอบด้าน

เลยไม่เห็นพีซที่กำลังเข้าไปในรถของตัวเองพร้อมส่งสายตาที่ไม่พอใจมาที่จอมแล้วนึกว่า
"เฉื่อยชาแบบนี้ไง รินถึงขอเลิกดีแล้วที่เลิกกับคนบื้อๆแบบนี้"

ก่อนจะขับรถออกไปโดยไม่วายมองกระจกมองหลังเพื่อจะสังเกตจอม   
ที่จริงนั้นจอมไม่เคยรู้เลยว่าพีซเป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยคณะเดียวกับรินแฟนเก่าของจอม
ที่คบหากันตั้งแต่เรียนมัธยมแต่ก็มาเลิกรากันตอนเรียนมหาวิทยาลัย
โดยที่พีซรู้เพราะเห็นเพื่อนดูซึมๆและเศร้าหมองก็เลยสอบถามซึ่งรินบอกว่าพึ่งขอเลิกกับแฟนที่คบมาตั้งแต่เรียนมัธยม
เพราะแฟนเธอนั้นเปลี่ยนไปกลายเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดจาอะไรดูไม่ค่อยสนใจเธอ       
ที่พีซรู้จักจอมนั้นเพราะช่วงก่อนที่จะเรียนจบ เธอกับรินไปเดินซื้อของระหว่างที่นั่งทานข้าว
รินทำท่าจะหลบใครบางคนพอจอมเดินผ่านไปรินชี้ให้พีซดูว่านั่นคือแฟนเก่าของริน 
ทำให้พีซรู้จักจอมฝ่ายเดียว และพอจอมเข้ามาทำงานที่เดียวกันพีซรู้สึกขวางๆกับจอมทันทีที่แนะนำให้รู้จัก 
เพราะสายตาของจอมเวลามองมาที่เธอมันดูเฉยเมย  ต่างกับผู้ชายคนอื่นที่รู้จักเธอซึ่งส่วนมากจะดูพอใจที่ได้รู้จักคนหน้าตาดีอย่างเธอ 
ตั้งแต่เธอมาทำงานที่นี่ได้ปีเศษๆมีผู้ชายมาแวะเวียนเพื่อจีบเธอหลายคน แต่พีซเป็นคนช่างเลือกตั้งแต่สมัยเรียน เลยไม่มีคนจีบเธอติด
แต่จอมกลับทำสิ่งที่เธอไม่ต้องการ และเวลาพูดจากับเธอก็ดูเหมือนไม่ให้เกียรติเธอเหมือนกับผู้ชายคนอื่นที่ พร้อมจะยินดีช่วยเหลือเธอตามที่ขอ
ทำให้เธออดขวางไม่ได้และมองว่าจอมเป็นคนเฉื่อยชาซื่อบื้อ จนกลายเป็นเรื่องอคติกับจอมไปทุกเรื่องและเธอก็ไม่บอกกับรินว่าเธอได้ทำงานที่เดียวกับจอม 
เพราะดูแล้วมันไร้สาระที่เพื่อนของเธอจะมารู้เรื่องกับคนที่เฉื่อยชาแบบนี้

จอมขับรถเข้าบ้านด้วยความรู้สึกที่เบื่อหน่ายหลังจากที่เด็กรับใช้ปิดประตูบ้าน
จอมมองไปที่โรงจอดรถเห็นรถ3คันของผู้เป็นพ่อกับแม่และของตนเองที่ใช้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยจอดอยู่แล้ว
ก่อนที่จอมจะถอยไปจอดข้างๆ แล้วถอนหายใจเบาๆก่อนเดินเข้าบ้านซึ่งพบผู้เป็นพ่อกับแม่นั่งอยู่ที่โซฟาร์แล้ว

"งานเยอะไหมจอม"

ผู้เป็นพ่อถาม จอมพยักหน้าก่อนที่แม่จะบอกให้จอมขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะมาทานข้าวเย็นด้วยกัน

"ครับแม่"

จอมรับคำของแม่แล้วจอมเดินขึ้นไปข้างบน โดยที่พ่อกับแม่มองตามลูกชายคนเดียว

"ผมผิดเองคุณ ที่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้"

"เราต้องช่วยกันคะ  มันแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว ต้องช่วยกันทำให้ลูกกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้"

จอมเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูก่อนที่จะนั่งบนเก้าอี้ตัวหรูราคาแพงที่ใช้นั่งอ่านหนังสือ
แล้วเอาเท้าพาดบนโต๊ะตัวใหญ่โดยไม่สนใจว่าจะไปโดนเครื่อง Mac ราคาแพง แล้วถอนหายใจอีกครั้ง 
จอมนั้นสมัยเรียนมัธยม เรียนสายวิทย์-คณิตอยู่ในห้องคิงส์ เป็นนักเรียนที่ผลการเรียนดีมาก
และเจ้าตัวตั้งเป้าที่จะสอบให้ติดสายวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะด้านเคมีที่ตัวเองชอบเป็นพิเศษ
แต่ก่อนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย จอมถูกผู้เป็นพ่อบังคับให้เลือกเรียนนิติศาสตร์เหมือนกับพ่อและแม่
เพราะอยากให้จอมเป็นอัยการหรือไม่ก็ผู้พิพากษาเหมือนกับปู่แต่จอมไม่ชอบ
จนทั้งพ่อและลูกทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนแม่ต้องเข้ามาอ้อนวอนซึ่งจอมต้องจำใจเรียนเพราะน้ำตาของแม่
ทั้งๆที่ผู้เป็นป้าที่เป็นพี่สาวแท้ๆของแม่หนุนหลังหลายชายอย่างออกหน้าพร้อมประกาศว่า

"ถ้าบังคับหลานชายสุดที่รักมากๆจะให้เปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลฝ่ายแม่และเธอจะรับจอมเป็นลูกเอง"

จนผู้ใหญ่กินใจกันในตอนนั้นพึ่งมาปรับความเข้าใจกันไม่นานนี้
ทำให้จอมแทบไม่พูดกับพ่อตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และเปลี่ยนเป็นคนเก็บตัวเงียบขรึมไม่ค่อยพูด
ต่างจากตอนเรียนมัธยมที่เป็นคนร่าเริงช่างพูดจนเป็นนักโต้วาที ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์
จนแฟนมาขอเลิกเพราะทนกับความเฉยเมยที่เปลี่ยนไปของจอมไม่ได้
และกว่าพ่อจะมารู้ว่าลูกเปลี่ยนไปก็ตอนที่จอมจะขึ้นปี 2ซึ่งก่อนหน้านั้นช่วงเรียนปี 1 เทอมแรก
พ่อได้ยินจอมมาปรึกษาแม่ว่าอยากได้โน๊ตบุ๊ค1เครื่องเพื่อใช้ตอนไปเรียนนอกเหนือจากเครื่อง PC ที่อยู่ในห้องนอน
เย็นวันรุ่งตอนที่จอมกลับจากเรียนพบโน๊ตบุ๊คราคาหลายหมื่นตั้งอยู่บนโต๊ะในห้องนอน 
แต่สิ่งที่ทุกคนในบ้านเห็นตอนเช้าวันต่อมาคือ โน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นถูกเก็บลงกล่องแล้วมาตั้งบนโต๊ะรับแขกและตอนเย็นวันนั้น
จอมกลับบ้านพร้อมโน๊ตบุ๊คแบบเดียวกันโดยใช้เงินของป้าที่ให้มารายเดือนไปซื้อ 
ทำเอาผู้เป็นพ่อเสียใจมากแต่ไม่ยอมให้ย้ายเครื่องที่จอมเอามาคืนและไม่ให้ใครใช้
จนผู้เป็นแม่ต้องเอาไปเก็บที่ทำงานแทน เพราะกลัวมันจะเพิ่มความบาดหมางของพ่อกับลูกเข้าไปอีก 
จนในตอนนั้นพ่อยอมให้จอมไปสอบใหม่หรือไปเรียนที่ต่างประเทศในคณะวิทยาศาสตร์ที่ต้องการได้ 
แต่สิ่งที่ตอบรับคือความเฉยเมยจากผู้เป็นลูกไม่มีคำตอบใดๆจอมลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปบนห้องทันที
แต่จอมก็ตั้งใจเรียนเหมือนคนที่ได้รับคำสั่งและด้วยเป็นคนที่หัวดีทำให้จอมได้เกียรตินิยม
แต่ระหว่างเรียนจอมนั้นไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆไม่สนใจสังคมในมหาวิทยาลัยเลยทำให้เป็นคนที่มีเพื่อนน้อย
และระหว่างเรียนผู้เป็นป้าได้ซื้อรถให้หลานชายใช้แถมเงินที่ให้เป็นรายเดือน
จนผู้เป็นพ่อพูดไม่ออกแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะรู้ว่าตนเองเป็นต้นเหตุ

จนจอมเรียนจบ พ่อซื้อทั้งเครื่อง MacและMac book ให้เป็นรางวัล
แต่จอมก็ไม่ทำงานหรือทำท่าจะเรียนต่อหรือไปอบรมเนติ
ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ใยดีเอาแต่ท่องเที่ยวไปที่ต่างๆทั้งในต่างประเทศและในประเทศ
ทั้งที่ผู้เป็นป้ากับลุงชวนให้ไปทำงานโดยอยากให้จอมไปช่วยลูกสาวที่มีศักดิ์เป็นพี่สาว
จอมก็ไม่สนใจที่สำคัญผู้เป็นป้าเป็นคนออกเงินให้หลานชายเที่ยวตลอด 
จนพ่อต้องขอร้องอ้อนวอนให้กับลูกชายที่ไม่ค่อยได้พูดกันเท่าไหร่นักมาทำงาน
โดยฝากให้ทำงานกับบริษัทของเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน
หลังจากรู้ว่าบริษัทของเพื่อนอยากได้คนที่จบกฎหมายมาช่วยงาน
และซื้อรถใหม่ราคาแพงให้ลูกชายอีกคันเหมือนเป็นการขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา
และขอบคุณที่ยอมตามใจพ่อในเรื่องที่ยอมทำงาน  แต่ความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกยังห่างเหินกันเหมือนเดิม
ทั้งๆ ที่พ่อเป็นฝายชวนคุยแต่สิ่งที่ได้รับคือความเฉยชาจากลูก
และผู้เป็นแม่พยายามที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมแต่จอมยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบรับลึกๆจอมนั้นสงสารผู้เป็นพ่อ 
แต่ความรู้สึกที่โกรธพ่อในเรื่องการบังคับให้เรียนยังฝังใจอยู่ขนาดพ่อยอมให้จอมไปเรียนใหม่
แต่จอมไม่ยอมรับเพราะอยากประชดพ่อว่าตนเองทำตามที่สั่งแล้วทำให้จอมไม่ค่อยอยากอยู่ที่บ้านเท่าไหร่ เพราะความอึดอัดกับครอบครัวที่ตัวเองสร้างขึ้นมา

ผ่านไป 2-3 อาทิตย์ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
จอมกำลังนั่งตรวจเอกสารสัญญาที่เป็นภาษาอังกฤษก่อนที่จะมีการพูดคุยกับลูกค้าจากต่างชาติในวันนี้ที่
พงษ์ให้จอมเข้าประชุมกับคุณเอกที่เป็นลูกชายคนเล็กของประธานบริษัทที่ทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายขายกับลูกค้าต่างชาติ
ซึ่งมีลูกสาวคนโตทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไป 
พอได้เวลาจอมกับหัวหน้าได้เข้าไปในห้องประชุมก่อนที่เอกกับพีซจะพาลูกค้าต่างชาติและทนายความชาวไทยเข้ามาในห้อง   
พีซที่เข้ามาทำหน้าที่จดบันทึกและเป็นตัวแทนของประธานบริษัทกับพี่สาวของเอก
ทำสีหน้าไม่พอใจที่เห็นจอมเข้ามาร่วมประชุมด้วย
ส่วนเอกนั้นก็ไม่ค่อยชอบใจกับจอมเท่าไหร่นักเพราะเห็นเป็นเด็กฝากแถมไม่มีประสบการณ์และจบแค่ปริญญาตรีไม่เหมือนตนเองที่จบปริญญาโทถึง 2ใบ 
แต่พอการพูดคุยเริ่มขึ้น เอกถึงกับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่
จอมนั้นมีทักษะในการพูดคุยและเจรจารวมทั้งตอบข้อสงสัยของทั้งทนายความและชาวต่างชาติให้หมดความสงสัยได้
รวมถึงภาษาอังกฤษที่จอมพูดจาได้แบบไม่ติดขัดจนการประชุมสำเร็จลงได้อย่างดี
ทำเอาพีซถึงกับตกใจ เพราะเธอนึกไม่ถึงว่าจอมจะเก่งขนาดนี้
เพราะได้ยินแต่คำชมจากผู้ใหญ่หลายๆคนในบริษัท
แต่นี่เธอเจอกับตัวเองยิ่งได้ยินคำชมจากทนายความของลูกค้าที่บอกว่า
จอมเก่งเหมือนกับแม่ที่เป็นทนายความและรู้จักกับพ่อของจอมที่เป็นอัยการ 
เอกถึงกับขอบคุณจอมเมื่อไปส่งลูกค้าแล้วว่าโครงการนี้สำเร็จเพราะจอมมีส่วนช่วยอย่างมาก
พร้อมเปลี่ยนท่าทีที่ไม่เคยถูกชะตามาเป็นชื่นชมแทน 
แต่สำหรับพีซนั้นยังไม่ถูกชะตากับจอมเหมือนเดิมยิ่งจอมทำตัวกับเธอไม่เปลี่ยนแปลง
แต่เธอยอมรับในความสามารถของผลงานในวันนี้พร้อมทั้งทึ่งในเรื่องของการใช้ภาษาที่เธอสู้ไม่ได้เลย

จนกลับบ้านเธอตัดสินใจโทรไปหารินที่ตอนนี้ไปทำงานกับครอบครัวที่เชียงรายเพื่อจะสอบถามบางเรื่องให้คลายความสงสัย
พีซตัดสินใจเล่าให้ฟังว่าทำงานที่เดียวกับจอม โดยรินรู้สึกดีใจมากที่ได้ข่าวจอม
พีซเลยบอกไปตามตรงว่าไม่ถูกชะตากับจอมเท่าไหร่แต่สงสัยว่าทำไมจอมเก่งมากทั้งๆบุคลิกดูเป็นคนเฉื่อยชา ไม่สนใจอะไร 
รินเลยเล่าให้ฟังว่าจอมเป็นคนที่เรียนเก่งมากหัวดี เป็นนักโต้วาทีเลยมีวาทะศิลป์ในการพูด
แต่ทำไมพอเรียนมหาวิทยาลัยจอมถึงเปลี่ยนไปรวมทั้งคณะที่เลือกเรียนก็ไม่ใช่อย่างที่จอมตั้งใจและเคยบอกไว้
รินไม่รู้สาเหตุรวมถึงเรื่องที่จอมเปลี่ยนไปมากแต่รินอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของจอม
ซึ่งพีซไม่รับปากว่าจะหาให้ได้หรือเปล่าเพราะไม่เคยคุยกันเป็นส่วนตัวแล้วจึงวางสายหลังจากที่รู้ข้อมูล ของจอมแล้ว
ซึ่งพีซก็ไม่เข้าใจตัวเองที่อยู่ดีๆมาสนใจอยากรู้เรื่องของจอมขึ้นมาทั้งๆที่ ไม่ถูกชะตาตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก

"ขับรถหรูราคาแพงแต่ไร้รสนิยม"

นี่คือสิ่งที่เธอคิดข่มจอมมาตลอด

"จอมเห็นเมลที่ HRส่งมาหรือยัง"

"เมลอะไรครับคุณกาญ"

"แจ้งเรื่องสัมมนานะจอม ที่ทางบริษัทจะให้ไปสัมมนากันที่เมืองกาญฯนะ"

"อ้าวหรือครับยังไม่เปิดดูครับ งั้นผมขอดูก่อนแล้วกัน"

จอมมองไปที่จอคอมบนโต๊ะก่อนเปิดอีเมลขึ้นมา ซึ่งมีการแจ้งเรื่องไปสัมมนานอกสถานที่ของบริษัท
ซึ่งเป็นแนวคิดของคุณอ้อที่เป็นลูกสาวคนโตของท่านประธานที่อยากให้พนักงานไปพักผ่อนนอกสถานที่
หลังจากที่ผ่านวันที่คุยกับลูกค้าต่างชาติมาได้2-3 วันแล้ว
จอมได้รับคำชมอย่างมากจากผู้บริหารพร้อมทั้งท่าทีที่เป็นมิตรมากขึ้นของเอก 
แต่พอจอมเห็นชื่อรีสอร์ทที่จะไปสัมนาแล้วถ้าใครสังเกตเห็นจอมจะทำหน้าแบบยิ้มๆขึ้นมา

"รีสอร์ทนี้สวยหรือเปล่าใครรู้บ้าง"

เสียงของพงษ์ผู้เป็นหัวหน้าถามขึ้นมา

"กาญไม่เคยไปคะ  แต่รีสอร์ทนี้มีชื่อนะ แถมแพงด้วย
เคยอ่านคนที่เคยไปเที่ยวมาแล้วมารีวิวบรรยากาศสวยมากเลยคะพี่พงษ์ จอมเคยได้ยินชื่อรีสอร์ทนี้หรือเปล่า"

"เคยไปพักบ้างเหมือนกันครับคุณกาญช่วงตอนสมัยเรียน ก็สวยดีครับ"

นี่คือคำตอบจากคนที่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่แต่ก็สร้างความมั่นใจว่าต้องดีแน่ๆ 
เพราะเป็นคำชมที่ไม่ค่อยจะได้ยินนักจากปากของจอม

"เห็นท่านประธานกับคุณเอกรู้จักกับเจ้าของรีสอร์ทนี้นะ เลยเลือกที่นี่"

เสียงของพงษ์เป็นคนพูดมาทำเอาจอมชะงักไปนิดนึงแต่ก็ก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่พูดอะไรอีก
จนวันที่ไปสัมมนาทุกคนในบริษัทเดินทางโดยรถบัสรวมถึงผู้บริหารทุกคนด้วย
ซึ่งพอไปถึงทุกคนต่างพากันชื่นชมกับบรรยากาศของรีสอร์ทที่กว้างใหญ่และรื่นรมย์
พีซถึงกับชอบบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่อยูไกลออกไปบนเนินลูกหนึ่งที่ดูใหญ่ และสวยงามจนเธอถึงกับชมไม่หยุดกับเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน
รวมถึงเอกที่เป็นลูกคู่คอยสนับสนุนเพราะตัวเองหวังจีบเลขาคนนี้ของพี่สาวอยู่

"บ้านหลังนั้นสวยมากเนอะพี่อ้อ  ไม่รู้ว่าถ้าจะพักจะคืนละเท่าไหร่คงแพงน่าดูนะครับพ่อ"

เอกถามขึ้นระหว่างทานข้าวกลางวัน

"แกก็ถามคุณภาสิ  แต่มันใช่ของรีสอร์ทหลังนั้นหรือเปล่า"

"น่าจะใช่ ไม่เป็นไรถามพนักงานก็ได้"

เป็นจังหวะที่มีพนักงานมาเสริฟอาหารให้พอดี แต่คำตอบที่ได้รับคือ

"หนูก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นะคะเพราะมาทำงานได้2-3เดือน บ้านหลังนั้นไม่ใช่บ้านให้แขกพักคะ 
เป็นบ้านของน้องสาวหรือหลานชายท่านเจ้าของรีสอร์ทนี่แหละคะเนื้อที่ประมาณ15ไร่ค่ะ "

นี่คือคำตอบที่ได้รับ  ส่วนกาญก็เช่นกันชี้ให้จอมดูบ้านหลังนั้น
ซึ่งชายหนุ่มมองด้วยสายตาที่เฉยเมยไม่มีความรู้สึกอะไรซึ่งเป็นเรื่องบุคลิกของจอมอยู่แล้ว
แต่ถ้าสังเกตดีๆแววตาของจอมจะสดใสมากเมื่อมองไปที่บ้านหลังนั้น  การสัมมนาผ่านไปด้วยดีทั้งงานเลี้ยงตอนกลางคืน
แต่ระหว่างงานเลี้ยง พีซมองเห็นจอมที่เอาจักรยานของรีสอร์ทขี่ไปทางบ้านหลังที่สวยงามนั้นซึ่งเธอคิดไปว่า

"แปลกคน  ไปดูอะไรตอนกลางคืน กลางวันก็ไม่ดูไปตอนนี้จะเห็นอะไร หรือว่าขี่จักรยานเล่น แต่ช่างเหอะอย่าไปสนใจคนพิลึกแบบนี้เลย"

แล้วเธอก็หันไปสนุกกับงานเลี้ยงต่อ  เพราะพรุ่งนี้ช่วงเช้าจะปล่อยให้พักผ่อนเต็มที่ก่อนกลับบ้านตอนบ่าย 
ตอนเช้าของวันต่อมาหลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้วทุกคนต่างพักผ่อนไม่ก็พากันไปสนุกกับกิจกรรมที่มีในรีสอร์ทหลายอย่าง
แต่จอมเดินไปทางคอกม้าอย่างคนที่ชำนาญทางซึ่งตอนเดินไปจอมเหลือบเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ใกล้ๆกับทางไปล็อบบี้
จอมยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่มุ่งหน้าไปที่คอกม้าเหมือนเดิม   รีสอร์ทแห่งนี้มีม้าให้แขกที่มาพักขี่ด้วย พอเดินไปถึง
จอมเห็นคนเลี้ยงม้ากำลังดูแลม้าในคอกตัวหนึ่งที่มีลักษณะดี สีดำสนิทตัวสูงใหญ่ จอมยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆทันที

"คุณครับคุณอย่าเข้าใกล้มันยังไม่คุ้นกับคน มีแต่ผมกับลูกสาวคุณท่านเท่านั้นที่เข้าใกล้ได้"

"ม้าพันธุ์อาหรับ นี่หรือมู่หลานไม่ต่างจากรูปที่เห็นสวยมากๆ"

ทำเอาคนเลี้ยงอ้าปากค้าง

"คุณรู้จักชื่อมันได้ยังไงครับ"

ก่อนที่จอมจะตอบ มีเสียงเรียกของผู้ชายจากด้านหลังของคนทั้งคู่

"ว่าไงคุณ ใช่จริงๆ เห็นเดินตรงลิ่วมาที่นี่ ว่าไงหลานรักของลุง"

จอมยิ้มทันทีก่อนที่จะหันไปเห็นชาย-หญิงสองคนที่สูงวัย พร้อมท่านประธานและคุณอ้อกับคุณเอกรวมถึงพีซด้วย
เป็นรอยยิ้มที่ทุกคนในบริษัทไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นยิ้มที่สดใสของชายหนุ่ม ทำเอาพีซกับคุณอ้อตะลึงกับรอยยิ้มนี้
จอมเดินเข้าไปกราบที่บ่าของผู้ชายและกราบที่บ่าของผู้หญิงก่อนสวมกอดอย่างแน่นพร้อมหอมแก้มทั้งสองแก้ม

"ว่าไงจอม ตั้งแต่ทำงานไม่มาหาป้าเลย"

ฝ่ายหญิงเป็นทักขึ้นพร้อมสำรวจดูหลานชายคนโปรดไปทั่วร่าง

"แล้วพี่ภาไม่มาด้วยหรือครับ"

"กำลังตรวจเอกสารอยู่ แต่เห็นว่าจะตามมานะลูก"

ผู้เป็นลุงเป็นคนตอบแต่ยังไม่ทันขาดคำ มีเสียงดังและยาวๆขึ้นมาทันที

"ว่าไงน้องเลิฟฟฟฟฟฟฟฟฟของพี่ มาทั้งทีไม่มาหา เดินมาหาม้าก่อนพี่ได้ยังไง"

สิ่งที่ทุกคนเห็นแม้จะไม่รู้ว่ามาก่อนว่าเป็นคู่นี้เป็นญาติกันคือการแสดงความสนิทสนมของทั้งคู่ฝ่ายหญิงเอามือขยี้หัวจอมอย่างเมามันจนผู้เป็นแม่ร้องห้าม

"ภาอย่างรังแกน้อง"

"ก็มันเขี้ยวนี่คะ หมั่นไส้ด้วย ภาเห็นตั้งแต่เดินมองที่รถแล้วแทนที่จะมาหาเราก่อนกลับเดินมาหามู่หลานทันที ภาว่าแล้วไม่มีผิด"

"ลุงกับป้าก็เจอหลานรักจนได้"

ท่านประธานเป็นคนทักขึ้นมาเพราะรู้ดีว่าจอมเป็นหลานของเจ้าของที่นี่และยังนับถือเจ้าของรีสอร์ทเหมือนพี่สาวกับพี่ชายด้วย
โดยที่เอกกับอ้อนั้นไม่รู้มาก่อน เพราะรู้แต่ว่าจอมเป็นลูกชายของเพื่อนสนิท อีกอย่างเอกก็ตามจีบภามานานแล้วแต่ภาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
พีซนั้นได้แต่มองเห็นว่าภาเดินจูงมือจอมเข้าไปใกล้ๆม้าตัวใหญ่สีดำ ซึ่งคนเลี้ยงยืนตัวงอรอรับคำสั่งอยู่ ระหว่างที่ผู้ใหญ่ต่างสนทนากัน จอมหันไปบอกคนเลี้ยงมาว่า

"มีแครอทหรือเปล่าครับขอให้ผมหน่อย"

"ครับๆๆผมจะไปเอามาให้"

ส่วนภาหันไปมองน้องชายแล้วบอกว่า

" มันยังพยศอยู่นะ พี่ยังเอาแทบไม่อยู่ขนาดคนเลี้ยงยังไม่ค่อยยอมให้ขี่ส่วนใหญ่จะจูงให้ออกกำลังกาย"

"งั้นต้องลอง"

จอมพูดแล้วเดินไปที่คอกม้าเปิดประตูพร้อมจูงม้า ออกมาจากคอกซึ่งม้าตัวสีดำดูจะไม่ยอมสะบัดหัวไปมาแต่พอจอมเข้าไปลูบที่คอ2-3ครั้ง ถึงยอมให้จูงออกมา
และพอได้แครอทจากคนเลี้ยงจอมเป็นคนป้อนให้กับมือซึ่งตอนนี้เริ่มเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครรวมถึงพนักงานบริษัทหลายๆคนที่เดินผ่านมา
จอมหันมาที่อานม้าที่เตรียมไว้ใกล้ก่อนจะเอามาผูกซึ่งคนเลี้ยงได้ทักท้วงว่า

"เอ่อคุณภาครับจะดีหรือครับ  มู่หลานจะยอมหรือขนาดคุณภามันยังไม่ค่อยยอม"

"ก็ลองดู  อย่างมากจอมก็ตกม้าเนอะน้องรัก"

ประโยคหลังหันมาแหย่น้องชายโดยที่จอมหันมายิ้มให้ก่อนเอาอานม้าไปผูกและจูงมู่หลานไปตรงลานที่ใช้ขี่ม้าที่อยู่ไม่ไกล
แต่ในสายตาและประสบการณ์ของคนเลี้ยงม้าดูออกทันทีว่าจอมมีความชำนาญมากตั้งแต่วิธีผูกอาน วิธีปลอบม้า

'งั้นชายหนุ่มคนนี้คงใช่คุณจอมหลานชายของท่านที่คุณภาเอ่ยถึงบ่อยๆ ว่า "ต้องเอามู่หลานอยู่"
และม้าที่เลี้ยงไว้หลายตัวหลังบ้าน หลังที่สวยงาม ที่ตัวเองต้องไปดูแลตลอดก็เป็นของคุณจอม' เป็นสิ่งที่คนเลี้ยงม้าคิด

"กูว่าไอ้ขี้เก็กตกม้า  มันทำแอ็คโชว์ท่านประธาน"

"เอาสิกูพนันด้วยว่า จอมขี่ได้"

เสียงพูดกันระหว่างพนักงานในบริษัทที่ไม่ค่อยสนิทกับจอมที่ยืนมองอยู่
ท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่ยืนมอง จอมนั้นไม่สนใจยืนลูบคอม้าสักครู่ก่อนเหวี่ยงตัวขึ้นขี่
ซึ่งม้าตัวสีดำทำท่าพยศยกขาหน้าขึ้น พร้อมร้องเสียงดัง 
แต่จอมแสดงทักษะให้ทุกเห็นว่ามีความสามารถอย่างไร ก่อนที่จะบังคับให้ม้าหยุดพยศและออกวิ่งทันที 
ท่ามกลางเสียงหัวเราะและปรบมืออย่างชื่นชมของภาที่มีต่อน้องชาย

"ทั้งสองคนนี้ ชำนาญตั้งแต่เล็กๆแล้วคะ ปิดเทอมทีก็มาหัดขี่ม้ากันที่นี่ จนชำนาญ
โดยเฉพาะจอม เข้าขั้นเซียนที่ปราบม้าไม่ว่าจะพยศขนาดไหนทำให้เชื่องได้หมด"

ผู้เป็นป้าตอบข้อสงสัยแม้จะไม่มีคำถามของท่านประธานกับลูกๆและพีซ ที่กำลังตะลึงความสามารถของจอม

"เด็กคนนี้มีความสามารถมากเลยนะคะคุณป้า" คราวนี้อ้อเป็นฝ่ายถามขึ้น

เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยสนใจจอมเท่าไหร่นักเพราะเห็นว่าเป็นพนักงานคนหนึ่งมาทำงานด้วยเพราะเส้น
ถึงจะจบมหาวิทยาลัยมีชื่อได้เกียรตินิยมถึงจะหน้าตาดี
แต่พอเธอเห็นผลงานหลายๆอย่างที่พ่อเธอชมรวมทั้งที่เห็นในวันนี้ทำให้เธอเริ่มสนใจจอมขึ้นมา 
รวมถึงพีซที่แอบคิดไปว่าถ้าจอมยิ้มแบบนี้มันดูดีกว่าจอมที่เธอรู้จัก ทุกอย่างมันดูสดใสไปหมด

"ใช่จ๊ะ ระดับจีเนียสเลยละแต่ห้ามขัดใจ หรือบังคับไม่อย่างนั้นจะเปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่งทันที"

ผู้เป็นป้าพูดได้เท่านี้  เพราะรู้ดีว่าหลานเป็นคนยังไง
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตอนแรกเธอต่อว่าน้องสาวผู้เป็นแม่ของจอมอย่างมาก
และพาลไปโกรธถึงผู้เป็นพ่อว่าบังคับลูกชายให้ทำในสิ่งที่ลูกไม่ชอบจอมไม่ใช่หุ่นยนต์
จนเธอประกาศว่าถ้าไม่พอใจเธอจะรับจอมมาเลี้ยงเองพร้อมให้เปลี่ยนนามสกุลทันที
จนกินใจกันแต่เมื่อน้องสาวเอาเรื่องมาปรึกษาว่าผู้เป็นพ่อยอมอ่อนให้
แต่จอมไม่ตอบรับและไม่ยอมพูดกับพ่อเลยเธอก็นึกสงสารผู้เป็นพ่อ 
แต่ความสงสารหลานมีมากกว่าเธอเลยให้ท้ายจอมตลอด ไม่ว่าจะซื้อรถให้ตั้งแต่เรียนปี 1หรือให้เงินใช้อย่างไม่ขาดมือ
รวมถึงถ้าจอมต้องการจะไปเรียนต่อต่างประเทศเธอจะออกเงินให้เอง
จนจอมเรียนจบเธอก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ จนผู้ใหญ่มาปรับความเข้าใจกัน 
แต่เธอยังไม่รู้จะพูดกับหลานคนนี้อย่างไรเพราะรู้นิสัยดีว่าจอมเป็นคนอ่อนนอกแข็งในดื้อเงียบ
รวมถึงลูกสาวก็บอกว่าต้องใช้เวลาและหาจังหวะในการพูดไม่อย่างนั้นน้องชายเธอเตลิดแน่นอน
ซึ่งทุกคนจะรู้ว่าถ้าจอมเจอกับลุงป้าและพี่สาว จอมคนเดิมจะกลับมาให้เห็นทันที
ไม่ทีท่าทีเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก เหมือนในเวลานี้ที่ทุกคนเห็น

"เออจอมก็ยิ้มได้หมือนกันเห็นหรือเปล่ากาญ"

พงษ์พูดขึ้นระหว่างที่พาลูกน้องมายืนข้างๆรั้วลานขี่ม้าระหว่างดูจอมที่ตอนนี้บังคับให้ม้าวิ่งเหยาะๆพร้อมใบหน้าที่เต็มใบด้วยรอยยิ้ม

"นั่นสิคะพี่ เวลายิ้มแล้วดูหล่อจริงๆไม่เหมือนกับหน้านกฮูกอารมณ์เสียที่เราเห็นอยู่ทุกวัน  ถ้าไม่ติดมีลูกมีผัวแล้ว กาญจับจอมทำผัวเลยนะนี่"

เธอพูดพร้อมเสียงหัวเราะและนึกเหมือนใครหลายๆคนว่า 
เวลายิ้มดูสดใสนี้จอมดูหล่อจริงๆจนจอมบังคับม้าให้หยุดก่อนจะลงและเดินจูงมาหาผู้เป็นลุงกับป้า

"ขนาดไม่ได้ขี่ม้ามา3-4ปี ฝีมือยังไม่ตกน้องเราเป็นไงอย่างที่บอกหรือเปล่า" ผู้เป็นพี่สาวเป็นคนถาม

"อืมใช่จริงๆพยศพอสมควรแต่ก็สมกับเป็นม้าอาหรับ วิ่งได้ดี ถ้ามีเวลามากกว่านี้จะลองพาวิ่งให้ไกลกว่านี้"

พร้อมกับทำหน้าแบบที่ภาคุ้นเคยเป็นอย่างดี  ที่คนที่พึ่งรู้จักไม่เคยเห็นมาก่อนว่าเป็นใบหน้าที่ขี้เล่นเป็นอย่างมาก

"ไม่ให้  มู่หลานตัวนี้หวง แพงด้วย รอรุ่นลูกก่อน  จอมก็มีตั้ง3-4ตัวแล้วที่บ้าน" ภาพูดแบบรู้ทันน้องชาย

"คุณลุงครับ"

เสียงอ้อนๆจากหลานชายทำเอาอ้อกับพีซเผลอตัวหัวเราะเมื่อรู้ว่าจอมเป็นคนขี้เล่นขนาดนี้
ท่ามกลางเสียงล้งเล้งของพี่กับน้องที่เรียกเสียหัวเราะได้ จนจอมส่งสายบังเหียนให้คนเลี้ยงพาเข้าคอก
เอกเลยได้โอกาสสอบถามพร้อมกับอ้อซึ่งจอมอธิบายได้อย่างดีถึงความเป็นมาที่ตนเองขี่ม้าได้อย่างคล่อง
ทำเอาพีซที่ยืนฟังอยู่ถึงกับแปลกใจกับบุคลิกที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพร้อมทั้งเผลอนึกไปว่าถ้าจอมเป็นแบบนี้ตลอดก็คงดี 
จนผู้เป็นลุงเชิญท่านประธานและลูกๆเดินไปดูด้านอื่น
ซึ่งพีซก็เดินตามไปด้วย แต่ก็ได้ยินเสียงพูดแว่วๆของจอมที่พูดกับภาว่า

"งั้นให้เอามู่หลานไปไว้รวมกับม้าที่บ้านก็ได้จะได้ไม่รวมกับม้าที่ให้ลูกค้าขี่ เมื่อคืนนึกว่าอยู่ที่บ้านขี่จักรยานไปดู ไม่เจอเลยมาดูที่นี่ตอนเช้า"
ก่อนที่ภาจะหันมาสั่งคนเลี้ยงม้า

แต่พีซเดินออกมาก่อนจนได้เวลากลับซึ่งจอมได้ไปลาลุงกับป้าก่อน
แล้วพร้อมบอกว่าเย็นนี้จะไปกินข้าวเย็นด้วย เมื่อรู้ว่าลุงกับป้าจะกลับกรุงเทพเหมือนกัน
ส่วนภาเดินมาส่งน้องชายที่รถบัสแต่ระหว่างทางภาเจอกับเอกที่เดินมาพร้อมกับพี่สาวและพีซที่เดินตามมาไม่ห่างว่า

"คุณเอกสนใจบ้านหลังที่สวยๆนั่นก็คุยกับเจ้าของเองนะคะแต่ภาคิดว่าคงไม่ขายให้หรอก"

แล้วภาพยักหน้าไปทางน้องชายที่กำลังเดินไปที่รถโดยไม่สนใจหันมามอง

"เป็นที่ที่คุณยายยกให้น้าของภาที่เป็นแม่ของจอมนั่นแหละคะ บ้านหลังนั้นเลยปลูกเป็นบ้านพักของครอบครัวจอม
และที่ตรงใกล้ๆลำธารประมาณ30 ไร่เศษๆ ที่คุณอ้อสนใจก็ถามจอมดูนะคะ  เพราะแม่ยกให้เป็นของขวัญตอนที่จอมเรียนจบ"

พีซได้ยินเช่นนั้นเธอถึงกับทึ่ง  ไม่นึกว่าบ้านหลังที่ดูสวยงามนั้นเป็นของจอม
ก่อนที่จะเธอมองไปที่จอมที่ตอนนี้กำลังยืนคุยกับผู้จัดการรีสอร์ทอยู่

"คุณจอมมาก็ไม่บอกผม  ผมเลยโดนคุณภาว๊ากเข้าให้ว่าทำไมไม่รู้ว่าคุณจอมมา  เด็กๆที่นี่ก็ไม่มีใครรู้จักคุณจอม"

"อ้าวงั้นผมขอโทษด้วย แล้วพี่ภาจะโวยทำไมละ ผมไม่มาที่นี่3-4 ปีแล้วก็พนักงานที่นี่ก็ค่อยไม่รู้จักผมยกเว้นลุงปุ่นคนเลี้ยงม้าคนเก่า"

"ก็นั่นแหละครับ ดีที่คุณท่านปรามไม่งั้นผมโดนสวดยาว  แต่บ้านผมให้คนไปทำความสะอาดทุกวันนะครับ รวมถึงคอกม้าของคุณจอมด้วย"

"แม่บอกแล้วหละ  ขอบคุณมากครับ ไว้ผมจะมาใหม่ อย่าลืมให้คนเลี้ยงพาม้าออกมาวิ่งทุกวันนะ"

แล้วจอมหันมาบอกพี่สาวว่าเย็นนี้เจอ กันจะก่อนขึ้นรถ
จอมรู้ดีว่าที่ลุงกับป้ามาเพราะอยากเจอตนเองและพี่ภาอยากให้จอมได้ขี่ม้าตัวที่ซื้อมาใหม่ที่ทั้งส่งรูปและคลิปให้ดูหลายครั้ง
เลยขับรถมาหาที่นี่พร้อมข้ออ้างมาตรวจงานกับมารับรอง ประธานของบริษัทนี้ที่สนิทคุ้นเคยกัน   
และเหมือนประกาศเป็นนัยๆให้ทุกคนรู้ว่าจอมคือหลานของเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้
ระหว่างการเดินทางกลับพงษ์ที่นั่งข้างๆเห็นลูกน้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ไม่ใช่คนที่เห็นที่รีสอร์ทเลยตัดสินใจถามว่าทำไมจอมถึงมีบุคลิกแบบนี้
จอมถอนหายใจก่อนที่จะตัดสินใจเล่าให้ฟัง  เพราะความเคารพที่มีต่อพงษ์ที่เมตตาสอนงานให้พร้อมกับความรู้เรื่องของกฎหมายมาตลอด 
พงษ์ฟังจนจบแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวจริงๆ
เลยได้แต่ปลอบพร้อมกับแนะให้จอมอ่อนให้กับผู้เป็นพ่อลงมาบ้าง ไม่อย่างนั้นผลเสียมันจะเกิดกับจอมในอนาคตพร้อมกับถามว่า

"แล้วจอมจะทำยังไง  ในเมื่อใจไม่รัก ทนายก็ไม่สนสอบเนติก็ไม่เอา 
อนาคตของจอมต้องไปไกลกว่านี้นะไม่ใช่หยุดแค่นี้  พี่เสียดายความสามารถ"

"บอกตรงๆยังไม่รู้ครับพี่ ผมมืดแปดด้าน แต่มันคงมีทางออกให้ผมนะครับ 
แต่ผมยังหาไม่เจอจะไปเรียนต่อก็จะเรียนต่อด้านไหน ในเมื่อพ่ออยากให้ผมเหมือนกับเค้าแต่ผมไม่ชอบ"

นี่คือการพูดที่ยาวนานของทั้งคู่ตั้งแต่ร่วมงานกันมาแต่จอมนั้นไม่รู้ว่า
สิ่งที่ตัวเองทำให้หลายๆคนเห็นในวันนี้ จะสร้างความสนใจให้กับผู้หญิง  2 คน คืออ้อกับพีซ


เวลาผ่านไป 3เดือน ในห้องนอนแห่งหนึ่ง 
เสียงครวญครางของชายหนุ่มกับหญิงที่กำลังระเริงรักกันอย่างดุเดือด 
โดยที่ฝ่ายหญิงที่แผ่นหลังขาวโพลนกำลังนั่งคร่อมฝ่ายชายและขย่มอย่างต่อเนื่อง

"อูยๆๆๆๆ โอ่วววววว จอมขา  อ้อจวนแล้วคะ อู่วซี๊ดดดดดดดดด โอ้วววววววว จอมอย่าเด้งแรงอ้อเสียว อ๋อยๆๆๆๆ"

เสียงครวญครางของหญิงสาวที่กำลังสุขสันต์ด้วยความเสียว ไม่ต่างกับชายหนุ่มที่นอนอยู่เบื้องล่าง เสียงเนื้อที่กระทบกัน

"ตั่บๆๆๆ" ดังตลอดจนเสียงครวญครางของหญิงหายไป
ก่อนที่เจ้าตัวจะลงไปนอนซบชายหนุ่มพร้อมกับเสียงหายใจที่หอบเหนื่อยของทั้งคู่
ก่อนที่ อ้อ จะเป็นฝ่ายเอามือลูบหน้าของหนุ่มรุ่นน้องที่นอนกอดตัวเองอยู่แล้วก้มลงเอาปากไประกบก่อนที่จะถามว่า

"ดีมั้ยแบบนี้  ขอบคุณนะที่ไม่ปฏิเสธอ้อ จอมก็ผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกันนี่อุ๊ย"

เธอสะดุ้งเพราะถูกจอมเอามือบีบที่ก้นอย่างมันเขี้ยว
ก่อนที่เธอจะเอาหน้าไปซบที่อกของจอมพร้อมรอยยิ้มที่สมหวังในเวลา 3เดือนที่ผ่านมาหลังจากสัมมนาผ่านไปแล้ว 
เธอรู้ว่าจอมกลายเป็นจุดสนใจของสาวๆในบริษัททันที
ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่สดใสที่ไม่เคยมีใครเห็นและถูกถ่ายรูประหว่างที่ขี่ม้าเป็นจำนวนมาก
ทำเอาหลายๆคนอยากเห็นรอยยิ้มแบบนั้นจากจอมอีก 
แต่ก็ไม่มีใครได้เห็นพอกลับมาทำงานก็เป็นจอมคนเดิม
แต่สาวๆหลายคนเริ่มหาเรื่องไปคุยกับจอมมากขึ้นแต่สิ่งที่ได้กลับมาเหมือนเดิม 
แต่สิ่งที่พ่อของเธอบอกเธอกับน้องชายว่า  จอมนั้นเหมือนม้าพยศตัวที่จอมขี่ให้เห็นต้องหาคนมีฝีมือมากำราบ
แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นหรือหาวิธีที่จะทำให้ม้าตัวนี้หายพยศได้   
และจอมเหมือนกับเพชรที่ยังไม่เจียระไนรอโอกาสประกายแสงให้เจิดจรัสเท่านั้น 
แต่อยู่ที่บริษัทจะหาวิธีแบบไหน  ส่วนเธอคิดต่างคิดว่าจอมอยู่ที่นี่ไม่นานแน่นอน 
เพราะฟังจากภาวันนั้น ภาตั้งใจจะให้น้องชายโตมากกว่านี้เหมือนอยากจะให้มาช่วยทำงานกับภามากกว่า
แล้วอ้อได้เชิญพงษ์มาสอบถามเรื่องนิสัยของจอมว่าทำไมเป็นแบบนี้ 
คำตอบของพงษ์คือเป็นเรื่องภายในครอบครัวของจอม ถ้าอ้ออยากรู้ต้องถามจอมเอง
ซึ่งเธอก็เคยสอบถามไปทางพ่อของเธอคำตอบที่ได้รับก็แนวเดียวกันคือ
พ่อของเธอไม่รู้อะไรมาก เพราะพ่อของจอมก็ไม่เล่าอะไรให้ฟังมีแต่ถามว่าลูกชายทำงานเป็นยังไงบ้างเท่านั้น
เธอเลยอยากรู้จักจอมให้มากขึ้น เลยลองมอบหมายงานให้จอมทำกับเธอโดยตรง 2-3 งาน
ซึ่งผลงานออกมาดีเกินความคาดหมาย
อย่างที่ผู้เป็นป้าของจอมบอกว่าจอมนั้น อัจฉริยะจริงๆ แต่บุคลิกของจอมนั้นก็เป็นอย่างเดิม 
ทำเอาเธออยากเอาชนะความเฉยชาของผู้ชายคนนี้ให้ได้ 
เพราะประวัติของอ้อตอนเรียนอยู่เมืองนอกก็ใช่ย่อย 
วงผู้ชายไม่ซ้ำหน้าคบหาอยู่กินกับหนุ่มฝรั่งเศสอยู่หลายเดือนมาเลิกลากันตอนจะกลับประเทศไทย
เธอคิดว่าถ้าเธอเอาชนะจอมได้ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเธอ
ซึ่งเธอไม่รู้ว่าจะได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่อยากเอาชนะที่มีฝีมือใกล้เคียงกันเข้าให้แล้ว

//สายตาไม่ค่อยดี เลยมาจัดเลยให้ใหม่ คนแก่จะได้อ่านง่ายๆ  ::Elder:: //พัดลม

cd13579

ถถถถ เรื่องมาซะใกล้ตัว แต่พวกกฎหมายดีลกับต่างประเทศนี้ยอดคนจริงนะ ลำพังแค่เรียนก็มึนตึบ โห่จอมเรียนนิติแล้วถึงกับซึม  แสดงว่าตอนสอบอ่านหนังสือเยอะสมองกลับแน่ๆ เรารู้เราเข้าใจ 5555555
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

nsrichantamit


sunnie06

สนุกมากครับ ชอบพระเอกจีเนียส

Aerials

สนุกมากๆเลยครับอ่านไปอินไป จะรอตอนต่อไปนะครับ ::Glad::

biochem

สมกับที่รอผลงานมาตลอดครับ

แต่แหม ทำไมเป็นคุณอ้อก่อนหละเนี่ย

กำพล

ได้ความสนุกสนานแต่คุณจอมเก่งเกินไปนิด

fantastica

เป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกแล้ว ใครจะมาปราบพยศม้าหนุ่มคนนี้ 

koboy


tayo14

เรื่องแนวนี้ชอบมากครับ นับเวลารออ่านตอนต่อไป

holovelove

สนุกมากครับ เนื้องชวนติดตาม นึกออกเป็นภาพเลย ขอให้มีตอนต่อๆไปยาวๆนะครับ
เหงาๆ

yopern

อ่านเพลินดีจังเลยครับด้วยเนื้อเรื่อง ด้วยบุคคลิกของตัวละคร น่าติดตามครับ

KORNsLUFEAR

เปิดเรื่องมาคาแรคเตอร์พระเอกโคตรโดน keep up the good work.

aof55555

 ใครหนอจะมาปราบม้าพยศตัวนี้ได้

jaster ja

สนุกมากครับ แนวนี้ชอบมากๆ ขอบคุณมากๆครับ