ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_rikimaru725

อุบัติเหตุจริงๆนะ ตอนจบ

เริ่มโดย rikimaru725, ธันวาคม 09, 2016, 09:03:48 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

rikimaru725

ตอนที่ 3
นับจากเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นต้นมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นกับทั้งวิลาสินีและพีรพงษ์ โดยเฉพาะวิลาสินีที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายใน แนวคิดเรื่องเซ็กส์ของเธอเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเนื่องจากเธอได้ เข้าใจธรรมชาติของตัวเองอย่างถ่องแท้มากขึ้น เธอจึงไม่ปิดกั้นตัวเองในเรื่องนี้อีก ความที่เธอพยายามกดความรู้สึกด้านกามราคะไว้นานหลายสิบปีเมื่อมันถูกปลด ปล่อยออกมามันจึงยากที่จะสะกดควบคุมได้อีก ในสมองของเธอมีแต่ความคิดเรื่องความสุขสุดยอดของการได้ร่วมรักเกือบตลอดเวลา ที่ว่างจากการทำงาน เธอมักจินตนาการว่าพีรพงษ์เป็นคนเย่อเธอทุกครั้งที่เธอช่วยตัวเอง
สำหรับเรื่องการแต่งกายของวิลาสินีก็ผิดแปลกไปมาก จากเดิมที่เคยสวมแต่เสื้อแขนยาวเรียบ ๆ มีสูททับกับกระโปรงยาว ก็เปลี่ยนมาเป็นชุดที่เปิดเผยส่วนสัดมากขึ้น บางวันก็เป็นชุดแซ็กที่รัดตัว บางวันก็เป็นชุดกระโปรงที่สั้นเต่อจนเดินแต่ละก้าวชายกระโปรงพลิ้วขึ้นมาจน เกือบเห็นแก้มก้นจนประสงค์ต้องเอ่ยปากกับพีรพงษ์ว่า "วู้ว พักนี้ผู้จัดการเราเปี๋ยนไปตั้งแต่ได้งานของโรงพยาบาลว่ะ ชะเวิบชะวาบ เห็นนมเห็นตูดยังกับแก้ผ้าให้ดูต่อหน้า สงสัยจะเป็นโบนัสที่สัญญาไว้กับพวกเรามังหว่า กูเห็นแล้วอยากจะฉุดไปเย็ดให้สลบคาโต๊ะทำงานเลย"
แต่ยังไงก็ยังไม่เท่ากับเวลาอยู่บ้าน ชุดที่เธอสวมยิ่งวับ ๆ แวม ๆ มากขึ้น ถ้าเป็นตอนกลางคืนก็จะเป็นชุดคลุมผ้าไหมบางเฉียบ แค่แสงไฟส่องก็มองเห็นเข้าไปถึงไหนต่อไหน ถ้าเป็นกลางวันก็จะเป็นเสื้อแขนกุดคอคว้านลึกจนเห็นฐานเต้าได้โดยไม่ต้องใช้ ความพยายาม
พีรพงษ์เองก็เปลี่ยนแปลงไปมิใช่น้อย จากวันนั้นที่เขากระทอกเอ็นจนน้ำเงี่ยนแตกกระจายเพราะมองส่วนสัดอันงามงดของ ป้าแท้ ๆ มันทำให้เขาต้องหันกลับไปมองตัวเองใหม่ว่าแท้ที่จริงแล้ว ที่เขาชอบวิภาดามันเป็นเพราะวิภาดามีอายุมากกว่าเขาเท่านั้นหรือเปล่า ทำไมเขาจึงมีความรู้สึกกับพี่สาวแม่ในแบบนี้ ตอนอยู่ที่บ้าน ก็ได้เห็นวิลาสินีในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยตอกย้ำความรู้สึกอยู่ทุกวัน จนเขาเริ่มไม่แน่ใจในตัวเองแล้ว แต่ที่แน่ ๆ คือ อาการของโรคซึมเศร้าของเขาดีวันดีคืน เพราะเดี๋ยวนี้เขาเอาแต่รอคอยที่จะได้เห็นว่าป้าวิจะใส่ชุดอะไรไปทำงานและจะ ใส่ชุดอะไรตอนอยู่บ้าน ไม่มีเวลาที่จะไปจมปลักอยู่กับอดีตเหมือนที่ผ่านมา
อย่างเช่นในเช้าวันนี้ที่ออกจากบ้านไปทำงาน พีรพงษ์เป็นคนขับ ส่วนวิลาสินีเป็นคนนั่งอยู่ข้าง ๆ ในวันนิ้วิลาสินีสวยสดใสกระชากวัยในชุดเสื้อยืดสีดำ มีเสื้อเนื้อบางแขนยาวคลุมทับ ส่วนท่อนล่างสวมกระโปรงสั้นแค่ครึ่งขาอ่อนแถมฟิตเปรียะจนแทบสอดนิ้วเข้าไป ระหว่างเนื้อผ้ากับเนื้อแท้ ๆ ไม่ได้ พีรพงษ์ขับไปก็แอบเหลือบมองขาอ่อนขาว ๆ ของป้าไปตลอดทางพร้อมแอบกลืนน้ำลาย วิลาสินีเห็นหลานชายแอบมองก็ชอบใจ แกล้งขยับตัวไปมาบนที่นั่งจนกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วยิ่งร่นขึ้นไปอีกจนพอมอง เห็นกางเกงในเซ็กซี่ลายลูกไม้สีดำได้รำไร แขนที่ว่างอยู่ก็ยกขึ้นมากอดอกช่วยช้อนเต้างามสล้างนั้นให้พุ่งตระหง่านง้ำ ยิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งมองจากมุมด้านข้างของพีรพงษ์ด้วยแล้วมันยั่วใจชายจนแทบคลั่งอยากจะ เอื้อมมือไปฉีกกระชากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ปกปิดความขาวอวบให้กระจุยคามือ แต่พีรพงษ์ก็ต้องสะกดกลั้นใจไว้เพราะนั่นเป็นป้าแท้ ๆ ของเขา แถมกำลังขับรถอยู่ด้วย แต่ลำควยเขานี่สิไม่เป็นใจเสียเลย มันตุงดันกางเกงขึ้นมาจนปวดหนึบ วิลาสินีแอบมองเป้ากางเกงหลานชายแล้วก็อมยิ้มด้วยความพอใจ การได้ยั่วพีรพงษ์กลายเป็นงานอดิเรกที่เธอโปรดปรานไปเสียแล้ว
วันนั้นกว่าจะไปถึงออฟฟิซก็เกือบเก้าโมงเช้า วิลาสินีกับพีรพงษ์แยกกันเดินเข้าทำงาน ในวันพรุ่งนี้เป็นกำหนดส่งมอบงานของโรงพยาบาล ดังนั้นในวันนี้ทั้งออฟฟิซจึงคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อวิลาสินีเดินเข้ามา ทุกคนก็หันไปมองเรือนร่างเธอราวกับจะเปลื้องเสื้อผ้าเธอให้เปลือยเปล่าด้วย สายตายังไงยังงั้น โดยเฉพาะประสงค์ที่มองเธอตาไม่กระพริบ ปากก็พึมพำว่า "อูย แม่งน่าเย็ดฉิบหาย ถ้าได้สักครั้งกูจะเอาแม่งทั้งหีทั้งตูดให้บานนั่งไม่ลงเป็นอาทิตย์เลย พับผ่าเถอะวะ"
พีรพงษ์ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งจนเวลาผ่านไปราวติดปีกบิน เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เที่ยงแล้ว เขาออกไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์มากินในออฟฟิซพร้อมทำงานต่อไปด้วย เมื่อถึงเวลาเลิกงาน พนักงานคนอื่น ๆ ทะยอยกลับบ้านไปหมดแล้ว คงเหลือเขากับวิลาสินีที่อยู่ในห้องทำงานของเธอเท่านั้น
ราว 6 โมงเย็น พีรพงษ์ก็ไปเคาะประตูห้องวิลาสินีถามเธอว่าจะกลับบ้านหรือยัง วิลาสินีบอกขอเวลาอีกสิบนาที เธอกำลังทำงานค้างอยู่ ครู่ใหญ่ วิลาสินีก็เดินออกมาจากห้องพร้อมหอบหิ้วเอกสารพะรุงพะรัง พีรพงษ์เข้าไปช่วยถือแล้วทั้งคู่ก็เดินไปขึ้นรถแล้วขับกลับบ้าน
ระหว่างที่ขับรถยังไม่ถึงบ้าน โทรศัพท์มือถือของวิลาสินีก็ดังขึ้น เธอรับสายแล้วฟังอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเธอซีดเผือด พร้อมร้องอุทานเสียงดังลั่นรถ "หา อะไรนะ ไฟไหม้ออฟฟิซเรา" เธอรีบหันไปบอกให้พีรพงษ์วกรถกลับไปที่ออฟฟิซโดยด่วนที่สุด
พอทั้งคู่ไป ถึง ก็พบว่ามีคนมุงกันอยู่เต็ม ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังมาไม่ถึง ไฟลุกไหม้ในอาคารแดงฉาน ความร้อนที่เกิดขึ้นแทบลวกผิวหนังให้สุกขนาดยืนอยู่ห่าง ๆ วิลาสินีพอลงจากรถได้ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปที่ประตูออฟฟิศแล้วกระชากมันเปิดออก โดยไม่สนใจความร้อนจากเปลวไฟ พีรพงษ์รีบวิ่งตามเธอไปติด ๆ พยายามจะคว้าตัวเธอไว้แต่ก็ไม่ทัน เขาจึงวิ่งตามเธอเข้าไปข้างในอาคารด้วย
ภายในอาคาร ไฟเริ่มลุกไหม้ตามตู้เอกสารและโต๊ะที่เป็นไม้บางส่วน วิลาสินีวิ่งตรงไปที่ห้องของเธอซึ่งเป็นที่เก็บเซอร์ฟเวอร์ที่มีข้อมูลสำคัญ รวมทั้งซอร์สโค้ดทั้งหมดของบริษัท โชคยังดีที่ไฟยังไม่ลามถึงตัวเครื่อง เธอรีบถอดเทปแบ็คอัพออกจากตัวเซอร์ฟเวอร์แล้วซุกมันเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ พีรพงษ์ที่ตามหลังมารีบฉุดมือเธอดึงให้วิ่งออกจากอาคาร แต่ปรากฏว่าไฟได้ลุกไหม้ประตูจนไม่สามารถออกไปได้แล้ว
พีรพงษ์มองซ้ายมอง ขวาหาทางออก แต่เนื่องจากอาคารนี้เป็นอาคารเก่า มีประตูทางออกอยู่แค่บานเดียว ส่วนหน้าต่างก็แคบมากและมีไฟลุกโหมอยู่ โอกาสรอดของเขากับวิลาสินีช่างดูริบหรี่เหลือเกิน ตำรวจดำเพลิงก็ยังมาไม่ถึง คนที่อยู่ข้างนอกคงไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยพวกเขา ถึงอยากเข้ามาช่วยแต่ก็ไม่มีอุปกรณ์พอที่จะทำได้
แต่แล้วสายตาของพีรพงษ์ก็เหลือบเห็นห่วงประตูห้องใต้ดินที่อยู่บนพื้นเบื้อง หน้าเขา ด้วยการตัดสินใจอย่างฉับพลัน เขาก้มลงไปจับห่วงนั้นแล้วดึงขึ้นมาสุดแรง ประตูบานนั้นเลื่อนเปิดออกจนเห็นบันไดที่ลาดลงไปสู่ความมืดที่อยู่เบื้อง ล่าง พีรพงษ์รีบดันตัววิลาสินีลงไปแล้วเขาก็รีบเดินตามแล้วดึงประตูให้ปิดลงมา
ในความมืดมิด พีรพงษ์ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบไฟแช็คขึ้นมาแล้วกดเปิดมัน แสงริบหรี่ของไฟแช็คทำให้เขาพอมองเห็นสภาพรอบข้างได้ลาง ๆ เขาและวิลาสินียืนอยู่ที่พื้นห้องใกล้บันได ผนังห้องเป็นคอนกรีตทั้งสี่ด้าน ขนาดความกว้างก็ประมาณห้าคูณสิบเมตร พีรพงษ์เงยหน้าสำรวจเพดานห้องก็เห็นว่าตรงกลางมีโคมไฟอยู่ด้วย ซึ่งหมายความว่าต้องมีสวิทช์ปิดเปิดไฟอยู่ในห้อง เขามองตามสายไฟไปจนเจอสวิทช์ที่อยู่ตรงผนังด้านขวาจึงเดินไปกด
ในห้องใต้ดินนั้นก็สว่างไสวขึ้นมาทันที พีรพงษ์ปิดไฟแช็คในมือแล้วเดินเข้าไปหาวิลาสินีที่ยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม สีหน้าเธอซีดเผือด ตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
"ไม่เป็นไรแล้วครับป้า อย่างน้อยในตอนนี้เราก็ยังพอมีโอกาสรอด" เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วโอบแขนรอบไหล่เธอเพื่อปลอบใจ
วิลาสินียิ้มเซียว ๆ แล้วเงยหน้ามองพีรพงษ์ แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ก็มีเสียงดังโครมกึกก้องไปทั่วห้องจนเธอต้องกรีดร้องด้วยความตกใจพร้อมยกมือ ขึ้นปิดหู ฝุ่นละอองที่เพดานห้องร่วงหล่นลงมากราว พีรพงษ์โอบแขนรัดตัววิลาสินีไว้ในอ้อมกอด พยายามเอาตัวของเขาบังตัวเธอไว้
ครู่เดียว ทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม พีรพงษ์ค่อย ๆ คลายแขนออก วิลาสินีเงยหน้ามองเขาแล้วพูดว่า "ขอบใจมากจ้ะพงษ์ ป้ากลัวมากจริง ๆ นะ ไม่รู้เมื่อกี้มันเสียงอะไรกัน"
พีรพงษ์กัดริมฝีปากตัวเองแล้วใช้ความคิด เขาเดินขึ้นบันไดไปแล้วพยายามดันประตูให้เปิดออกแต่ก็ไร้ผล จากสัมผัสที่มือบ่งบอกว่าไฟกำลังลุกโหมหนักที่อีกฟากหนึ่งของประตูเพราะมัน ร้อนลวกมือ พีรพงษ์เดินกลับมาลงมาแล้วบอกวิลาสินีด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า
"สงสัยไฟไหม้จนตัวอาคารถล่มลงมาแล้วล่ะครับป้า เดิมทีมันก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอไฟไหม้หนักอย่างนี้อีก...."
วิลาสินีแทบหมดแรงยืน แค่ไฟไหม้บริษัทก็เป็นข่าวร้ายพออยู่แล้ว แต่นี่เธอกับหลานชายต้องมาตายในห้องใต้ดินโดยไม่มีใครรู้แบบนี้หรือนี่ แต่แล้ววิลาสินีก็นึกได้ว่าเธอยังมีโทรศัพท์มือถือติดตัวอยู่นี่นา เธอรีบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วดูที่จอภาพ กราฟฟิคบนจอภาพบอกว่าที่ห้องใต้ดินนี้อับสัญญาณโดยสิ้นเชิง พอความหวังครั้งสุดท้ายหมดไป วิลาสินีถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งหมดอาลัยตายอยากบนพื้นห้องแล้วร้องไห้กระซิก ๆ พีรพงษ์ย่อตัวลงไปปลอบเธออยู่สองสามคำแล้วเขาก็ลุกเดินสำรวจห้องเพื่อดูว่า จะมีประตูทางออกอีกทางหรือไม่
ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์อยู่ไม่กี่อย่าง ที่ตรงมุมห้อง พีรพงษ์พบเครื่องปั่นไฟและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ นี่คงเป็นแหล่งจ่ายไฟในห้องยามฉุกเฉินเพราะในขณะที่อาคารข้างบนถล่มลงมา ไฟฟ้าจากภายนอกก็น่าจะถูกตัดขาดไปแล้ว มุมห้องอีกด้านกั้นเป็นส้วมซึมเล็ก ๆ และมีถังใส่น้ำที่มีน้ำเต็มอยู่ด้วย บนผนังมีช่องระบายอากาศที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้อากาศเข้ามาได้แต่น้ำเข้ามา ไม่ได้ อีกฟากหนึ่งมีตู้โชว์ขนาดใหญ่และเตียงพร้อมเครื่องนอนครบครัน ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นตู้เสื้อผ้า ดูจากสภาพแล้วน่าจะมีคนอยู่ ซึ่งพีรพงษ์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าคงเป็นนายชิดที่เป็นยามเฝ้าอาคารเป็นแน่
พีรพงษ์สำรวจครบทุกด้านแล้วก็เดินกลับมาหาวิลาสินีที่ยังนั่งทอดอาลัย ตายอยากอยู่บนพื้น เขาบอกกับเธอว่าที่ห้องใต้ดินนี้แต่เดิมคงถูกออกแบบมาให้เป็นหลุมหลบภัย ผนังจึงหนามากขนาดกันรังสีได้ซึ่งก็เป็นธรรมดาว่ามันก็จะดูดคลื่นโทรศัพท์ ไว้ได้หมด เมื่อเห็นอาการของวิลาสินียังไม่กระเตื้องขึ้น เขาจึงบอกให้เธอช่วยเขารื้อค้นตู้เสื้อผ้าและลิ้นชักตู้โชว์เผื่อจะเจออะไร ที่มีประโยชน์ในสถานการณ์เช่นนี้บ้าง วิลาสินีจึงกลั้นน้ำตาแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปที่ตู้โชว์แล้วดึงลิ้นชักออกมา ข้างในลิ้นชักแรกเป็นวีดีโอซีดีหลายแผ่น แต่ละแผ่นล้วนเป็นหนังเกย์ทั้งสิ้น นายแบบในปกก็ล้วนแต่เป็นหนุ่มหล่อล่ำบึ้กกล้ามเป็นมัด ๆ ขนาดตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย วิลาสินียังอดหน้าแดงไม่ได้ เธอร้องอุ๊ยออกมาเบา ๆ พีรพงษ์จึงเดินเข้ามาดูแล้วก็หัวเราะบอกเธอว่า เขารู้กันทั้งออฟฟิซว่านายชิดน่ะเป็นเกย์ แล้วเขาก็ช่วยเธอรื้อลิ้นชักที่เหลือ ซึ่งก็พบบะหมี่สำเร็จรูปหลายห่อ พร้อมกับเศษเงิน แต่ที่เด็ดที่สุดก็คือเขาพบดุ้นควยเทียมพร้อมเจลหล่อลื่นอยู่ในลิ้นชักหนึ่ง เขาหันไปมองดูวิลาสินีที่ตอนนี้ไปรื้อตู้เสื้อผ้า เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้หันมามองทางนี้เขาก็รีบดันลิ้นชักนั้นกลับเข้าไป เหมือนเดิม
วิลาสินีกับพีรพงษ์กลับมาเจอกันใกล้เตียง ทั้งคู่มองตากันแล้วก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เจออะไรที่พอจะช่วยทำให้ สถานการณ์ดีขึ้นได้ วิลาสินีเริ่มร้องไห้อีกครั้งจนพีรพงษ์ต้องโอบกอดปลอบโยนเธอ
"คงไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวตำรวจดับเพลิงก็คงมาถึงแล้วเขาก็จะช่วยพวกเราออกไปจากที่นี่ได้เอง เราก็เพียงแต่พยายามมีชีวิตรอดให้ถึงตอนนั้นก็พอ"
"จริง ๆ นะจ๊ะ" วิลาสินีถามทั้งน้ำตา
"ผมเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นครับ" พีรพงษ์ตอบทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะตัวอาคารถล่มลงมาแบบนี้คงใช้เวลาหลายวันกว่าจะรื้อได้ และต่อให้รื้อซากปรักหักพังได้ทันเวลา ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาและเธอยังคงมีชีวิตอยู่ในห้องใต้ดิน แต่ในตอนนี้เขาได้แต่ปลอบวิลาสินีให้ลดความกลัวลงก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่า กันทีหลัง

เวลาผ่านไปหนึ่งวันก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ อาหารแห้งที่เหลืออยู่ก็หมดลงไปแล้ว ความหวังและกำลังใจของทั้งป้าและหลานชายก็หมดลงไปทุกขณะ วิลาสินีนั่งอยู่ที่ขอบเตียงเก่า ๆ นั้น เธอร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด
"พงษ์ ป้าว่าเราสองคนคงต้องอดตายอยู่ในนี้แน่เลย ป้ากลัว" วิลาสินีพูดเสียงสั่นเครือ
พีรพงษ์ไม่รู้จะตอบยังไงดี ก็เลยยกแขนขึ้นโอบไหล่ป้าแล้วโน้มตัวเธอมาให้ซุกอยู่กับอ้อมอกเขาโดยไม่พูด อะไร วิลาสินีโอนอ่อนผ่อนตามเขา จมูกเธอสูดได้กลิ่นกายชายฉกรรจ์รมเธอจนแทบหายใจไม่ออก สภาพจิตใจของพีรพงษ์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่าวิลาสินีเท่าใดนัก เขายังหนุ่มยังแน่นยังมีอนาคตอีกไกลที่ฝันไว้ มันจะมาจบลงตรงนี้เองหรือนี่ ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อแท้
ส่วนวิลาสินีนั้นเล่า ในสมองเธอตอนนี้มีความคิดแว่บขึ้นมาว่า ไหน ๆ ก็จะตายแล้ว ก่อนตายขอมีความสุขสักครั้งเถอะ ถึงจะเป็นหลานก็ไม่ต้องสนใจเพราะยังไงก็คงไม่มีคนมาเห็น ความคิดของเธอไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งมีชีวิตทั้งปวงเมื่อถึงคราวมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต ธรรมชาติก็จะบงการให้รีบสืบพันธุ์เพื่อดำรงไว้ซึ่งสายพันธุ์ ในอกวิลาสินีตอนนี้มีแต่ความกระสันต์เงี่ยนง่านเพิ่มขึ้นทุกขณะ เธอเงยหน้ามองพีรพงษ์ก็พบว่าเขาเองก็หอบหายใจแรงไม่แพ้เธอเหมือนกัน
สองป้าหลานสบตากันแน่วนิ่งแล้วโดยไม่ต้องมีคำพูดก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร พีรพงษ์โน้มหน้าลงมาประทับจูบที่ริมฝีปากอิ่มแดงที่เผยอรออยู่แล้ว พร้อมสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากอันหอมหวนของวิลาสินี วิลาสินีถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นกับจูบแรกในชีวิตสาวใหญ่ แต่ครู่เดียวเธอก็จูบตอบเป็น ทั้งคู่แลกจูบกันอย่างเผ็ดร้อน
วิลาสินีเป็นฝ่ายถอนจูบออก หน้าเธอแดงก่ำด้วยแรงกำหนัดที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน ดวงตาเธอเป็นประกายด้วยความปรารถนา ทั้งเธอและพีรพงษ์ต่างพร้อมใจกันถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเปลือยเปล่า พีรพงษ์ช้อนร่างของป้าขึ้นไปวางบนเตียงแล้วโถมตัวขึ้นไปทาบทับ สองมือเขากำสองเต้าอวบที่ล่อตาล่อใจเขามานานแล้วพร้อมกับกับบีบเคล้นอย่าง มันเขี้ยวจนเนื้อเต้าล้นทะลักออกตามร่องนิ้ว หัวนมสีชมพูลุกชี้ชันตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ วิลาสินีส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียว มือเธอก็เอื้อมลงไปกำลำควยของหลานชายไว้แล้วกระทอกอย่างสนุกมือทำเอาพีรพงษ์ ร้องครางออกมาบ้าง เขาปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากเต้าแล้วเลื่อนลงไปกุมเนินหีที่มีหญ้าปกคลุมหนา แน่นแล้วใช้นิ้วกลางแซะเข้าไปกลางร่องรูที่ฉ่ำเยิ้ม ปากเขาก็ประกบแลกน้ำลายกับวิลาสินีอย่างเร่าร้อน การโจมตีถึงสามด้านพร้อมกันสร้างความเสียวให้กับวิลาสินีเป็นที่สุด ร่างเธอบิดไปมาราวงูถูกทุบหัว รูหีขมิบตอดถี่ยิบส่งน้ำเสียวออกมาไม่ขาดสาย
วิลาสินีนึกสนุกขึ้นมาจึงบอกให้พีรพงษ์ลงไปยืนข้างเตียงส่วนตัวเธอลงไปคุก เข่าอยู่หน้าเขาแล้วอมควยเขาเข้าไปทั้งดุ้น แรก ๆ เธอก็อมไม่เป็นจนฟันไปครูดกับหัวบักจนพีรพงษ์ร้องโอ๊ย แต่พักเดียวเธอก็เริ่มคล่องแคล่ว โยกหัวเข้า ๆ ออก ๆ ลำควยนั้นจนน้ำลายเธอชะโลมท่อนลำหลานชายเป็นมันปลาบ พีรพงษ์ใช้มือขยุ้มผมป้าไว้แล้วสูดปากครางกระเส่า เขาก้มลงมองไปข้างล่างแล้วก็ต้องตาลุกวาวเมื่อเห็นภาพเรือนร่างอล่างฉ่างของ วิลาสินีที่นั่งคุกเข่าโม้คให้เขา จากแผ่นหลังที่เนียนขาวลงไปบานผายออกที่บั้นท้ายที่งอนง้ำออกมา มันกลมกลึงได้รูปจนเขาอยากฟัดมันให้หลุดติดมือออกมา
พีรพงษ์ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาจึงกระชากควยออกจากปากวิลาสินีที่ยังสนุกอยู่ แล้วเขาก็จับตัวป้าให้ขึ้นไปคลานสี่ขาอยู่บนเตียง ส่วนตัวเขาเข้าประชิดด้านหลังใช้มือยึดแก้มก้นเธอไว้แน่น แล้วจ่อหัวควยเข้ากับพูหีที่ย้อยมาข้างหลัง พีรพงษ์ค่อย ๆ ดันควยเข้าไปในรูหีที่คับแคบของวิลาสินี แต่มันช่างลำบากเหลือเกินแม้ว่าจะมีน้ำหล่อลื่นออกมามากแล้วก็ตาม
"โอ๊ย เบา ๆ ก่อนพงษ์ ป้ายังไม่เคย ของพงษ์มันใหญ่เหลือเกิน ซี๊ด เสียวก็เสียว เจ็บก็เจ็บ อาวว์" วิลาสินีหันไปบอกหลานชายตัวดี
พีรพงษ์หยุดการเดินเครื่องไว้ก่อนแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเอื้อมมือไปกำเต้า อวบคู่งามแล้วบีบบี้เล่นกับหัวนม ความรู้สึกที่แผงอกของเขาแนบชิดกับผิวเรียบ ๆ นุ่ม ๆ ของแผ่นหลังป้าทำให้เขาเงี่ยนเป็นกำลัง จมูกเขาได้กลิ่นกายสาวปนกลิ่นเหงื่อที่ซอกคอเธอ เพิ่มความอยากให้มากขึ้นไปอีก
"อู๊ยยย อย่าบีบหัวนมแรง มันเสียว อูยยย อะไรกันเนี่ย ฉันเป็นอะไรไป ทำไมตัวร้อนยังงี้" วิลาสินีเพ้อครางกับความเสียวที่หลานชายประเคนให้ เธอกำลังเพลินเลยไม่ทันได้รู้ว่าในระหว่างนั้น พีรพงษ์แอบกระเด้าซอยลำควยสั้น ๆ ตอกลิ่มเข้าไปในโพรงหีเธอทีละน้อย ๆ จนบัดนี้มันเข้าไปได้ครึ่งลำแล้ว ความรู้สึกที่ถูกหีของป้าแท้ ๆ บีบรัดลำควยจนแน่นตึงแบบนี้มันดีเหนือคำบรรยายใด ๆ น้ำเสียวที่เธอขับออกมาก็ช่วยให้การบุกเบิกรูหีเป็นไปด้วยความสะดวกยิ่งขึ้น ภายในโพรงหีเธอมันอุ่นวาบและชุ่มชื้น พีรพงษ์กัดกรามกรอดแล้วเด้งสะโพกไปข้างหน้าเต็มแรง จนหน้าขาเขากระทบกับบั้นท้ายกลมกลึงดังเพียะ ส่วนควยเขาก็เบิกทะลวงเข้าไปจนมิดโคนจนลูกกระโปกเด้งไปตีแคมหี
"โอ๊ย แหกแล้วววว" วิลาสินีร้องลั่นห้อง น้ำตาซึม พีรพงษ์เมื่อพิชิตความสาวของป้าได้สำเร็จแล้วก็พักให้เธอได้คลายความเจ็บลง บ้าง ในระหว่างนั้นเขาก็เพลิดเพลินกับการขยำขยี้เต้าที่เคยเต้นดึ๋ง ๆ ล่อตาล่อใจเขามานานแล้วให้สมอยาก ส่วนมืออีกข้างก็แอบลอดผ่านหน้าท้องเธอไปเขี่ยเม็ดแตดที่โดนลำควยดันขึ้นมา จนชี้ชัน โดนโจมตีจุดสำคัญเข้าไปหลายแห่งพร้อม ๆ กันแบบนี้ วิลาสินีถึงกับลืมความเจ็บไปจนหมด เธอขยับสะโพกไปมาให้ลำควยหลานชายคว้านเนื้ออ่อน ๆ ในโพรงหีจนต้องสูดปากราวกับกินพริกเผ็ด ๆ มา
พีรพงษ์เมื่อเห็นอาการป้าคนสวยเป็นเช่นนั้นก็รู้ได้ว่าบัดนี้ความเจ็บได้หายไปหมดแล้วเหลือแต่ความเสียว
"หายเจ็บแล้วใช่ไหมครับป้า เราจะเริ่มต่อกันดีมั้ยครับ" พีรพงษ์แกล้งถาม
"แหม ก็แล้วแต่เธอสิจ๊ะ ทำไมต้องมาถามป้าด้วย" วิลาสินีปรือตาแล้วตอบแบบอาย ๆ แต่สะโพกเธอบดกับหน้าขาเขาเป็นวง
เมื่อพีรพงษ์ได้ยินแบบนั้นเขาก็ลงมือซอยกระเด้าทันที เขาสาวควยออกมาจนเหลือแต่หัวหยักแล้วอัดกลับเข้าไปจนมิด ทั้งป้าทั้งหลานพากันซู้ดปากครางกระเส่าอย่างพร้อมเพรียง พีรพงษ์เร่งจังหวะกระเด้าจนวิลาสินีหัวสั่นหัวคลอน เต้าคู่งามแกว่งไกวไปมาน่าดูเป็นยิ่งนัก พีรพงษ์อยากเอื้อมมือไปเล่นกับมันแต่ในท่านี้มันไม่ถนัด เขาจึงเอนตัวถอยหลังไปนั่งบนส้นเท้าตัวเองแล้วรั้งเอววิลาสินีให้เธอนั่งตัว ตรงบนหน้าขาเขาโดยที่ลำควยเขายังเสียบคาอยู่ในโพรงหีเธอ แล้วเขาก็เลื่อนมือมาเกาะกุมตรงลอนสะโพกที่หนั่นแน่นแล้วยกตัวเธอขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นตัวอย่างสองสามครั้งวิลาสินีก็เข้าใจ เธอเด้งตัวขึ้นลงบนลำควยหลานชายราวติดสปริงโดยไม่กลัวว่าควยเขาจะหักงอ ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นทำให้เธอต้องแหงนหน้าสูดปากร้องครางกระเส่า พอเห็นว่าป้าคนสวยของเขาเป็นงานแล้ว พีรพงษ์ก็ยื่นมือไปกำสองเต้าอวบสล้างแล้วบีบบี้เล่นด้วยความสุข
ทุกจังหวะที่วิลาสินีกดเนินหีลงมา พีรพงษ์ก็เด้งควยอัดสวนขึ้นไป เสียงควยกระทบหีดังเจ๊าะแจ๊ะปนกับเสียงหอบหายใจของหนุ่มสาวต่างวัยที่กำลัง เติมความอร่อยให้กับชีวิต
ในท่านี้พีรพงษ์ต้องแบกรับน้ำหนักของวิลาสินีไว้บนหน้าขาทั้งหมดจนขาชาไปหมด เขาจึงยึดสะโพกวิลาสินีไว้แล้วพูดว่า "เดี๋ยวก่อนครับป้า เปลี่ยนท่ากันดีกว่า ผมเมื่อยแล้ว"
วิลาสินีกำลังตาปรือด้วยความเสียว จึงถามหลานชายว่า "แหม กำลังมันส์เลย จะเปลี่ยนเป็นท่าไหนล่ะจ๊ะ"
"เดี๋ยวผมจะนอนหงาย แล้วให้ป้าขึ้นคร่อมควยผมครับ ท่านี้เขาเรียกว่าหนุมานขย่มตอ รับรองว่ามันส์กว่าท่าเมื่อกี้อีกหลายขุมครับ" พีรพงษ์ที่เจนจัดในเชิงกามมากกว่าให้คำแนะนำป้าผู้อ่อนประสบการณ์
"ว้าย ท่าอะไรชื่อน่าเกลียดจังเลย" ปากก็บอกว่าน่าเกลียดแต่ประกายตาที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายมันไม่ได้ บอกอย่างนั้น เธอยกตัวออกจากลำควยหลานชายด้วยความเสียดาย น้ำหีหยดแหมะ ๆ ลงใส่หน้าขาเขา พีรพงษ์รีบเอนตัวลงนอนหงาย วิลาสินีคลานขึ้นคร่อมตามที่เขาบอก เธอจ่อหัวควยให้ตรงที่ตรงทางแล้วกดตัวลงมาพรืดเดียวกลืนควยเขาเข้าไปทั้ง ดุ้นแล้วแหงนหน้าสูดปาก "ซี๊ด ควยเธอใหญ่ครูดหีป้าอร่อยจังเลย" ในตอนนี้ความเป็นกุลสตรีได้หมดไปแล้วจากตัววิลาสินี คำหยาบที่หลุดจากปากเธอกลับยิ่งช่วยเพิ่มดีกรีความเงี่ยนให้มากขึ้นไปอีก
ส่วนพีรพงษ์นั้นไม่ต้องพูดถึง ความอบอุ่นของโพรงหีบวกกับความแน่นกระชับทำให้เขาต้องกัดริมฝีปากตัวเอง เพื่อไม่ให้น้ำแตกก่อนจะได้สนุกเสียวกับป้าคนสวยให้นานกว่านี้ วิลาสินีแอ่นหลังตรงแล้วทิ้งน้ำหนักขย่มตัวลงมาบนลำควยหลานชายจนมิดลำทุก ครั้งจนเต้าสั่นกระเพื่อม เธอยกมือขึ้นบีบเคล้นเต้าตัวเองพร้อมก้มลงยิ้มอย่างสุขสมให้กับหลานชายที่ อยู่ใต้ตัวเธอ การเย็ดกันมันอร่อยปานนี้นี่เอง เธอรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาเหลือเกิน ถ้าเธอรู้ว่ามันมีความสุขขนาดนี้เสียแต่แรก เธอคงจะให้พีรพงษ์เอาเธอไปนานแล้ว
พีรพงษ์นอนหงายรับความเสียวอยู่พักเดียวก็ทนต่อไปไม่ไหว ในสภาพที่ให้วิลาสินีเป็นฝ่ายคุมเกมแบบนี้ น้ำเขามีสิทธิ์แตกได้ง่าย ๆ เขาจึงบอกกับวิลาสินีว่า "ป้าครับ ขอเวลานอกเปลี่ยนท่าอีกทีครับ"
"แหม พงษ์เนี่ย ถึงขั้นนี้แล้วยังเรียกป้าอีกเหรอจ๊ะ ต้องเรียกเมียสิจ๊ะ" วิลาสินีจีบปากจีบคอพูดด้วยน้ำเสียงที่หอบกระเส่า
"จ้ะ เมียจ๋า ผัวขอเปลี่ยนขึ้นไปเย็ดเมียบ้างนะ" พีรพงษ์พูด
วิลาสินี ยกตัวขึ้นจากลำควยอย่างไม่ค่อยเต็มใจอีกครั้ง แล้วพลิกตัวลงไปนอนหงายถ่างขาอ้าซ่า พีรพงษ์ผลุดลุกขึ้น พอเห็นเรือนร่างขาวผ่องของวิลาสินีที่นอนแผ่หราก็ถึงกับตาลุกวาว เต้านมอวบขาวมีรอยนิ้วแดงเป็นจ้ำ ๆ หัวนมสีแดงระเรื่อชูชันสั่นไหวตามการหอบหายใจ ช่วงเอวคอดกิ่วหน้าท้องแบนราบไร้ไขมัน แต่ที่น่าดูที่สุดคือเนินหีที่นูนโหนกนั้น บัดนี้แคมหีที่หนานุ่มได้แบะแยกออกจนเห็นปากรูแดงแจ๋มีน้ำเมือกเยิ้มเป็นมัน ได้เห็นภาพเช่นนี้ ควยเขาถึงกับเต้นเร่างึก ๆ พีรพงษ์เข้าประชิด เขายกท่อนขาเรียวงามขึ้นพาดไหล่แล้วโย้ตัวไปข้างหน้าจนสะโพกอวบขาวยกลอยขึ้น จากพื้น เนินหีพลอยลอยเด่นขึ้นมา เขาจ่อหัวควยเข้ากับปากรูที่มีน้ำเยิ้มนั้นแล้วดันพรวดเข้าไปสุดแรง วิลาสินีรู้สึกร้อนวาบทั่วท้องน้อย ในท่านี้ลำควยเขายิ่งเข้าไปได้ลึกกว่าท่าก่อน ๆ เสียอีกจนเข้าไปชนปากมดลูกดังกึก พีรพงษ์ซอยกระเด้าทิ่มแทงรูหีเบื้องหน้าราวกับแค้นกันมานานจนเสียงเจ๊าะแจ๊ะ ดังระงมไปทั่วห้อง อีกเพียงครู่เดียวเขาก็ตัวสั่นกัดกรามแน่นแล้วฉีดน้ำควยออกมาราดรดโพรงหี วิลาสินีจนเอ่อล้นออกมาข้างนอก ส่วนวิลาสินีเองก็รู้สึกร้อนวาบทั่วโพรงหีแล้วน้ำเสียวเธอก็แตกพลั่กออกมาชะ โลมลำควยหลานชายอย่างมากมาย เธอกรีดร้องโหยหวนแล้วบิดลำตัวไปมาจนสองเต้าสะบัดไหวแล้วก็แน่นิ่งไป
สองป้าหลานนอนกอดก่ายหอบหายใจอยู่บนเตียงจนอาการเหนื่อยลดลงแล้วจึงนอนคุยกันต่อโดยวิลาสินีนอนเอาหัวพาดบนหน้าอกหลานชาย
"ป้าเสียวอร่อยที่สุดในชีวิตเลยรู้มั้ย เธอเก่งจริง ๆนะพงษ์" วิลาสินีเริ่มก่อน
"อ้าว ให้เรียกป้าแล้วหรือครับ เมื่อกี้ยังให้เรียกเมียอยู่เลย" พีรพงษ์กระเซ้า
วิลาสินียกมือขึ้นทุบหน้าอกเขา "แหม พงษ์เนี่ยมาล้อป้าได้ไง แล้วแต่เธอสิ จะเรียกเมียหรือเรียกป้าก็ได้ มันก็เหมือน ๆ กันแหละตอนนี้"
"ป้าคงไม่โกรธผมนะที่ผมทำแบบนี้" พีรพงษ์เอ่ย
วิลาสินีส่ายหน้า "ไม่หรอกจ้ะ อันที่จริงป้าเองก็อยากลองของจริงมานานแล้ว เพียงแต่ป้าเจียมตัวที่อายุมากแล้วและยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอด้วยเลยไม่ กล้าแสดงออก"
"ผมเองก็เหมือนกันครับ ตั้งแต่วันนั้นที่ได้เห็นป้าเต้นแอโรบิค ผมก็ฝันอยากจะเย็ดป้าตลอดเวลา" พีรพงษ์สารภาพ
"นี่ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ เราสองคนคงไม่ได้รู้ความในใจของกันและกันนะ และคงไม่ได้รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเองด้วย" วิลาสินีบอก
"จริงด้วยครับ ผมได้มีความสุขกับป้าแบบนี้ ถึงตายในนี้ผมก็ไม่เสียใจเลย" พีรพงษ์พูด
"ป้าก็เหมือนกันจ้ะ" วิลาสินีตอบ
ทั้งสองป้าหลานสบตากันแล้วยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ ขณะนี้ทั้งคู่ไม่มีความลับอะไรต่อกันอีกแล้ว มันรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด
พีรพงษ์ได้พักเหนื่อยและได้กอดร่างอวบอัดนุ่มนิ่มของป้าคนสวยทำให้เขาเริ่ม เงี่ยนขึ้นมาอีก ลำควยเขาเริ่มพองตัวขึ้นมาจนมาตีท่อนขาของวิลาสินี
"อุ๊ย ทำไมมาตีป้า แบบนี้ต้องทำโทษรู้มั้ย" วิลาสินีเหลือบมองลำควยแล้วพูดด้วยใบหน้าแดง ๆ
"ผมตะหากที่ต้องทำโทษป้าที่ทำให้ผมอยู่ในสภาพแบบนี้" พีรพงษ์พูดติดตลก แล้วเขาก็หวนคิดถึงบั้นท้ายอันผายงอนของวิลาสินี ฉับพลันความคิดก็แว่บไปถึงเจลที่เจอในลิ้นชัก เขาดันตัววิลาสินีแล้วเดินลงไปเปิดลิ้นชักหยิบเอาเจลหล่อลื่นมาที่เตียง
"เอ่อ ป้าครับ ผมอยาก...เอ่อ..อยาก..." พีรพงษ์ตะกุกตะกัก
"อยากอะไรก็ว่ามาสิจ๊ะ อ้ำ ๆ อึ้งๆ อยู่นั่นแหละ ป้าจะไปรู้ได้ยังไง" วิลาสินีพูดครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
"คือ ผมอยากเย็ดตูดป้าน่ะครับ ก้นป้าทั้งงอนทั้งผาย ผมแอบมองมานานแล้ว" พีรพงษ์ตัดใจพูด
วิลาสินีหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำสารภาพจากปากของหลานชาย เธอมองดูลำควยเขาที่พองตัวเต็มที่เต้นระริกอยู่เบื้องหน้า ในใจเธอก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้ลองรสชาติอีกแบบหนึ่ง
"แหม พงษ์เนี่ย แค่นี้ไม่เห็นต้องอายเลย มาซิจ๊ะ" วิลาสินีผลุดลุกขึ้นไปอยู่ในท่าคลานสี่ขาเหมือนตอนแรกแต่คราวนี้ก้นเธอลอย อยู่ตรงขอบเตียง "เธอคงรู้นะว่าต้องทำยังไงเพราะป้าเองก็ไม่เคยมาก่อน"
พีรพงษ์ยิ้มด้วยความดีใจ "ครับป้า รับรองว่าป้าจะเสียวอร่อยยิ่งกว่าเมื่อกี้อีก"
วิลาสินีได้ยินคำยืนยันจากปากหลานชายแบบนี้ก็ยิ่งเสียวกระสันต์เงี่ยนง่าน หนักขึ้น รูหีเธอขมิบตอดปล่อยน้ำเสียวออกมาทันที พีรพงษ์บีบเจลออกมาแล้วแยกแก้มก้นวิลาสินีออกจนเห็นรูตูดสีแดงเข้มแล้วทาเจ ลลงไปจนเยิ้ม จากนั้นเขาก็บีบเจลมาทารอบลำควยเขา
"พร้อมแล้วนะครับ" พีรพงษ์เดินเข้าไปประชิดขอบเตียง ใช้มือยกลำควยตัวเองให้ส่วนหัวจ่อตรงกับรูถ่ายของวิลาสินี จากนั้นก็ดันตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วใช้สองมือแยกแก้มก้นผายงอนออก
"อูยยย์ มันตึงไปหมดเลย ค่อย ๆ ก่อนนะพงษ์" วิลาสินีเหลียวหลังมามอง
"ซี๊ด รูตูดป้าแน่นจริง ๆ ครับ บีบรัดควยผมแทบขาดเลย ทนอีกหน่อยครับ เดี๋ยวก็มิดแล้ว" พีรพงษ์กัดกรามกรอดแล้วค่อย ๆ อัดสะโพกเคลื่อนลำควยจมหายเข้าไปในรูตูดของป้าคนสวย วิลาสินีทำหน้าเหยเกด้วยความเสียวปนความเจ็บ พักเดียวเท่านั้น เธอก็รู้สึกถึงความอุ่นของหน้าขาหลานชายที่มากระทบแก้มก้นเธอและในช่องท้อง เธอก็รู้สึกแน่นไปหมด
"อูยย์ มิดแล้วเมียจ๋า เจ็บมั้ยจ๊ะ ผัวจะขยับแล้วนะ" พีรพงษ์เปลี่ยนโหมดการเรียกหาโดยอัตโนมัติ
"ซี๊ด อูวว์ ไม่เจ็บแล้วจ้ะ เย็ดตูดเมียได้แล้วค่ะ" วิลาสินีสูดปากระบายลมเพื่อลดความแน่นตึง เธอเคลื่อนสะโพกเป็นวงบดกับหน้าขาเขาเป็นเชิงกระตุ้นให้เริ่มเย็ดได้แล้ว
พีรพงษ์กัดกรามดึงลำควยออกมา รูตูดของวิลาสินีช่างดูดกระชับเหลือที่จะกล่าว เขาแทบจะไม่สามารถสาวลำควยออกมาได้ มันตึงแน่นไปหมด พีรพงษ์ต้องค่อย ๆ สาวกระเด้าสั้น ๆ ก่อนแล้วพอชินกับจังหวะแล้วก็ค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหน้าขากระทบก้นดังป้าบ ๆ ลั่นห้องระคนกับเสียงร้องครวญครางของสองป้าหลานที่จูงมือสำรวจความลี้ลับ แห่งดงกามด้วยกัน
ด้วยความแน่นกระชับของรูตูด ทำให้พีรพงษ์สะกดกลั้นไว้ได้อีกไม่นาน เขาก็น้ำแตกเต็มโพรงตูดป้าคนสวย เขาส่งเสียงร้อง อู๊วว อู๊วว ออกมาอย่างสุดจะกลั้นไว้ได้ ส่วนวิลาสินีเองก็ถึงสวรรค์เกือบจะพร้อม ๆ กันเมื่อน้ำควยอุ่นระอุร้อนวาบเข้าไปในช่องท้องของเธอจนทำให้รูหีเธอขมิบตอด ปล่อยน้ำหีทะลักไหลลงมาตามหน้าขา
แล้วทั้งป้าหลานก็ฟุบตัวลงกับเตียงหอบหายใจให้หายเหนื่อยด้วยกันอีกครั้ง
ทั้งคู่นอนกอดกันบนเตียงหลังสวมเสื้อผ้า บัดนี้ความกลัวตายได้จางหายไปบ้างแล้ว ทั้งสองคนพูดคุยฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ แบบสะเปะสะปะ พยายามไม่นึกถึงชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"พงษ์ เธอได้ยินเสียงอะไรมั้ย" วิลาสินีถามหลานชาย
"เสียงอะไรเหรอครับ ผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลย" พีรพงษ์ตอบพร้อมพยายามเงี่ยหูฟัง
"ป้าว่าเหมือนเสียงเครื่องจักรนะ ดังมาจากทางข้างบน" วิลาสินีพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง
พีรพงษ์กระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งขึ้นบันไดไปตรงประตู เขาเอาหูแนบกับประตูฟังอยู่สักพัก แล้วก็วิ่งกลับลงมาหาวิลาสินีด้วยความตื่นเต้น "ใช่จริง ๆ ครับป้า เสียงรถเครนแน่ ๆ พวกเขากำลังมาช่วยเราออกไปจากที่นี่"
วิลาสินีถามด้วยความสงสัยว่า "อ้าว แล้วทำไมเขาถึงรู้ว่าเราอยู่ในห้องใต้ดินล่ะ โทรศัพท์มือถือก็ใช่ไม่ได้"
"ผมสันนิษฐานว่าพวกเขาคงค้นหากระดูกเราไม่เจอ นายชิดคงบอกว่ายังมีห้องใต้ดินห้องนี้อยู่ พวกเขาก็เลยเอารถเครนมายกเอาซากตึกข้างบนออกไป น่าจะเป็นแบบที่ผมว่าแน่ๆ เลย" พีรพงษ์พูดด้วยความตื่นเต้น
"งั้นเราสองคนก็รอดตายแล้วสิเนี่ย" วิลาสินีน้ำตาคลอเบ้าด้วยความดีใจ เธอโผเข้าหาพีรพงษ์ที่โอบกอดเธอไว้แนบแน่น พร้อมก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา
"ครับ ผมเชื่อว่าเราคงไม่ตายในห้องใต้ดินแห่งนี้แล้วล่ะครับ แต่ เอ ถ้าเราออกไปจากที่นี่ได้ ผมกับป้าจะยังมีความสุขกันได้อยู่รึเปล่าหนอ" พีรพงษ์แกล้งแหย่
วิลาสินีค้อนเขาอย่างน่ารัก "ป้ากลัวแต่เธอจะเบื่อป้าน่ะสิจ๊ะ"
พีรพงษ์ก้มลงไปประทับจูบเธออย่างดูดดื่ม "ไม่มีวันเสียล่ะครับ ผมรู้ใจตัวเองดี ผมว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้จริง ๆ นะที่ทำให้เราสองคนได้รู้ใจกันขนาดนี้ ผมว่าถึงต้องเสี่ยงตายมันก็คุ้มเกินคุ้ม"
"จ้ะ ป้าก็ว่ายังงั้นเหมือนกัน" วิลาสินีตอบ สองป้าหลานสบตากันเนิ่นนาน ในดวงตาของทั้งคู่บ่งบอกว่าบัดนี้ทั้งสองคนได้พบแล้วในส่วนที่ขาดหายไปใน ชีวิต และในหนทางเบื้องหน้าแม้จะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงไร เขาและเธอก็จะร่วมกันฝ่าฟันไปให้ถึงจุดหมายให้ได้

                                     
                                         
                                         จบบริบูรณ์

bigomnoi



ทอง

จบแล้วอ่านเพลินดี ชอบกระทัดรัดดี

hanabombam

เปลี่ยนสถานะจากป้าหลานเป็นผัวเมียจนได้ เล่นเสียวครั้งแรกป้าวิโดนสามรูเลยคุ้มสุดๆ


sachawat

สถานะเปลี่ยนแปลงคนละอย่าง แต่ร่วมมือกันได้