ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_cyborg0011

ความอัดอั้น ตอนที่ ๑ ผลงานของท่าน miki

เริ่มโดย cyborg0011, ตุลาคม 02, 2023, 09:40:57 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

cyborg0011

ความอัดอั้น ผลงานของท่าน miki



งานเก่าๆ เก็บไว้หลายปีแล้ว แต่หยิบขึ้นมาอ่านทีไร เสียน้ำทุกที :P
-------------------------------------------------------------------------------------

ความอัดอั้น 1


"ชั้นบอกแกกี่ครั้งกี่หนแล้ว ว่าให้สอบให้ได้ แล้วทีนี้เป็นไง ไม่ได้อะไรเลยซักอย่าง ชั้นควรจะร้องไห้แทนแกดีมั๊ยเนี่ย?"
เสียงเรียบ เย็นชา ผ่านริมฝีปากบางเฉียบที่ดังจากด้านหลังของผม ทำให้สมองของผมมึนงงไปหมด หางตาเหลือบไปมองผู้ที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ข้างหลัง ผมนิ่งฟังเสียงประชดเหน็บแนม ที่ยังคงดังอยู่เหมือนไม่มีวันจบ...

..........................................................

ผมนึกไม่ออกเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ตั้งแต่เข้าเรียน ม.1 ผมทำทุกอย่างตามที่แม่อยากให้เป็น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจแม่สักอย่าง แม่คาดหวังว่าผมจะทำกิจกรรม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆและคุณครูที่โรงเรียน ผมก็พยายามทำทุกอย่าง ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ผมก็พยายามแล้ว... จนเมื่อผมอยู่ ม.6 แม่อยากให้ผมสอบเข้าคณะแพทย์ ทั้งๆที่ผมพยายามบอกแม่แล้ว ว่าผมไม่อยากเป็นหมอ แต่ดูเหมือนว่าคำอุทธรณ์ของผมจะไม่มีผลกับแม่แต่อย่างใด คำขาดของแม่ก็คือ... "แกต้องสอบเข้าแพทย์ให้ได้ ไม่อย่างงั้น ชั้นก็ไม่มีลูกอย่างแก..."

คำพูดของแม่เหมือนประกาศิต ผมไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรอีก พยายามเรียนกวดวิชาและอ่านหนังสืออย่างหนัก เพื่อให้ทุกอย่างเป็นได้อย่างที่แม่ต้องการ... แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ใช่ว่าเพียงแค่อยากเข้าเรียนก็ได้เรียน สำหรับผม มันเป็นการสอบที่หนักที่สุด ตั้งแต่เกิดมา เพราะผมไม่ได้แข่งเพื่อหาความรู้ให้กับตัวเองอย่างเดียว แต่ยังต้องแข่งกับคนอีกเป็นหมื่นเป็นแสน ที่ก็ต้องการเข้าไปเรียนต่อเหมือนกับผม...

..........................................................

ตั้งแต่จำความได้ ผมก็อยู่กับแม่เพียงสองคน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แม่เป็นคนจัดการให้ผมเกือบทั้งหมด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าแม่คิดถูกแล้ว ที่มีอาชีพเป็นอาจารย์ เพราะด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย น้ำเสียงเย็นชา และกิริยาการเดินเนิบๆ เพียงแค่นี้ก็ทำให้นักเรียนที่มีแนวโน้มจะเกเร ต่างหัวหดกันหมด ซึ่งก็ไม่ได้ยกเว้นผมแต่อย่างใด

ตั้งแต่เด็กมา ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่แม่ยิ้มให้ผมน่ะเมื่อไหร่? และจำไม่ได้แล้วว่าโดนแม่ตีกี่ครั้งกี่หน? บางครั้งก็เพียงแค่เพราะว่าทำการบ้านผิด หรือไม่ก็ดูโทรทัศน์นานไปหน่อย ผมไม่เคยได้แสดงความคิดเห็นหรือแสดงความต้องการอะไรให้แม่เห็นเลย เพราะแม่ไม่เคยฟัง และไม่เคยที่จะสนใจความคิดใดๆของผมทั้งสิ้น สิ่งที่ได้ยินได้ฟังจนชิน ก็คือแม่สอนเด็กให้ได้ดีหลายคนแล้ว ทำไมจะสอนลูกให้ได้ดีไม่ได้?

แต่มันเหมือนกับว่าแม่จะเข้มงวดกับผม จนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง เพื่อนแต่ละคนของผม จะต้องถูกแม่ซักถามก่อนที่จะคบด้วยเสมอ เพราะกลัวว่าเพื่อนเหล่านั้น จะมาชักจูงให้ผมออกนอกลู่นอกทาง จนบรรดาเพื่อนของผมต่างถอยห่างจากผม จนเกือบไม่มีเพื่อนเหลืออยู่เลย คงเหลือเพื่อนบางคนที่ผมต้องแอบคบอยู่ เพราะกลัวว่าแม่จะเข้ามาวุ่นวาย จนเพื่อนกลุ่มสุดท้ายนี้ต้องเลิกคบกันไปอีก ซึ่งความอึดอัดนี้..มันสะสมอยู่กับผมมาเป็นเวลาหลายสิบปี จนกระทั่งถึงวันนี้...

..........................................................

"แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อ?..." เสียงเย็นชาของแม่ดังขึ้นอีก "...ไม่ต้องเรียนดีมั๊ย? ชั้นจะเอาแกไปฝากครูใหญ่ ให้ช่วยรับแกเข้าไปเป็นภารโรงของโรงเรียน บอกตรงๆว่าชั้นคิดผิดจริงๆ รู้อย่างนี้เอาขี้เถ้ายัดปากแกตั้งแต่เด็กๆก็ดีแล้ว"
คำพูดของแม่ทำให้ผมสะอึก ทำไมแม่ต้องกดดันผมหนักขนาดนี้ด้วย
"นี่ถ้าพ่ออยู่..." ผมเอ่ยขึ้น แต่แม่ตัดบทเสียงดัง
"ไม่ต้องพูดถึงพ่อแกเลย..." เสียงเย็นชาของแม่เข้มขึ้น "...แกนั่นแหล่ะที่ทำให้พ่อแกออกจากบ้านไป ยังมีหน้าไปพูดถึงมันอีก"

"แต่..." ผมจ้องหน้าแม่ เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องของพ่อมาก่อน ไม่รู้ด้วยว่าเกี่ยวอะไรกับผม
"พอแล้ว..." แม่ตัดบท "...ชั้นไม่พูดเรื่องนี้กับแกอีก รู้ไว้ซะด้วย ว่าชั้นทนเลี้ยงแกมาเนี่ย ก็เพราะอยากให้พ่อของแกรู้ ว่าชั้นก็มีปัญญาเลี้ยงแกได้ แต่แกกลับทำตัวไม่ได้เรื่องเหมือนพ่อแก แกไม่มีอะไรที่เหมือนชั้นซักนิด นี่ถ้าชั้นไม่ได้เบ่งแกออกมาเองนะ ชั้นคงไม่เชื่อหรอกว่าแกเป็นลูกชั้น"
ประโยคสุดท้ายของแม่ ทำให้ความอดทนของผมถึงขีดสุด ผมลุกออกจากเก้าอี้ในห้อง และเดินออกจากห้องไปทันที
"จะไปไหน? ...แกยังไม่ไหนไม่ได้ ชั้นยังพูดไม่จบ"
แม่ตะโกนไล่หลังมา แต่ผมไม่สนใจจะฟังอีกแล้ว...

...........................................................................

ผมเดินออกมาจากบ้าน ตรงไปหน้าปากซอย ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของบรรดาเพื่อนๆกลุ่มสุดท้ายของผม เพราะเพื่อนที่โรงเรียนหรือเพื่อนที่อื่น ต่างถูกแม่ของผมถามโน่นถามนี่ จนหนีผมไปหมดแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เพราะพวกมันนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟกันครบหน้า เพราะแต่ละคนก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากจะมานั่งสุมหัวกันอยู่ที่นั่นทั้งวัน...

............................................................................

"มึงก็เลยเดินหนีออกมาจากบ้าน..." เปี๊ยกถามพลางหัวเราะเสียงดังลั่น เพื่อนคนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยก็พลอยหัวเราะไปด้วย "...แค่เนี้ย?"
"มึงจะให้กูทำยังไงล่ะ?..." ผมพูดเสียงหงุดหงิด เพราะหวังว่ามาคุยกับเพื่อนๆที่ร้านกาแฟหน้าปากซอย แล้วจะสบายใจขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าโดนพวกมันหัวเราะเยาะอีก
"เป็นกู กูไม่ยอมเว้ย..." ไอ้เติมพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะจ้องหน้าผม "...มีอย่างที่ไหนวะ ด่าเอาๆ อยากเป็นหมอ ก็มาเรียนเองสิวะ"
"แล้วกูจะทำยังไงดีเนี่ย?..." ผมพูดด้วยความกลุ้มใจ เพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อ มองเหม่อไปบ้านตัวเองที่เห็นอยู่ลิบๆ หางตาเหลือบเห็นพวกมันมองสบตากัน

"แม่มึงเครียดมาก..." เสียงไอ้เปี๊ยกพูดเบาๆ "มึงไปหาวิธีให้แม่มึงลดความเครียดหน่อยเถอะ"
"กูก็เห็นแม่กูเครียดมา ตั้งแต่กูเกิดแล้ว..." ผมบ่น "...ไม่รู้จะทำยังไงนี่หว่า?"
"ไม่ต้องห่วง..." เปี๊ยกตบไหล่ผมเบาๆ "...พวกกูเป็นเพื่อนมึง มึงไม่สบายใจ พวกกูก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย เอ้านี่..." มันพูดพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบซองพลาสติกเล็กๆขึ้นมาซองนึง ชูที่หน้าของผม
"...นี่เป็นยาแก้เครียด พวกกูเก็บไว้ใช้เวลาที่มีเรื่องกลุ้มใจ มึงเอาไปให้แม่มึงกิน รับรองว่าหายเครียด บอกไว้ก่อนนะโว้ย นี่ของแพงนะ ถ้าไม่รักกันจริง กูไม่ให้มึงหรอก"

"แล้วแม่กูจะยอมกินเหรอวะ?..." ผมยื่นมือไปรับ ภายในซองมีผงสีขาวอยู่ค่อนถุง "...กูยังไม่เคยเห็นแม่กูกินยาอะไรเลย แล้วเดี๋ยวเค้าถามว่าเอามาจากไหน? กูขี้เกียจอ้างถึงพวกมึง"
"มึงก็ไม่ต้องให้แม่มึงรู้สิ..." เติมพูดเบาๆ "...กูรับรองแทนไอ้เปี๊ยกเลย พอแม่มึงกินยาแล้วนะ รับรองจะรักมึงมากเลยล่ะ แล้วต่อไปจะไม่หาเรื่องด่า หรือขัดใจอะไรมึงอีกเลย เชื่อกูสิ"
"ไม่เป็นอันตราย นะมึง" ผมคาดคั้น
"กูจะหลอกมึงทำห่าอะไรวะ?..." เปี๊ยกทำเสียงจริงจัง "...ถ้ามันกินแล้วตาย กูจะเอาติดตัวไว้ทำห่าอะไร มึงนี่คิดโง่ๆ"

ผมพยักหน้า มองหน้าพวกมันสลับกันไปมา พลางคิดว่ายาที่พวกมันให้ก็คงไม่พ้นพวกยาอีหรือยกล่อมประสาท เพราะพวกมันเป็นเด็กข้างถนน จะเอายาแก้เครียดจริงๆมาจากที่ไหน?...
บางที...บางทีนะ ถ้าแม่ได้กินยาพวกนี้สักครั้ง อาจจะดีขึ้นก็ได้ เพราะแม่ดูเครียดอยู่ตลอดเวลา ถ้าได้ผ่อนคลายลงบ้าง อาจจะดีขึ้นก็ได้ ความคิดของผมเวลานั้น อะไรก็ได้ที่ทำให้แม่เลิกวุ่นวายกับผมซักที ผมคิดพลางมองหน้าพวกมันอีกครั้ง...

.............................................................

"เมื่อกี้ผมขอโทษครับ ที่เดินออกจากบ้านไป" ผมยืนอยู่หน้าแม่ที่กำลังเตรียมอาหารเย็น
"ไม่เป็นไร แกไปอาบน้ำ แล้วเตรียมลงมากินข้าวได้แล้ว มีอะไรไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันหลังกินข้าว" เสียงของแม่ยังเย็นชาเหมือนเดิม ผมมองหน้าแม่อีกครั้งก่อนจะเดินไปอาบน้ำ กลับลงมาจากอาบน้ำ แม่ก็ขยับตัว
"กับข้าวเสร็จแล้ว ชั้นไปอาบน้ำก่อน แกจะกินก่อน หรือรอก็ตามใจนะ"
โดยไม่รอฟังคำตอบ แม่เดินขึ้นไปข้างบนทันที ผมมองตามร่างที่เดินขึ้นไปชั้นบน นิ่งคิดอะไรอีกครั้ง ก่อนจะหยิบซองพลาสติกขึ้นมา และเทผงสีขาวลงไปในแก้วน้ำของแม่เกือบครึ่งนึง ผมใช้ปลายช้อนคน จนผงเหล่านั้นละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ และนั่งรอแม่ลงมาทานข้าวพร้อมกัน...

.................................................................

ผมนั่งกินข้าวกับแม่ ตาก็คอยเหลือบมองแม่อยู่ตลอด
"เป็นอะไร กินไปสิ เดี๋ยวเสร็จแล้ว เราค่อยขึ้นไปคุยกันข้างบน"
แม่พูดพลางยกแก้วน้ำที่ผมผสมยาแก้เครียดขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
"ครับ" ผมตอบสั้นๆ หวังว่าถ้าแม่ได้พักอย่างเต็มที่ บางทีแม่อาจจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง...
แม่นั่งเฉยๆสักพัก ก็เอ่ยปากขึ้น ทำให้ความหวังของผมดับวูบลง
"เดี๋ยวกินเสร็จแล้ว ตามชั้นขึ้นไปข้างบนนะ จะเอายังไงต่อ ก็พูดให้รู้เรื่องวันนี้แหล่ะ"
แม่พูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าว และเดินขึ้นข้างบน โดยไม่หันมามองผมอีก ผมนั่งสะอึกอยู่ในใจ อิ่มตื้อเดี๋ยวนั้นเลย นั่งฟุ้งซ่านอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าว แล้วเดินตามแม่ขึ้นไปที่ห้องของแม่...

..................................................................

"แกจะทำยังไงต่อ?" เสียงของแม่ยังเย็นเฉียบ อย่างเสมอต้นเสมอปลายในความคิดผม ยาของไอ้พวกนั้นคงไม่ได้ผล แม่นั่งอยู่บนเตียง ส่วนผมยกเก้าอี้มานั่งอยู่ต่อหน้าแม่
"ผม..." ผมไม่รู้จะพูดอะไร "...ผม..แล้วแต่แม่ครับ" แม่พยักหน้า ใบหน้าเรียบเฉย
จากนั้นก็เริ่มด่ากรอกหูของผมเหมือนทุกครั้ง จนผมอยากจะเอามืออุดหู แล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องแม่ แต่ก็รู้ว่าทำอย่างนั้น..ไม่ใช่วิธีที่ฉลาด เพราะยังไงซะ ผมก็หนีแม่ไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว
"ชั้นพยายามจะให้แกมีอาชีพการงานที่ดี ก็เลยอยากให้แกเรียนแพทย์ แทนที่แกจะพยายาม แกดันไม่ยอมตั้งใจเรียน เอาแต่เล่นทั้งวัน..." แม่พูดเสียงเรียบๆ แต่เชือดเฉือนตามสไตล์

"...แก...แก.. ถ้าแก. .อืมม...ถ้าแกตั้งใจจริงซักหน่อยนะ...อืมม..."
จู่ๆแม่ก็พูดตะกุกตะกัก เสียงที่เคยเย็นชาเริ่มสั่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูจางๆ ขนลุกชันไปทั้งตัวจนสังเกตเห็นได้ แม่เอามือกุมขมับเหมือนกับจะเป็นลม
"แม่ เป็นอะไรครับ?" ผมถามด้วยความตกใจ เพราะไม่เคยเห็นแม่เป็นอย่างนี้มาก่อน
"ชั้นไม่ได้...เป็นอะไร?..." แม่ตวาดขึ้น แต่เสียงที่ออกจากปากกลับสั่นระริก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน "...ชั้น..ยังพูด....ไม่จบ..."
ผมดูด้วยความมึนงง ถ้ายาของไอ้พวกนั้นออกฤทธิ์จริง แม่ต้องมีท่าทางผ่อนคลายสิ ไม่ใช่ดูกระวนกระวายอย่างนี้

"ชั้น..." แม่พยายามจะพูดต่อ แต่ก็ต้องก้มหน้านิ่ง เสียงลมหายใจเข้าออกดังหนักหน่วง คล้ายกับพยายามควบคุมอารมณ์อยู่ ใบหน้าที่ระเรื่อเป็นสีชมพูในตอนแรกนั้น บัดนี้ได้แดงก่ำไปจนถึงต้นคอ
ร่างที่นั่งอยู่บนเตียงก้มหน้า พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ เบียดต้นขาทั้งสองข้างไปมาช้าๆ จนชุดนอนที่แม่สวมอยู่ยับย่นไปด้วยแรงบิดนั้น "ทำไมเป็นอย่างนี้?..." เสียงแม่พึมพำกับตัวเอง ซึ่งผมฟังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร? รู้อยู่แต่ว่าอาการของแม่เหมือนคนไม่สบาย แต่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างของแม่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรุนแรง "...ไม่ไหว...แล้ว..." เสียงแม่พึมพำเบาๆ

"เอก..." แม่เงยหน้าเรียกผม เสียงที่ผ่านริมฝีปากออกมา ทำให้ผมต้องเงี่ยหูฟังอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยได้ยินแม่เรียกผม ด้วยเสียงนุ่มนวลขนาดนี้มาก่อน แววตาที่แม่มองมานั้นเปล่งประกายบางอย่าง ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันหยาดเยิ้มจนผมต้องก้มหน้าหลบสายตาของแม่
"ครับ" ผมขานรับเบาๆอย่างไม่รู้จะทำยังไง
"แม่เป็นอะไรก็ไม่รู้?..." เสียงอ่อนนุ่ม แหบพร่านั้นสั่นคลอนประสาทผมอย่างรุนแรง เพราะมันเจือไปด้วยสำเนียงที่เร่าร้อน จนแม้แต่คนที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์เรื่องผู้หญิงมาก่อนอย่างผม ก็ยังรู้สึกได้ "...มันเป็นมาก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย เอก"

"แม่..แม่เป็นอะไรล่ะครับ?" ผมพยายามถาม เสียงตะกุกตะกัก แล้วก็ต้องใจหายวาบ เพราะแม่ขยับมือทั้งสองข้างลูบไล้ต้นขาของตัวเองอย่างแผ่วเบา
"แม่...แม่อึดอัด... ทำไมเป็นอย่างนี้ แม่...แม่ทน...ทนไม่ไหวแล้ว" เสียงสั่นระริก ร่างที่นั่งอยู่บนเตียงค่อยๆบิดกายไปมาช้าๆ สองมือที่ลูบไล้ต้นขา ค่อยๆขยับเลื่อนขึ้นมาด้านบน จนฝ่ามือทั้งสองข้างสัมผัสกับเต่งเต้าที่อยู่ภายใต้เสื้อนอน
"แม่..." ผมอุทานเสียงหลง เพราะไม่คิดว่าจะเห็นภาพอย่างนี้

ร่างที่นั่งลูบไล้เรือนร่างของตัวเองอยู่บนเตียง บิดกายไปมา หลับตาพริ้ม ใบหน้าแดงก่ำ เสียงหอบหายใจของแม่ ทำให้ผมขนลุกไปหมดทั้งตัว เพราะมันแหบพร่าอย่างยั่วยวนยังไงบอกไม่ถูก สองมือที่ลูบไล้เต่งเต้านั้นขยับขึ้นไปบนไหล่ของตัวเอง
"แม่..." ผมอุทานอีกครั้ง เมื่อแม่ปลดสายชุดนอนออกจากร่าง ผิวกายขาวผ่องของแม่สว่างวาบขึ้นต่อหน้าต่อตาผม ด้วยวัยย่างเข้า 40 ของแม่ ถึงจะไม่ใช่สาวแรกรุ่น แต่ผิวกายที่ขาวเนียน บวกกับการรักษาเนื้อรักษาตัวของแม่ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างภายในร่างของแม่ ยังคงเต่งตึงจนดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง

ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สองตาของผมจ้องมองร่างของแม่ตาแทบถลน และทั้งๆที่รู้ว่าไม่เหมาะสม แต่ท่อนเนื้อที่อยู่ในกางเกงดันแข็งตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ สายตามองลาดลงมาจากลำคอที่ขาวผ่อง เห็นสองเต้าที่เคลื่อนคล้อยลงบ้างตามอายุ แต่ยังคงรูปไว้ไม่คล้อยยานจนเสียสภาพแต่อย่างใด ป้านสีน้ำตาลจางๆประดับปลายยอดด้วยหัวนมสีน้ำตาลอ่อนพุ่งชูชันขึ้นมาราวกับเม็ดบัวขนาดย่อม สองมือของแม่ปาดเสื้อนอนลงมากองอยู่ที่เอว ก่อนจะวกฝ่ามือขึ้นลูบไล้และขยำขยี้สองเต้าช้าๆแต่หนักหน่วง พลางบีบบี้หัวนมที่แข็งชันนั้นเบาๆ เสียงครางที่หลุดออกมาจากแม่ทำให้ผมแทบคลั่ง

"แม่...เป็นอะไร?" สำนึกสุดท้ายสั่งให้ผมถามแม่ ที่นั่งแอ่นร่างบีบเคล้นเต่งเต้า ตอนนี้อย่าว่าแต่แม่เลยที่บิดไปมา ผมก็นั่งบิดขาไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ท่อนเนื้อข้างในดันกางเกงนอนจนแทบทะลุ
"เอก..." เสียงเรียกของแม่ไม่ดังไปกว่าเสียงครางนั้น "...มานี่"
"ผม..." ผมลังเล ร่างที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมในขณะนี้ ทำให้ผมตัวแข็งไปหมดทั้งร่าง โดยเฉพาะท่อนเนื้อในกางเกง เหงื่อซึมทั่วแผ่นหลัง
"แม่บอกให้มานี่ไง..." เสียงเหมือนพยายามจะดุ แต่กระแสเสียงนั้นราวกับจะเชิญชวนเสียมากกว่า ฝ่ามือทั้งสองของแม่เปะปะไปมาบนเต้านมอ่อนนุ่ม ก่อนจะค่อยๆป่ายผ่านหน้าท้องลงมา
"แม่..." ผมอ้าปากค้างอีกครั้ง เมื่อร่างที่นั่งอยู่ต่อหน้านั้น ขยับเอวขึ้นเพียงนิด ก่อนจะดันชุดนอนที่กองอยู่ตรงเอวให้เลื่อนลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า สองขาที่เบียดเสียดบิดไปมานั้น ค่อยๆถ่างกว้างออกจนเป็นรูปตัววี

สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเห็นแม่ในสภาพที่เปล่าเปลือยมาก่อนเลย เกือบทุกครั้ง ถ้าไม่ใช่ชุดนอนก็เป็นชุดอยู่บ้าน หรือไม่ก็เป็นชุดที่ใส่ออกไปสอน...
แต่วันนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของแม่ อย่างเต็มตาขนาดนี้ สายตาที่จับจ้องอยู่บนเต่งเต้าขนาดค่อนข้างใหญ่ เลื่อนผ่านหน้าท้องลงไปจนถึงเนินเนื้อ ที่มีเส้นไหมดำสนิทปิดคลุมแผ่ทั่วหน้าขา
แม่เงยหน้าหลับตาพริ้ม แก้มแดงก่ำ ฝ่ามือลูบไล้ขยำขยี้บนเนินเนื้อ จนเส้นไหมดำยุ่งเหยิงไปหมด ฝ่ามืออีกข้างก็วกกลับขึ้นไปบีบเคล้นสองเต้าอย่างหนักหน่วง เสียงหอบหายใจหนักหน่วงขึ้น

"แม่สั่งให้มานี่..." เสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ราวกับถูกมนต์สะกด ผมค่อยๆลุกขึ้นยืน ก้าวไปยืนอยู่หน้าร่างของแม่ ที่กำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง
"เอก.." เสียงหยาดเยิ้มอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้น "...ช่วยแม่...ด้วย...แม่...ไม่...ไม่ไหวแล้ว"
ผมสะดุ้งทั้งตัว เพราะร่างของแม่ที่กำลังเคล้นคลึงเรือนร่างของตัวเองนั้น ขยับตัวมาประชิดร่างที่กำลังยืนอยู่ของผม และโดยที่ยังไม่ทันตั้งหลัก แม่ก็จับขอบกางเกงนอน ซึ่งเป็นกางเกงยืดของผม และรูดลงไปกองกับพื้นทันที
"แม่..." ผมร้องเสียงหลง งอตัวด้วยความเคยชิน เพราะผมไม่เคยใส่กางเกงในเวลานอนมาก่อน ดังนั้น เมื่อแม่รูดกางเกงผมออกจากร่าง ท่อนเนื้อที่แข็งชันเนื่องจากภาพที่เห็นต่อหน้า จึงดีดพุ่งไปข้างหน้าจนแทบชนกับใบหน้าของแม่ ที่ก้มลงมาระหว่างที่รูดกางเกงนอนผมออก...

"อยู่เฉยๆ..." เสียงแหบพร่านั้นยังคงสั่งอยู่ สองมือของแม่ปราดเข้ามาลูบไล้หน้าท้องของผม จนผมเสียววาบไปทั้งตัว มือนั้นป่ายเปะปะจนสัมผัสท่อนเนื้อแข็งเกร็งที่ตั้งขนานกับพื้น เนื่องจากความเสียวที่ได้รับ ผมสะดุ้งไปทั้งร่างเพราะอุ้งมือที่อ่อนนุ่มของแม่ คว้าที่ดุ้นเอ็นขนาดพอดีมือ มืออีกข้างหนึ่งของแม่โอบสะโพกของผม และดึงตัวเข้าไปจนยืนจ่อท่อนเนื้ออยู่ตรงกับใบหน้าของแม่
"แม่..." ผมอุทานเสียงหลง เมื่อร่างที่นั่งอยู่บนขอบเตียง ก้มหน้าลงมาที่ดุ้นเอ็น และตวัดลิ้นเลียจนรอบ ก่อนจะอ้าปากอมท่อนเนื้อเข้าไปในปากจนแทบถึงโคน ผมเสียววาบ ขนลุกไปหมดทั้งตัว ริมฝีปากที่ร้อนผ่าว ผสมกับปลายลิ้นที่ตวัดไล้เลียไปมา ทำให้ผมต้องแอ่นตัวขึ้นรับความเสียว ที่ได้รับอย่างไม่นึกไม่ฝันมาก่อน

ร่างของแม่ที่ก้มหน้าก้มตาดูดดุ้นเนื้ออย่างหิวโหย ทำให้ผมเกร็งไปทั้งร่าง ทำไมจู่ๆแม่ถึงเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง แม่ทำท่าเหมือนจะไล่ผมออกจากบ้าน แต่ตอนนี้กลับทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้... ผมยืนเห็นแม่ขยับศีรษะเข้าออกกับหว่างขาของผมอยู่ชั่วครู่ ก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากของแม่มันเยิ้มไปด้วยน้ำลาย ซึ่งก็เลอะบนท่อนเนื้อของผมจนเป็นคราบมันวับ สองขาของผมสั่นระริกด้วยความเสียว ที่ผ่านมาจากริมฝีปากของแม่ และผมก็ต้องเซขึ้นไปนั่งบนเตียงเมื่อแม่ดึงตัวผมขึ้นไปนั่งบนเตียง
"มานี่...เอก..." เสียงสั่นระริกของแม่ดังขึ้น ทำให้ผมนึกภาพไปถึงหนังที่เคยแอบดู เพราะพอถึงตอนนี้ ผมเริ่มจะรู้แล้วว่าแม่จะจบเรื่องนี้ยังไง?
พอคิดอย่างนั้น ก็ยิ่งทำให้ผมเสียวไปหมดทั้งตัว นี่แม่จะเล่นพิเรนทร์อะไรกับผมอีก เพราะเพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมแทบขาดใจตายอยู่แล้ว ท่อนเนื้อที่เป็นมันวาวด้วยคราบน้ำลายของแม่แข็งเกร็งขึ้นราวกับหิน

ผมมานั่งอยู่ขอบเตียงข้างๆแม่ พอสบตาแม่ ผมก็ต้องหลบตา เพราะแววตาของแม่นั้นมันมีประกายอะไรบางอย่าง ที่ผมก็บอกไม่ถูก เสียงหอบหายใจของแม่ยิ่งทำให้ผมนั่งเบียดท่อนขาไว้แน่น เพราะกลัวว่าแม่จะเห็นว่าท่อนเนื้อที่ตรงกลางนั้น มันบอกถึงความปรารถนาของเจ้าของอย่างไม่สามารถปิดบังได้...
แต่แม่ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว สองมือของแม่ดันร่างผมลงไปนอนหงายอยู่บนเตียง ร่างขาวเนียนขยับตัวปีนขึ้นมาคร่อมอยู่บนร่างของผม สองเต้างามแกว่งไกวไปมาตามการขยับตัว แม่ขยับประชิดแนบใบหน้าลงกับใบหน้าผมและ...

"อืมม..." ผมครางออกมาเบาๆ เมื่อแม่ประกบริมฝีปากกับผมแนบแน่น ปลายลิ้นเรียวเล็กร้อนผ่าวโผล่พ้นริมฝีปากเรียวงาม ไต่ตวัดไปมาอยู่บนริมฝีปากผม ก่อนจะมุดแทรกเข้าไปภายในจนปลายลิ้นของเราสัมผัสกัน ผมสะดุ้งเฮือกไปทั้งร่างเหมือนถูกไฟชอร์ต เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มนั้นกวาดจนทั่วทั้งปาก และตวัดลิ้นเข้าพันกับลิ้นของผม สองมือแม่ลูบไล้ทั่วร่างผม ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่กลางหว่างขา และเคล้นคลึงท่อนเนื้อที่แข็งราวกับหินนั้นอย่างแผ่วเบา จนผมต้องแอ่นตัวขึ้นรับความนุ่มนวลนั้น อุ้งมือของแม่รูดท่อนเอ็นของผมขึ้นลงช้าๆ แต่มันยิ่งเพิ่มความเสียวให้ผมมากขึ้นไปอีก

"แม่...แม่ครับ...ผม..." ผมครางเบาๆ ร่างแอ่นขึ้นลงตามอุ้งมือของแม่ ที่ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง แม่หยุดเสียงครางของผมด้วยริมฝีปากอ่อนนุ่ม ปลายลิ้นของแม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผมได้แต่นอนบิดไปมาด้วยความเสียว จนกระทั่งลิ้นเรียวงามของแม่แตะกับหน้าอกของผม ริมฝีปากร้อนผ่าวประกบกับนมที่พึ่งแตกพานของผม ผมแทบจะขาดใจตาย ชาไปหมดทั้งร่าง เมื่อปลายลิ้นของแม่ฉวัดเฉวียนอยู่บนหัวนมทั้งสองข้าง
ผมได้แต่นอนกระตุกร่างด้วยความเสียวอยู่อย่างนั้น จนรู้สึกว่าแม่พลิกตัวนอนหงาย และดึงร่างของผมขึ้นไปนอนอยู่บนตัวแม่

"เอก..เอก.. ช..ช่วยแม่... ช่วยแม่ด้วย..." เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูของผม ที่ตอนนี้พลิกตัวขึ้นไปนอนอยู่บนร่างขาวโพลนนั้น สองมือของแม่ป่ายเปะปะลูบไล้อยู่บนแผ่นหลังของผม
ผมคงจะต้องฆ่าตัวตายแน่ๆ ถ้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ ถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงมาก่อน แต่ธรรมชาติก็สอนให้ผมรู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน...
ใบหน้าเย็นชาที่มองผมอย่างเรียบเฉยตั้งแต่เมื่อสมัยที่ผมยังเด็ก จนผมแทบไม่อยากมอง แต่ตอนนี้ผมกลับจูบไซ้ใบหน้านั้นจนทั่ว ก่อนจะมาประกบปากกับริมฝีปากที่เคยเชือดเฉือนผมมาตลอด เจ้าของริมฝีปากบางนั้น รีบเผยอริมฝีปากรอรับปลายลิ้นของผม ที่สอดแทรกเข้าไปควานจนทั่ว และตวัดพันลิ้นกับเจ้าของปากจนแทบแยกไม่ออก

ผมเล่นลิ้นอยู่อย่างนั้นจนพอใจ ก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าลงมาซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอ แม่เงยหน้าครางเสียงกระเส่า เร้าอารมณ์ให้ผมยิ่งพลุ่งพล่านมากขึ้นไปอีก จนเมื่อใบหน้าผมซบอยู่กับร่องอก สองมือเลื่อนขึ้นมาประกบอยู่กับสองเต้า ที่อ่อนนุ่มแต่ยังคงรูปงามอยู่ ผมเคล้นคลึงเต้างามอย่างแผ่วเบา...
"เอก...แรง...แรงกว่านี้..." เสียงเร่งเร้าของแม่ ทำให้ผมบีบเคล้นเต้าทั้งสองหนักหน่วงขึ้น จนแทบแหลกคามือ แต่แทนที่แม่จะเจ็บปวด กลับแอ่นอกขึ้นรับแรงบีบเคล้นนั้นด้วยความเต็มใจ ใบหน้าของผมที่ซบอยู่กับร่องอก ค่อยๆขยับไต่ขึ้นไปหาปลายยอดที่แข็งชันรออยู่

"อูยย... นั่น..นั่นแหล่ะ..เอก... นั่นแหล่ะ..." แม่สะท้านขึ้นทั้งตัว เมื่อริมฝีปากผมประกบเข้ากับเม็ดบัวปลายยอด ผมเม้มปากดูดดึงหัวนม พลางใช้ปลายลิ้นตวัดไล้เลียอย่างเอร็ดอร่อย เสียงครางของแม่ดังขึ้นไปอีก สองเต้าของแม่ขยับขึ้นลงตามแรงหอบหายใจ ผมยังคงสลับริมฝีปากดูดดื่มความหอมหวานจากเต่งเต้าทั้งสองข้าง จนเนินอกของแม่แดงช้ำไปด้วยแรงบีบเคล้น และเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำลายที่ละเลงจนทั่ว
ผมไล้ปลายลิ้นลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ โดยที่สองมือยังคงบีบเคล้นเต้างามทั้งสองอย่างหนักหน่วงเป็นจังหวะ จนใบหน้าผมลงมาซบอยู่บนเนินเนื้อที่ปกคลุมด้วยไหมดำสนิท แม่เด้งเอวขึ้นอย่างลืมตัว เมื่อผมไล้ปลายลิ้นจนกลุ่มไหมงามนั้น เปียกชื้นไปด้วยน้ำลายมองเห็นเป็นเงาวาววับ

"เอก..เอก.." แม่กระหืดกระหอบเรียก เมื่อผมค่อยๆซุกใบหน้าลงบนร่องเนื้อที่ดำสนิทไปด้วยเส้นไหม ลาดยาวลึกลงไปถึงด้านหลัง ผมจับต้นขาของแม่ถ่างออกจากกัน โดยที่ไม่ต้องใช้แรงแม้แต่นิดเดียว เพราะแม่รีบขยับตัวแยกขาให้ด้วยความเต็มใจ
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นร่องรักของผู้หญิง อย่างชนิดที่เรียกว่าเห็นในระยะเผาขนอย่างนี้ กลีบเนื้อสีน้ำตาลอ่อนของแม่ลากจากด้านบน ที่มีปุ่มที่ไวต่อความรู้สึกยื่นออกมาจนเห็นเป็นเม็ด ร่องนั้นยาวลึกหายไปด้านล่าง ปกคลุมไปด้วยสีดำที่ระเกะระกะตลอดทาง จนแทบมองไม่เห็นร่องรัก ผมจ้องอย่างตื่นตะลึง เพราะภายในร่องรักนั้น เอ่อซึมไปด้วยหยาดน้ำขาวใส จนแทบจนล้นออกมาจากร่อง

"เอก.." เสียงเตือนของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมขยับใบหน้าเข้าหาร่องรักนั้นอย่างไม่นึกรังเกียจ ปลายลิ้นที่ทำงานอย่างหนัก ตอนที่ควานหาความหอมหวานจากสองเต้าด้านบน ค่อยๆแตะลงในร่องรัก ก่อนที่จะลากขึ้นลงตามความยาวของร่องช้าๆ
"อ๊ายย...." แม่กระตุกไปทั้งร่าง เมื่อผมตวัดลิ้นอยู่บนติ่งเนื้อด้านบนแ ละแทรกลิ้นเข้าไปภายใน ตอนนี้ใบหน้าผมแนบกับร่องเนื้อของแม่ จนแนบสนิท กลิ่นคาวจากหยาดน้ำรักยิ่งทำให้ผมหมดความอดทนทีละน้อย...
"เอก..แม่.. แม่ไม่ไหว...แล้ว..." เสียงกระหืดกระหอบของแม่บอกให้ผมรู้ ว่าบทจบของเรื่องนี้ควรจะเป็นยังไง

ผมขยับตัวขึ้นไปนอนประกบอยู่บนร่างขาวละเอียดของแม่ และใช้หัวเข่าแยกต้นขาของแม่ออกจากกัน แม่ขยับตัวเพื่อให้เข้าที่เข้าทาง แยกขาออกจนสุดโดยที่ผมคร่อมอยู่บนร่าง...
ผมเสียววาบอีกครั้ง เมื่อแม่จับท่อนเนื้อที่แข็งเกร็งของผมรูดขึ้นลงช้าๆ ก่อนที่จะจ่อปลายหัวเข้ากับร่องรัก ที่เอ่อเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำใส
"เข้ามาสิ...เอก..." แม่เอ่ยปากเสียงกระเส่า เอวขยับไปมา รอท่อนเนื้อของผม ซึ่งก็ไม่ต้องให้แม่เตือนอีก ผมค่อยๆดันท่อนเนื้อเข้าไปในร่องรักช้าๆ รู้สึกเสียววาบไปหมดทั้งดุ้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจแม่ เพราะแม่จับเอวของผมไว้ แล้วกดเอวของผมลงกับช่วงล่างของแม่อย่างรวดเร็ว จนเนินเนื้อของแม่บดกับท่อนเนื้อของผมจนมิดดุ้น

"โอยยยย......" ผมครางสุดเสียง เมื่อท่อนเนื้อจมหายเข้าไปในร่องรักของแม่จนหมด ความอุ่นชื้นภายในโพรงรัก ทำให้ผมเสียวปลาบไปทั้งดุ้น
"ทำสิ...ทำสิเอก...เอก.." แม่ครวญครางเสียงดังลั่นห้อง โดยไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน เอวขยับไปมา เหมือนจะเตือนให้ผมต่อเรื่องให้จบซะที
ผมกดท่อนเนื้อนิ่งอยู่ในร่องรักของแม่อยู่ชั่วครู่ เพื่อซึมซับความเสียวที่ได้รับอย่างไม่คาดฝัน โพรงรักของแม่ขมิบตอดดุ้นเนื้อของผม อย่างรุนแรงจนรู้สึกได้ ผมจ้องใบหน้าที่เคยเย็นชากับผมมาตลอด ซึ่งตอนนี้ไม่เหลือเค้าเดิมแม้แต่น้อย ก่อนที่จะโยกตัวดึงท่อนเอ็นเข้าออกในร่องรักของแม่ช้าๆ

"อูยย..อย่างงั้น...อย่างงั้นแหล่ะ..เอก.." เสียงครางกระเส่าของแม่ดังเข้ากับจังหวะ ที่ผมโยกเอวเข้าใส่ ลิ้นเรียวเล็กเกลี่ยริมฝีปากบางที่แห้งผาก จนผมต้องประกบปากเข้ากับริมฝีปาก ที่เคยดุด่าผมมาสารพัด แม่รีบตวัดม้วนลิ้นเข้าพันกับผมอย่างแทบไม่หายใจ ในห้องมีเพียงเสียงหอบหายใจ และเสียงครวญครางของทั้งผมและแม่ดังระงม
ดุ้นเนื้อที่ซอยเข้าออกในร่องรัก ค่อยๆเร่งความเร็วและความหนักหน่วงขึ้น ตามอารมณ์ของผมที่ค่อยๆแตกกระเจิงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเสียงร้องครางและเรือนร่างของแม่ที่บิดไปมา ยิ่งทำให้ผมเสียวซ่านมากยิ่งขึ้นไปอีก จนต้องบดกระแทกท่อนเนื้อ เข้าใส่ร่องรักของแม่อย่างไม่กลัว ว่าเนินเนื้อของแม่จะบอบช้ำ แต่มันกลับกลายเป็นยิ่งทำให้แม่ส่งเสียงครวญครางดังขึ้นไปอีก...

"เอก...เอก...ระ...เร็ว...แม่..แม่.." เสียงแม่ครางกระหืดกระหอบ ร่องรักของแม่เริ่มบีบรัดท่อนเนื้อของผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไร แต่ธรรมชาติก็บอกให้รู้ ว่าผมไม่สามารถอดทนได้อีกแล้ว..
"แม่...แม่...ผมจะ..ผมจะเสร็จ..." ผมบดกระแทกท่อนเนื้อเข้าใส่ร่องรักของแม่อย่างถี่ยิบ ร่างของแม่แอ่นขึ้นรับการบดกระแทกจนเอวแทบไม่แตะพื้น
"เอกกกกกกกกกก..." แม่ร้องครางเรียกชื่อผมดังลั่น ก่อนจะกอดเอวของผมไว้แน่น ร่างของแม่เหยียดเกร็ง ร่องรักบีบจนท่อนเนื้อของผมแทบขยับไม่ได้...
ถึงจะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ผมก็เสียววูบไปทั้งร่าง กระแทกท่อนเนื้ออีกครั้ง ก่อนบดเอวแนบแน่นกับร่างของแม่ จนดุ้นเนื้อจมหายเข้าไปในร่องรักจนมิด
"โอยยยยยย...." ผมครางเสียงลั่น ก่อนจะเกร็งท่อนเนื้อปลดปล่อยน้ำรัก เข้าใส่ร่องรักของแม่อย่างทะลักทลาย ร่างของแม่สะท้านเฮือกขึ้นมาอีกครั้ง แอ่นช่วงเอวขึ้นรับน้ำรักของผม ที่ฉีดพุ่งเข้าไปเหมือนไม่มีวันหมด...

.......................................................................

แม่นอนหายใจระรวย เหงื่อซึมทั่วใบหน้าอยู่บนเตียง ร่างงามที่ถูกผมบดขยี้จนแดงช้ำไปหมด ยังคงนอนหงายอยู่อย่างนั้น ร่องรักของแม่มีหยาดน้ำรักของผมเอ่อเยิ้มออกมา ไหลล้นลงสู่ซอกขาหายลงไปบนผ้าปูเตียง โดยที่ผมพลิกตัวลงมานอนด้านข้าง ผมไม่กล้าหันไปมองหน้าแม่ ความคิดของผมสับสนไปหมด ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ผมนึกไม่ออกว่าทำไมแม่ถึงได้มีอารมณ์พลุ่งพล่าน อย่างรุนแรงขึ้นมาเหมือนเมื่อกี้นี้? แล้วหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ?...
กำลังนอนคิดด้วยความกังวล ผมก็ต้องสะดุ้ง เพราะรู้สึกว่าแม่จะพลิกตัวหันมาทางผม
"แม่ครับ...เอ่อ..ผม...ผม.." ผมไม่รู้จะพูดยังไง ก็ต้องตกใจเพราะแม่เอื้อมมือมากอดผมอีกครั้ง ฝ่ามือลูบไล้หลังผมเบาๆ ก่อนจะวกกลับมาด้านหน้า จนอุ้งมือสัมผัสกับท่อนเนื้อที่เพิ่งจะคลายตัวลง ปลายนิ้วทั้งห้าที่สัมผัสดุ้นเนื้อ ค่อยๆบีบคลึงอย่างแผ่วเบา จนผมขนลุกซู่ ทั้งๆที่พึ่งปลดปล่อยน้ำรักออกไป แต่สัมผัสที่ได้รับ ทำให้ท่อนเนื้อของผมขยับตัว

"แม่...แม่...เป็นอีกแล้ว..." เสียงแหบพร่าของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง อุ้งมือที่บีบเคล้นดุ้นเนื้อของผมอยู่ รูดเข้าออกช้าๆอย่างเป็นจังหวะ จนมันแข็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง ผมใจหายวาบ
"แต่..." ผมพยายามจะท้วง แม่เอามือปิดปาก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประกบริมฝีปากบางเฉียบเข้ากับริมฝีปากของผม แววตาที่จ้องมองผมนั้น เปล่งประกายหยาดเยิ้มจนผมต้องหลบตา
คืนนี้ สงสัยว่าผมคงต้องนอนค้างที่ห้องของแม่เสียแล้วล่ะ...

.................................................................

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมลืมตาขึ้นมา รู้สึกอ่อนเพลียอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาหยุดชะงักมองเพดาน เพราะนี่ไม่ใช่ห้องของผม ผมหันขวับไปมองด้านข้าง ก็ต้องตกใจเพราะมองเห็นร่างของแม่ที่นอนเปลือยเปล่า หลับสนิทอยู่ข้างตัวผม ส่วนตัวผมนั้นก็ไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนร่างแม้แต่ชิ้นเดียว
ความตกใจทำให้ผมทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่งทันที แล้วก็ต้องรีบเอาผ้าห่มขึ้นมาบังท่อนล่างของตัวเองเพราะมันไม่มีอะไรปกปิดอยู่เลย ส่วนแม่ก็นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ผมมองดูบนเตียง ก็ต้องตกใจเพราะผ้าปูที่นอนบนเตียงแม่ยับยู่ยี่ จนแทบจะหลุดออกจากที่นอน และที่ยิ่งกว่านั้น ก็คือมีคราบอะไรบางอย่างเลอะบนเตียงเป็นดวง

"เมื่อคืนเอกทำอะไรแม่?..." เสียงแผ่วเบาของแม่ดังลอดออกมาจากริมฝีปาก ที่นอนคว่ำอยู่ แม่ยังคงนอนคว่ำอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมหันหน้ามาคุยกับผมตรงๆ
"ผะ...ผม..." ผมพูดไม่ออก
"เอกรังแกแม่..." เสียงนั้นยังคงแผ่วเบาอยู่ แต่กระแสเสียงไม่ได้เย็นชา เหมือนที่ผมเคยได้ยินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
"ผม...ผมเปล่า..." ผมยังคงตะกุกตะกักตอบ ก็ไม่ได้รังแกอะไรแม่เลย แม่ต่างหากที่บังคับให้ผมทำโน่นทำนี่อย่างเมื่อคืน
"แม่ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่เป็นอะไร?..." เสียงอู้อี้จากการที่นอนคว่ำหน้าพูด ยังพูดต่อ "...แม่อยากจะโกรธตัวเอง อยากจะโกรธเอก ที่ทำเรื่องบัดสีอย่างเมื่อคืน..." เสียงของแม่แผ่วเบาลง ผมนั่งนิ่งใจสั่นระทึก แม่จะทำยังไงต่อ?

"...แต่ไม่รู้สิ..." เสียงอ่อนนุ่มของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง "...มันเหมือนกับได้ระบายอะไรบางอย่างออกมา แม่ไม่เคยรู้สึกสบายอย่างนี้มาก่อนเลย..." แม่พูดเหมือนคนละเมอ ผมได้แต่อ้าปากค้าง
"แม่...แม่ไม่โกรธผมเหรอครับ?" ผมกลั้นใจถาม แม่หันมาจ้องหน้าผมนิ่ง กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มบางๆ แก้มระเรื่อเป็นสีชมพู
"โกรธ...โกรธสิ..." ผมใจหายวาบ เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย "...จะโกรธมาก ถ้าเอกไม่ทำอย่างเมื่อคืนอีก" พูดจบแม่ก็ขยับตัวพลิกมาดึงร่างผมลงในนอนกอดอีกครั้ง...
หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ? ผมก็ยังไม่รู้อนาคตเลยครับ...
บางที...บางทีนะ มันอาจจะเปลี่ยนอนาคตของผมก็ได้ ใครจะไปรู้...

-------------------------------------------------------------------------------------


ผู้ชายเทวดา


swss2511


Torranong

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมยกขึ้นหิ้งอีกเรื่องนึงเลยครับ โครงเรื่องดี ภาษาสวยแสดงอารมณ์ได้สุดยอด เสียดายที่หางานของท่าน Miki อีกไม่เจอ

Asura4237