ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ซีรีย์น้องนิดกับพี่เก่ง(คำสารภาพของน้องนิด) ep.16

เริ่มโดย suckzeed, ตุลาคม 26, 2015, 05:07:25 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

ขอรบกวนเวลาของพวกท่านๆอีกนิดครับ

เวลาผมเอาเรื่องที่ผมเขียนมาโพสลงให้อ่านนั้น

ไม่ใช่ว่าผมสักแต่โพสๆไปเท่านั้นนะครับ

จริงแล้วผมมองดูการตอบรับอยู่ตลอด ว่าเรื่องที่ผมเอามาลงให้อ่านนั้น

มีการตอบรับ ยอมรับแค่ไหนเพียงใด

ในบทที่แล้ว หลังจากผ่านการโพสแบบไม่ซ่อนข้อความเลยไปแล้วกว่า30ชั่วโมง

มีการรีพายตอบเพียง30กว่าท่าน และเข้ามาอ่านเพียง1000คน

ดูตัวเลขแล้วไม่น้อยเลยครับแต่...

ถ้าเทียบกันเรื่องอื่นๆ ที่ท่านอื่นเอามาโพส ไม่ว่าจะเขียนเองแต่งเอง หรือcopy มา

เรื่องซีรีย์น้องนิดนั้น ถือว่าเทียบกับกระทู้อื่นๆไม่ได้เลย นั่น..

ย่อมเป็นสิ่งบอกให้ผมทราบว่า..คนเล่นเวบนี้ คงไม่ชอบแนวการเขียนเรื่องนี้ของผม

แต่ว่า..ผมจะลองพิสูจน์อีกสักบท คือบทนี้ ว่าหลังจากลงโพสไปแล้ว ถ้ายังเป็นเหมือนบทที่แล้วคือบทที่15

มีการตอบรับน้อย ไม่แตกต่างกับบทเดิม ผมจะหยุดโพสเรื่องนี้ไว้แค่บทนี้เป็นบทสุดท้ายครับ

อันนี้ไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานอารมณ์ใดๆเลยครับ แต่สำหรับคนเขียนเรื่อง

ถ้าเขียนแล้วไม่มีคนอ่าน ไม่มีคนยอมรับ หรือยอมรับน้อย จะเขียน จะโพสไปทำไม จริงมั๊ยครับ

..................................................................................................................................................

น้องนิดไปฝึกงานในโรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ประมาณสามเดือนกว่าๆ ในระหว่างที่ฝึกงานน้องนิด
จะอยุ่ที่คอนโดของตัวเอง แค่เพียงวันหยุดเท่านั้นที่จะมาค้างกับผม ในหว่างที่ฝึกงานอยู่นั้น ผมเคยไปแอบดูว่าน้องเค้าฝึก
งานโดยไม่ให้เธอรู้ อยู่สองครั้ง ก็เห็นว่าเธอตั้งใจฝึกดี เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ไม่มีปัญหา ตอนที่น้องมานอนค้างกับผม นั้น
ผมเคยลองถามว่ามีปัญหาอะไรบ้างมั๊ย ทั้งเรื่องงานหรือเรื่องเพื่อนใหม่ มีใครมาจีบบ้างหรือเปล่า เข้ากับเจ้านายดีมั๊ย อะไร
แบบนี้

น้องนิดก็ตอบไม่มีปัญหาอะไรเลย มีเพียงไม่ค่อยชอบสายตาของหัวหน้าแผนกที่น้องนิดฝึกอยู่ ที่ชอบมองน้องนิดด้วยสายตา
หื่นๆ แล้วก็คอยแอบแต๊ะอั๋งทำนองหมาหยอกไก่ ผมก็เลยบอกให้น้องนิดอดทนเอาหน่อย ที่ไหนๆมันก็มีคนแบบนี้ทั้งนั้นแหละ
น้องนิดเลยย้อนถามให้ว่า

"แล้วพี่...เคยทำหน้าหื่นใส่ลูกน้องสาวๆมั่งมั๊ยคะ.... "เธอถามแล้วจ้องตาผมรอคำตอบ ผมตอบว่า

"ไม่เคยจ๊ะ.. เพราะลูกน้องพี่มีแต่ผุ้ชาย...ฮาๆๆ แต่ถ้าสมมุติว่า มีลูกน้องสาวๆสักคนละก็...."ผมแกล้งพูดค้างไว้ยั่วเธอเล่น อยาก
รู้ว่าน้องนิดจะหึงมั๊ย แต่ว่า

"ถ้ามีทำเลยนะคะ....นิดอยากดูพี่เก่งหื่นใส่สาวคนอื่นมั่ง......" คำตอบของน้องทำเอาผมประหลาดใจ

"เอ้า.....ไม่หึงเลยรึ...ทำแบบนี้อาตี๋เล็กน้อยใจน๊า..." ผมแสร้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจ ทิ้งมือที่กำลังกอดเธอลงข้างตัว น้องนิด
ก็หันมากอดผมแทน แล้วเอื้อมมือล้วงลงไปจับกุมท่อนลำของผม
 
"อย่าน้อยใจนะตี๋เล็กของเจ้...เจ้ให้พ่อตี๋เล็กหื่นได้ แต่ห้ามตี๋เล็กคนดีไปหื่นกับสาวอื่นนะจ๊ะ..ตี๋เล็กต้องหื่นกับเจ้หมวยคนเดียว
รู้มั๊ย..."

ระหว่างที่พูด น้องนิดก็จับตี๋เล็กของเธอลูบๆคลึงๆ จนท่อนลำผมเริมตื่นตัว เธอร้องอุ๊ยๆ แล้วรูดเล่นห้าหกครั้ง จนมันแข็งเต็ม
อุ้งมือของเธอ...ผมก็หันมากอดน้องนิดมือไม้เริ่มไม่อยู่สุขบีบคลึงอกอวบของเธอเล่นจนเม็ดหัวนมตั้งแข็ง ขณะกำลังเลื้อยมือ
ลงต่ำ น้องนิดก็ตะครุบยึดมือผมแน่น แล้วกระซิบเบาๆที่หูว่า ช่วงนี้เธอมีเมน กรรมเวรเลย มายั่วจนผมตื่นเพริด แล้วดันมา
บอกว่ามีเมน ความจริงผมก็ไม่ได้ซีเรียสถึงกับจะหงุดหงิดถ้าไม่ได้ทำรักกับเธอ แต่ก็แสร้งทำหน้าเซ็งๆ บ่นอุ๊บอิ๊บๆว่าแล้วมา
ยั่วผมทำไม แล้วน้องนิดก็กระซิบให้ผมได้ยินว่า

"อย่าน้อยใจนะคะที่รัก เคยบอกนิดเองไม่ใช่หรือว่า ช่องทางความสุขไม่ได้มีแค่ตรงนั้น...คืนนี้นิดจะทำให้พี่ด้วยปากดีมั๊ยคะ..
หรือพี่อยากได้ตรงนั้น..เอ่อ ตรงก้นด้วยยย" แล้วคืนนั้นน้องนิดก็ทำตามคำพูด เธอใช้ปากทำรักให้ผมในช่วงแรก ก่อนจะตบ
ท้ายโดยให้ผมตกทองเธอ

น้องนิดฝึกงานจนเป็นวันสุดท้ายในช่วงบ่ายวันนั้นก็โทรมาบอกผมว่าคืนนี้คงกลับดึกไม่ต้องห่วง เพราะพี่ๆที่แผนกจะพาไป
เลี้ยงอำลาทานข้าวเย็นกัน แล้วอาจจะพากันไปฟังเพลงต่อ น่าจะประมาณ4ทุ่มกว่าๆคงกลับกัน ซึ่งในคืนนั้นเป็นคืนที่น้อง
นิดจะมานอนค้างที่คอนโดของผมเป็นประจำอยู่แล้ว ผมเลยหยิบงานออกแบบเรือนหอของผมมาตรวจทานดูไปเรื่อยๆ
เพลินๆจนเวลาผ่านไปสี่ทุ่มกว่าๆ น้องนิดก็ยังไม่มา ผมเลยโทรไปหา เธอรับสายแต่มีเสียงร้องเพลง เสียงพูดคุยของคนดื่ม
เหล้าเอะอ่ะดังแทรกเข้ามาจนฟังแทบไม่รุ้เรื่อง พอจับใจความว่าพี่ๆพามาร้องคาราโอเกะ เสียงของน้องนิดไม่เหมือนเดิมนัก
เหมือนกับเธอดื่มเหล้าด้วย

"น้องดื่มเหล้าละป่าวครับ....เสียงเหมือนคนเมาเลย"

"ดื่มไวน์นิดหน่อยค่ะพี่....ไม่มาวหรอกค่ะ.."

ตอนนั้นน้องนิดก็อายุเกือบ22แล้ว เรื่องการดื่มเหล้าเข้าสังคมนั้น ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด เพียงแค่ตั้งแต่ผมรู้จักเธอมา
ไม่เคยเห็นเธอดื่มเหล้าดื่มเบียร์แม้สักครั้งเดียว จึงอดเตื่อนไปไม่ได้ ผมห่วงเพราะน้องนิดต้องขับรถกลับหาผม เธอก็รับปาก
ว่าเดี๋ยวกลับแล้ว ๆ ผมจึงวางสาย แต่ใจก็เริ่มกังวล เวลาผ่านไปอีกช้าๆ เกือบชั่วโมง น้องนิดก็ยังไม่มาสักที

ผมเดินงุ่นง่านวนไป ๆ มา ๆ รอบๆห้อง แล้วตัดสินใจโทรไปหาน้องนิดอีกครั้งเสียงโทรศัพท์ดังหลายครั้งกว่าน้องจะรับสาย
ผมถามว่าถึงไหนแล้ว เพราะไม่มีเสียงอึกทึกแทรกเข้ามาแบบเมื่อตอนหัวค่ำ น้องนิดอึกอักๆ กว่าจะตอบว่า อยุ่ที่คอนโดของ
เธอแล้ว

"นิดปวดหัวค่ะ แล้วก็มึนนิดหน่อย เลยมานอนที่คอนโดนิดเพราะใกล้กว่า ถ้าขับไปหาพี่มันไกล..." ผมก็ถามด้วยความเป็นห่วง
ไปอีกสองสามประโยคแล้ววางสาย ค่อยรู้สึกหายห่วงเพราะเธอกลับที่พักเธอแล้ว

หลังจากทำแบบเรือนหอเรียบร้อยผมเริ่มลงมือก่อสร้าง ช่วงนั้นผมจำเป็นต้องใช้เงินค่อนข้างมากแต่ก็ดีว่ามีงานเข้ามาหาชิ้น
หนึ่ง แต่ผมต้องไปทำที่เชียงใหม่แล้วอยู่ที่นั่นประมาณเดือนหนึ่ง ค่าตอบแทนก็มากพอประมาณ ผมบอกกับน้องนิด ซึ่งเธอไม่
อยากให้ผมไปนัก เธอไม่เข้าใจว่าผมจำเป็นเรื่องเงินมากขนาดไหน แล้วถ้าจำเป็นจริงๆ เอาเงินเธอไปก่อนก็ได้ แต่ผมไม่ทำ
แบบนั้นแน่ แล้วก็ยังไม่สามารถบอกเหตุผลด้วยว่า ผมต้องการเงินทำไม น้องนิดจึงดูเหมือนจะงอนๆผมอยู่บ้างที่ผมทำเหมือน
มีความลับกับเธอ วันที่น้องนิดไปส่งผมที่สนามบินดอนเมืองเธอจึงทำหน้ามึนๆ เซ็งๆ ผมเห็นแล้วรู้สึกสงสารเธอมาก แต่จำ
เป็นต้องปลอบใจตัวเองว่าอดทนเอาไว้ ๆ ไม่เช่นนั้นคงบอกเหตุผลความจำเป็นเรื่องเงินกับเธอเป็นแน่

ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ เราก็ติดกันทางโทรศัพท์บ้าง ทางเอ็มบ้าง เราเปิดกล้องคุยกันผ่านเวบแคม แล้วก็อดไม่
ได้หรอกครับที่จะทำรักกันผ่านสื่อออนไลน์ ช่วงที่ผมอยู่เชียงใหม่น้องนิดคงเหงามาก ผมก็เลยบอกให้เธอลองหาอะไรทำแก้
เหงาดู ผ่านไปสองสามวันน้องนิดก็โทรมาหาผมแล้วบอกว่า เธอลองไปเทสหน้ากล้องกับกระเทยแมวมา

กำลังรอว่าจะได้ผลเป็นอย่างไร ผมพิจารณาดูแล้วว่าน้องนิดก็โตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ คงไม่ถูกใครหลอกง่ายๆแน่ แต่ก็อดเตือน
เธอด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ สั่งห้ามทำอะไรเสี่ยงๆ ถ้าดูแล้วจะเกิดอันตรายไม่ให้ทำ ซึ่งน้องนิดก็รับปาก

ตลอดเวลาช่วงนั้นผมโทรหาน้องนิดทุกคืน เช็คเวลาการกลับบ้านของเธอ ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปรกติไปจากเดิม ก็เลยเบาใจไป
บ้าง ก้มหน้าทำงานจนครบกำหนดหนึ่งเดือนกับอีกห้าหกวันจึงเสร็จ

ผมทุ่มเงินทั้งหมดที่หามาได้ลงไปกับเรือนหอของผม จนผ่านไปถึงเดือนกุมภาพันธ์2553เรือนหอผมก็เสร็จสมบูรณ์ รออีกไม่
กี่วันน้องนิดก็จะจบการศึกษา วันสุดท้ายที่สอบเสร็จ ผมกะว่าจะไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยแล้วพาเธอไปฉลองการสอบเสร็จ
จากนั้นจะฉวยจังหวะนั้นขอเธอแต่งงาน นี่คือแผนการของผม
.......


แต่แผนของผมผิดพลาดไปเล็กน้อย กะว่าจะรับน้องนิดที่มหาวิทยาลัยตอนเธอสอบเสร็จ แล้วพาไปเลี้ยงฉลองที่ห้องอาหาร
บนยอดตึกที่สูงที่สุดของประเทศย่านประตูน้ำ แต่เผอิญว่าวันนั้นนายสมดันเกิดอุบัติเหตุในระหว่างทำงานขึ้น ตกนั่งร้านจาก
ชั้นสองของตัวบ้านลงมาหัวน็อคพื้นสลบคาที่ ผมเลยต้องพานายสมไปหาหมอ ระหว่างรอผลสแกนสมองอยู่นั้น น้องนิดก็โทร
มาถามว่าผมอยู่ที่ไหน พอผมบอกไปว่าอยู่โรงพยาบาล พานายสมมารักษา แล้วบอกให้น้องนิดไปรอผมที่คอนโดของผม จน
เย็นเมื่อผลแสกนออกมาว่านายสมไม่เป็นอะไรมาก ผมค่อยเบาใจให้นายสมพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แล้วผมก็ขับรถกลับ
คอนโด กำลังเอ่ยปากว่าจะชวนน้องนิดไปเลี้ยงฉลอง น้องนิดชิงพูดตัดหน้าก่อนว่า

"พี่คะๆ...นิดมีเรื่องตื่นเต้นจะบอกค่ะ"พอผมถามว่าเรื่องอะไรทำไมถึงดูตื่นเต้นนัก เธอก็เลยเล่าให้ฟังว่า สองวันก่อนเผอิญเธอรุ้
สึกคิดถึงบ้านสวนของเธอที่ขายไปแล้ว เธอก็เลยขับรถไปดู อยากรู้ว่าคนซื้อจะรักษาสัญญาเรื่องต้นไม้ของเธอมั๊ย  พอเธอไป
ถึง เธอพบว่าเพื่อนของผมสร้างเรือนหอได้สวยมาก มีสระว่ายน้ำด้วย แล้วก็รักษาสัญญาได้อย่างที่รับปาก ต้นทุเรียนทุกต้นไม่
ได้ถูกโค่นทิ้งเลย มิหนำซ้ำยังจัดเป็นสวนสวยงามสุดๆ เธออยากพาผมไปดู ตอนนั้นผมอึกอักๆกลัวว่ามันจะเสียแผน แต่น้องนิด
ก็ทำกระเง้ากระงอดรบเร้าให้ผมไปดูกับเธอ..

"นิดว่า..เพื่อนพี่คนนั้น คงรักแฟนเค้ามากๆเลยนะคะ...ถึงสร้างเรือนหอซะสวยเชียว...น่าอิจฉา...ไม่รุ้นิดจะมีวาสนามั๊ย..." ท้าย
เสียงหันมาจ้องหน้าผมทำตาอ้อนๆ ผมเลยไม่อยากขัดใจเธอ อยากไปก็ไปกัน ผมไปถึงที่นั่นประมณ6โมงเย็นกว่าๆ หยุดรถตรง
หน้าประตุทางเข้า จากนั้นผมก็หยิบรีโมทคอนโทรลกดประตุรั้วบานใหญ่ที่ทำจากสแตนเลส ประตุค่อยๆเปิดออกช้า ๆ น้องนิด
หันมามองหน้าผม เหมือนอยากจะถามว่าพี่มีรีโมทเปิดประตูรั้วได้ยังไง แต่ผมรีบยื่นนิ้วชี้ไปแตะริมฝีปากเหมือนบอกให้เธอเงียบๆ
ก่อนอย่าเพิ่งพูด เพิ่งถามอะไรทั้งสิ้น

ผมขับรถผ่านสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเข้าไปจอดรถที่ประตูทางเข้าบ้าน แล้วล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจออกมาไขเข้าบ้าน น้องนิด
มองไปรอบๆภายในบ้านอย่างตื่นเต้น พื้นโถงรับแขกเป็นหินแกรนิตสีชมพูลายๆ เหมือนสีดอกซากูระ สวยจัง สวยมากเหลือเกิน
น้องเดินไปจับตรงนั้น ลูบตรงนี้ แล้วพูดซ้ำๆแต่คำว่าสวยๆๆ

"เจ้าสาวของเพื่อนพี่ช่างโชคดี มีวาสนามากเลยนะคะ....สงสัยจะต้องสวยมากแน่ๆเลย"

"ใช่จ๊ะ....สวยมาก"

"พี่รุ้จักหรอคะ..." น้องนิดหันมาถามพร้อมขมวดคิ้วเหมือนแปลกใจ ว่าทำไมเธอถึงไม่เคยรู้จักเลย ทั้งๆที่ เธอใช้ชีวิตติดอยู่กับผม
มากว่าปีแล้ว

"พี่รุ้จักดีเลยละที่รัก...อยากเห็นเขามั๊ยล่ะ..."

"อยากเห็นสิคะว่าสวยแค่ไหน สวยกว่านิดมากมั๊ย...ไหนคะรุปผู้หญิงเจ้าสาวผู้โชคดีคนนั้น"

น้องนิดพูดจบผมก็ฉวยข้อมือเธอเดินขึ้นไปชั้นบน ผ่านโถงชั้นบนเดินไปทางด้านปีกซ้ายของตัวบ้าน ซึ่งสมัยก่อนจุดนี้เป็น
ห้องนอนของน้องนิดนั่นแหละ ผมใช้กุญแจอีกดอกไขประตุ แต่ยังไม่เปิดเข้าไป ผมบอกให้น้องนิดเป็นคนเปิดแล้วจะเห็นเจ้า
สาวของบ้านหลังนี้

"อุ๊ยยยยย...พี่...."

พอน้องนิดเปิดประตูเข้าไปเธอก็ตกตะลึงร้องอู๊ย  เพราะในห้องนั้นด้านฝาผนังมีรูปของเธอบานใหญ่เท่าตัวจริง เป็นรุปของ
น้องนิดที่ผมถ่ายไว้ตอนที่เราไปเที่ยวทะเลในวันหยุด ผมแอบเอารุปใบนี้ไปขยายใหญ่แล้วใส่กรอบหลุยส์อย่างสวยงาม

"อะไรคะพี่...นิดงงไปหมดแล้ว นั่นมันรุปนิดนี่...คะ"

"ใช่จ๊ะ...หน้าตาทะเล้นๆแบบนี้ คงไม่มีฝาแฝดแน่ๆ".ผมแกล้งเย้าเธอไป พร้อมล้วงมือเข้ากระเป๋ากุมกล่องกำมะหยี่ไว้แน่น รู้สึก
ตื่นเต้นจนมือชื้น

"นิดงงไปหมดแล้ว...ทำไมรูป...." น้องนิดยังไม่ทันพูดจบ ผมก็คุกเข่าลง ในมือมีกล่องกำมะหยี่ ผมเปิดมันออกแล้วหยิบแหวน
เพชรเม็ดเล็กๆ ออกมา

"แต่งงานกับพี่ได้มั๊ยครับ... นี่คือเรือนหอของเรา..."

แม้จะผิดแผนการขอแต่งงานที่ผมวางเอาไว้ว่าจะไปสถานที่โรแมนติค มีแสงมีเสียงดนตรีบรรเลงเพลงเพราะ ๆ มีแขกในห้อง
อาหารเป็นสักขีพยานหลายๆคน กลับกลายเป้นมาขอน้องนิดแต่งงานในเรือนหอที่สร้างรอไว้ ไร้เสียงเพลง ไร้สักขีพยาน แต่
ผลรับที่ได้กลับเกินขาด

น้องนิดค่อยๆทรุดร่างคุกเข่าตรงหน้าผม น้ำตาเธอเริ่มไหล แล้วก็ไหลพรากลงมาอย่างมากมาย แต่ริมฝีปากเธอนั้นกลับยิ้ม
ละไม ยิ้มด้วยความตื้นตันดีใจ เธอโผกอดผมแน่น พยักหน้า แล้วพูดเสียงดังว่า แต่งค่ะ....แล้วก้มหน้าลงมาจูบปากผมก่อน
เรานั่งคุกเข่ากอดจูบกันอย่างนั้น เนิ่นนานจนต้องทิ้งตัวลงเกลือกกลิ้งกอดรัดกันกับพื้นห้องแล้วก็ยังกอดจุบกันต่อไปเหมือน
กับว่ามันจะเป้นจูบสุดท้ายของชีวิต

แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องนิดฟังตั้งแต่การมาขอซื้อที่ การใช้เวลาออกแบบบ้าน การต้องไปทำงานที่เชียงใหม่ ผมยัง
เล่าไม่ทันจบน้องนิดก็ใช้ริมฝีปากเธอปิดปากผมไว้ มือไม้ลูบไล้แผ่นอกกว้างแล้วลามลงไปที่กลางลำตัวของผม น้องก้มหน้า
มากระซิบถามผมว่า

"โบราณจะถือมั๊ยคะพี่...ถ้าเราจะฉลองเรือนหอกันก่อน..." พอพูดจบเธอก็อมยิ้มอายๆ ผมรู้ความหมายมันเป็นอย่างดี ใครจะถือ
ก็ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือหรอก ในเมื่อสาวสวยคนที่ผมกอดอยู่ในขณะนี้  เธอล้วงมือเข้าไปในกางเกงผมแล้วกำๆบีบๆ จนท่อนลำ
ผมแข็งเต็มอุ้งมือของเธอ...

ผมค่อยช้อนร่างน้องนิดขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วใช้บริการเรือนหอก่อนที่จะถึงวันวิวาห์ (ตอนนี้คงไม่ต้องลงรายละเอียดนะครับ
ว่าผมใช้เตียงนอนไปกี่ครั้ง ห้องน้ำไปกี่หน จินตนาการกันเอาเองว่าน้องนิดร้องครางเสียวๆ ซี๊ดดดๆๆไปกี่ครั้ง ผมกับเธอสำเร็จ
กันไปกี่หน) เอาเป็นว่าคืนนั้นเราสองคนก็นอนค้างกันที่นั่น จวบจนสายๆของวันใหม่ น้องนิดชวนผมไปวัดเพื่อขอให้หลวงตา
ที่เธอเคารพรู้จักดูฤกษ์แต่งงานให้กับเรา

หลวงตาถามวันเดือนปีเกิดของเราทั้งสองคน แล้วก็ขีดเขียนอักขระตัวเลขลงบนกระดาษ สักพักก็บอกกับเราสองคนว่า
"มีฤกษ์เด่นเหมาะสมกับกับแต่งงานต้นปีหน้า แต่ถ้าเห้นว่าช้าไปก็จะมีฤกษ์รองลงมาต้นเดือนหน้าอีกก็พอได้ แต่เตรียมตัวกัน
ทันมั๊ยล่ะโยมเก่ง"หลวงตาให้ฤกษ์แต่งงานของผมเหมือนกับใบหวยเลยครับ มีฤกษ์เด่นฤกษ์รอง ผมหันไปมองหน้าน้องนิด
หวังจะขอความเห็น น้องนิดรีบชิงตอบเบาๆมาก่อนว่า

"เดือนหน้าก็ดีนะคะพี่...ไม่ต้องจัดอะไรให้ยุ่งยาก แค่ทำตามประเพณีก็เพียงพอแล้วสำหรับนิด"พอเราได้ฤกษ์เรียบร้อยแล้ว
ผมก็นิมนต์หลวงตาให้มาทำพิธีทางศาสนา พร้อมกับถือโอกาสนั้นทำบุญขึ้นบ้านใหม่ไปเสียเลยในคราวเดียวกัน....

เรากลับมายังเรือหอของเราช่วยกันนั่งนึกว่าจะเชิญใครมาบ้างในวันแต่ง กะกันไว้ว่าช่วงเช้าเราจะมีพิธีทางศาสนา แล้วช่วง
เย็นก็มีงานเลี้ยง ให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันเดียว น้องนิดก็ออกความเห็นว่า ไม่ต้องไปจองโรงแรมเพื่อจัดงานเลี้ยงหรอก ใช้
สนามหญ้าบ้านเรานี่แหละจัดงานแทน เอาอาหารมาจากภัตาคารหรือโรงแรมก็ได้ ทำแบบบุฟเฟต์ เรียบง่ายรวดเร็วดี จากนั้น
ก็นั่งนึกถึงรายชื่อแขกที่เราจะเชิญมา ส่วนตัวผมนั้นไม่ค่อยมีญาติ มีบ้างเล็กน้อยทางด้านคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็ห่างกันมากแทบ
จะไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย ผมจึงตัดสินใจไม่เชิญใครสักคน มีเพื่อนสนิทรวมถึงเพื่อนทางด้านธุรกิจบ้างไม่เกิน20คน

ส่วนน้องนิดมีญาติที่อยู่อเมริกา แต่ไม่แน่ใจว่าจะมาร่วมงานมั๊ยเพราะครั้งสุดท้ายที่จากกันในวันงานศพพ่อแม่เธอ ค่อนข้างจะ
มีปัญหากันถึงขนาดประกาศตัดเป็นตัดตาย แต่ผมก็บอกให้น้องนิดเชิญไปก่อน ส่วนเรื่องจะมาหรือไม่มาอย่าไปกังวล น้องนิด
มีเพื่อนกับอาจารย์ที่สนิทๆในมหาวิทยาลัยอีกส่วนหนึ่ง ไม่น่าจะเกิน30คน รวมๆดูแล้วแขกที่จะมางานแต่งของเราสองคนไม่
น่าจะถึง60คนด้วยซ้ำ ดูแล้วมันค่อนข้างจะโหรงเหรง

"ไม่เป็นไรหรอกน้อง..วันนั้นพี่จะสั่งหยุดงาน เกนฑ์คนงานของพี่อีกร่วมร้อยมาในงานด้วย จะได้ครึกครื้นดี"

ผมบอกไปแบบนั้นทำให้น้องนิดสีหน้าแช่มชื่นขึ้น สรุปเราก็ทำตามแบบที่เราวางแผนปรึกษากัน เริ่มตั้งแต่ไปปรึกษาบริษัทที่
เขารับจัดงานแต่งงาน ให้มาถ่ายรูป ทำการ์ดเชิญแขก ตัดชุดแต่งงาน พร้อมจัดเตรียมของชำร่วยแจกแขกที่มาร่วมงานส่วน
เรื่องการหาโรงแรมที่สั่งอาหารนั้น ตอนแรกผมบอกน้องนิดไปว่าให้ลองติดต่อโรงแรมที่น้องนิดไปฝึกงานดีมั๊ย น้องนิดรีบ
ปฏิเสธทันทีพร้อมบอกว่าที่อื่นดีกว่า โดยไม่บอกเหตุผล ผมก็ไม่ติดใจซักถามอะไร เราโทรศัพท์ไปสองสามที่ก็ได้ที่หนึ่งซึ่ง
สดวกมาจัดบริการนอกสถานที่ให้เราตามที่เราต้องการ พอทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วการ์ดแต่งงานพิมพ์เสร็จ ผมกับ
น้องนิดก็ช่วยกันนำส่งไปยังรายชื่อแขกที่บันทึกไว้

ช่วงนำการ์ดไปเชิญอาจารย์ของน้องนิดนั้นผ่านไปเรียบร้อย พร้อมได้รับคำอวยพรกลับมา ส่วนใหญ่จะอมยิ้มเมื่อเห็นว่าที่เจ้า
บ่าวมีอายุสูงกว่าอาจารย์บางท่านเสียด้วยซ้ำ สำหรับกลุ่มเพื่อนน้องนิดนั้น น้องนิดโทรนัดเพื่อนสนิททั้งหมดตามรายชื่อมา
รวมตัวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บอกเพียงว่ามีข่าวดีจะบอก จากนั้นเราก็พากันไปพบที่นัดหมาย ผมให้น้องนิดเข้าไปก่อน
ส่วนตัวเองเดินตามหลังทำทีเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน

พอน้องนิดเจอกลุ่มเพื่อน ก็ประกาศว่าข่าวดีที่จะบอกคือเธอจะแต่งงาน เพื่อนสนิทของน้องนิดต่างร้องกรี๊ดกร๊าดแสดงความ
ยินดี ดีใจ แล้วถามหาตัวเจ้าบ่าวว่ามาด้วยมั๊ย พอน้องนิดเรียกผมว่าพี่คะๆ ผมก็เดินเข้าไปเบื้องหน้ากลุ่มเพื่อนๆของเธอ เพื่อนๆ
เธอถึงกับตะลึง พร้อมแอบซักถามแอบนินทาแบบให้ผมได้ยินชัดๆกันเลยว่า น้องนิดรู้จักกันกับผมยังไง

น้องนิดก็เล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก พร้อมกับโชร์รูปถ่ายเรือนหอให้พวกเพื่อนๆดู ซึ่งต่างก็ออกปากชมว่า
สวยเหลือเกิน มีบางคนขออนุญาติมาเล่นน้ำที่สระเสียด้วยซ้ำ ซึ่งผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จึงออกปากอนุญาติด้วยความเต็มใจ
มีบางคนทะลึ่งทะเล้นตามประสาวัยรุ่น ถึงกับถามว่าผมยังมีเพื่อนโสดที่หล่อๆ รวยๆ แบบผมเหลืออีกมั๊ย แล้วก็หัวเราะแซวกัน
ไปแซวกันมาอย่างสนิทสนมเราจากกลุ่มเพื่อนๆของน้องนิดมาด้วยความสดชื่น

น้องนิดหน้าตาดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง คืนนั้นน้องนิดโทรไปหาญาติของเธอที่อเมริกาเพื่อบอกข่าวการแต่งงาน โดยมีผมยืน
ให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง น้องนิดพูดอยุ่สองสามคำก็วางสาย หันหน้ามากอกผมพร้อมร้องไห้ ผมคาดการไว้อยู่แล้วว่าคงปฎิเสธ
ที่จะมาร่วมงาน จึงได้แต่กอดปลอบใจเธอ กระซิบบอกเธอไปว่า"คนที่สำคัญที่สุดในงานไม่ใช่แขก แต่เป็นสาวสวยที่ยืดกอด
พี่ร้องไห้อยุ่ตรงนี้ต่างหาก" พูดจบก็จูบหน้าผากเธอเบาๆ ด้วยความรัก น้องนิดก็ยิ้มตอบพร้อมรัดวงแขนกอดผมแน่นขึ้น น้ำตา
แห้งไปเลย

คราวนี้มาถึงกลุ่มเพื่อนผมบ้าง แบ่งออกเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ยังคบหากันอยู่ ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีครอบครัวแต่งงาน
มีลูกกันคนละสองสามคนหมดแล้ว ผมรู้ล่วงหน้าเลยว่ากลุ่มเพื่อนผมนี้แต่ละคนมันปากดีๆกันทั้งนั้น น้องนิดคงโดนแซวหนัก
แน่ ผมก็ใช้วิธีเดียวกับกลุ่มเพื่อนน้องนิด คือโทรศัพท์ไปหาแต่ละคน นัดมิตติ้งกันในตอนเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ด้วยเหตุผล
ว่าผมมีข่าวจะบอก ซึ่งแต่ละคนมันก็แปลกใจเดาไปต่างๆนาๆ ส่วนมากก็เดาถูกว่าข่าวดีของผมนี่จะสละโสดแล้วหรือ

ผมก็ตัดบทไปทุกคนว่ามาแล้วจะรุ้เอง ช่วงเช้าในวันนั้นผมพาน้องนิดไปหาเพื่อนที่มีธุรกิจติดต่อกันก่อน มอบการ์ดแต่งงาน
พร้อมเชิญให้มาร่วมงานของผม ซึ่งแต่ละคนต่างก็แสดงความยินดีด้วย มีสองสามคนที่ดูเหมือนจะจ้องมองน้องนิดนานเกินไป
สักหน่อยด้วยสาวตาวาวๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงกิริยาอันใดออกมาให้น่าเกลียด พอถึงช่วงเย็นผมเดินจูงมือน้องนิดเข้ายังห้อง
อาหารที่จองห้องส่วนตัวไว้ ผมไปช้ากว่าเวลานัดเล็กน้อย เพื่อนๆผมมากันครบก่อนหน้าแล้ว ต่างกำลังดื่มกินพูดคุยกันอย่าง
ออกรสชาด ทันที่ที่ไปถึงยังไม่ทันได้นั่ง

"เห้ยไอ้เก่ง....มันจูงลูกมาด้วยว่ะ มันแอบไปมีลูกตั้งแต่ตอนไหนวะ..." เสียงแรกก็แซวผมกับน้องนิดทันที่ที่เห็น

"กูว่าไม่ใช่ลูกมันหรอกว่ะ...หน้าตาเห้ๆแบบมันมีลูกสาวสวยยังกะนางฟ้าได้ไง" นี่ก็อีกเสียง

"แม่งหลอกเด็กชัวร์...."แล้วก้มีอีกหลายเสียงแซว ทำเอาน้องนิดที่ยืนอิงด้านหลังผมยึดมือผมแน่น

"เอ้าๆๆๆๆ...หยุดเก็บหมากันได้แล้ว พวกมึงนี่ ทำเอาเจ้าสาวกูกลัวหมด..." ผมด่ากลับทำให้พวกมันหัวเราะกันเฮใหญ่ ต่างก็
แย่งกันพูดแย่งกันบอกแล้วว่า

"เห็นมั๊ยล่ะกูกะถูก ข่าวดีมันเป้นแบบนี้นี่เอง"ต่างแย่งกันพูดว่าตนเองเป็นคนคาดการณ์ถูกว่าข่าวดีที่ผมนัดพวกมันมาพบ
คือการประกาศแต่งงาน " เพื่อนคนหนึ่งถามว่าเจ้าสาวผมชื่ออะไร พอผมบอกชื่อน้องนิดไปมันก็แซวกลับทันที

"นู๋นิดกันไว้ดีๆล่ะ..สมัยหนุ่มไอ้เห้เก่งนี่..ผู้หญิงติดตรึม..."

"ใช่ ๆ ก็ยัยจุ๋มไงจำได้มั๊ย โดนหักอกจนต้องหนีไปมีผัวที่เมืองนอก"

ยัยดาสาวแสบหนึ่งในเพื่อนหญิงของผมผสมโรงแซวมั่ง ส่วนเพื่อนอีกคนก็คือยัยจุ๋มคนที่ถูกเอ่ยชื่อ ผมจำได้ว่ายัยจุ๋มแอบ
ชอบผมมานาน แต่ผมคิดกับเธอเพียงเพื่อน ในวันที่บอกเธอไปตามตรงนั้น เธอร้องไห้ แล้วอีกอาทิตย์นึงก็บินไปอังกฤษ
แล้วมีแฟนแต่งงานที่นั่น นานๆจึงกลับมาเที่ยวเมืองไทยสักครั้ง

ผมกับน้องนิดนั่งลงก็ประกาศบอกพวกเพื่อนๆอย่างเป็นทางการ พร้อมยื่นการ์ดเชิญที่มีรายชื่อของแต่ละคนให้ไป ยัยดาสะกิด
เพื่อนผมไอ้เอ๋ให้ลุกขึ้นเปลี่ยนมานั่งข้างผมแล้วดึงมือน้องนิดให้ไปนั่งข้างเธอ ซุบซิบๆกันตามประสาเพื่อนหญิงเบาๆ ผม
ไม่ทันได้ยินอะไร แต่ก็กล่าวติดตลกไปให้ยัยดาได้ยินว่า

"นินทาไปเหอะยัยดา น้องเค้าไม่เชื่อแกหรอก....กรุเป่าคาถามหามนต์เรียบร้อยแล้วก่อนมาเจอพวกมึง"

"อ้าวไอ้เห้เก่ง..เป่าคาถาเข้าท้องน้องแล้วโว๊ยยยย" ไอ้เอ๋ที่นั่งข้างตีความหมายกำกวม ทำเอาน้องนิดอายหน้าแดง ผมต้อง
ยกเท้าเตะขามันแรงๆใต้โต๊ะ ไอ้นนท์เอียงหน้าแอบกระซิบถาม แต่คงดื่มไปหลายแก้วแล้ว เสียงกระซิบของมันจึงดังพอให้
ทุกคนในกลุ่มได้ยินชัด

"มึงทำไงวะ ถึงได้น้องนิด สาวสวยอายุรุ่นลูกแบบนี้มาเป้นเจ้าสาว ขอเคล็ดลับกรูหน่อยสิ..." ผมไม่ทันตอบก็มีเสียงเพื่อน
แซวกลับมาอีก

"กรู่ว่าต้องถามน้องนิดมากกว่าว่ะ ว่าทำไง มีทีเด็ดยังไง ถึงเอาไอ้เห้เก่งอยู่ แม่งอยู่มาจนแก่ เพิ่งอยากมีเมียจริงๆ...ฮาๆๆๆๆ"
แล้วทุกคนก็หัวเราะกันฮาใหญ่ ทำเอาน้องนิดอายเขิลหน้าแดง ก้มหน้างุดๆ แต่ทุกคนไม่ยอมเร่งเร้าให้น้องนิดเฉลยเคร็ดลับ
พิชิตใจผม
"ไม่ต้องอายอีนู๋...บอกไปเลย ให้เพื่อนๆปากหมาของพี่มันเงิบเลย..."ยัยดาแซวเหยงๆ เชียร์ดังๆ น้องนิดเริ่มหายเกร็งกับความ
เป็นกันเองของเพื่อนๆผมที่มีอายุพอๆกับพ่อแม่ของเธอ
"นิดไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ แค่พูดสามประโยคเอง...." ผมว่าน้องนิดต้องทะลึ่งทะเล้นโต้กลับเป็นแน่ แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อ
เพื่อนๆเร่งให้เธอพูด
"ไม่ว่าพี่เก่งจะพูดหรือทำอะไร...เอ่อ...นิดจะพูดว่า...ได้ค่ะ...ดีค่ะ...แล้วก็..อีกได้มั๊ย.." ประโยคสุดท้ายน้องนิดทำเสียงเซ็กซี่
แต่แค่สามประโยคของน้องนิดก็ทำเอาเพื่อนๆของผมฮากันตรึมหัวเราะชอบใจ ต่างยกนิ้วโป้งให้น้องนิดว่าเด็ดขาดไปเลย...จะ
จำเอาคำพูดไปบอกเมียกันบ้าง
"ดีมากอีนู๋..พี่ดาจะได้ไปบอกกับไอ้แก่ที่บ้านบ้าง มันจะได้ไม่แอบไปมีกิ๊ก....."
"โธ่ยัยดาเอ๊ย ต่อให้แกพูด10คำ ไอ้เชษฐ์ผัวแกมันก็แอบมีอยู่ดีแหละ...ช่างไม่ดุสังขาลเล้ยว่าทั้งแก่ทั้งเหี่ยวขนาดไหน" ไอ้เอ๋
ได้ทีแซวยับ สองคนนี้มันเป็นคุ่กัดกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือมาแล้ว
"เชี่ยเอ๋...ว่างๆไปหามหอฟันให้ผ่าเอาหมาออกมาจากปากสักที แม่งปากเหม็นเป็นสิบๆปีไม่ยอมเลิก..."

กลุ่มเพื่อนๆผมนานๆจะได้มาเจอกันครบกลุ่มแบบนี้สักครั้ง เพราะต่างก้มีครอบครัวมีภาระของแต่ละคน จนยากจะหาเวลาว่างพร้อมกันทั้งหมดได้ขนาดนี้ ทำให้ผมรู้สึกดีใจ ภูมิใจมากที่การนัดของผมครั้งนี้เป็นโอกาสให้พวกเพื่อนๆมารวมตัวกันได้ คืนนั้นพวกเราเลยดื่มกิน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่หัวข้อประเด็นก็ไม่พ้นเรื่องการแซวผมกับน้องนิด
จนถึงเวลาที่ต้องปิดร้านอาหารพวกเราจึงแยกย้ายกันกลับ พร้อมรับปากว่าวันงานไม่พลาดแน่นอน

ผมพาน้องนิดกลับมาบ้านที่เป็นเรือนหอของเราตอนใกล้เที่ยงคืน ขณะที่กำลังนอนโดยมีร่างบอบบางแต่เต็มอิ่มไปด้วยสัดส่วนของน้องนิดนอนพิงอก ผมรำลึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอน้องนิดตอนเธออยู่มอหก ตอนนั้นผมอายุ49ปี ผ่านมาจนถึงวันนี้5ปีเต็ม อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายไม่ฟิตเฟริมเฉกเช่นหนุ่มๆในวัยเดียวกับน้องนิด ผมรู้สึกอ่อนเพลียเต็มกำลัง แม้มีสาวสวยนอนแนบข้าง ทำได้ก็เพียงโอบกอดให้ความรักความอบอุ่นมั่นใจกับเธอ ส่วนน้องนิดนั้น วันนี้เธอสดใสมีความสุข ยิ่งได้เจอกับกลุ่มเพื่อนๆของผม ได้รับคำบอกกล่าวว่าผมเป็นคนอย่างไร ก็ยิ่งทำให้เธอเชื่อมั่นว่าได้มอบชีวิตให้กับชายไม่ผิดคนแล้ว ดูเหมือนคืนนั้นน้องนิดยังไม่ยอมง่วง ไม่อ่อนเพลียแม้ว่าเราจะตะลอนๆไปตามที่ต่างๆกันมาทั้งวัน

มือน้องนิดเริ่มซุกซน เริ่มจากใช้นิ้วเล่นขนอกบางๆของผม แล้ววนนิ้วต่ำลงมาๆ จนถึงขนสะดือที่กดหนากว่าตรงส่วนอก
ก่อนจะแกล้งเปิดดึงขอบกางเกงนอนผมขึ้นแล้วเพ่งมองเข้าไป
"หูยยยย..ตี๋น้อยหลับสนิท อิอิ...." เธอทำหน้าทะเล้น ส่วนผมก็ตาปรือๆ มองดุว่าเธอจะซุกซนอะไรต่อไป
"เจ้หมวยจะปลุกดีมั๊ยหนอ...รู้สึกเกรงใจ..." เธอดัดเสียงน้อยใหญ่เหมือนเด็กน้อยกำลังคุยเล่นกับตุ๊กตาตัวโปรด
"ตื่งๆๆๆ มีเรื่องแยล้วววว" ..น้องนิดทำเสียงเลียนแบบตลกขาพิการคนหนึ่งที่เดินโยกเยกๆตอนออกแสดง แล้วเอามือเล็กๆของเธอจับท่อนลำผมเขย่าขยอกบีบๆคลึงๆ จนท่อนลำของผมเริ่มพองตัวขึ้นมาเล็กน้อย

.................
[ตี๋เล็กของเจ้....ตื่นแล้วหรอ ยังงัวเงียขี้ตาอยุ่เลย มาออกกำลังซิทอัพกะเจ้ก่อน" น้องนิดทำเสียงเลียนแบบพิธีกรข่าวสายบันเทิงของช่อง3ช่วงตอนบ่าย โดยเน้นคำเจ้...ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำให้ผมขำอดหัวเราะออกมาด้วยความเอ้นดูในเรื่องทะเล้น ทะลึ่งของเธอไม่ได้ แล้วน้องนิดก็จัดการจับลำของผมโยกขึ้นโยกลงช้า เหมือนท่าวิทอัพตอนออกกำลังกาย แต่แล้วเธอก็ร้องอ้าว...เมื่อท่อนลำผมค่อยๆแฟบลงอ่อนนุ่มจนกลับไปเหมือนสภาพเดิม
"อาตี๋เล็ก..ทำไมลื้อขี้เกียกยังงี้...." น้องนิดทำเสียงเหมือนคนจีนพูดภาษาไทยไม่ชัด แล้วพยายามยุกยิกๆกับท่อนลำของผมแบบไม่ยอมท้อถอย
"สงสัยต้องเป่าคาถา..." พูดจบน้องนิดก็ขยับตัวเปลี่ยนท่าหันหัวนอนไปทางปลายเท้าผม หน้าเธอแนบอยู่กับท้องน้อยผม อิงร่างสูงยาวบอบบางแนบชิด อกอวบของเธอแนบกับลำแขนผม ส่วนเนินสาวนั้นอยู่ใกล้ๆหน้า น้องนิดถลกดึงกางเกงนอนของผมคาไว้บนหน้าขา แล้วก้มหน้าลงไป มือหนึ่งจับลำผมตั้งขึ้น แล้วเป่าลมออกจากปากพรวดๆ ปากก็ร้องโอมเพี้ยงๆ จงตื่นๆ ท่อนลำผมโดนลมปากเย็นๆพ่นใส่ ดุเหมือนจะได้ผล มันเริ่มพองตื่นขึ้นมาอีกหน่อย แล้วผมก็สะดุ้งวาบเสียวสยิวท่อนลำเมื่อน้องนิดอ้าปากงับเข้าปาก แล้วออกแรงดูดเบาๆ ลิ้นในปากก็กวาดเลียวนตรงปลายลำแดง ๆ จนผมสยิวเสียว ท่อนลำกระดกตื่นขึ้นมาช้า ๆ แต่ก็ยังแข็งแบบน่วมๆ ไม่พร้อมที่จะสอดใส่มีเพศสัมพันธ์

น้องนิดใช้ปากปลุกเร้าผมครู่ใหญ่ แต่ก้ยังเป้นเช่นเดิม ท่อนลำผมแข้งตัวแบบน่วมๆ เธอก็เปลี่ยนวิธีการขยับลุกขึ้นมานั่งคล่อมตัวผมไว้ แต่ไม่ใช่นั่งทับนะครับ เธอนั่งยองๆ น้ำหนักตัวทิ้งที่เท้า ถลกกระโปรงชุดนอนรูดออกทางหัว ร่างเปลือยขาวโพลนท่ามกลางแสงไฟสลัวๆของหลอดไฟบนเพดาน น้องนิดเอื้อมมือจับท่อนลำผมตั้งตรงแล้วค่อยๆหย่อนก้นลงมาให้ปากรูเสียวของเธอตรงกับปลายลำ แล้วทิ้งน้ำหนักลงมาช้า ๆ ปลายลำของผมที่จุ่มตรงกับร่องเสียว พอโดนน้ำตัวที่กดลงมา แทนที่มันจะมุดเข้าร่องรู มันกลับปลิ้นออกด้านข้าง แสดงถึงความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอที่จะมุดแทรกตัวเข้าร่องเสียวที่ฟิตแน่น

น้องนิดไม่ได้ทำหน้าผิดหวังแต่อย่างใด เธอจับลำของผมพลิกหงายพาดไปด้านบน แล้วหย่อนก้นลงมาจนกลีบร่องเสียวทาบไปกับลำของผม แล้วเธอเอื้อมมือมาจับไหล่สองข้างของผมยึดไว้แน่น แล้วขยับกลีบเนินสาวรูดท่อนลำของผมช้าๆ  เธอไม่ได้ทิ้งน้ำหนักก้นลงมาเลย เธอเพียงแค่แตะแนบกลีบเสียวให้คาบท่อนลำของผมจนสนิท แล้วสไลตัวขึ้นๆลงๆ น้ำหล่อลื่นจากร่องเสียงของน้องนิดก็ไหลออกมาชะโลมลำของผมจนลื่นพอให้เธอสไลตัวไม่ติดขัด

"พี่คะ.....ต่อไปอย่าโหมงานหนักแบบที่มาผ่านนะคะ..." น้องนิดพูดเบาๆเสียงหวานๆ แล้วสไลตัวยึกๆยักๆ ผมขานรับแต่ไม่ได้พูดอะไร
"พี่อายุมากแล้ว...ทำงานหนักแบบตอนหนุ่มๆไม่ได้หรอกค่ะ..เชื่อนิดนะ..." เธอพูดเบาๆช้าๆ ท่อนล่างก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงสไลต่อไป
"เรามีกันแค่นี้แบบนี้


hamhammmm


Rattana Somchai

ขอบคุณครับ  เรื่องซึ้งปนเสียว okเลย  เป็นเรื่องเป็นราวดีเยี่ยมเลยครับ

Victor19




dick1050

น่าจะมีเรื่องอะไรที่โรงแรมตอนน้องนิดไปฝึกงาน ถึงบ่ายเบี่ยงไม่ให้ติดต่อกับโรงแรมนั้น
Make love Not War