ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 4(ตอน ชีเปลือยสำแดงเดช)

เริ่มโดย cobra, เมษายน 18, 2017, 07:42:27 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ชอบ/ไม่ชอบ

ชอบ
51 (96.2%)
ไม่ชอบ
2 (3.8%)

จำนวนสมาชิกโหวดทั้งหมด: 53

cobra

อาจมีสักหนึ่งที่เป็นนางสนมกำนัลในจินตนาการผู้อ่าน

                   ตอนชีเปลือยสำแดงเดช

                   จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก   พึ่งอภิเษกแทนกษัตริย์ที่ตัดษัย
                   สง่างามนามพระสุริโยไทย   อายุได้ยี่สิบสองขึ้นครองเมือง
                   มีโฉมยงองค์มิ่งมเหสี   ชื่อโฉมจันทวดีฉวีเหลือง
                   สนมนางอย่างเอกอเนกเนือง   ทั้งงานเครื่องงานกลางสำอางตา
                   มีพระราชบุตรีกะจิริด   ประไพพิศเพียงเทพเลขา
                  ชื่อนงเยาว์เสาวคนธ์ดังมณฑา   ชันษาสองปีกับสี่เดือน
                  น่าเอ็นดูรู้พลอดฉอดฉอดเสียง   เสนาะสำเนียงนารีไม่มีเหมือน
                  ทั้งเสนาสามนต์พลเรือน   ประชาราษฎร์กลาดเกลื่อนทั้งกรุงไกร
          เมืองการะเวกนั้นมีกษัตริย์ที่เพิ่งขึ้นครองนามว่าพระสุริโยทัย มีมเหสีโฉมงามขื่อนางจันทวดี มีธิดาน้อยด้วยกัน 1 องค์เพิ่งมีอายุเพียง 2 ปีกับ 4 เดือนชื่อเสาวคนธ์ พระธิดาฉายแววว่าเป็นคนสวยตั้งแต่ยังเด็กที่เดียวถึงขนาดเอาไปเปรียบกับนางมณโฑซึ่งงดงามราวกับนางสวรรค์ในชั้น 6 ต่างรักใคร่ในตัวพระธิดามากเพราะฉลาดเฉลียวช่างพูดช่างจำนรรจาอ่อนหวาน ทรงปกครองเมืองการะเวกให้มีความรุ่งเรืองและความสงบสุขประชากรมีการอยู่ดีกินดี
          เมื่อคืนพระเจ้าสุริโยทัยได้ฝันว่ามี อีแร้งตัวแดงอัปลักษณ์คาบแก้วเข้ามาในเมืองบินไปทั่วส่งกลิ่นเหม็นตลบจนคลื่นเหียรไปทั้งเมือง ก่อนแร้งจากไปได้คายทิ้งลูกแก้วใส่ที่มือพระองค์จึงได้ทรงมอบลูกแก้วนั้นแก่พระธิดาทันใดเมืองก็สุกสว่างขึ้นอีกหน จึงได้เรียกโหรมาทำนายฝัน
          โหรได้คำนวณเลขยามแล้วจึงทูลว่า จะมีคนร้ายนำกุมารเข้ามาในเมือง กุมารนี้กล้าหาญชาญชัยต่อไปจะได้เป็นคู่กับพระธิดาเสาวคนธ์ หากทำนายผิดจะยินดีให้ตัดหัวเลยทีเดียว พระเจ้าสุริโยทัยมีเพียงลูกสาวใจอยากได้ลูกชายพอได้ยินคำทำนายก็ยินดียิ่ง
           ตอนนี้ในเมืองกำลังแตกตื่นด้วยปรากฎมีสัตว์แปลกประหลาดลักษณะเหมือนม้าแต่มีหนวดตัวสีดำดั่งนิลกำลังวิ่งตะบึงเข้ามา บนหลังของมันกลับมีคนผู้หนึ่งขี่บังคับอยู่ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เป็นชีเปลือยที่ขี่ม้านิลมังกรเข้ามาในเมืองการะเวกนี้เอง
          "จ๊ะ ทิ๊ง จา ข้าชีเปลือยมาแล้วจ้า"
          ชีเปลือยกล่าวกับทุกคนที่หยุดมองวางมาดเท่ห์บนหลังม้า นึกภูมิใจว่าตนไม่ต่างจากพระเอกเทพบุตรเท่าไร ทุกคนคงตะลึงที่เห็นตนสามารถขี่บนหลังเจ้าม้านิลมังกรตัวนี้ได้
          "แม่ คนแก่หน้าไม่อายแก้ผ้า"
          "อย่า..มองไปลูกอุจาดตา"
          "คนแก้ผ้า หน้าไม่อาย  คนแก่แก้ผ้า ๆ"
          พลันมีเสียงเด็กเล็กที่อยู่ในที่นั้น ร้องบอกต่อๆกันจนแซ่งแซ้ ชาวเมืองที่พอเห็นชีเปลือยชัดๆ ก็เริ่มวิจารณ์หัวเราะเยาะกันเป็นแถว
         "ไอ่นี้ มันเป็นอาจารย์อยู่นอกเมือง ท่าทางสติไม่ดี เข้าเมืองมาก็ยังกล้าแก้ผ้าเข้ามาอีก"
         "มันเป็นอาจารย์จริงหรือ มีแต่คนโง่หลงเชื่อมั่ง"
          เสียงวิจารณ์เริ่มมีขึ้นไปทั่ว ส่วนใหญ่เป็นแง่ลบมากกว่า ทำให้ชีเปลือยโกรธจนหนวดกระดิกหูร้อนไปหมด
          "หยุด ได้แล้วไอ้พวกโง่ทั้งหลาย ตัวข้าคือผู้วิเศษเข้ามาเพื่อโปรดสัตว์ดับทุกข์เข็ญของพวกเจ้าทั้งหลาย"
          "ผู้วิเศษอันใด เสื้อผ้ายังไม่มีใส่"
           เป็นชายร่างอ้วนคนหนึ่งกลับใจกล้าส่งเสียงสอดขึ้น ทำให้ผู้ตนยิ่งหัวเราะชีเปลือยเข้าไปใหญ่
         "หนอย เห็นท่าข้าต้องสำแดงเดชให้รู้แล้วกระมั่ง"
    คิดแล้วจึงยกไม้เท้าชี้ไปทางชายผู้นั้น
   "โอม นะจังงัง จ้า มา จ๊ะ ทิ๊ง จา จงล้มลง"
   มีแสงสีขาวพุ่งออกมาจากปลายไม้เท้า พลันชายร่างอ้วนถึงกับชงักล้มลงไปนอนกับพื้นทันที
   "ว๊ายส์ " "อ้าว เฮ้ย" "ไอ้อ้วนเป็นไรไปแล้ว"
   เสียงร้องขึ้นมาสับสนวุ่นวาย
   "มันอยากดูถูกข้า ต้องเจอดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า  หากใครดูถูกข้าอีกต้องโดนเหมือนกัน"
   ตอนนี้ทุกคนต่างไม่กล้าหัวเราะเยาะหรือลองดีกับชีเปลือยอีก ชีเปลือยเห็นได้ทีจึงกล่าวขึ้น
   "ข้าบอกแล้วว่า ข้าคือผุ้วิเศษมาโปรดสัตว์ก็ไม่เชื่อ ใครเจ็บไช้ได้ป่วยก็เข้ามาจะรักษาให้ "
   ชีเปลือยว่าแล้วมองไปเห็นหญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มลูกท่าทางกระจอกงองแงจึงเอามือชี้ไป
   "เจ้าที่อุ้มลูกอยู่ตรงนั้น เอาเด็กมาให้ข้าดูหน่อบซิ ว่ามันเป็นอะไรหรือ"
   หญิงที่อุ้มลูกอยู่สดุ้ง แต่เห็นฝูงชนจับตาดูอยู่จึงคิดว่าให้ชีเปลือยดูหน่อยคงไม่เป็นไร
   "เจ้าคะ ไอ้แดงมันตัวร้อนท่าจะเป็นไข้ อิฉันว่าจะไปหาหมอพอดี"
   หญิงผู้นั้นกล่าวพลางส่งลูกของตนให้ชีเปลือยดูอาการ ตอนนี้ชีเปลือยจึงบังคับให้ม้านิลมังกรย่อตัวนั่งลง โดยมันก็ยังคงนั่งบนหลังม้านิลมังกร ชีเปลือยเรียนรู้วธีใช้ไม้เท้ารักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจากสุดสาครจึงบริกรรมคาถาเอาหัวไม้เท้าเคาะหัวเด็กทีหนึ่งเป่าลมพรวดลงไป
อย่างน่ามหัศจรรยเด็กกลับหยุดร้องส่งเสียงหัวเราะเอ้กอ้ากหายป่วยเป็นปลิดพริ้ง
   ผู้คนต่างฮือฮา ค่อยมีความเชื่อถือใจกล้าขอให้ชีเปลือยช่วยทำการรักษาบ้าง ชีเปลือยก็ทำตัวเป็นนักบุญผู้วิเศษช่วยทำการรักษาผู้คนไปได้ราวสิบกว่าคน ก็มีทหารในวังมาแจ้งให้ชีเปลือยทราบว่าบัดนี้พระราชาได้รับแจ้งว่ามีผู้วิเศษเข้ามาในเมืองการะเวกจึงใคร่ขอเชิญชีเปลือยเข้าไปในวังเพื่อถวายการต้อนรับด้วยเถิด
   ชีเปลือยคาดไม่ถึงว่าการมาของมันจะทำให้พระราชาสนใจเรียกหาเข้าวังในทันที ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจปนประหลาดใจทำตัวไม่ถูก เพราะแต่เดิมชีเปลือยต้องการเพียงมาหลอกชาวบ้านเท่านั้น แต่ก็ยอมให้ทหารพาเข้าวังโดยดี
   เนื่องเพราะพระราชาสุริโยทัยหลังจากได้รับการทำนายจากโหราจารย์ก็สั่งให้ทหารคอยดูว่ามีใครแปลกหน้าเข้าเมืองมาก็ให้รายงานทันที เมื่อได้รับรายงานว่ามีผู้วิเศษมาจึงให้ทหารนำตัวเข้าวังเป็นการด่วน
   ฝ่ายชีเปลือยเมื่อขี่ม้านิลมังกรมาถึงประตูวัง ก็ได้รับแจ้งว่าหากใครเข้าวังจะต้องลงจากพาหนะใช้จูงเดินเข้าไป ชีเปลือยจึงทำตาม ทหารจึงขออาสาจูงม้านิลมังกรเข้าไปให้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ ชีเปลือยลืมไปใจอยากเข้าวังแถมมีทหารคอยดูแลปรนนิบัติในฐานะแขกของพระราชาจึงยินดียิ่ง ฝ่ายม้านิลมังกรพอได้อิสระพ้นจากการควบคุมของชีเปลือยก็สบัดตัววิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
   "ม้า ม้าของข้ามันหนีไปแล้ว พวกเจ้าดูแลกันยังไง ฮือ ฮือ ไม่ยอม ต้องไปเอาม้าข้าคืนมา"
   ฝ่ายทหารก็ตกใจไม่รู้ว่าจะไปตามยังไงเพราะม้าตัวนั้นมันรวดเร็วเหลือเกิน ได้แต่ขอโทษและปลอบใจชีเปลือยอยู่นาน จึงพาชีเปลือยไปเข้าเฝ้าได้
   ชีเปลือยรู้สึกตื่นตื่นใจในความกว้างใหญ่ของพระราชวัง เต็มไปด้วยของสวยงามมีค่า และเหล่าสาวๆชาววังที่เดินผ่านล้วนแล้วแต่หน้าตาสวยหมดจดทุกนางซึ่งต่างพากันร้อง วิ้ด ว๊ายส์ กันไปทั่ว ด้วยชีเปลือยแก้ผ้าทำให้ต่างเห็นอวัยวะเพศของชีเปลือย
   "ฮ่า ฮ่า สาวชาววังช่างงามแท้ แถมมีกลิ่นหอมราวกับอาบด้วยดอกไม้หรือไร แค่เดินเฉียดยังหอมขนาดนี้ ถ้าได้ซุกไซร้จะหอมเช้นไร แต่ละคนน่า...จริงๆ "
   ชีเปลือยเมื่อเห็นสาวชาววังจึงทำให้คลายความเศร้าจากการเสียม้านิลมังกรไปได้
   เมื่อถึงห้องท้องพระโรงพระราชาได้จัดอาสนะให้ชีเปลือยและต้อนรับอย่างดี
   พระราชาสุริโยทัยเมื่อเห็นชีเปลือยก็คิดขึ้นในใจ
"ตาแก่คนนี้ไม่น่าจะเป็นผู้วิเศษใด เหมือนพวกหลอกลวงชาวบ้านมากกว่า ฤาคงเป็นคนร้ายที่ท่านโหราจารย์ทำนายไว้ แล้วไหนละกุมาราที่กล้าหาญชาญชัยอยู่ที่ไหนกัน ไม่ได้มาด้วยหรอกหรือ ท่านโหราจารย์คงไม่ทายผิดกระมัง เพราะท่านมั่นใจขนาดกล้าเอาศรีษะเป็นเดิมพัน จำเราคงต้องให้ตาแก่ผู้นี้อยู่ในวังสักระยะเพื่อรอกุมารมาเสียก่อน หากมีสิ่งใดไม่ชอบมาพากล เราก็สั่งประหารชีวิตมันได้"
   เมื่อคิดดังนี้จึงแสร้งตรัสด้วยความยินดี ที่ได้พบผู้วิเศษนับเป็นบุญของชาวการะเวกยิ่งนัก หากอยากจะให้ท่านผู้วิเศษแสดงอิทธฤทธิ์ให้เห็นเป็นบุญสักหน่อยด้วยเถิด
   ชีเปลือยได้ฟังจึงรู้ว่า พระราชาต้องการทดสอบตน จึงแจ้งว่าจะยินดีทำตามประสงค์
   "เอ..แต่เราจะแสดงกลอะไรดีให้พระราชาทรงเชื่อและนับถือดี"
ชีเปลือยคิดในใจ อันไม้เท้าสุดสาครหัวไม้เท้าใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนปลายไม่เท้าใช้ต่อสู้ป้องกันภูตผี แต่เราจะใช้ไม้เท้าทำร้ายใครคงไม่เหมาะ มนต์ที่ไม่เกี่ยวกับไม้เท้าสุดสาครก็แสดงให้ดูตั้งหลายอย่าง จะแสดงวิชาใดดีนะ
   "เอาละ ข้าอยากให้ทุกคนจ้องดูแจกันใบนั้นให้ดี"
   ชีเปลือยตัดสินใจใช้มนต์ที่ทำให้ของลอยได้มาแสดง ทุกคนในท้องพระโรงจึงพากันจ้องมองไปที่แจกันตามที่ชีเปลือยบอก
   "เดี๋ยวข้า จะทำให้ทุกคนตาค้างกันเลย"
   ชีเปลือยคิดในใจอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง พลางหลับตา บริกรรมคาถาเสกให้ของลอย
   "โอม อิมัง กาละมัง ตังเม...เอ..แล้วอะไรต่อวะ"
   ชีเปลือยเริ่มปวดหัวเพราะสุดสาครสอนมนต์ให้ชีเปลือยหลายอย่าง ซึ่งมนต์มันก็คล้ายๆกัน ชีเปลือยจึงสับสนท่องไม่ถูก
   "โอย..ตายห่าเสือกลืมได้ทำไงดี กูไม่น่ารีบร้อนไปฆ่าเจ้าสุดสาครก่อนเลย น่าจะเรียนมนต์แล้วฝึกให้ชำนาญก่อน"
   เวลาผ่านไปนานประมาณเคี้ยวหมากแหลกแล้ว ทุกคนก็ยังมองเห็นแจกันไม่ขยับสักที ชีเปลือยหรี่ตามองดูก็เห็นแจกันอยู่นิ่ง ก็รู้สึกอึดอัด ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยลองเอาคาถาบทนันมาต่อบทนี้เดาสุ่มไปเผื่อจะได้ผล
   "โอว...วิเศษ สมเป็นผู้วิเศษจริง"
   ชีเปลือยได้ยินคนร้องอื้ออึง จึงลืมตาดูเห็นแจกันยังอยู่ที่เดิมก็ประหลาดใจ แต่กลับมาพบว่าตัวมันเองต่างหากที่ลอยขึ้นมาได้ ซึ่งมนต์อันนี้ไม่เห็นสุดสาครจะแสดงออกมาได้แต่อย่างใด ชีเปลือยจึงแปลกใจไปด้วย พลันร่างชีเปลือยกลับหล่นลงมา ก้นกระแทกพื้นดัง "ตุ้บ"
   "โอ๊ย.."
   ชีเปลือยร้องลั่น ด่วยความเจ็บหงายหลังล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
   "ท่านผู้วิเศษ เป็นไรไป ทหารๆ รีบเข้าไปดูท่านหน่อยเร็ว"
   ชีเปลือยถูกทหารประคองขึ้นนั่ง รู้สึกทั้งเจ็บ ทั้งอาย พอค่อยยังชั่ว ชีเปลือยจึงพูดขึ้น
   "แย่แล้ว ในวังนี้มีปีศาจร้าย หากไม่รีบแก้ไขทุกคนต้องแย่แน่"
   "ฮ่า...ปีศาจอันใดหรือท่านอาจารย์ผู้วิเศษ แต่ไหนแต่ไรมาในเมืองการะเวกก็ไม่เคยปรากฎมีปีศาจแต่อย่างใด"
   "ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดในตอนนี้ ที่ข้าเดินทางมาเพราะเหตุนี้ ว่าในเมืองกำลังมีปีศาจเข้ามาอาละวาด ดูเหมือนมันเจาะจงที่วังของพระองค์ มันเข้ามาอาจทำร้ายผู้คนให้บาดเจ็บล้มตายได้"
   ตอนนี้ทุกคนกลับส่งเสียงอื้ออึง ซุบซิบกันไปต่างๆนานา
   "เอาละ ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจ ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง เราจะแก้ไขได้อย่างไร"
   พระสุริโยทัยส่งเสียงบอกกับทุกคนในตอนแรก และกล่าวกับชีเปลือยในตอนท้าย
   "ไม่ต้องห่วงหรอก พอดีข้าเข้ามาได้ทันเวลาแล้ว ย่อมต้องช่วยเหลือทุกคนได้ ขอให้ข้าได้เสกน้ำมนต์ลงเลขยันต์ช่วยป้องกันภยันอันตรายก็จะปลอดภัย"
   พระราชาสุริโยทัยคิดสักครู่ มองว่าชีเปลือยดูตลกไม่น่ามีพิษสงอะไรมากนัก จึงว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แค่เอาน้ำมนต์ปะพรมให้ทั่ววังก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร จึงสั่งให้ทหารพาชีเปลือยไปยังที่พักที่จัดเตรียมไว้ให้ หากชีเปลือยขาดเหลือต้องการอะไรก็ให้แจ้งมา จะทำพิธีอะไรเมื่อไรก็ให้ทหารสองคนนี้เป็นคนรับใช้ช่วยเหลือติดตามแล้วกัน
   ทางด้านม้านิลมังกรหลังจากหนีไปแล้วก็กลับไปหาสุดสาครที่อาศรมชีเปลือยแต่ไม่เจอ ด้วยมันเป็นม้าแสนรู้จึงดมกลิ่นติดตามขึ้นไปบนเขาจนพบว่าสุดสาครอยู่ในปล่องภูเขา มันมีสายตาแหลมคมกว่ามนุษย์มากนัก จึงเห็นสุดสาครนอนไม่ได้สติอยู่ในนั้น แต่เนื่องจากปล่องภูเขามีความลึกมากตัวมันไม่สามารถลงไปและพาสุดสาครขึ้นมาได้ จึงได้แต่ส่งเสียงร้อง วิ่งวนไปมารอบๆปล่องภูเขานั้น พอเหนื่อยมันจึงได้แต่นอนเฝ้าอยู่ข้างบนรอสุดสาครฟื้นขึ้นมาไม่ยอมไปไหน
   ความจริงสุดสาครหลังจากถูกชีเปลือยผลักตกลงไปด้วยบุญบารมีคุ้มครองอีกทั้งมีวิชาคงกระพันที่ได้จากฤาษ๊จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เพียงแต่สลบสิ้นสติไปเท่านั้น
   ส่วนทางด้านชีเปลือยเมื่อได้เข้าที่พักแล้ว พระราชาสุริโยทัยได้รับสั่งขอร้องให้ชีเปลือยชวยเอาผ้าขาวนุ่งพันกายสักผืนได้ไหมเพราะในวังมีสนมกำนัลสาวๆมากมายมาพบเห็นคงไม่เหมาะ ชีเปลือยจึงยอมเสียกฎเกณฑ์ของตัวเอาผ้าขาวมาคาดเอวไว้พอปิดบังอวัยวะเพศตนเท่านั้น แต่ตอนชีเปลือยเดินทำพิธีรดน้ำมนต์ ของมันก็อดไม่ได้ที่จะโด่ชี้ขึ้นยามที่อยู่ใกล้สาวๆ ที่มันเรียกให้มาพรมน้ำมนต์เจิมหน้าผาก
"ว้าว สาวๆ ในวังสวยทุกคนเลยแฮะ เลือกไม่ถูกจริงๆ "
ชีเปลือยคืดในใจ
"แม่หนูเจ้าชื่ออะไรรึ"
"ละเอียด เจ้าคะ"
"อา..หน้าตาสะสวยผิวพรรณละเอียดเป็นยองใยสมชื่อทีเดียว มาข้าจะเจิมหน้าผากให้"
ว่าแล้วชีเปลือยก็เอาแป้งเจิมหน้าผากนางกำนัลละเอียด พร้อมกับลงเลขยันต์ที่ประตูห้องพักของนาง
"นางละเอียดคนสวยพักห้องนี้ ทำเครื่องหมายไว้สักหน่อย"
ชีเปลือยคิดเส็จแล้วจึงเดินทำพิธีปะพรมน้ำมนต์ต่อไปจนทั่ววัง และเอาแป้งดินสอพอง เขียนเสกเลขยันต์ตามที่ต่างๆ โดยบอกว่าเป็นยันต์คุ้มครองภัย แต่แท้ที่จริงมันเพียงทำเป็นเครื่องหมายไว้ ว่าเป็นห้องอะไรของใคร และเป็นเครื่องบอกทิศทางกันตัวเองหลงทางหากจะลอบเข้ามา
   ด้วยพระราชาเห็นว่าชีเปลือยเป็นคนแก่ไร้พิษสงอาจมีเวทย์มนต์เพียงเล็กน้อย แต่หารู้ไม่ว่าชีเปลือยมันมากเล่ห์เกินกว่าที่คิดถึงมากนัก
   สุดสาครก็สลบไสลไม่ได้สติอยู่ในปล่องภูเขาที่ลึกมาก แล้วจะฟื้นตื่นขึ้นมาเมื่อไร แล้วจะขึ้นมาได้อย่างไร
   เจ้าชีเปลือยเข้ามาในวัง ทำตำหนิเครื่องหมายไปทั่ววังเช่นนี้ มันมีแผนอะไรของมันนะ
   ต้องติดตามตอนต่อไปซะแล้ว

Arwen Uldomiel

เรื่องนี้ อ่านตั้งแต่เด็ก เวอร์ชั่นนี้น่าจะ มันนสสส์

kaithai


review1972

คิดถึงเรื่องนี้จังเลย มันมีความน่ารักอยู่ในตัวเรื่อง เดี๋ยวเรามาดูกันว่าถึงตอนเสียวจะเป็นไงมั่ง ขอบคุณมากคร้าบ

somc217

สุดสาครเวอร์ชั่นนี้ เขียนได้มันส์ดีจริงๆ
ชอบครับ
ขอบคุณมากๆ

sunnie06


Seraphia13


star_war

มันส์มากครับ ปูเสื่อรอตอนต่อไปเลย
ขอบคุณท่านนักประพันธ์มากครับ...


azerothx

ใครจะโดนเจ้าชีเปลื่อยก่อนคนแรกนะแบบนี้ ::Shy::

thum2520

ขอบคุณท่านcobra มากครับ...
รอตอนต่อไปเลยนะครับ อิอิ

luckkung8

ยอดเยี่ยมเลยครับ ชีเปลือย จะได้ล่อ นางกำนัล ซะแล้ว
ม้านิลมังกร หนีไปแล้ว จะหนีอย่างไง ล่ะ ชีเปลือย

gorncp

ชีเปลือยนี่ก็เก่งนะครับ เข้ามาในเมืองหลอกคนในเมืองได้เนียน

sayanun

เจ้าชีเปือยเอาเข้าแล้วไง น่าติดตามมากครับ แปลกใหม่ดีครับ

hanabombam

พ่อชีวางแผนชั่วอพไรกันนะ แล้วสุดสาครจะมาช่วยทันไหมนะ ลุ้นจัง