ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_keng7799

ศิลาปฏิสาร The Paradox 1.1 (ผลงานท่าน Buta) ตอนที่ 1/2

เริ่มโดย keng7799, มิถุนายน 06, 2017, 04:20:23 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

keng7799

ขออนุญาตต่อเลยนะครับ เป็นตอนที่ 1/2 ต่อจากโพสต์ที่แล้ว

อรอุมาจับจ้องร่างของรินลดา ที่ยังคงแนบชิดกับร่างบุตรชายอย่างสนใจ แววตาของหญิงสาวอ่อนโยนเมื่อมองเด็กหญิงทั้งสองเบื้องหน้า ทำให้รินลดาก้มหน้าเล็กน้อย พวงแก้มเป็นสีแดงเรื่อๆ ร่างของเด็กหญิงเขยิบออกห่างไกรวิทย์ตามสัญชาติญาณ ขณะที่อัจฉริยา ดูจะไม่รับรู้ถึงความหมายแฝงเร้นของรอยยิ้มและกลับมานั่งเบียดกับไกรวิทย์ เช่นเคย แต่เด็กหญิงก็ยังคงรับรู้ถึงความเอ็นดูที่สตรีสาวผู้เป็นมารดาของไกรวิทย์มี ให้กับทั้งสองมาโดยตลอด

" คุณพ่อไปติดต่อธนาคารน่ะ เห็นว่าจะซื้อที่ดินที่โป่งแยงเพื่อเปิดเป็นบ้านพักตากอากาศ ตอนนี้คนกรุงเทพเริ่มมาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้น บางทีโรงแรมในตัวเมืองไม่กี่แห่งก็เต็มหมด คุณพี่..เอ้อ คุณพ่อเลยคิดว่าจะลองเปิดทางธุรกิจใหม่ๆ ไว้ถ้าตกลงกันได้ เอกับน้องๆ ก็ไปเที่ยวด้วยกัน คงจะสวยมาก เห็นว่ามีน้ำตกในที่ดินด้วย"

เด็ก หนุ่มสาวทั้งสามตอบรับเป็นเสียงเดียว ส่งเสียงจ๊อกแจ๊กถามรายละเอียดอย่างตื่นเต้น อรอุมานั่งคุยอยู่ด้วยครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นไปที่ห้องครัวเพื่อสั่งให้ทำอาการ กลางวัน ไกรวิทย์หันมาบอกเด็กหญิงทั้งสองอย่างนึกขึ้นได้

"นี่เราไม่ได้ไปที่ บ้านเล็ก นานเท่าไหร่แล้วนะ.."

รินลดาทำตาโตเมื่อได้ยินคำถาม สองมือยกขึ้นนับนิ้วอย่างไม่แน่ใจ ทำให้อัจฉริยาหัวเราะกิ๊กออกมาและตอบแทนทันที

" เกือบสองเดือนแล้วล่ะพี่เอ ก็พี่เอมัวแต่ดุหนังสือเตรียมสอบกิฟท์กับพี่รินเลยไม่กล้าไป.."

เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนบอกเด็กหญิงทั้งสองอย่างกระตือรือร้น

" พี่นึกออกแล้ว พรุ่งนี้ให้แม่ครัวเตรียมตระกร้าปิกนิค แล้วพวกเราไปที่บ้านเล็กแต่เช้าเลยดีไหม จะได้มีเวลาอยู่ที่นั่นนานๆ เป็นการสั่งลาก่อนที่พี่จะไปกรุงเทพฯ"..

เด็กหญิงทั้งสองยิ้มกว้าง พยักหน้ารับอย่างกระตือรือล้น แต่ไกรวิทย์รีบทำสัญญานให้หยุดพูดเมื่อเห็นอรอุมาเดินกลับเข้ามา

"เอ้า เด็กๆ ไปทานอาหารกันได้แล้วล่ะ..."

ทั้ง สามขานรับเป็นเสียงเดียว ก่อนลุกขึ้นเดินตามกันไปที่ห้องอาหาร ในใจของไกรวิทย์นึกถึงบ้านเล็ก ซึ่งเป็นสถานที่ลับของเด็กหนุ่มและเด็กหญิงทั้งสองมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน จากความซุกซนที่ไปเที่ยวป่าใกล้หมู่บ้านและวิ่งไล่จับกระรอกที่นำไปไปพบถ้ำ เล็กๆ ริมลำห้วย ซึ่งถูกปกคลุมด้วยรากไม้เถาวัลย์จนไม่เห็นทางเข้า หลังจากเด็กทั้งสามได้พบว่าภายในเป็นถ้ำหินขนาดเล็กกว้างยาวประมาณ 20 เมตร ก็ได้จัดการทำความสะอาดแล้วลำเลียงสิ่งของที่จำเป็นมาตกแต่งให้เป็นที่สถาน ที่เล่นส่วนตัวที่ผู้ใหญ่ไม่รู้ และตั้งชื่อว่าบ้านเล็กเป็นสัญญานที่รู้กัน โดยในวันใดที่ว่าง ทั้งสามก็จะมาขลุกอยู่ยังสถานที่ที่ปราศจากผู้คนแห่งนี้เพื่อเล่นของเล่นที่ ไม่แอบซื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต แอบทำอาหารกินกันเอง บางทีในหน้าร้อน ทั้งสามก็จะลงเล่นน้ำในลำห้วยอย่างสนุกสนาน ไกรวิทย์นึกถึงภาพเรียวขาของรินลดาและหน้าอกชูช่อของอัจฉริยา อย่างไม่ตั้งใจ มโนภาพของเด็กหนุ่มคิดไปถึงความเป็นไปได้ที่จะชวนสองเด็กหญิงเล่นน้ำกันด้วย ในวันพรุ่งนี้.และโอกาสที่อาจจะได้เห็นความลับบนร่างของน้องสาวทั้งสองให้ มากขึ้น แต่ความคิดดังกล่าวถูกสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว และนึกตำหนิตัวเองที่คิดไม่ดีกับเด็กหญิงที่อยู่ในวัยเพียง 11-12 ปี เด็กหนุ่มสะบัดหน้าเพื่อให้สติกลับมา แล้วตามหลังมารดาและสองเด็กหญิงไปสู่กลิ่นหอมของอาหารในห้องโดยไม่คิดถึง สิ่งใดอีก

------------------------------------------------------

พุทธศักราช 2535

"เฮียวิท...เฮียวิท.."

เสียง ไอ้ชัยที่กำลังเคาะประตูห้อง ปลุกผมจากภวังค์ที่จมดิ่งไปสู่อดีต หมุนพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา แล้วถอนใจที่เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว หลังจากที่ผมให้นังทิพย์ไปส่งน้องพิม ผมขยับกายลุกขึ้นไปเปิดประตู เพื่อพบว่าไอ้ชัยยืนรออยู่ที่หน้าห้องด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

"มีอะไรหรือวะไอ้ชัย มีปัญหาเรื่องศพงั้นหรือ"

ไอ้ชัยส่ายหน้า

"เรื่องสามศพนั่นไม่มีปัญหาหรอกเฮีย แต่นังต้อมมันให้ผมมาเรียกเฮียให้ไปที่บ้านด่วนเลย นังต้อมมันไม่กล้ามารบกวนเฮีย"

หัวใจ ผมตกวูบ เมื่อได้ยินคำขอของไอ้ชัย ไม่ใช่เพราะเรื่องนังต้อมน้องสาวไอ้ชัย ที่มีเค้าหน้าหวานเหมือนพี่ชาย และผมรู้ดีว่านังต้อมก็พยายามที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมอย่างเต็ม ที่แม้จะรู้ดีว่าผมไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครอย่างจริงจังก็ตาม แต่สาเหตุที่ผมกังวลอย่างยิ่งก็คือหน้าที่ซึ่งผมมอบหมายให้น้องสาวไอ้ชัยรับ ผิดชอบ และการที่ไอ้ชัยต้องมาตามตัวผมตามคำขอของน้องสาวก็น่าจะเป็นเรื่องนี้อย่าง แน่นอน

ผมพยักหน้าให้ไอ้ชัย เพื่อให้นำผมไปยังบ้านพักของไอ้ชัยกับน้องสาว ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของผม ระหว่างที่เดินไปเงียบๆ ผมคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อผมไปเผาศพเพื่อนร่วมวงการคนหนึ่งที่ตายด้วยโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคใหม่ที่กำลังกระจายไปอย่างรวดเร็วในประเทศไทย และหลังจากเสร็จสิ้นงานศพระหว่างที่ผมกำลังจะกลับมาขึ้นรถ ก็ปรากฏมือผอมแห้งบนร่างที่ใกล้ถึงจุดจบของผู้ติดเชื้อในวัดคนหนึ่ง เอื้อมมากุมมือผมไว้ และเพียงผมได้ยินเสียงที่สตรีผู้ใกล้ความตายเรียกผมโลกทั้งโลกก็เหมือนหยุด นิ่ง ผมเข้าช้อนร่างอุ้มผู้หญิงคนนั้นมาที่รถผมและพากลับมาที่คลองน้อยในทันที โดยไม่สนใจสายตาสงสัยระคนหวาดกลัวของลูกน้อง ที่เห็นผมสัมผัสผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้ายที่มีน้ำหนองเต็มตัวอย่างไม่ รังเกียจ เมื่อผมมาถึงที่พักก็ได้ขออาสมัครช่วยดูแลผู้หญิงคนนี้ ซึ่งไอ้ชัยกับน้องสาวก็อาสารับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ

สองเท้าผม ก้าวขึ้นไปยังบ้านพักของไอ้ชัย จมูกกระทบกลิ่นยาฉุนเฉียว และสัมผัสได้ถึงไอของความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามารับเหยื่อของมัน นังต้อมลุกขึ้นมารับผมทันที และโดยไม่ต้องถาม น้องสาวไอ้ชัยก็ส่ายหน้าเป็นสัญญานบอกให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมหวาดกลัวกำลังจะ เกิดขึ้นในอีกไม่นานนัก

ผมเข้าไปในห้องเล็กที่มืดครึ้ม ร่างที่นอนอยู่บนเตียงนอนนิ่งราวกับไร้วิญญานครอบครอง มีเพียงหน้าอกขยับขึ้นลงเล็กน้อยเป็นสัญญานบอกให้รู้ว่าสายใยของชีวิตยังคง อยู่ในร่างนี้ แต่กำลังใกล้ขาดลงทุกขณะ ผมทรุดกายลงคุกเข่าข้างเตียง สองมือกุมมือที่มีแต่กระดูกไว้แน่น น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาโดยมี่ผมไม่สามารถกลั้นได้ เบื้องหลังเสียงประตูปิดตัวลงดังขึ้นเบาๆ มีเพียงผมกับร่างใกล้ความตายอยู่เพียงสองต่อสองในห้องเล็กๆ ดวงตาบนใบหน้าผู้ที่ทอดร่างบนเตียงเปิดขึ้นเมื่อรับรู้การสัมผัสที่มือ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลพุพองหันมาสบตาผม ประกายตาที่ซ่านมันกลับสดใสขึ้นทันที มันสดใสจนดูราวกับเป็นประกายตาของเด็กหญิงวัย 12 ที่ผมแสนรักในอดีต เสียงแหบพร่าดังขึ้นแผ่วเบา แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความดีใจที่แฝงอยู่

"พี่เอ...พี่เอ ของกิฟท์..."

ผมลูบไล้มือของเพื่อนวัยเด็กที่ผมรักดังน้องสาวแท้ๆ อย่างแผ่วเบา

"พี่อยู่ที่นี่ กิฟท์ ต้องพักผ่อนให้มากๆ นะ จะได้หายเร็วๆ พี่จะได้พากิฟท์ไปเที่ยวตามสัญญา...ดีไหม"

น้องกิฟท์ ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนแรง มือผอมแห้งพยายามยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าผม..

"พี่ เอไม่เคยโกหกกิฟท์ได้สักทีนะ...กิฟท์จับได้ทุกครั้งนั่นแหละ..กิฟท์รู้ดีว่า เวลาของกิฟท์หมดแล้ว แต่กิฟท์ก็ยังดีใจที่ก่อนตาย กิฟท์ได้พบพี่ชายของกิฟท์อีก และได้มาตายอยู่ข้างๆ คนที่กิฟท์รัก.."

ผม กุมมือน้องกิฟท์ไว้แนบแก้ม น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้..ผมไม่เคยสามารถโกหกน้องสาวที่แสนฉลาดของผม คนนี้ได้เลยแม้แต่ครั้ง แม้แต่เวลาที่ผมต้องการจะโกหกมากที่สุดเช่นปัจจุบัน...

"พี่เสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น .. กิฟท์ให้อภัยพี่ได้ไหม"

น้อง กิฟท์ยิ้มตอบ ประกายตาแจ่มจ้ามากขึ้น จนดูราวกับมันจะส่งแสงออกมาด้วยตัวเอง แต่ผมรู้ว่านี่คืออาการของเปลวเทียนที่สว่างวูบขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะ ดับไปตลอดกาล

"กิฟท์ไม่เคยโกรธพี่เอ กิฟท์รักพี่มาตลอด สิ่งเดียวที่กิฟท์เสียใจคือทำไมชะตาของพวกเราทั้งสามถึงเป็นแบบนี้ ถ้าเพียงแต่วันนั้นกิฟท์ไปด้วย...ถ้าเพียงแต่กิฟท์ไปด้วยเท่านั้น...ถ้า เพียงแต่กิฟท์..."

ประกายสดใสในดวงตาของน้องสาวที่ผมรักดับวูบ มือที่ประคองแก้มผมตกลงกับพื้นเตียง น้ำตาผมไหลเป็นสายลงไปยังมือนั้นราวกับจะใช้ชำระความอยุติธรรมที่เกิดต่อ เด็กหญิงตัวน้อยที่จากไปพร้อมกับสายใยสุดท้ายที่เชื่อมโยงผมกับอดีตกาล

-----------------------------------

พุทธศักราช 2520

"เมื่อไหร่ยายกิฟท์จะมานะ"

ริน ลดาบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง ระหว่างรอผู้ร่วมเดินทางบนรถซูซูกิคาริบเบียนสีขาว ซึ่งไกรวิทย์ใช้เป็นยานพาหนะประจำตัว ขณะที่เจ้าของรถกำลังคุยอยู่กับชายกลางคนในชุดซาฟารีด้านหน้า

"คุณเอ ต้องใช้เกียร์โฟร์วิลล์ตลอดนะครับ เวลาเข้าไปในป่าแบบนี้"

เสียง ของ จ่าสิบตรีแม้นวงศ์ อดีต ตำรวจตะเวนชายแดนที่ลาออกจากราชการมาทำงานกับพ่อเลี้ยงไกรสรกว่า 10 ปี บอกไกรวิทย์อย่างเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มจะใช้ยานพาหนะเข้าไปในป่า

"น้าแม้นไม่ต้องห่วงหรอกน้า น้าสอนผมให้ขับรถตั้งแต่ยังเด็ก ไม่รู้หรือไงว่าผมชำนาญขนาดไหนแล้ว"

เด็ก หนุ่มตอบคนสนิทของบิดาอย่างอารมณ์ดี และรับรู้ความห่วงใยที่อดีตตำรวจตระเวนชายแดนมีให้ จากการที่เป็นผู้ดูแลและคอยป้องกันอันตรายแก่ไกรวิทย์มาตั้งแต่เด็ก..

"ผมรู้ครับ..แต่ก็ยังอดห่วงคุณเอไม่ได้อยู่ดี"

แม้นวงศ์ตอบพร้อมถอนหายใจ..แต่ก็ยิ้มและโบกมือให้เมื่อเด็กหนุ่มก้าวขึ้นรถและบังคับรถให้ออกขจากบ้านคชสีห์

"อ้าวพี่เอ...ไม่รอกิฟท์เหรอ"

ริน ลดาถามขึ้นอย่างงงๆ เมื่อเห็นไกรวิทย์ขับรถออกจากประตูบ้าน เด็กหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่เลี้ยวขวาอย่างชำนาญมาจอดที่หน้าบ้านของอัจฉริยา ก่อนหันมาบอกรินลดา

"ขืนรอก็อีกนาน ยายกิฟท์ช้าเสมอ มารับที่บ้านเลยนี่แหละ..ดีกว่า น้องรินรอบนรถก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปตามตัวมาเอง"

ริน ลดาพยักหน้ารับและเริ่มควานหาตลับเทปในช่อเก็บของเพื่อฆ่าเวลา ไม่นานนักไกรวิทย์ก็เดินกลับมาที่รถพร้อมร่างของอัจฉริยาที่ยังคงอยู่ในชุด นอนสีชมพู ริมฝีปากที่เตรียมขยับต่อว่าอัจฉริยาของรินลดาอ้าค้าง เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของเด็กหญิงที่มีสีหน้าใกล้ร้องไห้เต็มที

"ตายแล้ว กิฟท์ เป็นอีสุกอีใสหรือเนี่ย"

ริน ลดาร้องอุทานออกมา แต่แล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเพราะกลั้นไม่อยู่ที่เห็นใบหน้านวลขาวของ ของอัจฉริยาถูกประดับไว้ด้วยเม็ดหนองของอีสุกอีใสเกือบ 10 เม็ด ใบหน้าที่ใกล้ร้องไห้ของอิจฉริยาก็พังทลายทันทีที่เกิดเสียงหัวเราะ ทำให้ไกรวิทย์ต้องรีบโอบร่างน้อยๆ ไว้แนบตัวพร้อมปรายตาเชิงดุให้รินลดาหยุดหัวเราะ แล้วหันไปปลอบน้องกิฟท์อย่างอ่อนโยน.

"ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกน้องกิฟท์ เดี๋ยวเรายกเลิกไปก่อน แล้วคราวหน้าค่อยไปกันก็ได้ "

อิจฉริยาสั่นหน้า น้ำตาร่วงพรู

" กิฟท์อยากไป พี่เอจะอยู่วันสุดท้ายแล้ว แต่คุณพ่อห้ามบอกว่าเดี๋ยวไข้แผลอักเสบแล้วสั่งให้กิฟท์อยู่แต่ในบ้านห้ามไปไหน "

รินลดาก้าวลงจากรถ ตรงเข้ามากอดเพื่อนที่เสมือนน้องสาวไว้อีกด้าน

"กิฟท์ พักผ่อนก่อนดีกว่านะ.. วันนี้ยกเลิกโปรแกรมไปก่อน ไว้พี่เอกลับมาตุลาหน้าเราค่อยไปบ้านเล้กกันใหม่ วันนี้ให้พี่เอจัดของให้เรียบร้อย ถ้าพรุ่งนี้น้องกิฟท์ไม่มีไข้ก็ไปส่งพี่เอที่สถานีรถไฟด้วยกัน ดีไหม"

อัจ ฉริยาพยักหน้ารับอย่างหงอยๆ ไกรวิทย์หันมาพยักหน้าให้รินลดาเป็นเชิงขอบคุ แล้วดึงร่างอัจฉริยาพากลับเข้าไปในบ้าน รินลดาถอนใจด้วยความผิดหวังที่ต้องยกเลิกการไปเที่ยวหันไปเก็บม้วนเทปที่ รื้อออกมาจากกระเป๋าถือกลับมาเก็บไว้ที่เดิม แต่ก่อนที่จะเสร็จไกรวิทย์ก็เดินกลับมาที่รถแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้า ออกจากหมู่บ้าน ทำให้รินลดาต้องอุทานเบาๆ ด้วยความแปลกใจ

"พี่เอจะไปไหน ไม่กลับบ้านหรือ"

ไกรวิทย์หันไปสบตารินลดาอย่างเอ็นดู

"ไปกันสองคนก็ได้ หรือน้องรินไม่อยากไป พี่จะได้กลับ "

ริน ลดาหัวเราะออกมา โถมเข้ากอดท่อนแขนไกรวิทย์แน่นจนสองมือที่บังคับพวงมาลัยส่าย ทำให้รถยนต์แกว่งเล็กน้อย แต่ไกรวิทย์ก็ขืนกลับได้ทันจากความชำนาญ ก่อนหันมาดุรินลดาอย่างไม่จริงจังนัก

"อย่าโถมมาแบบนี้สิ น้องรินไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะเดี๋ยวได้ชนกับใครเข้าจนได้หรอก"

รินลดาหน้าม่อยนิดหนึ่ง

"ก็รินดีใจนี่ นึกว่าพี่เอจะยกเลิกแล้ว ที่น้องกิฟท์ไม่ไปด้วย"

" เอาล่ะ ไม่ต้องแก้ตัว ใส่เข็มขัดนิรภัยซะ เดี๋ยวจะถึงทางเข้าป่าแล้ว กระเด็นตกรถไปพี่ไม่รู้ด้วยนะ"

ไกร วิทย์สำทับ แล้วหันความสนใจมาอยู่ที่การบังคับรถ ครู่หนึ่งเสียงเพลงหวานใสของนักร้องหญิงที่เด็กหนุ่มไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ ดังขึ้นจากเครื่องเสียงในรถยนต์ ความไพเราะของบทเพลงทำให้เด็กหนุ่มต้องเอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้

"เพลงอะไรน่ะน้องริน ใครร้อง เพราะดีนะ.."

"เพลงสายชลน่ะพี่เอ ของนักร้องใหม่ชื่อจันทนีย์ อุนากูล พี่เอคงไม่รู้จักหรอก มัวแต่เรียนกับซ้อมมวยแบบนี้ "

ริน ลดาตอบทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม เพื่อรับฟังบทเพลง ไกรวิทย์ละความสนใจจากถนนยกมือขึ้นตั้งใจจะเคาะหัวน้องสาวที่ช่างประชดสัก ครั้ง แต่มือที่ยกขึ้นกลับยกค้างแล้วค่อยๆ ลดลง เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ด้านข้าง

รินลดานั่งหลับตาพริ้มส่งเสียง ร้องคลอบทเพลงอย่างตั้งใจ เสี้ยวใบหน้าเด็กหญิงกระทบแสงแดดยามเช้าเป็นประกายเปล่งปลั่งทำให้โครงใบ หน้าเกิดเงาที่ขับเน้นความงามน่าทะนุถนอมราวกับเทพธิดาองค์น้อย ร่างโปร่งบางเอนราบไปกับเบาะรถที่ถูปรับให้อยู่ในจังหวะครึ่งนั่งครึ่งนอน สองแขนเย็ดจนหนำใจฺห้าสิบเอ็ดครั้งยาว เรียวช้อนประสานใต้ศรีษะทำให้หน้าอกขนาดกระทัดรัดซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเสื้อยืด สีชมพูรัดรูปพุ่งชูชันขึ้นมาเป็นก้อนกลมน้อยๆ สองขาของเด็กหญิงไขว่ห้างด้วยท่าทางสบาบใจ ปลายเท้าในรองเท้าแตะสานประดับดอกไม้ส่ายไปมาเล็กน้อยตามจังหวะของเสียงเพลง สายตาของเด็กหนุ่มเหลือบมาจับจ้องที่ลำขาเรียวตรงซึ่งพ้นขอบกางเกงขาสั้น ปลายบานที่ร่นตัวไปถึงสะโพกกระทัดรัด ทำให้ความงามของลำขาทั้งหมดเผยตัวออกมาอย่างเต็มที่ แสงที่ส่องกระทบท่อนขาทำให้ไรขนอ่อนเปล่งประกายสีทองราวกับส่องแสงได้ด้วยตน เอง ผิวสีน้ำตาลอ่อนและแนวกล้ามเนื้อของลำขาบอกให้รู้ว่าเจ้าของเป็นนักกีฬาที่ ออกกำลังเป็นประจำ แต่ผิวเนื้อที่อยู่ใกล้สะโพกกลับเป็นสีขาวผ่องอันเกิดจากการปกปิดของกางเกง กีฬา ปลายสุดของลำขาขอบขอบกางเกงในสีขาวลายลูกไม้พ้นออกมาให้เห็นรำไร แต่กลับยิ่งเพิ่มความรู้สึกของผู้ที่ได้เห็นให้จินตนาการเตลิดเปิดเปิงอย่าง ไม่รู้จบ

แรงกระแทกที่ส่งผ่านช่วงล่างจนรถกระดอนอย่างแรง ทำให้ไกรวิทย์รู้สึกตัวและหันความสนใจมากที่การบังคับรถผ่านเส้นทางขรุขระ แต่สมองยังคงประทับภาพงดงามด้านข้างไว้อย่างไม่รู้ลืม สายตาของเด็กหนุ่มเหลือบมองร่างโปร่งบางเป็นระยะ ความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวแสนรักเริ่มสับสนระหว่างความเป็นพี่กับความต้อง การสัมผัสเรือนร่างแสนงามของเพื่อนผู้เป็นเสมือนน้องสาว

เสียงม้วน เทปกลับตัวปลุกรินลดาให้ลืมตาขึ้น มือขวาปรับที่นั่งให้ตั้งตรงเพื่อชมทิวทัศน์รอบข้างอย่างเบิกบาน เสียงอุทานของเด็กหญิงดังขึ้นเป็นระยะระคนเสียงหัวเราะเมื่อรถกระแทกหลุ่ม บ่อจนร่างน้อยกระดอนขึ้นลงราวกับรถไฟเหาะในสวนสนุก และส่งเสียงชวนคุยกับไกรวิทย์อย่างไม่ขาดปาก จนทำให้ความคิดที่เริ่มเตลิดเปิดเปิงของเด็กหนุ่มเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ และพลอยเพลิดเพลินไปกับการสนทนา ครู่ใหญ่ไกรวิทย์ก็หักเลี้ยวออกนอกเส้นทางลูกรังขรุขระ พายานพาหนะลงมาตามไหล่เขาอย่างระมัดระวัง จนลำห้วยสายเล็กปรากฏอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มบังคับรถให้จอดอยู่ใต้ต้นรังใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมห้วย ก่อนดับเครื่องและถอนใจยาว..

"เฮ้อ...ถึงเสียที..ไม่ได้มาเสียนาน.ป่ารกขึ้นเป็นกองเลย...อ้าว..น้องรินจะไปไหนน่ะ"

ไกร วิทย์ร้องถาม เมื่อเห็นร่างลินลดาเปิดประตูรถออกแล้ววิ่งตรงไปยังแนวผาที่ห่างออกไประมา ณสิบเมตร ทันใดร่างของเด็กหญิงก็หายไปกับผาหินราวกับการแสดงมายากล ไกรวิทย์ส่ายหน้าลงจากรถ แล้วเดินตรงไปยังจุดเดียวกัน สองมือเด็กหนุ่มแหวกรากไม้ที่ขึ้นปกคลุมหน้าผา และก้าวผ่านเข้าไปสู่ที่โล่งภายในซึ่งซ่อนตัวอยู่อย่างมิดชิดหลังม่านรากไม้ นี่คือ "บ้านเล็ก" ซึ่งเป็นสถานที่เล่นลับของไกรวิทย์ รินลดา และอัจฉริยา ที่ถูกพบเมื่อ 2 ปีก่อนจากความซนของอัจฉริยาที่พยายามซ่อนตัวระหว่างการเล่นซ่อนหา ทำให้ได้พบกับถ้ำหินปูนขนาดเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ และตั้งแต่นั้นมา เมื่อมีเวลา ทั้งสามจะขนย้ายเครื่องใช้ต่างๆ มาไว้ในถ้ำนี้จนมีความพร้อมสำหรับการใช้เป็นสถานที่ซ่อนตัวจากสายตาของ ผู้ใหญ่

สายตาไกรวิทย์จับจ้องที่ร่างของรินลดาซึ่งกำลังรื้อของในหีบ ไม้ใบย่อมที่เคยเป็นหีบใส่กระสุนของตำรวจ ซึ่งเป็นของที่ไกรวิทย์ขอมาจาก จสต.แม้นวงศ์ อดีต ตชด. แต่ตอนนี้ภายในถูกใช้บรรจุเครื่องใช้ต่างๆรวมทั้งของเล่นและหนังสือการ์ตูน ที่ถูกผู้ใหญ่สั่งห้ามไว้เต็มกล่อง

"เจอแล้ว... "

รินลดาส่งเสียงอย่างดีใจ หันกลับมาหาไกรวิทย์ พร้อมเสื่อกกผืนใหญ่ในมือ

"ไปปูนั่งเล่นริมห้วยกันเถอะพี่เอ... เดี๋ยวพี่เอไปเอาตะกร้าอาหารออกมาจัดนะ."

ไกร วิทย์ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูอาการร่าเริงของเด็กหญิง เอื้อมมือไปขอรับเสื่อ แต่รินลดากลับวิ่งแทรกออกไปจากถ้ำ ตรงไปที่ลำห้วย โดยมีไกรวิทย์เดินตามไปที่รถเพื่อนำตะกร้าอาหารปิกนิกออกมาแล้วตรงไปยังพื้น หญ้าใต้ต้นรังริมห้วย ซึ่งถูกปูทับไว้ด้วยเสื่อกกผืนใหญ่แล้ว ร่างของรินลดานอนเหยียดยาวบนเสื้ออย่างสบายใจ ส่งเสียงคุยเมื่อร่างของไกรวิทย์ก้าวเข้ามานั่งเคียงข้าง

"รินรักที่นี่ที่สุดเลยพี่เอ นี่ถ้าอีกหน่อยรินแต่งงาน รินจะต้องมาปลูกบ้านที่นี่ให้ได้ พี่เอคอยดูนะ "

ไกร วิทย์ซึ่งกำลังเปิดฝาตะกร้าปิคนิค เริ่มจัดวางอาหารว่างลงบนพื้นเสื่อกก หยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงานออกจากปากรินลดา เด็กหนุ่มพยายามบังคับเสียงให้ดูราวกับไม่สนใจและถามคำถามที่วนเวียนอยู่ใน ใจมาตั้งแต่เช้า

"จะแต่งงานแล้วหรือน้องริน แล้วมีใครมาจีบหรือยังล่ะ"

เด็กหญิงเบะปาก คว้าแซนวิชข้างตัวมากัดกินคำหนึ่งแล้วตอบคำถามทั้งที่ยังเคียวอาหารในปาก

"เยอะแยะไปพี่เอ ทั้งเพื่อนในห้อง ทั้งรุ่นพี่ นี่เมื่อวานพี่หนุ่มห้อง ม.ศ.2 ก็โทรมาชวนรินไปดูหนัง"

ไกร วิทย์กำขวดน้ำในมือที่กำลังหยิบออกมาวางอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชื่อเด็ก หนุ่มที่พยายามสร้างสัมพันธ์กับรินลดา เด็กชายหนุ่มเป็นรุ่นน้องที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาในอนาคต และด้วยความเป็นดาวเด่นของนักฟุตบอลรุ่นเล็กประจำโรงเรียน ทำให้เด็กชายถูกนักเรียนหญิงวัยเดียวกันรวมทั้งนักเรียนประถม 7 วัยเดียวกันกับรินลดา รุมล้อมเป็นประจำ

"อ้าว ก็ดีนี่ แล้วน้องรินไม่ไปหรือ "

ไกรวิทย์ถามด้วยน้ำเสียงแปร่งเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเด็กหญิงที่ยังนอนอย่างสบายใจไม่รับรู้

"ริน ไม่สนใจหรอก พวกนี้น่าเบื่อจะตายไป เห็นรินเป็นสาวน้อยบอบบาง คอยมาเอาใจให้ดอกไม้ ให้ขนม บ้า..ทำไมไม่มีใครให้เกมส์ family รินบ้างนะ..."

ไกรวิทย์หัวเราะออกมาเต็มเสียง เมื่อได้ยินคำตอบของรินลดา นอกจากความโล่งใจที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแล้วเด็กหนุ่มยังรู้ดีว่าน้องสาว ที่น่ารักคนนี้มีนิสัยแทบจะเป็นผู้ชาย ไม่สนใจการแต่งตัวหรือของสวยงามอย่างเด็กผู้หญิงคนอื่นในวัยเดียวกัน ตรงข้ามน้องรินกลับชอบเครื่องเล่นไฟฟ้าของผู้ชาย และกำลังงอนง้อขอให้บิดาซื้อเครื่องเล่นแฟมิคอม ที่กำลังเป็นที่นิยมกันมาให้ แทนที่จะร้องขอตุ๊กตาหรือเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำให้บางที พ.ต.อ.สมภพ บิดาของรินลดา ต้องมาบ่นกับพ่อเลี้ยงไกรสรบ่อยๆ ว่า ลูกสาวทำท่าจะกลายเป็นเด็กผู้ชายไปเสียแล้ว

รินลดาลุกขึ้นนั่งมองไกรวิทย์อย่างงงๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ร่างบอบบางกรากเข้ามาทุบไหล่ไกรวิทย์ถี่ยิบ

"พี่เอเนี่ย หัวเราะเยาะรินเหรอ"

ไกรวิทย์คว้าข้อมือเรียวของรินลดาไว้เพื่อบังคับให้หยุดทุบ

"พี่ ไม่ได้หัวเราะ พี่เพียงแต่นึกถึงภาพน้องรินเล่นเกมส์คอนทรากับพี่ที่บ้าน ไม่ยอมนอนจนลุงสมภพต้องมาตามกลับน่ะ นี่ถ้าหนุ่มๆ พวกนั้นมาเห็นน้องรินร้องลั่นจะเล่นเกมส์ไม่ยอมกลับบ้าน สงสัยคงไม่มีใครมาจีบน้องรินแน่เลย"

ขณะที่ไกรวิทย์พูดปนหัวเราะ พร้อมกับกุมข้อมือรินลดาไว้เพื่อหยุดการทุบ เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าแรงดิ้นรนที่ข้อมือของเด็กหญิงเพื่อให้พ้น การกุมลดลงจนหยุดนิ่ง สายตาของไกรวิทย์จับจ้องใบหน้าของรินลดาด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าเด็กหญิง เบือนหน้าไปเพ่งมองสายน้ำในลำห้วยเบื้องหน้า มือของไกรวิทย์ค่อยๆ ปล่อยข้อมือแบบบางที่กุมไว้ ปล่อยให้เจ้าของข้อมือนำไปซุกไว้ที่หน้าตัก เสียงเด็กหญิงดังขึ้นแผ่วเบา

"รินนี่ไม่มีความเป็นผู้หญิงจริงๆ นะพี่เอ..."

ไกรวิทย์ถอนใจ เคลื่อนกายไปนั่งข้างรินลดา แล้วเอื้อมมือไปดังมือของเด็กหญิงมากุมไว้อย่างนุ่มนวล

" ใครว่าน้องรินของพี่ไม่เป็นผู้หญิง ถ้ามีใครพูดมาบอกพี่นะ พี่จะรีบกลับมาจากกรุงเทพฯ ชกปากมันให้พูดไม่ได้ไปอาทิตย์หนึ่งเลย"

รินลดาหัวเราะเบาๆ กับคำพูดหยอกเย้าของพี่ที่เหมือนกับพี่ชายแท้ๆ เด็กหญิงหันหน้ามาสบตาไกรวิทย์แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"พี่เอล่ะ คิดว่ารินเป็นผู้หญิงหรือเปล่า"

ไกรวิทย์สบสายตาผู้เป็นเสทอนน้องสาวแน่วนิ่ง สูดหายใจลึกก่อนตอบอย่างจริงจัง

"น้องรินของพี่ไม่ใช่แต่จะเป็นผู้หญิงนะ แต่ยังเป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลกสำหรับพี่ด้วย"

สอง แก้มของเด็กหญิงปรากฏสีแดงจัดขึ้นแผ่ซ่าน มือที่อยู่ในอุ้งมือไกรวิทย์สั่นเล็กน้อย เด็กหญิงก้มศีรษะลงแล้วส่งเสียงถามอย่างแผ่วเบา..

"ริน...รินน่ารักพอที่จะเป็นคนที่พี่เอแต่งงานด้วยหรือเปล่า.."

ลม หายใจเด็กหนุ่มชะงักไปกับคำถามที่ไม่คาดคิด ภาพของอดีตปรากฏขึ้นในความทรงจำอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงที่เคยวิ่งเล่นมาด้วยกัน เด็กหญิงที่ตนเองปกป้องจากการรังแก เด็กหญิงที่ทำให้หัวใจเบิกบานไร้ความทุกข์ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ เด็กหญิงที่บัดนี้กำลังย่างเข้าสู่วัยสาวและกำลังรอคอยคำตอบว่าผู้เป็น เสมือนพี่ชายที่ผูกพันกันมาตลอดชีวิตจะยึดถือเธอเป็นเพียงน้องสาวตลอดไป หรือจะก้าวข้ามระดับไปสู่ความมันพันธ์ที่ใกล้ชิดกว่า ยั่งยืนกว่า

ไกร วิทย์ยกมือของรินลดาขึ้นมาแนบริมฝีปาก จูบเบาๆ ที่หลังมือนวลเนียนทำให้เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นสบตาแน่วนิ่งกับผู้ประทับรอยจูบ ลงไป ไกรวิทย์สูดลมหายใจลึกเพื่อถ่ายทอดคำพูดที่ซุกซ่อนในใจมาตลอด

"พี่ต่างหากที่ต้องถามน้องรินว่าจะอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิตได้ไหม"

ริน ลดาจ้องตาพี่ชายที่เด็กหญิงแสนรักอย่างไม่เชื่อหูน้ำตาไหลซึมออกมา ก่อนที่ไกรวิทย์จะตั้งตัวเด็กหญิงก็พลิกร่างโถมเข้ากอดร่างรัดไว้แนบแน่นระ ล่ำระลักส่งเสียง

"พี่เอ...รินรักพี่เอที่สุด กลัวว่าพี่เอจะเห็นรินเป็นแค่น้องสาว ที่ผ่านมา รินไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย แต่พรุ่งนี้พี่เอต้องไปจากที่นี่แล้ว รินไม่รู้ว่าจะทำยังไงถ้าไม่มีพี่เออยู่ด้วย รินสัญญาจะรักพี่เอคนเดียว จะรอจนกว่าพี่เอกลับมา จะรอจนกว่ารินจะโตพอแต่งงานกับพี่เอได้ รินจะ..."

ไกร วิทย์หยุดคำพูดของรินลดาด้วยการเชยคางเรียวเล็กให้เงยหน้าขึ้น และก่อนที่รินลดาจะรู้ตัว ริมฝีปากอบอุ่นของผู้ที่เคยเป็นเสมือนพี่ชายก็ประทับเข้ากับริมฝีปากบาง เรียวอ่อนนุ่มที่เกร็งแน่นด้วยความตกใจ แต่เพียงครู่เดียวเด็กหญิงก็เผยอริมฝีปากรับรสสัมผัสที่ไกรวิทย์มอบให้เป็น ครั้งแรกในชีวิต สองแขนของรินลดาสอดเข้าโอบเอวไกรวิทย์อย่างลืมตัว ร่างบอบบางสั่นสะท้านเมื่อรับรู้ว่าลิ้นของไกรวิทย์เริ่มผ่านเข้ามาในช่อง ปากและแตะสิ้นเรียวบางราวกับจะชักชวนให้รับรสหอมหวานของการจูบพร้อมกัน ทำให้ลิ้นของเด็กหญิงเกี่ยวกระหวัดตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ไม่นานนักความเคลื่อนไหวของทั้งสองก็เริ่มเพิ่มน้ำหนักของการสัมผัส ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่ใต้กรอบแว่นของรินลดาหลับพริ้ม ปล่อยใจให้ซึมซับการสัมผัสอย่างเต็มที่

เวลาผ่านไปราวกับไม่มีวัน สิ้นสุดก่อนที่ไกรวิทย์จะถอนจูบออกจากความหอมหวานของริมฝีปากรินลดา เด็กหญิงลืมตาขึ้นมองพี่ชายผู้กลายมาเป็นคนรักคนแรกในชีวิตอย่างเอียงอายพวง แก้มแดงระเรื่อจากรสจูบครั้งแรก ไกรวิทย์ใช้มือจับของแว่นตาสีแดงดึงออกจากใบหน้าของเด็กหญิงเพื่อไม่ให้เป็น อุปสรรคต่อการประสานสายตา รินลดาหลบสายตาที่จับจ้องอยู่เมื่อพบว่าประกายตาของเด็กหนุ่มที่มอบหัวใจให้ เต็มไปด้วยความรักที่แทบสัมผัสได้

"พี่เอ รังแกรินแล้วนะ.."

เด็กหญิงส่งเสียงราวกับจะตัดพ้อ แต่ในน้ำเสียงไม่ปรากฏความไม่พอใจแม้แต่น้อย ไกรวิทย์ลูบไล้วงหน้ารินลดาอย่างทะนุถนอม

"ถ้ารินไม่ชอบพี่จะไม่รังแกก็ได้นะ"

รินลดาหน้าแดงเข้ม เอื้อมมือมาหยิกต้นแขนเด็กหนุ่มอย่างงอนๆ

"พี่เอบ้า..รินอายนะ"

"งั้นพี่ต้องจูบให้หายอาย..."

ขาด คำชายหนุ่มก็ก้มลงประทับจูบครั้งที่สอง รินลดาส่งเสียงครางในลำคอ สองแขนกอดรอบคอไกรวิทย์แน่น ปล่อยอารมณ์ให้เตลิดไปกับการจูบโดยไม่ยับยัง มือของไกรวิทย์ขยับลงไปที่ชายเสื้อยืดเด็กหญิงก่อนสอดมือเข้าสัมผัสความนุ่น เนียนของหน้าท้อง แล้วเลื่อนขึ้นไปสู่เนินอกที่ถูกปกปิดด้วยบราเนื้อฝ้ายหนาแบบเด็กนักเรียน สัมผัสของฝ่ามือที่สะดุดกับปลายยอดอกที่แข็งตัวอยู่ภายใต้เนื้อผ้าบอกให้รู้ ว่าเด็กหญิงกำลังเริ่มตกอยู่ภายใต้การตื่นของอารมรณ์รักเป็นครั้งแรกในชีวิต ร่างบอบบางในอ้อมกอดไกรวิทย์เริ่มบิดตัวราวกับจะขัดขืนแต่ก็กลับการแอ่นร่าง ท่อนบนขึ้นราวกับต้องการรับการสัมผัสให้มากขึ้น มือของไกรวิทย์สอดอ้อมไปยังแผ่นหลังนวลเนียนสัมผัสตะขอเล็กๆ ของบราที่ใช้เพียงสองนิ้วก็ปลดออกได้อย่างง่ายดาย มือของเด็กหนุ่มวกกลับมาสอดเข้าใต้บราที่ปราศจากแรงดึงรั้ง กุมเต้านมกระทัดรัดไว้เต็มฝ่ามือ หัวใจไกรวิทย์เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เมื่อสัมผัสกับความตึงเปรี๊ยะของเต้านมที่แทบจะไม่ยุบตามแรงมือ แต่เนียนนุ่มราวกับผ้าแพรเนื้อดี

"อ๊าส์...พะ พี่เอ...ทำอะ อะไร.."

ใบ หน้ารินลดาผงะขึ้นเมื่อรับรู้แรงเค้นคลึงที่หน้าอก หัวนมเม็ดน้อยที่แม้แต่เมื่อสัมผัสกระแสลมยามอาบน้ำก็ยังสร้างความเสียวจน แทบทนไม่ได้ บัดนี้กลับอยู่ในอุ้งมือของไกรวิทย์และเมื่อถูกบี้คลึงอย่างอ่อนโยนจากสอง นิ้ว ร่างบอบบางของเด็กหญิงก็อัดเบียดเข้ารับการสัมผัสอย่างลืมตัว ใบหน้าน่ารักที่แดงราวกับลูกท้อซุกแน่นกับหัวไหล่ ปากน้อยๆอ้ากว้าง เสียงหอบกระเส่าดังขึ้นเป็นระยะ...

"ยะ ยะ อย่าบี้มัน..โอย..มันหวิว...พะ พี่เอ...พะ พอ พอ เถอะ..."

เหมือน กับคำขอร้องเป็นคำยุไกรวิทย์สอดท่อนแขนทั้งสองหมดเข้าใต้เสื้อยืด ยึดบราตัวน้อยที่ปราศจากการควบคุมของตะขอแล้วก่อนที่รินลดาจะตั้งตัว เด็กหนุ่มก็ลากบราขึ้นพร้อมเสื้อยืดออกไปจากร่างบอบบางที่กำลังอ่อนระทวยไป กับรสสัมผัส เหวี่ยงทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่ใยดี เสียงอุทานอย่างตกใจของรินลดาดังขึ้นขณะที่สายตาเด็กหนุ่มเบิกโพลงกับภาพที่ ปรากฏอยู่ตรงหน้า

เด็กหญิงวัย 12 เปลือยท่อนบนกระจ่างกลางแสงอาทิตย์ยามสายที่สะท้อนน้ำจากลำห้วยมากระทบเรือน ร่างบอบบางเบื้องหน้า ปากอ้าค้างด้วยความตกใจกับการจู่โจมถอดอาภรณ์ท่อนบนออกอย่างไม่ทันตั้งตัว สองมือพยายามยกขึ้นมาปิดป้องกันสายตาแต่มือของไกรวิทย์กลับยึดข้อมือเรียว บางนั้นไว้แน่น เด็กหญิงหลับตาด้วยความอายเมื่อรู้ว่าหน้าอกแรกผลิของวัยสาวกำลังถูกสายตา ของคนรักจับจ้องโดยปราศจากสิ่งใดขวางกั้น

หน้าอกขนาดเล็กที่ขาวนวล และเต่งตึงประดับปลายยอดด้วยเม็ดมณีกะทัดรัดสีชมพูเข้ม เผยตัวต่อหน้าสายตาไกรวิทย์ ใบหน้าหวานของเด็กหญิงแดงจัดเมื่อรับรู้ว่า สายตาของเด็กหนุ่มกวาดไปทั่วเรือนกายบอบบางขาวผ่องที่ซ่อนเคยซ่อนจากสายตา ทุกคู่ แรงต่อต้านที่จะยกมือขึ้นปิดป้องค่อยๆ ลดลงจนไกรวิทย์รู้สึกได้ว่าสาวน้อยเบื้องหน้ายินยอมที่จะให้ชายคนรักได้ชื่น ชมความงามทั้งหมดอย่างเต็มใจ ไกรวิทย์ปล่อยมือจากการกุมข้อมือเด็กหญิง เลื่อนมือขึ้นมาลูบไล้หน้าอกเต้างามเบื้องหน้าอย่างทะนุถนอม

"น้องริน สวยเหลือเกิน.. "

เสียง ของเด็กหนุ่มแตกพร่าเมื่อสมองซึมซับรับรู้ความงามราวกับเทพธิดาที่ปรากฏอยู่ ตรงหน้า รินลดาก้มหน้าลงด้วยความอาย แต่ไม่ยกมือขึ้นป้องกันสายตาดังที่เคยตั้งใจกระทำ

"สำหรับพี่เอ..รินเป็นของพี่เอคนเดียวเท่านั้น...รินสวยพอสำหรับพี่เอไหม "

เสียงตอบของเด็กหนุ่ม สั่นสะท้าน

"รินของพี่สวยที่สุด พี่ไม่เคยเห็นอะไรที่งดงามไปกว่านี้แล้ว "

เด็ก หญิงเคลื่อนกายเข้าหาไกรวิทย์ช้าๆ เข้าสู่วงแขนที่รอรับอยู่ ไกรวิทย์ถอดเสื้อยืดออกจากศรีษะอย่างรวดเร็วก่อนที่จะรับร่างของเด็กหญิง ประทับกอดแน่นกับแผ่นอก ทั้งสองบดเบียดกันแน่นจนไม่มีช่องว่าง เด็กหนุ่มประทับจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึมซับความหอมหวานจากริมฝีปากรินลดาราวกับ จะไม่มีวันพอ ร่างรินลดาบิดส่ายไปมาด้วยความเสียวซ่านเมื่อทรวงอกแรกผลิถูกดทับโดยหน้าอก ของพี่ชายแสนรัก ไกรวิทย์ถอนริมฝีปากซุกหน้ากับลำคอหอมกรุ่น

"หอมเหลือเกิน น้องรินของพี่หอมเหลือเกิน "เสียงเด็กหนุ่มพร่ำบอกข้างหู รินลดาอ้าปากกว้างอารมณ์ของเด็กหญิงถูกกระตุ้นขึ้นเป็นครั้งแรกจากรสสัมผัสที่เด็กหญิงไม่เคยประสบมาก่อน
แม้ จะยังคงตื่นเต้นระคนกลัวต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่อารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมาต่อเนื่องรุนแรง ก็กลบกลืนความรู้สึกอื่นทั้งหมด เด็กหญิงเคลื่อนไหวร่างกายรับการสัมผัสอย่างเต็มที่ ดวงตาหลับพริ้มเพื่อซึมซับความรู้สึกทั้งหมดไว้โดยไม่รู้สึกตัวว่ามือของไกร วิทย์กำลังเลื่อนลงต่ำไปยังขอบกางเกงขาสั้นเบื้องล่าง นิ้วของเด็กหนุ่มปลดกระดุมเม็ดใหญ่ออกอย่างงายดาย ซิบถูกเลือนลงไปจนสุดรางอย่างช้าๆ รินลดารับรู้อย่างรางเลือนรับรู้ว่าเอวถูกแขนแข็งแรงของไกรวิทย์ยกขึ้นเล็ก น้อย ขอบกางเกงขาสั้นและกางเกงชั้นในถูกดึงพ้นสะโพกกลมกลึงและเลื่อนออกไปจากปลาย เท้า เด็กหญิงดูจะไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นถูกปลดเปลื้องออกจากร่าง กายแล้ว รับรู้เพียงรสสัมผัสจากลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดในช่องปากและการเบียดส่ายหน้าอก นวลเนียนกับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนรัก อารมณ์รักคุโพลงจนไม่รับรู้ความเคลื่อนไหวใดภายนอก ไม่รับรู้แม้กระทั่งว่าไกรวิทย์ก็ได้ถอดสิ่งปกปิดร่างกายทั้งหมดออกแล้วเช่น กัน

ไกรวิทย์หัวใจเต้นระทึก มือลูบไล้ลำขาเรียวตรงที่นุ่มเนียนแต่แข็งแรง ไปมา ไล้สู่ความหยุ่นตึงของสะโพกกระทัดรัด เคล้นคลึงอย่างทะนุถนอมก่อนที่จะเลื่อนกลับมาเบื้องหน้าเพื่อสัมผัสความลับ ของเด็กหญิงวัย 12 เพียงกระทบกับเนินนูนที่ปราศจากสิ่งปกคลุมใดๆ แรงสะท้อนที่ส่งผ่านกลับมา ทำให้ ฝ่ามือค่อยๆ เกาะกุมเนินเนื้อทั้งหมด หัวใจเด็กหนุ่มเต้นถี่เมื่อรับรู้ถึงขนาดและความโค้งสูงเด่นของสิ่งที่อยู่ ใต้ฝ่ามือนิ้วของไกรวิทย์แยกออกเลื่อนไล้แตะรอยผ่าเบาๆ และรับรู้ได้ถึงความฉ่ำเยิ้มที่หลั่งไหลออกมาจนนิ้วแทบเปียกชุ่ม เพียงเลื่อนขึ้นเล็กน้อย สัมผัสที่ปลายนิ้วก็พบกับการชูชันของจุดสำคัญที่สุดบนเนินเนื้อเด็กหญิงที่ แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็แข็งตัวจนรู้สึกได้ ประสบการณ์ทางเพศของไกรวิทย์ ทำให้เด็กหนุ่มกดนิ้วคลึงจุดสำคัญอย่างนุ่มนวล

ร่างบอบบางของริน ลดาที่ล่องลอยไปกับตามอารมณ์เพศ กระตุกเฮือกทันทีที่ถูกสัมผัส เด็กหญิงถอนริมฝีปากการการจูบทันที ส่งเสียงครวญครางกระเส่า...

"พี่...พี่เอ.. ทำ..ทำไมริน...ริน ใจมันหวิว แบบนี้"

"น้องรินกำลังเสียว...ไม่ต้องกลัวนะ ปล่อยใจให้สบาย พี่เอจะทำให้น้องรินมีความสุขที่สุด "

ไกร วิทย์กระซิบข้างหูเด็กหญิง ขณะที่นิ้วยังคงคลึงเคล้นเม็ดเสียวจนเจ้าของร่างบิดส่ายไปมาราวกับได้รับ ความเจ็บปวดรุนแรง แต่น้ำรักแรกสาวที่หลั่งไหลออกมาเนืองนองบอกให้รู้ว่า ร่างกายแรกสาวพร้อมที่จะรับรองรับประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตแล้ว นิ้วเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากเคล้นคลึงเป็นแทรกผ่านลงระหว่างรอยผ่า มันจมลึกลงไปถึงข้อนิ้ว สัมผัสได้ถึงความนุ่มเนียนภายในที่กำลังรอรับการมาเยือนของแก่นกายเพศชาย ร่างรินลดากระตุกเฮือกเมื่อนิ้วแทรกผ่านเข้าสู่ร่องหลืบ ความเสียวพลุ่งทะลักขึ้นสู่สมองราวน้ำพุ อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นต่อเนื่องส่งเด็กหญิงเข้าสู่จุดสุดยอดเป็นครั้งแรกใน ชีวิต

"โอ๊ย...พะ พะ พี่เอ....ริน...อ๊าวส์.. "

ร่างเด็ก หญิงวัย 12 สั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนไกรวิทย์ สะโพกกลมกะทัดรัดกระตุกเป็นระยะราวกับไฟฟ้าช๊อต ไกรวิทย์รีบพลิกร่างขึ้นเหนือร่างรินลดาถอนนิ้วออกแล้วจ่อแก่นกายกับทางเข้า สู่ภายในที่ยังคงขมิบจากการถึงจุดสุดยอด เด็กหนุ่มวางแท่งเนื้อแข็งปั๋งขนาดไปกับแนวร่องระหว่างสองแคมอวบอิ่ม ยกสะโพกขึ้นจนแท่งเนื้อจ่อกับปากทางเข้าแล้วกดแทรกผ่านลงไปช้าๆ น้ำหล่อลื่นที่ชุ่มโชกอยู่เต็มสองแคมเปิดทางให้มันแทรกตัวผ่านลงไปได้ช้าๆ ไกรวิทย์ตัดสินในเพิ่มแรงกดจนหัวบานจมลงไปมากขึ้นแต่ต้องหยุดชะงัก เพราะแม้สองแคมจะขยายตัวรับการรุกรานอย่างเต็มที่แต่ความใหญ่โตของแท่งเนื้อ เด็กหนุ่มวัย 15 ทำให้เกินความสามารถที่จะขยายตัวรับได้หมด ไกรวิทย์รู้สึกได้ว่าสองแคมกำลังลั่นเปรี๊ยะจากแรงตึง และหากยังคงขืนกดหัวบานผ่านลงไป สองแคมจะต้องปริฉีกขาดแน่นอน

เพียง การเริ่มต้นแทรกผ่านของไกรวิทย์ ความเจ็บปวดก็พรั่งพรูเข้าสู่สมองเด็กหญิง เบื้องล่างอวัยวะน้อยๆของเพศหญิงกำลังถูกรุกราน จากสิ่งแปลกปลอมที่กำลังแทรกตัวลงไปในร่างกาย รินลดาอ้าปากกว้าง สองแขนเกร็งแน่น เล็บจิกเข้าไปยังแผ่นหลังไกรวิทย์อย่างแรงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ

"โอ๊ย...พี่เอ..ทำอะไร รินเจ็บ..ของรินจะฉีกอยู่แล้ว...อย่า.. "

ไกรวิทย์รีบทาบร่างลงทับร่างบอบบางที่กำลังดิ้นรนให้หลุดจากแก่นกายเบื้องล่าง ส่งเปสียงปลอบประโลม

"พี่รักน้องริน พี่ขอให้น้องรินเป็นของพี่ได้ไหม ก่อนที่จะต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แต่ถ้ารินเจ็บมนไม่ไหวพี่จะหยุดก็ได้นะ "

ริน ลดากลั้นเสียงสะอื้น มองหน้าชายผู้ที่กำลังจะกลายเป็นสามี อย่างสงสัย ขณะที่ไกรวิทย์ก็หยุดการกดแท่งเนื้อลงไปยังความคับแน่นเบื้องล่าง แต่ยังคงคลึงเคล้นและลูบไล้ร่างกายนวลเนียนของรินลดาในส่วนที่ไวต่อความ รู้สึกอย่างต่อเนื่อง

"พี่เอหมายความว่า ที่กำลังจะให้รินเป็นเมียพี่ใช่ไหม "

ไกรวิทย์พยัหน้ารับ ก้มหน้าลงจูบหน้าผากกลมมนอย่างนุ่มนวล

"พี่ขอโทษรินนะ พี่เห็นแก่ตัวเกินไปจนทำให้รินเจ็บ ถ้างั้นพี่จะหยุดนะ "

เด็กหญิงส่ายหน้าหางตายังมีนำตาซึมออกมาจากความเจ็บปวดที่ได้รับ สองแขนเอื้อมขึ้นมาดึงศรีษะไกรวิทย์ลงมาแนบแก้ม

"พรุ่ง นี้พี่เอก็จะไปแล้ว ถ้าพี่เอต้องการริน รินก็พร้อมจะเป็นของพี่เอแต่พี่เอต้องสัญญาว่าจะรักรินตลอดไปนะ รินจะยึดมั่นสัญญานี้ไว้รอให้พี่กลับมา "

ไกรวิทย์เงยหน้าขึ้นสบตารินลดา ก่อนตอบอย่างหนักแน่น

"ชีวิตนี้ พี่ขอรักน้องรินตลอดไป...พี่จะไม่มีวันทำให้น้องรินเสียใจ พี่สัญญา"

รินลดาซุกหน้าเข้ากับทรวงอกของผู้ที่เป็นเสมือนพี่ชายส่งเสียงกระซิบเบาๆ

"พี่เอเข้ามาเถอะ...รินขอรับร่างกายพี่เอเอาไว้เดี๋ยวนี้เลย "

ไกร วิทย์พยักหน้าสูดลมหายใจลึกกดสะโพกหนักๆ จนหัวที่บานออกของแท่งเนื้อผ่านสองแคมลงไปขอบแคมที่ตึงเปรี๊ยะฉีกขาดจน รู้สึกได้ ร่างน้อยเบื้องล่างสะท้อนเฮือกน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนไกรวิทย์ต้องหยุดการเคลื่อนไหวกระซิบถามอย่างห่วงใย..

"น้องรินทนไหวไหม ..จะให้พี่หยุดหรือเปล่า"

รินลดาสั่นหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ส่งเสียงรอดริมฝีปากที่ขบแน่นออกมาแผ่วเบา

"อย่าหยุดพี่เอ รินทนได้ พี่เอเข้ามา รินจะขอเป็นเมียพี่เอให้ได้วันนี้ "

ประสบการณ์ ทางเพศของไกรวิทย์แม้จะมีไม่มากนักแต่เด็กหนุ่มก็รู้โดยสัญชาติญานว่า ร่องหลืบที่แสนบริสุทธิ์ของรินลดายังไม่พร้อมที่จะรองรับการร่วมเพศอย่าง เต็มที่ ไกรวิทย์โหยงตัวขึ้นเพื่อเคลื่อนศีรษะมายังทรวงอกแรกผลิซุกแนบกับความเต่ง ตึง ปากเด็กหนุ่มไซร้ไปที่ยอดอกที่กำลังชูชันเลียไล้เม็ดสีชมพูน่ารักไปมาพร้อม กับขบฟันเบาๆ ร่างเด็กหญิงเริ่มบิดส่ายกับรสสัมผัสที่แปลกประหลาด แขนขวาพยายามผลักศรีษะเด็กหนุ่มให้ออกจากหน้าอกเต่ง แต่แขนซ้ายกับกดแนบแน่นยิ่งขึ้น ร่างนวลเนียนแอ่นขึ้นรับการดุนดันของลิ้นอย่างลืมตัว

"พี่เอ..พี่เอ..ทำอะไร อย่าดูด..ริน สะ เสียว.. "

แทน ที่ไกรวิทย์จะหยุดตามคำขอร้อง เด็กหนุ่มกลับเร่งเพิ่มแรงดูดนวลเนื้อหน้าอกให้มากขึ้น จนปลายยอดแข็งจัวราวกับก้อนกรวดเม็ดน้อย มืออีกข้างของเด็กหนุ่มเพิ่มการโจมตีหัวนมอีกข้าง สองนิ้วบี้คลึงไปมา จนร่างงามสั่นระริก บิดส่ายไปมาอย่างทุรนทุราย

"ริน ริน ไม่ไหวแล้วพี่เอ ริน ริน ช่วยรินด้วย "

สอง แขนเด็กหญิงไขว่คว้าร่างกายไกรวิทย์ สะโพกน้อยๆ ส่ายเป็นวงอย่างลืมตัวยิ่งเพิ่มการสัมผัสของท่อนลำกับเม็เสียวเบื้องล่าง ไกรวิทย์รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของแท่งเนื้อที่เพิ่มขึ้นจากการบิดส่ายสะโพก และน้ำรักที่เริ่มเอ่อซึมออกมาอีกครั้ง แก่นกายขนาด 5 นิ้วเริ่มจมลงไปอย่างช้าๆ จนกระทบกับปราการสุดท้ายของพรหมจารีย์รินลดา ไกรวิทย์ขยับสะโพกขึ้นลงช้าๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย จนสะโพกรินลดาเริ่มแอ่นตัวตามการกระเด้าสั้นๆ เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนตัดสินใจกดอาวุธคู่กายฉีกผ่านเยื่อพรหมจรรย์ ลงไปฝังตัวมิดอยู่ในความรัดรึงฟิตแน่นของเด็กหญิงวัย 12 รินลดาอ้าปากกว้าง ใบหน้าเด็กหญิงบ่งถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ไกรวิทย์รีบประกบปากปิดกั้นเสียงร้องเอาไว้แน่น แท่งเนื้อฝังตัวมิดอยู่ในการตอดรัดที่คับแน่นเกินกว่าหญิงใดที่เคยไกรวิทย์ เคยมีประสบการณ์มาก่อน มันเสียวจนแทบกลั้นการทะลักทะลายไม่ได้ เด็กหนุ่มตระหนักในทันทีว่าบัดนี้เด็กหญิงเพื่อนเล่นที่เคยเป็นเสมือนน้อง สาวแท้ ได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นภรรยาของตนเองโดยสมบูรณ์แล้ว ไกรวิทย์ฝังแท่งเนื้อเอาไว้โดยไม่เคลื่อนไหว ก้มหน้าลงกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูรินลดา

"น้องริน เป็นเมียพี่แล้วนะ "

รินลดาลืมตาขึ้น ดวงตาที่ยังมีน้ำตาเอ่อล้น พยายามยิ้มให้ผู้เป็นสามี

"มันเข้าไปหมดหรือยังพี่เอ... "

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ รินลดาส่งเสียงแผ่วเบา

"นี่เสร็จแล้วหรือพี่เอ รินยังรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับยังไปไม่ถึงที่หมายเลย "

ไกรวิทย์หัวเราะเบาๆ

"ยังหรอกน้องริน แต่ต่อจากนี้ไปจะมีแต่ความสุขแล้วล่ะ "

ท่อน ล่างไกรวิทย์เริ่มขยับขึ้นแล้วกดลงช้าๆ รินลดาสูดปาดเบาๆเมื่อรอบฉีกขาดขาดของเนินเนื้อเบื้องล่างถูกเสียดสี ขณะที่ไกรวิทย์เริ่มเพิ่มระยะทางกระเด้ามาขึ้นทีละน้อย ความคุ้นเคยกับการสัมผัสเริ่มเกิดขึ้นกับเด็กหญิงแล้วเปลี่ยนเป็นความเสียว ซ่านทีละน้อย ก่อตัวขึ้นจนเริ่มกลบความเจ็บปวด เม็ดเสียวเบื้องล่างถูกเสียดสีต่อเนื่องร่างเด็กหญิงเริ่มบิดว่ายไปมาสะโพก แอ่นตัวขึ้นลงตามการกระเด้าของไกรวิทย์

"พี่เอ..พี่เอ...เร็วอีกนิด รินเป็นอะไรไม่รู้ มันจี๊ดไปหมดแล้ว.. "

"น้องรินกำลังเสียว ...ของน้องรินเยี่ยมที่สุดเลย ทั้งตอดทั้งดูด "

ไกร วิทย์ตอบด้วยเสียงหอบกระเส่า ร่องหลืบภายในของรินลดาบีบรัดแท่งเนื้อราวกับจะบดขยี้ให้สายตัวไป ความเสียวก่อตัวมารวมกันที่ปลายแท่งเนื้ออย่างรวดเร็ว

รินลดา รู้สึกเหมือนพลุที่กำลังไต่ขึ้นสู่ท้องฟ้า แก่นกายของไกรวิทย์เพิ่มความเร็วจนกลายเป็นความเคลื่อนไหวถี่ยิบ เสียงเนินนูนกระทบกับเนินหัวเหน่าดังเป็นจังหวะ พร้อมเสียงเสียดสีของกลีบเนื้อกับท่อนลำ ความเจ็บปวดจางหายไปจากประสาทรับรู้ ความเสียวที่คล้ายกับการถึงสุดยอดด้วยนิ้วเมื่อครู่เริ่มก่อตัวขึ้น ด้วยความรุนแรงกว่าเป็นสิบเท่าร่างเด็กหญิงสั่นสะท้านทั่วร่างกล้ามเนื้อทุก ส่วนสั่นระริก

"พี่เอ...อ๊าวส์...ริน...มัน..โอ๊วส์.. "
พร้อม กับที่รินลดาไต่ขึ้นสู่จุดสุดยอดอย่างสมบูรณ์ ความเสียวที่ปลายแท่งเนื้อไกรวิทย์ก็ระเบิดออกน้ำรักขาวขุ่นพรั่งพรูเข้าสู่ โพรงมดลูกที่ตอดรับถี่ยิบอย่างรุนแรง ความเสียวซ่านพุ่งออกมาระลอกแล้วระลอกเล่าราวกับไม่มีสิ้นสุด

"ริน...พี่ก็...อาวววว "

ร่าง เปลือยเปล่าสองร่างกอดรัดกันแนบแน่นริมฝีปากทั้งคู่จูบกันอย่างหิวกระหาย ในใจของทั้งสองซึมซับรับประสบการณ์ทางเพศที่หล่อหลอมให้ชายหญิงเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

"พี่เอของริน...รินรักพี่เอเหลือเกิน "

เด็กหญิงพร่ำส่งเสียงข้างหูของชายคนแรกในชีวิตราวกับต้องการให้คำพูดนั้นตราตรึงไปในหัวใจของไกรวิทย์ตลอดกาล

"พี่ก็รักรินที่สุด รินเป็นเมียพี่แล้ว พี่จะดูแลรินตลอดไป "

ไกร วิทย์ยันร่างขึ้นเพื่อซึมซับภาพร่างเปลือยของเด็กหญิงเบื้องล่างไว้ในความ ทรงจำ แต่ก่อนที่ดวงตาของเด็กหนุ่มจะปรับรับภาพของคนรักให้ชัดเจน แสงสว่างจ้าก็วูบเข้ามาในสมองพร้อมความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่ไกรวิทย์จะสิ้นสติ....ศิลาปฎิสาร The Paradox 1.3 รสของความแค้น

พุทธศักราช 2520


ไกร วิทย์รู้สึกตัวขึ้นท่ามกลางความมืดมิด สัมผัสรอบข้างเย็นยะเยือก รอบกายถูกห่อหุ้มไว้ด้วยวัตถุยืดหยุ่นหนาหนัก ความเจ็บปวดที่ศีรษะกลับปะทุขึ้นมาจนร่างกายสะดุ้งสุดตัว สองแขนพยายามไขว่คล้าหาที่ยึดเหนี่ยวร่างกายขึ้นนั่ง ทันใดนั้นเด็กหนุ่มได้ยินเสียงร้องลั่นของผู้ชายที่แสดงถึงความตกใจสุดขีด พร้อมกับเสียงห้ามปรามและเสียงอุทานเซ็งแซ่อยู่โดยรอบ ก่อนที่ไกรวิทย์จะรับรู้สิ่งอื่น เบื้องหน้าก็ปรากฏรอยแยกของแสงสว่างทำลายความมืดที่ครอบคลุมร่าง ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยสองสามใบหน้าปรากฏอยู่ในสายตาที่ลางเลือน

" เร็ว รีบตามอาจารย์หมอมาเร็ว คนนี้ยังไม่ตาย "

" เป็นไปได้ยังไง หัวใจไม่ทำงานมาวันนึงแล้วนะ "

" อย่าเพิ่งสงสัยรีบเอาออกมาเร็วๆ เข้า "

เสียง รอบข้างดังขึ้นจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ความเจ็บปวดที่ระดมโจมตีสมองทำให้ไกรวิทย์ไม่สมาารถจับความหมายของคำพูด ได้ มโนภาพปรากฏเพียงร่างของเด็กหญิงผู้เป็นที่รัก..ริมฝีปากแห้งผากของเด็ก หนุ่มเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา ก่อนที่สติรับรู้จะจางหายไปอีกครั้ง...

"น้องริน "

---------------------------------

"ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว เป็นไงบ้างลูก "

เสียง ที่แสนคุ้นเคย ดังขึ้นพร้อมกับดวงตาของไกรวิทย์ค่อยๆ เปิดกว้าง ภาพของอรอุมาที่นั่งอยู่ขอบเตียงกุมมือของชายหนุ่มไว้แน่น พร้อมดวงตาที่เป็นประกายด้วยน้ำตา เป็นภาพแรกที่ปรากฏขึ้นแก่สายตาของไกรวิทย์ มือนุ่มนวลเอื้อมมาลูบศีรษะอย่างห่วงใย ทำให้ไกรวิทย์รู้สึกได้ถึงผ้าพันแผลที่ปกคลุมศรีษะเอาไว้แน่นหนา สายตาเด็กหนุ่มค่อยๆ ปรับตัวรับภาพรอบข้างทีละน้อย ภาพของมารดาที่ห่วงใยค่อยชัดขึ้น พร้อมกับภาพของพ่อเลี้ยงไกรสร ที่ยืนอยู่ด้านหลัง โดยมีร่างของ จ่าสิบตำรวจตรีแม้นวงศ์ และชายชราที่เด็กหนุ่มจำได้ได้ทันทีว่าคือครูคำแปงผู้ถ่ายทอดวิชามวยคชสีห์ ให้มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ก่อนที่เด็กหนุ่มจะสามารถเอ่ยคำพูดใดๆ ร่างในชุดขาวจำนวนมากก็กรูกันเข้ามาจากประตู แล้วเริ่มตรวจสอบวัดค่าต่างๆ ของเครื่องมือแพทย์ที่รายล้อมอยู่รอบเตียง

"คุณพ่อ คุณแม่ ผมอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น น้องรินอยู่ไหน"

ไกรวิทย์ส่งเสียงถามออกมาแผ่วเบา ไกรสรรีบก้าวมาประชิดเตียงผู้ป่วย จับมือบุตรชายคนเดียวของตระกูลคชสีห์ไว้แน่น

" เออยู่ที่โรงพยาบาล อย่าเพิ่งถามอะไรนะลูก ตอนนี้เอปลอดภัยแล้ว พักรักษาตัวให้แข็งแรงเสียก่อน "

ไกร วิทย์สั่นหน้า พยายามยันร่างขึ้นนั่ง อรอุมาหันไปสบตาแพทย์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง และเข้าช่วยประคองเมื่อได้รับสัญญานพยักหน้าจากผู้เป็นเจ้าของไข้

"เท่าที่ดูจากอาการ ผมคิดว่าคุณไกรวิทย์ไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ แต่คงต้องพักผ่อนอีกสัก 3-4 วันก่อนที่จะกลับบ้านได้ "

เสียง นายแพทย์ที่ยืนดูชาร์ทผู้ป่วยเอ่ยขึ้นกับไกรสร อรอุมายิ้มให้บุตรชายอย่างโล่งใจ ลูบศีรษะที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าพันแผลอย่างห่วงใย..ขณะที่พยาบาลแทงเข็มเข้า เส้นเลือดที่แขนของเด็กหนุ่มแล้วเดินยาเข้าสู่กระแสเลือด นายแพทย์ยิ้มให้ไกรวิทย์ แล้วพยักหน้าให้กับพยาบาลก่อนพากันกลับออกไปจากห้อง

"เอพักผ่อนให้มากๆ นะ แม่เป็นห่วงเอเหลือเกิน "

ไกรวิทย์เอื้อมมือไปกุมมือมารดาไว้แน่น พยายามส่งเสียงถาม

"เกิดอะไรขึ้นกับผมครับแม่ แล้วน้องพิมอยู่ที่ไหน ผมจำได้ว่าอยู่กับน้องพิม แล้วก็มี... "

อรอุมายกมือขึ้นกดปากบุตรชายไว้ เอ่ยปรามเบาๆ..

"อย่าเพิ่งถาม เอพักผ่อนให้มากๆ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย "

"แล้วน้องริน...น้องรินอยุ่ที่ไหน ผมจะ.."

ไกร วิทย์พยายามส่งเสียงถาม ขณะที่ฤทธิ์ยาเริ่มเข้าครอบคลุมประสาทรับรู้ นับตาเด็กหนุ่มปิดลง ร่างเอนกลับไปในท่านอนโดยมีไกรสรและอรอุมาช่วยกันประคอง อรอุมาหันไปสบตาสามี

"ถ้าเอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูริน จะทนรับได้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะท่านพี่ "

ดวงตาไกรสรทอประกายโกรธแค้นเจิดจ้าขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของอรอุมา ริมฝีปากกดแน่นก่อนเค้นเสียงออกมาอย่างดุดัน

"พี่สาบานว่าพี่จะตามล่ามันจนถึงที่สุด.คนที่ทำกับตาเอและหนูรินแบบนี้ จะต้องไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แม้นไปกับข้าเดี๋ยวนี้"

ไกรสรหันไปสั่งคนสนิท แล้วหันกลับไปจากห้อง อรอุมาหันหาร่างผู้เฒ่าที่เผ้าดูเหตุการณ์ณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ

"เอถูกทำร้ายได้ยังไงกัน พ่อครู..ท่านพี่เคยบอกอรว่าไม่มีใครทำร้ายผู้สำเร็จวิชามวยคชสีห์ได้ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง "

ผู้เฒ่าพยักหน้ารับคำพูดของอรอุมา

"เป็น ความจริงแม่หญิง แต่ปราณของมวยคชสีห์จะหยุดการหมุนเวียนปกป้องร่างกายชั่วคราว หากเกิดการร่วมประเวณี ข้าเชื่อว่าเอกับหนูรินคงจะมีความสัมพันธ์พันธ์ทางกายที่ริมห้วยนั่น จนเป็นโอกาสให้มันผู้นั้นฉวยเข้าทำร้ายหลังจากการหลั่งปราณชีวิตของเอ ข้ามั่นใจว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ ผู้นั้นต้องรู้ถึงข้อจำกัดของปราณคชสีห์ และคอยทำร้ายในจังหวะเดียวที่เป็นไปได้ "

ใบหน้าอรอุมาซีดเผือก..

"ใน เชียงใหม่ ไม่มีใครรู้จักที่มาของมวยคชสีห์ไม่ใช่หรือพ่อครู มีแต่บุคคลในตระกูลข้าและพ่อครูเท่านั้น ที่รับถ่ายทอดมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรจาม "

ครูมวยผู้เฒ่าพยักหน้า

"แม่หญิงกล่าวถูกต้อง ข้าจึงสงสัยว่าน่าจะมีศัตรูของตระกูลคชสีห์แอบแฝงมาก่อการครั้งนี้ "

" โธ่ ตาเอของแม่ "

อรอุมากลั้นสะอื้น ใบหน้างามเนืองนองด้วยน้ำตาขณะลูบไล้ใบหน้าบุตรชาย ขณะที่ชายชราลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ

-------------------------
....1 เดือนต่อมา..

ใต้ ต้นรังใหญ่ริมลำห้วยอันเป็นสถานที่ซึ่งทุกสิ่งเกิดขึ้น ไกรวิทย์นั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ริมลำห้วย สายตาเด็กหนุ่มจับจ้องวัตถุที่กำไว้ในมือ มันคือกรอบแว่นตาพลาสติคกลมสีแดง ที่เคยถูกสวมใส่โดยเด็กหญิงผู้เป็นเจ้าของหัวใจ แต่บัดนี้สิ่งที่เป็นรินลดาหลงเหลือแต่เพียงกรอบแว่นสายตาที่เล็นส์ข้าง หนึ่งแตกเป็นรอยร้าวเท่านั้น คำพูดของ จ.ส.ต.แม้นวงศ์ ที่บอกเล่าสิ่งที่พบเห็นดังขึ้นในสมองของเด็กหนุ่ม

"ผมตามมาเจอคุณเอ นอนนิ่งอยู่ที่โคนต้นไม้ ข้างศพหนูริน ที่ถูกแทงตรงหัวใจ อวัยวะเพศถูกตัดคว้านออกไปทั้งหมด ทีแรกผมคิดว่าคุณเอเสียชีวิตไปแล้ว เลยรีบไปแจ้งให้ตำรวจมาตรวจสถานที่และนำคุณเอกับหนูรินไปชัณสูตร แต่คุณเอฟื้นขึ้นมาก่อนเลยถูกส่งไปที่โรงพยาบาล ส่วนศพหนูรินคุณจักแก้วท่านมารับไปบำเพ็ยกุศลและเผาไปหมดแล้วระหว่างที่คุณ เอไม่ได้สติในโรงพยาบาล 2 อาทิตย์ ตอนนี้พ่อเลี้ยงจักรแก้วกับครอบครัวย้ายออกจากหมู่บ้านไปแล้วครับ"

ไกร วิทย์ละสายตาจากกรอบแว่น หันไปถาม จ.ต.ต.แม้นวงศ์ ที่ตามมาคอยดูแล เมื่อเด็กหนุ่มแข้งความต้องการที่จะมายังสถานที่เกิดเหตุเมื่อเช้าที่ผ่านมา

"ตำรวจยังไม่ได้ร่องรอยไอ้คนที่ทำเลยหรือน้าแม้น "

เสียงของเด็กหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความแค้น แววตากร้าวจนอดีตตำรวจต้องก้มหน้าลง ก่อนส่ายหน้าตอบเบาๆ

"ผม ถามเพื่อนๆ ที่สถานีทุกคนแล้ว เขาบอกว่าไม่มีหลักฐานที่โยงไปถึงตัวผู้ต้องสงสัยเลย และตั้งสมมุติฐานว่าอาจเป็นฝีมือของพวกโจรฮ่อที่บังเอิญขนยาเสพติดผ่านเส้น ทางนี้เพื่อหนีการจับกุม แต่ยังไงพวกนั้นก็ยังพยายามสืบหาเต็มที่ครับ "

" แว่นตาที่น้าแม้นเอามาคืนผมอันนี้ น้าแม้นจำได้ไหมว่าเก็บมาจากตรงไหน "

ไกรวิทย์ถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความโกรธคนรู้สึกได้ แม้นวงศ์กลืนน้ำลาย ก่อนชี้ไปที่ลำห้วยตรงหน้า

" แว่นตาของหนูรินตกไปอยู่ในน้ำตรงนี้ครับ "

ไกร วิทย์เดินไปยังจุดที่แม้นวงศ์ชี้ ทรุดตัวลงจ้องไปยังลำธารเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย เสียงกระแอมดังขึ้นเบื้องหลังทำให้เด็กหนุ่มหันหน้ามายังแม้นวงศ์ที่มีสี หน้าราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่าง

"น้าแม้นมีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า "

แม้น วงศ์ถอนใจเบาๆ ก่อนแบมือให้เด็กหนุ่มดูวัตถุที่อยู่ในฝ่ามือ มันเป็นลูกกลมสีดำสองลูกขนาดเส่นฝ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตรขนาดเท่ากัน ผิวของลูกกลมทั้งสองเรียบรื่น จนเห็นร่องรอบของการเจาะรูผ่านลุกกลมทั้งสองลูก

"อะไรน่ะ น้าแม้น เมหือนเป็นเม็ดประคำใช่ไหม "

แม้นวงศ์พยักหน้าขณะที่ปล่อยให้ไกรวิทย์หยิบเม็ดลูกประคำทั้งสองไปพิจารณา

"ผม เจอเม็ดนึงตกอยู่ในน้ำใกล้แว่นตาของหนูริน และเมื่อกลับมาตรวจละเอียดอีกครั้งเมื่อกี้นี้ ก็เจออีกเม็ดที่โพรงโคนต้นรัง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเป้นของที่คนร้ายทำตกไว้หรือเปล่า เลยอยากให้คุณเอได้เห็นก่อนที่จะเอาไปให้ตำรวจ"

น้าหนักของลูกประคำ กระทบฝ่ามือไกรวิทย์ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่ามันมีน้ำหนักมากกว่าที่ควรจะ เป็นสำหรับลูกประคำที่โดยทั่วไปทำมาจากไม้กลึง หรือดินเผา เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็พบรอยประทับเล็กๆเป็นรูปวงกลมล้อมรอบสัญลักษณ์นา ซีปรากฏลึกอยู่ผิวของเม็ดประคำทั้งสองลูก แม้นวงศ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ตำรวจในฐานะผู้นิยมสะสมพระเครื่องเอ่ย ขึ้นเบาๆ เมื่อพบว่านายน้อยเบื้องหน้ามีท่าทีแปลกใจกับน้ำหนักและรอยสลักที่ปรากฏ

"นี่ ไม่ใช่เม็ดประคำของไทยครับ แต่น่าจะเป็นของที่ทำมาจากภาคเหนือของพม่า อาจจะเป็นธิเบต เพราะทางนั้นนิยมใช้ดินที่มีส่วนผสมของแร่เหล็กในการทำลูกประคำ ส่วนสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนเครื่องหมายนาซีนั้นสวัสดิกะนั้น เป็นเครื่องหมายแห่งมงคลตามความเชื่อของนิกายตันตระแห่งธิเบต ไม่ใช้สัญลักษณ์นาซีอย่างที่พวกข้าเข้าใจกัน"

"ธิเบต ตันตระ... "

ไกรวิทย์พึมพำขึ้นราวกับจะทบทวนความจำ ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองของเด็กหนุ่มก็เบิกกว้างส่งเสียงอุทานออกมา

"น้าแม้น..นี่มันของจั๋วกองคำสึ่งตึงใช่ไหม "

สมอง ของไกรวิทย์ปรากฏภาพชายหนุ่มหน้าตาดีผิวพรรณขาวละเอียดราวสตรีบุตรชายของพ่อ เลี้ยงคำพงษ์ ที่มีบ้านพักเป็นเรือนไทยล้านนาขนาดใหญ่ห่างจากหมู่บ้านออกไป 1 กิโลเมตร จั๋วกองคำประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่บวชเณร จนเกิดอาการทางประสาทเชื่อว่าตนเองเป็นพระลามะจากธิเบตที่กลับมาเกิด ทำให้ลาสิขาบทออกมานั่งภาวนาตามแนวทางมหายานอยู่ภายในบ้านพักโดยไม่พบปะผู้ คน แต่บางครั้งชายหนุ่มก็เกิดอาการคุ้มคลั่ง ออกจากบ้านมาเดินภาวนานับลูกประคำในทีชุมชนโดยไม่มีเสื่อผ้าปกปิดร่างกาย ทำให้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันของคนทั่วไป และทำให้พ่อเลี้ยงคำพงษ์อับอายจน ต้องปลูกบ้านขนาดเล็กซุกซ่อนไว้เป็นที่อยู่เฉพาะของกองคำเพื่อป้องกันมิให้ บุตรชายอาละวาดกับบุคคลในครอบครัว แต่กองคำก็ยังสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมออกมาในชุมชนได้เสมอ จนเป็นภาพที่ชินตาเมื่อเห็นแก้วคำน้องสาววัย 14 ของกองคำต้องออกมาบังคับให้พี่ชายกลับไปสู่บ้านพัก บ่อยครั้งที่ไกรวิทย์เองก็ได้ยินเสียงวิจารณ์ของชาวบ้านถึงความเสียดายหน้า ตาที่งดงามราวสตรีของกองคำ รวมทั้งแก้วคำน้องสาวที่เรียนอยู่ชั้น ม.ศ.2 ในโรงเรียนเดียวกันกับไกรวิทย์ เด็กสาววัย 14 ที่มีใบหน้าอ่อนหวานที่ถอดพิมพ์มาจากกองคำ ผิวกายข่าวผ่องและรูปร่างอวบอิ่มแบบหญิงชาวล้านนา ทำให้เด็กหญิงได้รับความสนใจจากเด็กหนุ่มแทบทั้งโรงเรียน แต่เมื่อเด็กชายเหล่านั้นได้รับรู้ถึงความผิดปกติของพี่ชายเด็กหญิงที่ถูก ชาวล้านเรียกหาว่า "จั๋วกองคำสึ่งตึง" ซึ่งเป็นภาษาพื้นเมืองภาคเหนือที่หมายถึงคนบ้า เด็กหนุ่มเหล่านั้นก็ถอยห่างไม่กล้าเข้าทำความรู้จัก รวมทั้งเด็กหญิงวัยเดียวกันในชั้นเรียนก็พยายามถอยห่างแก้วคำ จนทำให้เด็กหญิงเป็นคนไม่มีเพื่อนและหลบไปอยู่คนเดียวที่ห้องสมุดแทบทุกวัน

ดวงตาของอดีตตำรวจตะเวนชายแดนเบิกกว้าง เมื่อได้ยินไกรวิทย์เอ่ยชื่อของกองคำ

"ทำไม ผมถึงนึกไม่ถึง ใช่แล้วล่ะคุณเอ ลูกปะคำนี้ต้องเป็นของไอ้กองคำแน่ๆ เดี๋ยวผมจะไปแจ้งเรื่องนี้กับเพื่อนผม ลากตัวไอ้กองคำมาสอบสวนให้มันสารภาพให้ได้ "

ไกรวิทย์เอื้อมมือไปฉุดร่างแม้นวงศ์ที่ทำท่าจะหันกลับไปยังยานพาหนะ

"น้าแม้น ผมขอร้อง อย่าเพิ่งบอกใคร ขอเวลาผมหาหลักฐานสักสองสามวันก่อนนะ"

แม้น วงศ์สบตาเด็กหนุ่มเบื้องหน้า อดีตตำรวจชายแดนอดรู้สึกสั่นสะท้านไม่ได้เมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวที่เปี่ยม แววอาฆาตแค้นของเด็กหนุ่ม และรับรู้ถึงความหมายของคำว่า "หาหลักฐาน" ที่ไกรวิทย์หมายถึงนั้นคืออะไร

-----------------------

ร่าง สูงโปร่งในชุดสีดำหยุดอยู่ข้างรั้วไม้ขัดด้านข้างของบ้านพ่อเลี้ยงคำพงษ์ แสงจันทร์ในคืนแรม 14 ค่ำริบหรี่ จนทำให้ร่างในชุดสีดำนั้นสามารถยกตัวข้ามผ่านรั่วโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น เสียงตีเกราะ 1 ครั้งของยามในหมู่บ้านที่ห่างออกไปดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด บอกเวลาตีหนึ่ง อากาศรอบกายเย็นเยียบจนลมหายใจส่งควันหมอกออกมาเป็นสาย เงาร่างสีดำเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบมุ่งหน้าไปยังด้านหลังของเรือนพักทรง ล้านนาโบราณที่ตะคุ่มอยู่ในความมืด ไปยังบ้านชั้นเดียวขนาดเล็กที่ซุกตัวอยู่ห่างออกไปกว่า 100 เมตร ร่างนั้นชะงักนิดชั่วครู่เมื่อพบว่าหน้าต่างกระจกที่มีม่านปิดกั้นมีแสงไฟ สลัวของตะเกียงลอดออกมา เป็นสัญญานบอกให้รู้ว่าผู้พักอาศัยในบ้านหลังนี้ยังไม่เข้าสู่นิทราดังเช่น คนทั่วไป เงาร่างสีดำแนบตัวเข้ากับผนังบ้าน แสงเรืองๆ ที่รอดออกมาจากหน้าต่างที่ส่องออกมากระทบเผยให้เห็นใบหน้าของไกรวิทย์ ที่กำลังฟังเสียงที่เกิดขึ้นภายในห้อง เสียงหอบกระชั้นเบาๆ ราวกับเจ้าของเสียงกำลังได้รับความทรมาน ดังกระทบหูของเด็กหนุ่มที่แนบกับผนังบ้าน แต่ไม่ปรากฏเสียงของการสนทนาใดๆให้จับความได้ เด็กหนุ่มเคลื่อนกายมาที่ประตูทางเข้าเพื่อหมุนลูกบิดประตูช้าๆ และเมื่อพบว่ามันล๊อค เด็กหนุ่มหยิบแผ่นพลาสติคแข็งบางออกจากกระเป้าเสื้อสอดเข้าไปในช่องว่างของ ประตู เพียงลากหนักๆครั้งเดียว ตามวิธีซึ่งแม้นวงศ์เคยสอนให้ บานประตูก็ขยับตัวเปิดออกโดยปราศจากเสียง

ไกรวิทย์สอดร่างผ่านช่อง ว่างของประตูเข้าสู่ภายในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว สายตาที่ชินกับความมืดทำให้เห็นว่ามันเป็นบ้านที่แทบปราศจากเครื่องเรือนใดๆ มีเพียงโต๊ะเก้าอี้ขนาดเล็กตั้งอยู่ที่กลางห้องและตู้กระจกขนาดใหญ่กิน พื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของผนัง แม้จะอยู่ในความมือแต่สายตาไกรวิทย์ก็ยังเห้นว่าตู้ใบนั้นบรรจุหนังสือไว้ แน่นทุกชั้น สายตาเด็กหนุ่มจับจ้องไปที่ประตูห้องเล็กที่เชื่อมติดกับห้องกลาง มีประตูสองบานและทั้งสองบานล้วนมีแสงสว่างเรืองๆ รอดออกมาทางช่องว่างใต้ขอบประตู ใจของไกรวิทย์เต้นแรงเมื่อรับรู้ว่ามีผู้อยู่ในบ้านหลังนี้มากกว่า 1 คนต่างจากที่คาดเอาไว้ว่าจะมีแต่เพียงกองคำเพียงคนเดียว

เสียงน้ำ กระทบพื้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้ไกรวิทย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อรู้ว่าห้องที่ติดกันเป็นห้องน้ำ บางทีกองคำกำลังอาบน้ำชำระร่างกายก่อนที่จะเข้านอน เด็กหนุ่มขยับร่างไปซุกร่างที่ด้านข้างของตู้อย่างเงียบเชียบเพื่อรอจังหวะ ที่กองคำจะออกมาจากห้องน้ำ

เสียงน้ำเงียบลง พร้อมเสียงบิดลุกบิดประตูดังแกร็ก แต่ก่อนที่ไกรวิทย์จะขยับตัวออกจากที่ซ่อน ร่างที่ปรากฏอยู่หน้าห้องน้ำกลับเป็นร่างของเด็กหญิงที่ห่อร่างด้วยผ้าขนหนู ผืนใหญ่ แสงตะเกียงวับแวมจากภายในห้องน้ำส่องกระทบร่างนั้นจนเกิดประกายของหยดน้ำ เรืองรองท่ามกลางความมืด ผ้าเช็ดตัวผืนสั้นเต่อที่ห่อหุ้มหน้าอกอวบพุ่งตระหง่าน ทำให้ชายผ้ายิ่งรั้งตัวสูงจนแก้มก้นขาวเนียนปรากฏออกมากว่าครึ่ง ใบหน้างดงามหันข้างมากระทบแสงตะเกียงทำให้ไกรวิทย์จำได้ทันทีว่านี่เป็นร่าง ของแก้วคำ เด็กหญิงผู้เงียบขรึมในโรงเรียน

ร่างอวบอิ่มของเด็กหญิง เดินออกจากห้องน้ำเดินตรงไปยังประตูห้องด้านข้าง ไกรวิทย์ถอนหายใจเมื่อพบว่าตนเองกลับเข้ามายังบ้านของแก้วคำแทนที่จะเป็นกอง คำ แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะลุกขึ้นจากที่ซ่อนเพื่อออกไปจากบ้าน เสียงนุ่มนวลที่แฝงอำนาจของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นกระทบหู

"มาแล้วหรือ ทำไมอาบน้ำนานนัก "

เสียงหวานใสแต่เบาจนแทบไม่ได้ยินดังขึ้นตามมา

"วันนี้อากาศร้อน แก้วอาบน้ำนานไปหน่อย ท่านพี่อย่าโกรธแก้วนะ "

เสียงหัวข้าะเบาๆ ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงแผ่วต่ำ

"งั้นก็รีบเข้ามา ดึกแล้ว "

ไกร วิทย์ขยับร่างมายังประตูห้องที่แก้วคำเข้าไป เด็กหญิงเพียงแต่ดึงประตูให้ปิดลงอย่างลวกๆ โดยไม่ได้ปิดล๊อค ทำให้ยังคงมีช่องว่างสำหรับสายตาไกรวิทย์มองเข้าไปภายในได้ ภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากไว้แน่นเพื่อป้องกันมิให้เสียงอุทาน หลุดออกมา

บนเตียงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ชิดผนังห้อง ร่างเปลือยของแก้วคำคุกเข่า คร่อมส่วนขาของชายหนุ่มวัย 20 เศษที่นอนหงายเปลือยร่างประสานมือกับท้ายทอยจับจ้องสายตามายังเรือนร่าง เปลือยงดงามเบื้องหน้า อวัยวะเพศขนาดใหญ่แข็งตัวชูชันอยู่ในมือของเด็กหญิง ที่กำลังก้มหน้าไปไล้เลียแท่งเนื้ออย่างทะนุถนอม สะโพกอวบกลมยกตัวขึ้นเมื่อเจ้าของร่างก้มศีรษะลงไปเพื่ออ้าปากอมอวัยวะนั้น เข้าไปทั้งหมด เด็กหญิงขยับศรีษะขึ้นลงอย่างช้าๆ พร้อมรูดท่อนเนื้อที่อยู่ปากให้สัมผัสกับความอ่อนนุ่มในช่องปาก เสียงครางของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างพึงพอใจ

"อืมห์ ดีมาก แก้วเก่งขึ้นมากเลยนะ เดี๋ยวนี้ฟันไม่ครูดควยของพี่แล้ว เสียวดีจริงๆ "

เด็กหญิงปลดปล่อยแท่งเนื้อออกจากปาก ยิ้มให้ชายหนุ่มเบื้องหน้า

"ขอให้พี่กองคำมีความสุข แก้วก็พร้อมจะทำให้พี่ "

เด็ก หญิงตอบแล้วกลับอ้าปากกลืนแท่งเนื้อกลับเข้าไปอีกครั้ง ขณะที่ไกรวิทย์นิ่งไปด้วยความตกตะลึงเมื่อรับรู้ความสัมพันธ์ลับของสองพี่ น้อง สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องไปที่ใบหน้าของกองคำที่ไม่ปรากฏร่องรอยของอาการ วิกลจริตที่เคยพบเห็นเป็นประจำอีกต่อไป ใบหน้าที่งดงามราวสตรีหลับตาพริ้มด้วยความเสียวที่เกิดขึ้นจากแรงดูดของปาก แก้วคำเบื้องล่าง สองมือเปลี่ยนจากการประสานหนุนศีรษะ มายังทรวงอกอวบอิ่มขนาดผลแอปเปิลขนาดใหญ่ ที่แม้จะอยู่ในอาการก้มตัวก็ยังไม่หย่อนตัวลงตามแรงดึงดูด สองมือกองคำกุมหน้าอกทั้งสองไว้เต็มมือ ออกแรงบี้เคล้นอย่างแรงจนหน้าอกอวบบิดเบี้ยวไปตามแรงเคล้น แต่เมื่อแรงบีบคลายตัว หน้าอกงามทั้งคู่ก็ดีดกลับสู่สภาพเดิมทันที แสดงให้เห็นถึงความเต่งตึงครัดเคร่งของวัยสาว 14 อย่างเต็มที่ หัวนมเม็ดเล็กสีแดงจัดชูชันเป็นไต เต้นระริกอยู่ท่ามกลางแสงตะเกียง สายตาไกรวิทย์เลือนมาสู่สะโพกกลมอวบอิ่มที่ยกตัวสูง ลำขาอวบแน่นแยกตัวออกเล็กน้อย เผยให้เห็นโคกนูนที่สองแคมเบียดตัวออกมาทางด้านหลัง แม้จะอยู่ในเงาจากแสงตะเกียง แต่ก็ยังสามารถเห็นไรขนอ่อนที่ขึ้นเป็นแนวบางๆ รอบเนินนูนอย่างชัดเจน สองแคมเด็กหญิงเต้นระริกหยาดน้ำรักวัยสาวเอ่อล้นออกมาปกคลุมร่องหลืบที่ปิด สนิทราวกับไม่เคยมีสิ่งใดผ่านเข้าไปมาก่อน

สะโพกอวบของเด็กหญิง เริ่มบิดส่ายไปมาอย่างลืมตัวเมื่อมือของพี่ชายที่เคล้นคลึงหัวนมเปลี่ยนทิศ ทางมายังร่องหลืบฉ่ำเยิ้ม นิ้วเรียวยาวไล้ผ่านร่องอย่างทะนุถนอมก่อนแทรกผ่านน้ำรักจมลงไปจนมิดข้อนิ้ว แรก ร่างแก้วคำสะท้านเฮือก ปล่อยแท่งเนื้อในปากออก ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอกว้าง เสียงคราญครางกระเส่าดังกีะท่อนกระแท่น

"ทะ ท่านพี่..แก้ว สะ เสียวเหลือเกิน...จะ เข้าไปอีกได้ไหม..แก้วไม่ไหว..อ๊าส์ อย่าบี้ตรงนั้น.. "

นิ้ว กลางของชายหนุ่มหันมาบดขยี้เม็ดเสียวที่ไวต่อความรู้สึกของแก้วคำ จนเด็กหญิงต้องครางลั่นอย่างควบคุมไม่ได้ สองมือเกร็งบีบหน้าขาของผู้เป็นพี่ชายแน่น ขณะที่นิ้วชี้กองคำกระเด้าร่องหลืบน้อยถี่ยิบด้วยความลึกไม่เกิน 2 ข้อนิ้ว ใบหน้าหวานของแก้วคำสะบัดส่ายไปมาราวกับได้รับความเจ็บปวด แต่สะโพกเด็กหญิงขยับตัวรับการแทรกตัวของนิ้วมืออย่างลืมตัว ราวกับพยายามให้นิ้วนั้นกดลึกเข้าไปมากกว่า 2 ข้อ แต่ดูเหมือนผู้เป็นพี่ชายจะพยายามรักษาระดับความลึกไว้ไม่ไห้จมลงไปจนสุด น้ำรักไหลย้อยลงมาตามนิ้วกองคำราวกับกระแสน้ำตกจนชุ่มโชกลงมาถึงผ้าปูที่นอน เพียงนิ้วเรียวยาวขยับหมุนวนอีกไม่กี่ครั้งร่าง แก้วคำก็เกร็งตัวแอ่นไปด้านหน้า..

"ทะ ท่นพี่...แก้ว..ปะ ปะ ไปแล้ว.... "

เรือนร่างงามสั่นระริก ส่งเสียงหอบสะท้าน ก่อนฟุบร่างลงกับแผ่นอกของผู้เป็นพี่ชาย

"ทำไมพี่ไม่เย็ดแก้วเสียที แก้วต้องการมากพี่ก็รู้ "

เสียง แก้วคำดังขึ้นบนแผ่นอกพี่ชายในเชิงตัดพ้อ กองคำลูบไล้เรือนผมยาวสลวยของน้องสาวเบาๆ สายตกวาดผ่านรอยแตกประตูอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ไกรวิทย์สะดุ้งเล็กน้อย แต่ควบคุมสติไว้ได้เมื่อเห็นว่ากองคำกวาดสายตาไปรอบด้านโดยไม่มีจุดหมายใด พิเศษ

"พรหมจารีย์ของแก้วไม่ใช่ของพี่ พี่ทำได้แต่เพียงเตรียมแก้วให้พร้อมสำหรับท่านผู้นั้น พี่ไม่สามารถเย็ดแก้วได้แม้พี่จะต้องการน้องของพี่อย่างมากก็ตาม"

กองคำตอบคำถามน้องสาว ทำให้แก้วคำยันร่างขึ้นสบสายตาพี่ชายอย่างไม่พอใจ

"ท่านพี่ตอบอย่างนี้ทุกที แล้วเมื่อไหร่คนคนนั้นจะมาล่ะ "

กองคำยิ้มให้น้องสาว สายตาหันมาจับจ้องช่องว่างของประตู

"คงอีกไม่นานหรอก หรือเอ็งจะว่ายังไงไกรวิทย์"

ไกร วิทย์สะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินคำพูดของกองคำ ขณะที่ร่างเปลือยของแก้วคำสะดุ้งสุดตัว หันมามองที่ประตูอย่างตกใจสุดขีด สองมือเด็กหญิงคว้าผ้าห่มข้างตัวขึ้นมาปิดบังเรือนร่างอวบอัดขาวสล้าง สายตาของเด็กหญิงเบิกว้างเมื่อเห็นประตูห้องนอนเปิดออกช้าๆ พร้อมกับร่างเด็กหนุ่มในชุดดำเดินเข้ามาอย่างปราศจากความเกรงกลัว

" พี่เอ... "

เสียง แก้วคำร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าเบื้องหน้าคือรุ่นพี่ร่วมโรงเรียน ที่แม้จะไม่รู้จักกันแต่ชื่อเสียงของเด็กหนุ่มในฐานะนักเรียนเรียนดีเด่น และหน้าตาที่เป็นที่สนใจของเพศตรงข้าม ทำให้เด็กหญิงทราบชื่อของผู้บุกรุกได้ในทันที

"ทำไมเพิ่งมาล่ะไกรวิทย์ ข้ารอเอ็งมาหลายอาทิตย์แล้วนะ "

กองคำยันร่างขึ้นจากเตียง แล้วก้าวออกมาเผชิญหน้ากับไกรวิทย์ทั้งที่ยังเปลือยร่าง ไกรวิทย์สบตาชายหนุ่มเบื้องหน้าแน่วนิ่ง

"นายรู้ว่าเราจะมาได้อย่างไร "

กองคำ หันกายไปที่โต๊หัวเตียงก้มร่างลงหยิบสายสร้อยประคำขึ้นมาชูขึ้นเบื้องหน้า แล้วโยนให้ไกรวิทย์

"เอ็งมาตามหาสิ่งนี้ใช่ไหม "

ไกร วิทย์รับสายสร้อยมา เพียงชำเลืองมองแว่บเดียวเด็กหนุ่มก็รู้ว่าลักษณะของเม็ดประคำเป็นแบบเดียว กับเม็ดประคำที่เก็บได้ในสถานที่เกิดเหตุสูญเสียหญิงอันเป็นที่รักอย่างแน่ นอน นิ้วของเด็กหนุ่มเคลื่อนไปยังรอยต่อลูกประคำ พร้อมกับเสียงของกองคำดังขึ้น

"ไม่ต้องเสียเวลานับหรอก ข้าบอกให้ก็ได้ เส้นนี้มีอยู่ 106 ลูก ขาดไป 2 ลูก "

นัยน์ตาไกรวิทย์เบิกโพลง แค่นเสียงออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

"หมายความว่าอย่างไร มึงเกี่ยวข้องกับการตายของน้องรินยังไง "

กอง คำหัวเราะหึหึ กับสรรพนามเรียกหาที่เปลี่ยนไปของไกรวิทย์หึหึ ในลำคอ ใบหน้าที่ดูราวสตรีของเด็กหนุ่มดูสงบอย่างยิ่งต่างกับใบหน้าของชายวิกลจริต ที่ชาวบ้านเห็นกันชนชินตา ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นเสยผม และกล่าวคำพูดที่ทำให้ไกรวิทย์ต้องตกกตะลึง

"นี่เอ็งยังไม่รู้อีกหรือว่าข้านี่แหละเป็นคนข่มขืนและฆ่ารินลดา...เอ็งมาหาข้าเพราะเหตุนี้มิใช่หรือ "

เสียง อุทานของแก้วคำดังลั่นเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย ขณะที่ไกรวิทย์โผเข้าหาร่างชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างลืมตัว กำปั้นที่รวบรวมกำลังทั่วร่างของเด็กหนุ่มพุ่งอัดเข้าที่ใบหน้างดงามของกอง คำที่ยังคงยิ้มอย่างอ่อนหวาน พลันร่างชายหนุ่มก็พลิกไปทางด้านข้างราวมายากล ทำให้ไกรวิทย์เซถลาไปข้างหน้า ช่องท้องกลับกระทบกับเข่าของกองคำที่พุ่งขึ้นอัดอย่างแรงจนลมหายใจเด็กหนุ่ม ชะงักไปชั่วขณะ ร่างไกรวิทย์ทรุดลงงอกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ขณะที่กองคำก้าวเข้ามาจิกเส้นผมบังคับให้ไกรวิทย์เงยหน้าขึ้นสบตา

"มวย คชสีห์ที่ลือลั่นมีแต่นี้เองหรือไกรวิทย์ อาจารย์เอ็งไม่ได้บอกหรือว่าข้อห้ามของการใช้ปราณคชสีห์คือการระงับใจให้ เป็นสมาธิ รับรู้การเคลื่อนไหวของศัตรูจากกระแสปราณ เสียแรงที่เรียนวิชาชั้นสูงมาเป็นสิบปีจริงๆ"

ไกรวิทย์พยายามสูดลม หายใจระงับความเจ็บปวด ขาขวาปาดเป็นวงตัดข้อเท้ากองคำเบื้องหน้า บังคับให้ชายหนุ่มต้องปล่อยมือจากการจิกเส้นผม ปล่อยให้ไกรวิทย์ทรงกายขึ้นอีกครั้ง

"มึงเป็นใคร ทำไมต้องทำกับกูและน้องรินแบบนั้น "

กอง คำหันกายกลับไปที่เตียงอย่างไม่สนใจคำถามของไกรวิทย์ ชายหนุ่มทอดร่างลงนอนเหยียดยาวดึงผ้าห่มออกจากร่างเปลือยของน้องสาวโดยที่ แก้วคำไม่กล้าขัดขืน มือลูบคลำผิวเนื้อนวลเนียนของร่างเปลือยด้านข้างที่กำลังสั่นระริกด้วยความ ตกใจอย่างสบายอารมณ์

"ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น ท่านพี่เป็นคนฆ่าน้องรินลดาหรือ ท่านพี่ทำได้ยังไง.. "

แก้ว คำถามด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเบื้องหน้าถาโถมกดดันจนเด็กหญิงแทบไม่สามารถควบคุม สติได้ แต่ยังคงพยายามหาความกระจ่างจากพี่ชายผู้เป็นที่รัก

"มนุษย์จะรับรู้เหตุผลของเทวะได้อย่างไรกัน.พี่ไม่จำเป็นต้องอธิบายไม่ว่ากับแก้ว หรือเจ้าโง่คนนี้ "

ขาด คำกองคำยกมือขึ้นรับแรงเตะของไกรวิทย์ที่ทะยานเข้าใส่ เด็กหนุ่มระงับสติที่เปี่ยมไปด้วยความแค้น ผนึกปราณกับท่อนขาเพื่อโจมตีผู้ที่นั่งอยู่บนเตียง เสียงท่อนขาแหวกอากาศเข้ากระทบกับลำแขนของกองคำดังสั่นเป็นเสียงเดียว

.............กร๊อบ............"

กอง คำหงายร่างไปด้านหลัง ขณะที่ไกรวิทย์พบว่าแรงกระแทกระหว่างส่วนแข้งกับกับท่อนแขนของกองคำส่งความ ปวดร้าวอย่างรุนแรงมายังสมอง แต่เด็กหนุ่มก็มั่นใจว่าแรงเตะกวาดที่ผนึกปราณคชสีห์อย่างเต็มที่ได้ทำให้ กระดูกท่อนแขนของกองคำหักเป็นสองท่อนอย่างแน่นอน

กองคำพลิกร่างลงจาก เตียงมายืนเผชิญหน้าไกรวิทย์ แขนขวาของผู้วิกลจริตห้อยตกลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ยืนยันให้ไกรวิทย์รู้ว่าความรู้สึกถึงกระดูกท่อนแขนแตกเมื่อกระทบแรงเตะนั้น เป็นความจริง แต่ใบหน้ากองคำกลับไม่แสดงความเจ็บปวดของกระดูกที่หักสะบั้น สายตาเพียงเหลือบมองแว่บหนึ่ง ด้วยประกายดุร้ายแต่กลับเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงชื่นชม

" ไม่เลว นี่สิถึงจะเป็นพลังของปราณคชสีห์ แขนข้างนี้หักอย่างคู่ควรแล้ว "

ไกร วิทย์ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว เมื่อเห็นภาพที่ขัดต่อสิ่งที่ควรเป็นเบื้องหน้า แต่ยังคงถ่มด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับความโกรธอย่างเต็มที่

"มึงจะบอกไหมว่ามึงทำร้ายกูกับน้องรินทำไม "

กองคำยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างแจ่มใส ก่อนตอบอย่างไม่สนใจ

"ข้า พอใจ ข้าก็ทำ ไม่ต้องมีเหตุผล ข้าเห็นเรินลดางามนัก และเจ้าก็เย็ดไปแล้ว ข้าคิดจะเย็ดบ้าง แต่ก็รู้ว่าเจ้าไม่ยอมแน่ ข้าจึงฆ่าเจ้าเสียก่อนจะเย็ดนังเด็กรินลดา แต่ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าฝึกปราณคชสีห์มีพลังคุ้มครองเส้นเลือดทั่วร่างแม้จะ หยุดหายใจไปแล้ว นับว่าข้าพลาดไปมิฉะนั้นข้าคงจะควักอวัยวะของเจ้าออกมาทิ้งเหมือนเด็กรินลดา เจ้าจะได้ไม่มีโอกาสฟื้นกลับมาอีก "

ไกรวิทย์ตกเย็ดจนหนำใจฺห้าสิบ เอ็ดครั้งตะลึง กับถ้อยคำที่กองคำกล่าวราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่ชอบด้วยเหตุผล เพลิงโทสะลุกโพลงขึ้นครอบงำจิตใจของเด็กหนุ่มราวไฟป่า สติและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขาดสะบั้น ปราณคชสีห์ที่วนเวียนในร่างกระจายตัวอย่างสับสนก่อนหมุนเวียนไปในทิศทางที่ เด็กหนุ่มไม่รู้จัก ไกรวิทย์กระโจนเข้าใส่ร่างชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยความรุนแรงราวพายุ ร่างทั้งสองพลันโผนเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงกระแสปราณแตกกระจายออกด้านข้างจน แม้แต่แก้วคำที่ซุกตัวอยู่บนเตียงต้องกลิ้งหลบลงไปซุกตัวอยุ่ที่มุมห้อง หมัดที่แข้งกร้าวรุนแรงของไกรวิทย์ระดมโจมตีจุดรวมปราณทั่วร่างของกองคำ อย่างไม่ออมรั้ง ขณะที่ชายหนุ่มที่หลงเหลือเพียงแขนข้างเดียวก็ยังสามารถปิดกั้นได้อย่างไม่ เพลี่ยงพล้ำ

"ดี ดี แรงขึ้นอีก ข้าอยากเห็นนักว่าปราณคชสีห์เวียนกลับจะรุนแรงได้ขนาดไหน "

เสียง กองคำดังก้องขึ้น กลางการต่อสู้ แต่สติของไกรวิทย์มุ่งมั่นอยู่กับการโจมตีคู่อาฆาตเบื้องหน้าจนไม่รับรู้ ความหมาย เด็กหนุ่มรวมปราณไว้ที่ฝ่ามือแล้วหมุนตัวซ่อนไว้ที่แผ่นอกโดยเปิดแผ่นหลัง รับการโจมตี ทำให้กองคำงุนงงไปชั่วพริบตา แต่ก็ฉกฉวยโอกาสหักศอกซ้ายหมุนใส่เพื่อกระแทกจุดปราณที่กระดูกสันหลัง แต่ร่างไกรวิทย์กลับย่อตัวลง หมุนคว้างราวกับลูกข่าง สันฝ่ามือที่รวมปราณไว้ถูกสับเข้าช่องท้องกองคำเต็มที่จนร่างโปร่งของชาย หนุ่มกระเด็นไปติดผนัง ร่างทรุดฮวบลงกับพื้น ไกรวิทย์โถมเข้าหาโดยไม่รั้งรอ อัดสันหมัดกระแทกจุดประสาทบนศีรษะกองคำอย่างรุนแรง จนร่างชายหนุ่มแน่นิ่ง

"นี่เองหรือ..คชาซ่อนงา...ยอดเยี่ยม..ยอดเยี่ยม "

เสียง ดังมาจากร่างที่ทรุดลงไปนอนงออยู่กับพื้น ไกรวิทย์เดินเข้าหาลากร่างกองคำขึ้นมานั่งบนเก้าอี้โดยไม่กังวลกับการตอบโต้ เพราะรู้ดีว่าการกระแทกเข้าที่ศูนย์ประสาท ทำให้ร่างกายกองคำเป็นอัมพาตชั่วคราว แต่ประสาทรับความรู้สึกและการพูดยังคงทำงานตามปกติ เด็กหนุ่มกระชากผมกองคำขึ้นเพื่อบังคับให้สบตา

"มึงเป็นใครกันแน่ ทำไมรู้จักกระบวนท่าของมวยคชสีห์ "

กองคำยิ้มราวกับร่างกายไม่ได้รับความเจ็บปวดใดๆ จากการจูโจมของท่าสังหาร ที่ทำให้กระเพาะอาหารแตก จนเลือดไหลซึมออกมาที่มุมปาก

"ข้า ไม่จำเป็นต้องบอกเอ็ง...อีกไม่นานเอ็งก็จะได้รับรู้จากเมียเอ็งในนรกแล้ว ว่าแต่เอ็งรู้ไหมว่านังรินลดาน่ะ มันร้องขนาดไหนตอนควยกูทะลวงหีมันจนแหกน่ะ"

เพลิงโทษะพลุ่งขึ้นในสมองเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินคำพูดของกองคำ ไกรวิทย์เงื้อฝ่ามือผนึกปราณเตรียมฟันคอต่อเพื่อหักกระดูกคอกองคำ

"ไอ้สัตว์นรก...ตายซะเถอะมึง "

ก่อน ที่ฝ่ามือจะกระทบ ร่างไกรวิทย์ต้องเซถลาเมื่อถูกกระแทกทางด้านหลัง เด็กหนุ่มหันขวับไปพบร่างเปลือยเปล่าของแก้วคำถลันเข้ามายื้อยุดแขนไว้แน่น

"พี่เอ..อย่าฆ่าพี่กองคำ แก้วขอร้อง.... "

เด็ก หนุ่มสะบัดร่างแก้วคำกระเด็นไปบนเตียง แม้สติเด็กหนุ่มจะถูกบดบังด้วยเพลิงแค้น แต่ร่างเปลือยเปล่าอวบอัดของเด็กหญิงวัย 14 ที่นอนหงายอยู่บนเตียง เผยให้เห็นเนินนูนของเพศหญิงที่มีขนาดเกินวัยอย่างเต็มที่ ก็ยังปรากฏต่อสายตาจนทำให้เลือดวัยหนุ่มสูบฉีกแรงขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุม ได้ ไกรวิทย์หันไปยังร่างกองคำที่ยังคงหลับตาเตรียมรับความตาย

"ไอ้กองคำ กูยังไม่ให้มึงตาย แต่กูจะให้มึงดูว่าเวลาคนที่รักถูกข่มขืนน่ะ มึงจะรู้สึกยังไง "

ไกร วิทย์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เดินเข้าหาร่างเปลือยของแก้วคำที่ยังคงเหยียดยาวอยู่บนเตียง ร่างเด็กหญิงสะท้านเฮือกเมื่อไก้ยินคำพูดของไกรวิทย์ ร่างเปลือยพยายามลุกขึ้น แต่ช้ากว่าการโถมเข้าใส่ของไกรวิทย์ที่ผลักร่างเด็กหญิงให้กลับนอนหงายบน เตียง

ดวงตากองคำเบิกโพลงขึ้นในทันทีที่ได้ยินคำพูดของไกรวิทย์ ใบหน้าที่ราวกับสตรีบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ส่งเสียง สั่นสะท้าน..

"ไม่ ไม่ได้ เอ็งมาฆ่าข้าเดี๋ยวนี้เลย แต่อย่าทำอะไรแก้ว เอ็งไม่มีสิทธิ์ เอ็งไม่มีสิทธิ์ แก้วเป็นของท่านผู้นั้นถ้าเอ็ง...ไม่นะ..อย่า... "

เสียง กองคำตะโกนลั่นเมื่อเห็นไกรวิทย์โถมเข้าหาร่างแก้วคำที่พยายามดิ้นรนบนเตียง สองมือไกรวิทย์ตะโบมใส่หน้าอกเต่งตึงที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าอย่างมันมือ สัมผัสได้ถึงความแข็งเป็นไต ขยี้เม็ดยอดสีชมพูจัดโดยไม่สนใจว่าเจ้าของกำลังดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากากร รุกราน มือไกรวิทย์ย้ายลงไปที่เนินนูนอิ่มอูมเบื้องล่าว นิ้วเด็กหนุ่มกดแทงผ่านร่องหลืบวัยสาวอย่างไม่ปราณี ฉีกกระชากหลืบเนื้อภายในลงไปจนมิดโคนนิ้ว

"โอ๊ยเจ็บ...พี่เอ...ปล่อยแก้ว อย่าทำแก้ว... "

แก้ว คำร้องลั่นเมื่อรับรู้ว่านิ้วแข็งแรงของรุ่นพี่โรงเรียนที่แก้วคำเคยแอบ มองอยู่เป็นประจำด้วยความนิยมใคนหน้าตาและการเรียน ทะลุผ่านเยื่อพรหมจรรย์ที่แม้แต่พี่ชายของเด็กหญิงยังไม่เคยยอมทำลาย ความเจ็บปวดจากการถูกรุนรานโดยไม่ยินยอมพร้อมใจปะทุขึ้นอย่างรูรนแรง เด็กหญิงสะบัดมือข่วนหน้าเด็กหนุ่มอย่างแรงจนเกิดรอยยาวเป็นแนว เลือดไหลซึมออกมาเป็นสาย

"อีสัตว์.. "

ไกรวิทย์ขบกรามกรอด กำหมัดกระแทกหน้าทองนวลเนียนของร่างเปลือยเบื้องหน้าจนร่างแก้วงอตัวด้วย ความจุกเสียด เรียวแรงต่อต้านทั้งหมดถูกสูบออกจากร่างเด็กหญิง สองมือหยุดการเคลื่อนไหวต่อต้านพร้อมการดิ้นรน ปล่อยให้ไกรวิทย์กระชากนิ้วเข้าออกในร่องหลืบโดยไม่สามารถขัดขืน น้ำตาเด็กหญิงไหลออกมาเป็นสายด้วยความเจ็บปวด และเสียใจ แต่ไกรวิทย์ไม่รับรู้อาการใดๆ ของเด็กหญิง สมองเด็กหนุ่มมีเพียงภาพเด็กหญิงผู้เป็นที่รักกำลังถูกเดนมนุษย์ผู้เป็นพี่ ชายร่างเปลือยเบื้องหน้าข่มขืนแล้วสังหารอย่างทารุณ

"หีมึงแน่นดีจริงๆ พี่มึงไม่เคยเย็ดจริงๆ หรือวะ"

ไกร วิทย์พึมพำอย่างพอใจเมื่อชักมือกลับมาเห็นเลือดพรหมจรรย์ของแก้วคำบนนิ้วที่ ทะลวงเข้าไปในร่องหลืบบริสุทธิ์ เด็กหนุ่มลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่าง แล้วโถมขึ้นทาบทับร่างเปลือยงดงาม แก่นกายขนาด 5 นิ้วของเด็กหนุ่มวัย 15 ชูชันจนเส้นเลือดขยับกระตุกเป็นระยะ ไกรวิทย์แทรกร่างลงระหว่างขาอวบของแก้วคำ แยกขาเด็กหญิงออกว้างโดยปราศจากการขัดขืน แท่งเนื้อถูกจ่อกับปากทางเข้าสู่ความเป็นหญิง ไกรวิทย์หยุดจ่อมันไว้ที่กลางสองแคมก่อนหันไปยังร่างกองคำที่เก้าอี้ด้าน ข้างเพื่อพบว่าดวงตากองคำเบิกโพลง ด้วยความเคียดแค้นกับภาพเบื้องหน้า..

"มึงดูซะไอ้กองคำ กูจะเย็ดน้องสาวมึงเดี๋ยวนี้แล้ว "

"อย่า เอ็งไม่รู้หรอกว่าเอ็งกำลังจะทำอะไรลงไป..อย่า.. "

เสียง กองคำตะโกนลั่น ขณะที่ไกรวิทย์กดแท่งเนื้อผ่านสองแคมเข้าไปอย่างรุนแรง ท่อนลำถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากผนังร่องหลืบที่ปราศจากน้ำรักมาหล่อลื่น แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงกดของเด้กหนุ่มได้ มันฝ่าเข้าสู่ส่วนลึกของร่างเด็กหญิงอย่างไม่ปราณี สองแคมที่แม้จะอิ่มอวบเกินวัย 14 แต่ เมือไม่มีสิ่งหล่อลื่นมาช่วย สองแคมก็ฉีกขาดอย่างรุนแรง

"โอ๊ย พี่เอ...แก้ว เจ็บ อย่า..เอามันออกไป สงสารแก้วเถอะ... "

เด็ก หญิงร้องลั่นเมื่อรับรู้ว่าอวัยวะเพศชายขนาดใหญ่ทะลวงเข้ามาภายในร่าง เด็กหญิงเจ็บปวดราวกับร่างถูกผ่าแยกออกเป็นสองเสี่ยง แต่ไกรวิทย์ไม่สนใจกับเสียงร้องของเด็กหญิงแม้แต่น้อย

"กูไม่สงสาร พี่มึงทำกับน้องรินของกูอย่างให้อภัยไม่ได้ กูจะต้องเย็ดมึงให้พี่มึงรับรู้ความรู้สึกของกู "

เด็ก หนุ่มคำรามตอบอย่างสะใจ สองมือจับเอวคอดของแก้วคำยกขึ้นโย่งตัวกระเด้าถี่ยิบอย่างไม่ปราณี จนสองเต้าเบื้องหน้ากระเพื่อมสั่นระริก ไกรวิทย์ขยี้มือกับเต้าเต่งอย่างมันมือบีบเคล้นไปมาเพื่อรับสัมผัสที่แข็ง เป็นไตของหน้าอกเด็กหญิงวัย 14 พร้อมกับความรัดรึงของร่องหลืบเบื้องล่างที่ดูดดึงกระชับแน่นจนความเสียวของ เด็กหนุ่มพุ่งทพยานขึ้นสูง

"ทั้งนมทั้งหีมึงนี่เยี่ยมจริงๆ ว่ะนังแก้ว พี่มึงดีแต่แหย่ไม่เคยเย็ดเลยใช่ไหม อูย... "

ความ เสียวระดมมาที่ปลายแท่งเนื้อไกรวิทย์อย่างรุนแรง เด็กหนุ่มรีบหยุดการกระแทกเนินนูนเบื้องล่าง พร้อมกลั้นหายใจเพื่อยืดระยะเวลาการทะลักทลาย ก่อนหันหน้าไปยังกองคำที่หลับตาลงเพื่อไม่ให้เห็นภาพน้องสาวถูกข่มขืนอย่าง ทารุณ เด็กหนุ่มแสยะยิ้มอออกมาอย่างสะใจ เริ่มขยับแท่งเนื้ออย่างช้าๆ เมื่อความเสียวที่เกือบควบคุมไม่ได้คลายตัวลง ท่อนลำในร่องหลืบของแก้วคำเริ่มขยับตัวขึ้นลงอีกครั้ง แต่ไกรวิทย์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าส่วนปลายของแท่งเนื้อถูกดูดตอดอย่าง นุ่มนวลเป็นระยะ พร้อมกับสายธารน้ำหล่อลื่นเอ่อซึมขึ้นมารอบท่อนลำจนสามารถขยับกระเด้าได้ ง่ายขึ้น ประสบการณ์ทางเพศของเด็กหนุ่มบอกให้รู้ว่าร่างที่ตนเองกำลังข่มขืนเริ่มเกิด อารมณ์ทางเพศขึ้น แต่เมื่อเด็กหนุ่มกันมาจับจ้องใบหน้าแก้วคำก็ต้องแปลกใจที่พบว่าใบหน้าเด็ก หญิงไม่ปรากฏอาการบ่งบอกถึงอารมรณ์เพศแม้แต่น้อย มันยังคงเป็นใบหน้าที่แสดงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง และน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายจนชุ่มที่นอนเท่านั้น ความขัดแย้งระหว่าปฏิกิริยาตอบสนองภายในอวัยวะเพศเด็กหญิง กับอารมณ์ที่แสดงออกมาใบหน้า กระตุ้นให้สติของไกรวิทย์เริ่มฟื้นตัวขึ้น พร้อมกับปราณคชสีห์ที่หยุดนิ่งและกลับโคจรไปตามเส้นทางเดิมอย่างช้าๆ ร่างเด็กหนุ่มสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อตระหนักว่าตนเองกำลังร่วมเพศอยู่กับ เด็กหญิงร่วมโรงเรียน

"แก้วคำ ..นี่ นี่ พี่กำลัง...เกิดอะไรขึ้น "

ร่างเด็กหญิงเบื้องล่างสั่นระริก เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ข่มขืน ดวงตาเด็กหญิงจับจ้องใบหน้าไกรวิทย์แน่วนิ่ง ก่อนถอนใจยาว

"ชะตาลิขิตมาแบบนี้ แก้วจะทำอะไรได้ พี่เอรีบปล่อยน้ำรักของพี่มาในตัวแก้วเถอะ "

"พี่ พี่ พี่ทำอะไรลงไป.. "

เสียง ไกรวิทย์ตะกุกตะกัก ท่อนล่างหยุดการเคลื่อนไหว เด็กหนุ่มดึงท่อนลำขึ้นจากร่องหลืบของเด็กหญิง แต่ก่อนที่มันจะพ้น แก้วคำรีบยกมือขึ้นกอดเอวไกรวิทย์ไว้แน่น พร้อมกดให้แท่งเนื้อกลับลงไปสู่ภายในจนมิด

"อย่าเอามันออกไปพี่เอ ..ถ้าพี่เอเอามันออกไปทั้งพี่เอและแก้วจะต้องตายทั้งคู่ มีทางเดียวเท่านั้นคือพี่ต้องปล่อยน้ำเชื้อของพี่มาให้แก้วรับไว้ "

"อย่า แก้ว อย่าพูด...อย่าบอกมันเด็ดขาด "

เสียงกองคำดังลั่นขึ้น อย่างตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่แก้วคำกำลังเอ่ยต่อเไกรวิทย์ แก้วคำเบือนหน้าไปมองพี่ชายด้วยน้ำตา สั่นหน้าช้าๆ

"มัน สายไปแล้วท่านพี่ พี่เอทำลายพรหมจรรย์แก้วไปแล้ว มดลูกของแก้วกำลังเคลื่อนไหวเตรียมรับน้ำรัก ไม่มีทางที่แก้วจะให้กับท่านผู้นั้นได้แล้ว"

แก้วคำหันไปกล่าวเบาๆ กับไกรวิทย์ที่ยังคงงุนงงกับทุกสิ่งที่ได้ยิน

"แก้ว ถูกท่านพี่เตรียมร่างกายมาตั้งแต่ 8 ขวบเพื่อเตรียมรับเชื้อสายแห่งเทพ ท่านพี่กระตุ้นจิตแก้วให้แยกออกจากอวัยวะเพศ เพื่อให้แก้วแยกความรักออกจากหน้าทีสืบสายพันธ์ แม้แก้วจะรักท่านพี่แต่ก็ไม่สามารถเย็ดได้ เพราะท่านผู้นั้นต้อ

tetete


peddo

ตอนนี้เศร้าจังครับ ถึงแม่มีบทร่วมเพศแต่นิ่งทำให้เนื้อหาเศร้ายิ่งขึ้น ฝีมือจริงๆ ขอบคุณครับ

suriyamahajit

ทิ้งท้ายไว้ให้รอติดตามต่อเชียวน่ะขอบคุณครับ

devilzoa


oak31092

จบแบบนี้ อยากอ่านต่อเลย เทพอะไรมาเกี่ยวกันอีก

ผู้เฒ่าเซราะกราว

เพิ่งจะเริ่มอ่านครับ เลยยังงงอยู่ แต่ก็ชวนติดตาม

therasak

โหดจริงๆ เรื่องนี้ มวยโบราณด้วย ไสยศาสตร์อีก สนุกแน่