ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_saradio

กุนซือเจ้าสำราญ ตะลุยสามก๊ก ตอนที่ 19

เริ่มโดย saradio, กรกฎาคม 09, 2017, 11:27:51 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

saradio

   ตั๋งไป่ ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ยังทำใจออกมาพบผมไม่ได้ ในใจนางคงนึกอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใคร เนื่องจากนาง จากที่เคยอยู่เป็นดาวบนท้องฟ้า ยามนี้กลับร่วงลงมาสู่ดิน อำนาจบารมีนั้นหายไปสิ้น แม้แต่ทหารที่ติดตามนางก็ไม่นึกเกรงกลัว ยังมีจิตคิดทรยศ คิดจะล่วงเกินนาง จึงยังได้เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน
   ผมกลับมายังบ้านของตัวเอง ตูตู้หลุนก็ให้คนของนางพลัดกันเฝ้าเวรรักษาความปลอดภัย ยามนั้นจึงมีเวลาเว้นว่างได้อยู่กันตามลำพัง ตามภาษาสามีภรรยา ผมจึงเข้าไปโอบกอดเอวตูตู้หลุนจากด้านหลัง แล้วหอมแก้ม จากนั้นก็ถามว่า
   "เจ้ายังไม่ได้บอก ว่าไฉนจึงรู้ว่าข้าถูกจับขัง และมาช่วยได้"
   ตูตู้หลุนจึงบอกว่า
   "ท่านพี่เงียบหายไปหลายเดือน จนหมายก็ไม่ติดต่อ สร้างความเป็นห่วงให้พวกเรายิ่ง พี่เจินคาดว่าท่านน่าจะเกิดเหตุร้าย จึงให้ข้าพเจ้านำคนมาตามสืบหาท่านที่เตียนอัน ข้าพเจ้ามาถึงได้เกือบเดือนแล้วสืบจนทราบว่าท่านถูกจับขังอยู่ จึงคิดหาวิธีช่วย เพียงแต่ยังหาโอกาสไม่ได้ แต่วันนี้มีเหตุพลิกผันในบ้านเมือง มีการจลาจลวุ่นวาย ข้าพเจ้าจึงเห็นโอกาสเลยพาคนออกไปช่วยท่านออกมา"
   ผมฟังแล้วต้องปลื้มปริ่ม ที่มีเมียดีที่พึงพาได้แบบนี้ หากตูตู้หลุนไม่มาช่วย ผมคงต้องตายอยู่ในคุกนั้นแล้ว จึงระดมหอมแก้มนางเป็นการใหญ่ เพื่อเป็นการขอบคุณ
   ตูตู้หลุนหัวเราะจั๊กจี้ หน้าแดงเปล่งปลั่ง แต่มิได้ขัดขืนใดๆ ให้ผมจูบหอมอยู่เช่นนั้น จากนั้นผมก็กระซิบข้างหูนางว่า
   "ข้าคิดถึงพวกเจ้ามากเหลือเกิน เสียดายอาเจินไม่ได้มาด้วย คืนนี้เวลายังไม่เช้า เรา..อื้ม..กันดีหรือไม่"
   ตูตู้หลุนฟังจนขบขัน แต่ก็หน้าแดงมะเรื่อ รอยยิ้มมีประดับอาย แสร้งพูดแง่งอนว่า
   "พี่เจ๋ง ท่านอยู่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เวลาเยี่ยงนี้ยังมีอารมณ์"
   "เพ้ย เวลาเยี่ยงนี้แหละสุขนัก มักพาให้ตื่นเต้น เถอะน่า"
   ตูตู้หลุนฟังผมอ้อล้อ ก็ยิ้มไม่บ่ายเบี่ยง นางเองก็ห่างเหินผมมานานมีหรือไม่ต้องการ จึงค่อยๆปลดเสื้อผ้าตัวเองออก ผมก็ไม่รีรออันใด แก้ผ้าตัวเองอย่างไว แล้วพานางขึ้นเตียง ทั้งกอดทั้งจูบฟัดให้หายคิดถึง
   ตูตู้หลุนนั้น ยามนี้ เป็นสาววัยยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง ไม่ใช่สาววันสิบเจ็ดแล้ว รูปร่างของนางมีความอวบอิ่มขึ้น ยิ่งดูสวยงามมากกว่าเก่า เพียงได้สัมผัสได้กอด ก็ยับยั้งชั่งใจไม่อยู่ รีบเอาควยเสียบรูเธอทันใด
   ตูตู้หลุนก็พักพร้อมอยู่แล้ว น้ำในหีเธอเปียกแฉะตั้งแต่โดดผมกอดเย้าอ้อล้อคลอเคลีย จึงไม่ต้องปลุกอารมณ์กันมาก บวกกับความคิดถึงที่ห่างเหินกันมานาน เมื่อได้มาพบกันยิ่งเป็นตัวกระตุ้นกำหนัดได้อย่างดี
   ผมเสียบควยเข้าหีเธอจนมิด ตูตู้หลุนสะดุ้งร้อง อ๊ออยยย ผมต้องถามว่า
   "เจ้าเจ็บหรือ"
   นางยิ้มแล้วหรี่ตา ส่ายหน้า ตอบว่า
   "เสียว"
   นั่นทำเอาผมยิ้มและเริ่มโยกเย็ดเธอเบาๆ ก่อนค่อยๆเพิ่มความเร็ว
   ตับๆๆๆๆๆ
   "อ๊อยยยย พี่เจ๊ง ซีดดดดส์"
   ตับๆๆๆๆๆๆๆ
   ผมยิ่งกระเด้าเย็ดยิ่งมันส์ จึงกระเด้าใส่เสียงดัง จนตูตู้หลุนนึกอับอายคนข้างนอก รีบกอดเอวผมไว้ให้ช้าๆ พูดว่า
   "พี่เจ๋ง ท่านอย่าได้ทำเสียงดังนัก คนข้างนอกเป็นศิษย์ข้าพเจ้า หากพวกมันเอาไปซุบซิบนินทา ข้าพเจ้าก็ไหนเลยบากหน้าสอนสั่งวิชามันได้"
   ผมจึงทำช้าลงไม่ให้เกิดเสียง แล้วยิ้มกระซิบว่า
   "เจ้าอายุแค่นี้ มีลูกศิษย์แล้วหรือ ก็ได้ หากเจ้าไม่อยากให้เสียงดัง ก็.ขึ้นควบข้าสิ ข้าจะดูว่าวิชาคร่อมขี่ม้าของเจ้าก้าวหน้าไปแค่ไหน"
   ตูตู้หลุนหัวเราะ แต่ก็พลิกตัวให้ผมมานอนหงาย จากนั้นนางก็ขึ้นคร่อม จับควยยัดเข้าหี แล้วโยกขย่มอย่างกับขี่ม้า
   ."โอ้ววว เด็ดดีแท้ แม่เอ้ยยย ซีดดดส์"
   ตูตู้หลุนยิ้ม ที่ผมถูกใจ จึงขย่มบดเบียดใส่ไม่หยุด
   ."อืมมมส์ อ๊ออยยย ซีดดดดส์ อืมสสสส อ๊ออยยยยยย"
   นางยิ่งโยกขย่มยิ่งมันส์ ถึงกลับเริ่มทำเร็วๆ เหมือนว่าใกล้จะเสร็จ ผมเองก็เริ่มจะทนไม่ไหว ถูกบดขย่มจนเสียวควยไปหมดจนยากจะหลั่งน้ำ
   "โอ้วววว ซีดดดส์ หลุนเอ๋อ เจ้าทำข้าไม่ไหวแล้ววว ข้าจะเสร็จแล้ววว"
   ตูตู้หลุนได้ยินดังนั้น ก็ไม่รีรอที่จะสำเร็จไปพร้อมกัน นางยิ่งขย่มเร็วๆ จนในที่สุด ผมก็ทนไม่ไหวแตกน้ำใส่หีนาง ตูตู้หลุนเมื่อเห็นผมถึงสวรรค์แล้ว นางก็ยกตัวขึ้นจนควยหลุดจากหี จากนั้นนางก็มีอาการกระสันตัวสั่น เกร็งขมิบหี ปล่อยน้ำเล็ดให้เสร็จตาม แล้วก็ล้มตัวลงนอนกอดผม เสียดายเวลามีน้อยไม่อาจต่อรอบ แต่ได้เพียงนี่ก็พอได้ชื่นใจ ผมจึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมอก หยอกเย้ากันสักพัก ก็พากันลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า แล้วกลับมานอนต่อ
   พอรุ่งเช้าก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกันต่อ ในตอนนั่นตั๋งไป่จึงมาหา นางไม่พูดอะไรแต่กลับเดินตามหลังพวกเรามาเงียบๆ ผมรู้ว่าตอนนี้นางไม่มีที่ไป จึงให้นางเดินทางไปด้วยกัน เพราะจะอย่างไร พวกผมก็ต้องเดินทางกลับเมืองซีหลง คิดว่าเมื่อถึงที่นั้นแล้ว ก็จะไปส่งนางหางิวอี้หลาง
   แต่ครั้นพอเดินทางถึงเมืองเซียงไส เห็นทหารของตั๋งโต๊ะที่หนีตายมาจากเมืองเตียนอัน มาลี้พักหลบภัยกันอยู่ที่นี่ ตอนนั้นมีแม่ทัพที่ 4 คนที่หนีรอดมาได้ คือ ลิฉุย กุยกี หวนเตียวและเตียวเจ ทั้งหมดมีกองทหารของตัวเองเหลือรอดติดตามมาด้วย รวมแล้วประมาณ 2 หมื่นคน ซึ่งทั้งหมดเป็นทหารชาวเสเหลียง ที่อ่องอุ้นมองว่าเป็นพวกทหารเชื้อชาติเมืองเดียวกับตั๋งโต๊ะย่อมมีใจคิดกบฏเช่นเจ้านายมัน จึงคิดจะปราบปรามฆ่าเสียให้สิ้น
   ตั๋งไป่ พอรู้ว่าทั้งสี่คนอยู่ที่นี่ ก็ดีใจ มีกำลังใจขึ้นมา สั่งให้ผมพาไปพบสี่คนนั้น ผมจึงต้องพาไปพบก็คิดว่าเมื่อนางได้พบคนพวกนั้นแล้ว นางจะมีทางเดินไปของนาง ผมก็จะได้แยกตัวกลับซีหลงพร้อมตูตู้หลุน
   ผมจึงไปติดต่อที่ค่ายทหารขอพบเตียวเจ เตียวเจพอรู้ว่าผมมาหาก็รีบออกมารับ หัวเราะทักทายอย่างดีใจว่า
   "ฮ่าฮ่า หลายเซี่ยง เจ้าก็รอดมาได้รึ ดีจริงๆ มามา เข้ามาคุยกัน"
   มันทักทายผมอย่างสนิทและดีใจ แต่ไม่ทักทายตั๋งไป่สักคำ ตั๋งไปนึกโมโหจึงพูดว่า
   "เตียวเจ เจ้าเห็นเราแล้วไม่ทำความเคารพยังพอทำเนา แต่นี่กลับมองข้าม ทำเป็นมองไม่เห็น ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร"
   เตียวเจจึงสะดุดหยุดเท้า หันมาปลายหางตาเหยียดมอง พูดเสียงเย็นชาว่า
   "ท่านหญิง ท่านก็รอดมาด้วยหรือ ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเข้าด้านใน"
   เสียงของมันเย็นชา จนดูออกว่า มิได้ให้ความเคารพอีกต่อไปแล้ว ตั๋งไป่ แม้จะโมโห แต่ก็ทำอย่างไรไม่ได้ จึงกระทืบเท้าเดินนำเข้าไปในกระโจม
   ภายในกระโจมตอนนี้ มี ลิฉุย กุยกี และหวนเตียวนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อตั๋งไป่ เข้ามา ก็ทำเอาสามคนนั้นตะลึงเล็กน้อย ที่พบนางอย่างไม่คาดฝัน แต่ก็เพียงมองหาได้มีผู้ใดสนใจนางไม่ ยิ่งทำให้ตั๋งไป่ขุ่นข้องใจ จนร้องว่า
   "พวกเจ้าบังอาจนัก เห็นเรามากลับไม่มีใครให้การต้อนรับ ทำเยี่ยงคิดลบลู่เบื้องสูงรึ"
   ลิฉุยถึงกับเค้นเสียงดัง เฮอะ พูดว่า
   "ท่านยังมีเบื้องสูงอันใดให้ลบลู่ ที่รอดมาได้ก็ควรจะดีใจได้แล้ว"
   หวนเตียวเลยพูดเสริมว่า
   "นายหญิงถ้าท่านไม่พอใจก็สั่งคนมาตัดหัวพวกเราเถอะ"
   คำพูดนี้ทำเอาสามคนหัวเราะ เพราะรู้ว่านางสั่งยังไงก็ไม่มีใครทำตาม ตั๋งไป่ถึงกับเดือดดาลขยี้เท้า กุยกี เห็นนางแล้วรู้สึกเวทนา จึงปารถนาดีด้วย พูดว่า
   "ท่านหญิง ท่านอย่าได้โมโหไปเลย ถ้าท่านหิวก็ไปหาอะไรกินก่อน ถ้าง่วงก็ไปนอนพัก อย่าได้สนใจพวกเราเลย"
   ตอนนั้นเตียวเจกับผมก็เข้ามาในกระโจม เตียวเจรีบบอก ลิฉุย กุยกี และหวนเตียวว่า
   "พวกเจ้าดู ว่าข้าพาผู้ใดมา"
   ทั้งหมดพอเห็นผม ก็ดีใจตาลุกเป็นประกาย รีบเรียกทักทาย ว่า
   "ท่านกาเซี่ยง"
   ลิฉุยจึงรีบลุกมาเชิญผมให้เข้าไปนั่ง กุยกี่ก็พูดว่า
   "ฟ้าโปรดโดยแท้ ที่ให้ท่านรอดมาหาพวกเรา"
   ผมรู้สึกงงเล็กน้อย ที่คนพวกนี้ดีใจกันขนาดนี้เมื่อเจอผม เพราะปกติผมกับคนพวกนี้ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ นอกจากเตียวเจ ลักษณะท่าทางพวกมันเหมือนกำลังมีเรื่องกลุ่มใจคิดไม่ตก จึงได้สอบถามเตียวเจ เตียวเจเลยว่า
   "พวกเราตอนนี้นั้น กำลังอยู่ในที่มืดแปดด้าน หาทางออกไม่เจอ กำลังกลัดกลุ่มใจกันอยู่ เมื่อรู้ว่าเจ้ามา ก็เลยอยากจะขอคำปรึกษาเจ้า"
   ผมจึงน้อมคาราวะต่อทุกคนที่ให้เกียรติเช่นนี้ จากนั้นจึงถามว่า
   "ไม่ทราบว่าเรื่องอันใดหรือ ท่านอาเตียว"
   เตียวเจ จึงเล่าว่า หลังจากลี้ภัยกันมารวมตัวกันได้ที่เมืองเซียงไส ก็ทราบข่าวว่า อ่องอุ้นเตรียมให้ลิโป้ แต่งทัพมาจัดการกวาดล้างพวกเรา พวกเราเห็นว่าสู้ไม่ได้ จึงแต่งหนังสือส่งไปขอสวามิภักดิ์ด้วย แต่อ่องอุ้นจิตใจคับแคบ ทั้งยังเจ้าคิดเจ้าแค้น จึงไม่รับการสวามิภักดิ์ ทั้งยังบอกว่าจะฆ่าพวกเราให้หมดจนล้างตระกูล พวกตอนนี้จึงตกอยู่ในสถานะย่ำแย่ ไม่รู้จะทำยังไงกันดี อีกไม่นานลิโป้ก็คงนำทัพมาจัดการพวกเราแล้ว
   ผมยังคิดไม่ได้ตอบอะไร แต่ตั๋งไป่กลับลุกขึ้นด่าว่า
   "พวกเจ้าสี่คนไม่เอาไหน ไม่เพียงไม่คิดล้างแค้นให้นาย ยังจะไปสวามิภักดิ์ศัตรู เสียทีที่ท่านปู่ชุบเลี้ยงพวกเจ้ามา"
   คำด่านี้ ทำเอาหวนเตียวโมโห ลุกขึ้นชักกระบี่ ตวาดเสียงพูดว่า
   "ข้านึกออกแล้ว ฆ่านังเด็กปากมากคนนี้ แล้วหัวมันลองส่งไปขอสวามิภักดิ์ดูอีกที่เพื่ออ่องอุ้นมันจะยอมรับ"
   คำพูดหวนเตียวแม้พูดด้วยความโมโห ก็ทำเอา ลิฉุยกับกุยกี่ ฉุกคิดเกือบคล้อยตาม ผมเลยต้องรีบห้ามว่า
   "พวกท่านทำเช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ เพราะหากพวกท่านหิ้วหัวตั๋งไป่ไปให้อ่องอุ้น เชื่อได้ว่า หัวต่อไปที่หลุดก็คือหัวพวกท่าน"
   ทุกคนคิดแล้วก็เห็นจริง จึงไม่มีใครคิดจะตัดหัวตั๋งไป่ ตั๋งไป่เห็นดังนั้นก็ไม่กล้าพูดจาอะไรอีก จึงได้แต่นั่งน้ำตาคลอ
   ลิฉุยจึงพูดว่า
   "ความจริงข้าเสนอไปแล้ว ว่าพวกเราควรจะหนีกลับไปซีหลง แต่กุยกี ก็ไม่เห็นด้วย"
   กุยกีจึงพูดว่า
   "แน่นอนเรื่องหนีไปซีหลง ข้าไม่เห็นด้วย เจ้าไม่เห็นมันตอบสารกับมารึ มันจะกำจัดพวกเราทั้งหมด ซีหลงของงิวฮู ก็จะเป็นเมืองต่อไป ลิโป้จะเข้าขยี่หลังจากกำจัดพวกเราแล้ว"
   ผมก็ได้อ่านสารนั้นแล้ว จึงผงกหัวเห็นด้วยกับกุยกีและพูดว่า
   "ถูกของท่านกุยกี ในสารแจ้งไว้ชัดว่าจะฆ่ารากเหงากบฏตั๋งโต๊ะให้หมดสิ้น ดังนั้นเมืองซีหลงเองก็ไม่นารอด"
   หวนเตียวพอฟังต้องระบายอารมณ์คับแค้นว่า
   "อันโน้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ แล้วพวกเราจะทำยังไง....เฮ้อ ท่านกาเซี่ยง ท่านเป็นคนคิดแผนช่วยให้ตั๋งโต๊ะไปครองเมืองหลวงอย่างชาญฉลาด สถานการณ์ตอนนี้ของพวกเรา ท่านพอมีคำแนะนำดีๆให้พวกเราได้หรือไม่"
   ตอนนั้นผมยอมรับว่าจนปัญญาจริงๆ คิดอะไรไม่ออก จึงได้แต่ส่ายหน้า เตียวเจพอเห็นดังนั้นก็สิ้นหวัง พูดว่า
   "เห็นที่คราวนี้ เราคงต้องตายกันแน่แล้ว หรือไม่ก็ต้องทิ้งหนีทัพ ปลอมตัวเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่ ไปอยู่หากินแบบชาวบ้านกัน"
   พลางหันมาบอกผมว่า
   "หลานเซี่ยงเจ้าคิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร พวกเราก็ไม่บีบครั้น แต่ข้าอยากจะเตือนเจ้าว่า ลิซกได้บอกอ่ออุ้นว่าเจ้าคือผู้คิดแผนยึดเมืองหลวงให้กับตั๋งโต๊ะ อ่องอุ้นก็เลยหมายหัวเจ้าเช่นกัน ดังนั้นเจ้าเองก็ต้องระวังตัวด้วย"
   แล้วทั่งสี่คนก็เลยหมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากปรึกษาหาความอันใดอีก ผมจึงได้แต่ยกมือคาราวะล่ำลา และบอกว่าจะเดินทางกลับไปที่เมืองซีหลง เตียวเจก็กล่าวลา ไม่ได้ว่าอะไร
   ตั๋งไป่พอเห็นผมออกจากกระโจม ก็รีบวิ่งตามไหนเลยจะคิดอยู่ร่วมกับคนพวกนี้ ตอนนี้นางเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการนึกแล้วก็น่าสงสารนางอยู่ไม่น้อย
    ผมพอออกจากกระโจมก็ครุ่นคิดถึงเรื่องตัวเองถูกหมายหัว และการจะถูกรุกรานของเมืองซีหลง ตอนนี้จะกลับไปซีหลงอยู่ทำไรไถ่นาก็คงเห็นที่จะรอดได้ยาก เพราะไม่นานซีหลงก็จะถูกตีแตก และมันก็ตามมาฆ่าผมล้างหมู่บ้าน งิวฮูก็คงถูกตัดคอฆ่าล้างตระกูล งิวอี้หลางก็คงต้องตายไปด้วย คิดแล้วรู้สึกว่า แผ่นดินนี้ออกกว้างใหญ่แต่ไม่มีที่ให้เราหนีไปไหนได้ ต่อให้หนีไปอยู่ที่อื่นซ่อนตัวเร้นกาย อ่องอุ้นที่คุมวังหลวงอยู่ก็จะออกราชโองการตามล่าผมกับคนพวกนี้ จนอยู่กันสุขสบายไม่ได้
   คิดแล้วมันน่าโมโหเจ้าอ่องอุ้น ที่ใจคอคับแคบเจ้าคิดเจ้าแค้นนัก ไม่เหลือทางรอดให้พวกเราเดินกันเลย
   เมื่อคิดแล้วรู้สึกว่าทางเดียวที่จะรอดได้ คือต้องยึดอำนาจในเมืองหลวงกลับคืนมาจึงจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่นั้นจะเป็นไปได้อย่างไร อ่องอุ้นมีลิโป้เป็นแม่ทัพใหญ่ มีกำลังทหาร 20กว่าหมื่น ส่วนคนพวกนี้มีกำลังพลไม่ถึง3หมื่น และบรรดา ลิฉุย กุยกี หวนเตียวและเตียวเจ ก็ไม่ใช่แม่ทัพที่เก่งกาจอะไรนัก เป็นเพียงแม่ทัพระดับขั้นที่3 แม้ติดตามตั๋งโต๊ะมานาน ตั๋งโต๊ะก็ยังมิเคยให้พวกมันเป็นแม่ทัพใหญ่สักครั้ง ไหนเลยไปเทียบชั้นกับลิโป้ได้ อีกทั้งคนพวกนี้ก็เคยพ่ายแพ้ให้ลิโป้จนหมดรูปมาแล้ว ครั้งศึกเต๊งหงวน ตอนที่ลิโป้ยังไม่ได้มาสวามิภักดิ์ตั๋งโต๊ะ
   คิดแล้วการจะสู้อ่องอุ้นเพื่อกลับเข้าไปยึดเมืองหลวงอีกนั้น โอกาสนั้นแทบเป็นศูนย์เลยทีเดียว เพราะติดปัญหาหนักๆทั้งนั้น ทั้งกำลังทหารที่แตกต่าง ทั้งการจะปราบทัพลิโป้ ดูแล้วไม่มีทางเป็นไปได้
   ผมยิ่งคิดยิ่งจมลึก เดินช้าลงทุกขณะ ตาเหม่อหลุบต่ำจนไม่ได้มองทาง ยามนั้นปรากฏสุนัขสามตัวเห่าส่งเสียงกรรโชกวิ่งกวดไล่กัดกันตัดผ่านหน้าไป ผมต้องสะดุ้งหยุดเท้ามองตาม
   เห็นสุนัขตัวใหญ่วิ่งไล่กวดสุนัขตัวเล็กสองตัวไปจนมุมอยู่ที่กำแพงค่าย สุนัขตัวเล็กสองตัวนั้นไม่มีทางหนีพลันฮึดสู้ แยกย้ายกันพลัดกันล่อกัดสุนัขตัวใหญ่ สุนัขตัวใหญ่สับสนจนไม่รู้จะสู้ยังไง จึงถอยหนี สุนัขสองตัวนั้นเลยรอดมาได้
   สิ่งที่เห็นนี้ทำให้ผมนึกถึง สารคดีสัตว์โลกที่เคยดู นั้นก็คือ ฝูงหมาไนฆ่าสิงโต พลันบังเกิดความคิดจะสู้กับลิโป้ขึ้นมาได้ จึงรีบกลับไปที่กระโจมอีกครั้ง
---------------------------------------------------------
ตอนหน้าจะเป็นหนึ่งในศึกสำคัญ ที่จะทำให้คนรู้จัก กาเซี่ยง และทำให้คนรุ่นหลังคิดว่า ทำไม กาเซียงถึงอยู่ในอันดับกุนซือต้นๆในสามก๊ก ซึ่งเหตุการณ์ในตอนนั้นของกาเซี่ยง มีนักธุรกิจชาวจีนเอาไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจตัวเองเยอะมาก   
   นั่นคือ
1 ล้มแล้วต้องคิดลุกขึ้นสู้
2 ไม่มีทุนต้องระดมทุนมาหนุนเสริม สร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน
3 รวบรวมทุนที่มี ใช้อย่างชาญฉลาด วิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งตัวเอง และคู่ต่อสู้ เลี่ยงจุดแข็งปะทะจุดอ่อน เอาจุดอ่อนมาเป็นอาวุธหลอกศัตรู
4 สามัคคี คือพลัง ทำงานอย่างมีทีมเวิร์ก การสื่อสารต้องฉับไว จะได้เสริมประสิทธิภาพในการประสานงาน ศัตรูแม้แกร่งแค่ไหน เราก็มีโอกาสชนะ
5 อย่าเล่นงานศัตรูจนเป็นหมาจนตรอก เมื่อเขาคิดหนีก็ปล่อยให้เขาหนี อย่าบีบให้เขาต้องสู้ เพราะแม้ชนะก็จะเสียหายหนัก

2000HP

มันส์มากครับ ได้อ่านสามก๊กในมุมบุคคลที่หนึ่งอย่างนี้สนุกดี มี18+แทรกด้วย สุดยอด

xxxboyz


cobra888

ครบทุกรสชาติ มันในทุกอารมณ์
เฝ้ารอคอย หมั่นติดตามทุกเวลา ยิ่งกว่าจีบสาวสมัยวัยสะรุ่นเสียอีก
   ขอเป็นกำลังใจให้ผลิตผลงานชิ้นเยี่ยมต่อไปครับ
   ด้วยใจรักจริง


holovelove

เหงาๆ

navy868


ifamily03

สมมติว่าไม่มีบท 18+ เรื่องนี้เอาไปรวมเล่มตีพิมพ์ขายยังได้เลยนะครัช ผมนี่กำเงินรอซื้อเลย

633sqd

สุดยอดจริงๆ ทั้งท่านนักเขียนและท่านกุนซือ ::Thankyou:: ::Thankyou:: ::Thankyou::

weerawat


tanee


อีกา

ไม่รู้ว่าจะเป็นการเสียมารยาท หนือเปล่า

แต่ผมอยากอ่านเรื่องนี้แบบบิดเนื้อเรื่องออกทะเลไปเลย

โดยอิงแค่ว่าใครตายที่ไหน ปีอาไรก็พอ

นอกนั้นยำให้เละเลยครับ ผมเคยอ่านนิยายเรื่อง พ่อตาข้าคือลิโป้

หรือ หงสาจอมราชันย์ ซึ่งบิดเนื้อเรื่องไปแล้วยังสนุกอยู่

ขออภัยถ้าล่วงเกินไปครับ

twctp1

ลุ้นมากสุดๆ เพราะไม่เคยได้อ่านสามก๊กครับ  สนุกมากครับ ขอบคุณครับ

gfthebc

ผม​เป็น​คน​หนึ่ง​ที่​ไม่​เคย​อ่าน​เรื่อง​สามก๊ก​ รู้​เรื่อง​เพียง​คราวๆ​ ตอน​ที่​ถึง​บท​ที่​ผู้​เขียน​เฉลย​ว่า​ตัว​เอก​ชื่อ​กาเซี่ยง​ ผม​นี้​ต้อง​ไป​ค้น​ใน​ google​ เลย​ว่า​คือ​ใคร​ และ​ได้​ติดตาม​ทุก​ตอน​เลย​ครับ​ อยาก​รู้​ว่า​ตอน​ต่อ​ๆ​ไป​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​  เป็น​กำลังใจ​ให้​กับ​ผู้​เขียน​นะ​ครับ​

Seraphia13

คนมันจนตรอกแล้วก็ทำได้ทุกอย่าง
คาดเดายากแบบนี้สินะ