ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เรื่องสั้นตอนเดียวจบ รักออกแบบไม่ได้

เริ่มโดย joker socool, มีนาคม 10, 2018, 04:22:29 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

joker socool

รักออกแบบไม่ได้

เรื่องสั้นเรื่องที่แล้วไม่ได้พูดอะไรเลยเพราะเขียนสดเสร็จก็ลง  พอดีอารมณ์มันมา ดูเอ็มวีแล้วซึ้งเลยเขียนซะเป็นเรื่องเป็นราว555  เรื่องสั้นเรื่องนี้ก็เหมือนกันเอามาจากเอ็มวีเพลงนึงแต่จะไม่ขอบอกว่าเพลงอะไรให้ทายกันสนุกๆ  ถ้ามีคนทายถูกว่าเพลงอะไรและพระเอกชื่ออะไรก็จะมีเรื่องสั้นที่เก็บเอาไว้มานานมาลงให้อ่านกันแต่ถ้าไม่มีใครทายถูกก็อดกันไปครับ  เข้าเรื่องเลยดีว่า

        ปีหนึ่ง
        ตอนเด็กๆผมเป็นคนชอบวาดรูปวาดการ์ตูน  เล่าเรื่องราวในชีวิตออกมาเป็นรูปวาด  บางทีก็เขียนล้อเลียนเพื่อนแบบสนุกๆขำๆไปเรื่อยจนแม่บ่นกับผมว่า 'ไอ้ลูกคนนี้นี่วาดรูปเล่นไปเรื่อยจริงๆ ตั้งใจเรียนหน่อยสิอยากจบไปเป็นพวกวาดวิมานในอากาศรึไง'

        นั่นแหละคำพูดแม่  ไอ้ผมน่ะก็รักแม่อยู่แล้วเลยเชื่อฟังตามที่แม่พูดเลย  เรียนไม่ยุ่งมุ่งแต่วาด คิดจะไปวาดวิมานในอากาสอย่างที่แม่ว่าและในที่สุดผมก็ได้มาวาดวิมานอยู่คณะนี้แหละ

        สถาปัตยกรรมศาสตร์คือชื่อคณะแต่เราก็เรียกย่อกันไปว่าถาปัตแล้วคิดกันเอาเองว่าแม่งเท่ว่ะเท่กว่าชื่อยาวๆที่ป้ายคณะซะอีก  ยิ่งได้ถูกเรียกว่าเด็กถาปัตๆนะแม่งโคตรเท่เลย  แต่ใครล่ะจะรู้ว่าการเป็นเด็กถาปัตน่ะนอกจากเท่แล้วมันยังมีเรื่องวายป่วงให้ปวดหัวอีกเยอะกว่าจะได้จบไปแล้วเรียกตัวเองว่า'เด็กถาปัต' ได้เต็มตัว  อย่างแรกเลยนะคือรับน้อง

        การรับน้องเนี่ยเป็นอะไรที่โคตรได้โคตรสนุกเลยสำหรับความคิดของผมที่เข้ามาใหม่ๆแต่พอได้เข้ารับน้อง เจอพิธีศีลจุ่มและจบด้วยดื่มน้ำสปีริตไปเท่านั้นแหละผมนี่ซึ้งถึงกึ๋นเลยว่าชายหญิงไม่มีความเท่าเทียมกัน

        อาจจะยังไม่รู้ว่าศีลจุ่มกับน้ำสปีริตคืออะไร  ไอ้ศีลจุ่มน่ะมันคือการเกณฑ์พวกไอ้เนรทั้งหลายไปอยู่กลางลานของตึกคณะ จากนั้นพวกรุ่นพี่ผู้น่ารักทั้งหลายก็พากันเทถังน้ำสีผสมเม็ดแมงลักหลายต่อหลายสีลงมายังพวกผู้ชายที่ยืนเข้าแถวเบียดกันอยู่ด้านล่างจนชุ่มไปหมดทั้งเขียวเหลืองแดงแถมเม็ดแมงลักยังติดเหนียวหนึบไปหมดอีกต่างหาก  ส่วนพวกผู้หญิงน่ะเหรอ คุณเธอถูกเชิญไปด้านหลังคณะให้ปิดตาแล้วโดนรุ่นพี่พรมน้ำสีผสมแป้งหอมใส่พอสะกิดๆ  เรียกได้ว่าเลอะแบบสวยๆกันไป

        ส่วนน้ำสปีริตพวกพี่เขาก็ช่างคิดช่างสรรหาจริงๆ  มันเป็นน้ำอะไรก็ไม่รู้ในหม้อดินที่มีทั้งรสเผ็ดเปรี้ยวเค็มขมชวนสยองให้พวกผู้ชายอย่างผมต้องตักกินกันเพื่อรับน้องเข้าคณะ  แต่ละคนกินเข้าไปนี่อ้วกแตกกันทุกคนไม่เว้นผมด้วยที่แค่จิบเท่านั้นก็หูอื้อตาลายพาลจะของขึ้นต้องวิ่งไปเอาของออกที่โคนต้นไม้ตามเพื่อนๆไป  และนั่นยังไม่อายเท่าที่มีพวกผู้หญิงนั่งดูอยู่ด้วยนั่นแหละ  ต้องบอกเลยว่าพวกผมเป็นหนึ่งในความบันเทิงของพวกเธอจริงๆกับกิจกรรมนี้  แต่มันก็ทำให้ผมได้รู้จักกับแนนเป็นครั้งแรกด้วยเหมือนกัน

        ตอนที่ผมอ้วกด้วยรสพิสดารของน้ำสปีริตอยู่นั่นแหละ  ด้วยเพราะผมเป็นพวกท้องไม่ค่อยดีแต่เด็กๆพอเจอกับรสชาดสุดบรรยายเข้าไปเลยถึงกับหน้าเขียวหน้าเหลืองอ้วกเอาอะไรต่อมิอะไรมาหมดจนไม่เหลือแรงจะลุก  พี่ๆเขาเลยพาผมไปพักฟื้นกับยาดมยาหม่องตามแต่จะหาได้อยู่บนม้านั่งปล่อยให้คนอื่นทำกิจกรรมต่อไปคือวิ่งรอบคณะ

        ตอนนั้นเองแนนกับเพื่อนๆผู้หญิงที่ไม่ต้องออกไปใช้แรงวัวแรงควายวิ่งก็มาถามอาการผมด้วยความเป็นห่วง

        แนนเป็นคนสวยนะ  หมวยๆเหมือนลูกคนจีน  ตัวเล็กๆขาวๆท่าทางนิ่งๆ  แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมสนใจหรอกเพราะลูกอาเจ็กอาโกน่ะคณะนี้มีเยอะ ก็แค่รู้สึกดีแค่นั้นเองที่มีคนเป็นห่วง  ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลยจริงๆ

        หลังจบกิจกรรมรับน้องก็เข้าสู่การเรียน  ผมน่ะไม่มีพรสวรรค์หรอก  มีแต่พรแสวง  ชอบเรียนรู้โน่นนี่นั่นไปเรื่อยตอนว่างก็เลยค่อนข้างจะไปได้เร็วเวลาอาจารย์สอน  และที่เก่งเป็นพิเศษเลยคือวิชาดรอวอิ้ง  นั่นทำให้ผมค่อนข้างป๊อปทีเดียวสำหรับพวกเพื่อนอ่อนวิชานี้และอีกคนที่อ่อนคือแนน  แน่ล่ะอาซิ่มของรุ่นน่ะเข้ามาได้เพราะหัวดีแต่ไม่ได้มีความคิดสร้างสรรค์  เรื่องนี้เลยต้องพึ่งผม  และในฐานะที่ผมรู้สึกดีกับแนนและเพื่อนๆแนนอย่างหยงและปอด้วยเลยยินดีช่วยเป็นพิเศษ  ไม่ช้าผมก็เข้ามาอยู่เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มสามสาวได้ยังไงก็ไม่รู้


      ปีสอง
        หมดปีอันเลวร้าย  ในที่สุดผมก็ได้ขึ้นมาอยู่ปีสองเป็นรุ่นพี่กับเขาบ้าง  แต่การโตเป็นรุ่นพี่ภาระมันก็ต้องตามมาด้วย  คราวนี้พวกปีสองต้องคอยจัดสถานที่รับน้องอย่างปีที่แล้ว  พวกผมก็ทำกันเต็มที่เลยครับ เกณฑ์น้องๆผู้ชายผู้น่าสงสารมาช่วยทำซุ้มทำอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้รับน้องกันเองอย่สงที่พวกผมเคยต้องทำ  จากนั้นปีสองก็จัดเตรียมน้ำสีกับพิธีถือน้ำสปีริตกัน  คราวนี้แหละได้รู้เลยว่าไอ้น้ำเ-ี้ย นี่มีอะไรผสมอยู่บ้าง

        ทั้งพริกป่นพริกไทย  น้ำปลามะนาว เกลือน้ำตาล พวกผมเล่นผสมกันมั่วไปหมดแล้วก็ช่วยกันชิมก่อนชมว่าน้องๆต้องจบไม่สวยเหมือนพวกผมแน่

        นอกจากเรื่องรับน้องที่น่าสนุกแล้วที่เหลือก็คือเรื่องสยองทั้งนั้น  ทั้งวิชาออกแบบ  วิชาโครงสร้าง  ที่พวกผมต้องเรียนเพื่อเอาไปโต้กับพวกวิศวเขาได้ มันโหดจริงๆ  ไอ้วิชาออกแบบน่ะงั้นๆแหละเหมือนเรียนประวัติศาสตร์การออกแบบเก่าๆแล้วเอามาด้นใหม่แต่ไอ้เรื่องวิชาโครงสร้างน่ะคุณเอ้ยมันโหดจริงๆ  อ.บอกแค่พื้นฐานแต่เห็นคำนวณแล้วผมจะเป็นลมให้ได้  ยังดีที่มีแนนเป็นที่พึ่งให้ลูกเจี๊ยบตาดำๆสามหน่อได้คอยลอกคอยถาม  ตอนปีหนึ่งน่ะแนนถามผมจนรำคาญแต่พอมาปีนี้ผมเองที่เป็นคนคอยถามแนนซะจนน่ารำคาญแต่แนนก็ยังคอยตอบผมนะมันทำให้ผมรู้สึกดีแปลกๆ  ก็ไม่รู้เพราะอะไรแต่ไม่ว่าผมจะโทรไปดึกแค่ไหนแนนก็จะด่าผมมาคำสองคำแล้วก็คอยช่วยสอนให้จนผมเข้าใจผมเลยตอบแทนแนนด้วยการช่วยในวิชาออกแบบในเรื่องแนวคิดอะไรพวกนั้น  ไม่ต้องถามเลยว่าทำไมผมถึงช่วยแค่แนน  ก็เพื่อนสาวๆของแนนทั้งสองคนน่ะสิดันขายออกกันหมด  พอมีแฟนมันก็เอาเวลาไปคุยโทรศัพท์กับแฟนปล่อยให้ผมคุยกับแนนอยู่สองคน  นี่ล่ะมั้งจุดเริ่มต้นความรักของผม

        ไม่รู้เพราะเหลือกันแค่สองคนที่ยังโสดรึเปล่าเราเลยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นส่วนเรื่องกลุ่มก็นานๆทีได้รวมกันครบไม่ก็รวมกันเฉพาะตอนเรียนเท่านั้น  คงช่วงนั้นแหละที่ผมรู้สึกเหงาจนอยากจะหาใครสักคนมาอยู่ข้างๆแต่พอมองไปที่แนนผมกลับตัดสินใจไม่ถูกว่าจะยอมปล่อยให้อารมณ์พาไปดีรึเปล่าเพราะผมยังไม่อยากเสียเพื่อนไปสุดท้ายเลยได้แต่เงียบไว้แล้วลองไปหารุ่นน้องสักคนดีกว่า  แน่ล่ะว่าถึงผมจะรูปไม่ค่อยหล่อแต่คารมณ์เป็นต่อนะครับ  ไม่นานเท่าไหร่ผมก็เริ่มติดโทรศัพท์บ้างเหมือนกัน  คราวนี้กลางคืนไม่โทรหาแนนแล้วโทรหาแต่ว่าที่แฟนอย่างเดียว  ไม่มีอะไรคุยก็ขุดเอาอะไรไม่รู้มาคุยจนได้  แนนก็ดูนอยๆที่เพื่อนไปมีคู่กันหมดแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะก็เป็นเพื่อนกันน่ะมันดีกว่านี่นา  ไม่ต้องมามองหน้ากันไม่ติดเวลาทะเลาะกันด้วย  ดีกันก็ง่ายแค่โทรคุยก็หายแล้วผิดกับแหนเด็กของผมที่ต้องคอยโทรตามง้อตามเอาใจมิหนำซ้ำถ้าไม่ได้ดั่งใจยังจะขู่เลิกสามเวลาอีก  และแบบนี้แหละผมเลยถูกเลิกจริงๆจนได้แถมเลิกกันก่อนสอบอีกเล่นเอาผมจิตตกไปเป็นอันทำอะไรเลย

        ตอนนั้นก็มีแนนนี่แหละที่คอยโทรตามไปติว  บังคับขู่เข็ญให้ผมออกไปจากห้องรกเหมือนรังหนูหลายครั้งจนมันถึงกับบอกผมให้ได้สติว่ามึงจะมาเศร้าทำไมจะสอบแล้วนะ  ถ้าตกนี่น้องเขาได้หัวเราะเยาะมึงซ้ำแน่  นั่นแหละเจ็บจี๊ดเลยทำเอาผมตาสว่างมุอ่านจนสว่างคาตาไปหลายวันและเพราะคำพูดมันก็ทำให้ผมผ่านปีสองมาจนได้แถมเกรดวิชาโครงสร้างยังดีด้วย


      ปีสาม
        ว่าปีสองยากแล้ว  ปีสามนี่ยากยิ่งกว่ากับวิชาโครงสร้าง2  ผมนี่แทบกุมขมับเลยอยากจะให้พ้นสายวิชาวิศวะไปสักที  ก็รู้นะว่าต้องทำงานด้วยกันแต่ไม่ต้องแนบแน่นกันขนาดนี้ก็ได้มั้ง

        ปีสามพวกรุ่นพี่อย่างผมแทบไม่ต้องทำอะไรแล้ว  ได้แต่มองดูน้องๆทำกิจกรรมกันไปส่วนพวกผมก็แค่คอยคุมคอยดูแลไปไม่ให้พวกพี่ๆปีโตแพ่นกบาล  มาดผมจากเคยเรียบร้อยมันก็เซอขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ก็ไม่ใช่แค่ผมหรอก  ทั้งผู้ชายผู้หญิงนั่นแหละ  ก็จะไม่ให้เซอร์ได้ไง  จากวาดเขียนในกระดาษ  ปีนี้ต้องสร้างมันออกมาให้ได้เป็นโมเดลแถมต้องเตรียมคำอธิบายโน่นนี่นั่นว่าทำไปทำไม  สร้างแล้วได้อะไรรวมทั้งต้องเอาไอ้วิชามหาโหดอย่างโครงสร้างมาใช้ด้วยไม่ใช่ออกแบบมามั่วๆ  ตอนนี้แหละที่ต้องจับกลุ่มกันสองคนเพื่อนทำโม  ไม่ต้องบอกเลยว่าผมจับกลุ่มกับใครในเมื่อปอกับหยงมันไปจับกลุ่มกับแฟนสร้างบ้านแห่งความรักกันไปเรียบร้อย

        ผมกับแนนอยู่ด้วยกันตามคาด  งานน่ะเหรอก็สั่งตั้งแต่ต้นเทอมให้ส่งปลายเทอม  เวลาเกลือเฟือแบบนี้จะยากอะไร

       ครับ  ไม่ยากเลยตอนเขียนแบบออกแบบโครงสร้าง  อาทิตย์เดียวก็ได้วิมานในอากาศสุดสวยหรูมาแล้ว  แต่นรกน่ะมันมาต่อจากนั้นคือต้องตัดโมนี่แหละ

        ไม้บัลซ่าเล็กๆแต่หลายตังเหลือเกิน  ไม้อัดทำพื้นรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์สำหรับเอาเข้าไปอยู่ในบ้านอีก  รวมๆแล้วเป็นพัน  นี่ยังไม่รวมอุปกรณ์รองตัดกับใบคัตเตอร์ที่ต้องสูญเสียไปอีกนะ  ขอบอกเลยว่าแค่สตาร์ทก็เห็นหายนะอยู่ไกลๆแล้ว  พอได้เริ่มสร้างก็เห็นมันชัดขึ้นมาทุกที  อย่างแรกเลยคือบ้านไม่ตรงแบบ

        ผมกับแนนวางแผนกันหลายรอบคิดหลายตลบเลยว่าบ้านในอากาศมันต้องเลิศแต่พอเอาเข้าจริงมันทำยากทำเย็นเหลือเกิน  สุดท้ายเราเลยต้องแบ่งหน้าที่กันไปว่าผมจะค่อยๆแก้แบบและแนนจะค่อยๆสร้างโมขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับโครงสร้างที่คำนวณที่สุด  เราก็แก้ไปทำไปจนได้แบบสมบูรณ์นั่นแหละแต่ก็แลกมาด้วยเงินกับเวลาที่เสียไปอย่างไร้ค่าเป็นอาทิตย์ๆ  กว่าจะรู้ตัวก็จวนเจียนส่งแล้วทำให้เราต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำกันแทบทุกวัน  เสียงหัวเราะทั้งน้ำตานี่เริ่มมาเลย

        ใครบอกว่าสาววิศวะอึดที่สุดน่ะผมขอค้าน  ผมขอเสนอตำแหน่งนี้ให้สาวถาปัตดีกว่าโดยเฉพาะแนนเลยด้วย  เพราะการต้องนั่งทำโมหามรุ่งหามค่ำน่ะทำให้ผมเห็นว่าแนนมุ่งมั่นแค่ไหน  จากสวยๆเป็นอาหมวยอาซิ่มพออดนอนหลายๆวันตาก็ดำผมก็กระเซิงเป็นยายเพิ้งน่าสยองแทนแต่แนนก็ยังอดตาหลับขับตานอนนั่นต่อโมกับผมไปอย่างอดทนได้ตลอด

        ลืมบอกไปว่าสถานที่ที่เราต่อโมกันน่ะเป็นห้องแนน  จริงๆไม่ต้องบอกก็ได้เพราะไม่มีอะไรในกอไผ่แต่แค่ประทับใจเล็กๆที่ถึงเวลาต่อโมห้องจะรกแต่แนนก็เก็บกวาดเรียบร้อยมากตอนจะนอนทำให้ผมเห็นความเป็นกุลสตรีเลยล่ะ  ยิ่งได้อยู่ด้วยนานเข้าก็ยิ่งเห็นแนนสวยวันสวยคืนทั้งที่หน้าตาแนนกลับโทรมวันโทรมคืน  ไม่รู้นะก็เราสถาปัตไม่ได้ดูกันที่ภายนอกนี่หว่าแต่ดูกันที่ภายในเพราะถ้าภายในไม่สวยภายนอกที่เห็นมันก็งั้นๆแหละ

        ในที่สุดโมก็เสร็จแปลนก็เสร็จในวันที่จะส่ง  ผมกับแนนไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืนยังต้องแบกโมไป ม. อีกเพื่อให้ อ.ได้ดูพร้อมพรีเซนต์ซะสวยหรูว่าที่ออกแบบมาน่ะเป็นวิมานบนสวรรค์ไม่ใช่บ้านบนโลกมนุษย์ทั้งที่ใจอยากกลับบ้านที่โลกมนุษย์ไปนอนใจจะขาด  แต่ก็คุ้มค่าเพราะคำวิจารณ์ของ อ.ที่พูดออกมาดีทุกคำแม้จะมีตินิดหน่อยก็ตาม  มันทำให้ผมได้เห็นแนนยิ้มอย่างมีความสุขและนั่นทำให้ผมมีความสุขไปด้วย


      ปีสี่
        ปีสุดท้ายปีโตสุดและเป็นปีที่เหนื่อยที่สุด  ปีนี้น่ะเรื่องโมเป็นเรื่องจิ๊บๆไปแล้วถ้าเทียบกับว่าต้องเรียนวิชาที่มันจับต้องไม่ได้อย่างจิตวิทยาออกแบบ  เหนื่อยที่ต้องนั่งดูสไลด์การออกแบบตั้งแต่รุ่นพระเจ้าเหาแล้วเอามาผูกกับจิตใจคนอาศัย  ก็เข้าใจนะว่าบ้านที่ดีต้องอยู่แล้วทีความสุขแต่ที่ไม่เข้าใจคือจิตใจอาจารย์นี่แหละ  เล่นบรรยายด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกันทั้งชั่วโมงท่านคิดจะกล่อมผมให้หลับหรือให้ตั้งใจเรียนครับท่าน

        ไม่ต้องไปพูดถึงวิชาอื่นเพราะมันหลุดโลกไปหมดจะมีแต่วิชาธุรกิจถาปัตนี่แกละที่ดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย

        เรื่องเรียนก็ต้องขอบ่น  เรื่องแนนก็ต้องขอบ่นเพราะปีที่แล้วเจ้าหล่อนมาทำให้ผมตกหลุมรักอย่างจังแต่ปีนี้กลับได้ข่าวว่าไปจีบหนุ่มวิศวะซะงั้น  อย่างว่าแหละสายงานเราใกล้กันแต่นี่ดันมาทำให้ผมอยากแล้วจากไปนี่มันคืออารายยย  ผมน่ะกลุ้มอยู่นานเลยนะว่าจะทำไงดีวะ  จะรีบบอกแนนไปเลยดีมั้ยว่าแนนกูรักมึงนะ  หรือจะรอดี  นั่งคิดจนกลุ้มยิ่งกว่าตอนเรียนแต่ดันมาฮาตอนคุยกันแนนแล้วมันบอกว่าเลิกคบไปแล้วแค่อยากลอยอ่อยเฉยๆว่าได้ผลมั้ย  ผมนี่อึ้งเลย  เห็นเงียบๆที่แท้ร้ายลึกน่าดู

        ปีนี้เป็นปีคนโสด ปอ กับ หยงมันเลิกกับแฟนไปตั้งแต่ทำโมบ้านส่ง อ. เลยกลับมาเข้ากลุ่มทำให้กลุ่มเราคึกคักอีกครั้งแต่ทำให้ผมรู้สึดอึดอัดใจไม่น้อยเพราะใจอยากสารภาพรักกับแนนแต่ถ้ามีไอ้สองตัวนี้อยู่ในกลุ่มใจก็ไม่กล้า  จะเรียกว่าเป็นข้ออ้างก็ได้แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่มีทางสารภาพรักโดยมีไอ้สองตัวปากสว่างนี่มาอยู่ในกลุ่มด้วยแน่ๆเลยกลายเป็นว่าปีนี้ผมยอมทำตัวปอดไม่บอกแนนไปว่าคิดอะไรอยู่และปล่อยให้เวลาผ่านไปจนถึงเวลาจบการศึกษา

        ปริญญามันไม่ได้มาง่ายๆเหมือนกับคนข้างกายที่กว่าจะได้ก็ต้องฝ่าฟันกันมามาก  มันเป็นคติตอนคณะบดีคณะผมพูดเอาไว้ก่อนจบพร้อมกับให้หันมองไปที่เพื่อนๆรอบข้างว่าให้รักและดูแลกันไปไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ตาม 

        ผมซึ้งนะกับคำนี้แต่ในหัวผมกลับมีแต่แนนเมื่อนึกถึงคำว่าคนข้างกาย  ผมไม่รู้จริงๆว่าจะบอกแนนยังไงว่ารักตอนนั้นผมเลยเลือกที่จะลองบอกรักทางโทรศัพท์ดูเพราะมันไม่ต้องเผชิญหน้ากันและมันทำให้ผมมั่นใจว่ากล้าพูดได้มากว่า  คืนนั้นผมเลยโทรหาแนนแล้วหาเรื่องคุยเหมือนตอนที่จีบรุ่นน้องตอนปีสองนั่นแหละ  แต่แปลกดีนะที่ผมไม่ต้องขุดอะไรออกมาคุยให้ยุ่งยากเลย  แค่เราคุยกันเฉยๆ  เรื่องธรรมดาๆเท่านั้นเราก็คุยกันได้ยาวแบบไม่รู้สึกเบื่อ  ยิ่งคุยยิ่งสนุกจนดึกจนดื่น  กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนแนนบอกว่าง่วงแล้วนั่นแหละผมถึงตัดสินจะว่าจะบอกรักกับแนน  ตอนนั้นผมพูดออกไปได้แค่คำว่าแนนเองมั้งก่อนที่สายจะตัดไปเพราะเงินหมด  ผมน่ะรู้สึกทั้งเสียดายทั้งโล่งเลยที่ไม่ได้บอกออกไปและนั่นทำให้ผมตัดสินใจใหม่ว่าจะยังไม่บอกแนนไปว่ารักเพราะรู้ดีว่าบอกไปตอนนี้มันก็มีแต่จะทำให้เราหนักใจทั้งคู่ในเมื่อยังไงเราก็ต้องจากกันไปทำงานคนละที่  คงไม่มีทางได้เจอกันและคงไม่มีทางรักษาความสัมพันธ์นี้ได้  พอคิดได้แบบนั้นผมเลยเปลี่ยนใจและปล่อยให้แนนงงไปคนเดียวว่าผมต้องการจะพูดอะไร


      สองปี
        เป็นสองปีที่ยาวนานในการจบไปทำงานเป็น 'เด็กถาปัต' เต็มตัว  งานยุ่งคนเยอะ  ยิ่งคนเยอะเรื่องก็ยิ่งเยอะ  ถึงตอนนี้ผมจะลืมแนนไปแล้วแต่ใจผมก็ยังไม่มีใครทั้งที่เพื่อนที่ทำงานโสดๆสวยๆรวยๆก็เยอะ  มันเหมือนกับว่าผมยังไม่เจอคนที่ใช่สักที  อีกอย่างก็เพราะผมยังไม่คิดจะหาด้วยมันเลยปล่อยว่างมายาวนานถึงสองปี  แต่ในที่สุดผมก็เจอโดยไม่ต้องหา

        วันนั้นผมไปคุยงานออกแบบกับคุณลูกค้าแสนหวานในร้านกาแฟ  ก็มีบ้างที่ลูกค้าสาวๆจะจีบผมในเมื่อผมอารมณ์ดีและคารมณ์ดีแต่ผมก็แค่คุยๆจนจบด่อนที่ลูกค้าสาวคนนั้นจะขอตัวำปทำธุระต่อ  ตอนนั้นเองผมถึงได้เห็นว่าข้างหลังลูกค้าของผมคือคนที่ใช่สำหรับผม

        เธอนั่งที่โต๊ะติดกระจก  ผมยาวรวบมวยแน่น  ผิวขาวสะอาดสะท้อนแสงดูมีออกร่า  ตัวเล็กๆ  และที่สำคัญหน้านิ่งๆเหมือนอาซิ่ม  ก็ไม่ใช่ใครหรอก  แนนนั่นเองแหละ  ผมรีบตรงไปหาแนนด้วยใจเต้นรัว  ในหัวตีกันยุ่งไปหมดว่าแนนจะสบายดีมั้ยยังโสดอยู่รึเปล่า  แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าแนนยังโสด

       ตอนนั้นบอกเลยว่าผมงัดเอาวิชาทุกวิชาที่เรียนมาสี่ปีในรั้วมหาลัยออกมาใช้ในสมองจนหมดรวมทั้งจิตวิทยาออกแบบด้วยเพื่อให้ตัวเองกล้าพอที่จะเอ่ยคำแรกออกมา

        ผมเรียกแนนให้หันมาแล้วถามวห้แน่ใจว่าใช่แนนรึเปล่าครับก่อนจะอัญเชิญตัวเองลงนั่งอย่างถือวิสาสะ  สรุปเลยคือใช่และแนนก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่ด้วยแต่เพราะลูกค้าเบี้ยวนัดเลยมานั่งฆ่าเวลาก่อนกลับ 

        ผมคุยกับแนนยาวมาก. คุยกันเป็นคุ้งเป็นแควถึงเรื่องราวที่เราห่างหายกันไปสองปีและได้รู้ว่าแนนอยู่ดีกินสบายมากกับบริษัทนี้แถมยังโสดอยู่ด้วย  นั่นทำให้ผมดีใจสุดๆคิดว่านี่แหละโอกาสที่สองที่ผมจะได้บอกรักแนน  ได้เจอกับคนที่ใช่สักที  แต่ยังก่อน  นี่เพิ่งจะเจอกันจะให้บอกเลยก็กระไรอยู่ผมเลยยอมเก็บไว้ในใจอีกครั้งและปล่อยให้การสนทนาของเราไหลลื่นต่อไปจนบ่ายถึงได้ลากลับ  แนนบอกผมว่าเปลี่ยนเบอร์แล้วและให้เบอร์ใหม่ผมมาติดต่อ  ผมเลยถือว่านี่แหละเป็นฤกษ์ดีที่จะขอสานความสัมพันธ์กับเพื่อนคนนี้สักที

        หลังจากวันนั้นผมก็โทรคุยกับแนนบ้างเวลามีเรื่องปรึกษาหรือมีปัญหาชีวิต  เราค่อยๆกลับมาเริ่มใหม่จากศูนย์จนกระทั่งกลับมาสนิทกันอีกครั้งในเวลาไม่นาน  ตอนนี้แนนจึงไม่ใช่คนอื่นคนไกลกับผมแล้วและนั่นทำให้เราต่างคนต่างไปหากันยันไซต์งานที่ทำของอีกฝ่ายเวลาที่เราว่าง  กระทั้งผมได้ตั๋วคอนเสิร์ตมาสองใบจากรุ่นพี่นั่นแหละผมเลยไปชวนแนนให้ไปดูด้วยกันหลังเลิกงาน

        ในคอนเสิร์ตเราสองคนสนุกกันมาก  ต่างคนต่างเหมือนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง  เต้นแร้งเต้นกายิ่งกว่าตอนรับน้อง  ยิ่งตอนใกล้จบยิ่งสนุก  กว่าจะรู้ตัวก็สี่ทุ่มกว่าตอนที่งานจบไปแล้วนั่นแหละ

        เราสองคนเดินหัวเราะกันออกมาจากงานตามผู้คนที่ทยอยกันกลับบ้านไปยังลานจอดรถและก่อนที่จะแยกกันนั่นเองผมก็ตัดสินใจจับแขนแนนเอาไว้
 



--------------------------------------------------------------------------------------------

เข้าสู่ห้องสารบัญหนังสือ

ห้องสารบัญหนังสือ


------------------------------------------------------------------------------------------------

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Samuel Jan

#1
 ::Glad::สุดท้ายแนนจะตอบรักครั้งนี้หรือไม่อย่างไรครับ





คำเตือน  ก่อนคอมเม้นต์ จากเจ้แว่น
................................................
ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ. อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry:: ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา ::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1ปี. .

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉันแบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น. .
................................................................................................................

Pong Sak


bunchucherd


review1972

เล่าได้ดีจนเห็นภาพชีวิตสดใสในรั้วมหาลัยเลยครับ เสียดายผมไม่มีโอกาสนั้น555

tantawanjames

สุดท้ายแล้วความรักครั้งนี้จะจบอย่างไรนะ รักออกแบบไม่ได้จริงๆ

aodpasa


ktbb1966

รักเดียวใจเดียวรอผู้หญิงได้นานขนาดนี้แมนจริง

adas


Pueng15

อ่านแล้วน่ารักดี อยากให้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ลุ้นตอนจบ

aioros13




niceanglev

เล่าซะเหมือนกลับไปอยู่มหาลัยอีกครั้งเลย

kidxero

ไม่ได้อ่านเรื่องสั้นแบบที่ทำให้รู้สึกฟีลกู้ดมานานละ อ่านแล้วนึกถึงสมัยเรียนมหาลัยเลยครับ มีแพลนจะแต่งเรื่องยาวบ้างมั้ยครับอยากติดตามมากๆเลย