ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่14

เริ่มโดย Monchai-S, มิถุนายน 13, 2018, 09:45:28 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่14


          คืนนั้น...ลูกเนียงรู้สึกเป็นไข้หนาวสั่น ในเนื้อตัวมันปวดร้าวเหมือนมีสัตว์เข้าไปขบกัด มันปวดไปจนถึงกระดูก เส้นเอ็นเหมือนจะโดมฉีกขาด เนื้อหนังชอกช้ำคล้ายกับโดนทุบตีมาอย่างหนัก นอนซมอยู่คนเดียวคล้ายนักโทษทําความผิดอย่างฉกรรจ์ โดนเบิกเอาตัวไปซ้อมแล้วจับยัดใส่ห้องขังเดี่ยว ไม่มีหยูกยา ไม่มีคนช่วยเหลือ
ในความเจ็บปวดนี้...บางครั้ง...มันมี ความรู้สึกชอบกล ๆ อย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ แต่ก็ไม่เหนือไปกว่าความเจ็บปวดที่ได้รับ
เสียงเพลงที่เปิด โดยจานเสียงดังมาจากห้องโถงข้างล่าง ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะกัน อย่างสนุกสนานของพ่อกับอาแววรัตน์และเพื่อน ๆ ที่ชวนกันมาดื่มและเต้นรำ เป็นเวลาของความสุขสําหรับพ่อกับอาแววรัตน์และ เพื่อน ๆ
แต่มันเป็นเวลาอันทุกข์ทรมานของลูกเนียง หลังจากโดนขยี้ความสาวจนแหลกลาญด้วยมือของกําบัง ชายร่างใหญ่หนา ไขมันเริ่มจับเป็นแห่งๆ ตามหน้าท้อง หน้าอก แขน ใบหน้าและต้นคอ รูปร่างหน้าตาดูน่าเกลียด แต่กลับเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในความคิดของเด็กสาว ซึ่งยังไม่รู้จักจิตใจของมนุษย์ดีพอ เด็กสาวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างปกปิด ซ่อนเร้น มิให้รู้เรื่องของเพศตรงข้ามจากแม่ผู้เป็นคนหัวเก่า หมายมั่นถนอมความบริสุทธิ์ ให้กับลูกสาว จนกว่าจะถึงบนเตียงในวัน วิวาห์
บัดนี้... เตียงวิวาห์มันไม่มีสําหรับเด็กสาว มันเป็นแท่นหรือเขียงสําหรับเชือดสัตว์
ลูกเนียงปวดร้าวแทบกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ หนาวสั่นเพราะไข้จับ อยากจะลงไปบอกกับพ่อ อยากให้พ่อพาไปหาหมอหรือหายาให้กิน...แต่ทิฐิมานะของเด็กไร้เดียงสา ความเจ้าแง่แสนงอนไม่อยากจะขอความช่วยเหลือพ่อ แม้จะพูดกับพ่อก็ยังไม่มีเวลาให้ลูกเนียง พ่อมีเวลาให้กับอาแววรัตน์ มีเวลาให้กับงานและเพื่อนๆ ของพ่อ พ่อปล่อยให้ลูกเนียงอยู่กับแม่มาแต่เล็กแต่น้อยด้วยความเคยชิน ครั้นแม่ตายจาก พ่อก็ยังทําเหมือนลูกเนียงยังมีแม่ พ่อไม่เคยสนใจ...เหตุนี้... ลายตองจึงหลอกเอาลูกเนียงไปขึ้นเขียงให้ กำบังเชือดเสียสาแก่ใจ
"เอ๊ะ ลูกเนียงไปไหนนี่" พัดชาแม่ของรองพล เอ่ยกับแววรัตน์ขณะที่เพิ่งพักเหนื่อยจากการเต้นรํา เสียงเพลงในจังหวะแทงโก้จากแผ่นเสียงดังขึ้น หลายคู่ออกไปวาดลวดลาย
"นอนแล้วละ ป่านนี้คงหลับปุ๋ยไปแล้ว" แววรัตน์ตอบพลางยกแก้วเหล้าสีเหลืองบางๆ ขึ้นจิบ เธอชอบกระตุ้นให้มันเกิดความเมาน้อยๆ เพราะเธอรู้ตัวดีว่าถ้าป็นเช่นนี้ มันคือเวลาของความสุขที่สุด แม้กระทั่งขณะที่อยู่บนเตียง..นึกขึ้นมาแล้วก็น่าขัน...ฝีไม้ลายมือของนายกองทุนดูจะไม่ค่อยคงเส้นคงวาสําหรับเรื่องบนเตียง เห็นที่ยังจะต้องค่อยๆ สอนกันโดยทางอ้อมอีกมาก 
"นี่เธอรู้ไหม" พัดชาพูดเหมือนกระซิบกระซาบ
"ตารองพลของฉันน่ะจะคลั่งลูกเนียงตายอยู่แล้วละ"
"เป็นไงรึ" แววรัตน์ยิ้มสายตาไม่ละไปจาก กองทุนสามีซึ่งกําลังพาคู่เต้นพลิ้วไปตามจังหวะ... การเปลี่ยนคู่เต้นทําให้มีชีวิตชีวา ในแง่ศิลป์มากขึ้น ...แววรัตน์คิดเลยเถิดไปถึงการเปลี่ยนคู่...แม้ตนเองจะไม่เคย แต่เท่าที่ผ่านการเรียนมาจากตะวันตกก็พอจะรู้ถึงการเปลี่ยนคู่กันชั่วคราวของพวกผิวขาว
"เธอรู้ไหม วันนี้ตารองพลไม่ยอมออกจากห้อง ทั้งวัน"  พัดชาพูดเหมือนจะเอาความดีให้ลูกชายมาให้แววรัตน์เห็นใจ ซึ่งความจริงไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ด้วยความต้องการให้ลูกเนียงเป็นของรองพลลูกชายของตัวเลยจีบปากจีบคอฟ้อง เหมือน แววรัตน์ไม่ใช่น้องสาว เป็นแม่ของลูกเนียงเเท้ๆ
"ทําไมล่ะ ไม่สบายไปรึ" แววรัตน์ถามไปตามประโยคที่พัดชาพูดมา แต่สายตาที่ไม่ละไปจาก คู่เต้นรำที่กําลังฉวัดเฉวียนไปมา
"ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่รองพลแกเอาแต่วาด รูปลูกเนียงอยู่ทั้งวันน่ะสิ
"ถึงขนาดนั้นเชียวรึ"
"ฮื่อ...ถึงฝีมือจะไม่เข้าขั้น แต่ตารองพลของ ฉั้นก็วาดรูปของลูกเนียงได้สวยที่เดียวแหละ"
"แกมีหัวศิลป์อยู่เหมือนกันนี่นา" แวรรัตน์ ยกแก้วขึ้นจีบอีกเล็กน้อย
"ใช่ แกวาดเสร็จแล้วฉันถึงได้มีโอกาสดู แกเข้าใจให้สีเสียด้วยนา เป็นรูปของลูกเนียงแค่ครึ่งตัว ทัดกุหลาบสีแดง ในมือถือดอกไม้สีขาว มีแสงสว่าง สลัวๆ เหมือนตะวันเพิ่งจะเริ่มขึ้นในตอนเช้า นกสีขาวโบยบินอยู่บนท้องฟ้าเป็นแบ็คกราวน์ดมันมองดูเหมือม...ดูเหมือนความหมายของความบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ไปหมดทั้งเนื้อตัวกายใจของลูกเนียง"
แววรัตน์หัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อฟังพี่สาว พูดราวกับจะเพ้อ
"หัวเราะอะไร" พัดชาถามอย่างฉงน
"หัวเราะพี่น่ะสิ พูดยังกับว่าพี่เป็นตารองพล เสียเอง"
"ก็มันจริง ๆ นี่นา" พัดชายกแก้วเหล้าในมือ ขึ้นจิบบ้าง "เอาไว้ให้เธอเห็นรูปนี้เสียก่อน เธอจะเข้าใจความหมาย รองพลเพิ่มค่าความบริสุทธิ์ให้กับลูกเนียงแค่ไหน"
"ไม่ต้องเพิ่มให้ ลูกเนียงก็บริสุทธิ์อยู่แล้ว เด็กขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอะไรหรอก"
"นั่นสิ"
"บอกให้ตารองพลหมั่นมาคุยกับลูกเนียงบ้างก็แล้วกัน อย่าห่างเหินมากนัก"
"ฉันก็บอกแกแล้ว แต่ตารองพลของฉันเธอก็ รู้อยู่แล้ว เรื่องพรรณนี้เขาจริงจัง แต่ก็ติดจะอายๆอยู่เหมือนกัน...ยังไงละก็เธอดูแลยายลูกเนียงเอาไว้ให้ดีๆ นะ"
"ฉันรู้หรอกน่า ฉันจะไม่ยอมให้มดเข้ามาไต่ไรเข้ามาตอม เพราะลูกเนียงเป็นของรองพลหลานชาย แท้ๆ ของฉันนี่น้า" แววรัตน์ลากเสียงยาวๆ แล้ววางแก้วหันไปหาเพื่อนของสามีที่เข้ามาโค้งให้ด้วยมารยาทขอสําหรับเพลงที่เพิ่งจะขึ้นมาใหม่ในจังหวะ วอลซ์...
เขาเป็นเพื่อนคนใหม่ของสามี...ภาษากายของเขาที่ส่งออกมาตามจังหวะวอลซ์ไม่เลว...
แววรัตน์รู้สึกถึงการได้เปลี่ยนคู่ใหม่ขณะอยู่ในวงแขนของเขาที่พาเธอลิ่ว ๆ ไปเหมือนลอย ละล่อง

ลูกเนียงรู้สึกหนาวสั่น... พ่อจะรู้ไหมหนอลูกสาวของพ่อกําลังบอบช้ำอยู่ในขณะนี้...
แม่... ลูกเนียงคิดถึงแม่... หากแม่ยังอยู่ เราคงไม่เป็นอย่างนี้ แม่จะกุลีกุจอ ช่วยหาหยูกยา แม่จะเจ็บปวดเหมือนความเจ็บปวดของแม่เอง
ลูกเนียงหลับไปอีก... ช่วงนี้ลูกเนียงฝันเห็นแม่...
ในฝัน ลูกเนียงเจ็บปวด เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล วิ่งเข้าไปหาแม่ขอให้แม่ช่วยด้วย เพราะไม่สามารถจะช่วยตัวเองได้ ใครต่อใครพากันรุมทําร้าย เพราะเห็นเป็นเด็ก ไม่มี สติปัญญาจะป้องกันตนเองได้ ลูกเนียงให้มาดูบาดแผลตามเนื้อตัวซึ่งโดนรุมกัดรุมทึ้งราวกับเป็นเหยื่ออันโอชะ พ่อก็สิ้นความรักความห่วงใยเสียแล้ว พ่อมีอาแววรัตน์ที่จะต้องเอาใจใส่มากกว่าลูกสาวคนเดียวของพ่อ ลูกเนียงจึง โดนทำลายอย่างยับเยิน ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว ลูกเนียงขอร้องให้แม่รับลูกเนียงไปอยู่ด้วย ทำไมแม่ถึงใจร้ายปล่อยให้ตนต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนที่คิดทําลายเด็กไร้เดียงสาอย่างนี้ ลูกเนียงอยากไปอยู่กับแม่ ไม่ว่าจะทุกข์อย่างไรก็ยังดีกว่าชีวิตที่เป็นอยู่ในขณะนี้... แม่ไม่ได้พูด เอาแต่กอดลูกเนียงแล้วร้องไห้... ลูกเนียงพลอยร้องไห้กับแม่สองคน แม่ลูกร้องจนกระทั่งลูกเนียงรู้สึกตัวตื่นยังไม่หมดเสียงสะอื่น ของตนเอง...
ความไข้ดูจะค่อยบรรเทาลงเพราะเหงื่อ ออกมาชุ่มโชก
เด็กสาวสลัดผ้าห่มผืนหนาออกจากตัว ลุกขึ้นนั่งมันปวดแปลบขึ้นมาตรงกระดูกสันหลังจนต้องนิ่วหน้า
พอก้าวลงจากเตียง... จะลุกขึ้นยืนก็กลับต้องงอตัวลงเพราะความปวดในช่องท้อง
อะไรต่ออะไรดูมันจะยังค้างคาอยู่ในตัว ไม่ออกไปไหน เด็กสาวพยายามค่อย ๆ ยืดหน้าอกขึ้นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและทรงตัวให้มั่นคงขึ้น ใช้สองมือดันตรงกระเบนเหน็บแอ่นหน้าให้เชิดขึ้นไม่ให้ตัวมันงอ สองไหล่ผายออกมิให้มันห่อเข้าหากัน... แต่มันยังมีความรู้สึก ตอนที่สองมือของกําบังเหนี่ยวรั้งสองไหล่อยู่ เจ็บหน้าท้องเพราะแรงกระแทกกระทั้น... เจ็บเข้าไปจนลึก... ขณะที่เขาก็คงจะพยายามอย่างเต็มที่กว่า.. กว่าเลือดเสียจะออกมา...
เด็กสาวพยายามแข็งใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ มันให้ขัดไปหมดทุกข้อต่อ
เมื่อเข้ามาในห้องน้ำ ลูกเนียงก็เปิดไฟ... ถอดเสื้อกระโปรงชุดเดิมที่ยังมีรอยเลือดแห้งกรังติดอยู่ออกไปจากตัว เพราะตั้งแต่กลับมา จากห้องของกําบังขึ้นมาอยู่ในห้องของตนบนตึกก็ล้มพับหลับอยู่บนเตียง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะถอดเอากระโปรงเปื้อนเลือดออก...
เด็กสาวมองร่างเปล่าเปลือยของตัวเองใน กระจกเงาบานใหญ่ แสงไฟส่องให้เห็นชัด...
ใบหน้าที่เคยอิ่มปลั่งด้วยเลือดฝาดดูเหมือน จะกลายเป็นสีซีด ๆ
ดวงตารู้สึกจะมีม่านอันขุ่นมัวบังอยู่เล็กน้อย
หัวไหล่ข้างขวาเห็นเป็นรอยเล็บจิกอย่างถนัด
ปากดูจะหนาขึ้นกว่าเดิมเพราะโดนขบกัด
ตรงฐานสีขาวของสองเต้ามีรอยเขี้ยวย้ำเป็นจ้ำ ๆ
หน้าท้องมีรอยโดนหยิกเนื้อเขียวบาง ๆ
ป่วยการจะไปดูที่อื่น ๆ เด็กสาวหลับตา อ่อนอกอ่อนใจไปหมด
เจ้าเลือดเสียนี่มันร้ายกาจจริงๆ กว่าจะเอามันออกไปจากตัวได้... ก็น่าฉงนอยู่เหมือนกัน ในลีลาท่าทางของเขา... ภาพที่เห็นในกระจกเงาคร่ำคร่าใน ห้องนอนของกําบัง... คล้าย ๆ กับการหักแข้งหักขาของนักยูโด... แต่มันไม่ใช่เพียงแต่คล้าย...
ยิ่งนึกไปถึงอิริยาบถในช่วงสุดท้ายของเขา...
นับว่าเป็นบุญแล้วที่เอาตัวรอดออกมาได้...
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ บทบาทการโลมเล้าครั้งแรก ของเขามันให้ความรู้สึกชอบกล
ถ้าเขาทําแบบนั้นไปเรื่อย ๆ ก็คงจะดีเหมือนกัน แต่คงช่วยเอาเลือดที่ไม่ต้องการออกมาจากตัวไม่ได้
...เฉพาะเจ้าสิ่งที่ช่วยดึงเอาเลือดออกมาจากตัว...
ยิ่งคิดยิ่งสยอง... และ สยิวพิลึก...
เด็กสาวเปิดน้ำใส่อ่างวักขึ้นมาล้างหน้า เส้นผมยาวยุ่งลงมาปรกค่อย ๆ ใช้มือรวบขมวดเอาไว้ด้านหลัง แต่ก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะปวดตรง หัวไหล่ยกขึ้นไม่ค่อยถนัด...
ฤทธิ์เหล้าที่กําบังให้กินก่อนจะเอาเลือดออก ดูจะยังไม่สร่างง่าย ๆ มันยังขมขื่นอยู่ในปากและบงการอยู่ในความคิด...
ความหนาวสั่นเพราะฤทธิ์ใข้เมื่อตอนหัวค่ำหายไป เหลือแต่ความร้อน... ร้อนจนไม่อยากจะออกไปจากห้องน้ำ
เด็กสาวค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งพิงข้างฝาเหยียดสองขาออกไปตรง ๆ แต่ก็ทําไม่ได้นานเพราะความตึงปวดต้องงอเข้ามาหาตัว ความเย็นของกระเบื้องเคลือบจากพื้นและผนังของห้องน้ำช่วยทําให้คลายความร้อนลงไปได้บ้าง
จนป่านนี้ความเหนื่อยหอบยังไม่หาย
เด็กสาวเผลอหลับอยู่ในท่าเช่นนั้นจนสว่าง... มารู้สึกตัวเอาเมื่อได้ยินเสียงลายตองเรียก
"คุณหนูคะ... คุณหนูคะ ตื่นเถอะค่ะ"
เด็กสาวลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าลายตองยิ้มละไม ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเกิดขึ้น เพราะในยามนี้ไม่มีใครจะเข้าใจและเอาใจใส่ดูแลช่วยเหลือตนเท่ากับ ลายตอง... นอกจากแม่แล้วก็เพิ่งจะเห็นลายตองนี่แหละพอเป็นที่อาศัยพึ่งพากันได้... ความไร้เดียงสา ทําให้ไม่รู้ว่าตนเองได้กลายเป็นเหยื่อของลายตองไปเสียแล้ว
"ลายตอง"  เด็กสาวเอ่ยขึ้นเบาๆ พลันรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรขึ้นมาจุกอยู่ในลําคอ ทําให้ต้องสะอื้นออกมาน้อย ๆ
"เมื่อคืน... เมื่อคืนฉันหนาว...ฉันเป็นไข้"
"ก็นายกําบังแกขย่มเอาขนาดนั้นไม่เป็นไข้ได้อย่างไรเล่า" ลายตองคิดอยู่ในใจ ยิ้มที่ส่งออกมาเป็น ยิ้มของความเห็นใจ แต่ในความคิด มันเป็นยิ้มที่สาสมกับความแค้น...
เด็กสาวอดที่จะเอามือกอดหน้าอกเพื่อปิดสองเต้าและงอขาเข้ามาเบียดบังเนื้อหน้าขาเสียมิได้เพราะความอายลายตอง
"คุณหนูไม่เป็นไรแล้วละค่ะ" ลายตองพูดเสียง "อ่อนปลอบโยน มาอาบน้ำเสียก่อนเถอะ ตองเปิดน้ำ อุ่นเอาไว้ให้แล้ว ตั้งแต่กลับมาจากในสวนเมื่อวานนี้คุณหนูยังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหมคะ"
เด็กสาวส่ายหน้าหลบสายตาของลายตองด้วยความอาย
ลายตองแกล้งทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ค่อย ๆ พยุงร่าง ของเด็กสาวให้ลุกขึ้น... เด็กสาวรู้สึกปวดจี๊ดจ๊าดขึ้นมาตรงเนื้ออ่อนหน้าขา ขาก็พลันอ่อนลงทําท่าจะพับจนต้องโผกอดลายตองเอาไว้
"เป็นไงคะ" ลายตองแกล้งถามทั้ง ๆ ที่รู้ เพราะสภาพเช่นนี้ตนเคยเจอมาแล้ว
"ฉัน... ฉันปวด เด็กสาวกัดฟันตอบ
"ทนเอาหน่อยนะคะ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็จะหาย ตองเองเมื่อแรก ๆ ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน คุณหนูยังดีกว่าตองนะ เพราะคุณหนูแข็งแรงกว่า ตองเองนอนซมไปตั้งเจ็ดแปดวัน"
ลายตองค่อย ๆ พยุงเอาเด็กสาวลงในอ่างน้ำสีขาว มือไม้ของลายตองดูแผ่วเบานุ่มนวล... คล้ายกับมือของแม่เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ช่วยดูแลประคบประหงมให้กับเด็กสาว...
แต่พอลงไปในอ่างทั้งตัว... เนื้อตรงหน้าขาโตนน้ำเข้าเท่านั้น... มันแสบจี๊ด จนทนเกือบไม่ไหว.. ยังดีที่เป็นน้ำอุ่น และเฉพาะความอุ่นใจที่อยู่ในมือของลายตอง...
ลายตองถูเนื้อถูตัวให้เด็กสาวเบา ๆ บางครั้งไป โดนเข้าตรงรอยเจ็บเด็กสาวจนถึงกับคราง
"เอ๊ะ คุณหนูเป็นอะไรน่ะ" ลายตองแกล้งทํา เป็นสงสัยเมื่อได้ยินเสียงเด็กสาวคราง
"เจ็บ"  เด็กสาวตอบเบา ๆ
ลายตองแกล้งทําสีหน้าฉงนคล้ายกับเพิ่งจะได้ เห็นรอยเขียวช้ำตามเนื้อตัวของเด็กสาว
"อุ๊ย คุณหนูไปโดนอะไรมานี่" พลางเอามือลูบ ตามรอยช้ำที่หัวไหล่ หน้าอก และรอยช้ำบวมที่ริมฝีปากของเด็กสาว
ลูกเนียงส่ายหน้าไม่อยากพูด
"บอกตองสีคะคุณหนู คุณหนูไปโดนอะไรมา" ลายตองแกล้งถามย้ำ
"เขา... เขา... เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก "เขา..เขาทำ... "
"เขา" ลายตองแกล้งทวนคำ "เขาทําอะไรคุณหนูเหรอคะ" ซุ่มเสียงฟังดูเหมือนจะตกใจไม่ใช่น้อย
"เขา... ก็เขาทํา... ทําอย่างที่ลายตองบอก" เด็กสาวก้มหน้าลง สายตาบังเอิญเห็นรอยเลือดสีแดงจาง ๆ อยู่ในน้ำ
"เขาทําอย่างที่ตองบอกเหรอคะ"
"ใช่" เด็กสาวพยักหน้าหลบสายตาลายตอง ราวกับเพิ่งโคนจับผิดได้
"ต๊ายตาย" ลายตองทอดหางเสียงพลางเอามือ ลูบอกของตนเอง
"ถ้าหากเขาท่าอย่างที่ตองบอก ทำไมถึงเป็นขนาดนี้เล่า" มือก็ลูบไปตามรอยช้ำตามเนื้อตัวเด็กสาว
เด็กสาวมองหน้าลายตองด้วยความฉงน... ลายตองทําหน้าเหมือนกับจะร้องไห้
"ถ้าเขาทําอย่างที่ตองบอกกับคุณหนู...ทําไมมันถึงได้เป็นขนาดนี้" ลายตองเบือนหน้าหลบสายตาเด็กสาว แสร้งยกนิ้วชี้ปาดที่หางตาของตนคล้ายกับ จะกลบเกลื่อนหยดน้ำตา
ลูกเนียงยิ่งแปลกใจมากขึ้น...ลายตองหมายถึงอะไร... ไม่เข้าใจ...
"ถ้าหากเขาทําอย่างที่ต้องบอกกับคุณหนู และนัดแนะกับเขาเอาไว้ตั้งแต่แรก คุณหนูคงไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวถึงขนาดนี้"
แม้จะไม่ใช่นักแสดง แต่ลายตองก็สวมบทบาท ความเห็นอกเห็นใจ ความตื่นตกใจได้ไม่เลว มันเป็น มายาที่ซ่อนลึก ถึงคราวก็เอาออกมาใช้อย่างได้ผล และเด็กสาวอย่างลูกเนียง ไร้เดียงสาเสียจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยิ่งง่ายดายเข้า
ลายตองเอามือลูบคลําตามเนื้อตัวของเด็กสาว ที่มีร่องรอยของการโดนขยี้ขยําเบา ๆ
"โถ คุณหนู" ลายตองทําเสียงเครือได้อย่างแนบเนียน
พอได้ยินเสียงสั่นเครืออย่างแนบเนียนของลายตอง ความเจ็บปวดที่ตนได้รับมาทําให้เด็กสาวเผลอตัวโผเข้ากอตลายตองร้องไห้ออกมาทันที
ลายตองปล่อยให้เด็กสาวร้องไห้อยู่พักหนึ่ง จึงปลอบ
"นิ่งเสียเถอะค่ะคุณหนู" พลางเอามือเช็ดน้ำตา ลูบไล้เส้นผมของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน
ครู่หนึ่งลูกเนียงจึงเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นน้อย ๆ
"ไม่น่าเลย" เสียงลายตองพูดอย่างเคียดแค้น
เด็กสาวก็ยังไม่เข้าใจความหมายของลายตองอยู่ดีว่าหมายถึงอะไรกันแน่
"ไม่น่าอะไร" ลูกเนียงย้อนถาม
"คุณหนูไม่น่าจะเจ็บถึงเพียงนี้"
"แล้วตอนที่..ตอนที่ลายตอง...เอาเลือดเสียออกจากตัว....ไม่เจ็บถึงขนาดนี้เรอะ"
"มันเจ็บเหมือนกันค่ะ แต่มันไม่เจ็บอย่างบอบช้ำเหมือนเช่นนี้...ชักสงสัยเสียแล้วสิ.." ลายตอง ถอนใจลึก ๆ
"สงสัยอะไร" เด็กสาวถามอย่างพาซื่อ
"เขา... เขาทําอะไรกับคุณหนู"
"... ก็เอาเลือดเสียออกไป.. อย่างที่ลายตองบอก"
"ฉัน... ฉันว่ามันไม่ใช่เสียแล้ว"
"ไม่ใช่... ไม่ใช่ยังไง" เด็กสาวฉงนคล้ายกับรู้ ว่ามีเรื่องราวอะไรที่ผิดปกติขึ้นเสียแล้ว
"มันไม่ใช่เอาเลือดออกอย่างที่ลายตองทําน่ะ สิคะ"
"ไม่... ฉันไม่รู้" เด็กสาวส่ายหน้าไปมา
ลายตองเม้มริมฝีปากจ้องหน้าเด็กสาว ซึ่งประสานสายตาตอบเหมือนต่างฝ่ายต่างพยายามค้นหาความจริง
"เขาทํายังไงกับคุณหนู"
"ก็เขา..." เด็กสาวส่ายหน้าด้วยความอาย
"เอาเถอะ งั้นตองจะเป็นฝ่ายทําให้คุณหนูเข้าใจเอง... ตอนที่ตองมีประจําเดือนในตอนนั้น หมอโฉมแกเอาเลือดเสียออกให้... หมอแกใช้ปากดูดเอา ออกเพียงอย่างเดียว... คุณหนูเข้าใจไหม... ไม่ว่าใครที่เขาทํากัน เขาก็ใช้ปากดูดเอาเลือดเสียออก อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีอะไรอื่น"
เด็กสาวรู้สึกชาไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวเมื่อ ได้ยินลายตองพูดเช่นนี้...การเอาเลือดเสีย ออกจากตัวหลังจากมีประจําเดือนเขาใช้ปาก ดูดออกอย่างเดียว แต่นี่... แต่กำบังไม่ได้ ทํากับตนอย่างนั้น ไม่ได้ใช้ปากเอาเลือดออก... แต่เขา... เขาใช้หน่อเนื้อหน้าขาของเขาเข้ามาทะลวงในตัว... โอ... อะไรกัน... มันหมายความว่าอะไรกันนี่...   


peddo

ลายตองโหดมาก พาไปให้บังขยี้กาย แล้วยังตามมาขยี้ใจอีก หนูน้อยจะทำไงต่อไปเนี่ย จะเตลิดเปิดเปิงไปไหมนะ อ่านไปอ่านมายังไม่หายเสียวเลย ขนาดยังไม่มีบทเสียว แต่งได้อารมณ์​จริงๆ​ครับ​ ขอบคุณ​ครับ​

Phoowadol

เด็กหนอเด็กเสียสาวไปแล้วยังไม่รู้ตัวเลย  เฮ้อ เจ็บจนระบมไปหมดทั้งตัวแล้วมั้งตอนนี้ แหม่ก็ครั้งแรกอดนะแถมโดนกำบังล่อใส่ไม่ยั้งด้วย ป่านนี้คงบวมฉึ่งแน่ๆเลย. ลายตองก็ช่างร้ายกาจ ทำทีเป็นเอาใจใส่สงสารทั้งๆที่เธอนะแหละตัวดีหลอกสาวน้อยเข้าถ้ำเสือ  มันน่านักหึ...

cdx

หายไวๆนะลูกเนียน จะได้ไปซ้ำอีกรอบ
ต้องลุ้นแล้วละ

pinmonkey

สงสารลูกเนียงจังเลย รับผิดในสิ่งที่ตนไม่ได้ก่อ แต่คงเป็นกรรมเก่าละนะ ขอบคุณมากครับ

johnywalker

 ::Crying:: น่าสงสารลูกเนียง ใสซื่อซะจนมองคนไม่ออก

naluk888

พลิกลิ้นเลยนะลายตอง กะเสี้ยมอีกรึ

suriyamahajit

#7
ลายตองนี่ออกลีลาแก้แค้นอย่างร้ายเลยวางแผนเด็ด

ohodaya