ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

GhostWriter ภาคเวนิสพิศวาส ตอนที่ 7 กอนโดล่า..แสนอาลัย

เริ่มโดย Pem Samsan, กุมภาพันธ์ 10, 2017, 07:02:55 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Pem Samsan

GhostWriter ภาคเวนิสพิศวาส ตอนที่ 7 กอนโดล่า..แสนอาลัย
-------------------------------

เฮ่อ...สุดยอด...หลับเป็นตายเลย คงเพลียมาก....ฮิ ๆ ๆ ๆ ๆ (แอบหัวเราะในใจ)
เมื่อคืนโมฟาดซะ..นอนตะวันโด่งแล้วยังไม่ตื่นเลย..พี่เรา
หันไปมองใบหน้าที่ลับตาพริ้มหายใจลึกยาวแล้ววูบวาบในใจบอกไม่ถูก
นี่ก็ใกล้จะต้องกลับเมืองไทยแล้ว โมจะลืมเวนิสนี้ลงได้อย่างไร
กลับไทยแล้วเราก็คงต้องต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม..เ-ห-มื-อ-น-เ-ดิ-ม...
คิดแล้วก็ก็ได้แต่ถอนหายใจยาว อะไรจะเกิด..มันก็ต้องเกิดแหละน่า
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีความสุขที่สุดพอแล้วโมเอ๊ย... (ปลอบใจตัวเอง)

โมเข้าห้องน้ำเปิดน้ำอุ่นลงอ่างแล้วก้าวลงไปนอนแช่อย่างสบายอารมณ์
วันนี้อากาศดีแสงแดดผ่านน้าต่างด้านนอกสะท้อนกระจกบานประตูห้องน้ำเลื่อมพราย
โมนอนแช่น้ำอุ่นนิ่ง ปล่อยให้ใจดื่มด่ำกับความสุขที่ผ่านมา
กลับเมืองไทยเป็นไงก็ค่อยว่ากันอีกที..นะโมนะ...

โมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วตามด้วยเสียงเรียก
"โม...หลับหรือเปล่า ?"
เราเคลิ้มไปนานเท่าไหร่นี่ พี่กาญจน์ตื่นแล้ว
"ขา...โมแช่น้ำสบายจัง..."
จากนั้นโมได้ยินเสียงพึมพำอะไรฟังไม่ถนัด
โมลุกขึ้นเปิดน้ำทิ้งหันไปเปิดฝักบัวเพื่อล้างตัวอีกครั้งก่อนดึงผ้าขนหนูผืนใหญ่มาเช็ดตัวจนแห้ง

โมนุ่งกระโจมอกแล้วเดินออกจากห้อง
พี่กาญจน์นุ่งกางในตัวเดียวนั่งดูทีวีอยู่บนที่นอน
"ไปอาบน้ำเถอะพี่กาญจน์ หลับสบายซิ..อิอิ" อดหยอกไม่ได้หรอก
"อื้อ..หลับสนิทที่สุดเลย..ได้นอนกอดโมนี่.." พูดแล้วก็ยื่นมือมาคว้าตัวโมเข้าไปกอด
เอาหน้าซุกตรงสะดือแล้วขยี้หน้าไปมา "โมเยี่ยมสุดเลย ไม่ได้ยอนะนี่" พูดแล้วขยี้หน้าอีกที

โมหัวเราะเอามือประคองศีรษะพี่กาญจน์เอาไว้
"เยี่ยมจริงหรือเปล่า ?" พี่กาญจน์เงยหน้าขึ้นมองสบตาแล้วพยักหน้า
"วันนี้เราไปเที่ยวไหนกันดีพี่กาญจน์..." โมเปลี่ยนเรื่องเสียงั้นแหละ
ความจริงก็อยากฟังคำชมอยู่เหมือนกัน แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า

"พี่ว่าวันนี้เช้าไปมุดตรอกกันต่อดีกว่าเดินเล่นกันไปเรื่อย ๆ ก่อน
พอตกเย็น ๆ หน่อย เราค่อยลงกอนโดล่าอีกที ดีเปล่า ?"
โมพยักหน้า "โมอยากกินพิซซ่าอิตาลีอีกทีก่อนกลับ"
พูดแล้วก็หัวเราะ ก็มันทั้งแข็งทั้งด้าน รสชาดก็ห่วยบรม
"หา..อยากกินอีกเหรอ ?" พี่กาญจน์เบิกตาโตจ้องโมแบบไม่เชื่อหู
"อื้อ...อิ่มทนดี..." พี่กาญจน์หัวเราะ "ประชดพี่หรือเปล่า ? มันอร่อยที่ไหนกัน"
"ก็โมอยากเดินไป..กินไป ดูโน่นดูนี่ไปด้วย"
"แน่ใจนะ..." พี่กาญจน์ถามย้ำอีกทีก็เพราะไม่แน่ใจในตัวโมนั่นแหละ
โมยิ้มกวน ๆ แล้วพยักหน้ายืนยันอย่างเจ้าสาวเล่ห์ แหะ ๆ
"พี่กาญจน์รีบอาบน้ำเถอะคะ..." พี่กาญจน์พยักหน้าแล้วลุกคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ

โมแต่งตัวตามสบาย ๆ สวมกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อยืดแล้วแจ๊กเก็ตหนาตาสก๊อตดำแดง
แถมผ้าพันคอกับหมวกอีกใบ แต้มเติมใบหน้ากับริมฝีปากอีกนิดทุกอย่างเรียบร้อย
เดินมาเปิดผ้าม่านมองทะเลเห็นนกนางนวล อากาศยามสายกำลังสบายไม่หนาวมาก
พี่กาญจน์อาบน้ำเสร็จเดินเข้ามากอดเอวโมแล้วถามว่า "ดูไร ?"
"วันนี้อากาศดีจังพี่กาญจน์ ฟ้าใสแจ๋วเลย" ตอบแล้วหันมาเอาแก้มชนแก้มพี่กาญจน์

"อื้อ..วันนี้นั่งกอนโดล่าให้ชุ่มหัวใจเลย..."
"รีบแต่งตัวเถอะ..จะได้ออกไปเดินเที่ยวกันก่อน พี่กาญจน์พาโมเดินรอบเกาะหรือยังละ ?"
"พี่พาโมไปทุกซอกทุกมุมที่คนมาเที่ยวเขาไปกันแล้ว เวนิสก็มีแค่นี้แหละโม"
"นั่นซินะ..เล็กนิดเดียว แต่ทำไมดึงดูดคนทั้งโลกให้ถวิลหาได้ก็ไม่รู้นะ ?"
"ก็ความเก่าจริง ๆ นั่นแหละ เก่าแบบดั้งเดิมไม่มีปลอมปนเด็ดขาด นี่คือมนต์เสน่ห์"
"โมว่า..เค้ารักษาเอาไว้ดีมาก ๆ" แล้วมองเหม่อออกไปคิดถึงกรุงเทพจังเลย

"พี่ไปแต่งตัวก่อน.." พูดแล้วพี่กาญจน์ก้มลงหอมต้นคอโมฟอดทำเอาสยิวขนลุกซู่เชียว
พี่กาญจน์ใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ๊ตแล้วก็สูทชั้นดีทับ
"ไปเถอะโม..." พูดแล้วเดินมาเกี่ยวก้อยโมดึงออกมา

"โมหิวหรือเปล่าละ ?" โมส่ายหน้า "มานี่โมกินเยอะไปด้วยซ้ำ" แล้วเอานิ้วชี้จิ้มหน้าอกพี่กาญจน์
พี่กาญจน์หัวเราะร่วน "ก็ของมันอร่อยนี่นา พี่เลยป้อนโมเยอะไปหน่อย ไม่ชอบเหรอ"
โมเขินเหมือนกันเมื่อเจอคำย้อนแบบมีนัยสำคัญ เลยแกล้งคล้องแขนดังพี่กาญจน์เดินออกจากโรงแรม

เดินออกจากโรงแรมหน่อยเดียวก็เจอกับอนุสาวรีย์ยืนโดดเด่นอยู่
โมหยุดแล้วถอนสายบัวคารวะท่าน Victor Emmanuel II
จนพี่กาญจน์หัวเราะ "โมนี่เป็นเอามากเหมือนกันนะ..." โมหัวเราะหึ ๆ
คล้องแขนพี่กาญจน์พากันเดินตรงไปยังจัตุรัสซานมาร์โค
"กินกาแฟที่ร้าน Cafe Florian ไหมโม ?"
"ดีคะ...." ก็กาแฟกับขนมที่นี่อร่อยสมราคาจริง ๆ นี่นา

พี่กาญจน์โอบไหล่โมเดินไปตามระเบียงอาคารทางด้านซ้ายจัตุรัส
กาแฟแก้วเล็ก ๆ สองแก้วกับขนมอีกคนละชิ้นไม่กี่นาทีก็เรียบร้อย ตอนนี้คนยังไม่เยอะ
พี่กาญจน์พาโมเดินมุดเข้าตรอกซอกซอยซึ่งส่วนใหญ่เคยเดินกันมาแล้ว
เวนิสก็มีอยู่แค่นี้เอง ร้านรวงมีขนาดเล็กกระทัดรัดขายของกันสารพัด
รอบนี้เราเดินดูกันอย่างเดียว เดินช้า ๆ อย่างสบายอารมณ์


เดินไปเรื่อย ๆ จนเจอร้านไอศกรีมโรยหน้าผลไม้หั่นชิ้นเล็ก ๆ หลากสี
เนื้อไอศกรีมเหนียวหนึบเข้าปากแล้วนุ่มลิ้นอร่อยมาก
"โมซื้ออะไรอีกไหมละ ?" พี่กาญจน์ชี้ให้ดูดร้านแบรนด์แนมหรู
โมส่ายหน้าไม่ใช่ทำหยิ่งหรืออะไรหรอก ไอ้พวกเสื้อตัวละสามหมื่นจนถึงแสนนี่มันเว่อเกินไป
เสียดายเงินโมจริง ๆ ไม่ต้องการแม้จะมีคนซื้อให้ คราวก่อนโมก็ตอบปฏิเสธ

"พี่ลืมไปว่าโมไม่ชอบความฟุ้งเฟ้อ" โมเงยขึ้นมองหน้าแล้วสวนกลับไปว่า
"พี่กาญจน์ไม่เห็นหรือตัวนึงนะสามหมื่นอัพทั้งนั้น เสียดายเงินใส่แล้วพี่กายจน์ก็ไม่ได้รักโมมากขึ้น..สักกะหน่อย"
พี่กาญจน์กอดโมเสียแน่นเชียว โมจึงพูดต่อว่า "ใส่แล้วเหาะไม่ได้..."
"หือ..ทำไมต้องเหาะได้ด้วยละ..." โมหันมา "อ้าว..เสื้อวิเศษไง ไม่เคยได้ยินเหรอ ?"
พูดจบก็รีบดึงมือพี่กาญจน์ให้ก้าวเดินต่อไป

ร้านแบรนด์แนมดัง ๆ แต่ละร้านก็ไม่ได้ใหญ่โตอลังการหรือตกแต่งหรูหราใด ๆ ทั้งสิ้น
โมว่าร้านบ้านเรายังแต่งเว่อกว่าเป็นไหน ๆ ทำให้คิดว่ามันขึ้นอยู่กับสินค้าเสียมากกว่า
บ้านเราเอาร้านหรูเป็นตัวดึงดูด แต่เขาเอาสินค้าคุณภาพและแบรนด์เป็นตัวล่อ

เดิน ๆ หยุด ๆ ผ่านไปทีละร้าน ๆ อย่างอาทรร้อนใจจนเวลาเกือบเที่ยง
มาถึงสะพานข้ามคลองแห่งหนึ่ง ตรงเชิงสะพานมีร้านขายพิซซ่า
อยู่ตรงเชิงสะพานเป็นร้านค่อนข้างเล็ก มีคนเข้าคิวรอซื้อพอสมควร
"พี่กาญจน์ซื้อร้านนี้กินกันเถอะ เห็นคนเข้าคิวเยอะ น่าจะดีกว่าร้านคราวก่อน" พี่กาญจน์พยักหน้า

เข้าคิวนายสิบกว่านาทีจึงได้พิซซ่ามาคนละชุด
ที่นี่เขาไม่ได้มีซอสหรือเครื่องปรุงรสใด ๆ ให้ทั้งสิ้น คงถือว่าอร่อยต้นตำหรับ
มันมาเป็นแผ่นยังไงก็กินมันยังงั้นแหละ กัดแล้วเคี้ยวนาน ๆ ค่อยกลืน
โมกระซิบบอกพี่กาญจน์ว่าคนแก่ฟันไม่ดีหมดสิทธิ์กินพิซซ่าต้นตำหรับ
พี่กาญจน์กลับเอามือมาทำท่าแขกหัวโมแล้วพูดว่า "กินคำเล็ก ๆ ซิ ค่อย ๆ กิน" แล้วหัวเราะ

ตกลงทั้งโมและพี่กาญจน์เรากัดคำเล็ก ๆ ค่อยเคี้ยวเอื้องเป็นควายเฒ่า
กินไปกินมา เออ..มันก็อร่อยดีเหมือนกันนะ
แปลกจริง ๆ พิซซ่าบ้านเรากับต้นตำหรับมันถึงได้ต่างกันหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ไม่รู้
ขณะคิดถึงพิซซ่าเพลิน ๆ พี่กาญจน์ถามโมว่า "โมชอบกินข้าวผัดอเมริกันหรือเปล่า ?"
โมพยักหน้าเพราะตามมุกนี้ของพี่กาญจน์ไม่ทัน

"ข้าวผัดอเมริกันทำไม ?"
"ชอบกินหรือเปล่าละ ? ตอบมาก่อน"
"ก็กินได้ ทำไมเหรอพี่กาญจน์" โมแทงกั๊กเอาไว้ก่อนละก็ไม่รู้จะมาไม้ไหนนี่นา
อย่างอื่นยอมได้หมดแหละ แต่เรื่องมุกนี่โมไม่ยอมเด็ดขาด เสียชื่อหมด...

"อ้าว..ชอบกินนะ ถ้าไปสหรัฐโมจะสั่งมากินไหม ?"
"อึม...กินของต้นตำหรับ เหมือนพิซซ่าจากอิตาลีนี่แหละ ก็อยากลองดู"
"หึ ๆ คนสหรัฐไม่มีใครแม้สักคนเดียวรู้จัก 'ข้าวผัดอเมริกัน'
"งง..งงทำไมละ ก็อาหารเด็ดบ้านเค้าไม่ใช่เหรอ ?" พี่กาญจน์หัวเราะหลิ่วตาล้อเลียน
"สหรัฐเค้าไม่เคยมีหรอ..เจ้าข้าวผัดอเมริกัน..มีแต่พี่ไทยเรานี่แหละถึงมีข้าวผัดอเมริกัน..."
พูดแล้วมั่นใจในมุกจึงหัวเราะจนตัวงอ "จริงอ๊ะ..." โมหันมามองแบบจับผิดว่าจะมาไม้ไหน
"จริงซิ...พี่ไปปล่อยไก่มาแล้ว ตอนนั้นให้เพื่อนที่นั่นเค้าสั่งให้..." พี่กาญจน์นิ่งไปเฉย ๆ คนยิ่งอยากรู้
"เล่าต่อซิ...มีไรอีก...?"
"มันหัวเราะว่าที่นี่เค้าไม่มีขาย พี่ว่าสงสัยพี่ไทยเรามั่วเอาเอง ตอนสหรัฐมาตั้งฐานทัพ"
"เหรอ...." โมห่อปากเป่าลมออกยาว "เกิดถ้าโมไปที่นั่น..ก็คงไม่แคล้วสั่งข้าวผัดอเมริกันกินแหง ว้า...รู้สึกไม่ดีเลย"
พี่กาญจน์เห็นโมทำหน้านิ้วคิ้วขมวดแล้วหัวเราะก๊าก
"ในโลกนี้มีอะไรแปลก ๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึงเยอะจริง ๆ"

เดินผ่านร้านขายน้ำผลไม้ปั่นเลยซื้อมาคนละแก้ว
"ว้า..พวกอาหารการกินนี่นะ พี่ไทยเราเจ๋งกว่าชัวร์"
"อื้อ..อาจเป็นเราคุ้นลิ้นก็ได้นะ อาหารจีนนะพอกินได้ แถวเซี่ยงไฮ้ ฮ่องกงละโอเคเลย
แต่ลองไปด้านธิเบตซิ กินสามมื้อมันจะจุกที่คอหอยเลยโม ต้องกลับมาพึ่งมาม่าทุกทีเลย
ไม่ไหวจริง ๆ มันกินไม่ลง ไปไหนพี่ถึงได้ชวนญาติผู้ใหญ่มาม่า หมูสับกับต้มยำกุ้งมาด้วยเสมอ"
"นั่นซิ...วันก่อนเราซัดมาม่ากันไปรอบหนึ่งแล้วนี่นา...สุดยอดนะพี่กาญจน์" พี่กาญจน์หัวเราะ
"จริง ๆ นะ...เมืองไทยเราดีที่สุดในโลก...รักเธอประเทศไทย..." โมพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่กาญจน์พันเปอร์เซ็นต์
เมืองไหน ๆ ก็แล้วแต่..ไปเที่ยวชั่วครั้งชั่วคราวนะพอได้ แต่ถ้าไปตั้งรกรากเห็นจะไม่เอาแน่นอน

พี่กาญจน์พาโมมุดตรอกนั่นซอยนี้ ข้ามสะพานเล็กสะพานใหญ่นับสะพานไม่ถูกแล้ว
เรามานั่งบนม้าหินริมคลอง อากาศที่นี้น่าจะไม่เกินยี่สิบห้าองศาสดชื่นสบายไม่หนาวมาก
โมซุกแก้มกับอกพี่กาญจน์ ส่วนมือก็สอดเข้าไปกอดเอวเอาไว้แน่น
พี่กาญจน์โอบไหล่โม "หนาวหรือไง ?" พี่กาญจน์ก้มลงกระซิบถามเบา ๆ ที่ริมหู
อุ๊ย..ทำเอาโมถึงกับขนลุกซู่เชียว ส่ายหน้ายุกยิกกับอก พี่กาญจน์จึงรัดโมแน่น

"พี่กาญจน์มะรืนนี้เรากลับแล้วนะ..."
"อื้อ.." พี่กาญจน์รับเสียงแผ่วเบา ได้ยินแล้วใจหาย
"มากับพี่โมมีความสุขหรือเปล่าละ ?" โมพยักหน้าตอบรับกับอกอีกนั่นแหละ
"พี่มีความสุขที่สุดในชีวิตเลย...เหมือนฝัน.." พี่กาญจน์ยิ่งรัดโมเอาไว้แน่น

โมเงียบพี่กาญจน์ก็เงียบต่างจมอยู่กับความคิดของตน
เวลาผ่านไปเท่าไหร่โมไม่สนใจแล้วละ โมอยากให้เวลามันหยุดลงแค่ตรงนี้
โมอยากซบอกพี่กาญจน์อยู่แบบนี้นานจนสิ้นโลกก็ได้

โมยอมรับว่าใจโมสับสน โมแอบเช็ดน้ำตากับเสื้อพี่กาญจน์
ฝืนใจเงยหน้าขึ้นยิ้มชื่น "พี่กาญจน์ไปเดินเที่ยวต่อเถอะ กี่โมงแล้วละ ?"
พี่กาญจน์ยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วตอบว่า "สามโมงแล้วโม..." โมพยักหน้า
"งั้นเราเดินไปท่าเรือกันเถอะ ไปนั่งกอนโดล่าอีกเที่ยวก่อนกลับบ้านดีกว่า" พี่กาญจน์พูดเสียงแผ่ว
โมพยักหน้าแล้วรีบเดินนำหน้า ไม่ใช่อะไรหรอกแอบเอามือป้ายน้ำตาที่เอ่อขึ้นมานะ

พี่กาญจน์รีบเดินมาโอบรอบเอวโมแล้วเดินประคองกันเรื่อย ๆ ไม่รีบเร่ง
มาหยุดยืนมองอยู่หน้าร้านขายของทีระลึก พี่กาญจน์แกล้งจับหัวโมมาขยี้กับอก
พอเงยหน้าขึ้น "พี่กาญจน์หน้ากากสวยจัง..." หน้ากากสีขาวแบบครึ่งหน้า
ตามขอบดวงตาประดับประดับด้วยคริสตอลเม็ดเล็กเรียงเป็นแถวสะท้อนแสงแพรวพราว
โมหยิบมาดูแล้วส่งให้พี่กาญจน์ "อื้อ..เค้ามีเป็นคู่นี่นา..." แล้วพี่กาญจน์หันไปถามคนขาย
คนขายก้มลงไปหยิบแบบเดียวกันแต่เป็นสีดำมาส่งให้พี่กาญจน์

"เอ..พี่กาญจน์สีขาวแสดงว่าเป็นของผู้หญิงซิ อันสีดำน่าจะเป็นของผู้ชายใช่หรือเปล่า ?"
พี่กาญจน์เลยหันไปถามคนขายแล้วหันมาพยักหน้ากับโม
ตกลงเราซื้อหน้ากากเวนิสมาทั้งสองอัน ราคาเป็นเงินยูโรคิดเป็นเงินได้ก็หลายตังค์เหมือนกัน

ซื้อหน้ากากมาแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่านอกจากประดับบ้านแล้วใช้ทำอะไร
"แยกหน้าเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลยนะโม..." พี่กาญจน์เอียงหน้าบอก
เลี้ยวเข้าซอยไปไม่ถึงร้อยเมตรเขาเจอสะพาน ตรงเชิงสะพานจอดเรือกอนโดล่านับสิบลำ
มีบันไดลงไปท่าเรือตัวบันไดและพื้นปูด้วยอินอ่อน มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวขึ้นเรือ

สำหรับโมการนั่งเรือกอนโดล่าคราวนี้แตกต่างจากคราวก่อน
ใจโมมีความเศร้าลึก ๆ ที่ไม่รู้จะบอกยังไง จึงทำตัวสดชื่นรื่นเริง
โมเดาไม่ผิดว่าพี่กาญจน์เองก็รู้สึกลึก ๆ ไม่ต่างจากโม
บางครั้งเราใช้ความเงียบมาเยียวยาความเศร้านี้ โดยไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านี้

ยืนรอคิวอยู่หลายคิวกว่าจะได้จ่ายเงินแล้วลงเรือ
"พี่กาญจน์ให้เขาร้องเพลงอีกหรือเปล่า ?"
พี่กาญจน์ส่ายหน้าแล้วบอกว่า "พี่บอกเขาแล้วว่าไม่ต้องร้องเพลง แต่ขอให้แจวช้า ๆ หน่อย"
"เขาโอเคหรือเปล่า ?" พี่กาญจน์พยักหน้าประคองให้โมนั่งลงก่อนแล้วนั่งตาม

เรือค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่า เสียงคนแจวส่งเสียงขอทางเพื่อนโหวกแหวก

เรานั่งเรือกันคราวนี้พี่กาญจน์ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฟังอีก
โมขอกล้องจากพี่กาญจน์เพื่อบันทึกภาพแห่งความทรงจำพิเศษนี้เอาไว้ให้มากที่สุด
ถ่ายภาพแล้วหันไปแอบมองพี่กาญจน์บ่อย ๆ ไม่ตื่นเต้นกับทิวทัศน์เหมือนครั้งแรก
แต่มองเพื่อเป็นให้หัวใจบันทึกร่างเงาชายคนนี้เอาไว้ให้แนบแน่นในความทรงจำ

พี่กาญจน์เองก็หันมามองโมตอบบ่อย ๆ เราสบตากันพี่กาญจน์ก็ยิ้มกระชับกอดโมแน่นขึ้น
ตึกเก่า ๆ ผ่านเราไปทีละตึก อิฐแต่ละก้อนที่อวดความคงทนนับร้อยนับพันปี
สะพานแต่ละสะพานที่เรือลอดผ่าน มันละลายความเหงาเศร้าในใจได้เหมือนกัน



เรือค่อย ๆ แจวออกสู่ปากทะเลอะเดรียติก คลื่นลมแรงขึ้นจนโมสะท้าน
"ลมแรงนะโม..." โมหัวเราะแล้วบอกว่า "หือ..หนาวจัง...."
พี่กาญจน์ดึงตัวโมมากอดกับอก คนแจวเรือตีวงโค้งเพื่อเรียบฝั่งเพื่อเข้าไปยังอีกคลอง
โมซบอยู่กับอกสลับกับยันตัวขึ้นออกมานั่งตรงแล้วบันทึกภาพแห่งความทรงจำ
"ถ่ายเยอะ ๆ เลยโม วันนี้อากาศดี๋ดี..."
"คะ..."



ตอนเรียนมาเคยเรียนพวกศิลปยุคต่าง ๆ ตั้งแต่อียิปต์ กรีก โรมัน
ยุคไบเซนไทน์ เรเนอซองส์ จนถึงศิลปยุคใหม่ แต่ละยุคต่างก็มีเอกลักษณ์ของตน
มีความน่าดูน่าชมแตกต่างกันไป แต่ละคนอาจชอบยุคใดยุคหนึ่งมากกว่ายุคอื่น
แต่อดีตต่างก็เป็นรากฐานของปัจจุบันทั้งนั้น มนุษย์เราจึงมีรากเหง้าความเป็นมา
แต่ถ้าเมื่อไหร่มนุษย์ไม่รู้จักทนุบำรุงรักษาแล้วยังหันมาทำลายรากเหง้าของตนเองแล้ว
เมื่อนั้นมนุษย์กลุ่มนั้นก็เป็นกลุ่มไร้ราก ไร้ที่ยึดเหนียว หลักลอยแล้วตกเป็นทาษของคนอื่น
รับเอาของเขามาแล้วลืมของตนเองจนหมดสิ้น อีกทั้งยังเห็นเป็นของหยาบของต่ำเสียอีก
โมเคยวิพากษ์เรื่องนี้กับพี่กาญจน์มานับครั้งไม่ถ้วน

เราเห็นร่วมกันว่าควรรู้เรารู้เขา ไม่ลุ่มหลงกับของตัวเองจนไม่เปิดรับของคนอื่น
แต่ก็ใช่ว่าจะรับจนปราศจากคำถามและให้ค่ามากกว่าของตนเอง






ความยืนยงยิงใหญ่ของแต่ชาติพันธุ์
จะยิ่งใหญ่ได้ก็โดยคุณภาพแห่งเนื้อหาความรู้ของเผ่าตน
แต่ทุกชาติไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ล้นฟ้าเพียงไร ในที่สุดก็ล่มสลายไปเหมือนกันหมด
อย่างโรมันในยุโรป อย่างขอมแถวบ้านเรา เมื่อก่อนนั้นต่างก็คือมหาอำนาจ
บัดนี้ต่างหลงเหลือเพียงแต่ซากแห่งความยิ่งใหญ่ไว้บอกเล่าคนรุ่นหลังเท่านั้น

โมจำความรู้ที่ได้เรียนมาและคำอรรถาธิบายคราวแรกของพี่กาญจน์ชัด
อาคารแต่ละอาคารต่างก็เก็บเรื่องราวบอกเล่าเอาไว้นับร้อยปีพันปี
หินแต่ละก้อนที่ใช้สร้างตึกหลายชั้น แต่ละชั้นสูงไม่เท่ากัน
สร้างบนดินดอนปากแม่น้ำที่เป็นดินอ่อนทรุดตัวได้ง่าย
เครื่องไม้เครื่องมือก็มีไม่มาก คนเหล่านั้นจะวุ่นวายยุ่งยากเพียงใด
สร้างแล้วทรุดตัวจนต้องทุบทิ้งไปกี่ครั้ง บำรุงรักษาอย่างไรให้ดินอ่อนเหล่านี้ยืนยงจนทุกวันนี้






โมเห็นภาพสะพานถอนหายใจหรือที่พี่กาญจน์ตั้งชื่อว่า "สะพานเฮ่อ"
โอกาสสุดท้ายของนักโทษที่ได้เห็นทะเลอาเดรียติก และอาจไม่ได้ออกมาเห็นอีก
เพราะนักโทษส่วนใหญ่เสียชีวิตในคุกเพราะความหนาวและความอดอยาก


เรือลอดผ่านสะพานเฮ่อมาไม่นานนักพ่อนักแจวก็พาเรือเข้าเทียบท่า
พี่กาญจน์ก้าวขึ้นไปบนท่าเรือก่อนแล้วหันมาโมส่งถุงใส่หน้ากากเวนิสให้
จากนับจับมือโมแล้วดึงตัวขึ้นมาประคองพาขึ้นบันได

การนั่งเรือกอนโดล่าเที่ยวนี้โมเราต่างอยู่ในอาการสงบต่างจากครั้งแรก
แต่โมดื่มดำและซึ้งกับคำพูดที่พี่กาญจน์เคยกระซิบบอกโมตอนใกล้หลับได้
ที่กาญจน์ว่า 'เวนิสนะเป็นเมืองประหลาด จะสวยซึ้งตรึงใจตามความรักของของผู้มาเยือน
ถ้าเธอรักเขา หรือเขารักเธอมากเท่าไหร่ เวนิสจะสวยและเปี่ยมด้วยมนต์ขลังมากเท่านั้น'
เห็นจะจริงนะ เพราะขณะนั่งในเรือทั้งโมและพี่กาญจน์คุยกันน้อยมาก
เราทั้งสองดื่มด่ำและจมอยู่ในภวังค์ของเวนิส
เรามีใจรักให้กันเท่าไหร่เวนิสก็มีใจรักให้เราเท่านั้นเหมือนกัน..ใช่หรือเปล่า ?

ความเศร้าหม่นที่เป็นตะกอนขุ่นใจโมมาเกือบครึ่งวันละลายหายไปหมด
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตอนนี้ให้มนต์ขลังของเวนิสเป็นผู้นำทางก็แล้วกัน
โมหันมามองพี่กาญจน์ที่เดินอยู่ข้าง ๆ พี่กาญจน์ขรึมไม่อธิบายเจื้อยแจ้มเหมือนหลายวันก่อน
หรือว่าอธิบายมาเยอะแล้ว โมก็รู้ทุกอย่างแล้ว จะให้พี่กาญจน์พูดอะไรอีก
โมจึงชวนคุยว่า "พี่กาญจน์..นั่งเรือคราวนี้โมมีความสุขจัง..." แขนพี่กาญจน์กระชับไหล่โม
"พี่มาหลายครั้งแต่ไม่เคยอินกับเวนิสเท่าวันนี้เลย ขอบคุณโมมาก..." หันมาหอมบนหน้าฝากโหนก

"พี่กาญจน์จำได้ปล่าว ?" พี่กาญจน์ดึงโมหลบมาตรงมุมร้านแล้วถามว่า "จำอะไรโม..?"
"อ้าว..ที่พี่กาญจน์เคยพูดว่า ถ้าเธอรักเขาหรือเขารักเธอมากเท่าไหร่ เวนิสจะสวยมากขึ้นเท่านั้น อิอิ"
"นั่นซิ...แบบนี้นี่เอง...โมละ ?" โอ๊ะ...โยนเฉยเลย
"โมเองเหรอ..." ทำแกล้งคิดเนิดนึง "ก็..ก็...หลงมนต์เวนิสเหมือนพี่กาญจน์นั่นแหละ"
อิอิ...แล้วหันไปมองสบตาทำซึ้งแล้วรีบหลบ
พี่กาญจน์เงียบไป คนเดินผ่านไปมาตรงนี่เยอะจัง

โมเหลือบมองคนเดินเพลิน ๆ "โม..พี่รักโมนะ..."
ได้ยินแค่นั้น..ใครจะอดใจได้ผวาเข้าไปซุกอกเลย
"พี่กาญจน์รักโมเหรอ...?" ยังแกล้งถามอีก...
"จ๊ะ...รักที่โมเป็นโมคนนี้แหละ..."
"โมก็..ก็..โมขอไปตอบพี่ที่โรงแรมนะ..." พี่กาญจน์กอดโมแน่น
"งั้นเรากลับโรงแรมกันเถอะนะ..โม..." โมเงยหน้าขึ้นมองแล้วพยักหน้า
พี่กาญจน์ยิ้มเต็มหน้าประกายในดวงตาลุกโพรง "ไปเถอะ..."

พี่กาญจน์รีบจูงมือโมเดินตัดออกจากซอย ครู่ต่อมาก็โผล่ตรงหอนาฬิกาจัตุรัสซานมาร์โค
อีกไม่กี่นาทีเราเดินผ่านท่าน Victor Emmanuel II ข้ามสะพานเดินไปอีกนิดเลี้ยวซ้ายเข้าโรงแรม
บ๋อยทักทายเราทั้งสอง พี่กาญจน์หันไปพูดอะไรครู่หนึ่งแล้วจูงมือโมเดินขึ้นไปไดไปห้องพัก

พอปิดประตูห้องเสร็จพี่กาญจน์หันมารัดเอวโมแน่นแล้วยกขึ้น
โมรู้ท่าดีเลยกระโดดขึ้นคล้องคอแล้วตวัดเท้ารัดรอบเอวแน่น
พี่กาญจน์ขยับพาโมเดินยังโต๊ะเครื่องแป้งใกล้ ๆ หน้าต่างแล้ววางโมลง
"ไหนตอบพี่ซิ..โม..." โมยังไม่ตอบหรอกแต่โมประคองใบหน้าพี่กาญจน์แล้วประกบปากจูบ
จิตใจโมมีเท่าไหร่โมทุ่มให้กับจูบครั้งนี้หมด เราจูบดูดลิ้นกันนานมาก ๆ
จูบจนโมอ่อนระทวยไปทั้งตัว เนื้อตัวเหมือนถูกสุมด้วยไฟ
พอถอนปากออกพี่กาญจน์ยังถามอีก "บอก-พี่-ซิ-โม..."
พี่กาญจน์ดออกมาเป็นคำ ๆ ด้วยอารมณ์จริง ๆ
"โม..รักพี่กาญจน์...รักคะ..." โมตอบแล้วประกบปากจูบอีก
จูบนี้ของโมกับพี่กาญจน์มอบให้แก่เวนิส
โมแม่ใจว่าโมไม่เคยจูบและถูกจูบที่เร่าร้อนรุนแรงเท่านี้มาก่อน
จูบจนโมหลอมละลายไปกับรสสวาทจากริมฝีปากและปลายลิ้น

ยามนี้ตัวตนของโมไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ตรงไหนเหมือนกัน
มันโหวงแหวงแคว้งคว้างแต่โชคดีที่มีพี่กาญจน์ให้เกาะเกี่ยวกับไว้เท่านั้นเอง
มือไม้ทั้งโมและพี่กาญจน์ต่างชุลมุนชุลเกไปหมด
โมจัดการถอดเสื้อพี่กาญจน์ ส่วนพี่กาญจน์ก็ถอดเสื้อของโม
อิอิ เหมือนต่างคนต่างไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน..อิอิ..มันอีลุงตุงนังจริง ๆ
ปากก็จูบไม่ปล่อย มือก็จัดการถอดเสื้อไม่อยู่นิ่ง
เสื้อตัวนอกนะไม่มีปัญหาแต่ตัวใจนี่ยากหน่อยกว่าจะเรียบร้อย
ทั้งโมและพี่กาญจน์เหมือนจะไหม้เกรียมไปทั้งตัวแล้วตอนนี้

พอเสื้อและบราของโมหลุดออกจากตัวเท่านั้นเอง
พี่กาญจน์ย่อตัวลงฟัดนมโมอย่างหิวกระหายทันที
โมใช้คำว่า "ฟัด" จริง ๆ นะ ก็อาการหื่นของพี่กาญจน์เป็นแบบนั้นจริง ๆ
ใช้ใบหน้า แก้ม จมูก ปาก ปัดป่ายบดคลึงทั้งเต้าซ้ายและเต้าขวา

แหม..แต่ขัดใจโมนิ๊ด ๆ นึ่ง ตรงพี่แกไม่ยอมดูดหัวนมโมสักกะที
เพียงฟัดผ่านไปผ่านมาเหมือนแกล้งยั่วให้กระวนกระวายเท่านั้น
โมปล่อยมือจากบ่าพี่กาญจน์มายันโต๊ะแอ่นอกหราส่ายหัวนมป้อนเข้าปาก
แต่พี่กาญจน์ก็ยังไม่ยอมงับเหยื่อที่โมป้อนให้อยู่ดี
แค่จูบเนื้อโนมสูดความหอมเลียความหวานทุกอนู
โมก้มหน้าลงมองการกระทำของพี่กาญจน์ตาวาวเชี่ยวหละ

โมยังพยายามแอ่นอกยื่นหัวนมจ่อเข้าปากจนอ่อนใจ พี่กาญจน์นี่ใจร้ายจริง ๆ
โมยอมแพ้แล้วละ อยากเล่นยังไงก็เชิญ ยังไงโมก็รักก็หลงพี่ชายคนนี้จนหมดหัวใจแล้ว
จะให้ถึงขั้นที่โมต้องร้องขอให้ดูดหัวนมให้เชียวเหรอ ใจร้ายจังพี่กาญจน์นี่
มันจั๊กเดียมยังไงก็ไม่รู้ ไม่ขอหรอก กล้าทำแค่ส่งความเป็นนัย ๆ เท่านันเอง

แหนะ..พอคิดแบบนี้เหมือนพี่แกจะรู้ใจขึ้นมาทันทีเชียว
พ่อยอดรักของโม ป่ายหน้ามาเจอหัวนมใช้ริมฝีปากขยี้ใหญ่เชียว
หัวนมโมเม็ดจิ๋วแข็งชูดุ๊กดิ๊ก ๆ อยู่ตรงริมฝีปากให้พี่กาญจน์ขยี้รัว ๆ
จากนั้นก็อ้าปากครอบหัวนมลงไปจนถึงป้านฐานนม
คราวนี้ได้ใจโมเลยพี่กาญจน์จ๋า แหม..ดูดจ๊วบ ๆ ๆ ๆ จนแก้มตอบเชียวพี่จ๋า
ดูดแรงจนโมเกร็งไปหมดทั้งตัวเลย กัดฟันกรอดเสียวหัวนมสุด ๆ เลย

พี่กาญจน์ดูดจนพอใจข้างนี้แล้วเปลี่ยนไปอีกข้าง
ดูดแล้วใช้ลิ้นดุนหัวนมแรง ๆ จนโมทนกัดฟันตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
ห่อปากครางซุ๊ด ๆ เชียว ครางแล้วมันได้ใจนี่นา มันทำให้สนุกขึ้น
อีกอย่างทำให้พี่กาญจน์คึกมากขึ้นด้วย โมปล่อยเสียงตัวเองแบบไม่มียั้ง
ก็มันดีนี่นา ตัวเองก็รู้สึกดี ๆ พี่เค้าก็รู้สึกดี ๆ แบบนี้จะให้ยั้งเอาไว้ทำไม
พี่กาญจน์สลับดูดไปดูดมาอยู่นั้นหละ เหมือนหิวนมเสียเต็มประดา
เมื่อคืนโมก็ให้ดูดมาเต็มอิ่มแล้วนี่นา วันนี้ทำไมจึงได้หิวซกแบบนี้อีก แปลกคนจริงเชียวพี่ชายคนนี้

แหม..เหมือนพี่กาญจน์รู้ความคิดโมอีกนั่นแหละ พอโมแอบจิกแกหน่อย ๆ เท่านั้น
พี่แกปล่อยหัวนมลงมาจูบไซ้ไปตามร่องอกกับหน้าท้อง
เอ..เมื่อเช้าสงสัยจะไม่ได้โกนหนวดโกนเครา มันสาก ๆ ไถไปตามมเนื้อนมกับเนื้อท้อง
เสียวจี๊ด ๆ เลย มันอธิบายไม่ถูกหรอก มันให้ทั้งความเสียวบวกกับความจั๊กจี้

แหนะ..พอมาถึงสะดือหยุดฟัดหลุมสะดือโมเสียอีก
โอ๊ย...ใจจะขาดโมเกร็งจนหน้าท้องเป็นลอน พี่แกก็ขยี้หน้าแล้วเอาลิ้นแยงหลุมสะดือเล่น
"อูยยยยย...พี่กาญจน์ขา..." ร้องเบา ๆ นะค่ะ เหมือนกระซิบ พอให้พี่กาญจน์ก็ได้ยิน

พี่กาญจน์เงยหน้าขึ้นมองโมตาเยิ้มเชียว "ดีหรือเปล่าโม...?"
แหนะ..ถามอีกแล้ว ชอบถามคำถามนี้จัง แต่โมไม่ตอบหรอกเพียงพยักหน้าหงึก ๆ
พี่แกเลยยื่นมือมาปลดกระดุมกางเกงยีนส์แล้วรูดซิบทองเหลืองลง
ไม่ต้องบอกหรอกโมเข้าใจดี ยกเข้าขึ้นมายังโต๊ะแล้วดันสะโพกขึ้น
พี่กาญจน์รูดขอบกางเกงยีนส์ลงมา ดีนะที่วันนี้ใส่ยีนส์ยืดไม่ได้รัดแน่นมาก
ไม่งั้นพี่กาญจน์คงถอดยากน่าดู อิอิ อาจถึงขั้นหมดอารมณ์ได้เชียวนา

แหม..พี่กาญจน์นี่ร้ายสุด ๆ โมคิดว่าพี่แกคงรูดกางเกงยีนส์ออกตัวเดียวก่อน
ไม่ใช่หรอก เอาเปรียบโมนี่นา ก็พี่แกเกี่ยวทั้งกางเกงยีนส์แถมกางเกงในของโมลงมาด้วย
รูดออกมาคาตรงหน้าขาเสียแล้ว โมเสียท่าจริง ๆ งานนี้ ไม่ระวังตัวจริง ๆ อิอิ

จากนั้นพี่กาญจน์จับข้อเท้าทั้งสองของโมยืดออกแล้วค่อย ๆ รูดกางเกงยีนส์บวกกับ กกน.ออกจากปลายเท้า
เอาเปรียบจริง ๆ นั่นแหละ จะเหลือคาไว้ซักนิดซักหน่อยก่อนก็ไม่ได้ พี่กาญจน์พ่อตัวร้ายนี่
โมมองการกระทำตอนนั้นอย่างนึกหมั่นไส้น่าดูเลย ถ้ามีโอกาสโมต้องเอาคืนแน่นอน
ฉะนั้น พอกางเกงทั้งสองตัวของหลุดออกจากปลายเท้าโมจึงรีบหดขาทั้งสองชันเข่าเบียดขาชิดกันทันที
สิ่งสำคัญโมเอาข้อเท้าไขว้กันปิดอำพรางของดีของโม้เอาไว้ แม้สักนิดก็ยังดี แกล้งพ่อคนเอาเปรียบ

พี่กาญจน์ยังไม่หันมามองเห็นท่านั่งของโม แต่กลับไปสนใจกับกางเกง
โดยพี่แกดึงกางเกงในสีดำออกมาจากกางเกงยีนส์
แล้ว...โอ้พี่ท่าน...ทำอะไรน่า โมตาโตมองการกระทำอย่างแสยงเลย
พี่แกยกตรงเป้ากางเกงขึ้นมาดูแล้วหันมายิ้มยั่วโม

"มีไร...?" โมถามเสียงสั่น ก็มันชักไม่มั่นใจตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน
พี่กาญจน์หัวเราะใหญ่ แล้วเดินเข้ามาหาโมยื่นเป้ากางเกงให้โมดู
"พี่กาญจน์นี่...ม่าย..ไม่เอานะ เอาไปเก็บเถอะ..." พูดแบบงอน ๆ ด้วยละ
"เยิ้มเชี่ยว ฮิ ๆ ๆ" พูดแล้วยังแกล้งหัวเราะอีก หิวนมซะขนาดนั้นใครจะทนไหวเล่า
โมเขินไม่กล้าสบตาหรอกไม่รู้ตอบยังไงดีเหมือนกัน
"ดูซิโม...เปียกมากเลย..." ดู ๆ คนบ้ายังมาเน้นอีก โมไม่ตอบก็คงไม่ได้แล้วละ
"แล้วพี่กาญจน์ว่าดีหรือเปล่าละ ?" โหถูกจุดโฟกัสเลยพี่แกรีบพยักหน้าหงึก ๆ
"ดี..พี่ชอบ..." เออ..แค่นั่นเอง

"โม..ทำไมนั่งท่านี้ละ..."โห..เพิ่งสังเกตท่านั่งชันเข่าขาแนบชิดข้อเท้าไขว้ปิดส่วนสำคัญ
พี่กาญจน์เดินถอยหลังไปหลายก้าวแล้วเอียงศีรษะมองท่านั้นท่านี้
"มีปัญหาอะไรเหรอพี่กาญจน์..." ทำเอาโมไม่มั่นใจอีกแล้ว พี่คนนี้..วันนี้แปลกจริง ๆ เชียว
การกระทำวันนี้ของพี่แก..แต่ละอย่างทำให้โมขาดความมั่นใจในตัวเองไปเลย

ท่านี้ดูโมหุ่นดีมาก ๆ เหมือนท่านั่งนางแบบเลย
เออ..จริงนั่นแหละโมเคยเห็นนางแบบนั่งท่านี้กันบ่อย ๆ
นอกจากไม่ประเจิดประเจ้อทั้งเต้านมและเนินโหนกแล้ว
ยังเน้นทรวดทรงองเอวโชว์สัดส่วนได้ดีเหลือเกิน

"โม..ปิดทุกส่วนเอาไว้แล้วนะพี่กาญจน์ตาวาวอีกเหรอ...?"
"ทุกครั้งที่เห็นโมแก้ผ้าโมพี่ใจเต้นตึก ๆ ทุกทีแหละ ไม่ว่าจะเห็นมากเห็นน้อย"
แหะ ๆ สารภาพเสียงอ่อยเชียวพี่เรา

โมชักอยากจะยั่วเข้าให้มั่งโดยขยับเข่าแยกออกให้เห็นอกกับเต้านมขาวผ่อง
ส่วนเนินสำคัญข้อเท้ายังปิดอยู่ พี่กาญจน์พยักหน้าหงึก ๆ
"โมจ๋า...แยกข้อเท้าออกหน่อยซิ..." เสียงอ้อนจนกระเส่า
เอ..โมจะยอมดีไหมหนอ..คิด ๆ แล้วยอมให้สักนิด ๆ ก็พอ
โมขยับเท้าเปิดช่องให้นิดเดียวแล้วคอยมองสายตาพี่เค้า
จริงด้วย...ตาพี่แกลุกวาวทำเสียงออกจากปากจิ๊ ๆ จ๊ะ ๆ

จากนั้นโบกมือส่งสัญญาณให้โมแยกข้อเท้าออกไปอีก ๆ
โมทำตามนิดเดียวแล้วขยับมาปิดเอาไว้เหมือนเดิม

แหะ ๆ พี่กาญจน์ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา
"อย่าแกล้งพี่สิ...โมจ๋า..." ทีงี้ละเสียงอ่อนเสียงหวาน "นะ นะ อีกนิด ๆ"
โมได้ยินอ้อนแบบนี้แล้วใจอ่อน ขยับขาออกเปิดอ้าให้ดูอีก
แป๊บนึงก็หุบขา พี่กาญจน์เว้าวอนอีก
โมไม่เคยคิดเลยว่าการเล่นอะไรกันแบบนี้มันปลุกอารมณ์กระสันต์เหลือกำลัง
เปิดไปเปิดมาภายในของโมก็ขมิบยุบ ๆ ยิบ ๆ เสียวแปล๊บขึ้นมา

ทีนี้ขยับเปิดข้อเท้าและอ้าเข่าออกกว้างโชว์เต้านมตลอดลงมาถึงหน้าท้องแล่วไปถึงเนินเนื้อโหนก
พี่กาญจน์ถลาเข้ามาหาแล้วคุกเข่าลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ตอนนี้ใบหน้าห่างจากเนินของโมไม่ถึงคืบสายตาจ้องเขม็ง
เห็นอารมณ์ที่พี่กาญจน์แสดงออกมาทำให้โมเสียวภายในแปล๊บ ๆ ขึ้นมาอีกแล้ว
จนอดไม่ได้จะต้องขมิบยิก ๆ หลายครั้ง แล้วโมตื่นถูกปลุกให้ตื่นภวังค์เมื่อได้ยินเสียงพี่กาญจน์ร้องโอ้ะขึ้นมา

"อะไร...?" โมโพล่งออกมาอย่างสงสัย
"ตะ..ตะ..กี้..โม..ทำ..ทำ..ไร...?" เสียงตะกุกตะกักเต็มที
"หืม..." โมทั้งกระเส่าทั้งสงสัย
"โม..ทำ..อะ..ไร..นะ" น้ำเสียงพี่กาญจน์ยังไม่หายตื่นเต้น
"ตะกี้..เหรอ..อ๋อ..ขะ-หมิบ.." โมเน้นตอนท้าย
"เหรอ..ขมิบ..เหรอ.." พี่กาญจน์รับคำด้วยน้ำเสียงยินดี
"คะ...." โมขยับจะบีบเข่าเข้ามา พี่กาญจน์เอามือมากันเอาไว้
"อย่าซิโม..ท่านี้โมน่าดูมาก ๆ เลย ขมิบอีกซิ..." เงยหน้าขึ้นมองอย่างออดอ้อนจนใจอ่อน

"แบบนี้หรือค่ะ.." โมแกล้งอ้อนมั่งเหมือนกัน
"อื้อ..ปากรูของโมมันขยับริกเลย...แล้วขับหล่อลื่นออกมาด้วย..."
ไม่รู้เป็นไงได้ยินเสียงรำพึงรำพันของพี่กาญจน์แล้วเสียวจนต้องขมิบถี่ ๆ
พี่กาญจน์แสดงความชอบใจใหญ่เลย

พี่กาญจน์ยื่นหัวแม่มือทั้งสองมากดตรงริมแคมนอกของโมให้แบะออก
ตอนนี้พี่กาญจน์คงเห็นปากรูเสียวของโมชัดตา โมเลยแกล้งขมิบยิก ๆ
ขมิบทีไรพี่กาญจน์ก็ส่งเสียงฮือฮาออกมาทุกที

"โม..น้ำเยิ้มดีจัง...อูยยยย...เห็นแล้วพี่ของขึ้นเลย..."
โมรีบก้มลงไปดูแต่ก็ไม่เห็นจะ ๆ ตา "เหรอ..ขนาดนั้นเลยเหรอพี่กาญจน์"
"จ๊ะ..อึมมม..พอโมขมิบหล่อลื่นล้นออกมาเลย...โอววน่าดูจริงด้วย..." พี่กาญจน์พูดอย่างตื่นเต้น
สายตาจ้องเป้าหมายแทบไม่กระพริบ พร้อมส่งเสียงเอิ๊กอ๊าก ๆ อย่างชอบใจไม่หยุดหย่อน

โมก้มมองอาการพี่กาญจน์แล้วเกิดความรู้สึกดียังไงก็บอกไม่ถูก โมไม่เคยเจอแปลกแบบนี้มาก่อน
อยากสนุกด้วยเลยปล่อยตามใจ โดยโมขมิบเป็นระยะ ๆ ให้พี่กาญจน์ดู
ความจริงมันไม่ได้ฝืนเลยแม้แต่น้อย มันเสียวจริง ๆ ขมิบจริง ๆ

แปลกดีนะพี่กาญจน์เคยสำรวจเนินนี้ตอนนอนอยู่บนเตียงแทบทุกวี่ทุกวัน
นอกจากสำรวจแล้วก็จูบและใช้ลิ้นโลมเลียให้เสียวแล้วเสียวอีก
แต่ตอนนี้พี่กาญจน์เพียงใช้นิ้วโป้งสองนิ้วแคมให้ถ่างออก
ไม่ได้แตะต้องะไรอย่างอื่นสักหน่อย แต่โมรู้สึกเสียวแปล๊บ ๆ ขึ้นมาได้

จะว่าโมอดอยากก็ไม่ใช่ ช่วงนี้โมกับพี่กาญจน์กุ๊กกิ๊กทุกวันไม่ว่างเว้น
หรือว่า..ความเสียวนี้ไม่ได้เกิดจากการกระทำทางกายอย่างเดียว
เมื่อเราได้รับการกระตุ้นทางใจอย่างรุนแรงมันก็ส่งผลมาทางกายเหมือนกัน
นั่นซิ..คงเหมือนการแอบคนอื่นเค้ามีอะไรกัน แต่โมไม่เคยแอบดูใครเลยไม่รู้
ได้คาดเดาเอาว่ามันคงเสียวและอยากมาก ๆ แบบเดียวกัน

ขณะคิดเพลิน ๆ โมต้องสะดุ้งจนแอ่นก้นกระดกครางซื้ดออกมา
พี่กาญจน์เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานพูดว่า "เสียวเหรอจ๊ะ..." โมพยักหน้า
"พี่กาญจน์ทำไรนะ ?"
"เป่าให้โมนะ..." พี่กาญจน์ตอบยิ้ม ๆ "เป่า..." พี่กาญจน์พยักหน้า
"อุ๊ย...อย่าเป่าซิ..." โมบอกเสียงอ่อย "ทำไมละ..?" พี่กาญจน์เงยหน้าขึ้นถาม
"เสียวซิ..พี่..." ตอบเสียงเบาหวิว "เสียวสิดี..พี่ชอบ..." พูดจบเป่าใหญ่แรง ๆ ถี่ ๆ
ยิ่งตอนหลังพี่แกแบะแคมเราอ้าออก แล้วเป่าลมร้อนจากปากพรวด ๆ เข้าไป

อูยยยย...มันเสียวจริง ๆ บอกไม่ถูกเลย โมขยับก้นเด้งยิก ๆ ตอนนั้น
ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน รู้สึกว่าแคมทั้งสองถูกรั้งจนเปิดร่องกลางและปากรูเต็มที่
พอพี่กาญจน์ห่อปากเป่าลมพรวดเข้าไปกระทบเนื้ออ่อน มันเสียวอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ
เสียวมาก ๆ ไม่เคยโดนแบบนี้มาก่อน โมยิ่งกระเด้งก้นรับแล้วขมิบภายในรูปยวบ ๆ แรง ๆ
ก้มลงมองเห็นพี่กาญจน์แสดงความพอใจใหญ่ตาลุกวาว อูยยยย...เสียวจริง ๆ

"โม..จ๋า...น้ำโมเลอะไปถึงก้นแล้ว...เสียวมากเหรอ..."
"คะ..อูยยยย..." โมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อพี่กาญจน์สวนขึ้นมาว่า
"พี่ใช้ลิ้นทำให้นะ..." ถามแล้วเงยหน้าขึ้นรอคำตอบ
"คะ..." พี่กาญจน์ยิ้มส่วนโมนะยิ้มอายแต่อยู่เหมือนกัน

พี่กาญจน์ห่อปากแล้วจุ๊บลงไปกลางเนินโมทีหนึ่งก่อน
โมเกร็งตัวเตรียมรับ แต่ก็ยังอดสะท้านไม่ได้
พี่กาญจน์จุ๊บต่ออีกหลายทีแล้วจึงใช้ปลายลิ้นปาดลงกลางร่อง
โมซี๊ดปากครางทันทีที่ปลายลิ้นพี่กาญจน์ลากยาวขึ้นมาจนถึงเม็ดเสียวของโม
"โอววววว...พี่กาญจน์จ่า..." โมครางออกมาเสียงยาวขยับแอ่นเนินโคกกระแทกหน้าพี่กาญจน์แรง ๆ
พี่กาญจน์กลับชอบใจสอดมือช้อนก้นโมแล้วล็อคไม่ยอมให้โมขยับหนีได้อีก
โมเลยตัดสินใจเด้งก้นกระแทกหน้าพี่กาญจน์ปั๊บ ๆ ให้ถึงใจไปเลย

พี่กาญจน์ก็บ่ยั่นเหมือนกันลากลิ้นปาดทั่วร่อง มาหยุดขยี้ลิ้นเล่นกับเม็ดเสียว
บางครั้งโมว่าพี่กาญจน์ห่อลิ้นเป็นปลายแหลมแล้วสอดแยงเข้าไปในรูเสียวของโมด้วย
ไม่เพียงแต่แยงเข้าไปลึก ๆ เท่านั้น พี่กาญจน์เกร็งลิ้นกวาดรอบ ๆ รูด้วย
โอววว...โมเสียวจนพูดเป็นคำเลย ได้แต่ร้อง โอวววว...อ่าาาา..อึมมมมม...
มันเสียวเหลือเกิน พี่กาญจน์ทำให้โมอยากเหลือเกินแล้ว แต่โมไม่บอกพี่กาญจน์หรอกนะ
ก็พี่กาญจน์ตอนนี้ไม่สนใจตัวโมแล้ว เขาสนุกกับการกินหอยตัวใหญ่มหึมาของโมนี่นามากกว่า
ปล่อยให้พี่เค้ากินของชอบของเค้าต่อเถอะ มันทำเอาเราเสียวสุด ๆ เหมือนกัน
โมค่อยกินกระบองตีหัวผีของพี่กาญจน์ยกหลังก็ได้...อิอิ

โอ๊ยยย...เสียวจนตัวสั่นริกเลยตอนนี้ โห..เสียวจริง ๆ
"ซี้ดดดด..อูยยยยย...." ไม่อายแล้วละครางไม่หยุดปากเลย
พอครางเสียงดังเข้าหน่อยพี่กาญจน์เลยหยุดกินหอยตัวใหญ่เงยหน้าขึ้น
โมก้มลงไปมองจมูก ปาก แก้ม เลอะหมดเลย
แต่แววตาของพี่กาญจน์ซิร้อนแรงยังกะดวงอาทิตย์เชียว
โมพยักหน้าตอบโดยพี่กาญจน์ไม่ต้องบอกหรือขออะไร

พี่กาญจน์ลุกขึ้นยืนรีบถอดกางเกงพร้อมกางเกงในออกอย่างเร่งด่วน
กระบองตีหัวผีของพี่กาญจน์ผงาดกระดกยิก ๆ โมว่าหัวมันเยิ้มเชียว
พี่กาญจน์รีบมายืนตรงหว่างขาโม แหม..โต๊ะมันช่างเหมาะเจาะจริง ๆ เชียว
หัวกระบอกพี่กาญจน์ทิ่มแถว ๆ ปากรูเสียวโมยิก ๆ
พี่กาญจน์ขยับก้นเด้งให้มันทิ่ม ๆ ตำ ๆ ผิด ๆ ถูก ๆ อยู่นั่นแหละ
โดยที่พี่ยืนแอ่นเอวเด้งให้หัวกระบองทิ่มเอา ๆ อย่างถูกอกถูกใจ
โมเสียวจนทนไม่ไหว ยกมือที่ยันโต๊ะยื่นลงไปจับหัวกระบองจ่อปากรูเสียวแล้วขยี้ไปมา

พี่กาญจน์หัวเราะร่าเชียวแววในดวงตาสกดจนโมชาไปทั้งไปทั้งตัว
แทนที่พี่กาญจน์จะกดกระบองเข้ารูเสียวกลับย่อก้นแทงให้มันไถลพรืดมาชนเม็ดอีก
ชนแบบจัง ๆ เลย อูย..เสียวจนต้องสูดปากซื๊ด ๆ แล้วระบายลมออกจากปอดยาว
พี่กาญจน์ยื่นมือลงไปจับกระบองเอาปลายมันจ่อปากรูเสียวใหม่อีกที
ตอนนั้น..โมทนไม่ไหวจริง ๆ คะ อูย...วันนี้ทำไมมีอารมณ์กับพี่กาญจน์มากเหลือเกิน
โมยื่นมือลงไปกำกระบองแน่นไม่ยอมให้พี่กาญจน์ทำมันไถลพลาดไปไหนอีก
กดหัวกระบอกเข้าที่แล้วจับโยกไปมาไม่กี่ทีหัวกระบอกก็เชื่องยอมเข้าที่เข้าทางแต่โดยดี
พี่กาญจน์กระทุ้งกระบองเบา ๆ สองสามครั้งให้ลำกระบองหายไปเกือบครึ่งลำ

โมห่อปากครางหลับตาเชิดหน้าสูดลมเข้าปากยาวเสียงดัง
มือทั้งสองยันส่วนเท้าเกร็งเหยียบขอบโต๊ะยกก้นลอยเด้งสวนกระบอง
พรืดเดียวเต็มแรงจนพี่กาญจน์ร้องโอ๊ะ ! หลับตาแน่นอ้าปากคราง

"หุยยย...โม...พี่เสียวจังเลย..โอ๊ววววว...."
โมอดยิ้มกับเสียงแปลก ๆ ของพี่กาญจน์ไม่ได้ ตอนแรกร้อง 'หุยยย' คงตกใจนะ
พี่กาญจน์บดกระบองกับมะโหนก (อุ๊ย...ใช้คำนี้ดีกว่า อิอิ ได้อารมณ์) จะประสานให้เป็นเนื้อเดียวกัน
โมแอ่นอกหราส่วนก้นนะเหรอ พี่กาญจน์ดันเข้ามาโมก็แอ่นสู้ใจขาดไม่มียอมกันหรอกเรื่องแบบนี้
ปลายกระบองควานภายในแบบเยี่ยมชมทุกซอกทุกมุม โอ๊ย...พี่กาญจน์จ๋า..โมเสียวม๊ากมาก
โมได้บอกพี่กาญจน์ในใจแบบนั้น ปากก็ครางซี๊ด ๆ แบบเป็นนัย ๆ เท่านั้น

พี่กาญจน์ก้มหัวลงโมเลยยื่นปากไปจูบแล้วแลบปลายลิ้นเลียปลายลิ้นที่แลยออกมา
จากนั้นพี่กาญจน์สอดมือลงไปช้อนสะโพกโมขึ้นแล้วโก่งตัวดึงกระบองตีหัวผีออกมา
โมเสียวริก ๆ ขนลุกเกรียวเลย ใจจะขาดรอน แต่ไม่ยอมง่าย ๆ หรอกกลัวเดี่ยวพี่กาญจน์ทำกระบองหลุด
ยอมอะไรก็ยอมได้ ไอ้เรื่องหวงกระบองนี้โมไม่ยอมต้องตามติดให้ถึงที่สุดเป็นไงเป็นกัน
โมแอ่นสะโพกขึ้นเข่าอ้าออกกว้างส่งมะโหนกตามไปติด ๆ แบบถึงไหนถึงกัน
พี่กาญจน์เห็นอาการโมแบบนั้น..แหะ ๆ แกยอมแพ้กับการขี้หวงของโม
พี่แกเลยอัดคืนกระบองให้มะโหนกเต็มแรงเนื้อปะทะกันดังป๊าบ ๆ (โอย...มันจริง ๆ)

ว้าวววว !!....มันลึกสุดใจ เสียวสุดจนน้ำตาเล็ด
อยากยกมือขึ้นกอดรัดตัวพี่กาญจน์เอาไว้ให้สุด ๆ
แต่ทำไม่ได้มือต้องยันโต๊ะแอ่นมะโหนกสู้พี่กาญจน์
"อู๊ยยยยย..พี่กาญจน์ขา...อู้ววววววว....เสียววว...."
พี่กาญจน์เองก็ไม่ดีกว่าโมเท่าไหร่หรอก พี่แกครางซีด ๆ รัวเหมือนกัน

โมเห็นเป็นโอกาสจึงลองขยับก้นดึงมะโหนกถอยออกมาเองบ้าง
แต่ถอยออกมาได้นิดเดียวจริง ๆ มันเสียวจี๊ด ๆ จนทนไม่ไหว
โมต้องเด้งมะโหนกคืนให้กับเจ้ากระบองอย่างแรงเหมือนกัน นี่แสดงว่ามันก็หวงมะโหนกเหมือนกัน อิอิ
เสียงปั๊บ ๆ ของเนินเนื้อโมชนโคนกระบองดังไม่แรงเท่ากับที่พี่กาญจน์ทำ

พี่กาญจน์ห่อปากครางแล้วยื่นหน้ามามองสบตาโม แววตาแกยิ้มพราวเชียว
"โม..ยอดจังเลย...โอวววว...." พูดไปก็หน้านิ่วคิ้วขมวดไปด้วย
"พี่กาญจน์ก็ยอดเลย โอ๊ะ..เหมือนกัน...อ่าาาาา"

"พี่ดึงออกมาอีกนะ..." โมพยักหน้า
พี่กาญจน์ดึงกระบองออกมาช้า ๆ แล้วผังลงไปเน้น ๆ มะโหนกโมรอรับเต็มที่อยู่แล้ว
"อู้วววววซซซ...เ..สี..ย..ว..ว..ว..ว.."
พี่กาญจน์เงยหน้าขึ้นมองหน้าโมแล้วยิ้มอีก
"รู้สึก..ดี..ดี..มาก..มาก..โม..."
"อาาาาวววว....อูยยยย....." โมร้องแล้วพยักหน้ารับ ก็มันดีจริง ๆ นี่นา
พี่กาญจน์โหย่งตัวดึงกระบองออกมาน่าจะซักครึ่งลำแล้วขยับมือช้อนก้นโมดึงเข้าหาตัว
ในจังหวะเดียวกันนั้นก็แอ่นเอวกระแทกสวนเข้าไปทันที เสียงเนื้อปะทะกันให้อารมณ์จริง ๆ

พี่กาญจน์ทำเน้น ๆ ทำให้โมเสียวจนน้ำตาเล็ดแล้วเล็ดอีก
ส่วนน้ำเสียวเหรอ..โมก็ไม่รู้เหมือนกัน รูเสียวโมขมิบยวบ ๆ แรงมาก ๆ
ครั้งหลัง ๆ กระบองพี่กาญจน์ผลุบเข้าผลุบออกคล่องด้วยความลื่น
แต่พอลื่นมาก ๆ เวลาเนื้อปะทะกันก็ชักมีเสียงแจ๊ะ ๆ ประมาณนี้ดังออกมาด้วย

ช่วงต่อมาพี่กาญจน์ชักลำกระบองออกมาช่วงสั้นแล้วกระแทกกลับเข้าไปเร็ว ๆ
มีหรือโมจะยอมแพ้ มือยันโต๊ะแอ่นก้นขึ้นเด้งสู้รบกับเจ้ากระบอง
เสียงครางทั้งของโมกับของพี่กาญจน์ ประสานกับเสียงจากมะโหนกกับกระบองดนตรีวงใหญ่

ตอนนี้พี่กาญจน์ครางซีด ๆ ยาว ๆ ไม่แพ้โมหรอก
เรื่องแบบนี้มันยอมกันได้ที่ไหน ต้องให้สุด ๆ กันไปข้าง แพ้ไม่ได้หรอกคะ

พี่กาญจน์ชักกระบองยาวบ้างสั้นบ้าง แหม..บางทีก็แทงซ้าย บางทีก็แทงขวา บางทีก็แทงเสย
โมรับได้ทุกท่าแหละ เสียวจนโมตาปรือฉ่ำเห็นหน้าพี่กาญจน์เลือน ๆ เหมือนอยู่ในความฝัน
พี่กาญจน์สาวกระบองแทงไม่ยั้งที่เห็นว่ามะโหนกไม่ยอมแพ้ คงเจ็บใจจึงถี่ ๆ แล้วเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
โมเสียวจะมากยังไงก็ไม่ยอมง่ายหรอก โมปล่อยที่เด็ดเม็ดสุดท้ายขมิบรัดกระบองจนหน้าท้องเกร็งเป็นลอน
ก้มหน้าลงเห็นเต้านมอวบขาวกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงกระแทกเยิบ ๆ
ตอนนี้โมคุมตัวเองไม่ได้จริง ๆ ฝากไว้กับทีเด็ดขมิบรัดแน่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วปล่อยเสียง 'โอ๊วววววว' ยาว
ไม้เด็ดของโมส่งผลให้พี่กาญจน์เสียวจนตัวสั่นไปเหมือนกัน

โมเองก็สั่นริก ๆ ขนลุกสู่ไปทั้งตัวเลย ภายในก็ขมิบตอดแรงสุด ๆ ถี่ยิบ
พี่กาญจน์ไม่หยุดระดมแรงสาวกระบองแทงมะโหนกถี่ยิบ
ปากครางด้วยความเสียวยาวอย่างไม่กลัวคนข้างห้องจะได้ยิน
โมสะท้านวาบตั้งแต่ก้นกบแล้ววิ่งจู๊ดมาตามแนวกระดูกสันหลังจนเหมือนระเบิดเปรี้ยงขึ้นในอากาศ
โมถึงจุดสุดยอดทันที และอีกครั้ง แล้วอีกครั้ง โอววววว....พี่กาญจน์ แล้ว แล้ว แล้วอีกครั้ง อาาาาา......
พี่กาญจน์เด้งถี่ยิบแรง ๆ แล้วผ่อนเป็นช้า ชักยาวเป็นครั้งสุดท้าย มือช้อนรัดก้นดึงสวนเข้ามา
แล้วผวาเฮือก ๆ ปล่อยมือมากอดโมไว้แน่นเชียว
พี่แกรัดแน่นมาก แต่แปลกโมกลับไม่อึดอัด ทิ้งก้นลงจนโต๊ะไหว
ยกมือขึ้นกอดรัดพี่กาญจน์แน่นเหมือนกัน

ในรูเสียวของโมขมิบรัดกระบองพี่กาญจน์ยิก ๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
พี่กาญจน์เองก็เกร็งกระบองให้มันพองตัววาบ ๆ ตอบรับสัญญาณของกันและกัน
เราทั้งสองคุยกันแบบนี้อีกพัก แล้วรูเสียวของโมร้อนวาบ ๆ จนโมจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง
โมตวัดขาเกี่ยวกันรัดเอวพี่กาญจน์แน่นมะโหนกแอ่นขยี้โคกระบองอย่างสุดเสียว
กระบองพี่กาญจน์ปล่อยน้ำรักเข้าไปภายในแรง ๆ หลายครั้ง โอวววว...สวรรค์เป็นแบบนี้เอง

เรายืนกอดกันในท่านั้นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้หละ
พี่กาญจน์ซบหน้าลงกับไหล่โม เราต่างหอบหายใจกับลีลาเมื่อครู่
โมรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกับหัวใจพี่กาญจน์ต่างเต้นเร็วประสานกัน

ในชีวิตโมที่ผ่านมา...โมว่าครั้งนี้ที่โมไปถึงจุดที่โมไม่เคยไปถึงมาก่อน
ตอนที่โมถึงจุดสุดยอดนั้นรู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งโลกนี้ว่างเปล่า
เหมือนตัวเองล่องลอยรอบ ๆ ตัวมีแต่ความสุข สุขที่หาจากที่ไหน ๆ ไม่ได้
โมไม่เชื่อว่าจะมีความสุขใด ๆ ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้
หรือนี่คือทิพยสุขของปุถุชนอย่างเรา ๆ ที่พระเจ้าประทานเอาไว้ให้

โมอยากกอดรัดพี่กาญจน์เอาไว้แบบนี้ แล้วให้หยุดเวลาเอาจนชั่วนิรันดร์
แต่พอถึงที่สุดแล้วมันผ่อนคลายเป็นว่างที่สุด เนื้อตัวเบาโหวง
โมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนล่องลอยอยู่ในอะไรสักอย่างที่แสนจะสงบสันติ (รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ)

เรากอดซบกันอยู่ในท่านั้นนิ่งต่างคนต่างล่องลอยร่วมกันไปยังสวรรค์วิมานแมน
โมรู้สึกตัวต่อเมื่อกระบองพี่กาญจน์เข้าสู่สภาวะพักรบอ่อนจนหลุดออกจากมะโหนก
แต่พี่กาญจน์ยังยืนซบนิ่งไม่ขยับ โมเองก็ไม่ขยับ
ลมหายใจแผ่วเบาลงแต่อยู่ในจังหวะเดียวกัน
วงกอดเราสองก็ยังกระชับแต่ไม่แน่นเหมือนเดิม

แปลกที่โมไม่รู้สึกอึดอัดและอยากให้พี่กาญจน์รัดเอาไว้แบบนี้นาน ๆ
โมรู้สึกวาบ ๆ ในรูเสียวเลยเกร็งขมิบแรง ๆ อีกที รู้สึกเย็น ๆ ตรงร่องก้น
อิอิ น้ำรักเราคงล้นออกมา นี่แสดงว่าโมคงเค้นของพี่กาญจน์ออกมาแทบหมดตัวแน่นอน

เราใกล้จะต้องกลับเมืองไทยแล้ว เฮ่อ....!!!!!!!!
แสนเสียดายนะ..เสียดายจริง ๆ..แต่ทำใจได้แล้วละ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
กังวลไปทำไมให้ใจหดหู่ พูดได้แบบนี้แต่ใจก็ยังอดหวนมาคิดไม่ได้อยู่ดี
อนาคตให้เป็นเรื่องอนาคต ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด มีความสุขที่สุด มีค่าที่สุดก็พอแล้ว

โมสารภาพตรงนี้เลย โมรู้สึกถูกใจพี่กาญจน์ตั้งแต่พี่โอ๊คแนะนำให้รู้จักแล้ว
แล้วเก็บเป็นรอยหม่นในหัวใจ ทำไมเราไม่เจอกันก่อนหน้านี้นะ
หรือว่าพรหมลิขิตขีดเส้นให้เราต้องมาเป็นแบบนี้
ตอนนี้โมสมใจแล้วพี่กาญจน์ก็สมใจ อึม..จะเอาอะไรอีกมากมายนักละ
ฝันในใจโมมันเป็นฝันที่ไม่รู้จบ และคิดว่ามันไม่จบในใจพี่กาญจน์เหมือนกัน

โมเชื่อว่าในโลกนี้อะไรที่เป็นของเรา มันก็ต้องเป็นของเราวันยังค่ำ
ถ้าไม่ใช่ของเรา จะยื้อยุดฉุดกระชากเอาไว้ยังไงก็เอาไว้ไม่อยู่แน่นอน
มันไม่ใช่การปลงตก แต่มันเป็นการเข้าใจโลกนี้ผ่านการอ่านหนังสือหนังหานับหมื่นเล่มต่างหาก

เราทั้งสองนิ่งสงบปล่อยให้เวลา ลมหายใจ และหัวใจเต้นในจังหวะเดียวกัน
โมไม่อยากสนใจอะไร ๆ ในโลกจากขณะนี้ที่ได้รับจากพี่กาญจน์คนเดียวเท่านั้น

หรือว่าเราทั้งสองหลับไปแล้วกำลังฝัน แค้ในความรู้สึกไม่ใช่นี่นา
ชักสงสัยว่าพี่กาญจน์ยืนหลับไปหรือไง...??????
แต่โมนั้นมั่นใจว่าไม่หลับแน่นอน ความรู้สึกกับการรับรู้สมบูรณ์พร้อม
โมได้ยินเสียงลมหาย เสียงเต้นของหัวใจ และความเบาสบาย โมตื่นรู้อยู่แน่นอน

อีกพัก...โมอดสงสัยไม่ได้ จึงกระซิบเสียงแผ่ว
"พี่..กาญจน์..จ๋า...." เจือด้วยออดอ้อนหน่อย
เงียบไม่ได้รับเสียงตอบนอกจากเสียงลมหายใจกับเสียงเต้นของหัวใจ
"หลับหรือจ๊ะ..." ถามแล้วอดหัวเราะตัวเองไม่ได้จริง ๆ
ถ้าพี่กาญจน์หลับจริง ๆ จะตอบได้เหรอ...เอาใหม่ดีกว่า
ถามใหม่ดีกว่า แต่ไม่กล้าขยับตัวแรง ๆ หรอก
อีกอย่างรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และอบอุ่นปลอดภัยแบบนี้ หายากนี่นา

"พี่กาญจน์..." กระซิบอีกทีแต่ยังเงียบเหมือนเดิม อิอิ ยังไงเนี๊ยะ
โมจึงตัดสินใจเอาเองว่าพี่กาญจน์คงสบายเฉิบจนหลับไปแล้วจริง ๆ ฮาาาา

ผ่านไปอีกครู่ใหญ่..................

"โม...." เอ๊ะ..ไงนี่..ไม่ได้หลับนี่นา
"จ๋า...." ขานเสียเบาเชียวหละ
"พี่สบายจังเลย อยากอยู่แบบนี้นาน ๆ จัง..." เสียงผ่อนคลายจริง ๆ
"โม..โม..ก็อยากอยู่แบบนี้เหมือนกัน..." พี่กาญจน์เงียบไปอีก
"โมนึกว่าพี่กาญจน์หลับ..." พี่กาญจน์ขยับวงแขนคลายออกนิดหนึ่ง
"ไม่ได้หลับ..แต่สบายจนลืมพูด..ลืมตอบโม..รู้สึกแต่หัวใจโมเต้นตุ๊บ ๆ"

"พี่กาญจน์...." โมเรียกแผ่วเบาอีกที "หือ......"
"เป็นเซ็กส์ที่ดีที่สุดในชีวิตโมเลย...." พี่กาญจน์ขยับตัวอีก "พี่ก็เหมือนกัน..."
เงียบไปครู่แล้วพี่กาญจน์พูดต่อว่า "พี่ไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้สุด ๆ ถึงแบบนี้..นอกจากโม้ในหนังสือ..."
"คะ...." เราต่างเงียบกันไปอีก

"พี่กาญจน์..หรือเพราะมนต์เวนิสเหรอ ?..." พี่กาญจน์ครางรับเบา ๆ
"โม...เมื่อยหรือเปล่านี่ ?" เสียงห่วงใยเชียว
โมส่ายหน้าอยู่บนไหล่ "อยากไปนอนบนเตียงหรือเปล่า ?" นั่นซิ..น่าจะดีเหมือนกันนะ

"พี่กาญจน์ละ..." พี่กาญจน์เงียบไปแล้วบอกว่า "เรานอนพักกันคนละตื่นนะ.."
"คะ...พี่กาญจน์เหนื่อยซิเมื่อกี้นะ..?", "ไม่เหนื่อยเลย..ผ่อนคลายมากกว่า" พี่กาญจน์ตอบสวนมาทันควัน

เราอยู่นิ่งในท่าเดิมอีกพัก พี่กาญจน์จึงบอกว่า "โมกอดพี่เอาไว้นะ พี่จะพาโมไปเข้าห้องน้ำ เลอะมากเลย..."
ได้ยินแบบนั้นโมก็เขินซิค่ะ อ้าปากงับตรงคอแล้วพูด "ก็พี่กาญจน์ทำดีนี่นา..."
พี่กาญจน์หัวเราะเบา ๆ "ไป..ไป..เดี่ยวพี่ล้างให้...เป็นการไถ่โทษ...เขินเหรอ.."
"อื้อ..แสดงให้รู้หมดไส้หมดพุงเลย น่าจะเก็บเป็นความลับบ้าง..." พูดอ่อยเชียวยิ่งตอนท้ายเบาหวิวยิ่งกว่ากระซิบ
แต่ปากจ่ออยู่ริมหูมีหรือพี่กาญจน์จะไม่ได้ยิน อิอิ..ความจริงก็อยากให้ได้ยินนั่นแหละ เฮ่อ..มารยาหญิงแท้จริงเชียว
"โมนี่น่ารักที่สุดเลย..." เสียงชื่นชมนี่นา โห..เป็นปลื้มจนหัวใจเต้นแรงเลยเรา
"ไปเข้าห้องน้ำเถอะพี่กาญจน์ โมจะกอดแน่น ๆ" นี่ก็มารยาหญิงอีกเหมือนกัน เฮ่อ ทำไมต้องใช้บ่อยจัง

พี่กาญจน์สานมือไปประคองก้นแล้วยกขึ้น โมตวัดขารัดรอบเอวแน่น
มือคล้องคอซบหน้าลงกับบ่า โห..สบายสุดยอดเลย

พี่กาญจน์คงลำบากนิดหน่อย แต่อาสาเองนี่นาทำไงได้ละ
ค่อย ๆ หมุนตัวแล้วขยับก้าวไปทีละก้าว ค่อยโยกไปเยกมาไปเข้าห้องน้ำ
อิอิ..โมกลับอยากให้ห้องน้ำมันอยู่ห่างออกไปสักกิโลจัง
จะได้อยู่บนตัวพี่กาญจน์แบบนี้นาน ๆ นี่อะไรนิดเดียวก็ใช้ตัวโมดันบานประตูเข้าไปอยู่ในห้องน้ำแล้ว
เสียดายจัง อิอิ แต่ไม่กล้าส่งเสียงหรอกค่ะ อิอิ..อยู่กับบ่าพี่กาญจน์นั่นแหละ

พี่กาญจน์ค่อย ๆ ปล่อยก้นโมลงบนโต๊ะหินอ่อนติดกับอ่างล้างหน้า
โห...หินอ่อนมันเย็บเจี๊ยบจนโมสดุ้งเลย มะโหนกเสียวแปล๊บขึ้นมาทันที
พี่กาญจน์รู้สึกอาการสะดุ้งของโมก็คงจะเข้าใจอะไร ๆ ดีเลยหัวเราะร่วน
"พี่ขอโทษ..ลืมไป มันเย็นเน๊าะ..." เลยดึงโมลงมายืน ทำให้โมเองก็อดหัวเราะไม่ได้
แกล้งทุบที่ไหล่ทีหนึ่งแล้ว "เย็นเหมือนนั่งบนน้ำแข็งเลย..." พี่กาญจน์หัวเราะอีก

"ไป ๆ ไปยืนที่อ่าง เดี่ยวพี่ล้างให้..." โมเดินไปอย่างว่าง่าย
"ล้างอย่างเดียวนะ..." อิอิ..ดักคอไว้ก่อน
"อื้อ..." เอ...รับคำเต็มเสียงหรือเปล่านี่ ?
พี่กาญจน์หันไปเปิดฝักบัวปรับน้ำให้อุ่นพอดีแล้วหันมาทางโม
"มะ..อ้าขาหน่อย..." พูดโดยไม่มองหน้าด้วย มองแต่มะโหนกนั่นแหละ ติดใจจริงเชียว

โมขยับขาอ้าออกให้พี่กาญจน์เอาน้ำอุ่น ๆ รดตรงมะโหนก
น้ำแรงจนขนอุยลู่เป็นทาง พี่กาญจน์มองอยู่พักหนึ่งแล้วสอดมือเข้าไปถูเบา ๆ
แต่อีกครู่กลับแหวกกลีบมะโหนกเอาน้ำฉีดไปถูเนื้ออ่อน โห..เสียวแปล๊บอีกแล้ว
โมขยับจะถอยหนี พี่กาญจน์เลยหัวเราะ "เสียวเหรอ...?" โห..รู้นี่นา แสดงว่าแกล้งโมนี่หว่า
แต่ต้องแกล้งทำรู้ไม่ทัน ปล่อยให้พี่ท่านแกปรนนิบัติเราตามใจชอบแล้วกัน
เฮ่อ..จะหาผู้ชายสักกี่คนกันที่ยินดีจะทำอะไร ๆ แบบนี้ให้กับผู้หญิงบ้างนะ

พี่กาญจน์ล้าง(ล้วง)จนพอใจนั่นแหละจึงหยุด
โมปลื้มดูจนชักเสียว ๆ ขึ้นมาเหมือนกัน จึงคิดอยากจะแกล้งมั่ง
"พี่กาญจน์..มา ๆ โมล้างให้พี่กาญจน์มั่ง...." พูดแล้วก็แอบหัวเราะในใจ
"ได้..ได้โม...." พูดแล้วพี่กาญจน์ก็แอ่นกระบองตีหัวผีเข้ามาใกล้ ๆ
โมรับฝักบัวจากพี่กาญจน์มารดกระบองจนเปียกชุ่ม
พี่กาญจน์ขนรุงรังทีเดียวโมจึงรดแล้วยื่นมือไปขยี้เล่น
ก็โมเห็นนี่นาว่ามันบดกับมะโหนกจนเปียกชุ่มไปเหมือนกัน

เสร็จจากขนดกแล้วโมหันมาจับท่อนกระบองบีบ ๆ ปล่อย ๆ เอาน้ำอุ่นฉีด
แหะ ๆ พี่กาญจน์สะดุ้งเหมือนกัน ไม่ยักร้องแต่กัดฟัน
โมรูดจนหัวกระบองสีแดงโชว์หรา เอาน้ำรดแล้วรูดเข้ารูดออก
ตอนนี้มันเริ่มพองจนล้นมือแล้ว โอ้โห..ได้น้ำได้ท่าสดชื่นขึ้นมาเชียวนะ
โมเงยหน้าขึ้นมองพี่กาญจน์ที่คอยดูการกระทำของโมเขม็ง

พี่กาญจน์หัวเราะ "รูดแบบนี้พี่เสียวเหมือนกันนะโม..." โมไม่ตอบหัวเราะแล้วรูดต่อ
แหม..มันสบายมือดีเหมือนกัน ยิ่งตอนกระบองมันเต้นดุบ ๆ ในกำมือ
อึม..รู้สึกสะใจยังไงก็บอกไม่ถูก เลยรูดเล่นใหญ่ ทีตะกี้อยากล้วงเราจนเสียวทำไมละ อิอิ

"พอเถอะโม...พี่ว่ามันสะอาดแล้วละ..." จะไม่ให้พอได้ไงหน้าตาเหยเกเชียว
โมเลยจัดการปิดน้ำดึงผ้าขนหนูมาเช็ดให้พี่กาญจน์ แล้วเช็ดให้ตัวเอง
"มาขี่คอพี่ไป...." แนะ..แรงยังเยอะนะนี่ นึกว่าจะหมดก๊อกไปแล้ว พี่กาญจน์หันหลังแล้วย่อเข่าลง
โมก็ต้องตามใจซิค่ะ ของแบบนี้หาได้ง่าย ๆ ที่ไหน มีโอกาสต้องฉกฉวยเอาไว้ก่อน
โผขึ้นไปเกาะบนหลัง พี่กาญจน์สอดมือมาเกี่ยวใต้เข่าทั้งสองของเอาไว้
ลุกขึ้นมาพาเดินลิ่ว ๆ แป๊บเดียวอีกแล้ว เฮ่อ...อยากให้พาเดินไกล ๆ จัง
แต่ก็ถึงเตียงแล้ว เสียดายจัง! พี่กาญจน์หันหลังปล่อยโมลงบนที่นอนหนานุ่ม

โมเลยกลิ้งตัวไปกลางเตียง ดึงผ้าห่มออกสอดขาทั้งสองเข้าไปแแล้วดึงขึ้นคลุมจนถึงคอ
พี่กาญจน์ยืนมองโมแววตาแย้มยั่ว ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยืนแก้ผ้าล่อนจ้อนกระบองอ่อนตัวลงหอยแนบขา
โมมองแล้วพลิกตัวนอนตะแคงซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่ม พี่กาญจน์หัวเราะแล้วสอดตัวตามเข้ามา
"ยืนล่อนจ้อนแบบนี้นาน ๆ หนาวเหมือนกันนะโม..."
"อื้อ..อื้อ..." โมตอบไปยังงั้นแหละ ก็อยากไม่รีบตามขึ้นมาช้าทำไมละ อิอิ

พี่กาญจน์นอนตะแคงหันหน้ามาทางโม ขยับตัวเข้าหอมตรงหน้าผาก
"ชื่นใจจัง..." โมไม่ว่าอะไรแต่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว
"เล่นอะไรนะ..." โมยิ่งแกล้งซุกตัวขดโดยงอเข่าเข้ามาแนบอก

"มา..มะ..มาให้พี่กอดเร็ว..คนดี..." แน่ะ ๆ อ้อนอีกแล้ว
ใจจริงก็ชอบนะ ขอบให้อ้อน..แต่แกล้ง ๆ ไปยังงั้นแหละ เฮ่อ..นี่มารยาหญิงอีกนั่นแหละ
อยากเค้าเป็นฝ่ายรุกก่อนไง... แค่นั้น...ไม่ให้เสียหน้า (หน้ามันใหญ่จริง ๆ)
แต่พอพี่กาญจน์เห็นโมงอตัวขดแบบนั้นก็หัวเราะ ยื่นมือมาลูบหัว "มาคนดี..มาให้พี่กอดเร็ว..."

ใจอ่อนอีกตามเคย จะแกล้งพี่ชายคนนี้ไปได้สักกี่น้ำกันเชียว
เหยียดขาออกรีบขยับเข้าไปซุกกับอก ซุกแล้วจูบตรงหัวใจเสียฟอดใหญ่
พี่กาญจน์สอดมือรัดโมแน่นแล้วพลิกตัวขึ้นนอนหงายให้โมฟุบหน้าแนบแก้มกับอก
หัวนมเม็ดเล็กเท่าหัวเข็มหมุดอยู่ใกล้ริมฝีปาก โมเลยถือโอกาสงับเม้มมันเล่น

โมเงยหน้าขึ้นมองเห็นพี่กาญจน์นอนหลับตาพริ้มใบหน้ายิ้มชื่น
ฟุบลงกับอกได้ยินเสียงหัวใจเต้นตุ๊บ ๆ ๆ เป็นจังหวะ
เลยนอนฟังนิ่งอยู่นานจนรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นจังหวะเดียวกันเลย
จะว่าหลับก็ไม่ใช่เพราะโมรู้สึกตัวดีอยู่นี่นา แต่โมเหลือบไปเห็นหนุ่มสาวสองคน
ทั้งสองแต่งตัวด้วยชุดขาวหรูหรามาก ผู้ชายพกกระบี่ยาว ส่วนผู้หญิงมีมงกุฎดอกไม้บนหัว
ทั้งสองเดินเข้ามาหยุดที่ริมเตียงพร้อมกับผายมือโค้งให้กับโม
โมไม่เคยเห็นสองคนนี้มาก่อน แต่รู้สึกคุ้น ๆ ยังไงบอกไม่ถูก
เอ๊ะ..พวกเขาเข้ามาในห้องที่เราล็อคประตูเรียบร้อยแล้วได้ยังไง ทีนี้โมตะลึงเลย

โมเห็นการขยับปากพูดของสตรีนางนั้น แต่ไม่ได้ยินเสียง จนครู่หนึ่งจึงมีเสียงดังในสมอง
"ท่านโรเมโอและข้าจูเลียตมาแสดงความยินดีต่อความรักที่นางมีต่อชายผู้นี้"
โมพยายามจะขยับตัวลุกขึ้น แต่ทุกส่วนดูเหมือนจะหนักตื้อไปหมด
แขน-ขาเหมือนจะหนักเป็นตัน ๆ พยายามใช้แรงสักเท่าไหร่ก็ขยับไม่สำเร็จ
แม่จูเลียตหันมาหัวเราะกับพ่อโรเมโอแล้วพูดว่า
"เรามาทำให้นางทรมานเกินไปหรือเปล่า ? แม่นางทำตัวให้สบายเถิด เราทั้งสองขออวยพรเธอเท่านั้น"
พ่อโรเมโอพยักหน้าแล้วพูดว่า "เราอวยพรในรักของเธอและชายหนุ่มคนนี้จงสมหวัง ลาก่อน"
ภาพของทั้งสองจางหายวับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างว่างเปล่า

โมเหมือนถูกแช่แข็ง ขยับตัวไม่ได้เลย แต่ความคิดกับความรู้สึกสมบูรณ์เต็มร้อย
พยายามดิ้นอีกทีแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองจมลึกลงไปในแอ่งน้ำ การรับรู้ค่อย ๆ เลือนหายไปวับไป

---------------------------------------------
ด้วยความขอบคุณ  kankan

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

kaithai

...บางที "เซ็กส์.." อาจใช้เพียง "สัญชาติญาน" ก็บรรเลงบทเพลงรักได้
...แต่ถ้าเป็น "เซ็กส์" ที่มี "ความรัก" ถักทออยู่ด้วย
...ก็ยิ่งสุขจนเปี่ยมสุข...

tacklove

เป็นการทำรักกันที่สุดแสนจะมีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีอาวุธที่ใหญ่เท่าข้อแขน ไม่จำเป็นต้องเล่นท่่าที่โลดโผมมากมาย ขอเพียงทำด้วยใจที่โหยหาและรักกันอย่างจริงใจ เท่านี้ความสุขที่มอบให้กันก็ท่วมท้นเเกินพอแล้ว

akennya





eaddy48



synivorn



angkamag


John Kamin



Chalothon

เนื้อเรื่องเข้าไปในเนื้อหาของเช็คสเปียร์เลย ผู้อ่านก็อินกับเรื่องด้วย