ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_จอน นอนเล่น

หลงสวาทสาวไฟแรงสูง 1-3 Cop

เริ่มโดย จอน นอนเล่น, พฤศจิกายน 12, 2018, 11:06:45 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

จอน นอนเล่น



บทที่ 1

อยากมีผัว


ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมครวญหวิวพัดผ่านยอดไม้ และเพลงรักแช่มช้าของยอดรักสลักใจ แว่วมาจากวิทยุเครื่องเล็กจิ๋วที่สอยดาวได้เมื่อปีก่อน ดวงดาวกระจัดกระจายเต็มท้องฟ้ากำลังเผยตัวออกมาทีละดวงยามท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ม่านเมฆแห่งยามค่ำคืนคลี่ตัวลงห่มท้องฟ้าอย่างนุ่มนวลราวกับโอบอุ้มไว้ด้วยวงแขนของคนรัก มันคงจะเป็นบรรยากาศที่หวามหวิวอย่างแท้จริงถ้าคู่รักกำลังตกอยู่ใต้บรรยากาศที่เป็นใจเช่นนี้ แต่ไม่ใช่กับยูริ สาวน้อยวัย22 ปี สัญชาติไทย-ญี่ปุ่น ที่ต้องจำใจย้ายมาอยู่ประเทศไทยกับมารดา เพราะบิดาชาวญี่ปุ่นไม่ต้องการเลี้ยงดูตน ยูริไม่ถูกกับแม่เลี้ยงและลูกติดของนางเป็นอย่างมาก ส่วนผู้เป็นพ่อก็เข้าข้างแต่คนของตัวเองจนดูลำเอียง สุดท้ายเขาก็พาเธอมาส่งและอ้างความจำเป็นที่ว่าอยากให้ยูริได้อยู่กับแม่แท้ๆ ช่างเป็นเหตุผลที่เห็นแก่ตัวสิ้นดี

การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เธอต้องลำบากมาก บ้านของมารดาอยู่แถวชนบทไฟฟ้าก็ยังเข้าไม่ถึง ต้องอาศัยแสงไฟจากตะเกียง ส่วนน้ำอาบก็ต้องไปโยกน้ำบาดาลมาใส่ตุ่ม จำได้ว่ามาแรกๆ ยูริแพ้น้ำจนผื่นขึ้นเต็มตัวกว่าจะหายก็นานพอดู หนองร่าเริงค่อนข้างเงียบเหงา ยังดีที่มีวิทยุเครื่องนี้ช่วยให้คลายความเหงา

ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำไร่ทำนาปลูกผักหาปลาเลี้ยงชีพจึงไม่ค่อยมีความจำเป็นในการใช้เงินมากนัก นานๆ จะเหมารถไปที่ตลาดในตัวเมืองช่วงสิ้นเดือนเพื่อซื้อของใช้มาตุนเก็บไว้

"ฉันเกลียดหนองร่าเริงที่สุด! อยากกลับโตเกียวได้ยินไหม หาความเจริญไม่มีเลย ฮือๆ อยากกลับบ้าน"

ยูริตะโกนลั่นห้องอย่างใส่อารมณ์เมื่อถ่านวิทยุหมดลงและทำให้เพลงของเธอดับไป

"หนูก็หัดปลงๆ บ้างเถอะลูก ตะโกนโวยวายไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น" มณีได้แต่พูดคำเดิมซ้ำๆ เธอฟังมาสองปีเต็มแล้ว เบื่อจะแย่

"แล้วทำไมแม่ไม่ยอมให้หนูไปอยู่กรุงเทพฯ หรือที่ไหนก็ได้ให้มันเจริญกว่านี้หน่อย ดูสิผิวขาวๆ คล้ำลงไปตั้งเยอะ"

เธอกล่าวพลางยื่นแขนให้มารดาดู จะว่าไปหญิงสาวไม่ได้ดำลงสักเท่าไหร่ ทั้งหมู่บ้านหนองร่าเริงเธอสวยและดูดีที่สุด เหล่าบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาขายขนมจีบกันจนหัวกระไดบ้านไม่แห้งเลยทีเดียว

"จะไปได้ยังไง ลูกไม่รู้จักใครเลย อยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่น่ะดีแล้ว"

"แม่ก็พูดแบบนี้ตลอดนั่นแหละ หนูอยากดูทีวี อยากนอนตากแอร์ อยากใส่เสื้อผ้าสวยๆ ได้ยินไหม"

คนเอาแต่ใจยังคงเถียงไม่เลิกจนกว่าจะได้ดั่งใจตน

"แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้เกิดมาร่ำรวย พ่อเราก็ใจจืดใจดำจนเกินไป เงินทองไม่เคยส่งมาให้ลูกเลย"

"หยุด! อย่าพูดถึงผู้ชายคนนั้นให้หนูได้ยินอีก เขาผลักไสหนูเหมือนขยะไร้ค่า และยกย่องลูกเลี้ยงเป็นแก้วตาดวงใจ คอยดูนะเรารวยเมื่อไหร่หนูจะพาแม่บินไปโตเกียวเย้ยครอบครัวใหม่ของพ่อให้ดู"

"ยังไงซะเขาก็คือพ่อ ที่สำคัญเรามีที่นาแค่สิบไร่คงไม่มีโอกาสได้รวยเหมือนคนอื่นเขาหรอกลูก"

มณีบอกอย่างนึกปลงกับวาสนาที่เกิดมาแสนยากจนนัก อุตส่าห์ได้ผัวต่างชาติกับเขาทั้งทีแต่ก็ถูกทิ้ง หนำซ้ำยังทำกับลูกได้ลงคอด้วยการผลักไสไล่ส่งให้มาลำบากกับตน สงสารก็แต่ยูริที่ยังปรับตัวไม่ได้

"ไม่เห็นยาก หนูจะหาผัวรวยๆ สักคน"

"ในหมู่บ้านนี้มีเพียงเถ้าแก่รับซื้ออ้อยเท่านั้นที่รวย แต่ลูกชายของเสี่ยสมชัยเกเรมากแม่ไม่รับมาเป็นเขยเด็ดขาด

"สมยศถึงจะเกไปบ้างแต่รูปร่างหน้าตาเขาก็ดีนะแม่"

"ไม่ๆ แม่ขี้เกียจะปวดหัวทีหลัง แต่ถ้าเป็นพ่อนทีก็ว่าไปอย่าง"

"ใครกันนที ทำไมหนูไม่เคยเห็นและรู้จักชื่อนี้เลย"

"เขาเป็นลูกของเถ้าแก่สมชัยนั่นแหละ แต่เป็นลูกที่เกิดจากเมียน้อยและมีศักดิ์เป็นพี่ชายไอ้สมยศ นทีเขาเป็นเด็กที่น่าสงสารมาก ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ตั้งแต่หนีออกจากบ้านไปแม่ก็ไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย"

"เด็กใจแตกสินะ"

"หนูก็พูดไป เขาถูกรังแกตั้งแต่เด็กๆ แม่รึก็มาเสียเพราะไข้เลือดออก ตอนนั้นนทีเพิ่งได้สามขวบเอง คิดดูเอาเถอะว่าจะถูกสองแม่ลูกนิสัยไม่ดีกดหัวขนาดไหน แม่ว่าเขาคงไม่อยากกลับมาเจอสภาพครอบครัวเดิมๆ"

"แบบนี้ก็น่าสงสาร งั้นหนูขอถอนคำพูด ชักอยากจะเห็นหน้าเขาแล้วสิ เผื่อจะหล่อบึกบึนถูกใจหนูจะได้จับมาทำผัวซะเลย"

"ตายจริงเป็นสาวเป็นนางใครใช้ให้พูดจาแบบนี้กัน"

"เอ้า! หนูก็นึกว่าแม่จะชอบเขามาก แล้วนี่แม่รู้จักและสนิทชิดเชื้อเขาขนาดไหนกัน ดูแม่มีความสุขมากนะเวลาพูดถึงคนชื่อนที"

"แม่รักและเอ็นดูนทีเหมือนกับลูก เขาชอบมาขอข้าวแม่กินเป็นประจำ บางวันก็หนีออกจากบ้านมานอนด้วยเวลาถูกสมยศรังแก พูดแล้วก็คิดถึง อ้อ! เขามักจะพูดกับแม่เสมอว่าถ้าโตมีงานทำแล้วจะมาเลี้ยงดูแม่เอง"

"แต่เขาก็ไม่มา ป่านนี้คงลืมหญิงบ้านนอกแก่ๆ อย่างแม่แล้ว เมื่อลืมตาอ้าปากได้"

ยูริเองก็รู้สึกผิดหวังแทนมารดามาก เธอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างไร้ซึ่งความหวัง ขณะที่สองแม่ลูกนั่งกอดเข่าอยู่คนละมุม เสียงบีบแตรรถก็ดังขึ้น

"สงสัยไอ้สมยศแน่ๆ ยูริเข้าห้องปิดประตูลงกลอนซะ แล้วห้ามโผล่ออกมาด้วย!"

มณีเอ่ยสั่งบุตรสาวเสียงเข้ม เธอก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย สมยศชอบมาบ้านของเธอตอนดึกๆ อยู่เรื่อยเลย รู้ทั้งรู้ว่าแม่ไม่ชอบ

"ไอ้คนเกเรพวกนี้ทำไมมันไม่รู้จักเวลาเหมาะหรือไม่เหมาะเอาซะเลย" มณีถือปืนลูกซองเดินลงบันไดไปอย่างช้าๆ ทว่าคนที่ยืนมาดดีรออยู่กลับไม่ใช่สมยศ แสงไฟจากหน้ารถเก๋งสว่างพอให้นางได้มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน แม้จะไม่ได้พบหน้ามาหลายปีแล้ว ซึ่งตอนนี้อายุของเขาน่าจะได้ยี่สิบแปดแล้ว แต่เขาก็ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนักนอกจากรูปร่างที่สูงใหญ่บึกบึนขึ้น

"นที! นี่นทีจริงๆ ใช่ไหม"

"สวัสดีครับแม่มณี นทีตัวจริงของแม่มณีเองครับ"

ชายหนุ่มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางเดินเข้าไปโอบกอดนางด้วยความคิดถึงยิ่ง

"ไปยังไงมายังไงพ่อคุณ มาๆ ขึ้นเรือนก่อน อยู่ตรงนี้ยุงเยอะ" นางกล่าวพลางจูงมือเขาขึ้นบันไดหลังจากที่ดับเครื่องยนต์รถเรียบร้อยแล้ว

"ผมทำเรื่องมารับราชการที่หมู่บ้านของเราได้แล้วนะครับ ในตำแหน่งนายอำเภอ ต่อไปนี้ผมจะดูแลแม่มณีตามที่เคยสัญญาไว้"

"โธ่พ่อคุณ หายไปจนได้ดี แม่ปลื้มใจจนน้ำตาจะไหล แต่ตอนนี้แม่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ ยูริลูกสาวของแม่มาอยู่ด้วยได้สองปีแล้ว" มณีกล่าว

"ยูริตัวน้อยที่ผมเคยเห็นในรูปถ่ายใช่หรือเปล่าครับ ดีจังจะได้เจอตัวจริงน้องสักที"

นทีบอกอย่างยิ้มๆ อยู่ๆ ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นเมื่อนึกถึงเด็กน้อยดวงตากลมโต ผิวขาวอมชมพูละเอียดน่ารักน่าชัง เจ้าของภาพถ่ายที่ตนคุยด้วยและนอนกอดทุกคืน จวบจนบัดนี้เขาก็ยังพกติดตัวเสมอเพราะเธอคือรักแรกของเขานั่นเอง

"ก็มีคนเดียวนั่นแหละ แกน่าสงสารมากถูกพ่อนำมาส่งที่นี่ เพราะทางโน้นมีครอบครัวใหม่ จนป่านนี้น้องยังปรับตัวไม่ได้เลย แต่นทีอาจรับนิสัยที่เอาแต่ใจของยูริไม่ไหวก็เป็นได้ รายนั้นหน้าตาสะสวยแต่นิสัยติดลบจริงๆ" น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา

"ซนจริงๆ ด้วยครับ"

เขาบอกอย่างยิ้มๆ พลางมองไปยังประตูห้องที่คนด้านในแอบเปิดแง้มเพื่อแอบดู แม้จะมองไม่ชัดนักเพราะมันมืด อาศัยแสงไฟจากตะเกียงก็เพียงสลัวเท่านั้น

"เค้าเปล่าซนสักหน่อยทำเป็นมาพูดดี"

คนเสียมารยาทเปิดประตูออกมาพลางเดินมานั่งข้างๆ มารดา ครั้นนทีได้พบหน้าเธอครั้งแรกหัวใจเขาก็เต้นแรงแทบจับจังหวะไม่ถูก ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตากลมโต ผมยาวดำขลับ ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากภาพถ่ายที่เขาจ้องมองทุกวัน

แววตาของเขาหวานหยาดเยิ้มพลางเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว มณีเองก็พลอยอมยิ้มไปด้วย เพราะนางรู้ดีว่านทีชอบยูริมากและมักจะพูดถึงตลอดเวลา ไม่คิดว่าโตเป็นหนุ่มแล้วความรู้สึกของเขายังเหมือนเดิม

"ใบหน้าของยูริมีอะไรติดอยู่เหรอคะคุณนที"

แอบฟังอยู่นานเลยได้ยินทั้งหมด ไม่ต้องแนะนำตัวซะให้ยาก

"คนน่ารักใครๆ ก็อยากมองเป็นธรรมดา"

คำชมของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าสาวร้อนผ่าวเลยทีเดียว

"ถ้าน่ารักยินดีจะรับไปเป็นภรรยาหรือเปล่า ยูริกับแม่ลำบากมามากพอแล้ว อยากจะสบายบ้าง"

เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาทำเอามารดาและนทีอึ้งไปชั่วขณะ

"ตายแล้วยูริ ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้นะ พูดอะไรไม่อาย ไปเข้าห้องซะ"

"ให้น้องอยู่ต่อเถอะครับแม่มณี เพราะยังไงซะผมก็ตั้งใจที่จะกลับมาดูแลอยู่แล้ว"

นทีกล่าวอย่างยิ้มๆ สายตาไม่เคยละจากยูริเลย

"พูดแบบนี้แสดงว่าคุณจะรับยูริเป็นภรรยาใช่ไหม"

ดูเธอจะตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าเข้าใจคำว่าสามีกับภรรยาดีแค่ไหนกันเชียว

"ยูริ!" คราวนี้มณีขึ้นเสียงสูงทีเดียว

"ถ้าแม่มณีไม่ว่าผมขอดูแลแม่กับน้องไปตลอดชีวิตได้หรือเปล่าครับ"

"นที แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ยูริยังเด็กเลยไม่เข้าใจคำว่าสามีภรรยา น้องคงพูดเล่นๆ อย่าได้คิดจริงจัง"

ใช่ว่าจะไม่อยากได้ชายหนุ่มมาเป็นเขย ที่พูดทักท้วงเพราะคิดว่าลูกสาวของตนไม่เหมาะสมกับเขามากกว่า

"ทำไมหนูจะไม่เข้าใจ ถ้าแม่ไม่ให้หนูแต่งกับคุณนทีหนูเลือกสมยศก็ได้ รายนั้นเอ่ยขอเช้าเย็น"

ครั้นได้ยินชื่อของน้องชายต่างมารดาที่เขาแค้นนัก นทีถึงกับขบกรามแน่น นี่สมยศก็มาจีบยูริของเขาด้วยรึ ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้น้องชายนิสัยเสียแย่งคนที่รักไปได้หรอก

"แม่มณี ผมอยากแต่งงานกับยูริครับ พรุ่งนี้ผมจะพาน้องไปจดทะเบียนสมรสและจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด"

"นที! นี่คิดดีแล้วเหรอ"

"สมยศมันนิสัยแย่ขนาดไหนแม่ก็รู้ ผมไม่มีวันให้ยูริไปตกนรกกับคนพวกนั้นแน่"

เขากล่าวเสียงเข้ม และคำพูดนี้ทำให้ยูริประทับใจมาก

"คุณน่ารักเหมือนที่แม่พูดไว้ไม่มีผิด ต่อไปยูริจะไม่ลำบากแล้วใช่ไหม"

"เรียกพี่สิครับ แล้วพี่จะให้ทุกอย่างตามต้องการ"

ชายหนุ่มเผยยิ้มกริ่ม แววตาฉายแววประหลาด คนสุภาพอย่างเขาก็มีมุมเจ้าเล่ห์เสียด้วย สมแล้วที่เกิดมาเป็นเพศชาย

"พี่นทีสุดหล่อรับปากยูริแล้วนะ"

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง ใบหน้าระบายยิ้มดีใจแลดูน่ารักมาก

"เมื่อตัดสินใจดีแล้วแม่ก็ไม่ห้าม แล้วนี่นทีพักที่ไหนเหรอลูก"

"ขอบคุณครับที่แม่มณีเข้าใจ ผมก็ตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่ถาวร พรุ่งนี้จะให้ช่างมาสร้างบ้านหลังใหม่ให้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือน"

"เย้! เราจะมีบ้านใหม่แล้วแม่ แต่เสียดายไม่มีแอร์ ทีวี ตู้เย็นเหมือนโตเกียว"

"เดี๋ยวพี่จะทำเรื่องขอไฟฟ้าหลวง บ้านเราควรจะมีไฟฟ้าน้ำประปาใช้สักที"

"เป็นบุญของหมู่บ้านหนองร่าเริงจริงๆ ที่ได้นทีมาเป็นนายอำเภอ"

"บุญของหนูด้วยที่จะได้ผัวหล่อ รวย และแสนดีมากๆ"

ยูริ กล่าวชมจากใจ แววตาที่จ้องมองพราวระยับเชียว ใครกันว่าเธอไร้เดียงสา แบบนี้เขาเลือกแก่แดดมากกว่า

"มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ"

"จริงสิคุยกันเพลิน นทีกินอะไรมาหรือยัง"

"ยังเลยครับ ตอนนี้ก็รู้สึกหิวแล้วด้วย"

"ถ้าอย่างนั้นลงไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะไปติดเตาเพื่อทำเมนูโปรดให้กิน"

"ขอบคุณครับ แม่มณีรู้ใจผมเสมอ"

"ส่วนยูริไปจัดแจ้งที่นอนให้พี่เขาสิลูก" นางเอ่ยสั่งบุตรสาวก่อนจะเดินไปยังชานหลังบ้าน

"พี่นทีนอนกับยูริก็ได้ค่ะ ที่นอนออกจะกว้าง" เธอบอกอย่างยิ้มๆ

"แม่มณีคงไม่ยอม"

"แม่กลัวยูริข่มขืนพี่น่ะสิ ระแวงไม่เข้าเรื่อง อีกหน่อยเราแต่งงานกันก็ต้องทำทุกวันอยู่แล้ว พี่ว่าจริงไหม"

คำพูดแก่แดดของหญิงสาวทำให้นทีถึงกับอาย หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

"คราวหลังอย่าไปพูดแบบนี้กับใครนะรู้ไหมมันไม่ดี"

"ไม่เห็นแปลก ยัยแม่เลี้ยงก็พูดแต่เรื่องแบบนี้ แถมยังทำให้เห็นทุกวัน เสียงครางดังลั่นบ้าน ฟังทีไรสยิวทุกที ว่าแต่พี่นทีจ๋าเราสองคนจะครางดังแบบนั้นไหมน้า" ฟังเธอพูดเข้า แบบนี้นี่เองเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีมาแต่วัยเด็ก เลยเก็บมาจำ

"โธ่ยูริ..."

ชายหนุ่มไม่พูดอะไร แต่เขากลับรวบร่างเธอเข้ามากอดแล้วลูบไล้เรือนผมงามเบาๆ

"เราจะทำอย่างนั้นตอนนี้เลยเหรอ เดี๋ยวแม่ด่าเอานะ"

"ยังไม่ทำครับจนกว่าจะแต่งงานกัน พี่ลงไปอาบน้ำก่อนดีกว่า"

นทีหักห้ามใจแล้วปล่อยเจ้าของกายนุ่มนิ่มออกจากวงแขนของตน เขาเดินถือผ้าขาวม้าลงบันไดไปอย่างช้าๆ นึกสงสารสาวน้อยจับใจ ชีวิตวัยเด็กคงไม่สวยงามน่าจดจำเหมือนกับเขาอย่างแน่นอน แต่นับจากนี้เขาจะนำพาแต่สิ่งดีๆ มาให้ตัวเองและคนที่รัก...




บทที่ 2

เปิดบริสุทธิ์

น้ำในตุ่มข้างบ้างถูกตักมาราดรดเรือนกายบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้ามน่าลูบคลำ ดวงจันทร์กลมโตเริ่มทอแสงลงมาให้ความสว่างพอมองเห็น เจ้าของดวงตาคู่สวยนั่งเท้าคางมองความงามของร่างกายบุรุษเพศอย่างนึกอย่างลิ้มลอง แววตาของเธอหวานหยาดเยิ้ม ไม่ว่าจะมองเขาในอิริยาบถไหนก็ดูจะถูกใจไปซะหมด นี่เธอตกหลุมรักนทีเข้าอย่างจังๆ เลยทีเดียว ไม่ใช่เพียงหวังอยากสบายอย่างที่พูดไว้ แต่เป็นความชอบและถูกชะตาตั้งแต่แรกพบต่างหาก

"หนาวหรือเปล่าจ๊ะพี่นที"

เธอเอ่ยถามพร้อมเดินเข้ามาหา ทำเอาชายหนุ่มรู้สึกเขินเมื่ออีกคนมาเห็นเขาในสภาพยั่วยวนตา

"กะ...กำลังดีครับ แล้วยูริลงมาทำไม เดี๋ยวยุงก็กัดหรอก"

น้ำเสียงของเขาขาดหายเพราะไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย

"มาแอบดูผู้ชายอาบน้ำค่ะ ใหญ่เหมือนที่คิดไว้จริงๆ"

เจอคำนี้เข้าไป คนตัวโตถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก

"อะไรใหญ่ครับ...ชอบพูดให้พี่คิดอยู่เรื่อย"

"กล้ามของพี่ แล้วก็หน้าอก โหย! เนื้อแน่นมาก"

ยูริไม่พูดเปล่า มือเล็กยังซุกซนลูบไล้สัมผัสไปตามลำตัวของเขา แล้วแบบนี้จะอดใจไหวไหม

"ขึ้นบ้านก่อนนะครับ พี่เอาผ้าไปตากก่อน"

นทีสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ อย่างอดกลั้น ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้แตะต้องร่างกายของเขาสักคน

"ยูริจะรอค่ะ อุ๊ย! อะไรติดแก้มพี่คะเนี่ย"

เธอไม่ยอมทำตามแต่กลับใช้นิ้วปัดเศษใบมะขามที่ติดแก้มนทีออก ทว่าเมื่อความใกล้ชิดมันพาให้ใจหวั่นไหว ดวงตาประสานกันอย่างหวานซึ้ง วงแขนหนารั้งเอวคอดเข้ามาแนบชิดก่อนจะโน้มลงบดจูบเธออย่างเร่าร้อนตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง ยูริเบิกตากว้างเมื่อถูกกระทำเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่ขัดขืนยืนตัวแข็งทื่ออ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าจะรุกหรือจะถอยแถมยังทำไม่เป็นซะด้วย ที่ผ่านมาก็เก่งแต่ปากเท่านั้น เห็นท่าทางไร้เดียงสาแบบนี้ความร้อนรุ่มในร่างกายของนทีจึงลดลง เขาผ่อนจังหวะปลายลิ้นที่เชยชิมความหวานจากโพรงปากสาวอย่างอ่อนโยน พร้อมกระหวัดพันหยอกล้อเจ้าของร่างอรชรนุ่มนิ่ม และเจ้าตัวก็เริ่มที่จะตอบรับบ้างแล้ว ฝ่ามือใหญ่สอดแทรกเข้าไปใต้ชายเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่แล้วนวดคลึงทรวงอกเต่งตึงผ่านยกทรงจิ๋ว ครั้นถูกกระตุ้นเลือดในกายสาวถึงกับวิ่งพล่าน เธอเบียดเสียดร่างกายเข้าหาพลางโอบกอดรอบคอของชายหนุ่มไว้มั่น เสื้อยืดตัวใหญ่ถูกถอดออกตามด้วยยกทรง เรียวปากกระจับก้มลงไล้เลียยอดถันสีสวยพร้อมดูดเม้มอย่างหมั่นเขี้ยว มือนั้นเคล้าคลึงทรวงอกอวบอิ่มเกินตัวหนักหน่วง

บัดนี้อารมณ์ของทั้งคู่ได้เตลิดไปไกลท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นใจซะเหลือเกิน แต่แล้วความสุขของหนุ่มสาวก็ถูกขัดเมื่อมณีร้องเรียกหาลูกสาว นทีเรียกสติกลับมา ก่อนจะหยุดการกระทำทั้งหมด พร้อมสวมเสื้อให้ยูริเหมือนเดิม

"ขึ้นไปรอบนบ้านนะครับ เดี๋ยวแม่มณีจะว่าเอา"

เขาเอ่ยบอกคนตัวเล็กพลางจับไหล่เธอไว้ทั้งสองข้าง ซึ่งดูว่าเธอจะไม่ชอบใจที่อารมณ์ค้างแบบนี้

"ไม่เอา"

"อย่างอแงสิครับคนดี อดใจไว้รอวันแต่งงานจะได้ไหม"

พูดบอกคนร่างเล็ก แต่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ไหม

"ก็ได้"

เธอยอมรับปากแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปโดยมีสายตาคู่คมของนทีมองตามด้วยความสิเน่หายิ่ง เขาส่ายหน้าไปมาพลางก้มลงมองแก่นกายของตนที่ดันผ้าออกมาจนเห็นเป็นรูปร่าง ถ้าจะให้กลับสู่สภาพเช่นเดิมคงต้องใช้เวลา

"แกทำอะไรลงไป!"

เขาต่อว่าตัวเองแล้วหยิบผ้าผืนใหม่มาพันกายแล้วนำผืนที่เปียกไปตากไว้ตรงราวไม้ไผ่ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถเพื่อหยิบกระเป๋าใบใหญ่ออกมาพร้อมถือขึ้นไปบนบ้านด้วย

"อาบน้ำนานกว่าเมื่อก่อนนะนที เข้าไปแต่งตัวให้เรียบร้อยค่อยออกมากินข้าวกินปลา"

"ครับแม่มณี"

ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องของยูริ ซึ่งมีเพียงตู้เสื้อผ้าที่นอนหมอนมุ้งเท่านั้น เห็นแล้วก็สงสารเธอจับใจ

"แม่ ถ้าจดทะเบียนแล้วหนูก็นอนกับพี่นทีได้ใช่ไหม"

อยู่ๆ ลูกสาวก็พูดโพล่งขึ้นมา ดีนะเธอพูดเพียงเบาๆ ผู้เป็นแม่ได้ฟังแล้วยังรู้สึกอายแทน

"ทำไมหนูแก่แดดจังฮึ! เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อน ค่อยๆ ศึกษาดูกันก่อนว่าต่างคนต่างใช่หรือเปล่า"

"ใช่สิแม่ เมื่อครู่เรายังจูบและกอดกันอยู่เลย"

นี่ยูริเล่นบอกจนหมดแล้วนทีเขาจะทำยังไงล่ะ

"ห้ะ! ตอนไหน พูดจริงหรือพูดเล่น"

"หนูจะโกหกทำไม ก็ตอนพี่เขาลงไปอาบน้ำ เวลาอยู่ในอ้อมกอดเขาหนูรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมาก แม่นั่นแหละมาร้องเรียกขัดจังหวะคนเขากำลังจะได้กัน"

"โอ๊ย! ฉันจะเป็นลม"

มณีถึงกับยกมือกุมขมับเลยทีเดียว และนทีก็ออกมาเห็นพอดี

"แม่มณีไม่สบายเหรอครับ ไปนอนก่อนดีไหม เดี๋ยวผมทานเสร็จจะเก็บถ้วยชามไปล้างเอง"

"ยังจะมาพูดหน้าตาย มันน่าจับตีนักนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะใจร้อนพอๆ กับยูริ"

ได้ฟังคำพูดนี้นทีก็หน้าซีดเผือดและเดาได้ว่าคนตัวเล็กคงเล่าให้แม่ฟังจนหมด ไม่น่าเลยเขา

"ผมกราบขอโทษที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ"

"ช่างมันเถอะ ยูริเองก็ผิด แม่พอรู้นิสัยลูกสาว"

"หนูผิดอะไร ยังไงเราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว และคืนนี้พี่นทีต้องเป็นของหนู"

"ยูริ! หุบปากแล้วไปนอนซะ" นางตวาดลูกสาวดังลั่น

"ทำไมล่ะ ก็หนูอยากได้พี่เขานี่นา"

"ลูกไม่รักดี ใครสั่งใครสอน นี่แน่ะ!"

เพียะ!

มณีตั้งใจฟาดลูกสาวเพื่อสั่งสอน แต่นทีกลับเอาหน้ามารับแทนซะอย่างนั้น

"ถ้าแม่มณีจะตีก็ตีผมเถอะครับ ผมผิดเอง"

"แม่ไม่ได้โทษนทีเพราะแม่รู้ว่าเราจริงใจกับยูริมากแค่ไหน แต่สำหรับยูริมันเป็นความรู้สึกของเด็กๆ ที่อยากมีผัวจนตัวสั่น"

"ผมขอร้องอย่าพูดจาแบบนี้กับเธอเลย ชีวิตวัยเด็กของเราสองคนคล้ายกันมาก ปมในใจน้อง บาดแผล และการกระทำของผู้ใหญ่ มันทำให้ยูริเป็นแบบนี้ครับ ต้องอาศัยเวลาและความรัก ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลเธออย่างดี"

"นที! เอาเถอะ พรุ่งนี้ก็ไปจดทะเบียนสมรสให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องแต่งงานเอาไว้ก่อน ให้อะไรลงตัวแล้วค่อยแต่ง กินข้าวเสร็จก็เข้านอนซะ" พูดจบมณีก็มุดเข้ามุ้ง แต่ยังไม่ทันได้เอนหลังก็มีคนมาเรียกซะแล้ว

"มณีนอนหรือยัง!"

"ยังๆ ใครกันมาค่ำๆ มืดๆ" นางขานตอบก่อนจะมุดออกมาจากมุ้งแล้วเดินลงบันไปหาผู้มาเยือน

"ข้าเองยายจิน"

"อ้าว มีอะไรเหรอยายถึงมาเอาป่านนี้"

"หลานข้ามันเพิ่งคลอดลูก แต่ผัวมันไม่อยู่ ข้าว่าจะชวนเอ็งไปนอนเป็นเพื่อนมันหน่อย"

"เอ่อ ไปสิ"

"แล้วไม่ชวนยูริไปด้วยรึ"

ยายจินถามอย่างสงสัยพลางหันไปมองรถเก๋งคันโก้

"อ้อ ผัวของมันเพิ่งมาน่ะ เราไปกันเถอะ"

"ว่าแต่มันมีผัวตอนไหนวะ"

"ก็เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวาน ส่วนงานแต่งข้าว่าจะรอสร้างบ้านเสร็จแล้วค่อยจัดทีเดียว"

"แบบนี้นี่เอง ท่าทางลูกเขยคงรวยมาก ไปๆ เดี๋ยวนังน้อยมันจะกลัว"

ครั้นตกลงกันได้ทั้งสองจึงเดินลับหายไปในความมืด มณีคงตั้งใจเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้อยู่กันตามลำพัง เวลาทำอะไรจะได้สะดวก ก็ในเมื่อทั้งคู่โหยหากันขนาดนี้ ถึงนางคัดค้านคงไม่เป็นผลอยู่ดี

"แม่ไม่อยู่ดีจังเลย"

ยูริออกอาการระริกระรี้จนเกินงามแล้วไหมล่ะ

"แม่มณีเข้าใจพี่เสมอ" นทีกล่าวพลางก้มลงกินข้าวจะได้มีแรงออกรบ

"อิ่มหรือยังรอนานแล้วนะ"

คนเร่งก็เร่งอยู่นั่น ทำเอานทีกลืนข้าวแทบไม่ทัน

"ยูริเข้าไปรอในห้องก่อนนะครับ พี่ลงไปแปรงฟันแป๊บหนึ่ง"

"ค่ะ"

วันนี้เธอดูว่าง่ายเป็นพิเศษ ครั้นเข้ามาภายในห้องนอนแล้ว สาวน้อยก็จัดการปูที่นอนใหม่ แล้วเอามุ้งลง เธอนั่งหวีผมรออยู่หน้ากระจกบานเก่า ใบหน้าขาวนวลเนียนยามต้องแสงตะเกียงดูเปล่งปลั่งสวยงามมาก พอนทีเปิดประตูเข้ามาเธอจึงส่งยิ้มหวานให้

"เข้ามาสิคะมัวยืนทำอะไรอยู่"

"ง่วงแล้วเหรอครับ"

เอ่ยถามเสียงทุ้มพร้อมเปิดมุ้งตามเข้าไป

"พี่นที ยูริมีอะไรจะถาม"

อยู่ๆ น้ำเสียงเธอก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานมากกว่าเดิม

"เด็กผู้ชายในรูปใช่พี่หรือเปล่าคะ" เธอหยิบรูปใต้หมอนมาให้ชายหนุ่มดูแล้วนั่งรอฟังคำตอบ ตอนหญิงสาวย้ายมาใหม่ๆ ก็เห็นรูปบานนี้แปะอยู่ข้างฝาบ้านแต่ไม่ได้เอ่ยถามมารดาว่าเขาเป็นใคร นทีก้มลงมองเด็กชายหน้าตามอมแมมในภาพใบเก่าพลางอมยิ้มจางๆ

"ครับพี่เอง ยูริเก็บไว้ใต้หมอนทำไมเหรอ"

"เอาไว้แบบนี้แล้วรู้สึกอุ่นใจและไม่โดดเดี่ยวค่ะ เค้าไม่มีเพื่อนคุย ก็เลยคุยกับภาพพี่นี่แหละ"

ฟังเธอเล่าหัวใจเขาก็เต้นแรงและรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ตนก็เป็นคนสำคัญสำหรับเธอเหมือนกัน

"คงลำบากมากใช่ไหม ต่อไปยูริกับแม่จะสบายแล้วนะ"

"พี่นทีจะให้เค้าเป็นภรรยานานแค่ไหนคะ แล้วจะไล่ยูริไหม"

"ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ พี่จะมีเมียเดียวเท่านั้นก็คือคนสวยตรงนี้ไง" นทีตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหวานซึ้งก่อนจะโน้มใบหน้าไปจุมพิตที่เรียวปากอิ่ม ยูริเผยอปากรอท่าพลางตวัดเกี่ยวปลายลิ้นอย่างรู้งาน จูบเพียงครั้งเดียวจากเขาก็สามารถสอนเธอได้ ทั้งคู่หายใจหอบแรงขึ้นและได้ยินเสียงครวญครางของคนตัวเล็ก เมื่อนิ้วหยาบสอดล้ำช่องทางเพื่อสัมผัสผนังอ่อนนุ่มใต้ผ้าถุง เสื้อตัวโตถูกถอดออกตามด้วยยกทรงและผ้าถุงที่บดบังความงามของเรือนร่าง

"อื้อ..."

เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวดังต่อเนื่องเพราะสุขกับสัมผัสเหลือเกิน ดวงตาคู่กลมพยายามหรี่ปรือขึ้นและพบกับร่างเปลือยเปล่าบึกบึนของอีกฝ่าย ไหล่กว้างหนารับกับช่วงตัวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น เมื่อกายแกร่งทาบทับและปลายจมูกโด่งยังคงซุกไซ้ไปตามลำคองามหอมกรุ่นอย่างแผ่วเบา

ร่างบางเบียดเสียดร่างกายรับกับนิ้วมือ ใบหน้าหวานแหงนเงย ผละออกจากริมฝีปากร้อนที่พยายามปลุกปลอบ แต่ก็ได้เพียงเท่านั้นเมื่อความทรมานอันเกิดจากกายแกร่งสอดแทรกเข้าไปเพียงนิด

"โอ๊ยเจ็บเหลือเกิน"

เธอส่งเสียงประท้วง นทีจึงหยุดกลางคันพร้อมยันกายขึ้นมาจากร่างบางเขาปรือตามองผิวเนื้อขาวผ่องพลางข่มอารมณ์ไว้ให้มากที่สุด

"อดทนหน่อยนะครับคนดี อีกนิดเดียวก็เป็นผัวเมียกันแล้ว"

ลมหายใจร้อนรุ่มหอบกระเส่า เขาสงสารหญิงสาวใต้ร่างเหลือเกินเมื่อรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตาคู่สวย ปลายเล็บแหลมจิกทึ้งไหล่กว้างไว้อยู่ตลอดเวลา และเพียงไม่นานใบหน้าสวยหวานก็ยอมห่างจากไหล่ของเขา

"พี่จะทำเบาๆ นะ"

"อืม..."

เมื่ออีกคนขานรับอย่างเต็มใจแม้จะเจ็บแปลบที่ใจกลางความเป็นหญิงและรู้สึกอึดอัดมากกับขนาดที่เกินตัวของเขา ครั้นจะให้เขาหยุดและล่าถอยออกไปจากกาย ยูริก็ไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นเมื่อร่างกายช่างต้องการเขายิ่งนักจึงทำได้แค่กัดฟันสู้

จมูกโด่งจุมพิตที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยนแม้จะสงสารสาวน้อยจับใจแต่ตัวเขานั้นไม่อาจหยุดได้แล้ว ฝ่ามืออุ่นสอดประสานผูกพันกับมือเล็กๆ ของยูริเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนให้กันและกัน

ร่างกายของทั้งสองถูกประสานทันใด เมื่อนทีสอดแทรกแก่นกายเข้ามาอย่างเชื่องช้าจนสุดทาง ความเจ็บปวดปนเสียวซ่านแล่นผ่านสมองของหญิงสาวราวกับกายนั้นกำลังจะแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ เอวบางเกร็งแน่นตามสัญชาตญาณต่อต้านการรุกล้ำ แต่เพียงแค่ชั่ววินาทีเท่านั้นความเจ็บร้อนก็คลายลงแทนที่ด้วยความรู้สึกดีและเสียวซ่านเกินจนจะทนไหว เมื่อนทีเริ่มโยกกายเนินนาบบนเรือนร่างของตน ก่อนจะค่อยเร่งเร้าขึ้นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายตอบสนองแล้ว

"อา...พี่นที"

เสียงหวานครางสั่นไหว เรียกชื่อคนบนร่างอย่างสุดจะกลั้นความรู้สึกเอาไว้ เขาช่างร้อนแรงดุจเปลวไฟในยามร่วมรัก และเป็นดั่งพายุที่โหมกระหน่ำพัดถาโถมเข้าหาอย่างรุนแรง รวดเร็ว และเร่าร้อนอยู่ในที มือเล็กกำผ้าปูที่นอนแน่น ร่างกายบิดเร่าไปมา ลมหายใจติดขัดพลางส่งเสียงครางกระเส่าตลอดเวลาที่นทีกระหน่ำจ้วง ริมฝีปากร้อนรุ่มของเขากระหวัดเลียยอดถันระรัวริก ยูริแอ่นอกรับอย่างเต็มใจ พลางร่อนสะโพกกลมกลึงตอบรับการกระแทกกระทั้นจากชายหนุ่ม เสียงไม้กระดานลั่นบวกกับการสั่นไหวของตัวบ้าน ยิ่งทำให้คู่หนุ่มสาวอารมณ์ร้อนรุ่มเข้าไปใหญ่ เขาและเธอต้องการความหนักหน่วงและรุนแรงมากกว่าความอ่อนโยนโดยเฉพาะยูริ เธอจิกเล็บลงบนกล้ามแน่นของนทีแล้วหวีดร้องสุดเสียงเมื่อเขาถาโถมแรงลงมาอย่างสุดกำลังจนบ้านสั่นไหวและสามารถส่งสาวน้อยผู้เร่าร้อนไปถึงฝั่งฝันในที่สุด และตัวเขาเองก็ตามมาติดๆ เช่นกัน

ทั้งคู่โอบกอดกันและกันพลางบดจูบคลอเคลียไม่แยกห่าง ครั้นนทีถอดตัวตนออกจากร่างสาว ยูริถึงกับรู้สึกโหวงเหวงและไม่ชอบเอาซะเลย เธออยากให้เขาอยู่ในนั้นนานๆ จนถึงรุ่งสางไปเลย

"เอาเข้าไปใหม่เดี๋ยวนี้นะ"

สาวน้อยพูดอย่างเอาแต่ใจ นี่เธอจะไม่ให้เขาหยุดพักบ้างเลยเหรอ"

"ไม่เจ็บหรือไงครับ" เขาพูดอย่างยิ้มๆ ถ้อยคำนั้นแสนสุภาพช่างแตกต่างจากยามร่วมรักจริงๆ

"หายเจ็บแล้วค่ะ ยูริชอบ สนุกดี"

ฟังเธอพูดเข้า ขนาดแม่พร่ำสอนทุกวันเธอก็ยังไม่จำ เวลาจะพูดจาอะไรไม่เคยระวัง บิดาของเธอเลี้ยงดูมายังไงกันหนอถึงได้แก่แดดเช่นนี้ ดีนะความสาวยังไม่เคยมีใครได้ไป

"เรานี่นะ ต่อไปห้ามพูดแบบนี้กับใคร โดยเฉพาะเรื่องบนที่นอนของเรารู้ไหม"

"ทำไมล่ะ ไม่เห็นน่าอายเลย ทียัยแม่เลี้ยงยังเอามาพูดให้ฟังทุกวันว่าท่านั้นท่านี้มันดี"

ได้ฟังคำตอบเช่นนี้นทีก็มีสีหน้าเศร้าลง เขารั้งร่างอรชรเปลือยเปล่าเข้ามาโอบกอดไว้แน่น พลางพรมจูบตรงหน้าผากชุ่มเหงื่ออย่างนึกรักและเอ็นดูยิ่ง

"ตัวอย่างที่มันไม่ดียูริก็อย่าเอามาทำตามนะครับ เราเป็นเมียนายอำเภอแล้วนะรู้ไหม เวลาจะพูดอะไรต้องคิดก่อน โดยเฉพาะเรื่องที่เราทำเมื่อครู่"

เขาพยายามอธิบายให้คนในอ้อมกอดฟัง และเธอก็พยักหน้ารับ

"ก็ได้ค่ะ แต่ยูริเล่าให้แม่ฟังได้ไหม" อ้าว นึกว่าจะเข้าใจแล้วเสียอีก ที่ไหนได้

"แม่มณีก็ห้ามเล่าเด็ดขาด มันเป็นเรื่องของเราสองคนเท่านั้นครับ"

"พี่นทีนี่เรื่องมากจริงๆ ยูริไม่อยากเป็นเมียพี่แล้ว"

ช่างพูดง่ายจริงๆ แล้วความบริสุทธิ์ที่เขาเสียไปใครจะรับผิดชอบกันเล่า หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง พลางมองสำรวจตัวเองพบว่ามีร่องรอยจากการร่วมรักปรากฏอยู่เต็มไปหมด รอบๆ ปทุมถันก็เป็นรอยแดงจ้ำจากการดูดเม้ม เน้นหนักที่ส่วนนอกและด้านในขาอ่อน เมื่อขยับขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังไหลออกมาและก้มลงไปมองก็พบว่าเป็นของเหลวสีแดงปนขุ่นไหลนองจนเปื้อนผ้าปูที่นอนสีขาว เธอตกใจมากเพราะไม่เคยเรียนเกี่ยวกับเพศศึกษาเลย บิดาของยูริไม่ยอมส่งเสียให้เธอได้ร่ำเรียน ผิดกับลูกเลี้ยงที่ได้เรียนหนังสือทุกคน




บทที่ 3

คืนแสนสุข


"พี่นที ละ...เลือด มีเลือดไหลออกมาด้วย"

เธอสะกิดแขนชายหนุ่มแล้วชี้ไปตรงกลางหว่างขาของตัวเอง ทำเอานทีเผยยิ้มแห้งๆ แล้วเขาควรจะบอกเธอยังไงดี

"เอ่อ... นั่นเป็นเลือดตอนที่เรามีอะไรกันไง ยูริยังไม่เคยทำแบบนี้กับใครจึงมีเลือดออก แต่ต่อไปก็ไม่มีแล้ว ส่วนน้ำขุ่นๆ นั้นเป็นน้ำแห่งความสุขของเราสองคนครับ ถ้าไม่มีน้ำไหลออกมาแสดงว่าเราไม่พบความสุข" เขาอธิบายอย่างละเอียดเชียว นี่ตกลงว่านทีเป็นนายอำเภอหรือว่าเป็นครูสอนเพศศึกษากันแน่

"แบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นยูริก็ต้องลงไปอาบน้ำใหม่ ดูสิเลอะหมดเลย"

เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ ช่างน่ารักจริงๆ ครั้นลุกขึ้น ใบหน้าจิ้มลิ้มถึงกับเหยเก เพราะเจ็บแปลบตรงใจกลางความเป็นหญิง

"อูย!"

"เป็นอะไรครับ เจ็บใช่ไหม"

เขาเอ่ยถามด้วยความห่วงใยและรู้สึกแย่มากที่เป็นคนทำให้สาวน้อยต้องเจ็บตัว

"มากๆ เลยค่ะ แล้วแบบนี้จะฉี่ออกไหม"

"มันคนละส่วนกันครับ มาพี่อุ้มเราลงไปดีกว่า นี่ก็ดึกแล้วคงไม่มีคนผ่านมาเห็นหรอก"

เขากล่าวพลางรวบตัวยูริมาอุ้มแล้วพาออกจากห้องเดินลงบันไดโดยไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้ากัน บ้านของมณีตั้งอยู่หลังเดียวโดดๆ ติดกับทุ่งนาของตน

"ทำไมยูริต้องเจ็บคนเดียวด้วยคะ พี่ไม่เห็นเป็นอะไรเลย"

อยู่ๆ หญิงสาวก็ถามขึ้นระหว่างที่นทีกำลังตักน้ำในตุ่มราดรดร่างกายของเธอ

"ใครบอกว่าพี่ไม่เจ็บล่ะ เส้นสองสลึงพี่ขาดแล้วด้วย"

เขาตอบอย่างอายๆ พลางก้มลงมองน้องชายของตนที่คืนสภาพแล้ว แต่ก็ยังยาวและอวบพอตัว

"ขาดตรงไหนยังเห็นห้อยอยู่เหมือนเดิม"

เธอพูดออกมาแต่ละคำทำเอานทีกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่

"พี่ไม่ได้หมายถึงเจ้านี่ แต่เป็นความบริสุทธิ์ของพี่ต่างหากที่ยูริได้ไป นับจากนี้เราสองคนเปรียบเสมือนคนเดียวกันแล้ว ที่สำคัญเราจะทำแบบนี้กับคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด"

เขากล่าวพลางล้างตัวให้หญิงคนรักอย่างเบามือ ครั้นพอนิ้วของเขาลูบไล้ความเป็นหญิงเลือดในกายสาวก็วิ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง เธอหลับตาพริ้มเผยอปากขึ้นอย่างเซ็กซี่เมื่อต้องกับแสงจันทร์

"อา...พี่นทีขา"

หล่อนครางออกมาพลางโอบกอดรอบคอของเขาไว้แน่นก่อนจะเบียดเสียดร่างกายเข้าแนบชิด

"ตรงนี้ไม่ได้นะครับ ประเจิดประเจ้อ"

ตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเมื่อสาวน้อยใช้มือโอบกุมแก่นกายของตนไว้ ซึ่งเขาก็ไวต่อการสัมผัสมากเช่นกัน

"ไม่มีคนหรอกค่ะ เราจะได้ไม่ต้องลงมาล้างให้เหนื่อยไง"

เธอตอบพลางซุกไซ้จมูกเล็กไปตามลำคอของเขาอย่างยั่วยวนอารมณ์

"อื้อ...ดื้อจริง"

"นะคะ...ยูริอยากใจจะขาดอยู่แล้ว"

"แต่ยูริจะเจ็บนะถ้าอยู่ในท่ายืนแบบนี้"

"น้า...เค้าทนได้"

หญิงสาวอ้อนวอนน้ำเสียงกระเส่า ทว่านทีก็ต้องหักห้ามความต้องการของตน เพราะเขารู้ดีว่าร่างกายของเธอยังไม่ขยายพอที่ยืนทำรักได้ อีกทั้งยังมีรอยฉีกขาด เขาจับขาของเธอพาดขอบโอ่งข้างหนึ่งก่อนจะย่อตัวลงนั่งแล้วโน้มหน้าเข้าไปยังกลีบกุหลาบพร้อมไล้เลียและมอบความสุขให้เธอด้วยปลายลิ้นร้อน นิ้วมือยาวสอดแทรกเข้าไปเพียงสองนิ้วแล้วชักเข้าออกด้วยจังหวะเบาๆ

หญิงสาวส่งเสียงร้องกระเส่าอย่างไม่อดกลั้น เธอส่ายเบียดกลีบกุหลาบให้แน่นชิดใบหน้าเขามากขึ้น เรือนผมดำของนทีถูกมือเล็กขยุ้มไว้ ครั้นเขาชักนิ้วมือแรงและเร็วขึ้นปลายลิ้นร้อนก็กระหวัดเลียรัวเร็ว ยูริก็แทบคลั่งทั้งเสียวซ่านและสุขล้นจวบจนเธอถึงจุดสูงสุดเป็นครั้งที่สอง นทีผ่อนจังหวะช้าลงแล้วบีบเคล้นบั้นท้ายกลมกลึงเมื่อได้ชิมรสชาติหยาดน้ำผึ้งหวานที่ออกจากกายสาวเป็นครั้นแรก เขาเผยยิ้มแล้วลูกขึ้นยืนก่อนจะโอบกอดร่างอ่อนระทวยไว้เพื่อเป็นที่ยึด ยูริหายใจหอบแรงพลางกอดตอบแล้วเขย่งปลายเท้าหอมแก้มเขาฟอดใหญ่

"รักสามีคนนี้จัง อาบน้ำกันเถอะ ยูริง่วงแล้ว"

เมื่อร่างกายเบาหวิวเธอก็ดูอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก แต่นทีนั่นสิปวดหนึบไปทั้งแก่นกายเลยทีเดียว

"อาบเสร็จแล้วขึ้นไปก่อนพี่นะครับไม่ต้องรอ"

เขาเอ่ยบอกหญิงสาวพลางยืนมองเธอก้าวขาขึ้นบันไดไป

"นี่เราต้องช่วยตัวเองใช่ไหม"

เขากล่าวก่อนจะหลับตาพริ้ม มือใหญ่จับแก่นกายตื่นตัวของตนไว้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเสียงใสแจ๋วก็ร้องเรียกซะแล้ว

"โธ่ ยูริกำลังจะทำให้พี่ลงแดงตายนะเนี่ย"

เขาถอนหายใจแรงแล้วตัดใจจากการคิดช่วยเหลือตัวเอง ขายาวก้าวเดินขึ้นบันไดด้วยสภาพที่แข็งโด่อยู่อย่างนั้น ครั้นเข้ามาในห้องก็พบว่ายูริกำลังปูที่นอนใหม่ เธอช่างเย้ายวนใจเมื่อมีเพียงผ้าถุงกระโจมอก

"ปูที่นอนใหม่เรียบร้อยแล้ว เรามานอนกันเถอะค่ะ"

สาวน้อยหันไปเรียกชายหนุ่มพลางนั่งรอเขาอยู่ในมุ้ง นทีมุดเข้าไปโดยที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า เผื่อคนตัวเล็กจะเห็นใจ เขาเอนกายลงนอนหงายอวดความตื่นตัวของตน

"ใหญ่จัง แบบนี้พี่ก็นอนคว่ำหน้าไม่ได้น่ะสิ"

เธอกล่าวก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสดู ทำแบบนี้เขาก็แย่พอดี

"เดี๋ยวก็ลงครับ ยูรินอนเถอะ" นทีหลับตาแน่นเพื่อระงับอารมณ์ต้องการ

"ดูๆ ไปก็เหมือนกล้วย ไหนลองชิมดูซิ"

ว่าแล้วเธอก็ก้มลงสัมผัสเขาทางปาก เท่านั้นยังไม่พอยังใช้ลิ้นไล้เลียให้อีก

"อา...ยูริ"

เขาครางออกมาอย่างเสียวซ่าน เธอหรี่ตามองจึงเข้าใจได้ว่านทีชอบ หญิงสาวเผยยิ้มในหน้าพร้อมผงกหัวขึ้นลงอย่างรัวเร็วจนกระทั่งนทีใกล้จะถึงจุดหมาย เขารีบดันตัวเธอนอนแล้วกุมแก่นกายไว้แน่นพลางปล่อยน้ำความสุขให้หลั่งไหลออกมาจนเลอะฝ่ามือใหญ่ของตน

"เจ็บเหรอคะ เค้าไม่ได้กัดนะ"

"ปะ...เปล่าครับ พี่แค่ปวดฉี่ ขอตัวลงไปฉี่ก่อนนะ"

เขาตอบพลางส่งยิ้มแห้งๆ แล้วมุดออกจากมุ้งอย่างรวดเร็ว คงจะรีบลงไปล้างมือเป็นแน่ ส่วนหญิงสาวก็เอนกายลงนอนและหลับไปอย่างง่ายดาย เธอน่าจะอ่อนเพลียมากเพราะเสียพลังงานไปเยอะ

ครั้นนทีกลับขึ้นมาก็พบยูริหลับไปซะแล้ว เขาโน้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ กลัวว่าคนตัวเล็กจะตื่น นั่งมองใบหน้าสวยหวานสักพักตัวเขาเองก็หลับตามไปในที่สุด ช่างเป็นค่ำคืนแรกที่แสนวิเศษสุดอะไรเช่นนี้ เมื่อมีอดีตเด็กน้อยในรูปถ่ายนอนอยู่ข้างๆ กายเขาดังที่เคยนึกวาดฝันไว้...


minky way


mana manee

 ::Glad::สุดยอดมากเจ้านายจัดไป ขอบคุนมากคับ

spr566


hanabombam

น้องยูริช่างแก่นเซี่ยวจริงๆ จะฟินกว่านี้อีกถ้านท่านปลัดแตกคาปากยูริอ่ะ ::WooWoo:: ::WooWoo:: ::WooWoo::

somc217

น่าจะมีตอนต่ออีกนะครับ อ่านแล้วรู้สึกฟินจัง
ขอบคุณมากๆ

reppok111


dikky

อ่านแล้ว นึกถึงเด็กน้อนสองคน ที่อ่อนประสบกาม แต่พอได้สัมผัสแล้วลุกพรึ่บเลยครับ นทีกับยูริก็เช่นกันครับ

code47



ohodaya