ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

11 วิธีทำอย่างไร เพื่อ “จุดไฟ” อีกครั้ง

เริ่มโดย joker socool, ธันวาคม 24, 2018, 05:30:50 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

joker socool

เอามาฝาก  อ่านคร่าวๆแล้วบางอย่างก็ทำบางอย่างก็ไม่ได้ทำ  ที่แน่ๆ ข้อ"1" สำหรับผมนี่ไม่เคยละเลยจริงๆ  บางทีเยอะเกินจนขี้เกียจทำงานซะด้วย  เพราะงั้นถ้าให้ผมแนะนำก่อนจะอ่านทั้ง 11 วิธีล่ะก็  ผมขอแนะนำว่าไฟเติมได้แต่เอาแค่ให้รู้สึกมีแรงทำงานต่อก็พอ  เพราะถ้าเติมเยอะไปในบางข้อมันจะทำให้เราขี้เกียจทำ"งานจริงๆ"ของเราก็ได้  ...เอิ่ม...ไอข้อออกกำลังกายก็เป็นตัวอย่างที่ดีนะ  ออกมากไปก็คงไม่มีแรงทำงานหรอก  ลองอ่านๆกันดูครับ

11 วิธีทำอย่างไร เพื่อ "จุดไฟ" อีกครั้ง




1.ให้เวลาตัวเองกับสิ่งที่ชอบ

เหนื่อยนักก็พักซะหน่อย ตึงไปก็ผ่อนซักบ้าง แล้วให้เวลาได้เติมพลังตัวเองกับสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม หรืองานอดิเรกที่ชอบ ดูหนัง ฟังเพลง แฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน ช็อปปิ้ง เล่นดนตรี อ่านหนังสือ ทำอาหาร ท่องเที่ยว ไปทะเล ปืนเขา ฯลฯ ไม่ได้หมายความว่าต้องไปท่องโลกกว้างอย่างเดียว ทิ้งทุกอย่างแล้วไปค้นหาตัวเองอย่างเดียว แต่ทำอะไรก็ได้ที่เราเอนจอย โดยปราศจากความกังวล ช่วงเวลาที่มีคุณภาพกับสิ่งที่เราชอบ จะช่วยให้เรามีแรงต่อสู้กับเรื่องหนักๆ อื่นๆ ในชีวิตต่อไป
จะเที่ยวพักผ่อน หรือใช้เวลาที่บ้านก็ได้ ให้เลือกกิจกรรมที่เหมาะที่ตัวเองชอบ

จะเที่ยวพักผ่อน หรือใช้เวลาที่บ้านก็ได้ ให้เลือกกิจกรรมที่เหมาะที่ตัวเองชอบ

ผม:สำหรับผมคือเขียนนิยาย  ถึงแม้จริงๆแล้วจะเขียนได้เหมือนเต่าคลาน  ครึ่งวันได้หน้าเดียวก็ตามแต่ก็ยังจะนั่งจมอยู่กับหน้าจออยู่นั่นแหละ...อืมมม  สงสัยคงต้องปรับปรุงหน่อย
สมอง:เขียนให้ไวขึ้นเหรอ
ผม:ไม่อ่ะ  เปลี่ยนเป็นนอนเขียน  คิดไม่ออกจะได้หลับไปเลย  ผ่าม!


2.ถอดปลั๊กตัวเองแล้วเลิกคอนเนคซะบ้าง

รู้กันอยู่แล้วว่าโลกออนไลน์มีข้อดีมากกกกมาย ช่วยให้โลกเราเชื่อมต่อ เป็นคลังความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด สื่อสารอะไรก็รวดเร็วแค่คลิกๆ แม้เราจะใช้กันอย่างระมัดระวัง แต่บางทีเราก็ยังเผลอโดนความเครียดจากการ Always on หรือ เชื่อมต่อโลกออนไลน์ ตลอดเวลาของเราทำร้ายตัวเองจนได้ กลับบ้านก็นอนไม่หลับ ขับรถก็ต้องคอยเช็คมือถือ เช็คอีเมลล์ หรือเห็นเพื่อนโพสเฟสบุ๊คชีวิตดีๆ ก็พลอยกดดันตัวเอง จนเครียดสะสมรู้สึกไม่แฮปปี้กับตัวเอง บางทีเราอาจต้องถอดปลั๊ก พักการเชื่อมต่อ แล้วใช้ชีวิตให้ช้าลงซักหน่อย เพื่อให้เราเดินได้อย่างมั่นคงขึ้น

ผม:ในข้อนี้สำหรับผมไม่ได้กดดันตัวเองเรื่องงานนะ (แต่จริงๆก็เป็นคนที่นิสัยชอบกดดันตัวเองกับทุกเรื่องแหละ) แต่เวลาอ่านคอมเม้นสนุกๆที่มีคนมาคอมเม้นงานผมแล้วมันจะกดดันตัวเองให้ปรับปรุงแนวเขียนให้ผู้อ่านคาดไม่ถึงหรือคล้อยตามผู้อ่านในบางเรื่องจนตอนนี้...
สมอง:เป็นไงบ้างล่ะผลงานดีขึ้นจมหูเลยสิ
ผม:ดีไม่ดีก็ดูอักขระวิเศษเป็นตัวอย่างสิ  ออกทะเลจนเขียนไม่ออกไปละ  ผ่าม!


3.เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรือเรียนรู้อะไรใหม่

บางทีการที่เราจมอยู่กับเรื่องจำเจเดิมๆ อาจทำให้ร่างกายและใจเหนื่อยล้า ถ้าเราได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ หรือเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ก็ช่วยให้เราได้ผ่อนคลาย เพราะเราเริ่มใหม่จากศูนย์ด้วยความกระหายพร้อมจะเรียนรู้ ไม่กดดันตัวเอง หรือคาดหวังต่อตัวเองมากเกินไป แล้วยังอาจทำให้เราได้เจอสิ่งที่ชอบใหม่ๆ เป็นอีกหนึ่งการค้นพบตัวเองมากขึ้นเช่นกัน

ผม:อันนี้จริง  ติดอยู่กับงานอดิเรกเดิมๆนานๆทุกวันที่มีเวลาว่างมันก็ล้าจนไม่อยากทำอย่างอื่น (งานเพิ่งทำมาได้6-7เดือนแถมทำสากเบือยันเรือรบเลยไม่เบื่อ555)จริงๆผมก็คิดนะว่าควรจะเปลี่ยนบ้างเหมือนกันไม่งั้นเฉาตายพอดี
สมอง:ก็ดีเปลี่ยนงานอดิเรกจะได้ทำอย่างอื่นไม่ฟุ้งซ่านบ้าง
ผม:เปล่า  เปลี่ยนไปเขียนเรื่องใหม่  ผ่าม!


4.เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรายิ่งนอย และหงุดหงิดไม่พอใจในสถานะของตัวเอง ก็คือ ความรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ และไม่มั่นใจในตัวเอง เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยแก้ไขสถานะที่ไม่มั่นคงนี้ก็คือ เพิ่มความรู้ให้ตัวเองซะสิ อาจจะอ่านหนังสือ อ่านบทความในเรื่องที่เราสนใจ หรือไปลงเรียนคอร์สเพื่อศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องนั้นๆ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

บรรยายดีๆจาก Ted ในหัวข้อเกี่ยวกับกุญแจสู่ความสำเร็จ คือความลุ่มหลง และความเพียรพยายาม (Grit: the power of passion and perseverance) หนึ่งในวิดีโอดังที่ช่วยเพิ่มความรู้ และแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลก

ผม:อันนี้จริงจัง  คืองานของผมเป็นงานราชการที่รุ่นพี่ค่อนข้างเอ็นดูเลยให้ผมทำทุกอย่างเพื่อให้ผมทำเป็นได้ทุกอย่าง  ผมว่าดีนะที่ได้เรียนรู้อะไรทุกอย่างได้  แต่อย่างว่าแหละผมยังมือใหม่  ลองอะไรก็ครั้งแรกหมดงานเลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วก็โดนแก้  กลายเป็นเหมือนกดดันตัวเองให้ต้องทำให้ดีขึ้นอีก
สมอง:ตอนนี้ก็เลยดีขึ้น?
ผม:ไม่อ่ะ  ห่วยเหมือนเดิม  ห้วย!  ผ่าม!


5.ทำแบบทดสอบจิตวิทยา

อาจจะแปลกใจ ว่าเห้ย การทำแบบทดสอบจิตวิทยาจะช่วยให้เราเติมไฟตัวเองได้อย่างไร แต่หลายๆ แบบทดสอบเหล่านี้ มักจะช่วยให้เราได้ "รู้จัก" และ "เข้าใจ" ตัวเองมากขึ้น รู้จุดอ่อน จุดแข็ง อะไรไหนที่ชอบ ที่เหมาะกับเรา สภาพแวดล้อมใด งานใด คนลักษณะแบบใด สถานการณ์ไหนที่เราจะเกรงกลัว หรือสถานการณ์ไหนที่จะส่งเสริมเรา เมื่อเราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ก็จัดการกับความเหนื่อยล้าหมดไฟในใจได้ดีขึ้นเช่นกัน
บุคลิก 16 แบบจากแบบทดสอบ MBTI ที่ช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น - orange

บุคลิก 16 แบบจากแบบทดสอบ MBTI ที่ช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น – orangedrink

ผม:คือผมเรียนวิศวะนะแต่ก็ไปลงเรียนวรรณกรรมกับจิตวิทยาด้วย  เรื่องแบบทดสอบตัวเองก็เลยรู้สึกเฉยๆ  เรื่องการดูคนและคาดเดาพฤติกรรมก็พอจะทำได้อยู่บ้างแม้ว่าพอมาเจอสถานการณ์จริงจะทำให้จิตเสื่อมไปเหมือนกันก็เถอะแต่ข้อนี้บอกเลยว่า
สมอง:ไม่จำเป็นเลยใช่ป่ะ
ผม:จำเป็นสิ  ไม่ทดสอบบ้างก็ไม่รู้ดิว่าเริ่มบ้ารึยัง  ผ่าม!


6.ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยทำให้เราเห็นภาพ และไล่เรียงออกมาได้เป็นส่วนๆ ว่าต้องทำอะไร อย่างไร ให้เสร็จเมื่อไหร่ ตรงนี้จะช่วยลดอาการกังวล และเบื่อหน่ายลงไปได้ เพราะเราจะเห็นชัดเจนขึ้นว่ามันมีวันเสร็จสิ้น ไม่ใช่ลากยาวให้เหนื่อยแบบไร้จุดจบ รู้สึกอีกแค่นิดเดียว แล้วเราก็จะได้ไปพักแล้วนะ!
เป้าหมายตามหลัก Smart Goal คือต้องชัดเจน วัดผลได้ บรรลุผลได้จริง อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มีกำหนดเวลา

เป้าหมายตามหลัก Smart Goal คือต้องชัดเจน วัดผลได้ บรรลุผลได้จริง อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มีกำหนดเวลา

ผม:เป้าหมายของผมคือทำฟาร์มที่ไม่ใช้พลังงานจากภายนอกเลย  จะใช้พลังงานจากวัสดุในฟาร์มตัวเองเพื่อทำเป็นพลังงานหมุนเวียน  มีบ้านอยู่ในนั้น  คือครบวงจร  ก็คิดอยู่ว่าอนาคตต้องดีแน่ๆ
สมอง:แล้วตอนนี้ถึงขั้นตอนไหนแล้วล่ะ
ผม:ยังหาเงินได้ไม่ถึงไหนเลยไอ้-ัด  ผ่าม!


7.หาต้นแบบที่เราชื่นชม

การที่เรามีต้นแบบ หรือ Role Model ที่เรานับถือชื่นชมเป็นแบบอย่าง ช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจ อยากจะเป็นอยากจะเจ๋งให้ได้แบบเขา และมีพลังนำตัวเองไปสู่ความสำเร็จแบบที่ตั้งใจ อาจจะเป็นคนระดับโลกที่ชำนาญในเรื่องที่เราสนใจ หรือคนใกล้ตัวที่เราพบเจอทุกวัน เช่น หัวหน้าที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน พ่อแม่พี่น้อง ครอบครัวก็ได้ บุคคลต้นแบบเหล่านี้ ซึ่งเป็นคนจริงๆ จะช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจน ว่าเห้ย เขาก็คนเหมือนเรา เขาทำได้ สักวันนึง เราก็ต้องเป็นได้แบบนั้นบ้างเช่นกัน

ผม:สำหรับผมคือเขียนนิยาย  ถึงแม้จริงๆแล้วจะเขียนได้เหมือนเต่าคลาน  ครึ่งวันได้หน้าเดียวก็ตามแต่ก็ยังจะนั่งจมอยู่กับหน้าจออยู่นั่นแหละ...อืมมม  สงสัยคงต้องปรับปรุงหน่อย
สมอง:เขียนให้ไวขึ้นเหรอ
ผม:ไม่อ่ะ  เปลี่ยนเป็นนอนเขียน  คิดไม่ออกจะได้หลับไปเลย  ผ่าม!



8.มีเช็คลิสของตัวเอง

ช่วงที่เราหมดไฟ มักจะเป็นเหมือนช่วง "ดำดิ่ง" ของชีวิต มองไปทางไหนก็มืดแปดด้าน หรือมองอีกแง่ก็คือ เราไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน จึงเกิดความเครียดขึ้นไปอีก วิธีการแก้ก็คือ มีเช็คลิสให้ตัวเอง คอยสำรวจตัวเองอยู่เสมอว่า เราอยู่จุดไหนแล้ว เป้าหมายของเราคืออะไร ห่างไกลแค่ไหน ถ้าจริงๆ เราใกล้ถึงแล้ว ก็จะถือเป็นกำลังใจกับตัวเอง หรือถ้าเราเห็นว่าจะมีอะไรที่แก้ไข พัฒนาให้ดีขึ้นได้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เราทำอะไรบางอย่าง แบบมีจุดหมายไม่ไร้ทิศทาง
ลิสสิ่งที่ต้องทำ ให้รู้ว่าตัวเองอยู่จุดไหน แล้วจะช่วยคลายกังวลไปได้

ผม:ก็จริงนะ  ตอนนี้รู้สึกชีวิตมั่วไปหมด  ถ้ามีอะไรคอยเตือนว่าเราทำอะไรถึงตรงไหนและต้องทำอะไรต่อคงจัดระเบียบชีวิตที่ยุ่งเหยิงให้ดีขึ้นได้แน่ๆ
เพื่อน:เฮ่ย  คืนนี้ร้านไหนดีวะ
ผม:เอาอันนี้ไปอยู่ในอย่างแรกๆที่ต้องทำเลยดีกว่า  ผ่าม!



9.นึกถึงผลลัพธ์มากกว่าอุปสรรค

เลิกคิดแง่ลบ เลิกกังวลถึงอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าทำอะไร ปัญหาก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ล้มได้ก็ลุกได้ แทนที่จะมัวคิดกังวล ก็เปลี่ยนไปนึกไปถึงรสชาติของความสำเร็จที่เราจะได้ลิ้มรสแทน สิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้น หากเราทำสิ่งนี้ได้ เหมือนเด็กๆ ที่พ่อแม่มักจะมีทริคเล็กๆ ช่วยให้ลูกๆมีกำลังใจเวลาเรียน เช่น ถ้าสอบได้จะได้ไปเที่ยวทะเล ก็เหมือนกับชีวิตการทำงานของเรา ถ้าเราทำได้ เราจะภูมิใจกับผลงานของเราแน่นอน


ชีวิตก็เหมือนปีนเขา ให้นึกถึงบรรยากาศและความรู้สึกฟินบนยอดเมื่อถึงจุดสูงสุด ดีกว่าจะนั่งกลัวและจมอยู่กับอุปสรรค

ผม:แค่คิดก็อยากไปให้ถึงยอดแล้วครับ
เพื่อน:ยอดเขาเหรอวะ
ผม:จุดสุดยอดว่ะ  ผ่าม!


10.ออกกำลังกาย

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แนะนำว่า การออกกำลังกาย สามารถช่วยบรรเทาความเครียดได้ รวมถึงถึงขั้นช่วยบรรเทาโรคซึมเศร้าได้เลยด้วย เพราะเมื่อเราออกกำลัง นอกจากเป็นการบริการกายแล้ว ยังได้เป็นการบริหารใจด้วย เอ็นดอร์ฟินหรือสารแห่งความสุขจะหลั่งออกมา ช่วยให้จิตใจจะสงบขึ้นไม่ว้าวุ่น และได้เอาพลังความเครียดที่อั้นอยู่มาปลดปล่อยและโฟกัสกับการออกกำลังแทน สุดท้ายยังช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น มีแรงเติมไฟสู้กับวันใหม่ต่อไป
ผม:นี่เลยปัญหาใหญ่  นอนหมกตัวอยู่หน้าคอมอย่างเดียวไม่ยอมไปไหน  จ้องแต่หน้าคอมเนี่ยแหละ  สงสัยต้องออกกำลังกายบ้างแล้ว
เพื่อน:สวนสุขภาพป่ะกูอยากวิ่งๆ
ผม:โพไซดอนดิออกกำลังแล้วมีคนช่วยอาบน้ำอาบท่าให้ด้วย  ผ่าม!




11.นอนหลับให้เพียงพออย่างมีคุณภาพ

สุดท้ายที่สำคัญที่สุด และหลายคนที่รีบประสบความสำเร็จอาจลืมให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ ก็คือ การนอน เพราะการอดนอนหรือนอนหลับไม่เพียงพอไม่ใช่แค่จะทำให้ร่างกายเราเสื่อมถอยเท่านั้น แต่จิตใจเราก็ได้รับผลกระทบโดยตรง สมองไม่ปลอดโปร่ง คิดได้ช้า รู้สึกอึนๆ อารมณ์หงุดหงิดง่าย ไร้เรี่ยวแรงพลังใจ สะสมไปนานเข้าก็ยิ่งทำให้หมดไฟวนไปอยู่นั่น การนอนให้เต็มอิ่มอย่างมีคุณภาพ เวลานอนคือนอน หยุดคิดเรื่องงาน ให้สมองได้พัก หยุดไถมือถือ ให้ใจได้ห่างโลกที่หมุนเร็วๆบ้าง แล้วนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม ตื่นมาสดใสชาร์ทพลังตัวเองต่อไป
ไม่ใช่แค่หลับตา แต่การต้องชาร์ทพลังด้วยการหลับอย่างมีคุณภาพ และทำเป็นประจำ

ไม่ใช่แค่หลับตา แต่การต้องชาร์ทพลังด้วยการหลับอย่างมีคุณภาพ และทำเป็นประจำ
ผม:เอิ่มมม  ตั้งแต่ทำงานก็ไม่เคยคิดเรื่องงานเลยครับ  หมดไฟแบบสุดๆ  ตอนนี้ว่าจะปรับตัวละ
สมอง:ดีๆ  ทำให้ตัวเองขยันหน่อยจะได้มีความสามารถติดตัวกับเขาบ้าง
ผม:จ่ะ
สมอง:ไม่มีมุก??
ผม:,มุกอยู่ในชาหมดละ



การพักเพื่อเติมไฟของเราก็มีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ขอให้เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองลองนำไปใช้กันดู สุดท้ายแล้วอย่าเพิ่งท้อและคิดว่าไฟที่มอด คือตอนจบที่ไม่อาจจุดขึ้นมาให้ลุกโชนได้อีกแล้ว ขอให้เชื่อในตัวเอง ยึดมั่นในความฝัน แล้วพลังจะสถิตอยู่กับท่าน!!

ปล.จะลงนิยายต่อหลังจากกรองปลิงเสร็จแล้วซึ่งขั้นตอนการกรองยังอยู่ที่...11% ขี้เกียจแค่ไหนดูเอา  ส่วนใครอยากอ่าน  เว็บบ้านมีจ้า  สมาชิกที่ทำตัวดีๆได้ไปอยู่เว็บบ้านก็ดีใจด้วย  ส่วนที่นี่ขอกรองปลิงก่อน  เห็นแล้วเยอะเกิน

strikef.

#1
ขอบคุณครับ กำลังต้องจุดไฟตัวเองเหมือนกัน จะเอาไปลองปรับใช้ดูนะครับ ตอนนี้เหมือนโดนสภาพแวดล้อมทำให้ไฟมอดไป แต่จริงๆ ก็อย่างที่รู้กัน สภาพแวดล้อมเป็นแค่ส่วนหนึ่ง หลักๆ อยู่ที่ตัวเรา ขอบคุณอีกครั้งครับ

เช่นกันครับ  สู้ต่อไปชีวิตมันไม่ได้มีแค่วันนี้

(จิ๋ว)

#2
ข้อดีของกระทู้นี้คือ   อ่านแล้ว ใจมันคิดตามต่อ เสียจนต้องลุกขึ้นมานั่งเขียนตอบเลยนะคะ
555  คล้าย ๆ ไฟติด  แต่ว่า  ก็ยังติดแบบ ไม้ขีดไฟนะ

ความคิดเห็นทั้งหลายเหล่านี้  ล้วนแต่แง่ลบ  ที่เกิดกับจิ๋ว  แต่เพื่อไม่ให้ มันลบไปนัก
ก็จะมีแง่บวกให้ละกันนะ ^ ^
----------------------------------------
11 วิธีทำอย่างไร เพื่อ "จุดไฟ" อีกครั้ง
-----------------------------------------
1.ให้เวลาตัวเองกับสิ่งที่ชอบ
เหมือนคุณ joker socool เลยค่ะ ให้เวลากับสิ่งที่ชอบมากไปซะจน เป๋ ๆ หลงทางละ
ที่ว่าหลงทาง ก็เพราะ เริ่มสับสนในตัวเองซะจน ไม่รู้ว่า ตัวเองมองหาอะไรกันแน่

- เล่นเกมส์  ก็ยังเล่น ยังมีเป้าหมาย ว่าอยากจะทำอะไร เล่นอะไรให้มันสุด ๆ ยากที่สุดที่จิ๋ว
ยังไม่เคยทำได้ อยากทำได้ด้วยตัวเอง

- เขียนนิยาย  ผ่านไปเก้าเรื่องแล้ว  ขึ้นหัวเรื่องใหม่ไอเดียใหม่ไว้อีก 4 เรื่อง แต่ว่า พอนั่งหน้าคอม
ใจมันก็ลอยล่องไปอย่างไร้จุดหมาย เหม่อๆ มองจอ สมองโล่งไร้สาเหตุ

- อ่านหนังสือ   อ่านได้นะแต่ไม่เข้าหัวสักเรื่อง  และตอนนี้เป็นอุปสรรคกับการทำงานมาก

- สุดท้ายก็ร้องเพลง  ...ร้องไปเป็นสิบ ๆ เพลง ... แต่มันก็เหมือนว่างเปล่าอีก

ขณะนั่งเขียนอยู่นี่ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่า "ปล่อยวาง" น่าจะเป็นคำตอบที่เราต้องทำให้ได้เป็นอันดับแรก
มาก่อนให้เวลากับสิ่งที่ตัวเองชอบ


2.ถอดปลั๊กตัวเองแล้วเลิกคอนเนคซะบ้าง
เหมือนถูกสาป งานจิ๋วต้องออนไลน์  ต่อให้วันหยุดก็ต้องออนไลน์ ให้คนที่เกี่ยวข้องติดต่อได้เสมอ
เคยหยุดออนไลน์ และไม่สนใจมันเลย  นอนอย่างเดียว  มันก็ได้ผลนะไม่มีใครว่าอะไรมีคนเข้าใจ
แต่ทำไมเราก็ยังรู้สึกผิดอยู่ตลอดก็ไม่รู้  "ไม่ออนไลน์ เพราะความขี้เกียจ เพราะป่วยการเมือง มันไม่ถูกต้อง"


3.เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรือเรียนรู้อะไรใหม่
สมาธิในการอ่านลดลง จนไม่สามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆ  แล้วก็รู้สึกผิดอีกเพราะมันเป็นงาน มันต้องทำ
มันต้องหาอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อคนอื่น


4.เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง
พยายามเพิ่มอยู่... T-T


5.ทำแบบทดสอบจิตวิทยา
เคยทำแล้วค่ะ แต่มันให้ผลในระยะสั้น ไม่กี่วัน ก็ลืม


6.ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
มันเป็นเป้าหมายที่เลื่อนลอย ถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป้าหมายที่ชัดเจน มันถูกกลบด้วยเสียงถอนหายใจ
กับความหมดหวัง


7.หาต้นแบบที่เราชื่นชม
ปีที่แล้วรุ่นพี่มานำเรื่องดูแลสุขภาพ แต่ถูกความเครียดจากงานในตำแหน่งใหม่สกัดจนไม่ได้ทำอะไรเลย
ไม่มีหน้าไปคุยกับเขาอีกทิ้งเป็นปีเลยเชียว
คนใกล้ชิดที่ทำงาน พึ่งพาอะไรไม่ได้ สักคน... ต้นแบบ  ที่มี  เขาก็เกษียณ มีโลกของเขา เป็นโลกรุ่นเขา
แบบที่เราทำตามไม่ได้เพราะ ปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างไม่มีอะไรที่เราจะดูเป็นเยี่ยงอย่างได้เลย
รู้สึกสิ้นหวัง


8.มีเช็คลิสของตัวเอง
ไอ้เช็คลิสต์เนี่ย ทำมาหลายหนแล้ว มันก็ต้องทำในลิสต์จนหมดอ่ะนะ
แต่ทำไมทำประจำไม่ได้น้อ ถึงเวลาก็เพิกเฉยลิสต์ตลอด นึกแต่ว่า ช่างมัน ช่างมัน ช่างแม่งมัน


9.นึกถึงผลลัพธ์มากกว่าอุปสรรค
อันนี้เรื่องงาน ...  นึกผลลัพธ์ที่ควรจะเป็นออก แต่รู้ว่า มันมากับสิ่งเลวร้ายอะไรบ้าง
ก็ทำใจไม่ได้ คิดอยากแต่จะหนีอย่างเดียว
ส่วนเรื่องความชอบส่วนตัว ความฝัน ... งานเขียน  ... นึกไม่ออกว่า ฝันนี้จะมาทำให้ตัวเอง
อิ่มเอิบใจได้ยังไง สุขใจ ได้ยังไง  ปีที่แล้วยังมีความสุขอยู่ปีนี้มีแต่ความว่างเปล่า


10.ออกกำลังกาย
เตรียมของทุกอย่างไว้ให้พร้อม เสื้อ กางเกง ผ้าขนหนู รองเท้า ออกไปเดิน
เหมือนเมื่อปีที่แล้ว...  แต่ยังไม่เคยทำสำเร็จเลย  ยังไงก็จะพยายามต่อ ยังไงก็ต้อง
ออกไปเดินต่อให้ได้


11.นอนหลับให้เพียงพออย่างมีคุณภาพ
มันนอนไม่หลับ ยกเว้นวันที่นอนตีสาม  วันถัดมาจะหลับได้ตอนก่อนเที่ยงคืน
แต่ถ้าปรกติแล้ว ตีหนึ่งกว่าถึงจะง่วง เคยไปนอนตอนสี่ห้าทุ่มแล้ว นอนลืมตามองเพดานอยู่นาน
พยายามทำสมาธิ ทำใจให้สงบ แต่มันก็วนเวียนหาคำตอบที่ต้องการหาไม่ได้ จนตีหนึ่งตีสอง
ถึงได้หลับไป จับเวลาได้ว่า พักหลัง ๆ จะนอนได้แค่ 5 ชม. ต่อให้นอนเร็ว ครบ 5 ชม. ก็จะตื่น
บางวันนอนต่อได้ บางวันก็ไม่ได้ โดยเฉพาะวันยุ่งๆ

-------------------
สรุปจากทั้ง 11 ข้อ
1. (จากข้อ 7) เอาโคนันเป็นต้นแบบ เจอคดีร้ายแค่ไหน "ความถูกต้อง" มาก่อนเสมอ  เลิกหากำลังใจจากคนรอบข้าง
(ยกเว้นคนในครอบครัว)  เลิกมองคนที่แก่กว่า ให้มองคนที่อายุน้อยกว่าแต่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบสำเร็จ  เช่น The Rapper,
The Voice ฯลฯ เขาออกตามหาฝันจนสำเร็จได้ยังไง ทั้งที่อายุน้อย  เอามาเป็นกำลังใจแทนกำลังใจจอมปลอม
จากคนรอบข้าง
2. (จากข้อ 6) ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน โดยกลับไป ทำเช็คลิสต์ แบ่งเรื่องงาน  ความฝัน  ความหวัง ออกจากกัน
(จากข้อ 8) เป้าหมายที่สำคัญคือต้องมองมันให้ชัดเจนเสมอ นี่กำลังทำอะไร  ทำงานเพื่อสะสมเงินสร้างสิ่งที่ฝัน
หรือว่า ทำงานเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่หวัง  หรือว่าลงมือทำสิ่งที่ฝันเพื่อให้เป็นไปอย่างที่หวัง
3. แล้วจัดสรรเวลา แบ่งเวลาให้กับงาน ครอบครัว และเรื่องที่ตัวเองชอบ (จากข้อ 1) ทำวนไป อย่าไร้สติ
ให้ทำอย่างมีวินัย ไม่มีใครรักเราจริง ดูแลเราจริงจังได้หรอก เราต้องรักตัวเองดูแลตัวเองเป็น และหยุดตัวเองเป็น
ในโลกนี้มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่หยุดตัวเองได้ แล้วแบ่งเวลาไปดูแลคนที่เรารัก หยุดเพ้อเจ้อไร้สาระ ถ้าอ่อนแอ
ก็ส่องกระจก บอกตัวเองว่า ต้องเข้มแข็ง ต้องทำต่อไป วนไป  ทำต่อไป  วนไป ฯลฯ
4. สร้างกำลังใจให้กับตัวเองด้วยการนึกถึงรางวัล ข้อดี ผลลัพธ์ดี ๆ ที่จะได้จากเป้าหมายเหล่านั้น
(จากข้อ 9) นึกถึงจุดจบสุดท้าย ว่าจะดีขนาดไหน ถ้าเราพยายามขนาดนี้ พยายามจนสำเร็จ ทำต่อไป
ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก
5. หาทางออกใหม่ ๆ ด้วยการหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อให้ตัวเองได้เจอเรื่องใหม่ ๆ บ้าง (จากข้อ 3 และ 4)
เรื่องใหม่ ๆ ที่ว่านี้อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องออฟไลน์บ้างก็ได้ แต่มันต้องไม่เกิดจากความขี้เกียจนะ (จากข้อ 2)
6. ตัดใจจากความล้มเหลว ต้องลุกขึ้นมาลงมือทำ ประกอบฝันขึ้นมาใหม่ หากรู้สึกเป๋ ๆ ไม่มั่นคง ให้ย้อน
กลับไปดูโคนัน ในข้อ 1 แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

อย่ายอมแพ้ สู้ต่อไปนะคะ บอกคุณโจ๊ก บอกทุกคน  และบอกตัวเองเช่นกัน

ขอบคุณครับ  และไม่ว่ายังไงก็อย่าไปหารูปท้อมาย่อเล่นหรือก็อปวางหลายๆลูกนะครับ  ไม่งั้นมันจะย่อท้อและท้อมากครับ5555

========== ( ^-^ ) ติดตามผลงานย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ ( ^-^ ) ==========
>>>>> รวมเรื่องเล่าของ จิ๋ว // พัดลมจิ๋ว <<<<<<<<    
====== ( ^-^ ) ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่มาให้กำลังใจค่ะ ( ^-^ ) ======

(อาจอย่า-ออดอ้อน.อาจอยู่-อย่างอยาก.อาจอย่าง-เอื้อนเอ่ย.อาจอยาก-แอบอิง.อาจแอบ-อำอดีต.อาจอ่าน-อ้างอวด.อาจอิอิ-อำอีก)
...ปริศนาอักษรจิ๋ว...


cd13579

#3
วิธีจุดไฟง่ายๆของผม คือไปหยิบไฟแช็ค ผ่ามมมม

อยากอ่าน อักขระวิเศษ ครับ ยินดีเป็นคนข่วยแก้ปัญหาเรื่องออกทะเลนะครับ สองหัวน่าจะดีกว่าหัวเดียวนะ

#คนมันอยากอ่านมันทำทุกทางได้หมดแหละครับ

55555  ผมว่าก็ดีนะแต่ยังขออุปไว้ก่อนนะครับ  กำลังเขียนวันที่ 4 ของมายด์กับพ่ออยู่  ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวลงเมื่อไหร่จะ pm ไปบอกเรื่องราวกับจุดเชื่อมโยงจักรวาลสามมิติของผมนะครับ  เผื่อจะได้เอาไปโคจรเจอกับเรื่องอื่น  ไม่แน่ว่าอาจจะเหมื่อนหนังมาร์เวลเลยก็ได้5555 
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

err

#4
แค่ข้อ  1.ก็จะไม่รอดแล้ว
มาข้อ2.  หยุดเชื่อมต่อยิ่งทำไม่ได้เลย
แต่ก็พยายามลองทำดู  ขอเอา  2  ข้อก่อน  ถ้าเอาหมดทุกข้อทำไม่ได้เดี๋ยวตบะแตก

ถูกครับ  มันก็แค่แนวทาง  เราจะเอามาเป็นกฏเกณฑ์แล้วทำมันทุกอย่างไม่ได้หรอก  ผมคนนึงแหละที่อ่านแล้วไม่ทำแต่มีมันไว้เพื่อเตือนสติเฉยๆว่าเราสามารถจุดไฟให้ตัวเองได้นะเท่านั้นเอง