ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

รวมเรื่องสั้นโคตรอีโรติกของนาย Nato87 : แหวกกลีบสาวน้องแพรวคนสวย Pt2

เริ่มโดย nato87, มีนาคม 09, 2019, 03:05:56 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

อ่านจบแล้ว อยากถามว่า ฉากเปิดซิง หมอพลอย กับ น้องแพรว คุณว่าฉากไหนเสียวกว่ากันครับ?

หมอพลอยแน่นอน
น้องแพรวแน่นอน

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : กลับมาแล้ว กันคุณหนูแพรวพรรณนะครับ หายไปนาน ตอนนี้ผมงานยุ่งมาก เสร็จจากงานนี้ ผมจะไปต่อที่เรื่องทนายผึ้งกันบ้าง ส่วนนิยายแอ็คชั่น ไซไฟ ผมยังไม่ลืมนะ หายไปเพราะหาไอเดีย ตอนนี้มีแล้ว เร็วๆ นี้อาจได้อ่านตอนใหม่กัน ผมขอซ่อนช่วงไคลแมกซ์สำคัญตอนท้ายๆ นะครับ เพราะถือว่าตอนนี้ใจดีมากๆ เพราะเปิดเผยเรื่องราวเกือบ 90 เปอร์เซนต์แบบไม่มีซ่อนกันเลยทีเดียว นี่เป็นตอนที่เขียนแล้วเหนื่อยอีกตอน เพราะหายไปนาน เลยต้องจัดหนักๆ หน่อย

...............................................................


ความเดิมจากตอนที่แล้ว


https://xonly8.com/index.php?topic=211025.0

อ้างถึงวิทยา จารุศิริการกุล คือนักการเมืองของพรรคการเมืองใหญ่ของประเทศ ที่มีฐานเสียงอยู่ที่ภาคตะวันออก โดยมีศูนย์กลางที่จังหวัดชลบุรี กล่าวได้ว่าตระกูลจารุศิริการกุล คือหนึ่งในตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ท่านวิทยาเป็นนักการเมืองที่มีผลงานโดดเด่น เป็นคนสำคัญของพรรคการเมืองใหญ่พรรคบูรพารักษาแผ่นดิน ที่มักเป็นตัวแปรในการตั้งรัฐบาลจากการเลือกตั้งทุกครั้ง

สำหรับชีวิตส่วนตัว ท่านวิทยาสมรสกับ คุณพนิดา ไฮโซสาว นักการเมืองและนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของภาคตะวันออก โดยทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกันสองคนคือ พลอยพรรณ และ แพรวพรรณ จารุศิริการกุล ที่กล่าวได้ว่าเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของท่านวิทยาและคุณพนิดาเลยทีเดียว

น้องพลอย เกิดก่อนน้องแพรว 10 ปี แม้จะมีวัยห่างกันพอสมควร แต่สองสาวน้อยแห่งบ้านจารุศิริการกุลต่างรักใคร่กลมเกลียวกัน ในช่วงที่น้องแพรวอายุได้ 6 ขวบ พี่พลอยของเธอต้องย้ายไปเรียนในโรงเรียนมัธยมที่กรุงเทพ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนในชั้นอุดมศึกษาต่อไป โดยพลอยพรรณตั้งใจว่าในอนาคตข้างหน้าเธออยากจะเป็นแพทย์เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนอื่น



มันเป็นวันที่น่าเบื่อไม่น้อยเลยสำหรับน้องแพรว แพรวพรรณ ในวัย 6 ขวบ ที่ต้องแยกจากพี่สาวของเธอ แม้จะเป็นการจากด้วยเหตุผลเรื่องการเรียนก็ตาม แต่แพรวพรรณคนน้องก็มักถูกคาดหวังจากท่านวิทยาเสมอว่าจะสามารถมีผลการเรียนที่ดีได้เหมือนพี่สาวของเธอ แพรวพรรณในตอนนั้นพึ่งจะเรียนชั้น ป.1 ได้ไม่นาน แต่กลับต้องมานั่งเรียนพิเศษในช่วงวันเสาร์อาทิตย์เพื่อเตรียมวางพื้นฐานในการเรียนระดับที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

"โอ้ยย!!!!! นี่หนูต้องอ่านหนังสือเลข ป.3 อีกนานไหมคะ!!!" แพรวพรรณในวัยเพียง 6 ขวบปิดหนังสือประท้วงอาจารย์สอนพิเศษที่ท่านวิทยาจ้างมาสอนถึงบ้าน "หนูอยากวิ่งเล่นแบบเด็กคนอื่นบ้าง!!!"

แพรวพรรณหันไปทาง น้องกิ่งและพี่แก้ว เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเธอที่วิ่งเล่นในสนามหญ้านอกบ้าน ในขณะที่ตัวเธอต้องมานั่งติวหนังสือแทนที่จะได้ไปวิ่งเล่นกับเด็กๆ ที่เป็นลูกของตาเกริก เกริกฤทธิ์ คนสวนประจำบ้านกับป้าจวงที่เป็นคนรับใช้ ทั้งคู่รับใช้บ้านจารุศิริการกุลมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่มยังสาว โดยพ่อของท่านวิทยาได้ฝากฝังให้ท่านวิทยาในตอนนั้นปกครองและดูแลคนใช้และลูกน้องบริวารภายในบ้านให้ดี เพื่อให้คนเหล่านี้ช่วยดูแลและเป็นหูเป็นตาให้


อ้างถึงในงานศพของป้าจวง หมอพลอย พรรณพรรณขับกลับมาจากกรุงเทพเพื่อมาร่วมงานศพของป้าจวงที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ภายในงานทุกคนแต่งสีดำเพื่อไว้อาลัยผู้ตาย หลังจากหมอพลอยจอดรถตรงหน้าลานวัด หญิงสาวในชุดสีดำก็เดินเข้ามาภายในศาลา ที่ครอบครัวของเธอ ญาติผู้ตายและแขกผู้มีเกียรตินั่งอยู่

"พี่พลอย!!! ทางนี้ค่ะ!!" แพรวพรรณในชุดดำรีบวิ่งออกมาจากศาลาเพื่อมาหาพี่สาวคนสวย

"ไงเจ้าตัวเล็ก..." พลอยพรรณโอบกอดน้องสาวคนสวย "โตขึ้นแล้วนะเรา เดี๋ยวอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะไปอยู่กับพี่ที่กรุงเทพแล้วซิ ดีใจจัง"

"แพรวก็ดีใจ ที่ได้อยู่กับพี่พลอยสักที หนูเบื่อที่จะอยู่บ้านแล้วอ่ะ" แพรวพรรณทำหน้ามุ่ย "คุณพ่อกับคุณแม่ทำแต่งาน ไม่มีใครมีเวลาให้แพรวเลย"

"พวกท่านทำเพื่อแพรวนะ..." พลอยพรรณลูบศีรษะน้องสาวด้วยความเอ็นดู "มาเถอะ รีบเข้าไปในงานกัน"

"ขอบคุณคุณหนูพลอยมากนะครับที่มางานในวันนี้" ตาเกริกพนมมือไหว้หมอพลอยเป็นการใหญ่ "ขอบคุณจริงๆ ที่เมตตาลุงและครอบครัว บุญคุณของท่านวิทยาและคุณนายพนิดา รวมถึงหมอพลอย ลุงจะไม่มีวันลืมเลยจริง"

"ไม่เป็นไรค่ะลุงเกริก..." พลอยพรรณพนมมือไหว้กลับ "ลุงก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของพลอยเหมือนกัน ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ยังไงพลอยก็เสียใจด้วยนะคะที่ป้าจวงจากไป"

แพรวพรรณยืนกอดพี่สาวมองลุงเกริกตาแป๋ว ทั้งคู่พูดคุยกันในส่วนของธุระทางบ้าน พอถึงเวลาแขกระดับคนใหญ่คนโตเข้ามาภายในงาน หมอพลอยก็พาน้องแพรวไปต้อนรับแขกเหล่านั้นแทนพ่อกับแม่ ที่จะเดินทางตามมาในภายหลัง

ในช่วงอาหารเย็น หมอพลอยก็พาน้องสาวมาหาอะไรกิน น้องแพรวเอ่ยปากถามพี่สาวถึงชีวิตในกรุงเทพว่าเป็นอย่างไร ดูทรงแล้วน้องแพรวอยากไปกรุงเทพมาก เนื่องจากเธอเคยมีโอกาสได้ไปเรียนพิเศษที่กรุงเทพในช่วงปิดเทอม เลยติดใจในแสงสีและความเจริญของเมืองหลวง จนเบื่อหน่ายชีวิตซ้ำซากจำเจในชลบุรีเต็มทน

"จริงๆ พี่คุยกับคุณพ่อและคุณแม่แล้ว ว่าไม่แน่อาจจะให้แพรวมาอยู่กับพี่ที่คอนโด" พลอยพรรณตอบ "พี่ยังไงก็ได้ ก็ดีเหมือนกัน จะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยกัน บอกตรงๆ บางครั้งพี่ก็เหงาเหมือนกันเวลาอยู่คนเดียว"

"หนูก็อยากอยู่กับพี่พลอยค่ะ..." น้องแพรวสารภาพ "อยากไปเร็วๆ หนูเบื่อบ้าน เบื่อชลบุรีจะตายอยู่แล้ว"

"พูดเบาๆ หน่อยแพรว!!" พลอยพรรณทำเสียงดุใส่น้องสาว ที่พูดเรื่องส่วนตัวดังเกินเหตุ จนแขกภายในงานหันมามองกันเป็นแถว "เสียงดังไม่มีมารยาท เดี๋ยวเถอะแพรว เดี๋ยวเราต้องคุยกันหน่อยแล้ว"

"ค่ะ....." แพรวพรรณทำหน้าจ๋อย เมื่อถูกพี่สาวดุ โดยปกติเวลาทั่วไป พี่พลอยของเธอมักสงบนิ่ง เฉยชาเหมือนคนไม่มีความรู้สึก จนใครต่อใครเรียกว่าเจ้าหญิงน้ำแข็ง แต่สำหรับน้องแพรวแล้ว พี่พลอยเป็นพี่สาวที่มีมุมอ่อนโยน ใจดี และเด็ดขาดในตัวเอง

หลังจากงานศพป้าจวงในวันนั้น หมอพลอยก็ขับรถพาน้องแพรวกลับไปค้างที่บ้านหนึ่งคืน สำหรับหมอพลอยแล้ว เธอเองก็ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนักที่อยู่ภายในบ้านแห่งนี้ เพราะก่อนหน้านั้น เธอเองก็ต้องพบกับการเลี้ยงดูที่แสนเข้มงวดของพ่อกับแม่ไม่ต่างจากที่น้องแพรวเจอ เพียงแต่เธอสามารถรับมือกับมันได้ดี เธอมีผลการเรียนดีมาตั้งแต่ยังเด็ก จนสามารถสอบติดโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังในกรุงเทพได้ ท่านวิทยาและคุณพนิดาจึงมีความภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มากและคาดหวังว่าน้องแพรว ลูกสาวคนเล็กจะมีผลการเรียนที่ดีไม่ต่างจากพี่สาวด้วยเช่นกัน

อ้างถึง"ลุงก็หมั่นรดน้ำพรวนดินให้ปุ๋ยนี่แหละครับ" ลุงเกริกยิ้ม ก่อนหยิบหมวกลงมาจากศีรษะแล้วพัดคลายร้อน "ดอกไม้พวกนี้ก็เหมือนคน ต้องหมั่นดูแลรักษา ไม่งั้นมีแต่จะแห้งเฉาตายได้"

"จริงค่ะ..." แพรวพรรณพยักหน้า ก่อนโน้มตัวลงใช้มือเขี่ยกลีบดอกกุหลาบสีแดงด้วยความตื่นเต้น "ดอกไม้พวกนี้คงมีความสุขนะคะ ที่มีลุงเกริกคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา"

"พูดแปลกๆ นะครับคุณหนู?" ตาเกริกยิ้ม พลางใช้หมวกพัดคลายร้อน "มันเป็นหน้าที่ผมครับคุณหนู ถ้าผมไม่ทำ มีหวังผมโดนคุณพ่อกับคุณแม่คุณหนูด่าเละแน่ๆ"

"หนูนึกว่าลุงจะดูแลดอกไม้ในสวนพวกนี้เพราะความรักซะอีก..." สาวน้อยแพรวพรรณขมวดคิ้วใส่ตาเกริก

"ก็รักล่ะครับ...มันเป็นเพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้ลุงรู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย" ตาเกริกสารภาพ ก่อนหันไปหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม "ว่าแต่อากาศร้อนนะครับ ผมว่าคุณหนูรีบเข้าที่ร่มเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา"

"แพรวเบื่อนีคะลุงเกริก..." สาวน้อยสารภาพ "อยู่แต่ในบ้านก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยอยากออกมาเดินดูดอกไม้บ้างอะไรบ้าง ลุงโกรธหรือคะ ที่หนูมาที่นี่?"

"เปล่าครับ เปล่าเลย!!!" ตาเกริกปฏิเสธ "คุณหนูจะมาที่นี่เมื่อไรก็ได้เสมอครับ ผมแค่เป็นห่วงคุณหนู เพราะอากาศมันร้อน กลัวคุณหนูไม่สบาย ก็เท่านั้นแหละ"

"ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ห่วงแพรวแบบที่ลุงห่วง ก็คงจะดี...." น้องแพรวบ่นอุบอิบไปตามเรื่อง

"หนูแพรวว่าอะไรนะครับ?" ตาเกริกหรี่ตามองคุณหนูคนเล็กของบ้านด้วยความแปลกใจ

"เปล่าค่ะ...แพรวแค่บ่นไปตามเรื่อง" สาวน้อยลุกขึ้น เอามือไขว้หลังแล้วยิ้มให้คนสวนอย่างอารมณ์ดี "เอาเป็นว่าแพรวอารมณ์ดีละ ขอบคุณนะคะลุงเกริก ที่คุยกับหนูเป็นเพื่อน หนูไปละ"

"อะไรของคุณหนูเนี่ย..." ตาเกริกได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจปนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแพรวพรรณที่หันหลังเดินกลับไป แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหวาบหวิวอย่างประหลาด คุณหนูแพรวพรรณในวันนี้ไม่ใช่เด็กน้อยขี้แย่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ตอนนี้คุณหนูแพรวพรรณกำลังโตเป็นสาวน้อย เปรียบเสมือนดอกไม้แรกแย้มที่กำลังจะผลิบานเพื่อเป็นดอกไม้ที่สวยสดงดงามในอนาคต

ตาเกริกกลืนน้ำลายดังเอื้อก เมื่อเห็นเรือนร่างของคุณหนูแพรวพรรณจากด้านหลัง เสื้อยืดแขนยาวและกางเกงขาสามส่วนที่เด็กสาวสวมใส่มันไม่อาจปิดบังเรือนร่างของกำลังเจริญเติบโตของสาวน้อยวัยขบเผาะคนนี้ได้อย่างมิดชิด มันทำให้อารมณ์กำหนัดของตาเกริกพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

แตกต่างจากน้องแพรว คุณหนูคนเล็กคนบ้าน ที่ไม่ได้คิดอะไรกับลุงเกริกไปมากกว่าคนสวนและญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ เธอเพียงแค่รู้สึกเหงาๆ ที่ต้องอยู่ในบ้านคนเดียวกับเหล่าคนใช้และแม่บ้าน ที่คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยขณะที่ท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดาไม่อยู่เท่านั้น นอกเหนือจากการเล่นเฟสบุ๊ค ก็มีแต่เล่นไวโอลีนและชมสวนดอกไม้หลังบ้าน ที่พอจะช่วยทำให้ความเหงาในจิตใจของน้องแพรวได้คลายไปเสียบ้าง

"มึงคิดอะไรของมึงเนี่ยไอ้เกริก!!!" คนสวนเรียกสติคืนมา "นั่นลูกสาวเจ้านายนะเห้ย!!!"


###############################

อีกสองวันต่อมา จากเหตุการณ์ที่คุณหนูแพรวโดนผึ้งต่อยในสวนหลังบ้านครั้งนั้น ก็เลยทำให้พ่อและแม่ของเธอสั่งกำชับให้ลูกสาวคนเล็กของบ้านจารุศิริการกุลห้ามไปเดินเล่นแถวสวนดอกไม้หลังบ้านอีกด้วยความเป็นห่วง แต่คุณหนูคนเล็กของบ้านจารุศิริการกุลกลับรู้สึกว่าตัวเธอเหมือนโดนจองจำให้อยู่แต่ภายในบ้าน

"เอาน่าแพรว อีกไม่กี่วันก็ได้ขึ้นมาอยู่กับพี่ที่คอนโดแล้ว ทนอีกหน่อยจะเป็นไรไป" หมอพลอยให้กำลังใจน้องสาวคนสวย ที่โทรมาปรับทุกข์กลางดึก "เอาไว้ถึงเวลาแล้วพี่จะขับรถไปรับนะแพรว"

"เย้!! ดีใจจัง พี่พลอยของแพรวใจดีที่สุด" สาวน้อยในชุดเสื้อนอนสีพาสเทลยิ้มหวาน "แพรวอยากไปอยู่กรุงเทพกับพี่พลอยเร็วๆ แล้ว อยากเที่ยวกรุงเทพใจจะขาด"

"เที่ยวได้ แต่อย่าลืมเรื่องเรียนล่ะ" พลอยพรรณทำเสียงดุ "จะขึ้น ม.ปลายแล้ว แพรวต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น รู้ตัวใช่ไหม?"

"ค๊า...พี่สาวคนจ๋วย" แพรวพรรณลากเสียงยาว

"ยังไงขึ้นมาอยู่กรุงเทพแล้ว พี่เองก็ต้องเข้มงวดกับแพรวเหมือนกัน เพราะคุณพ่อกับคุณแม่สั่งมา บอกไว้ก่อนนะ ถ้าอยู่กับพี่ เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่นนะ จำไว้ด้วยแพรว" หมอพลอยสั่งสอนน้องสาวคนสวยก่อนถึงวันสำคัญ ที่เธอจะขับรถพาน้องสาวมาอยู่ที่คอนโดแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ด้วยกัน

"รับทราบค๊า...." แพรวพรรณตอบ "ยังไงแพรวคิดว่าอยู่กับพี่ แพรวมีความสุขมากกว่าอยู่กับพ่อและแม่แล้วกัน"

"พูดแบบนั้นไม่ดีนะแพรว ยังไงพวกท่านก็เป็นพ่อกับแม่เรานะ" พลอยพรรณออกโรงเตือนน้องสาว "ว่าพ่อว่าแม่มันบาปนะแพรว"

"อือ!! บาปก็บาปไปซิ!!!" แพรวพรรณทิ้งตัวนอนบนเตียง "พ่อกับแม่ไม่เคยสนใจ ไม่เคยรับฟังแพรวเลย ไม่เหมือนพี่พลอย ที่รับฟังแพรวตลอด"

"สมัยก่อนพี่ก็ไม่ต่างจากแพรวหรอก..." พลอยพรรณตอบ "ยังไงพวกท่านก็หวังดีกับพวกเรานะ อย่าไปคิดในแง่ร้ายแบบนั้นเลยแพรว นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพี่ขอวางสายก่อนนะ พี่มีงานต้องทำต่อ"



"ค๊า...พี่สาว" แพรวพรรณกดวางสาย สาวน้อยหยิบโทรศัพท์มือถือไปวางบนโต๊ะโคมไฟด้านข้างแล้วหลับตาพริ้ม นึกถึงวันที่เธอขึ้นไปกรุงเทพในอีกไม่กี่วัน เธอกำลังจะได้เป็นนักเรียน ม.ปลาย โรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังของกรุงเทพ ที่พี่สาวของเธอเคยร่ำเรียนมาก่อน

สาวน้อยเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนเพดาน  เข็มบนหน้าปัดบอกเวลาว่าเป็นช่วงสามทุ่มของคืนวันศุกร์ แพรวพรรณยังไม่รู้สึกง่วงนอนเท่าไร และก็ขี้เกียจลุกไปเล่นคอม ก็เลยนึกอยากซ้อมไวโอลีนสักเพลงก่อนอาบน้ำแปรงฟันเพื่อเข้านอน

แพรวพรรณลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปเปิดกระเป๋าไวโอลีนแล้วหยิบมันขึ้นมา สาวน้อยเดินไปด้านนอกระเบียงหน้าห้องขงเธอ ที่ถูกตกแต่งให้เป็นสวนขนาดย่อม โคมไฟสีส้มจากบนเพดานสาดแสงบนเรือนกายของแพรวพรรณที่กำลังบรรเลงบทเพลงที่เธอชอบ 'I am to you and you are to me' มันคือเพลงประกอบภาพยนตร์รักโรแมนติกจากเกาหลีใต้ ที่มีชื่อว่า The Classic



"นอกจากรักคุณแล้ว ผมก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย" มันเป็นวลีที่แสนโรแมนติก ที่พระเอกของเรื่องเอ่ยปากบอกนางเอกด้วยใจเสน่หา แพรวพรรณรู้สึกเขินหน้าแดงตอนที่ได้ยินประโยคนี้ครั้งแรก ราวกับว่าเธอเป็นนางเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้กันเลยทีเดียว แพรวพรรณรักหนังเรื่องนี้มาก เธอเสียน้ำตาให้กับความรักที่ไม่สมหวังของคนรุ่นพ่อ ก่อนจะมาสมหวังในคนรุ่นลูก แพรวพรรณเองก็เฝ้าฝันว่าหากเธอเติบโตขึ้นไปก็อยากพบกับผู้ชายที่แสนดี และรักเธอให้มากกว่าใคร

เสียงบรรเลงจากไวโอลีนของคุณหนูแพรวพรรณดังกังวานจนได้ยินไปถึงนอกบ้าน แต่ไม่มีคนรับใช้คนใดรู้สึกรำคาญ แต่กลับรู้สึกเพลิดเพลินไปกับเสียงไวโอลีนของคุณหนูแพรวพรรณ มันช่างแสนอ่อนหวาน ละมุนละไมและไพเราะจับใจเหลือเกิน

แต่ไม่ใช่กับตาเกริก ที่วันนี้มันแต่งตัวหล่อผิดปกติ เพราะมันมีภารกิจลับสำหรับท่านชาย นั่นคือการไปตัวเมืองเพื่อซื้อสาวบริการ แพรวพรรณที่ยืนบรรเลงไวโอลีนอยู่ชั้นสอง เหลือบไปเห็นตาเกริก กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปด้านนอก

"ลุงเกริกแกจะไปไหนของแกนะ ดึกๆ ดื่นๆ ป่านนี้แล้ว" แพรวพรรณครุ่นคิดอยู่แว้บหนึ่ง ก่อนกลับมาตั้งสมาธิบรรเลงบทเพลงโปรดจนจบ พอรู้สึกอิ่มเอมใจ ลูกสาวคนเล็กของบ้านจารุศิริการกุลก็กลับเข้าห้องเพื่อเตรียมอาบน้ำแปรงฟันและเข้านอน

.......................................................................

"อือ....ปวดฉี่" แพรวพรรณตื่นขึ้นมาในสภาพงัวเงีย ก่อนเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว พอทำธุระเสร็จ สาวน้อยก็กลับมานอนต่อที่เตียง

"พึ่งเที่ยงคืนครึ่งเองเหรอเนี่ย? นอนต่อดีกว่า" แพรวพรรณหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูเวลาบนหน้าจอ พอรู้เวลาแล้วสาวน้อยก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงต่อ ในห้องนอนของสาวน้อยมีแต่ความเงียบสงบ เว้นเสียแต่เสียงจากแอร์บนเพดานที่ดังหึ่งตลอดเวลา พอรู้สึกเริ่มเคลิ้มเหมือนจะหลับ แพรวพรรณก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ สาวน้อยจำได้ว่านั่นมันเสียงรถของลุงเกริก บางทีลุงแกคงไปทำธุระบางอย่างข้างนอก ก็เลยไม่ได้ติดใจอะไร

"อือ....ทำไมรู้สึกหิวน้ำจังเนี่ย?" แพรวพรรณลุกขึ้นจากเตียงเพราะรู้สึกหิวน้ำ คอของเธอแห้งผากไปหมด ก็เลยนึกอยากเดินลงไปห้องครัวเพื่อดื่มน้ำเย็นสักแก้วคลายกระหาย คุณหนูแพรวพรรณเลยหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดใช้โหมดไฟฉาย ก่อนลุกขึ้นจากเตียงแล้วเปิดประตูลงไปห้องครัวตรงชั้นล่าง

ทีนี้ พอคุณหนูแพรวพรรณเดินลงมาข้างล่าง ก็พบว่าห้องครัวถูกเปิดไฟสว่างโร่ อาจเป็นไปได้ว่ามีคนอยู่ในห้องครัว

"มีใครอยู่ในห้องครัวหรือเปล่าคะ?" คุณหนูแพรวพรรณเอ่ยปากเรียก ขณะกำลังเดินเข้าไปข้างใน "อ่าว...ลุงเกริกเหรอคะ?"

"คุณหนู!?" ตาเกริกในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้น กางเกงสแล็คสีดำ กำลังเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มเช่นกัน "มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย?"

"แพรวมาหาน้ำดื่มค่ะ..." แพรวพรรณตอบ "ลุงละคะ ดึกๆ ดื่นๆ แล้วทำไมยังไม่นอน"

"เอ่อ..ลุงหิวน้ำครับ ก็เลยแวะมาหาน้ำเย็นๆ ดื่มก่อนเข้านอน" ลุงเกริกตอบ "ลุงกินน้ำเสร็จแล้ว เดี๋ยวลุงขอตัวก่อนนะครับ"

"เดี๋ยวค่ะลุง...ลุงไปทำอะไรมาเหรอคะ?" แพรวพรรณได้กลิ่นสบู่จากร่างของตาเกริก "ทำไมตัวลุงหอมจัง?"

"เอ่อ...ลุง...." ตาเกริกยิ้มเจื่อน หน้าถอดสี เมื่อถูกคุณหนูแพรวพรรณคนสวยกำลังจับพิรุธได้ แน่ล่ะ หลังจากเมียตาย ก็ไม่มีใครให้มันได้ระบาย ตอนแรกก็มันก็สำเร็จความใคร่ด้วยมือ แต่พอทำนานๆ ไป ฝามือมันไม่เร้าใจเท่าช่องคลอดของผู้หญิง ทางเดียวที่จะปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดของผู้ชายก็คือการไปลงอ่างนั่นเอง

"หนูเห็นลุงขับรถมอเตอร์ไซค์ไปข้างนอก ลุงไปทำธุระมาเหรอคะ? ธุระอะไรดึกๆ ดื่นๆ คะเนี่ย?" แพรวพรรณถามไปเพราะความซื่อ สาวน้อยผู้อ่อนต่อโลกอย่างเธอไม่มีทางรู้หรอกว่า แท้จริงแล้ว ลุงเกริกของเธอแอบหนีไปลงอ่างกับหญิงขายบริการมา



"ธุระนิดหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวลุงขอตัวก่อนดีกว่า ถ้าใครมาเห็นลุงกับคุณหนูอยู่ด้วยกันแบบนี้ มันจะแย่นะครับ" ลุงเกริกรีบตัดบท ก่อนรีบเดินหนีออกไปจากห้องครัว กลิ่นสบู่ที่ติดตามตัวของลุงเกริกนั้นมีกลิ่นหอมและแรงมาก

"อะไรของลุงเกริกเค้านะ?" แพรวพรรณหันมองลุงเกริกที่เดินออกไปด้วยความแปลกใจ ทำไมลุงเกริกทำตัวมีพิรุธจังนะ แพรวพรรณคิด

.......................................................................

ตัดมาที่ช่วงเช้า สมาชิกครอบครัวจารุศิริการกุล อันได้แก่ ท่านวิทยา คุณหญิงพนิดา และคุณหนูแพรวพรรณ กำลังกินมื้อเช้าร่วมกัน แพรวพรรณได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าว เพราะพ่อกับแม่ของเธอตั้งกฎว่าห้ามพูดคุยระหว่างกินข้าวโดยเด็ดขาด

พอกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว ท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดาก็นั่งรถตู้ไปประชุมที่กรุงเทพ ส่วนคุณหนูพลอยพรรณก็เดินเล่นเพื่อย่อยอาหารหน้าคฤหาสน์ประจำตระกูล เด็กสาวอาศัยร่มเงาต้นไม้ที่ถูกริมถนนหน้าบ้านบังแดด ขณะกำลังเดินเล่น พอเดินไปได้สักพัก คุณหนูแพรวพรรณก็เห็นตาเกริกกำลังเดินถือฝักบัวออกมาจากเรือนคนใช้

"เอ่อ...คุณหนู?" ตาเกริกดูตกใจไม่น้อย ที่เห็นคุณหนูแพรวพรรณยืนกอดอกมองมันแบบนั้น "มีอะไรให้ลุงรับใช้หรือเปล่าครับ?"

"ไปสวนดอกไม้เหรอคะลุงเกริก?" แพรวพรรณยิ้ม

"ครับ...ลุงจะไปรดน้ำดอกไม้" ลุงเกริกตอบ "คุณหนูไปด้วยไม่ได้นะครับ"

"เห๊อะ...ก็ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อยลุงเกริกก็!!" แพรวพรรณค้อนใส่คนสวนประจำตระกูล "แล้วเมื่อคืนน่ะ ลุงน่ะทำตัวมีพิรุธ รู้ตัวบ้างไหมคะ?"

"เอ่อ...ลุง..." ลุงเกริกหน้าซีด เพราะคิดว่าคุณหนูแพรวพรรณน่าจะรู้แล้วว่ามันแอบไปไหนมา เพราะกลิ่นสบู่มันแรงซะขนาดนั้น เป็นใคร ใครก็ต้องรู้ "อย่าบอกคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงนะครับ"

"บอกทำไมละคะลุง?" แพรวพรรณย่นคิ้ว "ลุงจะไปไหนมาไหน ก็เป็นสิทธิ์ของลุงนะคะ"

"ครับ...ขอบคุณครับ" ตาเกริกยิ้มด้วยความโล่งอก

"ยังไงไปไหนมาไหนดึกๆ ดื่นๆ ก็อย่าดื่มเหล้านะคะลุงเกริก" คุณหนูคนเล็กของบ้านจารุศิริการกุลเตือน "แค่นี้แหละ ที่แพรวอยากจะเตือนลุง"

"ครับ..." หนุ่มใหญ่ในชุดตัดอ้อยพยักหน้ายิ้ม "งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ลุงขอตัวก่อนนะครับ"

"ค่ะลุง..." แพรวพรรณยิ้ม เธอเดินกอดอก มองไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เหมือนกำลังคิดอะไรในใจ ส่วนตาเกริกคนสวนก็เดินไปด้านหลังคฤหาสน์เพื่อรดน้ำสวนดอกไม้ ในใจก็นึกโล่งอก ที่คุณหนูแพรวพรรณยังไม่รู้ความจริง

ทางด้านแพรวพรรณ ก็เดินเล่นสักพัก จนเริ่มรู้สึกว่าแดดในช่วงเช้าเริ่มแรงขึ้น ก็เลยเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมอาบน้ำแล้วก็ทำธุระส่วนตัวไปตามเรื่อง ระหว่างรอวันที่หมอพลอย พี่สาวของเธอจะขับรถมารับเธอที่ชลบุรี

............................................................

ตัดมาที่ช่วงค่ำของวันเดียวกันนั้น ท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดาติดงานสังคมในกรุงเทพ กว่าจะกลับมาก็เกือบตีหนึ่ง คุณหนูแพรวพรรณเลยใช้เวลาว่างไปกับการนั่งเล่นเฟสบุ๊คคุยกับเพื่อนไปตามเรื่อง

"อะไรกันนักกันหนานะ...." แพรวพรรณกดไปดูอินบ็อกข้อความ ก็พบว่ามีข้อความจากหนุ่มน้อย หนุ่มรุ่นเดียวกันและหนุ่มรุ่นพี่ส่งมาขายขนมจีบเธอกันหลายสิบคนเลยทีเดียว บางคนก็ทักแล้วทักอีก จนแพรวพรรณต้องปล่อยเฉย เพราะขี้เกียจตอบ

"น่ารำคาญผู้ชายพวกนี้จังเลย..." แพรวพรรณส่ายหน้า ขณะกำลังเปิดยูทูปดูรายการวาไรตี้เกาหลีที่ลงซับไทยอยู่อย่างสนุกสนาน แพรวพรรณหัวเราะร่าไปกับรายการเกาหลี จนกระทั่งจบรายการ ก็เลยลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ริมระเบียงเพื่อสูดอาการบริสุทธิ์แล้วยืดเส้นยืดสาย

"นี่ก็จะสี่ทุ่มละ คงอีกนานกว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะกลับ...." แพรวพรรณเหลือบไปเห็นตาเกริกคนสวนกำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ นี่ลุงแกจะไปข้างนอกอีกเหรอ แพรวพรรณคิด คุณหนูคนเล็กของบ้านจารุศิริการกุลแอบซุ่มดูลุงเกริกสตาร์ทรถออกไปข้างนอก ตอนแรกแพรวพรรณก็ไม่ติดใจอะไร แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว ตกลงลุงเกริกแกไปไหนกันแน่

หลังจากนั้นลุงเกริกก็แอบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปด้านนอกช่วงสี่ทุ่มทุกคืน แล้วก็กลับมาอีกทีช่วงเที่ยงคืนถึงตีสามทุกวัน จนแพรวพรรณรู้สึกสงสัยในพฤติกรรม จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเช้าของวันศุกร์ในอีกสัปดาห์ต่อมา

วันนี้แพรวพรรณกินข้าวเช้ากับคุณพ่อวิทยาและคุณแม่พนิดาเหมือนเคย พอกินเสร็จทั้งสองก็เดินทางไปประชุมที่โคราชต่อทันที กว่าจะกลับมาอีกทีก็ช่วงบ่ายวันเสาร์ เพราะต้องไปร่วมงานหมั้นนักการเมืองคนเก่าคนแก่ประจำพรรค

แพรวพรรณเดินเล่นตรงสวนหน้าคฤหาสน์บ้านจารุศิริการกุลในช่วงเช้า ลุงเกริกในชุดตัดอ้อยเดินถือจอบเตรียมไปทำงานในสวนดอกไม้หลังบ้าน พอตาเกริกเห็นคุณหนูเท่านั้น มันก็สะดุ้งด้วยความตกใจ

"คุณหนูแพรว...มีอะไรให้ลุงรับใช้เหรอครับ?"

"หนูถามลุงจริงๆ เถอะ หนูเห็นลุงแอบไปข้างนอกทุกคืนติดต่อกัน ลุงไปทำอะไรเหรอคะ?"

"ลุง...เอ่อ...ลุงไปทำธุระครับคุณหนู...." ตาเกริกตอบน้ำเสียงตะกุกตะกัก

"ธุระอะไรตอนดึกๆ ดื่นๆ คะลุง?" แพรวพรรณถาม "ลุงก็รู้กฎบ้านเรานิคะ ออกไปทุกคืนแบบนี้ ธุระอะไรของลุงกันแน่? นี่ถ้าพ่อกับแม่รู้ ลุงจะแย่เอานะคะ"

บ้านจารุศิริการกุล ตั้งกฎไว้ว่าคนใช้ภายในบ้านห้ามออกไปข้างนอกยามวิกาลหากไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ในกรณีที่คนใช้บ้านจารุศิริการกุลไปก่อคดีทีเกี่ยวกับสิ่งของมึนเมาและอบายมุข หรือแอบไปกินเหล้าแล้วเมาอาละวาด หากท่านวิทยาและคุณหญิงพนิดาทราบเรื่อง จะต้องถูกไล่ออกจากบ้านทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น

"โถ่....คุณหนูของลุง" พอเห็นท่าไม่ดี ตาเกริกเลยทิ้งจอบแล้วนั่งลงคุกเข่าพนมมือไหว้คุณหนูแพรวคนสวย "ลุงผิดไปแล้วครับ คุณหนูอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณท่านทั้งสองเลยนะครับ คิดเสียว่าสงสารลุงเถอะ ลุงยังต้องส่งเงินให้นั่งกิ่งกับนั่งแก้วได้เรียนหนังสือสูงๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนลุง นะครับคุณหนูแพรว สงสารลุงเถอะ"

"งั้นลุงก็ตอบแพรวมาซิคะ ลุงไปทำอะไรมาทุกคืน?" แพรวพรรณขมวดคิ้ว

"ลุง...เอ่อ...ลุงไป...."

"ไปไหนคะลุง?" แพรวพรรณเริ่มรุกเร้า "ก็ตอบมาซิคะลุงเกริก?"

"ลุงไปซื้อยามาน่ะครับ..." ตาเกริกตอบ "พอดีพักนี้ลุงไม่ค่อยสบาย"

"ถ้าเป็นไข้ เป็นหวัดธรรมดา บ้านเราก็มียาสามัญประจำบ้านนิคะ ไม่เห็นลุงต้องลำบากขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปข้างนอกทุกคืนเลย ปกติดึกขนาดนั้นแล้วคลีนิคน่าจะปิดหมดแล้ว หรือจะเป็นร้านขายยาก็เถอะ แล้วนี่คือลุงไปทุกคืนเลย กลับมาก็ดึก" แพรวพรรณเริ่มจับพิรุธตาเกริก "ลุงเกริก แพรวไม่ค่อยอยากจะเชื่อลุงเลยนะ ลุงแอบออกไปทำอะไรไม่ดีหรือเปล่าคะ? ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่รู้ ลุงจะลำบากเอานะ"

"ลุง...เอ่อ...." ลุงเกริกเหมือนไปไม่เป็น "ลุงขอโทษจริงๆ ครับคุณหนู คราวหน้าคราวหลังลุงจะไม่ทำแล้ว"

"แพรวจะให้โอกาสลุงอีกครั้งนะคะ" แพรวพรรณตอบ "แต่ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่รู้เรื่อง แพรวไม่รู้ด้วยแล้วนะ เพราะถือว่าเตือนแล้ว"

ว่าแล้วคุณหนูคนเล็กแห่งตระกูลจารุศิริการกุลก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ตาเกริกมองคุณหนูตาขวางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

............................................................

ตัดมาที่ช่วงค่ำ แพรวพรรณนั่งเล่นเฟสบุ๊คและคุยโทรศัพท์กับพี่พลอยที่เป็นทั้งหมอและอาจารย์ประจำสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งในกรุงเทพ สองสาวแห่งบ้านจารุศิริการกุลคุยไปทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องจิปาถะทั่วไป นินทาดารา เรื่องวิชาการ และสุดท้ายก็มาที่เรื่องความรัก

"ถามจริงเถอะคะพี่พลอย ปีนี้พี่พลอยจะอายุ 25 แล้วนะ เมื่อไรจะมีแฟนกับเค้าสักทีคะ?" แพรวพรรณเอ่ยปากถามพี่สาวคนสวย "แล้วเภสัชหนุ่มที่ชื่อพี่กรล่ะ ความสัมพันธ์ไปถึงไหนแล้ว"

"ไม่ใช่เรื่องของเด็กย่ะ!!!" พลอยพรรณตอบ "เป็นเด็กเป็นเล็ก ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือเถอะ!!!"

"แหมๆๆๆ ถามแค่นี้ก็ถามไม่ได้นะคะพี่พลอย" แพรวพรรณยิ้ม "แพรวเห็นพี่กรเที่ยวมากดไลค์รูปพี่พลอยตลอดเลย เมื่อไรจะใจอ่อนสักทีละคะคุณพี่ขา...."

"พี่ไม่คุยเรื่องนี้ ตกลงไหม?" พลอยพรรณทำเสียงดุ "เอาเรื่องเรียนของเราก่อน วันอาทิตย์เตรียมตัวให้พร้อมนะ ตอนสายๆ พี่จะขับรถไปรับ ขึ้นมากรุงเทพแล้วตั้งใจเรียนอย่าเถรไถลล่ะ พ่อกับแม่ฝากฝังให้พี่ดูแลแพรวโดยเฉพาะเลยนะ"

"ค่ะ...รู้แล้ว" แพรวพรรณทำหน้ามุ่ย ไม่คิดว่าแค่ไปหยอกพี่สาวเรื่องเภสัชหนุ่มที่ขื่อพี่กร จะทำให้พี่สาวของเธอโกรธจนได้ "แหย่นิดแหย่หน่อยก็โกรธน้องโกรธนุ่งเลยนะ"

"รู้แล้วก็ดี..." พลอยพรรณหัวเราะในลำคอ เวลาจะโหดก็โหดใช่เล่นเลย กับแพทย์หญิงพลอยพรรณ เจ้าของฉายาเจ้าหญิงน้ำแข็งประจำวิทยาลัยแพทย์และพยาบาลชื่อดังใจกลางเมืองหลวง "เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนแล้วกัน พี่ต้องเคลียร์เอกสารต่อ"

"ดุจริงๆ พี่สาวเรา!!" แพรวพรรณวางโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะคอม เด็กสาวหันไปพิมพ์แช็ตคุยกับเพื่อนในเฟสบุ๊คอย่างเพลิดเพลิน แต่พิมพ์ไปได้สักพัก ก็เกิดไฟดับ เพราะมีอุบัติเหตุรถพ่วงเสียหลักชนกับเสาไฟฟ้าไม่ไกลจากคฤหาสน์ของตระกูลจารุสิริการกุล

"โอ้ยยยยย!!!! ไฟดับ!!!! เน็ตก็หลุดอีก บ้าที่สุด!!!!" แพรวพรรณลุกขึ้นจากที่นั่ง ตอนนี้ภายในห้องนอนของเธอมืดสนิท จะมีเพียงแค่แสงสว่างจะโน๊ตบุ๊คของเธอเท่านั้น เพราะไม่รู้จะทำอะไร เด็กสาวก็เลยทิ้งตัวนอน เพราะคิดว่าไฟคงดับไม่นาน



30 นาทีผ่านไป อากาศในห้องนอนของคุณหนูแพรวพรรณเริ่มร้อนอบอ้าวขึ้น เพราะแอร์ไม่ทำงาน จนทำให้ร่างกายของคุณหนูเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อจนรู้สึกไม่สบายตัว ทีนี้พอทนไม่ไหว เด็กสาวก็เลยลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูระเบียงเพื่อรับลม

"สงสัยทั้งคืนว่ะ!!!!" เสียงคนใช้ดังขึ้นจากด้านล่าง ส่วนใหญ่ทุกคนมีไฟฉายประจำตัวกัน พวกคนใช้สาวๆ ก็ทาแป้งที่หน้าจนขาวโพลนยืนออรับลมด้านนอกเรือนคนใช้เพื่อรับลม "รถพ่วงชนกับเสาไฟฟ้า คนขับตายคาที่เลย สงสัยหลับใน ตอนนี้ก็กำลังตามช่างมาซ่อมอยู่"

"อะไรวะ!!!" พวกคนใช้ของบ้านจารุศิริการกุลบ่นด้วยความไม่พอใจ สงสัยคืนนี้ตอนนี้ต้องนอนทนร้อนอบอ้าวทั้งคืน

แพรวพรรณเหลือบมองกลุ่มคนใช้ด้านล่างก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เพราะเธอเป็นคนติดแอร์ ไม่ชอบอากาศร้อนเท่าไร

"คุณหนู อยู่ข้างบนร้อนไหมคะ ถ้าไม่รังเกียจลงมาอยู่ข้างล่างกับพวกป้าเถอะคะ" พวกคนใช้รุ่นป้าๆ หันไปมองคุณหนูแพรวพรรณในชุดนอนสีพาสเทลด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรค่ะป้า แพรวอยู่ได้"แพรวพรรณตอบปฏิเสธไป เพราะเหลือบเห็นสายตาของลุงเกริกที่จ้องมองเธออยู่ คุณหนูคนสวยรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง ก็เลยเดินหลบกลับไปที่ห้องนอนของเธอ

............................................................

แพรวพรรณไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยหยิบ PS Vita ขึ้นมานั่งเล่นบนเก้าอี้ โดยเปิดประตูริมระเบียงเอาไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วง 4 ทุ่มครึ่ง แพรวพรรณเหลือบไปมองทางออกด้านล่าง วันนี้ลุงเกริกไม่ออกไปข้างนอก

"วันนี้ลุงเกริกไม่ไปข้างนอกแหะ..." แพรวพรรณคิดในใจ ก่อนหันกลับมาเล่นเกม PS Vita ต่อ จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วง 5 ทุ่มสิบนาที

"นี่แนะๆๆ เป็นไงล่ะ!!!! ชนะแล้ว!!!" แพรวพรรณชูมือขึ้นฟ้า หลังจากเคลียร์บอสด่านสุดท้ายได้สำเร็จ "นี่ก็นานแล้วนะ ไฟยังไม่มาอีกเหรอ!!!"

ด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อน เพราะเป็นช่วงเวลาในฤดูร้อน ตอนกลางคืนเลยมีอุณภูมิอบอ้าวกว่าปกติ แพรวพรรณรู้สึกเหนียวตัวและหิวน้ำ ก็เลยตัดสินใจเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหยิบเอาน้ำขึ้นมาดื่มข้างบน

แพรวพรรณกดปิดสวิตซ์ PS Vita แล้วเก็บมันใส่กระเป๋าเข้าลิ้นชักโต๊ะคอม ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดโหมดไฟฉาย แล้วเดินลงไปห้องครัวชั้นล่างเพื่อหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม

"เอาละ เสร็จแล้ว กลับขึ้นห้องเถอะเรา..." แพรวพรรณเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าไม่ไกล "เสียงใครน่ะ?"

คุณหนูคนสวยเดินออกมาข้างนอกห้องครัวแล้วใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือสาดส่องทั่วห้องโถงรับแขก บานประตูทางเข้าหน้าบ้านก็ปิดสนิท แล้วเสียงที่ได้ยินมันเสียงอะไรกันแน่นะ

"สงสัยเราคิดไปเอง" แพรวพรรณทำใจดีสู้เสือ "ไม่มีอะไรหรอก เราคิดไปเอง ผีไม่มีจริง ผีไม่จริง วิทยาศาสตร์ยืนยันแล้ว"

ว่าแล้วแพรวพรรณก็รีบเดินขึ้นห้องพร้อมกับขวดน้ำในมือ โดยที่เธอไม่มีทางรู้ตัวเลยว่า เสียงฝีเท้าที่เธอได้ยินก็คือเสียงของลุงเกริกที่แอบดอดขึ้นไปรอบนห้องของคุณหนูคนเล็กประจำบ้านจารุศิริการกุลเรียบร้อยแล้ว

"ไฟมาสักที!!! เย้!!" แสงไฟในห้องนอนของเธอติดขึ้นมาอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าการไฟฟ้าได้ซ่อมแซมเสาไฟที่ชำรุดจากอุบัติเหตุรถพ่วงชนเสร็จเรียบร้อยแล้ว "เอาละถึงสักที...." เมื่อแพรวพรรณเปิดประตูเข้าไปในห้อง และในจังหวะนั้นเอง เด็กสาวก็ถูกโอบกอดจากด้านหลัง "ใครน่ะ!!! อุ๊บ!!!!"

"เงียบนะครับคุณหนู!!! อย่าส่งเสียง!!!!" คนแปลกหน้าที่ว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นตาเกริก คนสวนประจำตระกูลนั่นเอง

"อู้อี้ๆๆๆๆ" เด็กสาวพยายามขัดขืนและดิ้นรนออกจากอ้อมกอดพญามัจจุราช จนเผลอปล่อยขวดน้ำเย็นตกลงบนพื้น แต่โชคดีที่มันเป็นขวดพลาสติกและยังไม่ได้แกะฝาที ไม่เช่นนั้นน้ำคงหกรดพื้นแน่

ตาเกริกพยายามซุกไซ้ซอกคอของคุณหนูคนสวย กลิ่นสาปสาวปนกลิ่นเหงื่อของคุณหนูแพรวพรรณมันเป็นอะไรที่หอมหวานที่สุด กลิ่นกายสาวน้อยวัยขบเผาะอย่างคุณหนูแพรวพรรณ มันทำให้ไอ้ช่อนของตาเกริกตรงเป้าตั้งโด่

"ขอลุงชื่นใจหน่อยเถอะ ลุงทนไม่ไหวแล้ว!!!" ตาเกริกซุกไซ้ซอกคอของคุณหนูแพรวพรรณ สลับซ้ายขวา ส่วนเด็กสาวก็หลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่แล้วในเสี้ยววินาที คุณหนูแพรวพรรณก็คิดหนทางเอาตัวรอดออก

"โอ๊ย!!!!" ตาเกริกร้องเสียงหลงเพราะถูกคุณหนูแพรวพรรณกัดมือ ในจังหวะชุลมุนนั้นเอง คุณหนูแพรวพรรณหนีพ้นจากอ้อมกอดพญามัจจุราชที่ชื่อตาเกริกไว้ได้ แต่อนิจจา สาวน้อยดันก้าวถอยหลังไปเยียบขวดน้ำจนเสียหลังล้มลงไปนอนกองบนพื้นดังตุ๊บ

"โอ้ยยยยย!!!!!" คุณหนูแพรวพรรณเสียหลักล้มลงไปนอนกองกับพื้น ตาเฒ่าเกริกเลยฉวยโอกาสนี้คร่อมร่างของเด็กสาวแล้วทำการซุกไซ้ซอกคอของเด็กสาวต่ออีกคำรบ แพรวพรรณตอนนี้ทั้งเจ็บและจุกจนไม่มีเสียงร้อง

"โอ้ยยย...ช่วย...ดั๊ว....." ยังไม่ทันพูดจบ ตาเกริกก็ใช้มืออุดปากคุณหนูคนสวยแล้วกระซิบบอกสิ่งสำคัญบางอย่าง ที่คำให้คุณหนูแพรวพรรณจำฝังใจไม่มีวันลืม

"อย่าร้องนะคุณหนู ไม่เช่นนั้นลุงอาจต้องฆ่าคุณหนู" ตาเกริกกระซิบด้วยน้ำเสียงที่ดูดุดันกว่าที่เคย

"ลุงเกริก...ทำไมทำกับแพรวแบบนี้...ฮือ...ฮือ....ฮือ" แพรวพรรณใจเสีย ร้องไห้ออกมาเพราะความกลัว "อย่าทำหนูเลย"

"ลุงทำไปเพราะลุงรักคุณหนูนะครับ" ตาเกริกตอบ ก่อนโน้มตัวซุกไซ้ซอกคอ แล้วใช้มือบีบคลึงหน้าอกหน้าใจของเด็กสาวที่ยังไม่เอิบอิ่มสมบูรณ์แบบ จนแพรวพรรณอ้าปากครางด้วยความเจ็บปนกลัว

"อือ...ลุง...เกริก....อย่าทำแบบนี้....มันไม่ดี" แพรวพรรณพยายามดิ้น แต่ก็ดิ้นไม่สำเร็จ เพราะถูกตาเกริกใช้มือขึงแขนของเธอทั้งสองข้าง ตาเฒ่าเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นติ่งหูของเด็กสาว มันขบกัดเบาๆ จนทำให้แพรวพรรณรู้สึกขนลุกซู่ บ้างก็ใช้ลิ้นดูดเลียติ่งหูดังจ๊วบจ๊าบ

"อือออออ...ปล่อยยยย......" แพรวพรรณครางกระเส่า "ลุงเกริก...หยุดเถอะ....อือออออ"

คราวนี้ตาเกริกเอื้อมมือปลดกระดุมเสื้อนอนลายสีพาสเทลของคุณหนู แพรวพรรณพยายามขัดขืน แต่ก็ถูกมือตาเกริกขัดขวางเอาไว้

"หยุดนะลุง!!! หนูบอกให้หยุดไง!!! ฮือ!!!" คุณหนูแพรวพรรณพยายามร้องห้าม

"ถ้าไม่อยากตาย เงียบเดียวนี้!!!" ตาเกริกชี้หน้าคุณหนูคนสวย "อย่าคิดว่าลุงไม่กล้านะครับคุณหนู จะยอมเป็นเมียลุงหรือยอมตาย เลือกเอาเลย!!"

"ไม่เอา...ไม่เอาทั้งสองอย่างได้ไหมคะลุงเกริก....ฮือออ...." แพรวพรรณร้องไห้สะอื้นจนพูดออกมาฟังไม่ได้ศัพท์ "สงสาร...หนูเถอะ....ฮือ....อือ!!!!!"

ตาเกริกปฏิเสธด้วยการบีบนมคุณหนูที่พึ่งตั้งเต้าแรงๆ แทนคำตอบ เด็กสาวหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ ตาเกริกรู้ดีว่าขืนให้คุณหนูแพรวแหกปากแบบนี้ต่อไปต้องไม่เป็นผลดีแน่ ก็เลยตั้งสินใจโน้มตัวลงไปดูดปากแลกลิ้นกับคุณหนูแพรวคนสวย

"อือออออ...บรึ๊ยยยยย.....อืออออออออออ!!!!" สาวน้อยตกใจที่ถูกตาเฒ่าใช้ลิ้นโลมเลียปากของเธอ ไม่เพียงเท่านั้นมันยังพยายามสอดใสและดุนดันปลายลิ้นเข้าไปในช่องปากของเธอ กลิ่นน้ำลายของตาเฒ่าเหม็นหึ่งจนอยากจะอ๊วกเสียให้ได้

ขณะกำลังจูโจ่มคุณหนูแพรวพรรณทางช่องปาก มือของตาเฒ่าเกริกก็เอื้อมไปบีบคลึงก้อนซาลาเปาเซเว่นของเด็กสาวที่อาจไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย เพราะคุณหนูยังไม่โตเป็นสาวเต็มใบ แต่มันก็นุ่มในระดับที่น่าพอใจ

"อืออ...หยุดเถอะค่ะลุงเกริก.....เดี๋ยวใครมาเห็น...อือออ...." แพรวพรรณสะบัดหน้าหนีริมฝีปากของตาเกริก ตอนนี้ใบหน้าของเธอเปียกชุ่มไปด้วยสารคัดหลั่งจากช่องปากของตาเฒ่าที่ส่งกลิ่นเหม็นติดจมูกเด็กสาวจนรู้สึกสะอิดสะเอียน

"หยุดได้ยังไงล่ะ ลุงยังไม่พาคุณหนูขึ้นสวรรค์เลย" ตาเกริกตอบ พลางใช้มือจับกรามของเด็กสาวให้หันกลับมา ตอนแรกแพรวพรรณก็พยายามดื้อดึง แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้พละกำลังอันมหาศาลของตาเฒ่าเกริกอยู่ดี "ลุงเกริก!!! พอได้แล้ว!!! อืออออ!!!"

ตาเกริกตอบด้วยรอยจูบ มันทั้งดูดและเลียริมฝีปากของเด็กสาวที่เม้มปากแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นของตาเกริกเข้าไปสัมผัสกับลิ้นของเธอภายในได้ แต่สถานการณ์ตรงหน้าอกหน้าใจของแพรวพรรณยังน่าเป็นห่วง เพราะกำลังถูกคนสวนบีบคลึงอย่าสนุกมือ

"อืออออ....." แรงต้านทานของแพรวพรรณเริ่มน้อยลงไปทุกที จนเปิดช่องให้ตาเฒ่าเกริกสอดใส่ลิ้นเข้าไปสำรวจภายในช่องปากของเด็กสาวได้ คราวนี้แหละ ร่างกายของแพรวพรรณราวกับถูกไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่าง

"จ๊วบบบ....จ๊วบบบบ...จ๊วบบบบบ" ลุงเกริกตวัดลิ้นโลมเลียลิ้นของแพรวพรรณ แล้วดูดกลืนน้ำรักในช่องปากของเด็กสาวเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติของมันหอมหวาน ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวย จนควยตรงเป้ากางเกงแข็งโด่ยิ่งกว่าเดิม

แพรวพรรณเริ่มหมดแรงต้านแล้ว เด็กสาวนอนทอดกายให้ลุงเกริกดูปากแลกเปลี่ยนสารแล็คโตบาซิลัสอย่างเอร็ดอร่อย พอดื่มน้ำหวานจากช่องปากคุณหนูแพรวพรรณจนหนำใจแล้วทีนี้ ตาเกริกก็ผละออกจากริมฝีปากของคุณหนูคนสวย

"ไม่ต้องกลัวนะครับคุณหนู ลุงจะทำให้คุณหนูมีความสุขที่สุด" ตาเกริกยิ้มหวาน

"ปล่อย...แพรว...นะ...ลุง..." แพรวพรรณมองหน้าตาเกริกที่ชุ่มไปด้วยสารคัดหลั่งจากช่องปากของกันและกัน ก็รู้สึกอายที่เธอมาทำอะไรแบบนี้กับตาเกริกคนสวยที่แสนต่ำต้อย แต่ตาเกริกไม่หยุดเท่านั้น มันหอมแก้มเด็กสาวซ้ายขวาอย่างละฟอดจนหนำใจ แล้วจัดแจงปลดกระดุมเสื้อนอนของคุณหนูแพรวพรรณทันที

"ลุง!!! ไม่ถอด!!!! หยุดนะ!!!" แพรวพรรณใช้มือรั้งแขนตาเกริกเอาไว้ "พอได้แล้วลุงเกริก...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้านะ!!!"

"ไม่ต้องกลัวหรอกครับคุณหนู" ตาเกริกพยายามถอดกระดุมเสื้อนอนเม็ดบนของคุณหนูแพรวพรรณ "ขอลุงดูนมคุณหนูหน่อยนะครับ"

"ลุงนี่ลามกที่สุด!!! หยุดนะ!!! บอกให้หยุด!!!!" คุณหนูแพรวพรรณรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อต่อต้านตาเกริกที่คร่อมร่างของเธออยู่ แต่เรียวแรงของเธอช่างน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับพละกำลังอันมหาศาลของตาเกริก ที่จับแขนของเด็กสาวขึงไว้ตามเดิม ก่อนโน้มตัวดูดเลียซอกคอของเด็กสาว ใช้ลิ้นตวัดไปตามเชิงกรามที่สวยได้รับ จนปลายสัมผัสของลิ้นรับรู้ถึงการกระตุกของเส้นเลือดใหญ่ในลำคอของคุณหนูแพรวพรรณ

แพรวพรรณหน้าแดงก่ำ น้ำตานองหน้า เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาเจอกับเหตุการณ์บัดสีบัดเถลิงเช่นนี้ ตาเกริกยังคงโลมเลียเชิงกรามของเด็กสาวสลับซ้ายขวา บางทีก็ใช้ปลายจมูกดุนดันตรงซอกคอ จนเด็กสาวเผลอแอ่นตัวเพราะความเสียว

ตาเกริกซุกหน้าไปที่ทรวงอกที่ยังโตไม่เต็มวัยของคุณหนูแพรวพรรณ พลางสูดดมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นสาปสาวเจืออยู่บางๆ มันหอมยิ่งกว่ากลิ่นใดๆ บนโลก เมื่อจินตนาการสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ใต้อาภรณ์สีพาสเทล ก็ยิ่งทำให้ตาเกริกเริ่มเปิดเกมรุกหนักขึ้น

"ลุงเกริก...ไม่.....อือออออ" แพรวพรรณแอ่นตัวเมื่อตาเกริกใช้มือลูบไล้ไปที่เป้ากางเกงของเธอ "ไม่!!! หยุดนะลุงเกริก!!!"

"ไม่ต้องกลัวหรอกครับคุณหนูแพรว นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น" ตาเกริกยิ้ม ก่อนโน้มตัวหอมแก้มเด็กสาวอีกหนึ่งฟอด มันใช้มือขวาลูบไล้เป้ากางเกงของเด็กสาว แล้วใช้นิ้วกลางกรีดลงไปบริเวณที่เชื่อว่าเป็นกลีบสาว จากปลายสัมผัสนิ้ว ทำให้ตาเกริกรู้สึกว่าเนื้อหนังภายในมันกำลังร้อนรุ่มและชุ่มฉ่ำ ก็เลยขอพิสูจน์ด้วยการล้วงเข้าไปในกางเกงนอนขายาวสีพาลเทลของเด็กสาวเพื่อสัมผัสกับจุดซ่อนเร้นโดยตรง

"อือออ...หยุด...." แพรวพรรณพยายามหนีบขาเอาไว้ ไม่ให้ตาเกริกเอามือล้วงเข้าไปจกน้องสาวของเธอได้ แต่อีกใจหนึ่งของสาวน้อยวัย 16 ปี อย่างคุณหนูแพรวพรรณกลับรู้สึกหวาบหวิวอย่างประหลาด อันที่จริงแล้วเธอก็ไม่ใช่อ่อนด้อยเรื่องทางเพศ เพราะความจริงแล้ว แพรวพรรณเองก็รู้จักวิธีช่วยตัวเองอยู่เหมือนกัน

แพรวพรรณช่วยตัวเองเป็นตั้งแต่อายุ 12 ปี จากเว็บโดจินลายเส้นหวานแหว๋วจากประเทศญี่ปุ่น ที่เธอบังเอิญไปอ่านเจอวิธีการช่วยตัวเองของนางเอกโดยไม่สอดใส่นิ้วเข้าไปในช่องคลอด

นิ้วกลางของตาเกริกแหวกดงหมอยของน้องแพรว มันอ่อนนุ่มจนแทบไม่น่าจะเรียกว่าขนหมอย มันควรเป็นขนอ่อนมากกว่า แค่ปลายสัมผัสขนหมอยของน้องแพรว ก็ทำเอาตาเกริกกลืนน้ำลายดังเอื้อก เพราะอยากเห็นกับตาเหลือเกินว่าน้องสาวของคุณหนูแพรวพรรณจะน่ารักหรือเปล่า

"อืมมมม....ปากบอกว่าไม่...แต่หอยคุณหนูนี่แฉะเยิ้มเลยนะครับ" ตาเกริกกระซิบข้างหูคุณหนูแพรวพรรณ ก่อนหอมแก้มให้รางวัลแก่ความน่ารักอีกหนึ่งฟอด

"ลุง...หยุดเถอะ...." แพรวพรรณอ้อนวอนเสียงกระเส่า พลางใช้มือทั้งสองข้างดึงแขนของตาเกริกที่ล้วงเข้าไปจกหอยทีเปียกแฉะของเธอออกมา แต่กลับปฏิเสธด้วยพละกำลังของลุงเกริกที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการจกหอยเด็กสาว "อือออ!!!!!!! ลุงเกริก!!!!!"

ตาเกริกใช้นิ้วกลางบี้เม็ดละมุดตรงแก่นกายเด็กสาวจนเกิดเสียงดัง แจ๊ะ แจ๊ะ แจ๊ะ ทำให้รับรู้ได้ว่าการสัมผัสครั้งนี้มันชุ่มฉ่ำไปด้วยของเหลวบางอย่างที่อาจหลั่งออกมาจากท่อปัสสาวะและช่องคลอดของเด็กสาว

"ลุงรู้นะว่าคุณหนูก็มีอารมณ์" ตาเกริกยิ้ม "ปล่อยตัวปล่อยใจให้สบายเถอะครับ เรื่องนี้มันเรื่องธรรมชาติของคนเป็นผัวเป็นเมีย"

"หนูไม่ใช่เมียลุง!!!" แพรวพรรณรวบรวมแรงที่ยังเหลือตอบลุงเกริก "และไม่มีวันด้วย!!!"

"เดี๋ยวก็รู้...." คนสวนประจำบ้านจารุศิริการกุลยิ้มอ่อน ก่อนบี้ติ่งสยิวของเด็กสาวแรงขึ้น จนร่างบางที่นอนอยู่ด้านล่างบิดตัวเกร็ง

"อืออออ...ลุงเกริกกกก....หยุดดดดดด....." แพรวพรรณแอ่นตัวขึ้นด้วยความเสียว ตอนนี้เธอสับสนไปหมด เพราะใจหนึ่งเธอก็เริ่มรู้สึกหวาบหวิวกับการถูกตาเกริกขืนใจและลวนลามอย่างประหลาด แต่อีกใจยังนึกถึงศีลธรรมและความเป็นกุลสตรีที่ดี ตามที่แม่และพี่สาวของเธอได้สอนเอาไว้

ตาเกริกเริ่มเปิดเกมบุกหนักขึ้น คราวนี้มันล้วงมือที่จกหอยคุณหนูแพรวออกมา แล้วใช้มือทั้งสองข้างถลกกางเกงนอนของคุณหนูคนสวยออกโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กสาวรั้งเอาไว้ได้เพียงแค่กางเกงสีขาว ที่ตรงเป้ากางเกงเป็นรอยเปียกชุ่ม ซึ่งตาเกริกสามารถใช้สิ่งนี้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับน้องแพรวในข้อหาเงี่ยนแล้วไม่ยอมรับบนชั้นศาลได้

"ดูซิ ตรงเป้ากางเกงคุณหนูเปียกไปหมดแล้ว นั่นน้ำอะไรเหรอครับ?" ลุงเกริกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นรอยเปียกซึมตรงเป้ากางเกงของคุณหนูคนสวย และไม่ใช่แค่ดูเท่านั้น ตาเกริกยังโน้มศีรษะลงมาจูบตรงรอยเปียกแล้วใช้จมูกดุนดันและดมกลิ่นสาปสาวตรงเนินสงวนเข้าไปเต็มรัก

"ลุง!!!!! พอได้แล้ว!!!! อย่าทำแพรวเลย!!!ฮืออออ" แพรวพรรณพยายามจะลุกขึ้น แต่กลับถูกตาเกริกใช้มือกดไหล่ทับเอาไว้ทัน

"ขอลุงดูจิ๋มคุณหนูหน่อยนะครับ เดี๋ยวลุงปล่อยคุณหนูนะ" ตาเกริกใช้ไม้อ่อนกับคุณหนูแพรวพรรณ

"แค่ดูเท่านั้นนะ..." สาวน้อยย้ำคำตอบอีกครั้งด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ "ถ้าหนูให้ลุงดู....จิ๋ม...ของหนูแล้วลุงจะปล่อยหนูแน่นะ"

"แน่ซิครับ...." ตาเกริกยิ้ม "ขอลุงดูจิ๋มคุณหนู แค่ดูเท่านั้น ดูเสร็จแล้วลุงจะกลับห้อง"

ตอนแรกแพรวพรรณก็ไม่อยากจะเชื่อลมปากของลุงเกริก แต่มาคิดดูแล้ว ถ้าเกิดเธอขัดขืนแล้วลุงเกริกเกิดโกรธแล้วฆ่าเธอจะทำยังไงดีล่ะ สุดท้าย คุณหนูแพรวพรรณก็เลยต้องยินยอมให้ตาเกริกทำในสิ่งที่น่าอับอายที่สุด

"ก็ได้...แค่ดูเท่านั้นนะลุงเกริก" แพรวพรรณตอบตกลง

"ครับ...แค่ดู" ตาเกริกยิ้ม ก่อนโน้มตัวลงถลกกางเกงในสีขาวของคุณหนูแพรวพรรณออก ตอนแรกคุณหนูก็มีท่าทีอิดออดเพราะความอาย ชีวิตนี้ไม่เคยมีผู้ชายคนไหน นอกจากคุณพ่อของเธอที่เคยเห็นของลับของเธอ แต่นั่นก็เป็นเรื่องสมัยเด็ก แต่ตอนนี้ เธอกำลังจะถูกตาเกริกถอดกางเกงในเพื่อชมน้องสาวใต้ร่มผ้าของเธอ

"โอ้ว...ว้าว...แม่สาวน้อย" ตาเกริกตาลุกวาว "จิ๋มคุณหนูน่ารักมากเลยครับ"

"ลุงพูดบ้าอะไรของลุง!!!" แพรวพรรณอายหน้าแดงก่ำ อายจนไม่รู้จะอายยังไง "ดูเสร็จแล้ว ก็กลับไปได้แล้ว"

"เดี๋ยวซิ...ขอลุงดูชัดๆ ก่อน" ตาเกริกเพ่งมองจิ๋มของคุณหนูแพรวพรรณด้วยความใส่ใจในรายละเอียด แคมคู่อวบอูมกำลังดีปิดสนิท ตรงปากแคมเป็นสีขาวอมชมพูระเรือ ตรงเนินหัวหน่าวมีขนสีดำอ่อนๆ ขึ้นแต่ยังไม่ดูหนารกตานัก จิ๋มเด็กสาวเป็นอะไรที่เร้าใจเสมอ ยิ่งโดยเฉพาะจิ๋มของลูกสาวคนสวยของเจ้านาย มันเป็นอะไรที่ท้าทายต่อกฎหมายและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกลงทัณฑ์จากศาลเตี้ยมากที่สุด

แต่โอกาสดีๆ แบบนี้มันหาไม่ได้อีกแล้ว ตาเกริกตัดสินใจใช้มือแหวกกลีบสาว เพื่อชิมครีมรสน้องสาวแพรวพรรณที่ไหลออกมาจากช่องคลอดของคุณหนูคนสวย และเมื่อปลายลิ้นสากๆ ของตาเกริกสัมผัสกับจุดอ่อนโยนตรงแก่นกายสาวของคุณหนูคนเล็กแห่งบ้านจารุศิริการกุลเท่านั้นแหละ สาวน้อยก็แอ่นตัวด้วยความเสียวสะท้าน

"ลุง!!!!!! ไหนบอกแค่จะดูไง!!!! อย่า!!!!! อืออออออ!!!!" คุณหนูแพรวพรรณพยายามดิ้น แต่กลับถูกตาเกริกใช้มือล็อคขาอ่อนทั้งสองข้างเพื่ออำนวยความสะดวกในการเลียหอยคุณหนูคนสวย "ลุงเกริก!!! หนูบอกให้หยุด!!! หนูจะฟ้องพ่อกับแม่!!!! อือออออ!!!!"

มีเหรอตาเกริกจะยอมหยุด มันทั้งดูดและเลียแคมคู่สาวและคริตอริสที่โดดเด่นท้าทายสายตาคนสวน ที่เกิดอยากลองเด็ดดอมกลีบดอกไม้งามในสวนมาดอมดมบ้าง หลังจากการดูแลและให้น้ำ ให้ปุ๋ยเป็นอย่างดี

ปลายลิ้นสากๆ ของตาเกริกที่ตวัดเลียโยนีที่ชุ่มฉ่ำของเด็กสาว เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความรักของคนสวนอย่างตาเกริก ที่เฝ้าดูพัฒนาการของดอกไม้งามดอกนี้ และมันกำลังใช้สิทธิ์ในฐานะผู้ดูแลสวนดอกไม้ประจำตระกูลด้วยการชิมน้ำหวานจากกลีบเกสรที่หอมหวาน

"จ๊วบ...จ๊าบ....แจ๊ะ....แจ๊ะ...." ตาเกริกเลียหอยของเด็กสาวอย่างเอร็ดอร่อย คุณหนูแพรวพรรณพยายามใช้มือรั้งไม่ให้ตาเกริกทำบัดสีบัดเถลิงกับน้องสาวของเธอได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยไฟตัณหาและราคะที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แรงต่อต้านนั้นก็เบาบางลง มือน้อยๆ ของเด็กสาวที่เคยพยายามดันศีรษะของตาเกริก แปรเปลี่ยนเป็นลูบไล้เรือนผมสีดอกเลาบนศีรษะของคนสวนประจำตระกูล

"ลุง....เกริก...แพรว...อืออออ...." คุณหนูแพรวพรรณเกร็งตัว เพราะถึงจุดสุดยอดจากปลายลิ้นของตาเกริกคนสวน มันเป็นความรู้สึกที่ย้อนแย้งในตัว ทั้งชิงชังและหวาบหวิวในอารมณ์ "อึ๊กๆๆ"

ร่างของเด็กสาวกระตุกเป็นจังหวะ ก่อนนอนแผ่หลาหมดสภาพ ตาเกริกเงยหน้ามองเด็กสาวด้วยใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ตรงแก่นกายสาวน้อยอย่างแพรวพรรณ

"สบายตัวแล้วซิครับคุณหนู?" ตาเกริกยิ้ม "ลุงยังไม่เสร็จเลย หนีลุงขึ้นสวรรค์ไปซะแล้ว"

แพรวพรรณหลับตาพริ้มหายใจเหนื่อยหอบ เธอไม่ตอบโต้อะไรตาเกริก พอเห็นได้จังหวะดี คราวนี้คนสวนเลยจัดการลอกคราบเด็กสาวจนเหลือเพียงแค่ชุดวันเกิด

เรือนร่างของคุณหนูแพรวพรรณงดงามหมดจด แม้อาจไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งเหมือนหญิงสาวที่โตเต็มวัย แต่มันก็ดูเร้าใจและให้ความรู้สึกกำหนัดเป็นอย่างดี ตาเกริกสังเกตุเหนปลายถันสีชมพูของเด็กสาวที่ชูชัน ก็เลยลอกคราบตัวเองจนเหลือชุดวันเกิด

"ลุงเกริก...ทำอะไรน่ะ...อืออออ...ลามก!!" แพรวพรรณเหลือบเห็นตาเกริกกำลังขึ้นคร่อมตรงหน้าท้องของเธอ สาวน้อยเห็นกระปู๋ของตาเกริกที่คาดว่ามีขนาดราว 7.5 นิ้ว ลำโคนอวบอ้วน และขนหมอยตรงเนินหัวหน่าวเป็นสีดำสลับสีดอกเลา อันที่จริงเธอเคยเห็นกระปู๋ของเด็กผู้ชายมาบ้าง แต่มันไม่ได้ใหญ่โตและดูน่ากลัวขนาดนี้

ตาเกริกกุมหัวควยถูกับปลายถันที่กำลังชูชันของเด็กสาว แพรวพรรณใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้า ราวกับไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนตาเกริกก็เพลิดเพลินไปกับการใช้ควยถูกับหัวนมทั้งสองข้างของคุณหนูแพรวพรรณ จนน้ำหล่อลื่นหลั่งออกมารดใส่ปลายถันของสาวน้อยแห่งบ้านจารุศิริการกุล

พอรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกับการใช้ควยถูกกับหัวนมของเด็กสาว ตาเฒ่าก็ลุกขึ้นแล้วโน้มตัวโลมเลียนมที่เปื้อนคราบน้ำหล่อลื่นของมันอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติของมัน เค็มๆ มันๆ แต่ก็รู้สึกอร่อยได้รสชาติ ติ่งปทุมถันน้อยๆ กำลังถูกปลายลิ้นสากๆ โลมเลียอย่างเอร็ดอร่อย จนทำใหคุณหนูแพรวพรรณร้องครางออกมา

"อือออออ....ลุงเกริก...พอได้แล้ว....." แพรวพรรณออดอ้อน "ไหนบอกจะขอดูแค่จิ๋มไง....ฮือๆๆๆๆ"

"ขอลุงอีกอย่างนะครับ" ตาเกริกเอื้อมมือแตะที่แก้มของคุณหนู "ขอลุงเสียบจู๋กับจิ๋มของคุณหนูนะครับ"



"ไม่เอาแล้ว!!!" คุณหนูแพรวพรรณพยายามลุกขึ้น แต่ถูกมือของตาเกริกรั้งเอาไว้ "แพรวจะฟ้องพ่อกับแม่!!!"

"ถ้าคุณหนูแพรวฟ้องคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิง พวกท่านทั้งสองคนจะอับอายขายขี้หน้า แล้วที่นี้พวกท่านจะเป็นทุกข์นะครับ คุณหนูจะยอมแบบนั้นจริงๆ เหรอ?"

"ลุงมันเลวที่สุด!!!!" แพรวพรรณดาทอตาเกริก "เสียแรงที่หนูอุตส่าห์นับถือเหมือนผู้ใหญ่"

"ลุงขอโทษนะครับคุณหนู" ตาเกริกตอบ "แต่ที่ลุงทำไป ลุงทำไปเพราะลุงรักคุณหนูนะครับ"

"ลุงมันบ้า!! ปล่อยนะ!!! อุ๊บ!!!" ตาเกริกตัดสินใจลงแรงปล้ำคุณหนูอีกรอบเพื่อปราบพยศ คราวนี้มันโน้มตัวลงดูดปากแลกลิ้นกับเด็กสาวที่ยังตื่นตระหนก

คุณหนูแพรวพรรณต้านทานพละกำลังและความกำหนัดที่เกิดขึ้นมาได้เพียงไม่กี่นาที ก่อนต้องยอมแพ้พ่ายให้ตาเกริกได้เชยชมเรือนร่างของเด็กสาวแทบทุกส่วนสัดของร่างกาย ตาเกริกทั้งดูดปาก ดูดติ่งหู ซุกไซ้ซอกคอและดูดเลียหัวนม ไล่ลงต่ำจนถึงหน้าท้อง มันเลียวนรอบสะดือบุ๋มจนหน้าท้องของคุณหนูคนสวยเปียกแฉะ

เท่านั้นยังไม่พอ ตาเกริกยังพลิกร่างของคุณหนูแพรวพรรณให้นอนคว่ำ แล้วทำจากซุกไซ้ท้ายทอยและแผ่นหลังแทบทุกจุด แพรวพรรณพยายามคลานหนีอย่างอ่อนแรง แต่ก็ทำไม่ได้ จะมีเพียงแค่เสียงครางของเด็กสาว ราวกับเป็นคราวเคราะห์ เพราะอากาศที่ร้อนจัดมาหลายวัน เลยทำให้คืนนี้เกิดพายุฝนกระหน่ำในคืนวันที่คุณหนูแพรวพรรณจะต้องเสียสาว

ชายวัยห้าสิบเศษกำลังปลุกปล้ำเด็กสาววัยสิบหกจากด้านหลัง ร่างกายของทั้งคู่ชุ่มไปด้วยเหงื่อไคลจากความร้อนและกิจกรรมเข้าจังหวะอันดุเดือน ตาเกริกซุกไซ้แผ่นหลังของเด็กสาวต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงแก้มก้น

"อืออออ...น่าขยะแขยงที่สุด!!!!.....ไม่เลียตรงนั้นนนนนนน!!!!!" คุณหนูแพรวพรรณพยายามดิ้น ขณะกำลังถูกตาเกริกใช้มือแหวกแก้มก้นแล้วโลมเลียตรงรูหูรูดตรงกลาง "หยุดนะลุงเกริก!!!! หนูจะฟ้องพ่อกับแม่!!! หนูจะฟ้องตำรวจ!!! อือออออออ"

ตาเกริกตอนนี้เหมือนหน้ามืด มันตวัดลิ้นเลียรูตูดของคุณหนูแพรวพรรณจนชุ่มฉ่ำ ก่อนจัดการพลิกร่างคุณหนูให้กลับมานอนหงายแล้วแหวกขา เพื่อโลมเลียหอยของเด็กสาวอีกรอบ

"อืออออ....ลุงเกริก!!! พอได้แล้ว!!!! หนูหายใจ...ไม่...อ๊อกกก!!!" ร่างของคุณหนูแพรวพรรณกระตุกอีกรอบเพราะถึงจุดสูงสุด คราวนี้ตาเกริกรู้จุด ก็เลยอ้าปากคลอบท่อปัสสาวะของเด็กสาวเพื่อรองรับน้ำที่หลั่งออกมาจาก

"อือออออ......." ตาเกริกอ้าปากโชว์น้ำใสๆ ในช่องปากของมันให้คุณหนูแพรวพรรณดู ตอนนี้คุณหนูแพรวพรรณแทบหมดสภาพไปแล้ว ผมเผ้าปิดหน้าติดตา เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านตาเกริกคนสวนจอมโฉดอีกต่อไป "น้ำของคุณหนูรสชาติอร่อยมากเลยครับ"



ตาเกริกกลืนกินน้ำที่หลั่งออกมาจากท่อปัสสาวะของเด็กสาวระหว่างถึงจุดสุดยอดจนหมด ทำเอาคุณหนูแพรวพรรณหลับหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไง สาวน้อยวัยขบเผาะร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความอับอายจนแทบอยากตายไปเสียให้พ้นๆ

"ทำไมทำกับแพรวแบบนี้...ฮือออ....." คุณหนูแพรวพรรณสะอื้นออกมา "หนูเป็นลูกมีพ่อมีแม่...ทำไมลุงทำกับหนูแบบนี้"

"ก็ลุงรักคุณหนูไงครับ" ตาเกริกตอบแบบหน้าด้านๆ "เห็นคุณหนูถามลุงว่าทำไมต้องออกไปข้างนอก ลุงจะบอกให้ก็ได้ ลุงไปหาความสุขแบบผู้ชายๆ ใส่ตัวไงครับ หลังจากนังจวงเมียลุงตาย ลุงก็เงี่ยน ไม่รู้จะไปลงที่ไหน ก็เลยขับรถมอไซค์ไปหาที่ลงข้างนอกอย่างที่คุณหนูเห็นนั่นแหละครับ พอเห็นคุณหนูเตือนลุง ลุงก็เลยคิดว่าลุงจะไม่ออกไปข้างนอกแล้ว แต่ลุงขอเข้าข้างในคุณหนูแทนแล้วกันนะครับ"

ว่าแล้วก็ถึงเวลาเปิดงานสักที หลังจากอารัมภบทมานาน ตาเกริกแทรกเข้าไปอยู่ตรงกลางหว่างขาของเด็กสาวแล้วใช้มืออ้าขาของเด็กสาวให้กว้างที่สุด อ้าออกช้าๆ ให้เป็นรูปตัวเอ็ม แล้วจัดแจงบดคลึงท่อนเอ็นขนาด 7 นิ้วกับโยนีน้อยๆ ของคุณหนูแพรวพรรณ

"ให้ลุงเดา ลุงว่าคุณหนูไม่น่าจะเคยผ่านประสบการณ์เรื่องแบบนี้แน่ๆ" ตาเกริกยิ้ม ก่อนเริ่มดุนดันท่อนเอ็นเข้าไปในถ้ำสาวที่แสนจะคับแคบของคุณหนูแพรวพรรณ

"โอ๊ยยยย!!!!!!!!!!!!!!" แพรวพรรณร้องเสียงหลง ขณะเดียวกันฟ้าก็ร้องคำรามหนักขึ้น จนกลบเสียงร้องของคุณหนูแห่งบ้านจารุศิริการกุลผู้โชคร้ายเสียสนิท

"ไม่เข้าเว้ยเห้ย!!! โคตรคับเลย ยังซิงแน่ๆ" ตาเกริกพยายามดุนดันเท่าไร ก็ไม่สามารถทำใหส่วนหัวถอกผลุบเข้าไปในช่องคลอดของเด็กสาวที่มีขนาดเล็กได้ ก็เลยเปลี่ยนแผ่นนิดหน่อยด้วยการก้มตัวลงมาเลียหอยแล้วบี้ติ่งสยิวของคุณหนูแพรวพรรณให้หลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาเยอะขึ้นเพื่อช่วยในการสอดใส่ที่ง่ายขึ้น

 


ตัวอย่างตอนต่อไป


คุณหนูแพรวพรรณ จารุศิริกาลกุล ตอนนี้เธอเติบโตเป็นสาววัย 19 ปี ที่กำลังมีโครงการจะไปเรียนต่อปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจที่ประเทศอังกฤษ สมัยที่เธอยังเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังแถวสามย่าน เธอเป็นหนึ่งในดาวคณะที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร แต่มันกลับน่าสงสัยที่แพรวพรรณกลับไม่คิดที่จะคบหาชายใดเป็นแฟน

จนมีข่าวลือว่าเธออาจเป็นพวกนิยมดนตรีไทย ฉิ่งฉับทัวร์ เคยมีสาวเลส และสาวทอมมาขายขนมจีบคุณหนูคนเล็กแห่งบ้านจารุศิริการกุล แต่ก็ถูกปฏิเสธความรักเสียทุกคน จนมีคำร่ำลือว่าคุณหนูแพรวพรรณอาจเป็นพวกอยากครองตนเป็นโสด ไม่สนใจความรัก หรืออาจเป็นหญิงสาวที่ไม่มีความต้องการทางเพศ

แต่คนที่รู้ความจริงคือเจ้าตัว คุณหนูแพรวพรรณในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์กลับมาที่บ้านในจังหวัดชลบุรี ก่อนที่เธอจะต้องเดินทางไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษ

ตาเกริกตอนนี้ก็อายุจะ 60 แล้ว ร่างกายก็ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม แต่มันยังคงดูแลสวนดอกไม้หลังบ้านจารุศิริการกุลเป็นอย่างดี ตาเกริกทำหน้าที่นี้ด้วยใจภักดีราวกับว่ากำลังรอคอยอะไรบางอย่าง

"ลุงเกริกคะ?" น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลัง หนุ่มใหญ่วัยเกษียณหันกลับไป พร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

"หนูแพรว..." ตาเกริกเรียกชื่อยอดรักผู้สูงศักดิ์ด้วยความคิดถึง "คุณหนูของไอ้เกริก"

"อยากไปเที่ยวข้างนอกกับแพรวไหมคะ" คุณหนูคนเล็กของบ้านจารุศิริการกุลยิ้มหวาน ตาเฒ่ารู้ดีว่าคุณหนูต้องการอะไร มันกลืนน้ำลายดังเอื้อกเพราะรู้ดีว่า ถ้ามันไปกับคุณหนูรอบนี้ บางที มันอาจไม่ได้กลับมาทำหน้าที่คนสวนแบบมีลมหายใจอีกต่อไป

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ

https://web.facebook.com/Nato87.The.Storyteller

cdx




pipat.kul



peddo

คุณนาโต้มาช่วงของขาดเลยครับ น้องแพรวไม่รู้ซะแล้วว่าเล่นกับอะไร อันนั้นน่ะมันไม่ใช่ของเล่นนะครับ ลุงแกก็หวังดีอยู่ก่อน ตอนนี้คงได้หวังอย่างอื่นกันบ้าง เผื่อคนอ่านจะสมหวังบ้าง อย่าโหดกับเธอมากนะครับ เจอแบบที่พี่สาวเธอเจอจะเป๋เดินไม่เป็นเอา เสียการเรียนหมด อิขอบคุณ​ครับ​


navy868



oit758

คุณหนูไม่อยากให้ลุงแกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ ลุงแกเลยเข้าข้างในคุณหนูแทนเลย


พงค์ พันธ์


kchumpot

ไปเถอะลุงน้องอุตส่ามาชวนยอมตายถวายชีวีติเลยตายบนอกดีกว่าตกนำ้ตายนะครับ

pipat.kul