ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

กังปังตะลุยยุทธภพ ตอนจบภาคคู่หูคนใหม่

เริ่มโดย cobra, มีนาคม 16, 2019, 06:05:32 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ชอบตอนนี้หรือไม่

ชอบ
61 (100%)
ไม่ชอบ
0 (0%)

จำนวนสมาชิกโหวดทั้งหมด: 61

cobra




   กังปังตะลุยยุทธภพ ตอนจบภาคคู่หูคนใหม่
   (ตอนนี้อาจมีหักมุมผู้อ่านบ้าง)
   นางรูมีปานหลังจากสั่งเจ้ากรูเยซมานส์เสร็จ จึงเดินออกจากห้องไปตามทางเดินเพื่อไปจัดการกังปังต่อไป
   แต่นางต้องแปลกใจว่าไฉนตรงทางเดินยิ่งเดินต่อไป กลับยิ่งมีกลุ่มควันสีขาวปกคลุมไปทั่ว
   นางจึงพบว่าที่แท้กลุ่มควันมากมายเหล่านั้นล้วนออกมาจากห้องที่กังปังอยู่กับนางตู้เสียวเกียวทั้งสิ้น
   "เอ๊ะ ทำไมจึงมีควันอะไรออกมาจากห้องมากมาย หรือมันกำลังต้มยาฟื้นฟูกำลังภายในหรือไง เพื่อความไม่ประมาทแอบดูมันก่อนดีกว่าว่ากำลังทำอะไรกันอยู่"
   นางรูมีปานคิดจึงใช้น้ำลายแตะที่นิ้วมือจิ้มกระดาษข่างฝาเป็นรูพลางสอดส่ายตาดูให้รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องกัน
   นางถึงกับต้องขยี้ตาดูให้แน่ใจ เพราะภาพที่เห็นไม่ใช่ทั้งสองกำลังต้มยาหุงหาอาหารดังที่นางคิด แต่เป็นการเสพสังวาสราวกับต่างกำลังประลองยุทธบนเตียงกัน
   นางรูมีปานมองเห็นกังปังใช้จ้วงแทงควยเข้าออกในรูหีของหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งคงเป็นนางตู้เสียวเกียวที่นางคณิกาที่พบเป็นคนบอกแน่นอน
   ตอนนี้กลุ่มควันได้จางหายไปหมดแล้ว
   นางรูมีปานมาแอบดูไม่ทันฉากสำคัญที่นางตู้เสียวเกียวโดนกำจัดหมอยเสียเกลี้ยงเกลา ไม่งั้นนางรูมีปานได้แตกตื่นกว่านี้แน่ แต่แค่นี้ก็ทำให้นางรู้สึกพิศวง
   "โอ้..ซี้ดส์ กังปัง เจ้ามีวิชาดีจริงๆ รู้อย่างนี้ข้ายอมให้เจ้าเย็ดนานแล้ว"
   "เจ้าก็มัวแต่เล่นตัวืที่จริงข้าก็อยากเย็ดเจ้ามาตั้งนานวันนี้ได้สมใจอยาก ต้องเย็ดให้จั่งหนั่บ"
   "โอ..จัดหนักได้เลย ยิ่งหนักๆข้ายิ่งชอบ จะเปลี่ยนท่าเป็นโก้งโค้งหรือตีลังกาแบบหวีอันอันข้าก็ทำได้ทุกท่า"
   "อา รูเจ้าช่างวิเศษ ข้าเย็ดท่านี้กำลังมันส์ ขอใส่เต็มที่นะ"
   ว่าแล้วกังปังก็โหมกระเดีาเย็ดอย่างดุเดือด จนเตียงลั่นเอี้ยดอ้าดได้ยินไปถึงข้างนอก
   "เอ๊ะนี้มันยังไงกัน ขนาดมันถ่ายกำลังภายในให้สองดรุณี ต้องน่าจะหมดพลังแล้วนี้ ยังเอาแรงที่ไหนมาเย็ดกันได้อีก"
   กังปังยิ่งเย็ดยิ่งแรง แล้วอยู่ๆกังปังก็สั่งให้นางตู้เสียวเกียวเปลี่ยนทีเป็นนอนคว่ำยกตะโพกขึ้นแบบเดียวกับเจียวเสียวเม่ย กังปังทั้งโหมกระเดีาเอื้อมมือไปบีบนมรู้สึกเต็มไม้เต็มมือกว่าเสียวเม่ยยิ่งนัก
   "แน๊ะ มีการเปลี่ยนท่าอีก ยิ่งดูทั้งคู่เย็ดกันข้ารู้สึกเสี้ยนคันรูอยากพิกล อา..เจ้ากังปังนี้ช่างน่าสนใจยิ่ง ข้าชักอยากได้มันมาเปผ็นพวกมากกว่าจะกำจัดมันซะแล้ว"
   นางรูมีปานคิด อดเอามือลงไปล้วงเกาหีให้หายคันไม่ได้ แต่ยิ่งล้วงยิ่งเกายิ่งทำให้น้ำเสี้ยนเหนียวออกมาทำให้คันมากขึ้น จนต้องเอานิ้วมือแหย่เข้าแหย่ออกบางทีทำนิ้วงองุ้มเป็นตะขอเผลอตกเบ็ดเกี่ยวหีตัวเองโดยไม่รู้ตัว
   ยิ่งเสียงข้างในต่างคนต่างร้องว่าเดี๋ยวเยี่ยม เดี๋ยววิเศษ มันจะวิเศษอะไรกันมากมายขนาดนั้น อยากโดนบ้างจัง
   .......
   ย้อนมาทางเจ้ากรูเยซมานส์หลังจากที่นางรูมีปานออกไปแล้ว มันแสยะยิ้มจนเห็นฟันขาว ย่างก้าวสามขุมขึ้นมาบนเตียงที่สองดรุณีนอนอยู่ เจียวเสียวจูรู้สึกถึงน้ำหนักที่ลงมาบนที่นอนจนยวบลงไป จึงคิดว่าเป็นกังปังกลับมา
   "กังปัง ข้ารู้สึกสบายดีจัง เจ้าวิเศษมากๆ"
   เจียวเสียวจูพูดพร้อมกับปรือตาขึ้นมองต้องตกใจ
   "เอ๊ะ นี่เจ้าไม่ใช่กังปัง จะทำอะไรข้าช่วยด้วย ๆ อ๊อกส์.."
   เสียงเจียวเสียวจูร้องได้เดี๋ยวหนึ่งก็เงียบเสียงแต่ทำให้เสียวเม่ยที่นอนอยู่ก็ลืมตาขึ้น ยังไม่ทันส่งเสียงร้องก็มีมือดำทมึน มาจับที่หน้าผากโหนกนูนของนางพร้อมกับบีบขมับสองข้างของนางอย่างแรงทำให้อึดอัด เช่นเดียวกับเจียวเสี่ยวจูที่โดนมืออันแข็งแรงมันจับบีบขมับเช่นเดียวกัน
   มือของเจ้าทาสผิวดำกรูเยซมานส์มันแข็งแรงยิ่ง มันใช้สองมือพร้อมกันจับบีบขมับทั้งสองคนละข้าง กดศรีษะทั้งแน่นจนจมลงไปในหมอน ต่างพยายามดีดดิ้นจนผ้าห่มที่คลุมร่างทั้งสองหล่นออกไปเผยให้เห็นร่างเปลือยขาวจั๊วะทั้งคู่บนที่นอน
   "ว้าว พวกเจ้าอย่าดิ้นไปจะยิ่งทรมานมาก ปล่อยให้ข้าทำจะเจ็บเพียงเดี๋ยวเดียวแล้วจะรู้สึกสบาย"
   ทั้งคู่ต่างร้องไม่ออก ในใจคิดถึงแต่กังปังเท่านั้น
   "กังปังเจ้ามัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหน "
   "กอกังปังช่วยข้ากับพี่สาวด้วย "
   ต่างคนต่างร้องเรียกหากังปังในใจ
   ...........
   ฝ่ายกังปังตอนนี้กำลังติดภาระสำคัญต้องทำการเย็ดกับนางตู้เสียวเกียวยังไม่สิ้นสุด พลอยทำให้นางรูมีปานเสียวสยิวไปด้วย
   "เสียวเกียวข้าจะปล่อยน้ำพลังเข้าช่องแคบเจ้าแล้วนะ พร้อมไหม"
   "ข้าพร้อมนานแล้ว แต่ไม่ต้องทุบหลังข้านะ เดี๋ยวข้าขมิบตอดเอง"
   นางรูมีปานแอบดูแอบฟังรู้ว่าทั้งคู่กำลังจวนถึงจุดสุดยอดแล้ว เร่งนิ้วตามเพื่อออกไปพร้อมกับทั้งคู่
   "มีทุบหลังด้วยเหรอ ท่าเจ้านี้มันจะชอบความรุนแรง ต้องหาทางเอามันมาเป็นพวกให้ได้แล้ว"
   "โอ้ย ข้าแตกแล้ว"
   "ข้าก็แตกด้วย"
   "ข้าก็แตกด้วยเหมือนกัน โอ้ยซี้ดส์"
   ทั้งกังปังและนางตู้เสียวเกียวต่างถึงจุดสุดยอดด้วยกัน แต่ได้ยินเสียงมีคนร่วมน้ำแตกด้วยจึงสงสัย
   "เย็ดกันอยู่สองคน แต่ทำไมมีคนน้ำแตกสามคนได้"
   ต้องมีคนแอบดูอยู่ข้างนอกแน่เลย
   "นั้นใครอยู่ข้างนอกนั้น"
   นางรูมีปานเผลอช่วยตัวเองจนน้ำแตกส่งเสียงร้องไปเผยพิรุธให้คนในห้องให้คนจับได้ จึงแก้สถานการณ์แปลงกายเป็นเจียวเสียวจูด้วยความรีบร้อนจะไปเคาะประตู แต่ประตูหัองดันไม่ได้ล็อคนางจึงเสียหลักหน้าคะมำลงไปพร้อมกับประตูที่เปิดออก
   "ว๊าย"
   "คนที่นี้ไม่ชอบลผ็อคประตูห้องกันหรือไง"
   นางรูมีปานรำพึงในใจ
   พอลุกขึ้นมาได้ผ้าผ่อนที่ยังไม่ได้จัดให้เรียบร้อยดีเพราะเอามือทั้งบีบนมและล้วงรูหีตัวเองก็เปิดอ้าออกเผยให้เห็นทั้งข้างบนข้างล่าง
   กังปังพอเห็นเป็นเจัยวเสียวจูเข้ามารีบลนลานคว้ากางเกงมานุ่ง ขณะที่นางตู้เสียวเกียวก็คว้าผ้าคลุมเตียงมาห่มปกปิดร่างเปลือยนางเข่นกัน
   "อา เสียวจู ไฉนเจ้าจึงออกมา ที่เห็นนี้เจ้ากำลังเข้าใจผิด มันไม่ใช่อน่างที่เจ้าคิดนะ คือ คือ ข้า..."
   กังปังพยายามนึกหาคำแก้ตัวไม่ออก
   "ซวยแล้ว ข้าจะแก้ตัวกับนางยังไงดี"
   นางรูมีปานเห็นท่าทางของกังปังตอนนี้ขบขันยิ่งพยายามกลั้นหัวเราะไว้
   "กังปัง ข้ารู้สึกหนาวยังไงไม่รู้"
   กังปังฟังเจียวเสียวจูพูดรู้สึกตกใจ
   "เอ๊ะไม่น่าเป็นอย่างนั้นได้ ข้าส่งพลังความร้อนไปไฉนนางจึงหนาวได้ ไม่ได้การข้าต้องไปทำการักษานางอีกรอบ"
   "เสียวจูขอข้าดูอาการหน่อย"
   กังปังพูดด้วยความรู้สึกห่วง ขยับจะเดินไปหานาง
   "หยุดก่อนกังปัง แล้วถอยหลังกลับมา นางไม่ใช่เจียวเสียวจู"
   เสียงนางตู้เสียวเกียวพูดจากด้านหลัง ทำให้กังปังต้องชะงักเท้า
   ...........
   ส่วนเจียวเสียวจูตัวจริงตอนนี้คล้ายสติเลอะเลือนถูกกรูเยซมานส์กดหัวบีบขมับจนปวดไปหมด ส่วนเจียวเสียวเม่ยก็มีอาการเช่นเดียวกัน
   ตอนนี้ทั้งคู่เหมือนกำลังมองเห็นภาพชีวิตตัวเองคล้ายกำลังดูหนังที่ย้อนกลับดีๆนี้เอง
   เริ่มจากเจียวเสียวจูที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังปล่อยพลังขับพิษออกมาแล้วภาพนั้นก็เลือนไป กลายเป็นตอนที่นางพูดว่า"ข้าเชื่อใจเจ้า" แล้วก็ยัอยกลับไปตอนที่นางถูกซัดด้วยเข็มสัตตโลหะ แล้วถอยไปที่นางกับเสียวเม่ยทุบทำลายข้าวของในบ้านเศรษฐีฮิ่ม
   "เอาชนะมันให้ได้ช่วยพวกเรารอดออกไปแล้วพวกเราย่อมมีรางวัลตอบแทนเจ้า จะไม่ลืมพระคุณเลย"
   นี้เป็นคำพูดที่นางพูดกับกังปัง
   "ช่วยเราด้วยใครก็ได้ช่วยเราด้วย"
   นี้เป็นตอนที่ไอ้ฮิ่มมันใช้พลังจิตคุมกายกับนาง
   ภาพเหล่านี้เหมือนมันยัอนกลับไปหยุดที่ตอนนางกำลังนั่งรถม้าไปบ้านเศรษฐีฮิ่ม
   ส่วนเจียวเสียวเม่ยก็เหมือนกำลังภาพชีวิตตัวเองย้อนกลับเช่นเดียวกัน
   เริ่มจากนางถูกกังปังทุบหลังดังอั้ก
   ยัอนกลับไปที่กังปังช่วยนางออกจากบ้านเศรษฐีฮิ่ม
   "โธ่เว้ย เจ้าลุกขึ้น แล้วใช้วิชาอะไรก็ได้เหมือนตอนอยู่ง่อไบ๋ซิ"
   นั้นเป็นคำพูดบของนางที่พูดอย่างเดือดดาลใส่กังปังตอนสู้กับเศรษฐีฮิ่ม
   เหมือนภาพต่างๆเหล่านี้กำลังลบเลือนไป มาหยุดตอนที่นางกับเสียวจูผู้เป็นพี่สาวกำลังนั่งรถม้าไปบ้านเศรษฐีฮอ่มเช่นกัน
   ต่อจากนั้นทั้งจึงรู้สึกหลับใหลลงอย่างสงบ
   เจ้ากรูเยซมานส์ค่อยเอามือออกจากศรีษะของทั้งสองปล่อยให้ทั้งคู่หลับต่อไป
เจ้ากรูเยซมานส์ถึงกับเหงื่อท่วมตัว สูญเสียพลังไปไม่น้อย
   เสร็จแล้วมันจึงคว้าเอาหมวกสัตตโลหะมาสวมบนหัวมันเอง เดินไปดูตัวเองที่กระจกยกมือเก็กหน้าหล่อเป็นพระเอกบ้าง เอามือประสานกันบนศรีษะหัวเราะเริงร่าดูคล้ายเด็กไม่ผิด
   "ข้าหล่อจัง ทำไมถึงหล่ออย่างนี้
   ................
   ฝ่ายนางรูมีปานโดนตู้เสียวเกียวจับพิรุธผิดสังเกตุได้ จึงส่งสายตาเกรี้ยวกาจออกไป พร้อมใช้ฝ่ามือกงเล็บปีศาจยื่นออกไปจะคว้าจับกังปัง
   "กังปัง ระวังอันตราย"
   นางตู้เสียวเกียวที่คอยระวังอยู่แล้วรีบสบัดผ้าคลุมเตียงที่ใช้ห่มร่างกายอยู่สบัดออกด้วยพลังลมปราณทำให้ผ้าคลุมแผ่เป็นผืนใหญ่พุ่งเข้าจู่โจมใส่นางรูมีปานทันที
   ผ้าคลุมเตียงเมื่อถูกสะบัดออกด้วนพลังภายในที่แฝงเข้ามา ไม่ผิดกับไม้กระดานผืนใหญ่ที่พุ่งเข้ามาทำร้ายให้บาดเจ็บได้
   นางรูมีปานต้องตกใจแอ่นตัวหงายหลังหลบผ้าผืนนั้นได้อย่างหวุดหวิด พร้อมรวบรวมพลังลมปราณเข้าสู่เล็บมือแหลมคมของนางกรีดผ้าผืนที่พุ่งเข้ามากลายเป็นทางยาวแยกจากกัน
   นางตู้เสียวเกียวรีบดึงผ้ากลับเข้ามากลายเป็นถือผ้าไว้มือละห้าชิ้น โบกสะพัดร่ายรำไปมา แลเห็นผ้าในมือตู้เสียวเกียวพลิ้วไหวโบกสะบัดไปมาราวมีชีวิตอยู่รอบกายนาง ดูราวกับเทพธิดากำลังเริงระบำผืนผ้าไม่มีผิด
   นางรูมีปานคาดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เนี้ยหอนางโลมจะเป็นผู้มีวรยุทธแถมยังจัดได้ว่าเป็นยอดฝัมือแถวหน้าคนหนึ่ง
   ขนาดกังปังยังมองดูอย่างละลานตา
   "โอ้..เพิ่งรู้แฮะว่านางตู้เสียวเกียวเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งที่ปกปิดฝีมือไว้มิดชิดเชียว"
   "นางแพศยาเป็นใคร ยังไม่เปิดเผยตัวออกมาอีก"
   "เจ้าสินางแพศยา เตรียมรับกรงเล็บปีศาจข้าให้ดี"
   นางรูมีปานพูดพร้อมกับเปลี่ยนร่างกลับเป็นตัวนางดังเดิม จู่ๆแขนของนางเหมือนกับยื่นยาวออกไปได้
   "ภูษาพรรณราย
   นางตู้เสียวเกียวร้องบอกวิชาฝีมือของตัวเองออกไปบ้างพร้อมสบัดผ้าในมือออกไป
   ผืนผ้าทั้งหมดดังราวมีชีวิตแยกกันจู่โจมทั้งรัดพันทั้งพุ่งจู่โจม นางรูมีปานกลับต้องเป็นฝ่ายป้องกันตัวมากกว่าจู่โจม แม้นางจะทำแขนยืดยาวได้แต่ก็มีเพียง 2 แขน ผ้ายาวทั้ง 10ผืนหากเปรียบก็ได้ดังแขนยาวทั้งสิบข้างที่แยกกันจู่โจมนับเป็นวิชาที่มารับมือกับกรงเล็บปัศาจของนางรูมีปานโดยแท้ ชั่วระยะเวลาหนึ่งนางรูมีปานทั้งใช้กรงเล็บฟาดฟันทั้งข่วนกระชากจนทำให้ผ้าเหล่าานั้นถูกตัดเป็นเศษผ้าละเอียดจนหมด แต่จะว่าไปในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่อาจระบุได้ว่าระหว่างนางทั้งสองใครจะมีฝีมือเหนือกว่ากัน
   "ภูษาพรรณรายยของเจ้ามีเพียงแค่นี้หรือ"
   นางรูมีปานแกล้งส่งเสียยงเย้ยหยัันนางตู้เสียวเกียวหลังจากที่สามารถทำลายผ้านางได้จนหมด แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันควัน เมื่อนางตู้เสี่ยวเกียวหันไปกระตุกผ้าม่านด้านหลังมาอีกผืนหนึ่งฉีกแบ่งถือในมือเช่นเดิม
   "ดูุเหมือนในห้องเจ้าช่างมีผ้ามากมายที่เจ้าสามารถนนำมมาใช้ทำเป็นอาวุธได้ ไม่่รู้จักหมดสินะ"
   พอนางรูมีปานพูดกังปังจึงเพิ่งสังเกตุพบว่าในห้องนางตู้เสียวเกียวล้วนมีแแต่ผืนผ้าอยยู่มากมายจริงๆๆ
   "เจ้ากรูมันมัวทำอะไรอยู่นะ ป่านนี้มันน่าจจะจัดกาารธุระเสร็จหมดแล้ว ทำไมยังชักช้าไม่มาสมทบกับข้าอีก ขืนสู้กันแบบนนี้มีหวัังข้าแพ้แน่ขนาดเจ้ากังปังยังไม่ลงมือ  ก็ตุึงมือยิ่งแล้ว แถมมันดูไม่เหมือนคนหมดพลังอย่างที่ข้าคาดการเลย ต้องหาทางถ่วงเวลาไว้ก่่ออน"
   "เดี๋ยวหยุด กังปังข้ามีเรื่องจะกล่าวกับเจ้า"
   "เรื่องอะไร นางจะมาไม้ไหนกัน"
   กังปังทำท่าแปลกใจ
   "ท่านเศรษฐีฮิ่มให้ข้ามาบอกต่อเจ้า ว่ายินดีที่จะไม่ติดใจเอาเรื่องใดๆกับเจ้า และยอมยกทรัพย์สินทั้งหมดที่เจ้าขโมยมาให้เจ้า ขอเพียงเจ้าเปลี่ยนใจกลับมายืนอยู่ข้างเศรษฐีฮิ่มเท่านั้น ทรัพย์สินที่เจ้าขโมยมามันจิ้บจ๊อยมากสำหรับท่าน หากเจ้ามาเป็นพวก เจ้ายังจะมีเงินมากกว่านั้นอีกมาก และยังจะได้เชยชมโฉมสคราญในยุทธภพอีกมากจนไม่หวาดไม่ไหวซึ่งเจ้าก็ได้เห็นทั้งทรัพย์สินและอำนาจนั้นมาด้วยตาตัวเองแล้วนี่"
   กังปังทำท่าครุ่นคิด นางรูมีปานจึงพูดต่อ
   "ที่จริงเจ้าเองก็เคยอยู่ในเส้นทางมิจฉาชีพมาก่อน นี้มันคือสิ่งที่ปรารถนาไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้เจ้าจะมากลับกลายมาทำเรื่องอะไร ต้องการเป็นจอมยุทธ เป็นวีรบุรุษงั้นหรือ แล้วเจ้าจะได้อะไร มันเป็นความคิดโง่ๆเปล่าๆ คิดดุให้ดี"
   พูดถึงตอนนี้เจ้ากรูเยซมานส์ทั่มีหมวกสัตโลหะสวมอยู่ก็เดินเข้ามาในห้องพอดี
   "มันมาได้สักที"
   นางรูมีปานลอบถอนใจ
   "เป็นไงเจ้าจัดการได้เรียบร้อยใช่หรือไม่"
   เจ้ากรูพยักหน้าดูม่าทางเหนื่อยอ่อนยิ่งนัก
   กังปังพอเห็นเจ้ากรูเยซมานส์เดินเข้ามาถึงกับใจเสียขึ้นวูบ
   "จริงสิ เรามัวแต่สนใจกับการต่อสู้ของนางรูมีปานกับตู้เสี่ยวเกี่ยว กลับลืมคิดไปว่านางต้องไม่มาคนเดียวแน่ เจ้ากรูมันเอาหมวกใบนั้นมาจากห้องข้าได้ยังไง แล้วไอ้ฮิ่มละ"
   "หยุดก่อน ลูกน้องเจ้าไปเอาหมวกใบนั้นมาจากห้องข้าได้ยังไง เจ้าให้มันไปทำอะไรกับสองดรุณีหรือเปล่า"
   "คิก คิก เจ้าไม่ต้องวิตกนางทั้งสองไม่เป็นไร ไม่มีอะไรบุบสลายทั้งนั้น"
   "เจ้ากรู พวกเรากลับกันเถอะ"
   "พวกเจ้าคิดจะมาจะไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ เจ้ากรูถอดหมวกคืนข้ามาเดี๋ยวนี้"
   เจ้ากรูได้ยินถึงกับทำตาเขียวเหมือนเด็กห่วงของเล่น
   "ข้าไม่ให้ใครทั้งนั้น มันเป็นของข้า"
   "มันเป็นของเจ้าได้ไง ถอดมา"
   "ไม่ให้ซะอย่าง ข้าชอบ ใส่แล้วหล่อ"
   กังปังรู้สึกเหมือนกับเถียงกับเด็กปัญญาอ่อนไม่มีประโยชน์มีแต่ต้องลงมือ
   "เจ้าไม่ต้องเถียงกันข้าสั่งให้ไปก็รับไปเดี๋ยวนี้ เร็ว กังปังเจ้าเอาข้อเสนอข้าไปคิดดูให้ดี ไปละ"
   ว่าแล้วทั้งเจ้ากรูและนางรูมีปานก็หนีออกไปอย่างรวดเร็ว กังปังรีบพุ่งโผจะตามไปทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงนางตู้เสียวเกียวตวาดมาจากด้านหลัง
   "หยุดไว้อย่าตามไป มันอาจมีหลุมพรางวางไว้ เผื่อไอ้ฮิ่มอยู่แถวนั้ รีบไปดูสองดรุณีก่อน"
   กังปังได้สติเห็นตามที่นางตู้เสียวเกียวบอก ซึ่งนางตู้เสี่ยวเกี่ยวคิดระแวงไปเอง แต่สู้ไม่ประมาทจะดีกว่า
   "จริงสิ เราควรไปดูสองดรุณีว่าเป็นอะไรหรือไม่ ค่อยไปคิดบัญชีกับพวกมันทีหลัง"
   กังปังกลับมาคว้าเสื้อใส่รวดเร็ว แต่กลับคิดอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปถามนางตู้เสียวเกียว
   "ตอนที่นางรูมีปานเข้ามาเจ้าไฉนจึงรู้ว่า ไม่ใช่แม่นางเจียวเสียวจูได้ละ"
   "ก็สตรีที่เจ้าร่วมรักทุกคน ล้วนถูกเจ้ากำจัดหมอยจนหมด  เจียวเสียวจูนั่นจะมีหมอยยาวเฟี้อยแบบนั้นได้ไง"
   กังปังได้ยินคำเฉลยถึงกับหัวเราะกร้ากงอหาย
   "รีบไปดูพวกนางก่อนข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะตามไป"
      ..............
   กังปังกลับไปถึงห้องเห็นมีร่องรอยการถูกรื้อค้นแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร
   ที่ต้องตกใจมากกว่าที่เห็นสองดรุณีนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงทั้งคู่
   กังปังรีบเข้าไปสำรวจดูทั้งสองก็พบว่าปกติ มองดูที่รูโยนีอันขาวเกลี้ยงหมดจดของทั้งคู่ ก็พบว่าปิดสนิทราวกับของทารกแต่เป็นทารกร่างใหญ่
   "อืม...มันไม่ได้ล่วงเกินพวกนางจริงๆ แถมวิชาคืนพรหมจรรย์ของเราก็ใช้ได้ผล"
   กังปังมองเห็นทั้งคู่กำลังหลับสบาย ลมหายใจสม่ำเสมอไม่น่าห่วงอะไร เลยเอาผ้าห่มช่วยคลุมร่างเปลือยทั้งคู่เนื่องจากอากาศค่อนข้างเย็น
   "น่ารักทั้งคู่จริงๆ"
   กังปังคิดในใจพร้อมกับเดินเข้ามานั่งบนเตียงข้างเจียวเสียวจู
   "มาเห็นใกล้ๆแบบนี้ ยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่ ให้มองทั้งวันก็ไม่เบื่อ ชีวิตข้าขอแค่ข้าตื่นมาทุกครั้งแล้วมองเห็นเจ้านอนอยู่ข้างๆแบบนี้ก็มีความสุขแล้ว"
   "จริงซิ เราจูบแต่เจียวเสี่ยวเม่ย ยังไม่ได้จูบนางเลย ขอจูบให้ชื่นใจสักที"
   คิดแล้วกังปังก็โน้มตัวลงไปจูบปากอันนุ่มนิ่มหวานหอมของเจียวเสี่ยวจูอย่างแนบแน่น เจียวเสี่ยวจูคล้ายกำลังอยู่ในภวังค์ขยับริมฝีปากรับการจูบของกังปังอยู่ครู่หนึ่ง จึงลืมตาขึ้นเห็นกังปังยิ้มอยู่ตรงหน้าแทบสัมผัสหน้านาง
   "เจ้าเป็นใครกัน ช่วยด้วยมีผู้ร้ายบ้ากามเข้ามาในห้องเรา"
   เจียวเสียวจูร้องลั่น เอามือผละกกังปังเต็มแรง จึงพบว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้ายิ่งตกใจ
   "เดี๋ยว นี้ข้าเองกังปัง"
   "ข้าไม่เคยรู้จักเจ้า ออกไปนะ"
   เจียวเสียวจูถลันพลิกตัวหลบพร้อมกับเอาผ้าห่มพันกาย
   "ข้ากังปังที่ช่วยรักษาเจ้าไง"
   (เอ๊ะ ทำไมถึงเป็นงี้ไปได้ จะว่าเป็นผลข้างเคียงจากการถ่ายทอดลมปราณก็ไม่น่าใช่)
   ขณะเดียวกันเสียวเม้ยก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เอาผ้ามากระโจมอกได้ผืนหนึ่ง
   พอกังปังหันไปเจียวเสียวเม่ยเห็นหน้าจึงร้องขึ้น
   "เจ้า เป็นเจ้านี้เอง ข้าจำเจ้าได้แล้ว"
   "ค่อยโล่งอกหน่อย  ที่น้องสียวเม่ยยังจำข้าได้ เจ้าช่วยอธิบายให้เจ๊เจ๊ทราบที"
   "เจ้ามันคนร้ายที่บุกง่อไบ๋ที่พวกเราตามหานี้ อย่ามาตีสนิทเรียกว่าเป็นน้องสาวเจ้า ข้าไม่ชอบ"
   "อ้าว ทำไมเป็นไปอีกคน"
   "เสียวเม่ยอย่าเสียเวลาคุยกับมันรับกระบี่ไป"
   เจียวเสียวจูพูดพร้อมกับโยนกระบี่ด้ามหนึ่ง ส่วนกระบี่ในมือนางแทงออกไปที่ด้านหลังกังปัง
   กังปังพลิกตัวหลบตามสัญชาติญาณ แต่เสียวจูไม่ปล่อยทิ่มแทงกระบี่ตามติดอย่างเกรี้ยวกราดแต่ละท่าหมายชีวิตทั้งสิ้น พอเสียวเม่ยรับกระบี่ได้ก็ใช้กระบี่สอดประสานได้ดีกับเสี่ยวจู ยิ่งทำให้ยากจะหลบยิ่งขึ้น ยังดีที่กังปังวรยุทธสูงประกอบกับที่พวกนางพะวงผ้าที่ห่อพันกายจึงทำให้ใช้ท่ากระบี่ไม่สะดวก
   กังปังแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากพวกนางสักแผล แต่กลับรู้สึกเจ็บไปที่หัวใจ
ที่เหตุไฉนนางจากคนที่เริ่มมีใจให้กัน กลับแปรเปลี่ยนเห็นตนเป็นศัตรูที่ต้องปลิดชีวิตให้ได้
   "เกิดอะไรขึ้น แม่นางทั้งสองหยุดมือก่อน"
   เป็นนางตู้เสี่ยวเกียวที่เข้ามาห้ามไว้ เสียงนางเหมือนมีอำนาจและก้องกังวานจนทำให้สองดรุณีชะงักมือกระทันหัน
   "เจ้าคือใคร แล้วที่นี้คือที่ไหนกัน"
   "ข้าชื่อตู้เสี่ยวเกียว เป็นเจ้าของหอหมกระจายที่นี้"
   สองดรุณีง่อไบ๋สดุ้ง เพราะตอนมาถึงมีคนบอกให้ทราบว่าสถานที่นี้คืออะไร
   "หอหอมกระจาย ไยมิใช่สถานเริงรมย์ที่มีนางคณิกา?"
   เจียวเสี่ยวเม่ยพลั้งพูดออกมา ส่วนนางตู้เสี่ยวเกียวก็รู้สึกทั้งสองมีสิ่งที่ผิดปกติไป จึงกล่าว
   "ม่วยๆทั้งสอง ไยไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาสนทนากัน ข้าจะไขความกระจ่างให้เจ้าเอง"    
   ว่าแล้วนางตู้เสี่ยวเกียวจึงหันไปพูดกับกังปัง
   "เชิญเจ้าออกไปรอที่ห้องข้าก่อน มันจะไม่สะดวกหากสองดรุณีจะเปลี่ยนเสื้อผ้า"
   นางตู้เสี่ยวเกียวพูดกับกังปังให้สองดรุณีได้ยินแล้วจึงไปกระซิบกับกังปัง
   "ข้าเห็นแล้วว่าพวกนางผิดปกติไป ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าจัดการให้เอง เจ้าอดทนรอข้าอยู่ที่ห้องก่อนนะ แล้วจะไปส่งข่าว ให้เป็นเรื่องระหว่างผู้หญิงคุยกันจะง่ายขึ้นกว่ามีเจ้าอยู่ด้วย"


   เมื่อกังปังไปแล้วสองดรุณีงีอไบ๋จึงทำการสวมใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อย
   "ม่วยๆทั้งสอง เมื่อเรียบร้อยแล้วเชิญมานั่งตรงนี้ก่อน ข้ามีบางสิ่งให้ดูแล้วเจ้าจะกระจ่างทุกสิ่ง"
   ว่าแล้วนางตู้เสี่ยวเกียวจึงหยิบอัญมณีอย่างหนึ่งออกชูไว้แล้วโบกไปมา
   "ม่วยๆลองดูสิ่งที่อยู่ในมือข้าสิ"
   สองดรุณีดูตามมือที่นางตู้เสียวเกียวโบกอัญมณีแลเห็นแสงประกายแวววับพิศดาร แต่แสงประกายนั้นหาได้ออกมาจากตัวอัญมณีไม่ แต่ออกมาจากนัยตาของนางตู้เสี่ยวเกี่ยวมากกว่า
   "เจ้าลองบอกสิ่งที่เจ้าจำได้และเข้าใจมาให้ข้าฟัง ข้าจะเติมเต็มในสิ่งที่ขาดให้พวกเจ้าเอง"
   สองดรุณีงีอไบ๋คล้ายงุนงงนั่งสนทนากับนางตู้เสี่ยวเกียวแบบไม่รู้ตัว
            .........

         จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานนางตู้เสียวเกียวจึงกลับไปที่ห้องของนาง
   กังปังกำลังร้อนใจพอเห็นนางตู้เสียวเกียวกลับมาที่ห้องจึงรีบสอบถาม
   "พวกนางเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น"
   "ข้าได้อธิบายให้พวกนางได้เข้าใจเรื่องที่เกิดได้ระดับหนึ่ง แต่ก็นับว่าได้คลี่คลายไปมาก"
   กังปังงงเพราะดูเหมือนนางตู้เสียวเกียวตอบได้ไม่กระจ่าง
   "ที่ว่าระดับหนึ่งคืออะไร ฟังเจ้าพูดไม่เข้าใจทำไมไม่อธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกนางให้ข้าทราบ"
   นางตู้เสียวเกียวพยายามจะเรียบเรียงสิ่งที่เกิดขึ้นให้กังปังเข้าใจ
   "เรื่องนี้มันอาจเป็นการยากที่จะอธิบาย คือ พวกนางได้ถูกลบและแก้ไขความจำใหม่"
   "ถูกลบและแก้ไขความจำ มันเป็นไปได้ไง แล้วใครเป็นคนทำ ฟังมันพิลึกยิ่งกว่าวิชาฝีมือข้าอีก"
   "ที่ข้าสันนิฐานคงเป็นตอนที่นางรูมีปานมาต่อสู้กับเราในห้อง เพื่อถ่วงเวลาให้เจ้ากรูเยซมานส์ไปลบความจำพวกนางทั้งสองคน"
   นางตู้เสียวเกียวค่อยพยายามชี้แจง
   "ตอนที่ข้าพูดคุยกับพวกนางพบว่านางกำลังนั่งรถม้าไปบ้านเศรษฐีฮิ่ม แล้วตื่นขึ้นมาพบตัวเองเปลือยกายอยู่ในนี้ในขณะที่เจ้ากำลังลวนลามพวกนาง"
   "ข้าจึงอธิบายให้นางฟังว่าแท้จริงนางได้ไปที่บ้านเศรษฐีฮิ่มมาแล้ว ซึ่งมันมีแผนร้ายต่อพวกนาง และพยายามทำมิดีมิร้ายต่อนางแต่ไม่สำเร็จ ข้ากับเจ้าเข้าไปช่วยได้ทัน แต่พวกนางได้รับบาดเจ็บระหว่างหลบหนี ข้ากับเจ้าจึงทำการรักษานางซึ่งข้าอยู่ด้วยตลอดเวลาไม่มีใครล่วงเกินอะไรนาง ข้ารับประกัน แต่จากเหตุนี้ทำให้พวกนางความจำเสื่อมสูญเสียความจำไป"
   "เอ๊ะ แล้วที่เจ้าพูดทั้งหมด พวกนางเชื่อเจ้าง่ายๆอย่างงั้นหรือ"
   นางตู้เสี่ยวเกี่ยวทำท่ายักไหล่
   "ก็คงงั้นมั่ง ก็มันเป็นสิ่งที่มีเหตุผลที่ง่ายที่สุดที่จะอธิบายเรื่องนี้แล้วนี่"
   แม้คำพูดของตู้เสี่ยวเกี่ยวออกดูกวนๆ แต่มันก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเหมือนกัน กังปังคิด
   "ข้าถึงบอกแต่แรกว่าพวกนางยอมเข้าใจในระดับหนึ่ง"
   นางตู้เสียวเกียวไม่ได้บอกความจริงกับกังปังหมดว่าเพราะอะไรสองดรุณีจึงยอมเข้าใจ
   "ลบและแก้ไขความจำใหม่ มีคนทำเรื่องเช่นนี้ได้จริงๆหรือ"
   
   กังปังพูดพึมพำออกมา พลันทำให้มันฉุกใจคิดถึงเรื่องที่นางรัศมีเทวีกับเจอรูดัลมาบุกเกาะดอกท้อ สุดท้ายเจอรูดัลก็ใช้วิธีเดียวกันคือลบความจำของทุกคน แม้แต่อึ้งย้งที่จำได้เพราะไม่ได้ถูกลบอย่างสิ้นเชิงก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นความฝันหรือความจริง จนบัดนี้จึงกระจ่างแล้วว่าเรื่องทีอึ้งย้งค้างใจมาตลอดมันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่เช่นนั้นไหนเลยจะมีคนที่มีหน้าตาเหมือนนางรัศมีเทวีได้ แถมมีวิชาฝัมือแบบเดียวกัน และมีผู้ที่มีวิชาลบความจำได้เช่นเดียวกัน มันย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญทั่ฝันไปแน่ๆ

   "ถ้าเจ้ากรูมันสามารถลบและแก้ไขความจำได้ดังที่เจ้าว่า ตอนนี้ข้าได้อ่านแผนการณ์ชั่วร้ายของเจ้าฮิ่มได้ทะลุปรุุโปร่งทุกอย่างแล้ว"

   กังปังอธิบายถึงสิ่งที่ตัวเองคิดและเข้าใจให้กับนางตู้เสียวเกียวได้รับทราบ
   ซึ่งขอสรุปให้ผู้อ่านได้เข้าใจไปด้วยตามนี้คือ
   ที่เจ้าฮิ่มมันกล้าลวนลามและย่ำยีใครต่อใคร ไม่ว่าจะเป็นลูกหรือเมียของสำนักใหญ่หรือไม่ โดยไม่เกรงกลัว เพราะมันถือว่ามันมีพลังจิตคุมกายบังคับให้ใครทำอะไรก็ได้ตามต้องการ เสร็จแล้วมันก็ให้เจ้ากรูจัดการลบความจำคนเหล่านั้นทิ้ง เพื่อปกปิดความชั่วของมัน จึงไม่มีใครจำได้และมาเอาผิดล้างแค้นมัน

   สองดรุณีง่อไบ๋ก็เช่นกัน เพียงแต่มันผิดแผนที่กังปังไปช่วยนางไว้ได้ก่อนโดยที่มันยังไม่ทันให้เจ้ากรูเยซมานส์ลบความจำเพื่อปกปิดความผิด
   เมื่อสองดรุณีง่อไบ๋ถูกเข็มพิษบาดเจ็บ และมันเห็นกังปังมีกำลังภายในสูงจากฝ่ามือที่ใช้ จึงคาดการณ์ว่ากังปังคงใช้กำลังภายในช่วยพวกนางได้ แต่คงสิ้นพลังไม่อาจต่อสู้ได้ มันจึงตลบหลังให้เจ้ากรูเยซมานส์มาลบความจำเพื่อปกปิดความชั่วมันไม่ให้แพร่หลายไปให้คนล่วงรู้ และให้นางรูมีปานมากำจัดหรือขัดขวางไม่ให้กังปังไปช่วยพวกนางได้ทันตอนที่เจ้ากรูกำลังลบความจำเพื่อปกปิดการกระทำชั่วของเศรษฐีฮิ่มเหมือนที่ทำกับทุกคนที่ผ่านมาได้สำเร็จ
   แต่มีเหตุที่พลิกผันคือกังปังนอกจากไม่เสียพลังในการต่อสู้แล้ว  ยังมีนางตู้เสี่ยวเกี่ยวเถ้าแก่เนี้ยะของหอหอมกระจายกลับเป็นยอดฝีมือแฝงกายอยู่ในหอหอมกระจายแห่งนี้ และยังมีวิชาพิสดารมาช่วยแก้ไขเหตุการณ์นี้ให้ผ่านไปได้ ซึ่งหากไม่มีนางตู้เสี่ยวเกี่ยวเหตุการณ์วันนี้อาจร้ายแรงไปกว่านี้ได้ นางรูมีปานแม้จะทำภารกิจไม่สำเร็จได้ทั้งหมดแต่ก็ถือว่าได้บรรลุเป้าหมายสำคัญถึง 2 เรื่องคือลบความจำสองดระณีและชิงหมวกสัตตโลหะกลับไปได้
   และในครั้งนี้ก็นับว่าโชคดีของกังปังที่เศรษฐีฮิ่มไม่ได้มาด้วย เพราะโดนกังปังอัดซะหน้าตาแหกยับเยินต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ อับอายไม่กล้าออกมาในสภาพหน้าตาแหกให้คนพบเห็น ไม่อย่างนั้นหากเศรษฐีฮิ่มมาด้วยเรื่องคงเลวร้ายไปใหญ่

   เมื่อต่างสรุปประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดได้เป็นที่เข้าใจตรงกัน กังปังมีเรื่องที่ติดใจไม่วายที่จะพูดขึ้น
   "หากเป็นตามที่เจ้าบอกคือ สองดรุณีเชื่อและเข้าใจตามที่เจ้าบอกพวกนาง แต่พวกนางก็มีความจำเสื่อม จำเรื่องอะไรที่เกิดไม่ได้เลยใช่ไหม"
   "ใช่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ"
   นางตู้เสี่ยวเกี่ยวพยักหน้ารับ
   "หมายความว่าตอนนี้

   "นางลืมหมดสิ้นเลยหรือลืม แม้กระทั่งเรื่องที่ข้าไปต่อสู้กับเศรษฐีฮิ่มเพื่อช่วยนางออกมา
   ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่ข้าถ่ายโอนพลังเพื่อรักษานาง ลืมไปหมดแล้วจริงๆเลยหรือ"

   ครั้งนี้นางคู้เสียวเกียวรู้สึกเหนือคาดหมาย เพราะทีแรกนางคิดว่าจะได้ยินกังปังพูดอย่างลิงโลดใจ แต่น้ำเสียงที่กังปังได้พูดออกไปเมื่อสักครู่ กลับออกมาแบบสั่นเครือ ฟังแล้วให้ความรู้สึกที่เศร้า น่าสงสารยิ่งนัก
   "พวกนางลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปจริงๆ ข้านึกว่าเจ้าจะดีใจ แต่กลับตรงข้าม หรือเจ้าเกิดไปรักดรุณีง่อไบ๋คนพี่เจียวเสียวจูจริงๆเข้าแล้ว"
   นางตู้เสี่ยวเกี่ยวแหย่กังปังเล่น แต่กังปังเหมือนทำหน้าาเศร้าสร้อย พูดเครือออกมา
   "นางอุตส่าห์เชื่อใจข้า ขอฝากความหวังไว้ที่ข้า ในชีวิตหนึ่ง เราจะหาคนที่มาเชื่อใจเรา ฝากความหวังไว้ที่เราได้สักกี่คนกันเล่า มันจะมีเหตุการณ์ที่จะทำให้คนมาเชื่อใจเราอย่างนี้ได้ง่ายๆที่ไหน แถมตอนนี้นางกลับเห็นข้าเป็นคนร้ายด้วยซ้ำ มันจะมีอะไรมาทำให้นางกลับมาเชื่อใจข้าอย่างนั้นได้อีกที่ไหนกัน"
   กังปังตอบนางตู้เสี่ยวเกี่ยวแล้วลุกขึ้นยืนหันหลังให้นางตู้เสี่ยวเกี่ยวแล้วเงียบไป คำนึงขึ้นในใจ
   "รักหรือ เจ้าเข้ามาเมื่อไรกัน ข้าเพิ่งเริ่มรู้สึกต้องตาต้องใจเจียวเสียวจูขึ้นมาจริงๆ และดูเหมือนนางก็เริ่มมีความรู่สึกดีต่อข้า คิดว่าต่อไปข้ากับนางคงสานสัมพันธ์กันได้แนบแน่นขึ้น
   รักเอย เจ้าทำไมโหดร้ายจัง มาโดยไม่รู้ตัว พอเรื่มรู้ตัวเจ้าก็จากไปแล้วหรือ
แล้วมันจะมีโอกาสเช่นนี้อีกเมื่อไรกัน
   เศรษฐีฮิ่ใพียงแต่คิดให้เจ้ากรูเยซมานส์มาลบความจำเพิ้อปกปิดคว่มชั่วของมัน  หากมันได้รู้ว่าได้ทำให้กังปังต้องเจฺบปวดอยู่ในสภาพนี้ได้ ป่านนี้มันคงนอนหัวเราะด้วยความสะใจ
   กังปังคิดถึงเสัยงหัวเราะมันยิ่งรู้สึกชิงชังนัก อยากกลีบไปกระทืบมันอีก

   นางตู้เสียวเกียวเดิมทีคิดจะหยอกล้อดังปังต่อ แต่เห็นท่าทีอันเศร้าสร้อยของกังปัง จึงรู้ว่าได้พูดโดนใจดำกังปังเข้าแล้ว และเป็นครั้งแรกที่นางตู้เสียวเกียวได้เห็นด้านอ่อนไหวของกังปัง เกิดสงสารขึ้นมาจึงเปลี่ยนมาพูดให้ข้อคิดปลอบใจกังปังแทน
   "กังปังชึวิตคนเราจะมีเรื่องทั้งสุขและทุกข์คละเตล้าดัยไป บางวันหัวเราะ บางวันร้องไห้ มีผิดหวังสมหวังเราไม่มีทางรู้ว่าทั้งสุขและทุกข์จะมาเมื่อไร
   จึงอยู่ที่เรียนรู่ อยู่ที่ยอมรับมัน และผ่านมันไปให้ได้
   ทุกคนมีเรื่องที่ทำให้เสียใจทั้งสิ้น มีทั้งเรื่องที่ทำให้สูญเสียในสิ่งที่รักด้วยกันทุกคน
   แต่สิ่งที่สำคัญคือจะต้องเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความสูญเสีย เอาแต่คร่ำครวญกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือที่ผ่านไปแล้วจนไม่เป็นทำอะไร เจ้ากับนางยังมีสิ่งที่ยังมีร่วมกันคืออนาคต ที่ยังมีโอกาสที่จะมีความรู่สึกที่ดีต่อกันใหม่ได้
   หากแม้นเจ้ากับนางมีบุพเพสันนิวาสต่อกันคงจะกลับมาสัมพันธ์กันใหม่ กังปังข้าเอาใจช่วย สู้ๆนะกังปัง"
   "เจ้าพูดได้ดี"
   กังปังพูดพร้อมกับเหมือนกลืนก้อนน้ำตาที่อยู่ภายในลง จึงหันหน้ากลับมาหานางตู้เสี่ยวเกี่ยวอีกครั้ง นางตู้เสียวเกียวจึงเปลี่ยนเรื่องสนทนา
   "เห็นนางรูมีปานว่าเจ้าไปขโมยของที่บ้านเศรษฐีฮิ่มมา ขอช้าดูหน่อยได้ไหม"
   กังปังจึงล้วงเอาทุกสิ่งที่อยู่ในเสื้อมากองไว้ที่โตํะให้นางเห็น
   "โอ้โห เจ้ารู้หรือไม่ว่าของที่เจ้าขโมยมามันมีมูลค่ามหาศาลแค่ไหน"
   "!!!"
   "เฉพาะตั๋วแลกเงินนี้ก็รวมๆแล้ว 6-7 แสนตำลึงเข้าไปแล้ว ยังมีทองคำ เพชร และไข่มูก เข้าไปอีก รวมแล้วมากกว่า 1-2 ล้านตำลึงได้ มากขนาดที่จะไปเปิดหอหอมกระจายได้สัก 10 แห่งกระมั่ง ตอนนี้เจ้านับเป็นเศรษฐีคนหนึ่งหากไม่ไปเปรียบกับเศรษฐีฮอ่มนะ"
   "อย่างนั้นหรือ ข้าไม่รู้หรอกเพียงแต่คิดหยิบมาให้หมดเท่านั้น ที่ว่าไอ้ฮิ่มมีสมบัติมากกว่าฮ่องเต้ไม่ใช่พูดกันเกินจริงซะแล้ว มันยังมีอีกมากอาจเก็บไว้ที่อื่นอีก"
   "เจ้าคิดจะทำอย่างไรกับเงินพวกนี้ มันมีตั๋วแลกเงินใบใหญ่คงหาแลกไม่ได้ง่ายๆ ทั้งเพชร และไข่มุก ก็ยากที่จะหาคนรับซื้อ ต้องไปขายที่ตลาดมืดเท่านั้น"
   "ตลาดมืด?"
   กังปังทำท่าคิดว่า ตลาดมืดอยู่ที่ใด
   นางตู้เสียวเกียวเห็นท่ากังปังแล้วจึงอมยิ้มกล่วว่า
   "จริงๆตอนนี้ข้าเหมือนตกกระไดพลอยโจนไปกับเจ้า เชื่อว่าพวกเศรษฐีฮิ่มมันต้องย้อนรอยมาคิดบัญชีกับข้าต่อไปแน่ ยิ่งข้าเผยตัวออกมาเช่นนี้ ข้าคงอยู่ต่อไปไม่ได้ ไม่ช้าจะเร็วมันต้องมาแน่นอน"
   กังปังร้อง"อืม" ครุ่นคิดตาม
   "ดังนั้นข้าจึงมีข้อเสนอมาหารือเจ้า"
   "เรื่องอะไร ว่ามาซิ"
   "เจ้าเองตอนนี้ก็เหมือนตัวคนเดียว แต่มีเรื่องกับทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมะพร้อมกัน ลำพังตัวคนเดียวไหนเลยจะสู้ได้ ดังนั้นในเมื่อข้าก็ตกกระไดพลอยโจนกับเจ้าแล้ว เรามาเป็นคู่หูท่องยุทธภพร่วมกันเถอะ"
   กังปังคิดตามมันก็จริงของนางตู้เสียวเกียว นางตู้เสียวเกียวจึงหว่านล้อมต่อ
   "เจ้าเหมือนคนมาท่องยุทธภพแต่เหมือนคนไม่ค่อยรู้เรื่องยุทธภพสักอย่าง มีข้าเป็นเพื่อนเจ้ามีแต่ประโยชน์ ข้ากว้างขวางรู้จักผู้คนในตลาดมืดที่สามารถช่วยเจ้าแปลงสิ่งที่ขโมยมาเป็นเงินให้เจ้าได้ และเหมือนเจ้ายังไม่กระจ่างในวิชาพิเศษที่เพิ่งค้นพบ ข้าสามารถเป็นผู้ช่วยฝึกวิชาให้เจ้าเก่งขึ้นได้ เรื่องในยุทธภพข้าก็รอบรู้มากกว่า เจ้าเห็นเป็นไง"
   กังปังคิดที่จริงมันมีประโยชน์ทั้งสองฝ่ายนางก็ได้สมบัติที่ข้าขโมยไปจัดการใช้สอยด้วย แถมยังได้กำลังภายในและอาจได้วิชาจากข้าแต่พูดให้เห็นเหมือนข้ามีแต่ได้กับได้เท่านั้น จริงๆได้มีนางตู้เสียวเกียวเป็นทั้งเพื่อนคู่หู เป็นทั้งคู่เย็ด เอ้ย คู่ช่วยฝึกซัอมวิชา ก็เข้าท่า แถมข้ายังนับเป็นผุ้นำความเดิอดร้อนมาให้นาง
   และในครั้งนี้ต้องนับว่าเป็นเพราะนางช่วยกู้สถานการณ์ไว้ได้ หากไม่มีนางสถานการณ์อาจเลวร้ายไปกว่านี้ คิดเสร็จกังปังจึงตอบ
   "เจ้าไม่ต้องพูดขนาดนี้ก็ได้ ตกลงตามที่เจ้าว่าทุกประการ สองคนย่อมดีกว่าคนเดียวแล้วเราจะเอาอย่างไรดี"
   "พรุ่งนี้เราคงต้องออกเดินทางไปจากนี้เพื่อความปลอดภัย ส่วนสองดรุณีก็ไม่ต้องห่วงไว้เป็นหน้าที่ข้าจัดการเอง ตอนนี้คงให้นางพักผ่อนเจ้าคงเข้าไปยุ่งกับพวกนางไม่ได้ เจ้ามาทบทวนวิชากับข้าแล้วกัน"
   นางตู้เสียวเกียวนับเป็นคู่หูที่ดี ช่วยจัดการทำหน้าที่ให้เรียบร้อยตั้งแต่เริ่มนาทีแรกเลย
   ..............
   ตอนสายที่นอกเมืองปรากฎมีชายสี่คน พร้อมกับม้าสี่ตัว ม้าที่วิ่งอยู่สามตัวหน้าคือสตรีสามคนที่ปลอมตัวเป็นชายคือ นางตู้เสียวเกียว และสองดรุณีง่อไบ๋เนื่องจากสองดรุณีง่อไบ๋รู้สึกไม่สะดวกใจที่เป็นหญิงซ้ำเป็นศิษย์ของสำนักชีง่อไบ๋ หากออกจากซ่องคณิกาหากมีใครพบเห็นเข้าใจผิดจะอับอายไปถึงสำนักส่วนนางตู้เสียวเกียวก็พลอยปลอมตัวไปด้วย เสื้อผ้าของกังปังมีมากมายอยู่แล้วจึงเพียงพอที่จะให้พวกนางเลือกหาสวมใส่
   ส่วนชายที่ผู้ด้านหลังก็คือกังปัง ที่เฝ้ามองทั้งสามที่ข้าม้ามาพูดคุยกยอกล้อกันอย่างสนิทสนมราวรู้จักกันมานาน ไม่รู้นางตู้เสียวเกียวทำได้ไงถึงสนิทกับนางได้เช่นนี้
   "ดูท่าข้าจะถูกฉโลกกับผู้หญิงชิ่อเสี่ยว เพราะเมียข้าทั้ง 3 คนล้วนชื่อขึ้นต้นว่าเสี่ยวทุกคน เสี่ยวจู เสี่ยวเม่ย เสี่ยวเกียว ช่างบังเอิญจริง หากสามารถอยู่ร่วมกันได้ทั้งหมดจะดีไม่น้อย
   "แยกข้างหน้าก็จะเป็นทางขึ้นไปเส้าหลินแล้วนะ"
   กังปังรู้สึกใจหายที่ต้องแยกจากกันแล้ว
   "อืม ช้าใส่ชุดเป็นชายแล้วเป็นไงบ้าง"
   เจียวเสียวเม่ยเอ่ยขึ้น
   "ก็ดูหล่อดีนะ แต่ดูหน้าหวานไปนิด"
   นางตู้เสียวเกียวตอบ
   "แต่ข้าว่านะ"
   กังปังเอ่ยบ้างทั้งหมดจึงหันไปดูว่ากังปังจะกล่าว่าอะไร
   "ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่ต้องมาเขินข้าพูดจริง"
   "บ้า"
   ทั้งเจียวเสียวจูและเจียวเสี่ยวเม่ยต่างพูดเกือบพร้อม ต่างยิ้มพอใจในคำตอบที่ขี้เล่นของกังปัง และนี่นับเป็นยิ้มครั้งแรกที่พวกนางมีให้กังปังหลังจากเกิดเรื่องมา
   เมื่อต่างล่ำลากันแล้ว สองดรุณีง่อไบ๋ต่างควบม้าบ่ายหน้าไปทางเขาวัดเส้าหลิน
   กังปังยังหยุดม้ายืนนิ่งส่งสายตาตามไป หวังว่าเจียวเสียวจูจะหันกลับมามองสักครา แต่นางยังคงขี่ม้าต่อไปมีเพียงเจียวเสียวเม่ยที่เหมือนเหลียวกลับมามองแวบหนึ่งเท่านั้น แล้วทั้งคู่ก็ขี่ม้าไปจนลับตา
   "เราไปกันเถอะ ทั้งคู่ปลอดภัยดีแล้ว"
   นางตู้เสี่ยวเกียวสงเสียงเตือนกังปัง ถึงยอมชักม้าเดินทางต่อไปอีกทาง
   ..................

   ส่วนทางด้านสองดรุณีง่อไบ๋ได้มาหยุดพักตรงริมลำธารสายหนึ่ง เพื่อให้ม้าได้ดื่มน้ำด้วย
   "เจ๊ เจ๊ ว่าเหตุการณ์ที่เราประสบมามันแปลกๆไหม"
   เสี่ยวเม่ยอดทนไม่ไหว เป็นผู้เริ่มพูดขึ้นก่อน
   "เมื่อคืนไฉนเราถึงเชื่อคำพูดของแม่นางตู้เสียวเกียวได้ง่ายๆ ข้าไม่รู้ว่าเราได้ไปบ้านเศรษฐีฮิ่มมาจริงๆแล้วหรือไม่ รู้สึกว่ามัน ...มัน"
   "มันเลื่อนลอยเหมือนฝันใช่ไหม"
   เจียวเสียวจูพูดต่อให้
   "ใช่เลย ข้ากำลังนึกอยากจะพูดเช่นนี้ิเจ๊เจ๊ก็รู้สึกเช่นเดียวกันหรือ แต่เหมือนข้าสับสนจำอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ปะติดปะต่อกันเท่าไร"
   เจียวเสียวเม่ยตั้งข้อสังเกตุ
   "แล้วเจ้าคนร้ายนั้น ข้าเห็นมันลอบมองเจ๊เจ๊อยู่ตลอด แต่เหมือนมันมีความอาลัยอาวรณ์ท่านมากกว่าที่จะมองด้วยสายตาเจ้าชู้นะ"
   เจียวเสียวเม่ยพูดจ้อแต่เหมือนเจียวเสี่ยวจูจะเอาแต่นิ่งเงียบ
   "เจ๊เจ๊ ครั้งนี้ข้าขอล่วงเกินถามท่านหน่อยเถอะ ว่าเหตุใดท่านจึงเชื่อคำพูดของนางง่ายๆ ทั้งที่เราเพิ่งรู้จัก ว่าแท้จริงเราไปบ้านเศรษฐีฮิ่มมา แล้วประสบภัยให้ต้องบาดเจ็บ พวกนางจึงมารักษาพวกเรา แต่เหตุที่ประสบทำให้เราความจำเสื่อมทั้งสองคนเลย"
   เจียวเสี่ยวเม่ยเป็นผู้ตามที่ดี พี่สาวคิดเห็นเช่นไรนางจะเป็นผู้คล่อยตาม ครั้งนี้ก็เช่นกัน
   เจียวเสียวจู พยายามหาคำตอบให้แก่น้องสาว โดยปิดบังบางอย่างไว่ในใจ ตอบต่อเจียวเสี่ยวเม่ยว่า
   "ตอนเราพบเศรษฐีฮิ่มเราต่างมีความคิดตรงกันว่าผู้นี้มีสายกรุ้มกริ้มกรอกกลิ้งไม่น่าไว้ใจ"
   "ทั้งอาจารย์ตันหยงก่อนมาก็เคยบอกเช่นกัน ว่ารู้สึกเหมือนจำอะไรไม่ได้ตอนที่อยู่บ้านเศรษฐีฮิ่ม ตอนนี้เราต่างก็รู้สึกเหมือนมันเลื่อนลอยแปลกๆเช่นกัน"
   เจียวเสียวจู หยุดคิดนิดหนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ
   "หากที่นางตู้เสี่ยวเกียวเล่าเป็นความจริง เราหากกลับไปใยมิใช่เป็นการเอาเนื้อเข้าปากเสือหรือ"
   (ไอ้ฮิ่มมันร้าย วางแผนให้เจ้ากรูเยซมานส์ลบความจำว่านางยังไม่ได้ไปที่บ้านมัน หากพวกนางกลับไปคราวนี้โดนมันจับเย็ดแน่ ไม่มีใครมาช่วยได้)
   เจียวเสียวจูเอามือล่วงไปหยิบตั๋วแลกเงินใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อนาง
   "อีกอย่างที่เราจะไปบ้านเศรษฐีเพราะมันบอกว่า พวกเราต้องไปเอาตั๋วแลกเงินบริจาคที่บ้านมัน เราถึงยอมไปทั้งๆที่เราไม่อยากไป ตอนนี้ตั๋วแลกเงินห้าพันตำลึงของมัน ก็มาอยู่กับข้าได้ไงไม่รู้ จึงหมดภาระกิจที่จะไปแล้ว"
   "อืม มันก็จริงนะ ตอนนี้ภาระกิจอย่างแรกเราก็เสร็จแล้ว งั้นตอนนี้เรายังจะต้องไปเส้าหลินอีกหรือไม่ เพราะเราก็รู้ตัวคนร้ายที่บุกง่อไบ๋แล่ว"
   เจียวเสียวเม่ยถามเป็นข้อสังเกตุ
   "อืม หรือเจ้าไม่อยากพบยอดคนพิสดารเซี่่ยวเซี่ยวจือละ"
   "ย่อมอยากสิ"
   "งั้นเราก็ควรขึ้นเส้าหลิน เผื่ออาจเราอาจจะได้เบาะแสอะไรมากขึ้น"
   "ดูๆ ไปเจ้าคนร้ายนั้น ชื่ออะไรนะ อ้อ กังปัง มันก็น่าจะเป็นคนดีนะ มันเหมือนห่วงใยพวกเรามาก ยอมเสียเวลามาส่งเราถึงนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเราปลอดภัย และยังบอกว่าตอนขากลับให้อ้อมตามเส้นทางที่พามาอย่าได้ไปเจอเศรษฐีฮิ่ม"
   เจียวเสียวจูพยักหน้ารับ
   "อืม ข้าก็มีเรื่องอยากจะถามเจ้าอยู่เหมือนกัน"
   "เอ...."
   "เจ้ารู้สึกว่าตัวเจ้ามีอะไรแปลกๆไปหรือไม่"
   เจียวเสียวเม่ย หน้าแดงเรื่อ ขึ้นมาเมื่อถูกถาม
   "เรื่องนี้ ...เรื่องนี้มันหน้าอายยิ่งตอนข้าเข้าห้องน้ำพบว่า อา...หมอยข้าร่วงไปหมด"
   เจียวเสียวจู ก็พบว่าตนก็เช่นกัน แต่ก็ถามต่อไปว่า
   "แล้วอย่างอื่น เจ้ารู้สึกอะไรบ้างหรือไม่"
   "รู้สึกหรือ ..เอ..รู้สึกอะไรน่า มันน่าอายที่จะบอก"
   เจียวเสียวจูรู้ว่าเสียวเม่ยกำลังคิดเรื่องอะไร แต่ไม่ใช่เป้าหมายสำคัญที่นางจะรู้
   "งั้นเจ้าดูนี้ดีกว่า"
   ว่าแล้วเจียวเสียวจูก็ยกมือตั้งกระบวนท่า รวบรวมกำลังภายใน แล้วปล่อยพลังซัดไปที่ก้อนหินขนาดย่อมๆ
   "ตูม"
   ก้อนหินนั้นถึงกับแตกกระจายเป็นผุยผง
   "โอ้โห เจ๊เจ๊ ท่านมีพลังยุทธที่ก้าวหน้าขึ้นหรือ"
   "ตอนเช้า ข้ารู้สึกปลอดโปร่งสบาย ทดลองโคจรลมปราณเหมือนสามารถได้ทะลวงผ่านด่านความเป็นความตายได้แล้ว"
   (ด่านความเป็นความตายเป็นตำแหน่งที่อยู่ใต้สะดือประมาณสองนิ้ว หากใครชักนำลมปราณผ่านจุดนี้ได้จะมีกำลังภายในเพิ่มพูน (กำลังภายในทุกเรื่องบอกไว้) กรณีของเจียวเสียวจูถูกกังปังช่วยทะลวงให้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่รู้ตัว)
   เจียวเสียวเม่ยได้ฟัง จึงทดลองโคจรลมปราณตัวเองดูบ้างพบสามารถโคจรลมปราณผ่านด่านความเป็นความตายได้เช่นกัน
   "อา ..ขอข้าทดลองดูบ้าง"
   ว่าแล้วเจียวเสียวเม่ยก็ตั้งกระบวนท่าเช่นเดียวกับเสียวจู แล้วปล่อยพลังฝ่ามือไปยังก้อนหินขนาดพอๆกับเสียวจู
   "ตูม"
   ปรากฎหินก้อนนั้นแตกละเอียดเช่นเดียวกัน
   "เฮ้ย ข้าก็ทำได้ ดูเหมือนเราจะมีฝีมือพอๆกับศิษย์เอกของอาจารย์แล้วนะ"
   เสี่ยวเม่ยร้องบอกอย่างตื่นเต้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะถูกกังปังช่วยทะลวงมาเหมือนกัน
   "รู้สึกเหมือนว่าเรามาเที่ยวนี้ได้รับประสบการณ์พิสดารเข้าแล้ว"
   เจียวเสียวจูบอกกับเสียวเม่ย ซึ่งยังตื่นเต้นดีใจไม่หาย หลังจากสนทนากันอีกสักครู่
ทั้งคู่ก็ขึ้นมาออกเดินทางต่อไป
   มีเรื่องหนึ่งที่เจียวเสียวจูไม่ได้บอกต่อเจียวเสียวเม่ยคือ นางรู้สึกประหลาดเหมือนเคยพูดอย่างหนึ่งกับคนร้ายที่ชื่อกังปัง แต่จำไม่ได้ว่าพูดตอนไหน
   "ข้าเขื่อใจเจ้า"
   "ข้าเชื่อใจเจ้า ขอฝากความหวังไว้ทีเจ้า ยินดีให้เจ้าทำการรักษาไม่ว่าจะเป๊นวิธีไหนก็ตาม โปรดช่วยพวกเราด้วยเถอะ"
   แม้เจ้ากรูเยซมานส์จะลบความจำนางออกไปแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่มันไม่อาจลบได้ นั่นคือความรู้สึก และความผูกพัน (ยังงี้กังปังยังมีหวัง)
   ต่อมาเรื่องหอหอมกระจาย ก็มีคนนำไปพูดต่อๆกันแบบผิดๆ ว่าเถ้าแก่เนี้ยะติดใจแขกที่มาพัก เลยหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปกับแขก ทอดทิ้งกิจการ นางคณิกาและยายแม่บ้านต่างบ่นกันอุบว่าอดกระชับเลย เพราะเถ้าแก่เนี้ยะเล่นคาบไปแดกคนเดียวไม่แบ่งใคร
   ตอนนี้กังปังได้สำเร็จยอดวิชาที่สำคัญ พร้อมกับพบเป้าหมายของตัวเองคือช่วยขจัดภัยให้บู๊ลิ้ม และทำการช่วยเหลือยุทธภพ โดยเฉพาะสาวๆทุกคน ให้มีความสุข
   สาวๆในยุทธภพทุกคน ไม่ต้องกลัว กังปังพร้อมจะไปช่วยทุกคนแล้ว
   จบภาค คู่หูคนใหม่


คุยกันท้ายเรื่อง
   อ่านจบภาคนี้อาจมีผู้อ่านหลายท่านรู้สึกตอนนี้มันคลับคล้ายคลับคลากับซีรีย์ฝรั่งเรื่องหนึ่ง ขอสารภาพแล้วกันว่าผู้เขียนนำซีรี่ย์ฝรั่งเรื่อง Heroes ซึ่งเป็นเรื่องดังในอดีตมาดัดแปลง
   กังปังตอนนี้อยู่ในยุตที่เหล่าจอมยุทธที่พบไม่ได้มีแต่เพียงวรยุทธเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ที่มีพลังพิเศษอยู่หลายคน ที่ผุ้อ่านได้รู้ได้แก่
   เซี่ยวเซียงจื้อ ผู้มีพลังวาดภาพอนาคต
   เศรษฐีฮิ่ม มีพลังจิตคุมกาย สามารถควบคุมร่างกายคนอื่นได้
   นางรูมีปาน มีพลังแปลงกาย สามารถแปลงกายเป็นใครก็ได้
   กรูเยซมานส์ มีพลังลบและแก้ไขตวามจำคนอื่น
   ยายพั้วะลิ้ม มีพลังดนตรี เพลงพิณอันร้ายกาจ จะได้พบตวามร้ายกาจในตอนต่อไป
   แม้แต่ นางตู้เสียวเกียว ก็เป็นผู้มีพลังพิเศษเช่นกัน เฉลยเลยแล้วกัน นางมีพลังโน้มน้าวใจคน จะแตกต่างจากการสะกดจิต คือโน้มน้าวชักจูงให้คนเชื่อถือในสิ่งที่บอกได้ กังปังเองก็ถูกนางลอบใช้พลังโน้มน้าวโดยไม่รู้ตัว
   ซีรี่ย์หน้าที่ไม่รู้ว่าจะเขียนเมื่อไร
วางพล็อตว่า ตอนต่อไปจะมีจอมยุทธที่มีพลังพิเศษ ออกมาอีกหลายคน รวมทั้งตู่ปรับคนสำคัญของกังปังที่จะมีพลังพิเศษเช่นกัน
   ผู้เขียนจะต่างกับคนอื่น ที่ไม่ค่อยหวงเรื่องของตัวเองเท่าไร
   ใครจะนำไปเป็นพล์อตเรื่องตัวเองก็ได้ครับ ถิอว่าได้สร้างแรงบันดาลใจให้มากกว่าที่คิดว่ามาลอกแบบ
   แม้แต่จะนำไปดัดแปลงเพิ่มเติมว่า ผู้เขียนลงรายละเอียดไม่มันส์ก็ไม่ว่า
(ผู้เขียนก็เคยทำแต่เก็บไว้อ่านเองไม่เคยนำมาโพส)
   แต่ที่อยากขอคืออย่าเปลี่ยนเนื้อเรื่องจนเพี้ยนไป หากจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้ไปทำในเรื่องตัวเอง ไม่อย่างนั้นผู้เขียนกลับมาเขียนต่อจะทำให้คนอื่นไขว้เขว้ได้ครับ
   อีกเรื่องที่อยากขอคือ หากนำเรื่องของผู้เขียนไปทำให้ก่อรายได้ขึ้นมา มีน้ำใจให้แก่ผู้เขียนบ้างก็ดี 5555
การเขียนเรื่องนี้ในความรู้สึกหนึ่ง เพื่อหวังจุดประกายให้ผู้อ่านได้เกิดไอเดียขึ้น เมื่ออ่านแล้วรู้สึกว่า
เฮ้ย เรื่องแบบนี้ก็เขียนได้ด้วยหรือ อย่างนี้เราก็เขียนได้ แถมเรายังมีไอเดียที่ล้ำกว่าอีก ทำให้อยากเขียนบ้าง แม้ช่วงแรกอาจลอกเลียนแบบบ้าง เพราะความที่หัดใหม่ แต่พอนานๆไปก็จะหาแนวทางตัวเองได้ เมื่อนั้นผู้อ่านก็จะกลายเป็นผู้เขียนขึ้น นำเรื่องและจินตนาการของตัวเองมาแบ่งปันผู้อื่น นี้คือสิ่งที่ผู้เขียนอยากให้มีขึ้นเช่นกัน
   ผู้เขียนไม่เคยซ่อนเนื้อหา เพราะอยากรู้ว่ามีผู้อ่านที่เป็นพลังบริสุทธิ์มีแค่ไหนก็แค่นั้น   ที่ดูมีผู้เข้ามากดชอบอยู่ 30 คนเท่านั้น (30 ก็ 30 ครับ ไม่ต้องเช็คยอดใดๆ)ซึ่งก็พอทำให้รู้ว่ามีผู้ที่ชอบและติดตามที่จะทำให้เขียนต่อไป
   การตอบให้ความเห็นหรือแม้แต่กดว่าชอบหรือไม่ มีผลในด้านกำลังใจให้กับผู่เขียนทุกคนที่ต้องการครับ
   สุดท้ายขอขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามและะให้กำลังใจผู้เขียนมาตลอด
                                               cobra   




songsak

#1
หวังว่าจะมีผลงานตอนใหม่ๆมาให้อ่านอีกนะครับ ส่วนตัวแล้วชอบอ่านมากเลยเนื้อเรื่องเกี่ยวกับกำลังภายในครับ อยากจะรู้จริงๆว่ากังปังจะกลายเป็นจอมยุทธ์ได้เต็มตัวไหม

cobra

somc217

#2
ชอบแนวเรื่องจีนกำลังภายในแบบนี้มากครับ นานๆครั้งจะได้อ่านซักที เพราะมีผู้แต่งน้อยมากๆ
ขอขอบคุณที่นำเรื่องสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านกันครับ

cobra

err

#3
อยากให้กังปังเข้าวังหลวง  สนมนางในเยอะๆ  ช่วยคลายทุกข์ให้พวกนาง

cobra

navy868

#4
ได้คู่ซ้อมและที่ปรึกษาไปในตัว  สบายตัวทุกวันเลยกังปัง... ::Glad::

cobra

mtl777

#5
สนุกมากจริงๆ ครับ ยิ่งเป็นแนวกำ่ลังภายในที่ไม่ค่อยมีคนเขียนเท่าไหร่ด้วย หวังว่าจะเขียนเรื่องและตอนใหม่ๆ มาอีกนะครับ ขอบคุณครับ

cobra

Nikubou

#6
ชอบเรื่องแนวนี้มากครับ รู้สึกเหมือนได้อ่านนิยายจีนกำลังภายในภาคต่อจากเรื่องเดิมที่เคยอ่านมา พอได้อ่านชื่อตัวละครแต่ละตัวก็ทำให้นึกถึงตัวละครอีกตัวไปด้วย แต่ภาคนี้รู้สึกว่าจะจบเร็วไปนิดนะครับ(ขออภัยที่ติ) น่าจะต่ออีกสักสองสามตอน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ข้าพเจ้ามิอาจไม่ติดตามผลงานของท่าน cobra เสียแล้ว จะรอภาคต่อนะครับ ให้กังปังไปบุกวังตอนต่อบุปผาช่วยกังปังอีกคนหนึ่งเลยก็ดี ขอบคุณที่สละเวลาสร้างสรรค์ปลงานดีๆมาให้อ่านครับ

ขอบคุณที่ชอบและติดตามครับ cobra

samsung014

#7
รอลุ้นความรักของกังปังกับเจียวเสี่ยวจู ขอให้กลับมารักกันเร็วๆ

cobra

biggiggog

#8
โดยส่วนตัวชอบนิยายกำลังภายในอยู่แล้ว
มีแนวแปลกมาบ้างก็สนุกดีครับ
หวังว่าคงได้ชมผลงานอีกนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ ::Thankyou::

cobra

noker

#9
ขอบคุณมากครับที่นำผลงานดีๆมาให้อ่านกัน หวังว่ายังมีตอนต่อไปนะครับ

cobra

spr566

#10
พวกว่าที่ ส.ส. น่าจะมีจิตใจกว้างขวางอย่างท่านผู้ประพันธ์ คะแนนเสียงมากน้อยขอให้เป็นเสียงบริสุทธฺิ์ก็น่าจะพอใจ

555 ขอบคุณครับ cobra

maddog007

#11
เรื่องสนุกมากครับ รออ่านภาคต่อไปอยู่น่ะครับ

::KO::

cobra

sunnie06


spr566