ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ตำนานเทพวายุ kirara story ตอนที่ 5 : อย่าห้ามชั้นเลยนะ ริวกะ

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, มิถุนายน 10, 2019, 04:11:21 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ !!! ตอนที่ 5 มาแล้ว พักเบรคความบู๊มาสู่บทเนื้อเรื่องกันนะครับ ผมดีใจที่มีหลายๆท่านชอบแนวเนื้อเรื่องแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคิราระต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง ต้องต่อสู้กับความจริงที่เธอได้รับรู้กันนะ มาร่วมรับรู้และดำดิ่งไปกับความรู้สึกนั้นๆกันครับ ซึ่งมันอาจจะตรงกับชีวิตของใครหลายๆคนก็ได้


ตอนนี้มีการซ่อนข้อความเช่นเดิม ต้องแสดงความคิดเห็นก่อนนะครับถึงอ่านเนื้อเรื่องที่เหลือได้ มีกติกาเล็กๆน้อยๆเช่นเคย


1. แสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้เพื่อขออ่าน

2. เมื่อ่านจบแล้วคิดยังไงกับคิราระ

3. คิดเห็นอย่างไรกับเนื้อเรื่องในตอนนี้


ปล. ตอนที่แล้ว มีหลายคอมเมนต์ถูกในผมมากๆ ตอนนี้เลยจัดไป 50,000 ตัวอักษรเลยครับ เพราะฉนั้น เนื้อเรื่องจะมี 2 Reply อย่าลืมอ่านนะครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นที่อ่านแล้วมีกำลังใจเขียนต่อ


ปล.2 ข้อมูลอยู่ Reply 3


ปล.3 ตอนนี้มีเพลงประกอบ


ปล.4 ถ้ามีคอมเมนต์ที่ถูกใจ ผมจะลงตอนต่อไปทันทีครับ

ปล.5 เนื้อเรื่องหลัก ss2  รอลงอยู่นะคร๊าบ


••••••••

ความเดิมตอนที่แล้ว


ริวกะได้รับภาระกิจจากพ่อ ให้มาตรวจตราย่านการค้า คาสุโกะ เพราะเขาได้ข่าวมาว่า มีแก๊งค์มาเก็บค่าคุ้มครองและรีดไถ ริวกะและคิราระได้มาถึงย่านการค้าก็พบกับแก๊งค์อาคะโทระที่มา รีดไถ เก็บค่าคุ้มครองจริงๆ ริวกะได้พยายามพูดดีๆ แต่พวกมันก็ไม่ฟังจึงได้เกิดการปะทะกันเกิดขึ้น คิราระได้โชว์ผลการฝึกให้ริวกะได้เห็น ถึงมันจะไม่ดีพอที่จะคว่ำคนหลายๆคนได้ แต่ริวกะก็เซอร์ไพรส์มากๆ ริวกะเข้าข่วยเหลือคิราระจนเผลอเตะพวกมันสลบไป 2 คน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจัดการพวกมันทั้งหมด

ยามิ กัปปะ ฮิคาริ โคฮาคุ ได้มายังพื้นที่ต่อสู้ตามคำเรียกของ ริวกะ ผู้เป็นนาย และจากนั้นทั้งหมดก็ได้แสดงแสนยานุภาพ ของกองกำลังที่ชื่อว่าอิซานางิ ให้พวกมันเป็นที่ประจักษ์ และนั่นจึงทำให้คิราระได้รู้ว่า ที่นี่คือบ้านเก่าของท่านชิน และเป็นแผ่นดินของอิซานางิ นั่นเอง


••••••

ตอนที่ 5  : อย่าห้ามชั้นเลยนะ ริวกะ




[ โคฮาคุ ]  :  โอ๊ยย !!! ไม่ไหวแล้ว อิ่มตื้อเลย จัมปงราเมนของที่นี่รสชาติเด็ดขาดจริงๆ



[ กัปปะ ]  :  ข้าก็ไม่ไหวเหมือนกัน แตงกวาที่นี่เลิศรสกว่าที่โตเกียวอีก พืชผลอย่างอื่นก็สดมากๆ



[ ฮิคาริ ]  :   โอย อ้วนแน่เลย คัสเทร่าของนางาซากิอร่อยจนห้ามใจไม่ไหว รสชาติไม่เปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ



[ ยามิ ]  :  ( นอนอืด )


คิราระนั่งหัวเราะจนไม่รู้จะหัวเราะยังไง เพราะเหล่าภูติตอนนี้แต่ละตน นั่งหมดสภาพบนสนามหญ้ากลางชุมชนเพราะกินไปเยอะมากมายจนอิ่มแปล้ ส่วนริวกะก็ยังคงเดินตรวจตราและทักทายทุกๆร้าน ทุกๆคนอยู่เช่นเดิม เธอมองด้วยสายตาราวกับมองชายคนรักก็มิปานเลย


[ ฮิคาริ ]  :  นั่นแน่ มองอะไรคิราระ


ฮิคาริเข้ามาแซวน้องสาวบุญธรรมทันที เมื่อเห็นคิราระมองนายน้อยของตนด้วยสายตาที่บ่งบอกความในใจทันที
แต่ฮิคาริก็รู้ว่าคิราระนั้นทรมานใจไม่ใช่น้อย เพราะความรักครั้งนี้ ไม่ใช่ความรักทั่วไปมันมีทั้งความกดดัน ความคิด องค์ประกอบภายนอกมากมายที่คิราระต้องเผชิญ



[ คิราระ ]  :  พี่ฮิคาริ หนูจะทำยังไงดี ถึงจะโกหกตัวเองว่าได้อยู่ใกล้ๆริวกะ แต่ความจริงๆริวกะเขาก็มีคุณรุ้งพลอยในใจอยู่แล้ว ทำไมหนูเจ็บหัวใจแบบนี้ก็ไม่รู้ หนูมีความสุขที่ได้ใกล้ริวกะ แต่แค่ไม่นานพอนึกถึงเรื่องคุณรุ้งพลอย หนูก็เจ็บปวดทุกครั้งเลย ยิ่งใกล้ชิดริวกะเท่าไรความรู้สึกของหนูก็ยิ่งชัดเจน แต่เพราะมันยิ่งชัดเจน หนูก็ยิ่งเจ็บปวดที่รู้ว่าหนูสู้คุณรุ้งพลอยไม่ได้


ฮิคารินั้นไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งข้างๆคิราระและคอยลูบหัวปลอบใจเธอ ด้วยน้ำตา ภาษากายและสายตาของคิราระที่มีตอนนี้ ทำให้ฮิคาริรู้ได้ทันทีว่าน้องสาวบุญธรรมของตน ได้รักนายน้อยริวกะเข้าให้แล้ว


[ ฮิราริ ]  :  เจ้ารักนายน้อยเข้าแล้วสิ่นะ คิราระ


[ คิราระ ]  :  หนูไม่รู้ค่ะพี่ฮิคาริ แต่เวลาอยู่ใกล้ๆริวกะหนูมีความสุขมากๆ แต่พอได้อยู่ด้วยกันมากๆมันก็ทำให้หนูทุกข์ใจทุกครั้งที่นึกถึงคุณรุ้งพลอย ( ก้มหน้าร้องไห้ )


ฮิคาริมองที่คิราระและแอบยิ้มในใจ เทนงูสาวคิดในใจว่าคิราระนี่แหละ เหมาะสมแล้วที่จะเคียงข้างนายน้อยในตอนนี้ ท่านพี่ซึบาสะมารุคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกนาง เพราะสิ่งที่คิราระเป็นตอนนี้คือการต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง ต่อสู้กับความรู้สึกที่รักนายน้อยริวกะ และต่อสู้กับความรู้สึกที่ต้องรู้ความจริงว่าริวกะนั้นมีรุ้งพลอยในหัวใจแล้ว ที่คิราระเป็นแบบนี้เพราะเธอรักนายน้อยเข้าให้แล้วยังไงล่ะ


[ ฮิคาริ ]  :  คิราระ แต่เจ้าเป็นหญิงสาวมนุษย์คนแรกนะ ที่ได้ขึ้นนั่งเฮบิซัน


[ คิราระ ]  :  เอ๋ จริงเหรอคะพี่ฮิคาริ


[ ฮิคาริ ]  :  จริงสิ่ จงยิ้มไว้และภูมิใจเถอะว่าเจ้าก็เป็นคนพิเศษมากกว่าคนอื่นๆเช่นกัน


ดูเหมือนว่าคำพูดของฮิคาริจะทำให้คิราระยิ้มได้ทันที ถึงแม้จะมีคราบน้ำตาที่แอบร้องไห้อยู่ก็ตาม ฮิคาริได้กระซิบบางอย่างกับคิราระ ซึ่งมันก็ทำให้เธอถึงกับหน้าแดงขึ้นทันที คิราระเขินอายส่ายหัวดุกดิกๆราวกับว่าไม่กล้าทำตามที่ฮิคาริแนะนำ แต่ฮิคาริกลับชูนิ้วโป้งพร้อมพูดว่า
ลุยยยยย


[ ริวกะ ]  :  คุยอะไรกันล่ะนั่น


เสียงทักของริวกะทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดการสนทนาไว้ทันที ดูเหมือนว่าเขาจะเดินกลับมาแล้ว คิราระก็ถึงกับลืมตัวยิ้มแฉ่งให้ริวกะทันที ส่วนเขาเองนั้นก็ยังงงๆว่าคิราระนั้นเป็นอะไรรึเปล่า จึงได้ก้มเอามือไปแตะหน้าผากเพื่อจะดูว่าเป็นไข้ไม่สบายรึเปล่า แถมยังเอามือไปแตะที่แก้มอีกต่างหาก


[ ริวกะ ]  :  โนโซมิ  เธอไม่สบายรึเปล่า หน้าแดงๆ


[ คิราระ ]  :  งืออ เปล่าาา


ตอนแรกไม่เป็นแต่ตอนนี้จะเป็นแล้วล่ะ พี่ท่านเล่นกันขนาดนี้ไม่สงสารคิราระเลย


[ ริวกะ ]  :  ไง ฮิคาริ คัสเทร่าที่นี่อร่อยมั๊ย


[ ฮิคาริ ]  : อร่อยมากกกก เจ้าค่ะนายน้อย แต่กินบ่อยๆไม่ดีแน่ เดี๋ยวจะอ้วนจนบินไม่ขึ้นเจ้าค่ะ



[ ริวกะ ]  :  5555 อื้มๆยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงนี่นะ แล้ว ยามิ โคฮาคุ กัปปะ ล่ะ



[ ฮิคาริ ]  :  เอิ่ม....


ฮิคาริชี้ไปให้ริวกะดูด้วยตาตนเอง ก็พบว่าทั้ง 3 ตนนั้นนอนพุงกาง พุงป่องบนสนามหญ้า เพราะกินอาหารไปหลายสิบอย่าง ริวกะถึงกับกุมหัวเลยแต่ก็ยังหัวเราะได้เพราะถือว่าพาพวกภูติเหล่านี้มาพักบ้าง ริวกะเดินมานั่งตรงข้างๆคิราระก่อนจะล้มตัวนอนด้วยความเหนื่อย เพราะต้องคุยกับหมู่มวลมหาพ่อค้าแม่ค้าแทบทุกร้านเลยทีเดียว


[ ริวกะ ]  :  โนโซมิ กินอะไรหรือยังนี่ก็ ทุ่มกว่าๆแล้วด้วย


[ คิราระ ]  :  อื้อ ดังโงะอร่อยมาก หวานอร่อยกำลังพอดีเลย


[ ริวกะ ]  :  อื้ออ อ๋อยหิว เอ้อลืม ต้องรายงานพ่อนี่หว่า


ริวกะที่กะว่าจะนอนพักสักหน่อย แต่พอนึกขึ้นได้ว่าต้องรายงานเรื่องให้พ่อทราบ เขาจึงเด้งตัวขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าทันที


[ ริวกะ ]  :  เอ...  พ่อกับพี่มิไรคงประชุมอยู่มั้ง ส่งไลน์เอาละกัน


ริวกะเลือกที่จะส่งไลน์เพราะตอนนี้พ่อคงติดประชุมอยู่แน่ๆ แต่เพียงแค่ริวกะเอ่ยว่าหิว ฮิคาริก็ส่งสายตาให้คิราระทันที จนคิราระนั้นลุกลี้ลุกลนเลยทีเดียว ฮิคาริส่งสายตาเข้มๆใส่อีกครั้ง คิราระจึงต้องยอมทำนั่นก็คือ......


[ คิราระ ]  :  ริวกะ กินทาโกยากิมั้ย อ่ะๆๆ


คิราระหยิบถาดทาโกยากิที่คุณแม่ค้าเอามาให้ บรรจงเอาไม้เสียบแล้วยื่นให้ริวกะทันที ในใจเธอนั้นคิดว่าริวกะคงจะรับไปแล้วกินด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่เลย  ง่ำาาาา ริวกะกินทาโกยากินั้นทันที


[ คิราระ ]  :  อ๊าาา


คิราระร้องเสียงหลงเลย เพราะเท่ากับว่าตอนนี้เธอป้อนริวกะอยู่ ซึ่งตอนนี้ริวก็ไม่ว่างจะหยิบกินจริงๆเพราะเขานั้นกำลังส่งข้อความหาพ่อ เพื่อรายงานว่างานที่ไหว้วานมาให้ทำนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว คิราระเห็นดังนั้นก็จิ้มทาโกะยากิป้อนอีก


ริวกะก็หันหน้ามาอ้าปากงับเข้าไปกินอีกโดยที่ไม่มอง เพราะสายตานั้นจับจ้องไปที่การพูดคุยกับรินผ่านไลน์อยู่เท่านั้น แก้มก็เลอะซอสจนได้แต่คิราระนั้นก็นำทิชชู่มาเช็ดให้ทันที แล้วก็ยังป้อนต่อไปอีกหลายลูก ตึ้ก ตึ้ก ตึ้ก หัวใจของคิราระเต้นไปหมดเลย หน้าก็แดง ใจก็สั่นไปหมด


[ ริวกะ ]  :  อิ่มแล้วววว พอแล้วว


[ คิราระ ]  :  กินอีกหน่อยสิ่ริวกะ เสียดายของ


[ ริวกะ ]   :  เอาไว้กินขากลับก็ได้ 


ริวกะยังคงจิ้มโทรศัพท์ต่อไป ส่วนคิราระก็ยื่นน้ำให้กิน เขาก็ได้แต่ยื่นหน้าดูดๆ ตาก็ยังมองแต่หน้าจอโทรศัพท์ จนสักพักฮิโยริสาวน้อยน่ารักก็ได้เข้ามาหาริวกะพร้อมกับพูดคุย ส่วนริวกะก็คุยธุระจบพอดีเขาจึงเก็บโทรศัพท์และหันมาคุยกับฮิโยริทันมี


[ ฮิโยริ ]  :  พี่ริวกะ ค๊าาา


[ ริวกะ ]  :  ว่าไงฮิโยริ ทำการบ้านยัง


[ ฮิโยริ ]  :  เสร็จหมดแล้วค่ะ ไหนล่ะรางวัลของหนู


[ ริวกะ ]  :  หืม รางวัลอะไร


[ ฮิโยริ ]  :  ก็พี่ริวกะเคยบอกว่า เด็กดีต้องทำดี ตอนนี้หนูทำดีด้วยการทำการบ้านเสร็จแล้ว เลยมาขอรางวัลนี่ไง ฮี่ๆๆๆ


[ ริวกะ ]  :  เอ.... แบบนี้ไม่ดีเลยนะฮิโยริ ทำความดีเพื่อหวังรางวัลเนี่ย ไม่น่ารักเลยนะ


ฮิโยริหน้าเสียทันทีที่ริวกะพูดแบบนั้น เพราะปกติพี่ชายใจดีคนนี้จะตามใจเธอทุกอย่าง แต่ดูเหมือนครั้งนี้ฮิโยริจะทำไม่ถูกจริงๆ ริวกะจึงจำเป็นต้องสอนให้มันถูกต้อง เพราะมันจะทำให้ฮิโยริหัดคิดเป็นตั้งแต่เด็กๆและเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ


[ ฮิโยริ ]  :  หนูขอโทษค่ะพี่ริวกะ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว


[ ริวกะ ]  :  ไม่ใช่แบบนั้นฮิโยริ  ฮิโยริทำดีแล้วที่ทำการบ้าน เพราะมันเป็นสิ่งที่เด็กดีต้องทำ แต่การทำความดีนั้น เราต้องตั้งใจทำมันโดยไม่หวังอะไรตอบแทน เข้าใจมั้ยคนเก่ง


[ ฮิโยริ ]  :  หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะเป็นเด็กดี หนูจะไม่ทำความดีเพราะอยากได้รางวัล


[ ริวกะ ]  :  ดีมากก


ริวกะกล่าวพร้อมลูบหัวฮิโยริเพื่อปลอบใจ ซึ่งดูเหมือนว่าฮิโยริจะยิ้มขึ้นได้บ้าง คิราระที่นั่งอยู่ข้างๆเฝ้ามองริวกะด้วยสายตาที่ลึกซึ้งมากกว่าเดิม เขาคนนี้จะใจดีไปถึงไหนนะ


[ คิราระ ]  :  ฮิโยริมานี่มา มาหาพี่


[ ฮิโยริ ]  :  ค่าาาาาา


ฮิโยริยิ้มร่าเขยิบตัวหาคิราระ ที่นั่งอยู่ข้างๆริวกะพร้อมกับนั่งลง ไปตรงกลางระหว่างสองคนทันที


[ คิราระ ]  :  ฮิโยริสัญญาจะเป็นเด็กดีมั๊ย


[ ฮิโยริ ]  :  สัญญาค่ะพี่สาว


[ คิราระ ]  :  ดีมาก งั้นพี่ให้นี่


คิราระหยิบบางอย่างออกมา มันคืออมยิ้มกลมๆ แท่งหนึ่งซึ่งมีคนเอามาให้เธอ เธอเห็นว่าริวกะได้สั่งสอนตักเตือนไปแล้ว ฮิโยริก็สำนึกแล้ว ตัวเธอเองควรให้รางวัลปลอบใจบ้าง


[ ฮิโยริ ]  :  เย้ ขอบคุณค่ะ เย้ เย้ เย้ อมยิ้ม   แบร่ แฟนของพี่ริวกะใจดีกว่าพี่ริวกะอีก แบร่ๆๆๆ


ฮิโยริแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ริวกะทันทีหลังจากได้อมยิ้มจากคิราระ ฮิโยริหันมาหอมแก้มคิราระ 1 ฟอดก่อนที่จะวิ่งกลับไปที่ร้านค้าของคุณแม่ คิราระหน้าแดงแจ๋เพราะฮิโยรินั้นพูดว่าแฟนพี่ริวกะ แล้วริวกะก็ไม่ปฏิเสธด้วย


[ ริวกะ ]  :  นี่โนโซมิ เธอใจดีเกินไปแล้วนะ ชั้นอุสส่าห์ดุฮิโยริไปแท้


[ คิราระ ]  :  ก็ดุไปแล้ว สอนไปแล้ว เมื่อฮิโยริยอมรับผิดและขอโทษ ก็ต้องให้รางวัลปลอบใจสิ่


[ ริวกะ ]  :  หมดกันเฮ้อ แบบนี้จะ โอ๊ยยย


ยังไม่ทันที่ริวกะจะพูดจบประโยค คิราระก็หยิกมั่บเข้าที่แก้มริวกะเต็มๆ แม้แต่ฮิคาริก็คาดไม่ถึง แต่ดูเหมือนว่าเทนงูสาวจะพอใจไม่ใช่น้อยกับสิ่งที่คิราระกระทำลงไป


[ คิราระ ]  :  เข้มงวดเกินไปแล้วนะ นั่นเด็ก 9 ขวบนะ นี่แน่ะ


[ ริวกะ ]  :  อ๊อย เจ็บ โนโซมิ เจ็บ อ๊อยย


[ คิราระ ]  :  เข้มงวดเกินไปนะริวกะ นี่แน่ะ ๆ ๆ


คิราระหยิกริวกะแรงขึ้นนิดๆแถมบิดอีกต่างหาก จนริวกะน้ำตาไหลนิดๆเลย ฮิโยริวิ่งกลับมาก็ได้เห็นสิ่งคิราระกำลังทำ ในสายตาเด็กน้อยนั้นคิดว่าสองคนนี้กำลังทะเลาะกันเพราะเธอเป็นต้นเหตุ ฮิโยริถึงกับยืนน้ำตาซึมเบะปากทันทีเหมือนว่าเธอกำลังจะร้องไห้ คิราระรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เธอปล่อยมือที่หยิกริวกะทันทีและรีบพูดขึ้นเพื่อโอ๋ฮิโยริ



[ คิราระ ]  :  โอ๋ๆ ฮิโยริ พี่สองคนไม่ได้ทะเลาะกันนะ อย่าร้องไห้นะคะ เด็กดี


[ ฮิโยริ ]  :  ( ฮึก ฮึก ) จริงนะคะ


[ คิราระ ]  :  จริงๆ พี่กับพี่ริวกะไม่ได้ทะเลาะกันเลย


[ ริวกะ ]  :  ช่าย นี่ไงพี่สองคนแค่เล่นกัน


ริวกะที่นั่งอยู่ข้างๆก็ได้ที เขยิบตัวเข้ามาทันที ด้วยเพราะตอนนี้คิราระนั่งอยู่ฝั่งซ้ายของเขา เขาจึงใช้มือซ้ายอ้อมไปหยิกแก้มซ้ายของคิราระแทน ซึ่งมันเหมือนริวกะกำลังโอบคิราระไว้เลย


[ คิราระ ]  :  อ๊อยย เจ็บนะ ตาบ้าริวกะ งื้อ


[ ฮิโยริ ]  :  ฮี่ๆๆ พี่สาวปากเบี้ยวแล้วๆ


[ ริวกะ ]  :  ใช่ม้าๆ


ริวกะหยิกหน้าคิราระเบาๆแต่ดึงไปดึงมาจนหน้าเบี้ยว ฮิโยริหัวเราะสนุกสนาน แต่คิราระนี่สิ่ทั้งเจ็บทั้งเขินไปหมด


[ คิราระ ]  :  งื๊ออ ริวกะเจ็บนะ


คิราระทนไม่ไหวจึงหันหน้าไปขวามือเพื่อจะหยิกคืนแต่ว่าด้วยวงแขนของริวกะที่อ้อมไปหยิกแก้มคิราระนั้นทำให้ตัวของเขาและเธอแนบชิดจนตัวติดกัน จุ๊ปป ดุจดั่งฉากเข้าพระเข้านางของละครไทย คิราระหันไปเพื่อจะหยิกคืนแต่
กลับกลายเป็นว่าเธอหอมแก้มริวกะเข้าเต็มๆฟอด


[ ฮิโยริ ]  :  ง๊าาาา พี่สาวจุ๊ปแก้มพี่ริวกะแล้ววว

[ ฮิคาริ ]  :  อุ๊ย ต๊ายยย

[ โคฮาคุ ]  :  แม่จ้าว นายน้อยริวกะ คิราร๊าา

[ ยามิ ]  :  นายน้อย !!! ท่านทำอะไรน้องสาวข้าขอรับ

[ กัปปะ ]  :  จะปั๊มลูกกันแล้ววว



ริวกะนั้นยัง งงๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะสายตาของเขามองแต่ฮิโยริ แต่คิราระนี่หอมไปเต็มฟอดเลย หน้าขาวใสของคิราระค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆจนแดงแจ๋เป็นลูกเชอรี่ ตกลงคนหอมแก้มเขินมากกว่าคนถูกหอมเหรอเนี่ย


[ คิราระ ]  :  อ๊าาาา   ริวกะคนบ้า


[ ฮิโยริ ]  :  กิ๊ว ๆ ๆ หน้าแดงเลยพี่สาว ดูพี่ริวกะโดนจุ๊ปแก้มยังไม่เห็นเขินเลย


ริวกะรู้ตัวว่าโดนคิราระหอมแก้ม ก็ตัวแข็งไปหลายวินาทีอยู่เหมือนกัน ก่อนที่จะค่อยๆปล่อยมือที่หยิกแก้มคิราระและทำตัวเป็นให้เป็นปกติที่สุด คิราระก็อายจนไม่กล้ามองเลย แต่ก็รู้สึกดีที่ได้หอมริวกะ จนเธอแอบยิ้มขณะที่ก้มหน้าหลบอยู่ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรขึ้นจนเวลาผ่านไป อีก 30 นาที ขณะนี้เวลาเกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว ริวกะเห็นว่าสมควรแก่เวลาจึงได้บอกให้ทุกคนเตรียมตัวกลับ พอพ่อค้าแม่ค้าทุกคนรู้ว่าริวกะจะกลับแล้ว ก็ต่างเดินมาหาริวกะกันหมดเลย


[ ตัวแทนพ่อค้าแม่ค้า ]  :  จะกลับแล้วเหรอริวกะ


[ ริวกะ ]  :  ครับ


[ ตัวแทนพ่อค้าแม่ค้า ]  :  ขอบใจมากนะวันนี้ที่มาเยี่ยม พวกเราก็สบายใจเรื่องแก๊งค์ อาคะโทระ กันได้สักที


[ ริวกะ ]  :  เรื่องนี้ต้องยกความดีให้พ่อเลยครับ   พ่อเขาได้ยินข่าวแว่วๆมา เลยให้ผมมาตรวจสอบดู ต้องขอโทษด้วยนะครับ พ่อเขาติดงานจริงๆเลยมาด้วยตัวเองไม่ได้


[ ตัวแทนพ่อค้าแม่ค้า ]  :  โห ไม่เห็นต้องขอโทษเลย แค่ริวกะมา พวกเราก็อุ่นใจแล้วล่ะ ฝากความคิดถึง  ถึงคุณชินและคุณรินด้วยนะ


[ ริวกะ ]  :  ครับผมจะบอกพ่อให้ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ  พี่ไปก่อนนะฮิโยริ จำที่พี่บอกได้มั้ย



[ ฮิโยริ ]  :  จำได้ค่ะ อย่าทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน แต่ต้องตั้งใจทำเพราะอยากช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน


[ ริวกะ ]  :  เก่งมากก


[ คิราระ ]  :  ฮิโยริ แล้วอีกอย่างคืออะไรลืมรึเปล่า


[ ฮิโยริ ]  :  ต้องตั้งใจทำการบ้านด้วยค่ะ ฮี่ๆๆ


ทุกคนหัวเราะในความไร้เดียงสาของฮิโยริอย่างน่าเอ็นดู เธอนั้นช่างน่ารักสดใสตามวัยเหลือเกิน ริวกะและคิราระเดินมาลูบหัวฮิโยริอย่างเอ็นดูก่อนที่จะโบกมือบ๊ายบายทุกคน ตามด้วยฮิคาริ ยามิ โคฮาคุ และ กัปปะ ( ในร่างมนุษย์ )  ก็เดินออกมาโบกมือบ๊ายบายทุกคนและกล่าวขอบคุณสำหรับของกินแสนอร่อย ก่อนที่จะเดินตามนายน้อยของพวกตนไป


เหล่าพ่อค้าแม่ค้าเฝ้ามองกลุ่มของริวกะด้วยความตื้นตันใจ ในยามที่พวกเขาเดือดร้อนเทพอิซานางิจะลงมาช่วยขจัดปัดเป่าภัยร้ายแทบทุกครั้งเลยก็ว่าได้ การมาของริวกะครั้งนี้ ได้ขจัดภัยคุกคามที่ชื่ออาคะโทระให้หายไปได้จริงๆ และคงไม่มีใครรู้ว่าไม่กี่เดือนข้างหน้า อาคะโทระกำลังจะหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ด้วยฝีมือของ 5 คนนี้


ระหว่างทางนั้นริวกะเดินนิ่งไม่พูดอะไร จะได้ยินก็มีแต่เสียงหาวเพราะง่วงนอน แต่มันบ่อยผิดปกติแค่นั้นเอง ส่วนคิราระก็ดีใจที่ขอตามมาด้วยทำให้เธอเจอกับบรรยากาศที่ไม่เคยเจอมาก่อนตั้งหลายอย่าง แน่นอนรวมถึงอาการเขินเพราะไปหอมแก้มของริวกะด้วย  แต่ภูติทั้ง 4 ที่เดินตามมากันนั้นต่างยิ้มอย่างรู้กัน อย่างมีความสุขโดยเฉพาะฮิคาริ พี่สาวต่างสายพันธุ์ที่ตอนนี้ยิ้มไม่หุบเลย


[ กัปปะ ]  :  นี่ๆซึบาสะมารุ


[ ยามิ ]  :  ว่าไงกัปปะ


[ กัปปะ ]  :  เมื่อกี้คิราระกับนายน้อยจะปั๊มลูกกันเจ้าเห็นมั้ย


[ ยามิ ]  :  เห็นๆๆๆ



[ โคฮาคุ ]  :  ข้าก็เห็นด้วย หน้าแดงแจ๋เลย ข้าจะได้หลานแล้ว



ผัวะ ตู้ม เปรี้ยงงงง !!!



[ คิราระ ]  :  แง้ อย่าแซวหนูสิ่



คิราระนั้นอยู่ดีๆก็เขินจนไปต่อยใส่ภูติทั้ง 3 เต็มๆ จนหงายท้อง ชักกระแด่วๆ ที่เธอทำนั้นมันคือการปิดปากเพราะถ้าขืนปล่อยให้พูดไปมากกว่านี้ ริวกะต้องรู้แน่ๆว่าเธอคิดอะไรกับเขา




[ ยามิ ]  :  คิ คิ คิราระ นี่ข้าเองพี่ชายของเจ้าไง แง่ก ๆ ๆ


[ โคฮาคุ ]  :  คิ คิราระ นี่ข้าก็เป็นพี่ชายเจ้านะ อ่ะเฮื้อ ต่อยเข้ามาที่ท้องทำไม ของที่กินเข้าไป มันจะย้อนออกมาแล้ว


[  กัปปะ ]  :  ข้าผิดอะไรคิราระ ไหนเจ้าบอกว่านับถือข้าเหมือนพี่ชายอีกคนไง  บุ๋ง ๆ ๆ ๆ ๆ


ฮิคาริยืนหัวเราะลั่นเลย เพราะทั้ง 3 ถือว่าเป็นภูติที่ฝีมือไม่ธรรมดา แต่กลับถูกคิราระที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาต่อยจนลงไปกอง ไม่รู้ว่าเพราะกินอาหารเยอะไปจนอืดอาดหรือเพราะหมัดที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเขินอายของคิราระ ถึงทำให้ทั้ง3 ลงไปกองได้แบบนั้น ริวกะก็ได้แต่ งงว่า ทำอะไรกันหว่า หลายนาทีผ่านไปจนทั้ง3 นั้นหายมึนหายจุกพวกเขาจึงเดินทางต่อ ทั้ง 5 เดินไปจนถึงเนินขึ้นไปยังศาลเจ้า ยามิจึงขอแยกตัวไปทันที



[ ยามิ ]  :  นายน้อยขอรับ ข้าทั้ง 4 ขออนุญาตกลับไปก่อนนะขอรับ  ถ้าไปใกล้ๆเจ้าเฮบิซัน มันจะไม่ดี  ฝากความคิดถึงไปยังสหายของข้าด้วยขอรับนายน้อย



แต่ระหว่างที่ยามิกำลังพูดนั้น กัปปะก็นั่งลงชันเข่าขึ้นพร้อมก้มหัวทันที ราวกับว่าเขามีบางอย่างในใจ


[ กัปปะ ]  :  นายน้อยขอรับ วันนี้ข้าใช้ความรุนแรงกับมนุษย์จนขัดคำสั่งของนายน้อย ข้ามีความผิดขอรับ


กัปปะเอ่ยขอโทษริวกะ เพราะเขารู้ว่าเขาใช้ ไทจัสสึ หรือ กระบวนท่าต่อสู้ของนินจากับไอ้กีกี้ร้านผักจนมันสลบคาที่ ซึ่งมันอาจจะกลายเป็นการขัดคำสั่งของริวกะผู้เป็นนายได้



[ ริวกะ ]  :  ฟังนะกัปปะ ถ้านายผิด ฮิคาริที่ไปเตะจนสลบคาเท้าก็ผิด โคฮาคุที่ไปเฮดบัตใส่จนน็อคก็ผิด ร้ายสุดยามิ ที่ไปเอาไม้เบสบอลหวดพวกมันด้วยท่าอัคคีสาดแสง นี่ยิ่งแล้วใหญ่ เฮ้ออ  เดี๋ยวกลับไปชั้นคงต้องให้ทานูกิเอาแผ่น CD ไปทิ้งซะแล้ว ลุกขึ้นเถอะกัปปะ


[ กัปปะ ]  :  ขอบคุณนายน้อยที่เมตตาขอรับ ข้าขอรับอาสาเอาแผ่น CD ไปโยนทิ้งน้ำเองขอรับ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ข้าทำผิดวันนี้


[ ยามิ ]  :   หยุด !!! กัปปะ เจ้าบ้า นี่ข้าเพื่อนเจ้าไง เจ้าทำกับข้าได้ลงเหรอ


[ กัปปะ ]  :  ก็เจ้าทำผิด ท่านทานูกิก็สั่งห้ามไว้แล้ว อีกอย่างนี่คือความต้องการของนายน้อย


[ ยามิ ]  :  โอ๊ยยยยย นายน้อยขอรับ ข้าผิดไปแล้ว ขอร๊าบบบ อย่าเอาไปทิ้งนะขอรับ กำลังสนุกเลย นายน้อยของข้าาาาาาา


คิราระถึงกับหัวเราะลั่นในท่าทีของยามิ จนคนอื่นๆต้องมอง ริวกะก็มองไม่ว่างตาเลยทีเดียว วันนี้คิราระนั้นทั้งเก่งทั้งน่ารักจริงๆ


[ ฮิคาริ ]  :  นางน่ารักใช่ไหมเจ้าคะนายน้อย


ริวกะสะดุ้งโหยงเลย เพราะฮิคาริแอบเดินมากระซิบเรื่องคิราระจนเขาทำอะไรไม่ถูกเลย ฮิคาริจ้องตาริวกะราวกับผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า จนริวกะต้องหลบตาอย่างลุกลี้ลุกลน


[ ริวกะ ]  :   อ่ะอื้ม ( กระแอม ) เอาล่ะไปเถอะพวกเจ้าทั้ง 4 ขอบใจมากที่มาช่วยวันนี้ เดี๋ยวเจอกันที่บ้านใหญ่



[ ยามิ , โคฮาคุ , กัปปะ ]  :  ขอรับ
[ ฮิคาริ ]  :  เจ้าค่ะ ( แอบยิ้ม )



เทนงูทั้ง 3 ใช้มือแตะไปที่กัปปะก่อนที่จะหายวับไปทันที คิราระก็สงสัยว่าทำไมต้องรีบไป ริวกะจึงอธิบายว่า ต่อให้ทั้งตระกูลนกและตระกูลงูจะไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล แต่นกกับงูมันก็ไม่ถูกกันอยู่ดี ยามิตัดสินใจแบบนั้นน่ะถูกแล้ว อีกอย่างที่เฮบิซันขอพักอยู่ในป่าเพราะรู้ว่ายังไงริวกะก็ต้องเรียกยามิออกมาช่วยอยู่แล้ว จึงเลี่ยงที่จะเจอกันซะดีกว่า


จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินไปยังศาลเจ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก แน่นอนว่าคิราระก็หาเรื่องชวนคุยอีกแล้ว


[ คิราระ ]  :  นี่ๆริวกะ คุณเก็นโซ เขาเป็นใครเหรอ


[ ริวกะ ]  :  เขาเป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลชั้นเลยล่ะ เขาเป็นคนสอนชั้นเกี่ยวกับการทำสมาธิ การใช้รูปแบบมือในการควบคุมลมน่ะ


[ คิราระ ]  :  อ้าว คุณเก็นโซ ก็ควบคุมลมได้เหรอ



[ ริวกะ ]  :  เปล่า เก็นโซน่ะ เป็นผู้รับใช้ ผู้ถือศีล ฝึกจิต สมาธิ แล้วก็ฝึกมวยจีนกับพ่อที่วัดเส้าหลินด้วย



[ คิราระ ]  :  หาาา คุณท่านไปฝึกที่วัดเส้าหลินด้วยเหรอ



[ ริวกะ ]  : อื้มใช่ เรื่องที่ชอบศึกษาศาสตร์การต่อสู้ต่างๆน่ะ ทั้งชั้นและพ่อได้เลือดมาจากปู่เต็มๆเลย แต่ชั้นก็ชอบนะ มันเหมือนได้เปิดโลกเลย



[ คิราระ ]  :  จะว่าไปริวกะ แล้วคุณท่านทั้งสองเก่งมั้ย



[ ริวกะ ]  :  เอิ่มมม ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยชนะพ่อกับปู่เลย เธอก็เห็นนี่นาขนาดชั้นเคลื่อนที่เร็วขนาดนั้น พ่อยังดักทางได้ทัน แถมซัดชั้นจนปลิวอีก



[ คิราระ ]  :   หือออ ทั้งที่ริวกะเก่งขนาดนี้เนี่ยนะ ยังไม่เคยชนะคุณท่านทั้ง 2 เลย เง้อออออ


คิราระตกใจกับสิ่งที่ริวกะพูดออกมา เพราะเธอเห็นกับตาว่าริวกะเก่งแค่ไหน แล้วนี่มาบอกว่าไม่เคยชนะเลย แล้วแบบนี้คุณท่านทั้ง2 จะเก่งกาจขนาดไหนกันเนี่ย



[ ริวกะ ]  :  เห็นพ่อทำแต่งานๆแบบนั้น แต่ก็เป็นลูกศิษฐ์อันดับ1 ของปู่เลยนะ


[ คิราระ ]  :  เจ้าค่าาา นายน้อย คนอะไรโดนต่อยปลิวแบบนั้นยังยิ้มได้


[ ริวกะ ]  :  นี่เธอล้อเลียนชั้นเหรอ


[ คิราระ ]  :  เปล่าเจ้าค่ะนายน้อย อุ๊ย เปล่านะ ฮี่ๆ


[ ริวกะ ]  :  อืมๆ แต่เธอเองก็เก่งนะโนโซมิ ฝึกกับปู่ไม่กี่เดือน แต่ทำได้ขนาดนั้นแล้ว


คิราระยิ้มแป้นเลยที่ถูกชมต่อหน้าแบบนี้ แต่สิ่งที่เธอสงสัยอีกอย่างคือ สิ่งที่ริวกะทำตอนที่ลอยบนอากาศนั้นคืออะไร การใช้มือรูปแบบต่างๆนั้นมีความหมายว่ายังไง เธอจึงได้ถามริวกะอีกครั้ง



[ คิราระ ]  :  นี่ๆริวกะ ตอนที่ริวกะวาดมือไปๆมาๆ กลางอากาศ มันคืออะไรเหรอ



[ ริวกะ ]  :  อ๋อ มันคือท่วงท่าการเคลื่อนไหวของมือที่ชั้นใช้ในการควบคุมลมต่างๆ เก็นโซก็เอามาจากมวยจีนที่ฝึกกับพ่อ แล้วเอามาเรียบเรียงใหม่และสอนให้ชั้น การควบคุมลมน่ะชั้นทำได้ก็จริง แต่การควบคุมมันให้ได้ดั่งใจมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ ยิ่งการจะควบคุมสิ่งที่มันยิ่งใหญ่กว่าตัวเรามากๆ มันไม่ง่ายเลย ดูนี่นะ




ฟุ่บ ฟุ่บ วิ๊ววว ริวกะไขว้มือตรงหน้าและกางออกราวกับกำลังสยายปีก ทันใดนั้นรอบตัวก็เกิดพายุพัดวนรอบๆตัวเขาและเธอ มันพัดเป็นเหมือนเสาอากาศรอบตัว คิราระจึงรู้ได้ทันทีเพราะแบบนี้ตัวของเธอแล้วริวกะจึงไม่เสียสมดุลขณะที่ลอยกลางอากาศ





ริวกะประกบตบมือดัง เผียะ !!! ก็ปรากฎลมพายุพัดกรรโชกรอบตัวทั้งคู่ทันที แต่เพราะยืนบนพื้นคิราระจึงรู้ได้ว่าวิถีการพัดของสายลมนี้พัดขึ้นข้างบน แบบนี้จึงทำให้การตกจากฟ้านั้นชะลอลง



[ ริวกะ ]  :  โนโซมิ มายืนตัวติดๆชั้นหน่อย แล้วก็สังเกตทิศทางของต้นหญ้าให้ดีนะ


อยู่ดีๆริวกะบอกให้คิราระมาใกล้ๆตัวเขาซึ่งคิราระยินดีอย่างยิ่งเลย เธอเข้ามายืนข้างหลังและเกาะหลังของริวกะพร้อมกับเขย่งเท้ามองจากด้านหลัง


ฟุ่บ ฟุ่บ ( ไขว้มือ ) กรึ่กกก ( เกร็งรวบรวมพลัง )  ฟิ๊ววววว !!! ( สะบัดออก )



ภาพที่คะริราะเห็นคือริวกะ ไขว้มือเป็นรูปตัวX แล้วเกร็งไว้ราวกับรวบรวมพลัง และทันใดนั้นเขาก็สะบัดออกอย่างแรง วู๊ปปปปป สายลมจำนวนมหาศาลพัดออกจากตัวของริวกะ คิราระจึงมองที่ต้นหญ้าต้นไม้รอบๆทันที ก็พบว่ามันถูกพัดจนเอนเอียงไปตามลม แต่สิ่งที่แปลกคือ มันไม่ได้ไปทิศทางเดียวกัน แต่มันถูกพัดให้ปลิวเป็นลักษณะวงกลม โดยที่ริวกะเป็นศูนย์กลาง


[ คิราระ ]  :  อ๋อออออ  อื้อเข้าใจแล้ว ท่านี้ที่ก่อนลงไปที่ต้นไผ่นี่นา


ริวกะไม่ตอบแต่ยิ้มให้แทน นั่นหมายความว่าเธอคิดถูก เผียะ !!! ริวกะตบมือประกบอีกครั้ง ทำให้พายุทั้งหมดหายไป




[ ริวกะ ]  :  นี่เป็นการปลดสถานะการควบคุมพายุทั้งหมด



[ คิราระ ]  :  อ๋อออออ การใช้มือก็เหมือนการแยกหมวดหมู่การควบคุมใช่มั้ย เพราะลมมันพัดรอบตัว การควบคุมนั้นมีมากมาย จึงต้องกำหนดรูปแบบขึ้นมา



[ ริวกะ ]  :  ปิ๊งป่อง เก่งมาก ชั้นยังเรียนรู้จากเก็นโซได้ไม่มากเลย ชั้นต้องตั้งใจเรียนรู้มากกว่านี้ แต่ท่าบางอย่างชั้นก็ต้องประยุกต์ในการต่อสู้ เพื่อที่จะไม่ให้สะดุดตาคนอื่น ดูนี่นะ





ป๊อกก !!! ริวกะดีดนิ้วและบิดข้อมือ ทันได้นั้นลมรอบๆ หมุนวนราวกับพายุจนฝุ่นแถวๆนั้นหมุนขึ้นสูงราวกับเสาพายุเกรียว ทำให้คิราระนึกออกทันทีว่าเหมือนตอนที่ริวกะทำให้ต้นไผ่นั้นบิดเกรียวรวมกันนั่นเอง และตอนนี้ริวกะก็นั่งชันเข่าลงและตบไปยังพื้น ทำให้เกิดพายุพัดขึ้นมาจากพื้นดินทันที เหมือนตอนที่กำลังต่อสู้กับพวกอันธพาล วืด ฟู่วววววว ครั้งนี้ริวกะสะบัดมือขนานตัวออกไป ทำให้ลมพายุทั้งหมดสลายไปทันที



[ ริวกะ ]  :  ก็ประมาณนี้แหละ ชั้นพูดมากไปมั้ยเนี่ย


[ คิราระ ]  :  ไม่เลย ไม่เลย ชั้นอยากฟังอีก งื้อ ริวกะชั้นถามหน่อยสิ่ ริวกะไม่กลัวเหรอตอนที่กำลังจะเหยียบต้นไผ่น่ะ ชั้นกลัวมันหักมากๆเลย


[ ริวกะ ]  :  ไม่หรอกต้นไผ่จีนมันแข็งแรงมากๆ อีกอย่างชั้นเกรด 4 วิชาฟิสิกซ์นะ องศาการตก มุมกระทบ คำนวนเป๊ะ ๆ


[ คิราระ ]  :  เง้อ ขี้อวด ริวกะขี้อวด



จากนั้นทั้งสองพูดคุยกันต่างๆนาๆ แต่ส่วนมากคิราระจะเป็นฝ่ายถามซะมากกว่า ดูเหมือนคิราระจะทำตัวน่ารักๆใส่ริวกะมากเกินไปจนเขาถึงกับแอบยิ้มเลยทีเดียว จนเกือบ5นาทีทั้งคู่จึงเดินมาถึงศาลเจ้า ก็พบกับเก็นโซที่ยืนรอทั้งคู่อยู่



••••••••• 



[ เก็นโซ ]  :  กลับมาแล้วเหรอครับท่านริวกะ เรียบร้อยดีไหมครับ


[ ริวกะ ]  :  เรียบร้อยครับ เอ...ว่าแต่เก็นโซ ที่นี่ขาดเหลืออะไรมั้ย ผมจะได้หามาให้


[ เก็นโซ ]  :  ไม่เลยครับท่านริวกะ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ อีกอย่าง ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีผู้คนที่ศรัทธามาไหว้พระทำบุญกันมากมาย เรื่องค่าทำนุบำรุงศาลเจ้า ข้าวสารอาหารแห้ง ท่านไม่ต้องกังวลครับ


[ ริวกะ ]  :  ครับได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ ผมฝากที่นี่ด้วยนะครับเก็นโซ  ไว้ถ้างานประจำปีเมื่อไรผมจะมาเยี่ยม



[ เก็นโซ ]  :   ครับท่านริวกะ ผมจะตั้งตารอวันนั้นครับ



[ ริวกะ ]  :  โอ๊ะลืมเลย ไปเยี่ยมปู่ทวดดีกว่า



คิราระฟังแล้วก็ตกใจ นี่พ่อของคุณท่านชิน อยู่ที่นี่เหรอ เธอสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถาม เธอเดินตามริวกะและเก็นโซไปยังกลางศาลเจ้า ก็พบเป็นบ้านเหมือนศาลเจ้าขนาด 2 x 2 เมตร รอบบ้านถูกผูกด้วยเชือดเขตอาคม 4 เส้น รอบๆบริเวณถูกดูแลรักษาอย่างสะอาดอย่างดี และรอบๆยังมีคนมาติดป้ายเพื่อขอพรกันมากมาย ริวกะเดินมาถึงก็ยืนตรงหน้าและพนมมือแบบชาวญี่ปุ่น





[ ริวกะ ]  :  ปู่ทวดคร๊าบ ผมมาเยี่ยมแล้วนะ ทุกคนในบ้านสบายดี โดนเฉพาะปู่กับพ่อ แข็งแรงเกินมนุษย์มนาเลยครับ ตอนนี้ผมเปิดใจให้กับพวกภูติมากกว่าเดิมแล้วนะครับ



คิราระนี่เอ๋อเลย ทำไมศาลเจ้าเล็กๆนี้ ริวกะถึงเรียกว่าปู่ทวด พลันคิราระก็เหลือบไปเห็นป้ายเล็กๆ ราวกับว่ามีคนจงใจเอาวางไว้ให้ลับตาคน อิซานางิ ฮิเดโมโตะ หา ฮิเดโมโตะ คิราระอ่านชื่อบนป้ายนั้นก็ถึงกับตกใจ เธอจำได้ว่าในหนังสือเก่าๆก็มีชื่อนี้ ตำนานเล่าขานว่านอกจากอาเบะโนะเซย์เมย์แล้ว ฮิเดโมโตะนั้นเขาคือ องเมียวจิ ที่เก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าเซย์เมย์เลย


แต่จะใช่คนๆเดียวกันเหรอ ก็ริวกะเรียกว่าปู่ทวดนี่นา งั้นอายุก็ไม่น่าจะห่างกันเกิน 100 ปี แต่ท่านฮิเดโมโตะมีชีวิตอยู่เมื่อพันปีที่แล้วนี่นา ริวกะพนมมือหลับตาราวกับว่าพยายามทำสมาธิเพื่อที่จะบอกกล่าวอะไรบางอย่างให้กับท่านฮิเดโมโตะที่ล่วงลับได้รับรู้



[ ริวกะ ]  :  ปู่ทวดครับ ผมกลับแล้วนะครับ ผมจะไม่ยอมให้แผ่นดินของอิซานางิของคุณปู่ทวดต้องแปดเปื้อนเด็ดขาด ผมคิดว่าพวกมันต้องย้อนกลับมาแน่ๆ เพราะงั้นผมต้องกวาดล้างให้สิ้นซาก ครั้งนี้ผมอาจจะต้องใช้ความรุนแรงไปบ้าง คุณปู่ทวดเข้าใจผมด้วยนะครับ แฮ่ๆ



ริวกะพูดกับศาลนั้นก่อนจะโค้งคำนับ ซึ่งคิราระเองก็ทำตามเช่นกัน  เธอเก็บงำความสงสัยเอาไว้โดยไม่คิดจะถามอะไร ซึ่งสีหน้าบูดๆบึ้งๆนี้ ริวกะรับรู้ได้ทันที



[ ริวกะ ]  :  ท่านไม่ใช่พ่อของคุณปู่หรอก แต่ท่านเป็นปู่ของปู่ของปู่ของปู่ของปู่กี่อันดับก็ไม่รู้ แต่ที่ชั้นเรียกว่าปู่ทวดเพราะอยากรู้สึกใกล้ชิดกับท่านหน่อยน่ะ



[ คิราระ ]  :  เง้ออ จริงเหรอ งั้นปู่ทวดของริวกะใช่คนเดียวกับในหนังสือรึเปล่า ท่านฮิเดโมโตะ องเมียวจิในตำนานท่านนั้น


[ ริวกะ ]  :  อื้ม ปู่กับพ่อ บอกว่าคนเดียวกัน


คิราระได้ยินแล้วก็ปลื้มใจสุดๆเพราะริวกะยอมบอกเองโดยที่เธอไม่ทันได้ถาม และอีกอย่าง ฮิซานางิ ฮิเดโมโตะ คือคนเดียวกับท่านฮิเดโมโตะเสียด้วย แล้วริวกะยังเล่าให้ฟังต่อว่า



[ ริวกะ ]  :  คุณปู่ทวด เป็นเพื่อนรักของท่านเซย์เมย์ หรือ อาเบะ โนะ เซเมย์ องเมียวจิในตำนาน ท่านสองคนรู้จักกันตอนที่เริ่มเรียน องเมียวโด ( วิถีองเมียวจิ ) ด้วยกัน ท่านเป็นทั้งเพื่อนรักและคู่แข่งของกันและกัน แต่ทั้งสองท่านก็ช่วยกันผลักดันกันและกัน จนฝีมือรุดหน้าอย่างเหลือเชื่อ จนท่านเซย์เมย์ได้เข้ารับใช้องค์จักรพรรดิตามที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์นั่นแหละ



[ คิราระ ]  :  อ้าว แล้วท่านฮิเดโมโตะล่ะ ทำไมถึงไม่ได้รับใช้องค์จักรรพรรดิ พร้อมท่านเซย์เมย์ล่ะ หรือว่า ท่านเซเมย์ หักหลังท่านฮิเดโมโตะ เพราะชื่อของท่านฮิเดโมโตะถูกเอ่ยถึงน้อยมาก



[ ริวกะ ]  :  ไม่ใช่หรอก ท่านเซย์เมย์เป็นคนดีมีคุณธรรม  ในประวัติศาสตร์อาจไม่ได้ถูกบันทึกไว้ แต่ว่าท่านเซย์เมย์กับคุณปู่ทวดถูกทาบทามให้ไปรับใช้องค์จักรพรรดิด้วยกัน แต่มันมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้คุณปู่ทวดเลือกที่จะไม่ตอบรับ และใช้องเมียวโดเพื่อช่วยเหลือปกป้องชาวบ้านจากสิ่งลี้ลับต่างๆแทน



คิราระฟังที่ริวกะเล่าให้ เธอมองไปที่ริวกะและก็พบว่า แววตาของริวกะมีความสุขมากๆพอได้พูดถึงเรื่องท่านฮิเดโมโตะ เธอเซอร์ไพรส์มากๆ ที่ริวกะนั้นเป็นถึงสายเลือดของท่านฮิเดโมโตะ อีกทั้งท่านยังเป็นเพื่อนรักของ อาเบะโนะเซเมย์ องเมียวจิที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย



[ คิราระ ]  :  ริวกะ แต่ว่าชั้นสงสัย ทำไมในหนังสือที่ชั้นอ่าน ไม่มีการเอ่ยถึงนามสกุล ของท่านฮิเดโมโตะล่ะ


[ ริวกะ ]  :  เรื่องนั้นค่อยเล่าให้ฟังนะ กลับกันเถอะ


[ คิราระ ]  :  เง้ออออ ริวกะเล่าให้ฟังหน่อย


[ ริวกะ ]  :  วันนี้ชั้นตามใจเธอเยอะแล้วนะ โนโซมิ อย่าดื้อสิ่


คิราระร้องเง้อทันทีที่โดนริวกะดุ ถึงอยากจะรู้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่เซ้าซี้แล้ว ริวกะโค้งคำนับศาลเจ้าเล็กๆนั้นและเดินไป คิราระเองก็ก้มคำนับแล้ววิ่งตามริวกะทันที และเก็นโซก็ตามไปด้วยเช่นกัน



[ ริวกะ ]  :  เก็นโซครับ ผมฝากดูแลศาลของคุณปู่ทวดด้วยนะครับ


[ เก็นโซ ]  :  ไม่ต้องห่วงครับท่านริวกะ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ


[ ริวกะ ]  :  ขอบคุณครับ


ริวกะพูดคุยกับเก็นโซได้สักครู่จึงได้ขอตัวกลับ เพราะว่าดึกมากแล้ว คิราระก็เดินมาลาเก็นโซด้วยเช่นกัน โดยเก็นโซก็ไม่ลืมย้ำว่าให้ทำตามหัวใจของตนเอง ริวกะบอกจะพาเดินในป่าตอนกลางคืนเพราะจะสงบมากๆ ตอนแรกคิราระบอกว่ากลัวพวกสัตว์มีพิษ แต่ริวกะบอกว่าทันทีที่เฮิบิซันมาที่นี่เหล่าสัตว์มีพิษก็ไม่กล้าโผล่ออกมาแล้ว


คิราระจึงจำใจยอมเดินตามริวกะไป   ริวกะพาคิราระเดินเข้าไปในป่าเพื่อไปหาเฮบิซันทันที แต่ในป่าทึบนั้นมืดมากๆ ขนาดมีแสงจันทร์สาดส่องลงมาก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย ทำให้คิราระนั้นมองไม่ค่อยเห็นทางเลย ริวกะจึงต้องจับมือเธอไว้และพาเดินไปด้วยกัน



ทั้งคู่เดินเข้ามาในป่าได้ไม่ถึง 1 นาที ริวกะก็รู้สึกว่าคิราระนั้นบีบมือเขาแน่นมากๆ แถมยังมีอาการสั่นอีกต่างหาก ริวกะจึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจำได้ว่าน้าคุรุมิเคยเล่าให้ฟังว่าลูกสาวของเธอเป็นโลกกลัวความมืด เพราะตอนเด็กๆเคยโดนเพื่อนแกล้งโดยการเอาไปขังไว้ในห้องเก็บของมืดๆอยู่เกือบชั่วโมง


[ ริวกะ ]  :  ยัยบ๊อง กลัวความมืดทำไมไม่บอก กลัวจนตัวสั่นหมดแล้วเนี่ย


[ คิราระ ]  :  แหะๆๆ ก็ไม่อยากทำให้มันวุ่นวายนี่นาริวกะ ชั้นทนแปปเดียวเดี๋ยวก็ได้เจอคุณเฮบิซันแล้ว เอ๊ะแล้วริงกะรู้ได้ยังไง ว่าชั้นกลัวความมืด




ริวกะไม่ตอบแต่ทำหน้าดุใส่ คิราระก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ เธอไม่กล้าบอกริวกะ เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นทำตัวอ่อนแอไป แต่แค่แปปเดียวเท่านั้น ก็เกิดแสงเล็กๆวิบวับ วิบวับ มากมาย จนพื้นที่นั้นสว่างไสวไปด้วยแสงสีเหลืองเหมือนที่เห็นตอนกำลังลอยบนอากาศ แสงสีเหลืองเล็กๆหลายจุดค่อยๆรวมตัวกันจนมันสว่าง และมองเห็นรอบตัวได้ชัดเจน มันคือหิ่งห้อยนั่นเอง แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงมีหิ่งห้อยล่ะ หรือว่า...


[ คิราระ ]  :  งื้ออ สวยจังเลย


คิราระร้องด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นหิ่งห้อยมากมายขนาดนี้ มันทำให้รอบๆตัวสว่างขึ้นทันทีและอาการสั่นเพราะกลัวความมืดก็หายไปแล้ว


[ ริวกะ ]  :  คราวหลัง มีอะไรต้องบอกชั้นนะ โนโซมิ


[ คิราระ ]  :  ก็... ไม่อยากรบกวนนี่นา


[ ริวกะ ]  :  ถ้าเป็นแบบนี้อีก ชั้นจะไม่พาไปไหนอีกแล้วนะ


คิราระได้ยินแล้วตาโตเลย ริวกะบอกครั้งหน้า งั้นแสดงว่ายังจะได้ไปกับริวกะอีกเหรอ คิราระดีใจจนออกนอกหน้า เผลอตัวกระโดดหอมแก้มริวกะไปเต็มๆเลย


[ คิราระ ]  :  เย้ วันนี้ริวกะใจดีจังเลยย


ริวกะก็ได้แต่แอบยิ้ม วันนี้เขาโดนคิราระหอมจนแก้มช้ำหมดแล้ว แต่ ...เขาก็ชอบนะ  ทั้งคู่ยังคงเดินต่อไปอีก โดยเดินเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ ฝูงหิ่งห้อยก็ยังคงบินตามเพื่อส่องแสงนำทางราวกับนี่คือหน้าที่ ทั้งแสงจันทร์ที่กระทบผิวน้ำ ทั้งแสงของหิ่งห้อยที่ส่องนำทาง พอรวมกันแล้วมันช่างสวยงามจริงๆ


[ คิราระ ]  :  ริวกะ แสงนี้คือ



[ ริวกะ ]  :  โฮตารุ วิญญาณหิ่งห้อยน่ะ เจ้าพวกนี้พอหมดอายุขัย ก็จะยังคงวนเวียนในป่า เพื่อนำทางคนที่หลงทาง ให้สามารถออกจากป่าได้


[ คิราระ ]  :  อ๋อ งื้ออ สวยจัง


[ ริวกะ ]  :  เจ้าพวกนี้สามารถรับรู้ถึงจิตใจมนุษย์ได้ ถ้าเป็นคนดีเจ้าพวกนี้ก็ยินดีที่จะช่วยนำทางให้ แต่ถ้าเป็นพวกคิดจะมาตัดไม่ทำลายป่าหรือเข้ามาเพื่อทำอะไรไม่ดี ได้โดนเจ้าพวกนี้แผลงฤทธิ์ใส่แน่ๆ เจ้าพวกนี้น่ารักนะ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ


[ คิราระ ]  :  อื้อ ชั้นเชื่อริวกะ



คิราระไม่กลัวแม้แต่น้อยถึงริวกะจะบอกว่าวิญญาณเพราะตอนนี้คิราระมีริวกะอยู่ข้างๆแบบนี้ไง และทั้งคู่ก็พากันเดินเข้าไปในป่าอีกเกือบ 5 นาทีก็ถึงเนินเขาเป็นลานกว้าง มากๆ มีทั้งทะเลสาบและถ้ำ มิน่าล่ะเฮบิซันจึงขอรอตรงนี้


[ ริวกะ ]  :  ขอบใจพวกเจ้ามากนะ ที่ช่วยนำทางให้


เหล่าวิญญาณหิ่งห้อย ก็บินวนไปวนมาราวกับตอบรับคำพูดของริวกะ และพวกมันก็ยังบินไปหาคิราระอีก คิราระมองด้วยตาที่เป็นประกาย เกิดมาเธอก็พึ่งเห็นหิ่งห้อยรวมตัวกันมากขนาดนี้ แถมยังใกล้ๆจนติดตัวอีก พวกมันเกาะคิราระอยู่อย่างนั้น จนริวกะพูดขึ้นมา


[ ริวกะ ]  :  ก็ได้ๆ ครั้งหน้าชั้นจะพาเธอมาด้วย


สิ้นเสียงของริวกะเหล่าวิญญาณหิ่งห้อย ก็พากันบินวนๆๆๆราวกับดีใจที่ได้ยินคำตอบ พวกมันบินมาหาริวกะอีกครั้งราวกับว่าขอตัวกลับ จากนั้นพวกมันจึงค่อยๆหายไป คิราระก็ยิ้มไม่หุบเลยทีนี้พอได้ยินว่าริวกะจะพาเธอมากอีก


[ คิราระ ]  :  เอ๋... ริวกะ ริวกะฟังที่พวกมันพูดได้ด้วยเหรอ ง่าา ลืมไปว่าริวกะมีสายเลือดของ องเมียวจินี่นา


คิราระไม่พูดเปล่า แต่ถลาตัวเข้าหาริวกะจนกลายเป็นกอดกันแล้ว ริวกะก็เหวอเลยไม่คิดว่าคิราระจะตื่นเต้นขนาดนี้ อีกครั้งแล้วที่ริวกะต้องข่มใจไม่ให้มังกรน้อยตื่นขึ้นมา ริวกะไม่พูดอะไรตอบเพราะตอนนี้เขาพยายามข่ม ๆ ๆ  ข่มใจไม่ให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้


[ ริวกะ ]  :  ป่ะ กลับโตเกียวกัน เฮบิซัน ชั้นมาแล้ว


สิ้นเสียงเรียกของริวกะ เฮบิซันก็เลื้อยออกมาจากถ้ำตรงหน้าทันที ดูเหมือนว่าเขาพึ่งจะกินหมูป่าไปเสียด้วย


[ ริวกะ ]  :  ว่าไงเฮบิซัน นี่ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงเองนะ พอได้อยู่กับป่ากับถ้ำ ดูท่าทางนายดูจะสดชื่นนะ



[ เฮบิซัน ]  :  ขอรับนายน้อย ผืนป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มากขอรับ แค่ไม่กี่ชั่วโมงข้ากลับรู้สึกสดชื่นมากเลยขอรับ



[ ริวกะ ]  :  ถ้าชอบก็มาที่นี่บ่อยๆสิ่ พักผ่อนบ้างเฮบิซัน ที่นี่ก็คือบ้านของปู่ ยังไงซะที่นี่ก็คือแผ่นดินของอิซานางิเหมือนกัน ป่ะกลับกันเถอะ


[ เฮบิซัน ]  :  เป็นพระคุณอย่างสูงขอรับนายน้อย


[ คิราระ ]  :  เอ๋...  แผ่นดินของอิซานางิ  ป่าตรงนี้ก็ที่ของตระกูลอิซานางิเหรอ


คิราระสะดุ้งโหยงทันทีพอได้ยินว่าแผ่นดินของ อิซานางิ เธอจึงถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งและปรากฎว่า


[ ริวกะ ]  :  อื้ม  ป่าทั้งหมดจนสุดเขาลูกนู้น ศาลเจ้า ย่านการค้าคาสุโกะ และ ตึกรามบ้านช่องรอบๆย่านการค้า เป็นที่ของตระกูลชั้นหมดเลย


คิราระหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมตระกูลอิซานางิ จะร่ำรวยไปไหนกันเนี่ย คำนวนโดยคร่าวๆนี่ก็เกือบจะครึ่งนางาซากิแล้วนะเนี่ยๆๆ คิราระตื่นเต้นตกใจจนพูดไม่ออกเลย


[ เฮบิซัน ]  :  นายน้อยขอรับ ธุระที่มาจัดการเรียบร้อยไหมขอรับ


[ ริวกะ ]  :  เรียบร้อย แต่แค่ตอนนี้นะ เพราะพวกอาคะโทระมันแผ่ขยายกลุ่มไปเยอะจริงๆ นี่คงตั้งใจจะมาแผ่ขยายอำนาจที่นางาซากินี่ ชั้นคงต้องกวาดล้างแล้วล่ะไม่งั้นชาวบ้านที่นี่ รวมถึงที่อื่นๆอยู่ไม่สุขแน่


[ เฮบิซัน ]  :  นายน้อยขอรับ ข้ามีบางอย่างอยากเสนอท่านขอรับ


[ ริวกะ ]  :  ว่ามาสิ่


ริวกะได้นั่งลงเพื่อปรึกษาหารือกับเฮบิซันทันที เพราะเรื่องนี้เขาต้องรอบคอบ คิราระเองก็นั่งลงข้างๆริวกะ ส่วนเฮบิซันก็ชูคอพูดคุยอยู่ตรงหน้า



[ เฮบิซัน ]  :  การจะโค่นล้มประเทศ เราต้องโจมตีจากภายใน การจะทำให้องค์กรใหญ่ๆอย่างอาคะโทระล่มสลาย ท่านต้องทำให้มันพังทลายจากภายในเช่นกันขอรับ


[ ริวกะ ]  :  อืม ชั้นเห็นด้วย พวกนี้มีแบ็คดี


[ เฮบิซัน ]  :  แบ็คดีคืออะไรขอรับ แบ็คที่แปลว่าหลังหรือว่าสีดำขอรับ


[ ริวกะ ]  :  เอ้ย ชั้นขอโทษ ลืมไปว่านายไม่ค่อยชอบศัพท์แสลงชั้นเลยไม่ได้สอน   แบ็คดี แปลว่า มีคนคอยหนุนหลังและคนๆนั้นก็มีอำนาจคอยช่วยเหลือพวกมัน เพราะมันจะได้ผลประโยชน์ด้วย


คิราระเฝ้ามองนายบ่าวคู่นี้คุยกันก็พลันยิ้มอย่างไม่มีเหตุผล มันเหมือนกับน้องชายคุยกับพี่ชายเสียมากกว่า


[ เฮบิซัน ]  :  อ๋อข้าเข้าใจแล้วขอรับ  แบบนี้ก็ยิ่งบุ่มบ่ามไม่ได้ขอรับ ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็มีขุนนางที่ฉ้อฉลทั้งนั้น ท่านต้องตัดรากถอนโคนเท่านั้นขอรับ


[ ริวกะ ]  :  อื้ม ถ้างั้นต้อง รวมรวมหลักฐานเพื่อใช้เปิดโปงและทำลายมัน


[ เฮบิซัน ]  :  ถูกต้องขอรับ


ริวกะคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำยังไง ที่จะรวบรวมหลักฐานให้ได้แบบละเอียดโดยที่ไม่ถูกสงสัยและไม่ถูกจับได้ ต้องแนบเนียนและไม่สะดุดตา ไม่สะดุดตา แนบเนียน  อ๋ออออ ริวกะนึกออกทันทีว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ ถ้าเรื่องเนียนๆไปอยู่บ้านคนนู้นคนนี้ ต้องปีศาจตนนี้เท่านั้น

































[ ริวกะ ]  :  นูระริเฮียง อยู่มั้ย !!!





ΜoNoTΩИ∑ ★★★

 



••••
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ขอมูลตัวละคร


อิซานางิ ฮิเดโมโตะ


ฮิซานางิ ฮิเดโมโตะ เป็นปู่ของปู่ของปู่ของปู่ของปู่ และ อีกหลายๆปู่ของริวกะ เป็นชายที่รูปร่างหน้าตา หล่อเหลา
ในอดีตเขาเป็นผู้ที่ฝึกองเมียวโดสำนักเดียวกับท่านอาเบะโนะ เซย์เมย์ และได้กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน ฝ ด้านฝีมือนั้นก็เรียกได้ว่า โหดแท้เหลา โหดขนาดที่ว่า ท่านเซย์เมย์ยังพูดว่า บางทีเจ้าอาจจะมีฝีมือที่สูงส่งกว่าข้าก็ได้นะ ฮิเดโมโตะ จนวันนึงทั้งคู่ได้ถูกเรียกตัวเพื่อเข้ารับใช้องค์จักรพรรดิ แต่ฮิเดโมโตะนั้นกลับเลือกที่จะปฏิเสธด้วยเหตุผลบางประการ ถึงจะไม่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์และไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ความสามารถและความเก่งกาจของฮิเดโมโตะนั้น ก็เป็นที่ประจักษ์และได้การยอมรับจาก มหาองเมียวจิของญี่ปุ่น อย่างอาเบะโนเซ์เมย์ เลยทีเดียว


- รอการอัพเดท -



•••••••••••••


 



•••••••


ข้อมูลขนม !!!

คัสเตลลา ( ขนมที่ฮิคาริกิน )



คัสเตลลา (Castella) คือ ขนมหวานยอดนิยมของคนญี่ปุ่น แต่เดิมเป็นขนมหวานของประเทศโปรตุเกส เรียกว่า Pão-de-ló ที่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นผ่านเมืองท่านางาซากิในศตวรรษที่ 16 เมื่อเวลาผ่านไปก็มีการปรับเปลี่ยนสูตรจนกลายมาเป็นขนมคัสเตลลาอย่างที่ทุกคนรู้จักกันในปัจจุบัน ถือเป็นขนมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 400 ปีเลยทีเดียว!


Castella เป็นขนมประเภทเค้กเนื้อฟูนุ่ม บ้างก็เรียกว่าเป็นเค้กฟองน้ำตามลักษณะเนื้อสัมผัส โดยมาตรฐานนิยมออกแบบเป็นก้อนขนมทรงสี่เหลี่ยม เนื้อด้านในมีสีเหลืองอ่อน ส่วนเนื้อด้านนอกที่ผ่านการอบมาแล้วจะมีสีน้ำตาลเข้ม Castella ทำจากแป้ง ไข่ น้ำตาล หรืออาจใช้ไซรัปเป็นตัวให้ความหวาน แต่ก็ไม่เน้นหวานจัดจนเลี่ยนเกินทาน ถือเป็นขนมอร่อยที่มักทานร่วมกับชาเขียวร้อนๆหรือกาแฟทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย


•••••••


จัมปงราเมน ( ที่โคฮาคุกิน )




นางาซากิจัมปง ซาราอูด้ง ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองนางาซากิ และกลายเป็นอาหารประจำเมืองนางาซากิ ใช้เนื้อหมู เนื้อปลา และผักหลากหลายชนิดอัดแน่นเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ให้คุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ประกอบกับรสชาติน้ำซุปกระดูกหมูและไก่ และเส้นเหนียวนุ่มแบบเฉพาะ


** ส่วนตัวของของผมเคยกินแล้วชอบมากๆ รีดเดอร์ท่านใดอยากลองรสชาติแบบที่ผมหรือโคฮาคุได้สัมผัส ผมแนะนำร้าน Ringer Hut ครับ รสชาติเยี่ยมยอดราวกับไปกินที่นางาซากิเลย


•••••••




สาวแกล   Gal   


สาวแกลนั้น มีหลายประเภทและมากมาย รีดเดอร์ท่านใดว่างๆก็เข้าไปอ่านกันได้เลย

https://anitime.in.th/scoop/gal-girl/


แต่ผมจะขอย่อ คำจำกัดความของ " แกล " ที่คิราระเป็นนะครับ สิ่งที่คิราระเป็นนั้นคือ สาวแกลในช่วงมัธยมหรือ Kogal ซึ่งย่อมาจาก Kokusei Gal 



จริงๆสาวแกลในช่วงมัธยมนี้เพียงต้องการอยากสวยกว่าเพื่อนๆแค่นั้นเอง จึงทำให้แต่งตัวหนักไปทางแฟชั่นและผิดกฎระเบียบของโรงเรัยน แต่เพราะความเชื่อผิดๆค่านิยมผิดๆ จึงทำให้คิดว่า สาวแกลนั้นคือนักเลง ซึ่งไม่ใช่เลย จริงๆแล้วนักเลงหญิงจะถูกเรียกว่า ซุเคะบัน ใครไม่เข้าใจก็ลอง เซิร์ทหาการ์ตูนเรื่อง เบลเซบับ ดูครับกลุ่มนางเอกนั่นแหละ


https://www.catdumb.com/sukeban-378/




เมื่อเวลาผ่านไป การแต่งตัวแนวซุเคะบันไม่ ค่อยเป็นที่นิยม เพราะแฟชั่นสมัยใหม่เป็นที่นิยมมากกว่า พวกนักเลงสาวๆจึง ยึดการแต่งตัวแฟชั่นแรงๆแบบสาวแกล มาเป็นบรรทัดฐาน ( ซะงั้น ) ต้องทำตัวให้แตกต่าง ย้อมผมสีทองหรือสีแรงๆ ฉูดฉาด เสื้อผ้า หน้าผม เล็บต้องโดดเด่น แต่สำหรับคิราระนั้น เธอแค่ย้อมผมทองเฉยๆ



แถมย้อมแบบไม่กัดสีด้วยทำให้สีทองออกไม่ชัด อีกทั้งการแต่งตัวนั้นไม่ใช่เลย ไม่ใช่แนวสาวแกลนักเลงเลย เธอจึงถูกริวกะจับได้


••••••••


ชี้แจงเรื่องการใช้คำเรียกระหว่างริวกะกับภูติ


ในเนื้อเรื่องหลายท่านจะเห็นว่า ริวกะจะใช้หลายคำมากเช่น ชั้น ข้า นาย เจ้า เธอ ผมขอชี้แจงดังนี้ครับ


ริวกะจะใช้คำว่า ชั้น แทนตัวเองก็ต่อเมื่อพูดกับ ภูติที่สนิทๆหรือ รุ่นๆเดียวกันเช่น  ยามิ , เฮบิซัน , ฮิคาริ , โคฮาคุ , กัปปะ



ริวกะจะใช้คำว่า นาย  แทนตัวภูติที่กำลังภูติคุย จะเป็นภูติเพศชายและรุ่นเดียวกัน เช่น ยามิ , โคฮาคุ , กัปปะ , เฮบิซัน



ริวกะจะใช้คำว่า เธอ เพื่อแทนตัวภูติเพศหญิง ที่สนิทๆกันหรือรุ่นเดียวกัน เช่น ฮิราริ



ส่วนถ้าเป็นภูติที่มีอายุมากกว่า หรือ ไม่ค่อยสนิทนัก ริวกะจะใช้คำที่เป็นทางการ อย่างเช่น แทนตัวเองว่า  ข้า   และใช้คำว่า เจ้า เพื่อแทนตัวภูติที่กำลังพูดคุย



เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

ryg123456

เชียรืให้คิราระเปิดเผยตัวออกมาเลยว่าชอบริวกะ
จะได้มีความคืบหน้าไม่ต้องซ่อนแอบ

♤judas♤

น่าจะมีงานใหญ่ให้ริวกะจัดการแน่ๆ..คิราระต้องเปิดใจกับริวกะได้ล่ะนะ

po3026

แล้วงานนี้ริวกะจะใช้วิธีไหนปราบพวกอาคะโทระให้ล่มสลาย  หรือจะใช้ทั้งบู็และบุ้นรวมกัน

munkza

พออยู่ใกล้คนที่ชอบแล้วคิรานะไม่เป็นตัวของตัวเองเลยน้า หอมเค้าไปทั่ว เดี๋ยวก็เจอมังกรเข้าให้หรอก

neimuchan

จบแมตช์นี้ คิราระ น่าจะ ขอสมัครเป็นเมดริวกะด้วยความเต็มใจแล้วละมั้ง

เนื้อเรื่องตอนนี้ผมว่าผ่อนคลายดีนะ จะล่อกันทุกตอน หรือ ตีกันทุกตอนก็ไม่ใช่เรื่อง ให้มันสมดุลย์แบบนี้แหละดีแล้ว
จริงๆแล้วมี ID เก่า แต่ดันจำ password mail เก่าไม่ได้เลยต้องสมัครใหม่ -*-

Bluemuffer


gritkin

อ้าวเฮ้ยมาจริงด้วย เเต่เป็นคุณปู่เเล้วคุณลูกกับคุณหลานไปอยู่ไหนละคร้าบ

porchai

ขอบคุณครับ
พออยู่ใกล้คนที่ชอบแล้วคิรานะไม่เป็นตัวของตัวเองเลยน้า หอมเค้าไปทั่ว เดี๋ยวก็เจอมังกรเข้าให้

แฟ๊ต บอย

สมแล้วที่รับคิราระเป็นน้องบุญธรรม ทั้งฉลาด ไหวพริบดี เรียนรู้ได้เร็ว รู้จักแก้สถานะการณ์

alasangel

มีพูดถึงนูราริเฮียงด้วย การ์ตูนเรื่องโปรดเลย คิราระน่ารักมากเลยตอนนี้

Blue Eye

เมื่อหลงรักแล้วก็ต้องทำใจ เมื่อเขารักใครก็ต้องรักคนนั้นด้วย

mighty

เก่งทั้งบู๊และบุ๋นเลยพระเอกริวกะแถมมีที่ปรึกษาและองครักษ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆและท้ายสุดสุดท้ายยังมีสาวสุดสวยเป็นเพื่อนคู่กายอีกคิราระที่แสนน่ารัก