ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หมู่บ้านเริงรมณ์ ตอนที่ 2

เริ่มโดย pekopon66, กันยายน 17, 2019, 01:48:00 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

pekopon66

ขณะนี้ทางระบบของธัญวลัยมีปัญหา ไม่สามารถเข้าไปดู แฟนผมเป็นคนดี ได้ทางเว็บไซต์นะครับ แต่บนแอพยังสามารถเข้าไปดูได้ตามปกติ ขณะนี้ผมกำลังเร่งดำเนินการติดต่อทางธัญวลัยอยู่ ขออภัยด้วยครับ

ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่อุดหนุน แฟนผมเป็นคนดี ตอนนี้ก็ใกล้จะครบ 200 แล้ว หวังว่าอนาคตจะสนับสนุนกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ หากมีข้อติชมสามารถพิมพ์กันเข้ามาได้ครับ อะไรที่แก้ได้ก็จะพยายามแก้ครับ อย่ารอช้าอยู่ใยไปอ่านตอนสองกันดีกว่า

----------------------------------------------------

ตอนที่ 2

วันนี้เป็นเช้าแรกที่ผมกับมิ้งค์ตัดสินใจกันออกมาวิ่งรอบทะเลสาบหลังหมู่บ้าน ถึงแม้จะเป็นพื้นที่รอการพัฒนา แต่ทางโครงการก็ฉลาดที่ทำถนนรอบทะเลสาบเอาไว้ให้สมาชิกในหมู่บ้านมาทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายพักผ่อนหย่อนใจ

เวลาหกโมงเช้า แดดกำลังอ่อนๆ อากาศไม่ร้อนไม่ทำร้ายผิว มิ้งค์เลยยอมออกมาวิ่งด้วย วันนี้เธอใส่กางเกงออกกำลังกายขายาวรัดรูปสีเขียวเข้ม เข้าคู่กับสปอร์ทบราสีเดียวกัน แต่กลัวที่จะโป๊เกินไปเลยใส่เสื้อกล้ามสีขาวไซส์โคร่งไว้อีกตัว ส่วนผมก็มัดรวบไว้เป็นหางม้า

"ถ้ารู้ว่าอากาศดียังงี้จะมาวิ่งทุกวันเลย" มิ้งค์พูดพลางปาดเหงื่อ ก่อนจะนั่งลงกับพื้นถนน ดูท่าเธอจะพอแล้ว
"ได้สิ แต่รอมาวิ่งพร้อมกันนะ มาคนเดียวอันตรายไปหน่อย"

ผมหันไปมองโครงบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่กลับมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่หลายหลัง ผมอาจจะเป็นคนขี้ระแวงไปเอง แต่ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นที่มั่วสุมของอะไรบ้าง ไม่คน ก็คงเป็นสัตว์มีพิษ มิ้งค์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

ในระหว่างที่เรากำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งปั่นจักรยานมาพร้อมกับชุดออกกำลังกายเต็มรูปแบบ เสื้อและกางเกงขาสั้นรัดรูป หมวกกันน็อค สนับศอกสนับเข่า แว่นตาดำ ร่างกายของเขากำยำอย่างเห็นได้ชัด ชายคนนั้นเห็นผมกับมิ้งค์นั่งอยู่จึงปั่นมาจอดข้างๆเพื่อทักทาย

"เพิ่งย้ายมาอยู่เหรอครับ ผมไม่เคยเห็นหน้าพวกคุณเลย?"

ถึงจะพูดว่าพวกคุณแต่ตาเขามองไปที่มิ้งค์อยู่คนเดียว ภรรยาแสนสวยของผมตอนนี้หน้าแดงเพราะออกกำลังกายมา ยิ่งทำให้เธอดูเปร่งปรั่งอย่างกับสาวแรกแย้ม

"ครับ ผมซื้อที่นี่ไว้เป็นเรือนหอน่ะครับ"

ผมจิ้มเข้ากลางประเด็น เห็นอีกฝ่ายเงียบไปเสี้ยววิก็แอบสะใจอยู่ แต่พอชายคนนั้นถอดแว่นถอดหมวกกันน็อคออก ก็ทำเอาผมกับมิ้งตกใจ เพราะชายคนนี้คือดาราสมทบชื่อดังในยุคที่ผมกับมิ้งค์ติดละคร "เชษฐวัฒิ" หรือ "เชษ" เขาเป็นคนหน้าตาดีระดับหนึ่ง บวกกับสูงไม่มาก จึงเป็นเพียงนักแสดงสมทบ แต่ช่วงที่เขาดังๆ ผมเห็นเขาเยอะกว่าพระเอกเสียอีก

เอกลักษณ์ของเขาคือ ผมทรงสกินเฮดและร่างกายที่กำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม พวกผมเคยเม้าท์กันว่าน่าจะเป็นเกย์ แต่สุดท้ายเชษก็แต่งงานกับนางแบบคนหนึ่งมีลูกด้วยกัน และปัจจุบันก็ได้ข่าวว่าหย่ากันแล้ว

"คุณเชษใช่มั้ยคะ?" มิ้งค์ตอบกลับด้วยความตกใจ
"ดีใจจัง ยังมีคนจำได้" คุณเชษยิ้ม
"ไม่น่าเชื่อนะครับว่าในหมู่บ้านเรามีดาราดังอยู่ด้วย"
"ดังอะไรกัน ปัจจุบันผมแทบไม่มีผลงานละนะ ว่าแต่พวกคุณมาวิ่งกันเหรอครับ?" คุณเชษตอบกลับอย่างเป็นมิตร
"ค่ะ เพิ่งวิ่งได้รอบกว่าๆก็เหนื่อยล่ะ" มิ้งค์ยิ้มแห้ง
"สำหรับคุณ...เอ่อ..."
"ผมชื่อ อาทิตย์ครับ ส่วนภรรยาผมชื่อ มิ้งค์" ผมย้ำชัดเจนอีกครั้งว่ามิ้งค์เป็นใคร
"อ้อ สำหรับคุณมิ้งค์ผมแนะนำให้ลองมาปั่นจักรยานแบบผมดูนะครับ มันช่วยได้หลายส่วน"
"จริงเหรอคะ มิ้งค์ไม่เคยปั่นจักรยานแบบนี้หรอกค่ะ"
"งั้นลองดูครับ"

คุณเชษยิ้มแล้วลงจากจักรยาน ดูท่าทางมิ้งค์คงอยากลอง เธอลุกขึ้นทันที แต่ก่อนที่จะขี่ คุณเชษแนะนำให้สวมเครื่องป้องกันก่อน ทุกอย่างคงเป็นไปได้ด้วยดี ผมคงไม่คิดมากถ้าตอนใส่สนับเข่า คุณเชษไม่จ้องนมที่หกมาตรงคอเสื้อกล้ามเขม็งขนาดนั้น ผมไม่มั่นใจว่ามิ้งค์รู้ตัวหรือเปล่า แต่เธอน่าจะตั้งใจสวมสนับเข่าอยู่จนไม่ทันระวังตัว

ถึงแม้ข้างในจะมีสปอร์ทบราอยู่ แต่เนื้ออกนวลคู่โตขนาดนั้น มันก็ทำเอาผมใจหวิวไม่น้อยที่มีผู้ชายคนอื่นกล้านั่งจ้องนมเมียผมขนาดนี้ หลังจากสวมชุดป้องกันเสร็จมิ้งค์ก็ปั่นออกไปอย่างทุลักทุเล ส่วนคุณเชษก็ยืนคุยกับผมโดยเราสองคนยืนมองสาวสวยปั่นจักรยานตลอดเวลา เพราะกลัวเธอจะพุ่งลงทะเลสาบเสียก่อน

"แฟนคุณเป็นพวกนางแบบหรือเปล่าครับ หุ่นดีหน้าตาดีมากเลย" คุณเชษเปิดประเด็น
"เปล่าหรอกครับ อันที่จริงก็มีหลายคนเข้ามาติดต่อ ติดที่เธอไม่ค่อยอยากทำอะไรจริงจังเท่าไหร่"
"งั้นเหรอครับ ช่วงนี้ผมเริ่มผันตัวไปทำเบื้องหลัง กำลังหาสาวๆมาประกอบรายการกับละครอยู่ คุณอาทิตย์จะอนุญาติให้ผมได้ลองคุยกับคุณมิ้งค์ดูมั้ยครับ?"
"แล้วแต่เลยครับ มิ้งค์ว่าไงผมก็ว่างั้น"
"แล้วถ้าผมขอมากกว่านั้นคุณก็แล้วแต่มิ้งค์เหมือนกันใช่มั้ยครับ?"

รอยยิ้มของคุณเชษมันร้ายกาจอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมอึ้งจนพูดไม่ออก ผมเข้าใจความหมายของประโยคสองแง่สองง่ามอันนี้ดี แต่เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเอง ยังกล้าขนาดนี้เลยเหรอ คิดว่าเป็นดาราแล้วจะหยามผมได้งั้นเหรอ ผมไม่ชอบยอมแพ้ใครอยู่แล้ว

"มันก็อยู่ที่ว่าคุณเชษ...เจ๋งแค่ไหน" ผมยิ้มท้าทายตอบ
"อ่า....อย่าจริงจังสิครับ โจ๊กๆ" คุณเชษยิ้มตบต้นแขนผมเบาๆ ทำเอาผมถอนหายใจออกมา แต่หัวใจยังเต้นรัวไม่หยุด
"ว่าแต่คุณเชษอาศัยอยู่กับใครครับ ผมขออนุญาติถามได้มั้ย"
"ได้สิครับ เราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ผมอยู่กับลูกสาวผมสองคนน่ะครับ คุณน่าจะเคยเห็นข่าวในทีวีแล้ว"
"ครับ พอทราบมาบ้าง"
"แต่อย่าไปเชื่อข่าวในทีวีมากนะครับ บางข่าวก็จริง บางข่าวก็ปลอม ดูอย่างผมก็ได้"
"ยังไงเหรอครับ" ผมขมวดคิ้วงง
"เรื่องเลิกกับเมียเป็นเรื่องจริง แต่ข่าวบอกว่าผมมีมือที่สามนั่นละ...ไม่จริงเลย"

ผมพยายามมองเข้าไปในตาของคุณเชษ แต่ผมไม่เข้าใจอะไรเลย รอยยิ้มของเขามันหมายถึงอะไรกันแน่ ไม่นานมิ้งค์ก็ปั่นกลับมา

"เป็นไงบ้างครับ น้องมิ้งค์ ขี่จักรยานสนุกมั้ย?"
"สนุกค่ะ ดูเหมือนง่ายแต่เรียกเหงื่อได้เลยนะคะ" มิ้งค์ต้องค่อยๆวางจักรยาน ปาดเหงื่อ
"เหมาะกับคนแข็งแรงอย่างคุณเชษนะครับ" ผมชื่นชม
"โอ้ยสบาย อย่าว่าปั่นเลย อุ้มจักรยานยังไหว หรือให้อุ้มน้องมิ้งค์ก็ได้นะครับ" คุณเชษหันไปยิ้มให้มิ้งค์
"บ้า มิ้งค์หนักนะคะ ไหวเหรอ พี่อาทิตย์ยังอุ้มไม่ไหวเลย"
"ลองดูมั้ยล่ะครับ ผมอุ้มมิ้งค์ได้สบาย อยู่ที่ว่าสามีน้องมิ้งค์จะยอมรึเปล่า"

ผมควรจะตอบว่าอะไรล่ะครับ คำถามยิ่งกว่ารอบสุดท้ายของรายการชิงเงินล้าน ตอบไม่ดีก็อายขายขี้หน้าเขาอีก ตอบให้ง่ายๆก็เสียเชิงชาย

"แล้วแต่มิ้งค์เลย"

ถึงปากจะบอกว่าแล้วแต่ แต่ใจผมเต้นระรัวลุ้นให้มิ้งค์หัวเราะกลบเกลื่อนหรือปฏิเสธออกไป ความคิดผมย้อนแย้งไปหมด ทั้งหึงทั้งตื่นเต้น

"ถ้าไหวก็ลองดูค่ะ"

มื้งค์ยิ้ม ผมนี่อ้าปากหวอ พี่เชษใช้มือข้างนึงโอบหลังมิ้งค์เอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ก้มลงไปช้อนต้นขาขึ้นมาอุ้มในท่าองค์หญิงแบบง่ายๆ ทั้งสองหัวเราะเฮฮากันใหญ่ ผมยืนตัวเกร็ง มองมือที่ช้อนหลังตอนนี้ปลายนิ้วมือพี่เชษเกือบจะโดนหน้าอกของมิ้งค์แล้ว

ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากพูดอะไร พี่เชษก็ปล่อยมิ้งค์กลับลงมายืน ตอนนี้หัวใจผมเต้นรัวแล้ว ด้านล่างก็เริ่มออกอาการแข็งนิดๆ ไม่รู้ว่ามิ้งค์รู้สึกอะไรแบบผมบ้างรึเปล่า

"พี่เชษนี่แข็งแรงมากเลยนะ ออกกำลังกายทุกวันเลยเหรอคะ?"
"ใช่ครับ รักษาหุ่นน่ะ"

พี่เชษไม่พูดเปล่าดึงเสื้อขึ้นนิดนึง โชว์ซิกแพคแน่นเปี้ยะ ทำเอาผมอิจฉา ส่วนมิ้งค์ถึงกับเผลอกลืนน้ำลายต่อหน้าอีกฝ่าย

"น้องมิ้งค์ลองจับดูมั้ยครับ?"

พี่เชษไหวพริบดีไม่เบา แกคงสังเกตุเห็นมิ้งค์กลืนน้ำลายเหมือนกัน มิ้งค์หันมามองหน้าผมเหมือนขออนุญาติ ถ้าเธอต้องการผมจะห้ามอยู่ได้ไง

ภรรยาสาวของผมค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสกล้ามท้องของอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ มือของเธอสั่นเล็กน้อย ความประหม่าที่งดงาม มันยิ่งทำให้ผู้ชายได้ใจ

"ดูน้องมิ้งค์ก็หุ่นดีนะครับ ผมขอเช็คหน้าท้องหน่อยได้มั้ยครับ เผื่อจะช่วยแนะนำการออกกำลังกายได้"

พี่เชษหันมาถามผม มิ้งค์เองก็หันมามองผมด้วยสายตาที่จะสื่อว่าอะไรก็บอกไม่ถูก ต้องยอมรับผิดตรงนี้ว่า อารมณ์ในตัวผมมันถูกปลุกขึ้นมา แค่ผู้ชายอื่นจับหน้าท้องภรรยาของตัวเอง คงไม่เป็นอะไรหรอก

"ล..ลองดูสิครับ"

บ้าเอ้ย เสียงผมสั่นได้ไง เสียเชิงชายหมด มืออันใหญ่โตของพี่เชษเอื้อมมาที่หน้าท้องของมิ้งค์ ก่อนจะสอดเข้าไปใต้เสื้อช้าๆ ผมเผลอกลั้นหายใจไปตอนไหนไม่รู้ มันอึดอัดมาก พี่เชษคงจะได้สัมผัสที่นุ่มและเรียบเนียนของมิ้งค์แล้วล่ะสิ

"ถือว่าออกกำลังกายมาดีนะครับ ไม่มีกล้าม..แต่เนียนใช้ได้เลย"

มิ้งค์เองก็ลูบไล้หน้าท้องใต้เสื้อของพี่เชษไม่ปล่อย ทั้งสองต่างมองตาท้าทายกัน จู่ๆมือของมิ้งค์ก็ไล่สูงขึ้น มันไหลขึ้นไปจนน่าจะถึงหน้าอกของพี่เชษ มือของมิ้งค์ลูบไล้แต่สายตายังคงจับจ้องอีกฝ่ายไม่ปล่อย ทั้งสองทำเหมือนไม่มีผมยืนอยู่ตรงนี้

ภาพต่อมามันทำเอาผมแทบหัวใจวาย มือของพี่เชษที่อยู่ในเสื้อกล้ามช่วงท้อง ค่อยๆไล่ขึ้น ทุกมิลลิเมตรที่มันไหลขึ้นไป มันทำให้ใจผมเต้นรัวถี่ขึ้นหลายสิบครั้ง หูผมอื้อจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ผมรอให้มิ้งค์ผลักตัวออก

ภรรยาสาวผมกลับยืนนิ่ง มือของพี่เชษล้วงขึ้นไปลึกจนน่าจะถึงหน้าอกทรงโตของมิ้งค์แล้ว ผมมองไม่เห็นเพราะเสื้อมันบัง แต่ก็พอเดาได้จากหลังมือที่นูนออกมานอกเสื้อ ไอ้หนูของผมมันแข็งตึงสู้กับแรงรัดของกางเกง คอของผมแห้งผาดขยับปากแทบไม่ได้

พี่เชษเริ่มออกแรงบีบ มิ้งค์ที่ยืนตัวตรงถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ไม่มีใครยอมใคร ต่างคนต่างนวดคลึงหน้าอกของอีกฝ่าย มิ้งค์กัดริมฝีปาก สายตาอ่อนระทวย

"ม..มิ้งค์ พี่ว่าเรากลับบ้านกันดีกว่านะ"

สรุปฝ่ายที่พ่ายแพ้ราบคาบกลายเป็นผม มิ้งค์สะดุ้งแล้วถอยตัวออกมา พี่เชษเองก็ดึงมือออก พวกผมลาพี่เชษแบบลวกๆ ผมไม่มีหน้าจะไปมองเขาแล้ว ระหว่างทางผมกับมิ้งค์ไม่ได้คุยอะไรกันเลย ผมไม่รู้ว่าจะโกรธเธอหรือโกรธตัวเองดี

ตกเย็นวันนั้น พี่อนันต์ก็มาหาพวกเราที่บ้าน พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับแกล้มมากมาย ไม่รู้จะมาทำความรู้จักหรือมาเมากันแน่ อากาศยามเย็นของที่นี่ก็ดีไม่แพ้ต่างจังหวัด ด้วยความที่เป็นชานเมือง ไม่มีตึกสูง บวกกับมีต้นไม้มากมาย อากาศจึงเย็นสบาย ผมใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดแขนยาวยังรู้สึกเย็นจนขนลุก ส่วนมิ้งค์ใส่กางเกงขาสั้นสีขาว เสื้อยืดสีส้ม แต่งตัวปกติเหมือนทุกวัน

คนที่จะแต่งตัวเป็นทางการสุดคงเป็นพี่อนันต์ที่สวมเสื้อโปโล กางเกงสแล็คสีดำ แต่ผมไม่ถือ พวกเราเริ่มตั้งวงสนทนาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน โดยพี่อนันต์อาสาเป็นคนชงเครื่องดื่มให้ผมกับมิ้งค์ ผมก็ไม่รู้ว่าแกเรียนมาจากไหน เห็นหันหลังไปทำอะไรดุ๊กดิ๊กๆ พอหันกลับมาก็ได้เหล้ารสชาติดีแล้ว

ผมได้พูดคุยกับพี่อนันต์หลายเรื่อง ทำให้ได้รู้ประวัติชีวิตของแกว่า เมื่อก่อนแกเคยเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนหนึ่งแล้วก็เกษียณออกมาอยู่กินกับแฟนที่เป็นครูเหมือนกัน พ่วงมาด้วยลูกติดจากแฟนมาอีกคน

เธอเป็นลูกสาวกำลังเรียนอยู่มหาลัย ดูท่าทางพี่อนันต์จะภาคภูมิใจกับลูกสาวคนนี้มาก เห็นว่าเรียนก็ดี กิจกรรมก็เด่น กำลังตั้งวงโคฟเวอร์กับเพื่อนชื่อ SWG อะไรสักอย่าง ถึงชื่อจะชวนทะลึ่งแต่ผมว่าไม่น่าจะมีอะไร สรุปบ้านพี่อนันต์ก็อยู่รวมกันสามคน พ่อแม่ลูก

ผมเองก็เล่าประวัติคร่าวๆของผมกับมิ้งค์ให้แกฟังว่า พวกเราเริ่มคบกันตอนมิ้งค์อยู่มหาลัย และบังเอิญพ่อของเราทั้งสองรู้จักกัน ทุกอย่างจึงง่ายดายไปหมด มิ้งค์กับผมก็ต่างถูกใจกัน เราคบกันมาหลายปีจึงตัดสินใจแต่งงานกัน

"แล้วยังไม่มีลูกเหรอครับ คุณอาทิตย์กับคุณมิ้งค์?"

พี่อนันต์ออกอาการเมา เริ่มถามคำถามลึกขึ้น ส่วนมิ้งค์ก็ดันมีอาการแปลกๆ หน้าเริ่มแดง หายใจแรงจนผมสังเกตุได้ หน้าอกคู่โตของเธอมันโยกขึ้นลงชัดเจน แถมบางครั้งเธอก็มีอาการหายใจติดขัด พูดจาน้อยลง ส่งสายตาแปลกๆมาหาผมหลายครั้ง

"อ่อ พวกผมก็อยากมีนะครับ แต่น้องไม่มาสักที" ผมชักรู้สึกปวดหัว หัวมันหนักยังไงบอกไม่ถูก
"ที่หมู่บ้านเรามีอาจารย์ดีอยู่ด้วยนะครับ แกชื่ออาจารย์นาคา เรื่องความรักเรื่องลูกแกช่วยได้หมด"
"จริงเหรอครับ บ้านที่นี่ราคาก็แพงอยู่ แกยังมาซื้อได้แสดงว่าเจ๋งจริง"
"ใช่มั้ยล่ะครับ ว่างๆคุณอาทิตย์ลองไปดูสิครับ
"ด...ได้ครับ"

หัวผมค่อยๆแนบไปกับโต๊ะ ปากก็เริ่มพูดไม่ได้ ผมไม่ได้คออ่อนขนาดที่จะดื่มเหล้าไม่กี่แก้วแล้วน็อคได้ นี่มันอะไรกัน มิ้งค์เริ่มทำท่าคลื่นไส้แล้วอยากจะอาเจียน พี่อนันต์แกรีบประคองไปตรงพื้นหญ้ากะให้มิ้งค์อ๊วกออกมา อ๊วกบนพื้นหญ้าไม่มีปัญหา แต่ท่าทางของแกสิกลับน่ามีปัญหา

 


กิจกรรมพิเศษเนื่องจาก แฟนผมเป็นคนดี พุ่งทะยานติดชาร์ทธัญวลัยในหมวด อีบุ๊ก อันดับ 1 ทั้งยอดขายและยอดนิยม เราจึงมี 2 กิจกรรมมาให้เล่นกัน

1.หากผู้ซื้อเข้าไปคอมเม้นท์รีวิวรวมกันเกิน 60+ รีวิว ผมจะเขียน แฟนผมเป็นคนดี ตอนพิเศษ เพิ่มลงไปในอีบุ๊ค 1 ตอนด้วยกัน (สามารถกดเข้าไปรีวิวได้ในลิ้งค์นี้เลย http://www.tunwalai.com/ebook/detail?ebookId=4892

หรือโหลดแอพธัญวลัย แล้วกดลิ้งค์ด้านบนก็สามารถเข้าได้เช่นกัน)

2.หากยอดขายได้มากกว่า 200 เล่ม ผมจะเขียน แฟนผมเป็นคนดี ตอนพิเศษ เพิ่มลงไปในอีบุ๊คอีก 1 ตอน

หมดเขตร่วมสนุกวันที่ 18/09/2562 นะครับ

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

peddo

เป็นสามีน้องมิงค์นี่ทำใจละบากครับ หนุ่มแก่จ้องจะงาบตลอด ท่าทางเธอก็น่าจะชอบความท้าทายซะด้วย หมู่บ้านนี้น่าจะกลายเป็นครอบครัว​ใหญ่ละครับ swg หึหึ
ขอบคุณ​ครับ​

pomsohandsome

 ::Ahh::เรื่องอ่านแล้วน่าติดตามดีนะครับ

llar


surway2532

ถ้าผมเป็นสามีคงคิดหนัก มีคนจ้องจะงาบหลายคน บวกกับน้องมิงค์ก้อมีแววจะสนใจหรือมาแนวๆชอบโชว์หรือแนวสวิ้งเลยคับ

jaster ja

พี่เอกเราออกแนวฉลาดิยู่นะแต่เหมือนจะชอบทางนี้เลยยอยนิดๆหน่อยๆ

puipuipui


bluenavy

ขอบคุณครับ น้องมิ้งจะเสร็จใครก่อนนะ


กบ


nicky1976

ใครจะเป็นผู้โชคดี ได้เปิดเป็นคนแรกนะ

jarjarbing26

พล็อตเรื่องน่าสนนใจให้ติดตาม ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านครับ

zero009


st789

ใครในหมู่บ้านจะเป้นผู้โชคดีคนแรกนะ

SAIVIA

#14
มิ้งค์ร้อนแรงไม่เบาเลย  ::Bloody:: ส่วนสามีก็ดูเหมือนจะชอบด้วย  ::HeyHey:: //มีeaster eggด้วย  ::Dribbling::