ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 11 ภัยที่กำลังคืบคลาน

เริ่มโดย Kamen Rider V-3, กุมภาพันธ์ 11, 2018, 11:05:49 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้


d0d4db4098


phithan

ถูกใช้ให้เป็น รปภ.คุณลูกสาว แต่ตัวเองจะไหวไหมนี่  สงสัยต้องพึ่งน้าขิกละงานนี้


a park

อ้างจาก: Kamen Rider V-3 เมื่อ กุมภาพันธ์ 11, 2018, 11:05:49 ก่อนเที่ยงต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่ติดตามเรื่องนี้ในความล่าช้า  และขอชดเชยให้ด้วยการลงทีละสองตอนไปเลย
หวังว่าคงพอจะชดเชยและให้ความเคร่งเครียดต่อกระเจี๊ยวเหล่าท่านได้บ้าง  เชิญติดตามได้เลยครับ


-----------




หลิวลืมตามองดูเพดานห้องมาร่วมชั่วโมงแล้ว หลังจากที่หลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากการร่วมรักกับป๊อดอย่างสุขล้น
ในหลายชั่วโมงที่ผ่านมา  สติของเธอเริ่มคืนกลับมาเป็นปกติทีละน้อยพร้อมภาพเหตุการณ์ที่่พึ่งผ่านไปในหลายชั่วโมงก่อน
เธอไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมเธอถึงได้กล้าเดินออกมาให้ผู้ชายเชยชมถึงในห้อง
น้ำตาของเธอเอ่อคลอและไหลลงมาอาบแก้ม

เธอทั้งเสียใจ และเจ็บใจตัวเองที่ใจง่าย ประพฤติตัวเลวได้ถึงขนาดนี้ และหากพ่อแม่ของเธอรู้ก็คงจะเสียใจเป็นอย่างมาก
เธอหันไปมองหน้าชายที่พรากพรหมจรรย์ไปจากเธอ ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น  นี่เธอเป็นอะไร เธอไม่เคยชอบ
ไม่เคยนึกรักผู้ชายคนนี้ เธอแค่รู้สึกสงสารที่เขาไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเท่านั้น 

หลิวปาดน้ำตาแล้วสะบัดแขนของป๊อดที่โอบร่างของเธอออกไป  จนป๊อดรู้สึกตัวแล้วลืมตาขึ้นมองดู เห็นเธอเร่งรีบ
สวมเสื้อผ้าเตรียมที่จะออกจากห้อง


"คุณหลิว......"

หลิวหันขวับ พร้อมกับดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตา

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ....ไม่ต้องมาเรียกชื่อฉัน....จากนี้ไปเธอกับฉันไม่มีต้องพูดกันอีก "

ป๊อดรีบเอาผ้าขาวม้ามาพันรอบตัว แล้วลุกลงจากเตียงโผเข้าหาหลิว  แต่เธอผลักเขาออกอย่างเต็มแรงจนป๊อดเซถลา


"คุณหลิว....ผมขอโทษครับ.......แต่ผมรักคุณหลิวนะครับ"


หลิวมีแววตากร้าวขึ้นมาทันที แล้วตะเบ็งเสียงดังอย่างอัดอั้นในอารมณ์ออกมา

"หยุดนะ.....ฉันไม่อยากฟัง...ฉันมันใจง่ายเอง...ขอร้องล่ะจากนี้ไป เธออย่าได้เข้ามาใกล้ฉันอีก"

แล้วหลิวก็ก็ร้องไห้ปล่อยเสียงโฮออกมา พร้อมกับวิ่งออกไปจากห้องของป๊อดอย่างรวดเร็ว


ป๊อดยืนซึมกะทือนิ่งมองตามร่างของหลิวที่วิ่งออกจากห้องไปด้วยความเสียใจ ถึงแม้ว่าเขาเองก็คาดคิดไว้อยู่แล้ว
ว่าต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้  แต่เขาก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าหลิวคงมีใจให้เขาบ้าง  และไม่โกรธเกลียดเขารุนแรงขนาดนี้ 
เขานึกโทษตัวเองที่ไม่รู้จักระงับอารมณ์และความต้องการของตนเอง จนทำให้คนที่เขารักเสียใจ 


แต่แล้วเสียงภูตแห่งปลัดขิกก็ดังขึ้น

"ไอ้หนู...เอ็งน่ะไม่น่าทำพลาดเลยนี่หว่า"


ป๊อดรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดของภูตแห่งปลัดขิกเป็นอย่างยิ่ง จนถึงกับระเบิดอารมณ์พูดออกไป

"ไม่ต้องพูดเลยน้าขิก....ผมไม่ควร...ไม่ควรทำอย่างนั้นกับเธอเลย...เพราะน้าขิกนั่นแหละที่......."


"ที่..อะไร   อย่ามาโทษข้านะเว้ย  น้ำมันเอ็งก็หุงเอง  ความต้องการก็ของเอ็งเอง  ความสุขเอ็งก็ได้ไปคนเดียว
ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วยวะ"


ป๊อดคิดดูก็จริงอย่างที่น้าขิกว่า   เขาพยายามหาทางออกให้คนอื่นเป็นคนผิดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี   เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ล้วนมีสาเหตุมาจากเขาทั้งสิ้น


"ไอ้หนู...ข้าจะบอกอะไรเอ็งซักอย่าง  ถึงเอ็งไม่ทำอย่างนี้ สักวันนังหนูนั่นมันก็ต้องไปเป็นของคนอื่น
เพราะมันไม่ได้รักเอ็ง  มันแค่รู้สึกสงสารเอ็ง  แล้วทีนี้เอ็งก็จะรู้สึกเสียใจและผิดหวังมากกว่านี้อีก"


ป๊อดถอนหายใจอย่างหดหู่แล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างอย่างซึมกระทือ

"แล้วผมจะทำยังไงดีน้าขิก....คุณหลิวโกรธเกลียดผม จนไม่ยอมพูดกับผมอีกแล้ว "


"ก็เอ็งมีน้ำมันเทพรัญจวนอยู่เอ็งจะกลัวอะไรวะ"


"ไม่.....น้าขิก...ผมจะไม่ใช้มันกับคุณหลิวอีกแล้ว"

"จริงๆแล้ว ถ้าเอ็งเอาน้ำมันทาที่ควยเอ็งก่อนที่จะล่อกับนังหนูนั่น ป่านนี้เอ็งก็สบายไปแล้ว รับรองนังหนูนั่น
จะหลงเอ็งจนโงหัวไม่ขึ้นเลยล่ะ


"ไม่...น้าขิก...จากนี้ไปผมจะไม่ใช้น้ำมันนั่นอีกแล้ว"


"เฮอะ......ก็ตามใจเอ็ง"

-----


ชิตกลับมายังบ้านพัก เพื่อตรวจสอบเอกสารที่ได้รับจากเสี่ยวิชัย  ในซองมีทั้งรูปถ่ายของเสี่ยเจียง บ้านพักอาศัย รถยนต์ที่ใช้
พร้อมป้ายทะเบียน  ในขณะที่มันกำลังเอารูปเสี่ยเจียงมาพิจารณาเพื่อจดจำใบหน้า  ไอ้เชิดน้องของมันก็เข้ามาเห็นพอดี

"เฮ้ย...นั่นรูปเสี่ยเจียงนี่พี่ชิต"


ไอ้ชิตหันไปมองน้องชายมันด้วยความสงสัย

"มึงรู้จักมันด้วยเหรอวะไอ้เชิด"


"โธ่พี่ชิต....ทำไมจะไม่รู้จัก  ก็ไอ้เสี่ยเจียงนี่แหละที่เป็นเจ้าของบ้านหลังที่ฉันเคยไปทำงานด้วย และเป็นผัวของนังวิไล
ที่มันทำร้ายฉันไง    เออ...แล้วพี่ชิตไปได้รูปมันมาได้ยังไง"


"ทำไมมันเหมาะเจาะอย่างนี้วะ....กูถูกว่าจ้างให้ไปฆ่าไอ้เสี่ยเจียงเนี่ย   เงินดีซะด้วย  พอดีเลย งั้นกูจะถือโอกาสนี้แก้แค้น
ให้มึงไปในคราวเดียวเลย"

"ดีเลยพี่ชิต...เมื่อไหร่ล่ะ  ฉันไปด้วย"


"เฮ้ยเราไม่ต้องไปถึงบ้านถึงบ้านมันหรอก  งานนี้ต้องทำโดยไม่มีร่องรอยสาวถึงตัวกูและนายจ้างของกู  ไม่งั้นเสียชื่อหมด"

"อ้าว...ไม่ไปแล้วจะฆ่ามันยังไงละพี่ชิต  หรือว่าพี่จะดักยิงมันข้างนอก"


ชิตยิ้มที่มุมปากด้วยแววตาที่เหี้ยมเกรียม แล้วหันไปมองหน้าเชิดนิ่งๆ

"งานนี้มึงต้องช่วยกู  มึงไปหาวันเดือนปีเกิดไอ้เสี่ยเจียงกับเส้นผมของนังวิไลมาให้กู"


"เอามาทำไมล่ะ พี่ชิต"


เชิดถามขึ้นด้วยความงุนงง

"กูจะเสกหนังเข้าท้องเสี่ยเจียงให้มันค่อยๆตายอย่างเนียนๆ  ส่วนนังวิไลกูจะสะกดให้มันเงี่ยนจนตัวสั่น ร้องหาแต่มึงเลยทีเดียว"

"หา....พี่ทำอย่างนั้นได้จริงๆเหรอ"

เชิดเข้าไปเขย่าแขนพี่ชายมันอย่างตื่นเต้น

"ทำไมจะไม่ได้วะ....เรื่องขี้ผงแค่นี้"

"ถ้าอย่างนั้น...เดี๋ยวฉันจะไปเอาให้พี่เดี๋ยวนี้เลย...คราวนี้ละมึงอีวิไล กูจะเย็ดมึงให้บานไปเลย..ฮ่าๆๆๆๆ"

"ไอ้เชิด...มึงอย่าทำลุ่มล่ามนะเว้ย...ไหนลองบอกกูหน่อยซิ มึงจะเข้าไปเอาของที่กูต้องการด้วยวิธีไหน"

"ไม่ต้องห่วง พี่ชิต...อีแป๋ว คนใช้บ้านนั้นมันเป็นคู่ขาฉัน.."

"งั้นมึงรีบจัดการเลย"

------

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หลิวก็ไม่เคยพูดคุยกับป๊อดอีก  ไม่เคยแม้แต่จะเหลือบตามองมายังเขา ทุกเช้าเวลาเธอเดินออกจากบ้าน
เพื่อไปมหาวิทยาลัย เธอก็จะเลี่ยงห่างออกไปหากเห็นเขากำลังนั่งทำงานอยู่  ป๊อดรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากต่ออาการเย็นชา
ที่หลิวแสดงออก  แต่เขาก็ยังมีความหวังว่าสักวันเธอคงให้อภัยต่อสิ่งที่เขาทำลงไป

มาร์คยังคงแวะเวียนมารับหลิวอยู่เช่นเดิม ทุกเช้าหากมาร์คมาถึงก่อนเวลาและเห็นป๊อดนั่งทำงานอยู่ ก็จะมักจะแสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตร
ออกมาทางสายตาเกือบทุกครั้ง  และเช้าวันหนึ่งทั้งๆที่ป๊อดหลบออกไปไกลจากจุดจอดรถที่มาร์คจอดอยู่  มาร์คก็ลงจากรถ
เดินมาหาเขา


"เฮ้ย...ไอ้เด็กวัด...สบายดีป่าว...ไม่เห็นเสนอหน้าไปมหาลัยเลยนะช่วงนี้"


ป๊อดก้มหน้าตัดหญ้าต่อโดยไม่ตอบโต้  แม้จะเริ่มรู้สึกขุ่นมัวขึ้นมาอยู่เหมือนกัน



"ก็ดีแล้วที่ไม่ไป...รู้จักเจียมบ้างก็ดี"


ป๊อดตัดสินใจเดินหนี คำพูดที่ก่อกวนอารมณ์ แต่มาร์คก็ยังพูดไล่หลังเขามาอีกว่า

"เฮ้ย....หลิวเป็นแฟนกู  มึงอย่าได้คิดใช้แฟนกูเป็นบันไดอัพตัวเองเข้าใจไหม.....ไอ้ขี้ข้า"


ป๊อดหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินทันที  เขากำลังบอบบางทางอารมณ์กับเรื่องของหลิวที่เย็นชากับเขา  และยิ่งมาได้ยิน
มาร์คมาพูดแสดงความเป็นเจ้าของในตัวหลิว ซ้ำยังจิกหัวเรียกเขาว่าขี้ข้า  อารมณ์โกรธของเขาก็พุ่งขึ้นอย่างสุดระงับ

ป๊อดหันกลับมาด้วยดวงตาวาวโรจน์ พุ่งเข้าใส่มาร์คทันที

มาร์คไม่ทันระวังตัวถูกหมัดของป๊อดต่อยเข้าที่ปากอย่างจัง  ร่างของมาร์คเซไปตามแรงหมัดสองสามก้าว

"ไอ้สัตว์...มึงต่อยกูเหรอ"


ตาของมาร์คแดงกล่ำด้วยความโกรธพุ่งเข้าหาป๊อดพร้อมกับยิงหมัดขวาเข้าเต็มกรามของป๊อดจนเขาล้มลง
มารค์ไม่รอช้า ตรงเข้ามาหมายจะหวดเท้าเตะไปที่ชายโครง แต่ป๊อดก็ใช้เท้ายันร่างมาร์คไว้ได้ทัน
จนเขาเซถอยหลังไปหลายก้าว

ป๊อดรีบลุกขึ้นมา เตรียมที่จะโผเข้าไปหามาร์คอีกครั้งด้วยอารมณ์โกรธ  แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้เมื่อเห็นมาร์คตั้งหลักได้
ยกการ์ดเตรียมตอบโต้  มาร์คเคยฝึกมวยสากลตอนอยู่ชมรมของมหาลัยตั้งแต่ปี 1  และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝน
มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังได้เปรียบป๊อดที่ไม่เป็นอะไรเลย  อีกทั้งครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขามีเรื่องที่ต้องชกต่อยกับคนอื่นอย่างจริงจัง

ทั้งคู่จดจ้องอยู่ครู่หนึ่ง มาร์คก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วยการปล่อยหมัดขวาแย๊บออกไปถูกที่โหนกแก้มของป๊อดจนหน้าผงะหงาย
พอเขาหันกลับมา หมัดที่สองสามของมาร์คก็ตามมาติดๆ   ป๊อดทั้งเจ็บและโกรธพยายามตอบโต้คืน ด้วยการออกหมัดอย่างตั้งใจ
แต่ก็ทำได้แค่เพียงเฉียดๆ  เมื่อมาร์คโยกลำตัวหลบทั้งยังส่งหมัดคืนไปที่ปากและจมูกของป๊อดอย่างจัง จนเขาลงไปนอนอยู่กับพื้น
อย่างไม่เป็นท่า


ทั้งอายุ ประสบการณ์ และชั้นเชิงที่มาร์คเหนือกว่า ทำให้ป๊อดเกิดรอยแตกที่ริมฝีปากและมีเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก

"ไงวะ...หมัดกูอร่อยไหม...อยากได้อีกก็ลุกขึ้นมา..ไอ้กระจอก"


ป๊อดกัดฟันลุกขึ้นมาโดยตั้งใจจะโผเข้าประชิดตัวมาร์ค  แต่ขณะนั้นเองภูตแห่งปลักขิกก็ส่งเสียงห้ามปรามขึ้น

"ใช้สติหน่อยซิวะ.....เอ็งมันมวยวัดสู้มันไม่ได้หรอก  คาถาลิงลมที่ข้าสอน..เอ็งลืมแล้วเหรอ"


พอป๊อดได้ยินคำพูดเตือนสติก็นึกขึ้นได้  เขาจึงหลับตาลงพร้อมกับยกมือขึ้นพนมไว้ที่อกส่งจิตเข้าสู่ขณิกสมาธิ แล้วภาวนา
คาถาลิงลมทันที

"นะมะพะทะ จะพะกะสะ วานรพยุหะ ยุวาพะวา มะอะอุ อะสังวิสุโล ปุสะพุพะ โสทายะคงคงอะ"


มาร์คเห็นป๊อดยกมือพนมแล้วหลับตา ก็ส่ายหน้าแล้วส่งเสียงหัวเราะขึ้น

"อ้าว  โดนไปแค่นี้ยกมือไหว้กูซะแล้วเหรอวะ.......ฮ่าๆๆๆๆ....."


แต่แล้วมาร์คก็หยุดเสียงหัวเราะลงทันที เมื่อเห็นป๊อดมีท่าทีที่เปลี่ยนไป  ดวงตาทั้งคู่ของป๊อดเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำและกรอกลิ้งอยู่ไปมา
พลันร่างของเขาก็ย่อตัวลงกางขาสองข้างออกกระโดดโลดเต้น แล้วจึงหยุดนิ่งจ้องมองไปยังมาร์คด้วยแววตาถมึงทึง ทำกิริยายกเท้าข้างหนึ่ง
กระทืบพื้นดินราวสามครั้งพร้อมกับชี้นิ้วไปที่มาร์ค  จากนั้นร่างของป๊อดก็กระโดดแผล็วจนลอยสูงขึ้นจากพื้นแล้วยกเท้าถีบ
ไปที่ใบหน้าของมาร์คเข้าอย่างจัง

มาร์คไม่ทันได้เห็นเลยว่า เท้าของป๊อดลอยมาเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีเขาก็กลิ้งลงไปกับพื้นพร้อมกับเลือดกำเดาที่พรั่งพรูออกมา
ความรู้สึกอุ่นๆที่ช่องจมูก ทำให้เขาเอื้อมมือไปสัมผัสดู และเมื่อเห็นเลือดของตัวเองเขาก็โกรธจัดในทันที

"ไอ้เด็กวัด...วันนี้กูจะเอาให้สลบคาตีนกูเลยมึง"


มาร์คยันตัวลุกขึ้นแล้วสาวเท้าเข้าไปหาป๊อดอย่างเดือดดาล พร้อมกับเหวี่ยงหมัดขวาไปที่ใบหน้าของป๊อดอย่างรวดเร็ว

"ขวับ !"


หมัดของมาร์คพบแต่ความว่างเปล่า เมื่อป๊อดพลิกหน้าหลบในเสี้ยววินาทีก่อนหมัดที่หมัดของมาร์คจะสัมผัสกับใบหน้าของเขา
พร้อมกับสะบัดหลังมือไปที่ใบหน้าของมาร์คเข้าอย่างจังจนเกิดเสียงดังอย่างชัดเจน

"เผี่ย ! "


มาร์ครู้สึกหูอื้อและชาไปทั้งหน้า  เขาสะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติพลางครุ่นคิดอย่างสงสัยว่าเหตุใดจู่ๆป๊อดถึงได้ว่องไวอย่างนี้

เขาพยายามตั้งสติพร้อมกับยกการ์ดขึ้นอย่างรัดกุม  แล้วๆค่อยสืบเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่ประมาท  ตาของเขาจ้องมองร่างของป๊อด
ที่ปล่อยแขนห้อยลงพร้อมกับโยกร่างไปมาอย่างไม่อยู่สุข  เขาคิดจะใช้หมัดแย๊บอันรวดเร็วของเขานำทางเหมือนกับที่เคยใช้ได้ผลมาแล้ว


และแล้วหมัดแย็บของมาร์คก็ถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว

"ขวับ !"....."เผี่ย ! "..............."ขวับ !"....."เผี่ย ! "......................."ขวับ !"....."เผี่ย ! "

ป๊อดสามารถพลิกหน้าหลบหมัดแย๊บของมาร์คได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับปฏิกิริยาตอบโต้ที่รวดเร็วจนมาร์คไม่สามารถมองได้ทัน
หลังมือของป๊อดฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของมาร์คที่จุดเดิมจนสั่นไปทั้งหน้า  และแม้หมัดแย๊บที่สองสามของมาร์คจะติดตามมาก็ให้ผล
ในรูปแบบเดียวกันจนหน้าของมาร์คแดงกล่ำและแสบร้อนไปหมด


มาร์คทั้งเจ็บ ทั้งแค้น และอายที่ไม่สามารถทำอะไรป๊อดได้ จึงตัดสินใจพุ่งร่างเข้าหาป๊อดพร้อมกับยิงหมัดขวาตรงอย่างแรง

"อุ๊บ !.


เสียงของมาร์คร้องดังขึ้นพร้อมกับอาการงอตัว เมื่อป๊อดใช้เข่ายกขึ้นขึ้นตั้งรับการบุกของเขาจนถูกเข้าที่ลิ้นปี่ของมาร์คอย่างจัง 
ร่างของมาร์คค่อยๆไหลรูดลงไปกองอยู่แทบเท้าของป๊อด  ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่หลิวออกมาจากบ้านและเห็นเข้าพอดี


"หยุดเดี๋ยวนี้นะป๊อด...."



ป๊อดหันกลับไปมองตามเสียงที่คุ้นหูนั้น และพอเห็นว่าเป็นหลิวกำลังเดินตรงเข้ามา  เขาจึงหลับตาว่าคาถาถอนลิงลมออกจากร่าง

"เธอถือดียังไง มาทำกับเพื่อนของฉันอย่างนี้  ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะมีนิสัยอันธพาลอย่างนี้  ไปเดี๋ยวนี้เลย ไปให้พ้นหน้าฉัน
ก่อนที่ฉันจะไปฟ้องเตี่ย"


ป๊อดได้แต่ยืนนิ่งด้วยความสลดใจ  แล้วมองหน้าหญิงอันเป็นที่รักของเขาอย่างเซื่องซึมที่เธอไม่คิดที่จะถามสาเหตุใดๆเลย
ก่อนที่จะด่าว่าเขา


หลิวตรงเข้าไปดูอาการของมาร์คที่กำลังจุกจนหายใจไม่ออก  และพอเห็นสภาพของมาร์คที่มีเลือดเปรอะเปื้อนอยู่เต็มเสื้อ
หน้าก็บวมแดงอย่างเห็นได้ชัด ก็ยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น

"คนมีการศึกษาเขาไม่ทำกันอย่างนี้  มายืนมองดูอะไร ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ...ไปสิ"



ขณะนั้นเอง เถ้าแก่เจียงซึ่งยืนมองดูพฤติกรรมของมาร์คกับป๊อดอยู่บนระเบียงห้องอยู่นานแล้วก็เดินลงมาสมทบ

"อะไรกันอาหลิว.....เอะอะโวยวายอะไร"


หลิวเห็นเถ้าแก่เจียงเดินเข้ามาสมทบ ในตอนแรกเธอก็คิดที่จะฟ้องเตี่ยของเธอในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พอเหลือบไปมองดูป๊อดที่ยืน
ก้มหน้าอยู่ เธอก็ระงับปากเอาไว้ไม่พูดอะไรออกมา

"อ้าว...ทำไมยังไม่เอาเพื่อนไปทำแผลล่ะ  อาหลิว....ไป...ไป...."


แล้วเถ้าแก่เจียงก็หันมามองป๊อด พร้อมกับพูดขึ้นว่า

"ส่วนลื้อ....ตามอั๊วมาเดี๋ยวนี้"

เสียงของเถ้าแก่เจียงห้วนสั้นเสียจนป๊อดอดใจหายไม่ได้  เขาเดินตามหลังเถ้าแก่เจียงไปอย่างคาดเดาไม่ถูกเลยว่าเขาจะถูกทำโทษด้วยวิธีใด
แต่ไม่ว่าเถ้าแก่เจียงจะลงโทษเขาด้วยวิธีใดก็ตาม เขาก็จะยอมรับมันด้วยความเต็มใจ ขออย่างเดียวอย่าพึ่งไล่เขาออกจากบ้านหลังนี้เท่านั้น



เถ้าแก่เจียงเดินนำไปยังศาลาที่มักใช้เป็นที่จิบกาแฟในตอนเช้าพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ของทุกวัน  พอไปถึงเถ้าแก่เจียงก็นั่งลงยังจุด
ที่มีชุดชากาแฟตั้งรอไว้อยู่แล้ว พร้อมกับเอ่ยขึ้น

"ไปล้างหน้าแล้วให้นังแป๋วมันทำแผลให้ซะ  เสร็จแล้วค่อยออกมาหาอั๊ว"


ป๊อดเดินหายเข้าไปยังเรือนชั้นล่างที่อยู่ติดกับศาลานั้นตามคำสั่งของเถ้าแก่เจียง  แล้วก็กลับออกมาด้วยใบที่ผ่านการทายาที่มุมปาก
แต่ก็ยังมีรอยบวมปวดที่โหนกแก้มอย่างเห็นได้ชัด แล้วยืนก้มหน้านิ่งต่อหน้าเถ้าแก่เจียง


"ลื้อน่ะเป็นลูกศิษย์ของหลวงตาเปลว ต้องรู้จักใจเย็นและอดทนอดกลั้นให้สมกับที่เป็นศิษย์ของหลวงตาสิ"


"ครับ"

ป๊อดรับคำและเห็นด้วยกับคำพูดของเถ้าแก่เจียง  หลวงตามักสอนเขาเสมอว่าให้รู้จัก อดทน อดกลั้นต่อสิ่งยั่วยุที่จะทำให้เรากระทำชั่ว


"แค่คำพูดยั่วยุเท่านี้ ลื้อยังผ่านไปไม่ได้  ต่อไปลื้อจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้ยังไงวะ"

พอป๊อดได้ยินคำพูดนี้ของเถ้าแก่เจียงก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองเถ้าแก่เจียงอย่างสงสัย


"เถ้าแก่ทราบเหรอครับ"


"อั๊วเห็นทั้งหมดแหละ...แต่ถึงอย่างไรลื้อก็ผิดอยู่ดี...ลื้อไม่ควรใช้กำลังเข้าตัดสินปัญหา"

ป๊อดก้มหน้าลงยอมรับคำพูดของเถ้าแก่เจียงด้วยความรู้สึกเห็นตามจริงๆ 


"ถึงอย่างไรอั๊วก็ต้องลงโทษลื้อ....ลื้อจะยอมรับผิดไหม"


"ผมยอมรับครับ"


เถ้าแก่เจียงยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างพอใจ แล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า

"ดี....ถ้าอย่างนั้น...เดือนนี้อั๊วจะหักเงินเดือนของลื้อลงครึ่งหนึ่ง แล้วเพิ่มงานให้ลื้ออีกอย่างหนึ่ง"


ป๊อดไม่รู้สึกตกใจกับเงินเดือนที่จะถูกตัด เพราะในต่ละเดือนที่เขาได้มาก็ไม่ค่อยได้ใช้และมีเก็บสะสมอยู่ แต่ก็ยังสงสัยถึงเรื่องงาน
ที่เถ้าแก่เจียงจะมอบหมายให้เขา

"งานอะไรหรือครับ.....เถ้าแก่สั่งมาได้เลยครับ"


เถ้าแก่เจียงถอนหายใจคล้ายกำลังมีความกังวล ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

"อาป๊อด...เรื่องที่อั๊วจะเล่าให้ลื้อฟัง...ห้ามลื้อไปพูดให้ใครฟังเป็นอันขาด"


"ครับ"
ป๊อดรีบรับคำแล้วมองหน้าเถ้าแก่เจียงนิ่ง ด้วยความอยากรู้


"ช่วงนี้อั๊วกำลังมีศัตรูจ้องทำร้ายอยู่  อั๊วก็เลยเป็นห่วงอาหลิว กับ อาหนิง เวลาเดินทางออกจากบ้าน  จากวันนี้ไปถ้าอั๊วจะขอ
ให้ลื้อขับรถไปรับ ไปส่ง ลูกสาวทั้งสองคนของอั๊วทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ลื้อจะทำได้ไหม"


พอป๊อดได้ยินอย่างนั้น ก็เบิกตาโพลงรับคำออกไปด้วยความดีใจ และเต็มใจที่จะรับหน้าที่นี้อย่างที่สุด

"ทำได้ครับ.....ผมเต็มใจที่จะทำครับ"


"ไม่ใช่แค่รับส่งเท่านั้นนะ  แต่ลื้อต้องคอยติดตามอย่าให้คลาดสายตา และก็ต้องไม่ให้ลูกสาวของอั๊วรู้สึกสงสัยด้วย
หน้าที่นี้ อั๊วใช้คนของอั๊วไม่ได้  เดี๋ยวลูกอั๊วจะอึดอัด ลื้อต้องคอยหมั่นสังเกตและระมัดระวัง   ถ้าเห็นอะไรที่น่าสงสัย
ก็รีบบอกอั๊วทันทีเลย   เข้าใจไหม"


"เข้าใจครับ"


เถ้าแก่เจียงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วเอนหลังกับพนักเก้าอี้พร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

"อาป๊อด..ตอนนี้เรื่องเรียนของลื้อเป็นยังไงบ้าง"


"อีก 6  เดือนก็จะสอบเทียบ ม.6 แล้วครับ"


"แล้วถ้าได้วุฒิ ม.6  ลื้อจะทำยังไงต่อ"


ป๊อดก้มหน้านิ่งอย่างไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากบอกเถ้าแก่ยังไง  แค่ที่พักและการเลี้ยงดูที่ได้รับอยู่ตอนนี้ เขาก็เกรงใจเถ้าแก่เจียงมากอยู่แล้ว


"ถ้าอั๊วจะให้ลื้อไปสอบนายสิบตำรวจ  ลื้อจะว่าไง อั๊วพอมีพรรคพวกที่จะฝากฝังลื้อได้อยู่"


ป๊อดรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างที่จะไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยอย่างที่ตั้งใจไว้  แต่เขาก็เคยได้ยินมาว่าวุฒิสอบเทียบอย่างเขา มันไม่ง่ายเลย
ที่จะได้เรียนในระดับมหาวิทยาลัยจนสำเร็จ  เขาจึงคิดว่าข้อเสนอของผู้มีพระคุณคนนี้อาจจะเป็นลิขิตชีวิตของเขาก็เป็นได้

"ครับเถ้าแก่...ผมจะไปสอบนายสิบตำรวจครับ"


เถ้าแก่เจียงยิ้มออกมาอย่างพอใจ

"ดี...อั๊วอยากให้คนในบ้าน ได้รับราชการบ้าง  ฮ่าๆๆๆ...."


"ขอบคุณครับ...เถ้าแก่"

-------

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ป๊อดก็มีหน้าที่ขับรถไปส่งหลิวที่มหาวิทยาลัย และไปส่งหนิงที่โรงเรียนทุกเช้า  พอถึงช่วงเย็นป๊อดก็จะขับรถไปรับ
หลิวที่มหาวิทยาลัยมาส่งที่บ้านก่อน แล้วจึงขับรถไปรับหนิงที่สนามซ้อมวอลเลย์บอลอีกครั้ง มันเป็นกิจวัตรที่เขาเกิดความสุขใจ
ทุกครั้งที่ได้ทำ เพราะถึงแม้ว่าหลิวจะไม่ยอมคุยกับเขาแต่อย่างน้อยเขาก็ได้ใกล้ชิดเธอในทุกวัน

ในทุกเช้าที่หลิวอยู่ในรถ หลิวก็เริ่มรู้สึกถึงความสนิทสนมที่หนิงมีให้กับป๊อด  เธอมักชวนป๊อดพูดคุยอย่างสนิทสนมและชิงนั่งหน้า
คู่กับป๊อดในทุกเช้าจนทำให้เธอคิดสงสัยอยู่ว่าทำไมจู่ๆหนิงจึงเปลี่ยนไปกว่าแต่ก่อนที่เธอเคยเห็น  และยิ่งหลายวันเข้า เธอก็ยิ่งรู้สึกว่า
ความสนิมสนมของคนทั้งสองก็แสดงออกอย่างเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ  จนเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมเธอจึงรู้สึกหงุดหงิด
และอารมณ์ไม่ดีทุกครั้งที่ได้เห็น


ในเย็นวันหนึ่งป๊อดไปถึงมหาวิทยาลัยเพื่อไปรับหลิวเร็วกว่าทุกๆวัน  เขาจึงตัดสินใจเดินไปยังซุ้มที่หลิวชอบไปนั่งอยู่กับเพื่อนๆ
เพื่อที่ว่า เมื่อหลิวออกมาจะได้รู้ว่าเขาได้มาถึงแล้ว  ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับแอนท์ที่หมดคาบเรียนพอดีแล้วมานั่งอยู่ตรงจุดนั้นอยู่ก่อนแล้ว
ป๊อดชะงักเท้าลงทันทีที่เห็นแอนท์ แต่แล้วก็ตัดใจเดินเข้าไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งห่างออกไปจากแอนท์ไม่มากนัก   แล้วเขาก็เอ่ยทักทายแอนท์
ตามมารยาทของคนที่รู้จักกันขึ้น






"สวัสดีครับ....คุณแอนท์หมดวิชาเรียนแล้วเหรอครับ"


แอนท์ละสายตาจากโทรศัพท์ในมือแล้วเหลือบมองป๊อด

"อื้อ....มารับหลิวเหรอ"


"ครับ"


"งั้นไปนั่งรอในรถเถอะ....เดี๋ยวหลิวก็เลิกแล้ว   ตรงนี้เดี๋ยวซักพักเพื่อนฉันก็จะมากันแล้วเดี๋ยวจะไม่มีที่นั่ง"


ป๊อดรู้สึกเหมือนกับถูกตบจนชาไปทั้งหน้า  ทั้งแววตาที่เหลือบมองเขาด้วยหางตาและน้ำเสียงที่เปล่งออกมา รวมถึงท่าทีที่พูดเสร็จ
ก็หันไปจ้องมองโทรศัพท์ในมือเหมือนว่าเขาไม่มีตัวตน   มันทำให้เขาไม่สามารถนั่งตรงจุดนั้นต่อไปได้อีก 

ป๊อดตัดสินใจลุกออกจากซุ้มนั้นไปที่รถของตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งยังที่นั่งคนขับพลางคิดอยู่แต่เพียงในใจว่า

"สมแล้ว...เป็นแค่คนขับรถเสือกกระโหลกไปทักเพื่อนลูกสาวเจ้านาย"


ใจหนึ่งคิดสมน้ำหน้าตัวเอง  แต่อีกใจก็กลับคิดอย่างขุ่นเคืองว่า

"มันจะอะไรนักหนา...แค่ทักทายแค่นี้ ทำไมจะต้องแสดงอาการแบ่งชนชั้นกันขนาดนี้ด้วยวะ"


ป๊อดพยายามทำใจ แล้วนั่งอยู่ในรถรอหลิวอย่างเงียบสงบ  แต่แล้วเขาก็เห็นมาร์คเดินเข้าไปยังซุ้มที่แอนท์นั่งอยู่
มาร์คนั่งลงใกล้ๆแอนท์พร้อมกับหยิบขนมที่วางอยู่ตรงหน้าแอนท์ใส่ปากอย่างคุ้นเคย แล้วพูดคุยอย่างสนิทสนม
และก็ดูเหมือนว่าแอนท์เองก็ดูจะเต็มใจพูดคุยด้วยอย่างสนุกสนาน  ท่าทีของแอนท์เวลาอยู่สองต่อสองกับมาร์ค
ถ้าเขาไม่รู้จักมาก่อนก็คงจะคิดว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน  ป๊อดนั่งมองนิ่งอยู่ในรถปล่อยความคิดไปตามภาพที่เห็น

"ทีกูล่ะไล่ไปนั่งในรถ  ทีกับไอ้มาร์คยิ้มหวานหัวเราะร่วนเลยนะ..."


ป๊อดคิดคำนึงอยู่คนเดียว จนภูตแห่งปลัดขิกอดไม่ไดที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา

"ฮ่าๆๆๆ.....เอ็งจะมานั่งน้อยเนื้อต่ำใจทำไมวะ...นังนั่นน่ะมันชอบไอ้มาร์คก็ต้องแสดงออกอย่างนั้นซีวะ"


"อ้าว...ก็แอนท์เขารู้ไม่ใช่เหรอว่ามาร์คมาจีบหลิว....แล้วทำไมถึงไปชอบมาร์คล่ะ  ทำอย่างนี้....นี่เขาเรียกหักหลังเพื่อนนี่"


"โธ่.....ไอ้หนูเอ็งอย่าไร้เดียงสาให้มากเลยวะ  ไอ้มาร์คมันทั้งหล่อทั้งรวย ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ชอบวะ  ผู้หญิงอะนะ
มันชอบแข่งกันนักแหละไอ้เรื่องพวกนี้   เพื่อนก็เพื่อนเถอะวะ  จะมาได้ดีเกินหน้าเกินตากันไม่ได้ เอ็งดูดิ เห็นมั๊ย
ตาหวานเยิ้มเลย  ข้าว่านะถ้าไอ้มาร์คมันจะเอาจริงๆ นั่งนี่แทบจะแบให้เลยล่ะ"





Whatwhenwhy


chefki niemgerd