ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Swinging legacy | Cheerleader : Chapter 3 Dark red

เริ่มโดย Basilisk, พฤศจิกายน 13, 2019, 03:18:37 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Basilisk

บันทึกสวิงกิ้ง ภาคหลีดคณะ: บทที่สาม แดงเข้ม
(Swinging legacy | Cheerleader : Chapter 3 Dark red)




12:15 น. ของวันหนึ่งช่วงปลายภาค...

"อื้มม...... อื้มม อู้ยย นนๆ" เสียงจากสาวสวยผมดำสยาย สภาพนอนหงายถ่างขากว้าง ทาบทับด้วยชายหนุ่มที่เธอคบหามาสองเดือนเศษ ร่างทั้งสองขยับหนึบหนับ ผ้าปูยับยู่ยี่... ตู้ไม้โบราณ โต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นวางของ ประตูระเบียง ผนัง ทุกอย่างดูสงบนิ่ง เพียงแต่...

"เอี๊ยดๆๆ เอี๊ยดๆ"

เตียงที่ใช้เป็นเวทีร่วมรักเคียงข้างกับสองหนุ่มสาววัยกลัดมัน ตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งของที่ถูกใช้งานมากสุดในห้อง... "อื้มม...อื้มม" เสียงครางเริ่มขยักขย่อนเจือด้วยความอึดอัด สัญญาณบอกว่าเธอต้องการให้ออกแรงมากขึ้น "ปั่บๆๆ..." ผมเร่งเอวเดินเครื่องอัดกลีบเนื้อหลีดสาวหวังเผด็จศึกให้ได้ในไม่กี่นาที "อื้มม อูยย......ซึ้ดด" "แรงๆ เลย......นน" ถึงรู้ดีว่าออกแรงเพิ่มมากกว่านี้ไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่ก็ทำตามที่เธอขอ "ปั่กๆๆ..." จุดที่เคยกระตุ้นเธอได้มันหายไปใหน มั่นใจแน่ๆ ว่าขยี้ที่เดิม... หลังผ่านมาร่วมสิบห้านาที สองท่าถูกใช้จนเหงื่อแตกพลั่กเต็มตัวไปหมด หลีดสาวเรายังไม่เข้าใกล้เขตสวรรค์เลย ผมตั้งสติกลับมา... ปัดป่ายผ้าห่มกับเครื่องนอนต่างๆ ออกให้พ้นทาง ยกตัวเธอขึ้นพิงหัวเตียงหวังเพิ่มองศาเข้าทำ สูดลมหายใจเข้าลึก...จรดปลายท่อนเข้ากลีบแดงอีกครั้ง สีหน้าเธอเหมือนอารมณ์ตกลงไปมาก ผมค่อยๆ โยกในท่านั้น เสยท่อนเนื้อขึ้นในแนวดิ่ง... ตอนนี้รู้สึกว่าน้ำหล่อลื่นเธอเริ่มแห้งลง เมือกไม่หลั่งเพิ่ม ความฝืดแสบเข้ามาแทนที่ ไม่รู้ว่ามีแค่เราที่รู้สึกมั้ย... เสียงครางนั้นค่อยๆ หายไป สีหน้าเธอที่แสดงออกมามีแต่ความเหนื่อยล้าและหงุดหงิด ผมแข็งใจทำต่อไป เลื่อนเงี่ยงครูดผนังแห้งๆ "อื้ออ อื้ออ ซึ้ดด......" สัญญาณมาแล้ว ผมเกร็งตัวโยกสุดลงสุดพยายามดันเข้าไปให้ลึกเท่าที่จะทำได้ เกร็งจนปวดหน้าท้อง "โอ้ยย โอ้ยย..." เธอครางหลับตา ท่าทางลุ้นเหมือนกันว่าจะถึงได้มั้ย เสียงหน้าขากับเตียงดังกลบกันไปมา

"อื้อๆๆ โอ้ยย ซึ้ดด อ๊าาายยยยย......" ถึงจะหืดขึ้นคอ ในที่สุด... ก็ส่งตัวเธอลอยจนได้...

ผมถอดแท่งออกอย่างแสบระบม หอบตัวโยน




Photo by Patrick Hendry on Unsplash




"ซ่าๆๆ..." น้ำเย็นๆ จากฝักบัวกระทบร่างกาย ผมยืนตัวแข็งให้มันพุ่งใส่ไปแบบไม่สะท้าน พลันเหลือบมองตัวเองในกระจก... ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป เรื่องนี้อาจกระทบความสัมพันธ์ของเราไม่ช้าก็เร็ว... การใช้ position เพิ่มระหว่างมีเซ็กส์ไม่ช่วยให้เธอเสร็จได้ 100% หรืออาจจะไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ ปัญหาไม่ใช่แค่นั้น... ตอนนี้สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือ เซ็กส์จะพาเราสองคนไปใกลแค่ใหน... ยิ่งมีอะไรกันมากเท่าไหร่ เหมือนยิ่งผลักให้ผมใกลออกไปจากความพึงพอใจของเธอเท่านั้น ความจำเจ การรู้จักสนิทสนมที่ทำให้เรารู้ใจกันมากขึ้นนั้น อาจแฝงไปด้วยเงาของความเบื่อหน่ายอยู่ทุกขณะ... เธอรู้ว่าเราจะทำอะไร ทำให้การตอบสนองต่อสิ่งที่เราป้อนให้ ส่งผลลัพธ์การแสดงของเธอที่ตรงกันข้ามกับผลที่คาดหวังออกมา เธอไม่ใช่คนเสแสร้ง ไม่ใช่คนที่จะพูดว่า "พอใจ" ขณะที่ในใจบอก "ไม่ใช่" ...ผมเหลือบตามองผ่านช่องประตู เห็นเธอนอนขดอยู่ที่เดิม... มันไม่เหมือนอะไรก็ตามที่เป็น "ครั้งแรก" เหล่านั้น... ถ้าเธอรู้ว่าเราจะเริ่มยังไง ต่อยังไง จบตรงใหน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอพอใจได้... ผมกรองความคิดเหล่านั้นออก แยกย่อยออกมาทีละส่วน ทุกๆ ส่วนล้วนต้องการความแปลกใหม่ แต่ผมจะเปลี่ยนเรื่องพวกไปได้อีกแค่ใหน... หรือว่า "การเบื่อหน่าย" มันคือธรรมดาของเซ็กส์ระหว่างหนุ่มสาว แล้วเราจะประคับประคองความสัมพันธ์ต่อไปได้อย่างไร ถ้าเรื่องเซ็กส์กินพื้นที่ความจุเกือบครึ่งนึงของความสัมพันธ์...

ผมเช็ดตัวเดินออกมา... เป็นอีกครั้ง ที่เรากลับห้องตอนกลางวันแต่จบกันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่... ช่วงนี้ผมไม่มีเวลากระทั่งการสังเกตุสิ่งรอบข้าง ว่าเปลี่ยนแปลงไปถึงใหน หรือใครทำอะไรกันอยู่บ้าง... เหมือนตกอยู่ในโลกย่อยๆ ที่เป็นสับเซ็ตของโลกจริงที่ผมกับเธอสร้างขึ้น และในโลกใบนั้นมีแค่สองสิ่งคือ "เธอ" และ "ความสุขของเธอ"... แม้ว่าผมจะได้ไปในที่ต่างๆ กับเธอเหมือนเช่นเคย ได้ไปเดินถนนคนเดินริมทะเล ปั่นจักรยานไปถ่ายรูปตอนเช้า ต่อคิวร้านยำหน้ามอ ดื่มนมซอย SS  ติวหนังสือให้เธอที่หอสมุด พาไปกินร้านผลไม้เจ้าประจำ หรือกระทั่งย่องไปดูเธอซ้อมหลีด แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าความสัมพันธ์นี้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่รอวันเลิกรา มีเรื่องหลายเรื่องที่ผมยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเธอ ใช่... เรารู้ว่าเธอเป็นหลีดผู้มีพรสวรรค์... เป็นคนสดใสร่าเริง... สวยประโลมโลก... มีเซ็กส์ที่ไร้ขอบเขต แต่ก็รู้แค่นั้น... เราไม่รู้ในสิ่งที่เธอไม่บอกให้รู้ อย่างเรื่องว่าเธอเลิกกับแฟนเก่าทำไม หรือเรื่องอนาคตของเธอกับเรา กระทั่งความคาดหวังต่างๆ ในตัวเราที่เธอไม่เคยพูด... เธอใช้ชีวิตแค่ "วันนี้" ซึ่งต่างกับผมที่ใช้ชีวิตเพื่อวัน "ข้างหน้า"... อาจจะเป็นตัวผมเองที่ร้อนรนอดทนรับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้... ระยะเวลาเกือบสามเดือนที่ผ่านมาผมมีความสุขมากนั่นคือความจริง แต่กับวันที่เหลืออยู่ผมคาดเดาอะไรไม่ได้เลย... โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เธอต้อง contact กับผู้คนมากขึ้น เจอคนต่างเพศมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้อง รุ่นพี่ หรือหนุ่มๆ ต่างคณะ ถ้าบวกกับปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่กำลังเกิดขึ้น... "ความหึงหวง" นั้นได้ก่อตัวขึ้นเป็นจุดเล็กๆ ในใจผมแบบไม่ทันตั้งตัว เธอเข้ากับทุกคนได้ง่าย เป็นมนุษย์สังคม อีกทั้งมีพรสวรรค์... สิ่งเหล่านี้ดึงดูดผู้คนต่างๆ ให้ตบเท้าเข้าหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของผู้ชื่นชม ผู้ให้กำลังใจ แฟนคลับ และผู้ติดตาม... เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ผมมั่นใจว่าเธอหนักแน่นไม่หวั่นใหวอะไรง่ายๆ เผื่อใจไว้ไม่กี่เปอร์เซ็นต์สำหรับอุบัติเหตุต่างๆ ทางความรู้สึกที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอสำหรับหนุ่มสาววัยรุ่น หรือว่าผมต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้... การเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ การคบกันชั่วคราว เรื่องต่างๆ เหล่านี้ เมื่อถึงวันที่มันต้องมาถึงผมจะทนยอมรับมันได้แค่ใหน...







22:20 น. วันเดียวกัน

"หอสมุด" ตั้งตระหง่านใจกลางมหาลัย ล้อมรอบด้วยสระน้ำสามด้าน พื้นที่ด้านหลังเป็นลานจอดรถจักรยานยนต์ บริเวณโถงชั้น1 เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง พร้อมกับ Free WiFi zone ต้อนรับเทศกาลเตรียมสอบ ไฟส่องสว่างของพื้นที่ชั้นแรกที่หอสมุดนี้เป็นกลุ่มไฟเดียวที่ยังรวมตัวสว่างใสวที่สุดในมหาลัย เหล่านิสิตจากทุกคณะตบเท้าเข้าจับจองโต๊ะติวหนังสือในช่วงโค้งสุดท้ายของการสอบปลายภาค มันเป็นเรื่องล้อหลอกที่ตลกร้ายถ้าเทียบกับต้นเทอม ที่นี่แทบจะเป็นสถานที่เงียบเหงาปราศจากเสียงอื้ออึง จำนวนโต๊ะมากมายถูกนำมาจัดสรรเรียงรายเพื่อเตรียมความพร้อม แต่เวลานี้ก็คงไม่พอรองรับปริมาณที่ล้นหลามนี้ได้... เทศกาลอ่านหนังสือนี้ยังส่งผลกระทบออกไปในบริเวณกว้างกินรัศมี 2 กิโลเมตรโดยรอบ ร้านข้าวใข่เจียวซอย SS ผุดขึ้นมากมาย ในฐานะอาหารง่ายๆ ที่แค่เลือกว่าจะใส่อะไร รอไม่กี่นาทีก็ได้กิน จากนั้นจะไปอ่านหนังสือต่อก็สะดวกสบาย รวมถึงร้านอาหารต่างๆ ที่ขยายเวลาการให้บริการสำหรับนิสิตที่อ่านหนังสือเตรียมสอบแล้วเกิดหิวขึ้นมาตอนดึก ร้านนมลูกค้าหดหาย ร้านเหล้า ผับ บาร์ ต้นหาด ลูกค้าซบเซา สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความคิด พฤติกรรมของหนุ่มสาวชาวนิสิตออกมาได้ดี เพราะการถูกรีไทร์ ไม่ว่าจะโปรสูง โปรต่ำ หรือติดเอฟ จะสร้างปัญหาความยุ่งยากมากมายในชีวิตตามมาไม่รู้จบ คนที่ยังเที่ยวเล่นอยู่เวลานี้ถ้าไม่ใช่พวกอัจฉริยะอ่านจบหมดแล้วล่วงหน้าเป็นเดือนๆ และใช้เวลาช่วงสอบรีแล็กซ์ผ่อนคลายเซลล์สมอง ก็ต้องเป็นกลุ่มที่ไม่เอาอะไรเลย ไปไม่รอด และถูกทอดทิ้งจากความโหดร้ายจำลองในรั้วมหาลัย

"เอาวิชานี้ก่อนนะ มันง่าย แค่จำๆ" ผมเอ่ยขึ้น

"เดี๋ยวเราอ่านไปพร้อมๆ กันเลย เราแล็คเชอร์ตอนอาจารย์พูดใว้หมดแล้วในสไลด์แต่ละชีท" หนึ่งพยักหน้าเหมือนเข้าใจ "อ่านเสร็จแล้ว เราผลัดกันถาม-ตอบแบบไม่ดูชีทนะ จะช่วยให้จำได้เร็ว" ผมเสริม การอ่านชีทในห้องสมุดที่เสียงดังอื้ออึงไม่มีใครรักษากติกา มีทางเดียวคือการอ่านออกเสียง เป็นเทคนิคที่ช่วยให้จำง่ายและลดเสียงแทรกจากภายนอกเข้าสู่โสตประสาทได้ดี ผมอ่านออกเสียงไปมองหน้าเธอไป รู้สึกกังวล พลางชี้ให้เธอดูโน๊ตย่อยในชีทตามเป็นระยะๆ...  หนึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการซ้อมหลีด เธอไม่แตะหนังสือเลยจนกว่าจะจวนตัวจริงๆ ส่วนผมยังใช้เวลาว่างนิดๆ หน่อยๆ อ่านทบทวนสะสมไว้บ้าง การสอบครั้งนี้เลยไม่น่าหนักใจเท่าไหร่ เพราะเหลือแค่สองจากแปดวิชาและยังมีเวลาเหลือเฟืออีกสองอาทิตย์... ช่วงอาทิตย์ก่อน ผมบอกปฏิเสธเพื่อนๆ เรื่องติวไปจนหมด ด้วยกลัวว่าในเวลาที่ใกล้เข้ามา การให้หนึ่งติวรวมกับเพื่อนๆ ไม่น่าจะทัน ตัวต่อตัวน่าจะเข้าใจเร็วกว่า นึกสงสารเพื่อนๆ เหมือนกันที่ผมลอยแพปล่อยให้อ่านกันเอง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมออกตัวช่วยติวให้ตลอด




Photo by Priscilla Du Preez on Unsplash




สังคมเพื่อนในมหาลัยไม่ใช่อย่างที่เจอตอนประถมหรือมัธยมเสมอไป ทุกคนเริ่มเติบโต สัญชาตญาณการเอาตัวรอด ความเห็นแก่ตัว และการต่อสู้แย่งชิง ถูกปลุกขึ้นมาให้เห็นชัดเจนมากขึ้น บางคนที่เข้าหา... มักจะเข้ามาด้วยเรื่องผลประโยชน์ บางคนเป็นคนเก่ง อาจจะเก่งกว่าคนที่ติวให้ แต่ด้วยความที่ขี้เกียจอ่านหนังสือเลยให้เพื่อนติวให้ มองในทางกลับกัน การเตรียมตัวมาเพื่อติวให้เพื่อนๆ ใช้เวลาทำความเข้าใจเนื้อหาแรมสัปดาห์หรือแรมเดือน ในขณะที่เพื่อนที่ให้ติวใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการเที่ยวเตร่ ถึงเวลาจวนตัวก็ขอให้ติวให้ ขอให้ได้ขอให้จบภายในวันนี้พรุ่งนี้... เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในสังคมมหาลัย ผมเข้าใจความคิดผู้คนมากขึ้น เข้าใจถึงเหตุแห่งการกระทำและจิตใต้สำนึกที่ถูกห่อหุ้มภายในร่างเนื้อที่เดินไปมานั้น... ความสวยใส ความหล่อ ความน่ารักตามวัยที่แสดงออกมานั้นล้วนแฝงไปด้วยอัตตาที่แตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง...

03:25 น. ผ่านไปสามชีท... หนึ่งเริ่มไม่ใหวแล้ว สมองอาจจะรับมันมากกว่านี้ในคราวเดียวไม่ได้ ผมตัดใจหลังจากที่น้ำเสียงเธอเริ่มอ่อนแรง คนในหอสมุดลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด เก้าอี้วางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ เศษขยะ กล่องข้าว แก้วน้ำและซองขนมขบเคี้ยวถูกทิ้งไว้ราวกับว่าไม่เคยมีใครเป็นเจ้าของ ยิ่งดึกมากเท่าไหร่กลิ่นต้นตีนเป็ดยิ่งคละคลุ้งไปทั่ว ทำให้ปวดหัวขึ้นมาหน่อยๆ เหมือนกัน เราตัดสินใจกลับหอเพื่อพักผ่อน... ไม่กี่อึดใจ เรากลับมาถึงหอพักอย่างรวดเร็ว... บริเวณโดยรอบเงียบสงบ ทางเดินหน้าห้องมืดจนมองอะไรไม่เห็น ใขกุญแจเปิดเข้าไป ปิดประตู... เราสองคนทิ้งตัวลงนอน ทุกอย่างหยุดนิ่ง ในหูผมมีเสียงวิ้งลอยค้าง ช่วงนี้ไม่มีคำถามทำนองว่า "หลับแล้วเหรอ..." มาสักพักนึงแล้ว ถ้าจะให้ยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติ มันคงไม่ใช่แน่ๆ แต่ต้องพยายามทำตัวให้ชิน... หลายครั้งผมต้องเป็นฝ่ายรุกเข้าหาก่อน แล้วโถมกำลังที่มีทั้งหมดเพื่อสร้างความสุขให้เธอ ผลลัพธ์ลงเอยเหมือนเดิมทุกครั้ง เธอเสร็จยากขึ้น... คืนนี้คงไม่ปลุกเธอตื่นขึ้นเพื่อทำอะไรให้เธอรู้สึกเหนื่อยไปมากกว่านี้... ผมเริ่มคิดว่า "หรือว่าเธอจะเบื่อผมเข้าแล้วจริงๆ..." ในชั่วเวลานั้น... ผมรู้สึกเวิ้งว้างแปลกตากับห้องนี้ ทุกอย่างเงียบสงบ ข้าวของทุกอย่างดูไม่คุ้นตา กลิ่นต่างๆ รวมทั้งแสงและเงาในห้องดูแปลกประหลาด เหมือนกับเดินทางมาใกลเพื่อไปค้างบ้านใครสักคนเป็นครั้งแรก และการนอนให้หลับได้สนิทเป็นเรื่องที่ยากที่สุด... เสียงในหัวผุดขึ้นมา "เรามาทำอะไรที่นี่..."







ก่อนที่ความคิดจะฟุ้งซ่านไปใกล ผมพยายามหาทางออกให้กับเรื่องนี้ ตัวเลือกในมือเหลือไม่มาก ไม่ว่ายังไงก็ต้องสร้าง "ความแปลกใหม่" เลยตัดสินใจว่าจะลองชวนเธอเปลี่ยนบรรยากาศออกไปมีเซ็กส์ในสถานที่ไม่คุ้นตาดูบ้าง อาจจะดึงอารมณ์ความสดชื่นกลับมาได้... นอกจากในห้องแล้วมีที่ใหนอีก... ผมมองออกไปนอกระเบียง มองเลยไปถึงป่าหลังหอพักซึ่งตอนนี้มืดมากจนมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร เดินออกไปตรงระเบียงยืนครุ่นคิด... ลมเย็นพัดกระทบใบหน้า สภาพอากาศกลางดึกให้อารมณ์ผ่อนคลาย อ้างว้าง... แฝงด้วยความลึกลับชวนพิศวง กลุ่มก้อนความมืดจับตัวตามสิ่งปลูกสร้าง ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นดิน ต้นไม้ ท้องฟ้า หรือกระทั่งในจิตใจ... หันกลับมามองที่หญิงสาว ที่บัดนี้นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างอบอุ่น...

01:45 น. วันต่อมา หลังกลับจากอ่านหนังสือ...

ป่าต้นไม้หลังระเบียงลู่หวิวตามแรงลม ท้องฟ้าฉาบสีน้ำเงินเข้ม ไอเย็นสดชื่นเข้าปกคลุม ระหว่างที่ความมืดมิดและการหลับใหลของผู้คนประสานสัมพันธ์กันเป็นเรื่องปกติ... ปรากฏร่างเงาเคลื่อนใหวบริเวณช่องระเบียงห้องๆ หนึ่งในหอพักซึ่งเงียบสงัด หญิงสาวจากห้อง 2310 อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เผยเนื้อหนังเนียนเรียบอร้าอร่ามทุกอณู สองท่อนขากางออกเล็กน้อย ยืนแอ่นสะโพกไปด้านหลัง ข้อศอกกางออกพักไว้ที่พนักระเบียงร่างกระเพื่อมไปมา น้ำลายเอ่อเคลือบริมฝีปาก เม็ดเหงื่อซึมออกตามต้นคอใหลลงกลางหว่างอกสีขาว... คืนนี้เธอเร่าร้อนเป็นพิเศษ... ผมอยู่ในท่าเข้าประกบด้านหลังย่อตัวเสยท่อนเนื้อประจำตัวทะยานเข้ากลีบงามอย่างลื่นใหลในน้ำกาม กระแทกกระทั้นเป็นระยะๆ มือสองข้างจับเอวเธอล๊อคทำจังหวะอัดกระแทกตามแรงส่ง "พลั่กๆ พลั่กๆ..." สะเก็ดน้ำกามเต็มหว่างขา เธอเสร็จนำไปก่อนหนึ่งครั้ง ตรงกันข้ามกับอารมณ์ที่ยังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง โยกเอวส่งมาด้านหลังอย่างรุนแรง แก้มก้นกระเพื่อมเป็นคลื่น "อื้มมมๆๆ นน เค้าเสียวว..." หนึ่งครางกระเส่า... ระเบียงห้องข้างๆ สี่ทิศทางทั้งบนล่างซ้ายขวา ถ้าบังเอิญออกมายืนรับลมต้องได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อแน่ๆ... ผมกระแทกเอวส่งท่อนเนื้อพร้อมมองออกไปรอบๆ อย่างตื่นเต้นในทุกขณะ กลัวคนเห็นกลัวคนได้ยินก็กลัว ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น สองอารมณ์ผลัดกันเกิดขึ้นสลับไปมา ออกผลเป็นรสเซ็กส์รสใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ตัดมาทางหลีดสาวที่ใส่อารมณ์แบบเต็มพิกัด พร้อมจะให้เห็นหรือได้ยินโดยไม่แคร์อะไร ขณะที่อารมณ์สองเราพุ่งพล่าน "อาา อาา ซึ้ดดดๆ" หนึ่งเร่งร้องให้สัญญาณอีกครั้ง ผมเดินเครื่องอัดลูกสูบกระแทกจากด้านหลังเต็มกำลัง "โอ๊ยย โอ๊ยยย ซี้ดดด อ๊าาา......ยย" เสียงหนึ่งร้องลากยาวดัง แบบนี้ข้างห้องได้ยินแน่ๆ... หลีดสาวเสร็จอีกครั้ง ผมเกือบเสร็จเหมือนกันแต่อั้นไว้ได้ ทำให้เกมยังเดินต่อ

ผมย่อตัวลงนอนราบ แผ่นหลังแนบกับพื้นระเบียงเย็นเฉียบ หนึ่งรู้งานย่อตามลงมาหมายจะขึ้นคร่อมหันแผ่นหลังให้แสงดาว แต่ไม่ใช่... ผมจับหนึ่งพลิกหันหลังนอนทับบนตัวเอง เธออ่านเกมออก เอาแขนยันพื้นระเบียงแอ่นอกยกเอวขึ้นเล็กน้อย "Reverse cowgirl" ผมชันเข่าขึ้นแล้วหนึ่งพักท่อนขาที่เข่าผมอีกที ขาสาวแบะอ้ากว้างอย่างเปิดเผย โหนกขาวนูนลอยเด่นส่งกลิ่นคาวผสมกับลมเย็นเป็นระลอก ผมเอื้อมมือมาจับท่อนตั้งขึ้น หนึ่งขยับให้ตรงกับร่องตัวเอง พอคลำปากร่องกับปลายหัวได้แล้ว... เราต่างออกแรงขยี้มันเข้าด้วยกันเป็นสองแรงบวก ผมกระแทกขึ้น หนึ่งกระแทกลง "อูยย ซึ้ดดด อื้มม......" หนึ่งตั้งใจบดขยี้คว้านเอวให้ช่องคลอดสัมผัสกับทุกอณูท่อนเนื้อให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มความเสียว กลีบเนื้อปลิ้นรัดท่อนเอ็นครูดกระฉอกเข้าๆ ออกๆ ผมจับเอวหนึ่งยกขึ้นยกลงกระแทกรัวๆ "ปั่บๆๆ" จนพวงก้นสาวเหวี่ยงตีหน้าขาส่งเสียงดัง หนึ่งเริ่มจับจังหวะให้ตรงกับผมกระแทกเอวลงมา "อื้มม อื้มม อื้มมม" "ปั่บๆๆ" "โอ้ยย โอ้ยย" ทั้งกระแทกเองครางเองตามแรงส่ง เธอเร่าร้อนจริงๆ... ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่เดาว่าคงขมวดคิ้ว ครางปากสั่นด้วยความเสียว... วิวท้องฟ้าแต่งแต้มด้วยดวงดาวระยิบ เราสองคนนอนหงายซ้อนสอดท่อนเนื้อกระชับแน่นดื่มด่ำมันไปพร้อมๆ กับรสเซ็กส์ที่สุดหฤหรรษ์ ไม่นานผมก็ยกหนึ่งออก น้ำอุ่นแตกทะลักราดท้องตัวเองเหนียวข้น...







"นอนตรงนี้กันเลยมั้ย เย็นสบายดีอ่ะ" ผมเสนอ "ได้หมดแหระ..." หนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสนุก ผมกับหนึ่งลุกไปหยิบหมอน ผ้าห่ม จัดแจงปูนอนกอดก่ายกันบนพื้นกระเบื้องเย็นริมระเบียงอย่างสมอารมณ์

บรรยากาศเย็นเฉียบ เงียบสงบ...

"นน ยุงกัดหน้าเค้าอ่ะ" เสียงหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากนอนไปได้สักพัก

"เหรอ เราไม่โดนกัดเลยนะ มียุงด้วยเหรอ" ผมเสียงอู้อี้ กำลังจะหลับสนิท หนึ่งคลุมโปงทั้งตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนียุง

ผ่านไปครู่หนึ่ง...

"พั่บ!" ผมตบหน้าตัวเองจากอาการเจ็บจี้ด "ฮึ่ย มียุงจริงๆ ด้วย..." สงสัยเริ่มได้กลิ่นมนุษย์แล้ว ผมคิดในใจ เพราะตอนเรามีเซ็กส์กันไม่เจอยุงเลยแม้แต่ตัวเดียว

"ย้ายไปนอนข้างในกันเหอะ..." ผมเสนอ "ป่ะ เห็นมั้ยบอกแล้ว ยุงเยอะ..." หนึ่งพูดพลางหอบผ้าผ่อนปีนขึ้นเตียงด้วยสายตางัวเงีย และแล้วไอเดียการนอนตรงระเบียงก็ต้องพับเก็บไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา...


เช้าวันต่อมา... ผมและหนึ่งลืมตาตื่นด้วยความสดใสกว่าที่เคย ระเบียงรักเมื่อคืนถูกสาดส่องด้วยแสงแดดแรงเข้ม ทุกอย่างกลับมาสว่างสใวอีกครั้ง เรามองหน้ากันแบบเขินๆ ต่างรู้ในใจว่าเมื่อคืนเราสองคนทำเรื่องพิเรนท์ไว้ขนาดใหน ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้น แต่มันคือการปลดล๊อคความรู้สึกระหว่างเราให้กระชับเข้าหากันได้สนิทมากขึ้น ถ้าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องที่ไม่ควรเอ่ยขอ การตัดสินใจทำมันในจังหวะที่ถูกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้เรียนรู้

และก็เป็นอีกครั้ง... ที่ผมผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากไปได้ เมื่อสมองปลอดโปร่ง... ผมหันกลับมาตั้งหน้าตั้งหน้าติวหนังสือกับหนึ่งอย่างเข้มข้นกว่าที่เคย วันนี้เราตัดสินใจไม่เข้าเรียนคาบที่ใกล้ปิดคอร์ส เพื่อเอาเวลาทั้งวันมาใช้อ่านหนังสือ เป็นเทคนิคส่วนตัวที่ผมใช้มาตลอดตอนที่อ่านหนังสือไม่ทัน ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อหนึ่ง... การชั่งน้ำหนักเวลาสำหรับนิสิตเป็นเรื่องสำคัญ วิชาที่ใกล้จะปิดคอร์สห้าวิชากินเวลาเจ็ดชั่วโมงต่อวัน อย่างมากก็สอนได้แค่บทท้ายๆ บทเดียวต่อหนึ่งวิชา เจ็ดชั่วโมงนั้นสามารถอ่านจบ 100% สำหรับหนึ่งวิชาได้หากเข้มข้นกับมันให้มากพอ ใช้เวลาพักระหว่างวันสักสี่ห้าชั่วโมง และต่ออีกวิชาตอนกลางคืนห้าถึงหกชั่วโมง เท่านี้ก็สามารถจบได้เกือบสองวิชาต่อหนึ่งวัน ผมตัดสินใจใช้แปลนนี้เพื่อตัดจบทุกวิชาให้กับหนึ่งภายในหนึ่งอาทิตย์ บางวันที่มีการเรียนการสอนแค่หนึ่งถึงสองวิชา แน่นอนว่ายิ่งไม่ต้องกังวลหากยังมีโควต้าการลาหยุดไม่เกินที่อาจารย์กำหนด ไม่แปลกใจที่เพื่อนๆ จะไม่ได้เห็นเราสองคนปรากฏตัวแถวตึกเรียนในช่วงนี้ อีกทั้งหอสมุดยามเช้าจนถึงเย็นนั้นช่างเงียบสงบ ไร้ผู้คน... เหมาะแก่การอ่านหนังสือผิดกับช่วงเวลากลางคืนลิบลับ










"เย้ ตอนนี้ก็เหลือแค่สามตัว... ขอบใจมากนะนน" หนึ่งพูดพลางทำตาหวาน ชูไม้ชูมือยกใหญ่ "เห็นมั้ย ถ้าหนึ่งไม่งอแง ยังไงก็อ่านทัน" ผมตอบขณะหอบหนังสือเดินออกมาจากหอสมุดกับหนึ่งในช่วงเย็น ต้นอาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบวันแรก เป็นเรื่องดีที่ช่วงนี้ทางคณะประกาศงดทำกิจกรรมไว้ก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมสู่สนามสอบ ไม่งั้นผมคงต้องเจอเธอในสภาพซอมบี้นั่งอ่านไปหลับไปอย่างเมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนี้ผมอ่านจบทุกรายวิชาแล้ว เหลือแค่หลีดสาวและสามวิชาในเวลา 1 อาทิตย์ที่เหลือ นับว่าสบายมาก แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ วันนี้ถือว่าหนึ่งไปได้เร็วมากผมเลยตัดสินใจให้เธอพักผ่อนสมองสักวันนึง

"ไปกินหมูกระทะกันมั้ย" เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอยากไปแน่ๆ

"ได้ๆ" "จะถือเป็นรางวัลที่เธอตั้งใจอ่านหนังสือละกัน..." ถ้าจะให้พูดตรงๆ ผมเป็นคนไม่ชอบหมูกระทะหรือวัฒนธรรมการกินอะไรแบบนี้เลย เพราะคิดว่าการสั่งอาหารมาทานเป็นจานๆ ไป น่าจะอร่อยกว่าการย่างเองต้มเองแน่ๆ แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน บางคนอาจจะคิดว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่รสชาติอาหารเสมอไป วิธีการกินก็มีส่วนให้เกิดความสุขในการบริโภคอาหารได้เช่นกัน... พูดได้เลยว่าหมูกระทะ ชาบูกับนิสิตเป็นของที่แยกจากกันไม่ขาด สังเกตได้จากร้านชาบูหมูกระทะจำนวนมากในรัศมีรอบมหาลัย ทุกร้านล้วนมีเอกลักษ์เป็นของตัวเองและคนก็แน่นทุกร้านจริงๆ หนึ่งเป็นคนที่ชอบกินหมูกระทะมากคนนึง แต่ไม่ใช่คนที่กินเก่งหรือกินได้เยอะอะไรมากมาย เธอแค่ชอบบรรยากาศในการกินจากการได้ย่างเองต้มเองตามประสานักกินหมูกระทะทั่วไป...

หนึ่งเลือกร้านในซอย SS สภาพกว้างขวาง บรรยากาศดี คนค่อนข้างคึกคัก ที่นั่งตกแต่งสวยงามด้วยต้นไม้ให้อารมณ์แบบญี่ปุ่น แบ่งเป็นสองโซนคือโซนด้านล่างใกล้บาร์อาหาร และโซนระเบียงรอบร้านด้านบน บาร์อาหารตั้งอยู่ตรงกลางสไตล์เรียบหรูประดับประดาด้วยไฟหลุมบนเพดานแบบที่ผมเจอบ่อยในห้างสรรพสินค้า สามารถเดินเลือกตักอาหารได้ทั้งสามด้าน บาร์น้ำแยกต่างหาก มีให้บริการทั้งแบบต้มชาบูและย่างกระทะร้อน เราเลือกทั้งสองอย่างด้วยราคาหัวละ 219฿ และตัดสินใจนั่งโซนระเบียง... พริบตาเดียวที่พนักงานรับโต๊ะเสร็จ หนึ่งเดินถือจานอาหารมาเต็มไม้เต็มมือ "ไง ไปดูยัง มีอะไรที่นนกินได้บ้าง" เธอรู้ว่าผมกินไรไม่ค่อยได้เหมือนคนทั่วไป ผิดกับเธอที่มาถึงก็เล็งอาหารที่ตัวเองชอบไว้เรียบร้อย ผมลุกไปเลือกตักอาหารมาได้ไม่ค่อยเท่าไหร่ ยืนอยู่หน้าบาร์อาหารสดอยู่นานแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ส่วนใหญ่เน้นไปทางอาหารปรุงสำเร็จและของทอดที่ทานได้ง่าย ตัดกลับมาที่โต๊ะตอนนี้เรียงรายไปด้วยวัตถุดิบสารพัดที่ตระเตรียมกันไว้จนโต๊ะที่เลือกดูเล็กลงไปเลย เมนูหลักๆของหนึ่งคือกุ้ง ปลาหมึก มีหมูบ้าง และผักที่มากมายเป็นพิเศษ ประปรายด้วยวัตถุดิบแปลกๆที่อยากชิม "เดี๋ยวเราลงใข่ก่อนนะ" หนึ่งตอกใข่ลงช่องน้ำซุปริมกระทะ ใช้ตะเกียบตีใข่เบาๆ ให้แตกเป็นเส้น มือนึงเด็ดผักกาดขาวลงลวกพร้อมๆ กันอย่างชำนาญ ผมเก้ๆ กังๆ ทำไรไม่ถูก คีบหมูสามชั้นสไลด์ลงกระทะร้อน พอน้ำมันเริ่มออกมาจากหมูก็กระเด็นใส่ "โอ้ย" ผมร้องสะดุ้ง เอามือจับแขน "ฮิๆๆ" หนึ่งหัวเราะ เราใช้เวลาอยู่ที่ร้านกันเกือบสองชั่วโมง จากเนื้อมาผัก สลับมาเนื้อ ตบท้ายด้วยของหวาน เราสองคนเริ่มนั่งหงายท้องพิงพนักเก้าอี้ กระทะกรังเขม่าดำ กองเปลือกกุ้งสูงพะเนิน หนึ่งบ่นอิ่มจนแน่นท้อง เราสองคนตรงดิ่งกลับมาที่หอพัก หนังตาหย่อน ผลอยหลับกันตั้งแต่หัวค่ำ
 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

ones26421


piga1979

เริ่มก้าวเข้าสู่sexแบบไม่ธรรมดา

nowhereman

อ่านสนุกเหมือนเดิม ดีว่าเปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นตรงระเบียงช่วยแก้ขัดได้บ้าง งานนี้ท่าจะเหนื่อยที่ต้องหาอะไรใหม่ๆตลอด

ผู้เฒ่าเซราะกราว

สงสัยว่านนคงจะต้องพาหนึ่งเล่นเซ็กส์แปลกใหม่ไปเรื่อยๆเพื่อที่จะไม่ให้เกิดความจำเจ แล้วต่อไปก็นำไปสู่การเล่นเซ็กส์สวิงล่ะมั้ง....????

akerue

ต่อไปก็พัฒนาเป็น ให้คนอื่นเห็น ตามด้วยให้คนอื่นร่วมด้วย

blackjack

 ::HoHo::  งานละเอียดอ่านแล้วเพลิน รอว่าจะสวิงยังไงแต่คงอีกยาวแน่ๆ

artherox

เริ่มเสร็จยากขึ้นเรื่อยๆนะหนึ่ง ต้องทำให้ตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ

san2503

รออย่างใจจดใจจ่อสำหรับตอนใหม่ บรรยายละเอียดนึกภาพตามได้อารมณ์มาก เซ็กส์เป็นเรื่องหาสิ่งแปลกใหม่มาเติ่มเต็มให้คู่ของตัวเองไม่เบื่อหน่าย เพิ่มความเร้าใจมากขึ้น ชอบมากครับ

feedmillman


kobjuk


M_ne

ครั้งแรกระเบียง ต่อๆๆไป outdoor ไปเรื่อยๆๆ ฟินดี

palladium

อยากได้ย่อหน้าเยอะกว่านี้ ตอนนี้มันติดกันไปนิด อ่านค่อนข้างลำบากครับ

teenee4you

อ่านเเล้วลุ้นกันไปครับ ว่าจะมีคนมาเเจมเมื่อไหร

Shine Muscat

#14
 ::Horror::

ลุ้นว่าจะมีคนมาแจมก่อน หรือจะอยากโชว์คนอื่นก่อนกัน  ::Grimace::

กลายเป็นยุงรุมแทน (สถานที่แบบนึกย้อนความหลังทั้งนั้นเลย  ::Elder::