ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_saradio

เศรษฐีใหม่ เศรษฐีหื่น ตอนที่ 2

เริ่มโดย saradio, พฤศจิกายน 21, 2019, 07:38:56 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

saradio

   อีกสามวันต่อมาก็ถึงวันโอน พวกเรามีนัดกันที่กรมที่ดิน วิภาวีเป็นตัวแทนบริษัทนายหน้าที่จัดเตรียมเอกสาร และพาเจ้าของเดิมซึ่งให้ตัวแทนเป็นผู้รับมอบอำนาจมาเซ็นโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนผมก็แค่เตรียมเช็คเงินสดเอาไว้เพื่อรอจ่ายและเซ็นรับกรรมสิทธิ์ ขั้นตอนไม่มีอะไรยุ่งยากหากเอกสารครบถ้วน แต่ที่ช้าก็เพราะต้องรอคิว

   ตลอดเวลาที่วิภาวีเจอผม เธอไม่ค่อยคุยกับผมเท่าไหร่ และมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด แถมไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้หรืออยู่กับผมตามลำพัง
        จนผมนึกมันเขี้ยว ต้องเหล่ปลายตามองเธอหลายครั้ง และดูเหมือนเธอก็หวาดระแวง จนต้องแอบมองผมอยู่บ่อยครั้ง จนสายตาบางทีมาปะทะกัน เธอก็รีบหันหลบแกล้งทำอย่างอื่นกลบเกลื่อน

พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับ ในตอนนั้นผมเดินตามหลังวิภาวีไป ขณะที่เธอกำลังเดินไปขึ้นรถ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่ง ผมก็พูดทักจากข้างหลังเธอว่า

"คุณไปส่งผมหน่อยได้มั๊ย ผมไม่มีรถมา"

วิภาวีถึงกับตกใจ ที่ผมแอบย่องตามหลังมา เธอรีบตอบเสียงตะกุกตะกักว่า

"ฉะ ฉัน ยังมีงานต่อ ไปส่งไม่ได้หรอก"

ท่าทางของเธอดูหวาดหวั่น แววตาหวาดระแวง คล้ายเหยื่อที่มองเห็นสัตว์ผู้ล่ายืนอยู่ตรงหน้า ผมพลันยิ้มอย่างกันเอง พูดแซวว่า

"อ้อ พอโอนเสร็จ ก็จบ ไม่มีการบริการหลังการขายกันเลยใช่มั๊ย เอาน่าไปส่งหน่อย ไม่เสียเวลาคุณมากนักหรอก"

วิภาวีไม่สนใจ เธอรีบเปิดประตู และขึ้นไปนั่ง ผมก็เลยรีบไปเปิดประตูอีกข้างแล้วขึ้นไปนั่งเหมือนกัน เธอตกใจไม่น้อย ร้องโวยวายว่า

"เฮ้ย ขึ้นมาทำไม ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่ไปส่ง ลงไปเดี๋ยวนี้นะ"

สองมือเธอพยายามดันผมลงจากรถ ส่วนผมก็ฝืนตัวแข็งไว้ และขึ้นเสียงว่า

"เอ้า โวยวายเข้าไป ถ้ามีคนมามุงดู ฉันจะบอกเรื่องของเราให้หมดเลย"

เธอถึงกับหน้าชา โวยวายไม่ออก พลันเสียงแหบแห้งเหมือนจะร้องไห้ พูดว่า

"คุณต้องการอะไรอีก สัญญาของเรามันจบไปแล้วนะ"

"ก็จบแล้วไง ผมก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรกับคุณสักหน่อย ก็แค่ขออาศัยให้คุณไปส่งเท่านั้น คุณจะไม่มีน้ำใจเลยหรือไง ยังไงผมก้เป็นลูกค้าบริษัทคุณนะ"

วิภาวี ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ เธอได้แต่สกัดกลั้นอารมณ์ พูดว่า

"ก็ได้ เสร็จแล้วคุณก็อย่ามายุ่งกับฉันอีกก็แล้วกัน"

แล้วเธอก็สตาร์ทเครื่อง ขับรถออกไป

ระหว่างที่รถวิ่งอยู่นั้น วิภาวี เห็นผมเอาแต่มองเธอแล้วยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยกรุ่มกริ่มอย่างมีความสุข เธอพลันเกิดความหวาดระแวง พูดตวาดผมเบาๆ

"คุณมองอะไร"

"เปล่า ผมก็แค่ ชอบเวลาคุณขับรถ"

แล้วผมก็เลื่อนสายตาลงไปที่กระโปรงที่สั้นของเธอ ที่โชว์ขาอ่อนแยกออกจากกันเล็กน้อยดูน่าเย้ายวนยามที่เธอขยับตัวขับรถ วิภาวีถึงกับผวาและรีบหุบขาหนีบเข้าหากัน ความรู้สึกที่ถูกลวนลามด้วยสายตาและคำพูดนั้น ทำเอาเธอเสียวไปถึงท้องน้อย เมื่อนึกถึงตอนที่เขาลูบล้วงเธอในรถ

"อย่าทำอะไรบ้าๆนะ คราวนี้ฉันแจ้งตำรวจจับคุณจริงๆด้วย"

เธอรีบบอกอย่างรนราน มองผมด้วยความระแวงไปหมด ทำให้ขาดสมาธิควบคุมรถ จนรถเฉียงออกจะค่อมเลน ผมเลยต้องร้องเตือนว่า

"เอ้ยๆ ดูทางหน่อย เดี๋ยวก็พากันตายโหงทั้งคู่หรอก ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า"

เธอเลยได้สติรีบหันไปบังคับพวงมาลัยขับต่อไป แต่ก็ยังไม่เลิกระแวงผม ยังหันมาชำเลืองมองอยู่บ่อยครั้ง

จากนั้นเราก็เงียบกันไปพักใหญ่ แล้วในที่สุดผมก็เริ่มพูดเข้าเรื่องว่า

"ผมขับรถไม่เป็น จะไปไหนทีก็ลำบาก แถมคอนโดก็ใหญ่ อยู่คนเดียวดูแลก็ยาก ก็เลยคิดอยากจะหาเลขามาช่วยดูแลเรื่องพวกนี้สักหน่อย คุณว่าไง"

   วิภาวี มีอาการงงเล็กน้อย ที่จู่ๆผมชวนคุยถามแบบนี้ เธอเลยพูดว่า

   "คุณอยากจะหาก็หาไปสิ จะมาบอกฉันทำไม"

   "ก็ที่ผมถามคุณ ก็เพราะอยากได้คุณมาเป็นเลขาผมไง"

   "หะ ..หา ..."

   วิภาวี ร้องเสียงหลง ก่อนอึ้งไปพักหนึ่ง สายตาเธอสลับจากมองทางมามองผมอย่างนึกสงสัย ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่แล้วเธอก็ปั้นหน้าหยิ่ง พูดว่า

   "ทำไมฉันจะต้องไปเป็นเลขาคุณด้วย ฉันก็ทำงานของฉันดีอยู่แล้ว"

   "เหรอ ถ้าดีอยู่แล้ว ทำไมถึงยังเป็นหนี้หละ"

   วิภาวี ตอบไม่ได้ ถึงกับหน้าเสีย ผมเลยหัวเราะพูดต่อว่า
   "ไอ้หน้าหยิ่งๆของคุณเนี่ยนะ มันน่ามันไส้จริงๆเลย ...มา เอายังงี้ คุณอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ คุณเรียกผมมาได้เลย"

   วิภาวีอึ้งในวิธีการพูดของผม และพอจะเริ่มรู้ตัว เพราะการที่ให้เธอเรียกจำนวนเงินที่ต้องการโดยให้เธอเป็นผู้ระบุแบบนี้ มันย่อมต้องมีความนัย เธอจึงแสยะสีหน้า เค้นเสียงดังเชอะ ก่อนพูดว่า

   "ฉันรู้แล้ว คุณคิดอะไรอยู่ คุณอยากจะเลี้ยงฉันไว้เป็นเมียเก็บใช่มั๊ย ฉันไม่เอาหรอก"

   สีหน้าเธอทั้งโกรธและขมขื่นในเวลาเดียวกัน เพราะคิดว่า ถึงเธอจะต้องยอมเสียตัวเพื่อแก้ปัญหาการเงินที่รุมเร้าเข้ามา โดยยอมนอนกับผมในคืนนั้น แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะต้องไปเป็นเมียเก็บถาวร เลยปฏิเสธเสียงแข็ง

ผมเลยคิดว่านี่คงยังไม่ใช่เวลา และเธออาจจะยังรักแฟนเธออยู่ ก็เลยหันเหไปว่า

"เธอเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนี้ไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องงานล้วนๆ  งั้นผมเสนอให้เลยละกัน เงินเดือน 5 หมื่น ทำงาน 7 โมงถึง 4 ทุ่ม มีวันหยุดวันอาทิตย์ งานที่ทำคือดูแลผมและเป็นผู้ช่วยคอยจัดการงานต่างๆให้ผม ว่าไงสนใจมั๊ย"

วิภาวีฟังจนนิ่ง และแอบอดคิดตามไม่ได้ เพราะเงินเดือน 5 หมื่น เทียบกับภาวะเศษฐกิจในตอนนี้ที่เธอขายคอนโดไม่ค่อยจะได้ ถือว่าไม่น้อยเลยที่เดียว เนื่องเพราะลูกค้าเริ่มมีน้อย แต่เซลล์ขายนั้นมีมาก อยู่ในภาวะที่ทุกคนต้องแก่งแย่งกันเพื่อความอยู่รอด ใครเส้นสายดี ก็ได้งานดีๆที่ลูกค้ามีโอกาสซื้อสูงไป

ส่วนเธอไม่ค่อยได้งานดีๆนัก ขายไม่ค่อยได้ ขายได้ก็ได้คอมมิชชั่นน้อย จนเธอต้องยอมไปนอนกับผู้จัดการเพื่อแลกงานใหญ่มา แต่ถึงงานนี้จะสำเร็จได้คอมมิชชั่นมาหลักแสน แต่วันข้างหน้าก็ไม่รู้จะเป็นยังไงอีก ดังนั้นการมีเงินเดือน 5 หมื่นที่ได้ตายตัวทุกเดือนโดยไม่ขึ้นอยู่กับการขาย มันจะทำให้เธอรู้สึกมั่นคงกว่าที่เป็นอยู่

ตอนนั้น เธอลังเล คิดจนใจลอย เพราะยังไม่ค่อยไว้ใจผมเท่าไหร่ ผมเห็นแล้วต้องทักเรียกสติเธอคืนมา ว่าตกลงเอาไง เธอก็ยังตัดสินใจไม่ได้และไม่ได้ตอบ จนกระทั้งถึงคอนโด เธอเลี้ยวรถเข้าอาคารจอดรถของคอนโด พอรถจอดหน้าทางขึ้นลิฟท์ เธอก็ตัดสินใจพูดว่า

"มันไม่มีเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าแน่นะ"

เธอถามย้ำให้แน่ใจ ผมจึงยิ้ม พูดอย่างที่เล่นที่จริงว่า

"แน่นอนว่าไม่มี แต่ถ้าคุณร้อนเงินอยากทำเป็นครั้งคราว ผมก็โอเคนะ"

วิภาวี ถึงกับโมโห เพราะถูกพูดจี้ปม เลยง้างมือจะตบ แต่ผมก็ไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว คิดว่าเธอไม่กล้าหรอก เลยยิ้มและจ้องตาเธอให้รู้ว่าผมเอาจริง เธอก็ไม่กล้าที่จะลงมือจริงๆ เลยลดมือลง เก็บกั้นอารมณ์ไว้ แล้วเธอก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามต่อว่า

"ถ้าฉันทำ แล้ว... แล้วฉันสามารถเบิกก่อนลวงหน้าได้มั๊ย"

"ไม่มีปัญหา คุณจะเอาเท่าไหร่หละ"

"เออ คือ หะ ห้า แสน"

เธอพูดอ่อมแอ้มไม่ค่อยเต็มเสียง เหมือนนึกเกรงใจเพราะเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่ สำหรับการเบิกก่อนล่วงหน้าทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน

ผมรู้ว่าเธอจะเอาเงินไปทำอะไร และผมก็ไม่ขัด เพราะเป็นสิ่งที่ผมต้องการอยู่แล้ว เนื่องจากไม่อยากให้เธอต้องไปนอนขัดดอกอีก และใช้หนี้ไปให้จบๆ เลยพูดว่า

"ถ้าคุณจะเบิกเยอะขนาดนั้น งั้นเราไปทำข้อตกลงเป็นสัญญาการทำงานกันเลยดีมั๊ย"

วิภาวีเกิดอาการลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตกลง ผมจึงพาเธอขึ้นไปบนเพนท์เฮาส์ของผมเพื่อพิมพ์สัญญา

เมื่อถึงชั้นเพนท์เฮา วิภาวีก้าวเดินตามหลังเข้าไปอย่างประหม่า เพราะกลัวว่าผมจะหลอกเธอมาทำอะไรมิดีมิร้าย แต่ผมก็ไม่มีทีท่าจะทำอย่างที่เธอคิด แถมยังเปิดประตูทางออกทิ้งไว้ เพื่อให้เกิดความสบายใจ ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอสามารถวิ่งหนีไปที่หน้าลิฟท์ ที่มีกล้องวงจรปิดที่พร้อมจะบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานให้เธอได้

เมื่อวิภาวี เดินตามเข้ามาอยู่กลางห้องโถงและนั่งลงบนโซฟาที่เธอเคยถูกกระทำย่ำยีจนสำเร็จเสร็จน้ำกระจาย ทำให้เธอต้องหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เธอพยายามจะสลัดภาพความทรงจำเหล่านั้นให้ออกจากหัวมันก็ไม่ได้ มีแต่จะยิ่งแจ่มชัดขึ้น จนแก้มของเธอค่อยๆแดง ใจเต้นวาบหวิว และมีอาการครั่นเนื้อครั้นตัวอย่างบอกไม่ถูก

   ผมถือโน๊ตบุ๊คที่ซื้อมาใหม่ มานั่งข้างๆ ขอบัตรประชาชนของเธอมาใส่รายละเอียดในสัญญา ตอนนั้นผมถึงได้รู้อายุจริงของเธอ ว่าเธออายุ 26 แก่กว่าผมสองปี แต่หน้าเธอดูเด็กกว่าผมอีก

จากนั้นผมก็เริ่มพิมพ์ข้อตกลงระหว่างกัน เป็นสัญญาว่าจ้างการทำงาน ทุกข้อส่วนใหญ่ ยืมข้อกำหนดมาจากสัญญาจ้างทั่วไป จนมาถึงท้ายๆที่ผมจะพิมพ์ข้อตกลงเพิ่มเติมลงไปเอง ผมก็เลยถามเธอ ว่า

   "คุณมีแฟนมั๊ย"

   ผมถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่เธอกลับตอบได้อย่างอยากลำบาก เพราะถ้าหากบอกว่ามีเธอจะดูเป็นผู้หญิงแพศยาทันที ที่มีแฟนแล้วยังไปเที่ยวหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นเพื่อเงิน

แต่เธอก็กลั้นใจตอบตามจริงว่า มี ผมดีใจที่เธอไม่โกหก แสดงว่าพื้นฐานเธอเป็นคนที่ซื้อสัตย์คนหนึ่ง แล้วผมก็พิมพ์ลงไปว่า
   'ห้ามท้องในตลอดสัญญาว่าจ้าง หากท้อง สัญญาว่าจ้างถือเป็นที่ยุติ' แล้วผมก็ถามเธอว่ามีลูกมั๊ย เธอตอบว่าไม่มี อันนี้ผมไม่ได้พิมพ์อะไร แค่อยากรู้เฉยๆ แล้วผมก็ไม่มีอะไรจะถามต่อ เป็นอันสิ้นสุดและพิมพ์ออกมาสองฉบับพร้อมสำเนาบัตรประชาชน แล้วให้เธออ่านอีกรอบ เพื่อตรวจทาน

   เธออ่านมันอย่างละเอียดและดูไม่มีอะไรที่ต้องแก้ไข จึงลงลายมือชื่อ แล้วผมก็ลงตาม เมื่อเสร็จสิ้นเธอก็รีบถามอย่างร้อนใจว่า

   "คุณจะให้ฉันเบิกเงินวันนี้เลยใช่มั๊ย"

   ผมก็พยักหน้า และขอเลขบัญชีเธอ และโอนเงินผ่านแอพไปให้ เธอเผยยิ้มอย่างปลอดโปร่งโล่งใจ รีบพูดขอบคุณ ผมเลยให้กุญแจสำรองกับเธอ พร้อมพูดว่า

   "ต่อไปนี้คุณต้องเรียกผมว่า เจ้านาย และก็ต้องดูแลผมให้ดีด้วย และคุณควรไปจัดการเรื่องลาออกจากบริษัทของคุณให้เรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาทำงาน"

   เธอพยักหน้ารับ และรีบไปตามที่บอกด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ที่มีเงินไปใช้หนี้ ส่วนผมก็มองตามหลังเธอด้วยความรู้สึกที่มีความสุขไปกับเธอด้วยเช่นกัน

ในตอนนั้นผมรู้ตัวเองแล้วว่า ผมไม่ได้ชอบเธอแค่เรื่องเซ็กส์ แต่ผมก็ยังรักเธอด้วย เพราะผมรู้สึกว่า เวลาผมอยู่ใกล้เธอ ผมมีความสุขและสนุกเวลาพูดคุยหรือแหย่เธอเล่น  แต่กระนั้น ผมก็ยังไม่คิดอยากจะมีเมียถาวร เพราะผมเพิ่ง 24 และมีเงินหลายหมื่นล้าน ทำไมผมจะต้องรีบมีเมีย ผมยังหาความสุขกับชีวิตผมไม่เต็มที่เลย

ดังนั้นสถานะที่ผมให้เธอได้ก็คือเมียเก็บ แต่ดูท่าทีแล้ว สถานะนั้นเธอคงไม่รับ ผมก็เลยต้องเปลี่ยนแผน มาจ้างเธอให้มาอยู่ใกล้ผมแทน อย่างน้อยๆการได้คุยได้แหย่เธอเล่นก็ทำให้ผมมีความสุขคลายเหงาไปได้ แถมผมยังเชื่อว่า รักแท้ยังไงก็แพ้ใกล้ชิด ต่อให้เธอรักผัวเธอแค่ไหน นานๆไปเธออาจจะคล้อยตามผมเองก็ได้   
   ---------------------
   พอเช้าวันรุ่งขึ้น วิภาวี มาทำงานตามเวลาที่ระบุไว้ เธอไม่ได้สวมชุดทำงานเป็นเซลล์ขายคอนโดอีกแล้ว หากแต่ใส่ชุดลำลองสบายๆ เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ และแต่งหน้าไสตล์เบาๆ ที่ดูสดใส ทำให้เธอดูเด็กลงกว่าที่เจอตอนใส่ชุดทำงาน ในตอนนั้นเธอมีรอยยิ้มอยู่ตลอด แลดูมีความสุขกับชีวิต เพราะเมื่อคืนเธอได้ใช้หนี้ไปหมดแล้ว และในตอนนี้เธอเหมือนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่

   เมื่อมาถึงชั้นเพนท์เฮาส์ เธอก็จะใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป ด้วยความอารมณ์ดี แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงชายหญิงส่งเสียงเหมือนกำลังร่วมรักกันอยู่ เสียงนั้นทำเธอถึงกับใจหาย และรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจเล็กๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  แต่เมื่อเธอฟังดีๆ เธอก็รู้สึกว่า มันน่าจะเป็นเสียงของหนังเอวีมากกว่า  เพราะได้ยินเสียงพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น

ด้วยความสงสัยที่อยากรู้ให้แน่ชัด เธอจึงค่อยๆย่องตามเสียงที่ได้ยิน เดินผ่านห้องรับแขกไปจนถึงที่ห้องโถง และแล้วเธอก็เห็นทีวีจอยักษ์เปิดหนังโป๊ผ่านอินเตอร์เน็ตคาไว้อยู่และมันคงยังเล่นอยู่อย่างต่อเนื่อง

ในตอนนั้น ผมนอนหลับปุ๋ยแก้ผ้าอล่างฉ่าง กอดกายผ้าห่มสีขาวผืนหน้านุ่ม บนโซฟานอนเล่นตัวใหญ่ ที่เคยใช้ร่วมรักกับเธอ ข้างล่างโซฟานั้น มีขนมขบเคี้ยวที่ถูกเปิดกินพร้อมเบียร์กระป๋องหลายกระป๋องที่ถูกกินหมดแล้ววางอยู่ข้างๆ และที่เด็ดสุด คือมี กระดาษทิชชูที่ใช้แล้วขยุ่มอยู่เป็นกองรวมกัน บ่งบอกให้รู้ว่าผมทำอะไรก่อนหลับไป

   เธอถึงกับร้อง ยี้ และรีบไปหารีโมทมาปิดทีวี แล้วตรงมาดึงขยับผ้าห่มปกปิดความอุจาดของผมเอาไว้ จากเสียงทีวีที่เงียบไป และผ้าห่มที่ถูกขยับ ทำให้ผมรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมา ด้วยท่าทางงัวเงีย พูดเสียงอ้อแอ้ว่า

   "มาตั้งแต่เมื่อไหร่"

   เธอไม่ได้ตอบ แต่พูดบ่นสีหน้าบึ้งตึงว่า

   "น่าเกลียดที่สุดเลย ทำไมต้องมาทำอะไรตรงนี้ด้วยนะ"

   เธอไม่กล้าบ่นมาก เลยพูดสั้นๆ และพยายามดึงผ้าห่มผมให้คุลมตัวให้มิด ผมเลยรู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน และเธอบ่นบึ่งเรื่องอะไร เลยหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แล้วพูดว่า

   "โธ่ ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้ แค่นี้ก็ทำบ่น"

   "ไม่ให้บ่นได้ไง ก็มันน่าเกลียดจริงปะหละ มีใครดีๆที่ไหน มาแก้ผ้านอนทำเรื่องบ้าๆแบบนี้กลางบ้าน"

   เธอย้อนเถียงคอเป็นเอ็น จนผมรำคาญเลยทำเป็นขึ้นเสียงโมโห พูดว่า

   "นี่ ฉันเป็น เจ้านาย เธอนะ เถียงเก่งจริงๆ คนยิ่งมึนๆหัวอยู่ ..ไปชงกาแฟมาซิ"

   เธอเลยต้องเงียบถอนหายใจอย่างอดทน และหน้างอไปชงกาแฟตามที่บอก ผมมองตามเธอและแอบหัวเราะในใจ เพราะนึกชอบจริงๆ เวลาผมสั่งบังคับเธอ แล้วเธอต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

   "คุณใส่น้ำตาลกี่ช้อน อ่ะ"

   "เจ้านาย สิ และพูดให้มันเพราะๆด้วย"

   เธอถึงกับเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วพูดใหม่ ว่า

   "เจ้านายค่ะ ใส่น้ำตาลกี่ช้อนค่ะ"

   ผมหัวเราะชอบใจแล้วบอกไปว่ากี่ช้อน เธอก็ชงตามที่บอก และถือเดินมาให้ จังหวะนั้นผมก็แกล้งลุกขึ้นยืนไปรับจากมือของเธอ โดยปล่อยผ้าห่มที่อยู่บนตัวให้หลุดออก และเผยให้เธอเห็นร่างกายเปลือยเปล่าตรงหน้าเธอจะจะ
   เธอถึงกับเบือนหน้าหนี ร้อง
   "โธ่ ว๊อยยย"
   นึกฉุนจนหน้าแดง ที่โดนแกล้งแบบนี้ ส่วนผมกลับหัวเราะชอบใจ เดินแก้ผ้าโท่งๆ ถือกาแฟ ไปเข้าห้องน้ำ และกินกาแฟนอนแช่อ่างให้ส่างเมา

   พักใหญ่กว่าผมจะออกจากห้องน้ำ โดยใส่เสื้อคลุมอาบน้ำออกมานั่งทิ้งตัวเอนหลัง ยืดเส้นอย่างผ่อนคลาย
ในตอนนั้น วิภาวีเก็บกวาดสิ่งที่ผมทำเลอะเทอะทิ้งไว้เมื่อคืนออกไปหมดแล้ว แล้วเธอก็กำลังนั่งจดลิสรายการของที่ต้องซื้อเพิ่มเติมอยู่ หลังจากที่สำรวจดูทุกห้องว่าขาดเหลืออะไรบ้างมาหมดแล้ว

พอเธอเห็นผมออกมานั่งอย่างเอกเขนกสบายอารมณ์ ก็แอบนึกมันไส้ไม่ได้
แล้วเธอก็พูดขึ้นว่า

"รายการของที่ต้องซื้อเยอะเลยค่ะ ฉันว่าจะออกไปซื้อ ..."

"อื้ม ไม่เอาไม่อา อย่าใช้คำว่า ฉัน ใช้คำว่า นู๋ สิ"

"โหยยยย ฉันแก่กว่าคุณอีกนะ"

"เอ๊า แล้วตอนที่มาขอให้ซื้อคอนโด ทำไมพูดได้ แถมเรียกฉันว่าพี่อีก"

"ก็ตอนนั้น มัน..."

วิภาวีพูดได้แค่นั้น ก็ไม่รู้จะเถียงยังไง เลยทำใจตั้งใจพูดใหม่ว่า

"ของที่ต้องซื้อเยอะเลย นู๋ว่าจะออกไปซื้อ ..แต่นู๋ไม่มีรถ เพราะรถนู๋คืนบริษัทไปแล้ว เจ้านายมีรถให้นู๋ยืมมั๊ยคะ"

เธอเน้นคำว่า นู๋ อย่างประชดเล็กๆ แต่ผมก็ไม่ได้ถือสาแถมหัวเราะชอบใจ และพูดว่า

"ไม่มีหรอก ฉันขับรถไม่เป็น เอาอย่างงี้ เดี๋ยวก็ออกไปซื้อเลยก็แล้วกัน"

"พูดง่ายเนาะ ซื้อปุ๊บได้ปั๊บเลยที่ไหน ไม่ต้องจองก่อนหรือไง"

"เอ๊า ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็นั่งแท็กซี่ ไม่เห็นจะอยาก เรื่องแค่นี้คิดไม่ออกหรือไง"

วิภาวี นึกฉุนขึ้นมาเล็กๆ ที่ถูกตอกกลับมา เหมือนว่าตัวเองโง่  แต่ตอนนั้น ก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนเอาแต่ใจอย่างเขาอีกแล้ว เพราะเถียงไปก็ไม่ชนะ ก็เลยเงียบจะดีกว่า พลันก็อดอิจฉาคนรวยอย่างเขาไม่ได้ ที่คิดอยากจะได้อะไรก็ซื้อได้ดังใจ ขนาดรถยังพูดเหมือนออกไปซื้อขนมหน้าเซ่เว่น

แล้วเธอก็ลองถามความคิดเห็นว่า

"แล้วเจ้านายอยากได้รถอะไรค่ะ"

ผมก็ตอบไปว่า

"รถอะไรก็ได้ ฉันไม่สนหรอก เพราะฉันไม่ใช่คนขับ เธอเลือกเลยก็แล้วกัน ว่าจะเอาแบบไหน"

คราวนี้ วิภาวี แอบยิ้ม นึกไปถึงรถในฝันที่อยากจะขับ เพราะหลังจากที่ต้องขายรถเก๋งคันเก่าตอนขัดสนแล้วหันมาใช้รถบริษัทแทน รถคันใหม่ที่เธอฝันอยากจะได้หากตั้งตัวได้ใหม่ ก็เจ้า มินิคูเปอร์ นี่แหละ เลยถามแย็บลองใจผมว่า

"มินิคูเปอร์ เป็นยังไงคะ"

แค่เธออ้าปากผมก็เห็นลิ้นไก่แล้ว เพราะรอยยิ้มและแววตาของเธอมันฟ้อง ว่าอยากได้ ผมก็เลยถามว่า

"ชอบเหรอ"

เธอไม่ปิดบัง ยิ้มนิดๆ แล้วก็พยักหน้าหน่อยๆ หน้าตาดูเขินๆน่ารัก จนผมอดยิ้มตามไม่ได้ เลยพูดว่า

"ก็ตามใจสิ"

เธอถึงกับยิ้มไม่หุบ ดูตื่นเต้นเอาการ คงคิดในใจว่า ถึงตอนนี้ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ได้ขับก็ยังดี

หลังจากนั้นก็ตกลงกันว่า จะไปซื้อรถก่อน โดยพากันนั่งแท็กซี่ไปที่โชว์รูม เธอก็เลือกรุ่นที่เธออยากได้ เป็นรุ่น 2016 s Clubman ที่เป็นรุ่นคันใหญ่ 5 ประตู รุ่นที่เธออยากได้ ราคามัน 3 ล้านกว่าในรุ่นนท็อป และเธอดูตื่นเต้นดีใจตอนลองขับเหมือนซื้อรถของตัวเอง ซึ่งเธอก็คงไม่รู้หรอกว่า ที่ผมให้เธอเลือก ก็เพราะจริงๆผมเจตนาซื้อให้รถให้เธอจริงๆนั่นแหละ

โชคดีที่มีอยู่ในสต๊อค เลยไม่ต้องรอ จ่ายเงิน และเอารถออกไปได้เลย ส่วนฟิมล์กันแดดเดี๋ยวค่อยกลับมาติดทีหลัง
พอได้รถมาแล้ว วิภาวีก็ขับรถพาผมไปที่ห้าง เพื่อไปซื้อของในลิสรายการของเธอ ในตอนนั้นผมดูเธอขับรถ แล้วถอนหายใจดัง เฮ้ออออ ยาวๆ

เธอเลยอดสงสัยถามไม่ได้ว่า

"เจ้านายเป็นอะไรคะ"

เธอถามด้วยสีหน้ายิ้มอารมณ์ดี เพราะกำลังสนุกกับการขับรถคันใหม่ ที่คันเร่งเหยียบติดตีนขับขี่ได้ดังใจ แต่ผมทำเป็นหงุดหงิดไม่สบอารมณ์หน่อยๆ พูดว่า

   "ที่หลังแต่งชุดอย่างนี้มานะ อยู่บ้านเหอะ ไม่ต้องมาทำงานหรอก เสียรมณ์"

   "อะรายยย อ้า ฉันทำอะไรผิดอีกเนี่ยะ"

   เธอร้องตัดพ้อออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพราะจู่ๆผมก็อารมร์เสียเฉยเลย แต่พอเห็นผมมองต่ำไปที่ต้นขาของเธอ ที่ตอนนี้เธอใส่กางเกงยีนส์อยู่ เธอก็เริ่มจะรู้ พลันหน้างออย่างนึกรำคาญใจ ร้อง หูยยยย ออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร

   ผมก็เลยรำพึงตัดพ้อแทนว่า

   "คนเราอะนะ อุสาห์ช่วยจ้างเงินเดือนแพงๆ ทั้งยังให้เบิกล่วงหน้า โดยไม่ได้หวังอะไร ขอแค่ดูอะไรให้เจริญตาหน่อยก็ไม่ได้ ใส่มาซะมิดเชียว ที่ตอนเป็นเซลล์ดันใส่ได้"

   วิภาวีถึงกับมีสีหน้าหุนหวยกับคำพร่ำบ่นของผม จนต้องเปรยบ่นกับตัวเองเบาๆว่า

   "โรคจิตหรือป่าวว่ะ"

   แล้วเธอก็ทำเป็นไม่สนใจขับรถต่อไป ส่วนผมก็เงียบเฉยไม่พูดอะไรต่อ

----    

เมื่อไปถึงห้าง วิภาวี รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกปั่นประสาท เพราะผมไม่ค่อยพูดแถมถามคำก็ตอบคำ และเงียบขรึมหน้างอเหมือนคนกำลังงอน จนเธอรู้สึกกดดันจนทำตัวไม่ถูก รู้สึกบรรยากาศไม่เหมือนตอนที่กำลังไปซื้อรถ ที่ตอนนั้นบรรยากาศดี๊ดี คุยกันสนุก แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลยทีเดียว เพียงเพราะสาเหตุที่เธอไม่นุ่งสั้นแค่นั้นเอง

วิภาวีต้องคิดตัดพ้อว่า จะให้เธอนุ่งสั้นมาอยู่ลำพังกันสองต่อสองกับคนที่เธอเคยมีสัมพันธ์ด้วยเนี่ยนะ มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอถ้าเขาเกิดหน้ามืดคิดจะปล้ำเธอขึ้นมาจะทำยังไง วิภาวีนึกมาถึงตอนนี้ก็ตอบตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน

ในตอนนั้นผมเดินนำหน้าเธอโดยไม่ได้รอ พอเห็น ธนาคารก็เลี้ยวเข้าธนาคารโดยไม่ได้บอก วิภาวีมัวเดินเหมอ่คิดตามมาข้างหลัง พอเผลอแป๊บเดี๋ยวก็ไม่เห็นผมแล้ว ทำให้ต้องรีบมองหา แล้วก็เห็นผมไปนั่งรอคิวอยู่ในธนาคาร

เธอไม่ได้ตามเข้าไป นึกน้อยใจที่ผมทำอะไรไม่บอกและไม่รอ ตอนนั้นเธอเลยคิดว่าจะยืนรอข้างนอก แต่พอดีเหลือบไปเห็น ลานจัดแสดงสิ้นค้าลดราคาที่เดินต่อไปอีกไม่ไกลนัก เธอก็เลยเดินตรงเข้าไปดู

ผมพอเสร็จธุระออกจากธนาคาร ออกมา ทั้งไม่เห็นเธอยืนรออยู่ข้างหน้าและไม่เห็นเธอเดินเข้าไปในธนาคาร ก็ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน พาให้นึกหงุดหงิด รีบกดโทรศัพท์โทรตาม

"เออ อยู่ไหนเนี่ย"

"ค่ะ กำลังไปแล้วค่ะ"

เธอบอกเหมือนอยู่ใกล้ๆนี้ แล้วเธอก็โพล่มาในชุดใหม่ ใส่กระโปรงสั้น ในมือถือถุงใส่เสื้อผ้ามาใบหนึ่ง แล้วเดินมาหยุดยืนจังก้าข้างหน้าผม โชว์ชุดเดรสกระโปรงสั้นเต่อแทบจะเสมอหู ที่เพิ่งไปซื้อมาใส่สดๆร้อนๆ พร้อมพูดว่า

   "ทีนี้ พอใจหรือยังคะ เจ้านาย"

   ผมถึงกับหลุดยิ้มขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วยื่นบัตรเอทีเอ็มที่เพิ่งไปเปิดบัญชีมาให้ และยิ้มพูดว่า

   "เอ้า นี่บัตร เอาไว้ใช้จ่ายซื้อของ"

   เธอเอื้อมมือมาฉกเอาไปด้วยท่าทีมันไส้ ที่ผมยิ้มไม่หุบหลังจากเห็นเธอนุ่งสั้น แล้วเธอก็เดินนำไปโดยไม่รอผม

   บรรยากาศกลับมาดีอีกครั้ง แล้วเธอก็เลือกซื้อของได้สบายใจขึ้น แถมเธอยังชวนให้ผมซื้อเสื้อผ้าใหม่ เพราะเสื้อผ้าที่ผมซื้อมาไว้ในทีแรกรวมถึงชุดที่ใส่อยู่ ถึงจะมีราคา แต่เธอก็ดูแล้วไม่เหมาะกับผม มันดูขาดๆเกินๆ แถมแก่และเชยไป

ผมไม่สันทัดเรื่องแฟชั้นการแต่งตัวอยู่แล้ว ก็เลยมีปัญญาเลือกมาใส่ได้แค่นี้แหละ แต่ถ้าเธออยากให้ผมเปลี่ยนใหม่ ผมก็ให้เธอจัดการ

เธอยิ้มอย่างนึกสนุก และพาผมเข้าออกร้านเสื้อผ้าสิบกว่าร้านเป็นว่าเล่น และเลือกซื้อเสื้อผ้าให้มากมาย ทำให้ผมรู้ได้ว่าผู้หญิงกับการซ็อปปิ้ง นี่เป็นของคู่กันจริงๆ ถึงจะเป็นการซื้อให้คนอื่นและไม่ได้จ่ายเงินเอง แต่เธอขอแค่ให้ได้เลือกและมีส่วนร่วมในการซื้อ เธอก็จะมีความสุขกับมัน

   วันนั้นพวกเราซื้อของกลับมาเต็มคันรถ เธอก็เอามาเรียงจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จนห้องต่างๆมีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน แม้กระทั้งในห้องน้ำก็มีพวกครีมโลชั่นบำรุงผิวหน้าวางเอาไว้ให้หยิบใช้ ตอนแรกผมคิดว่าเธอซื้อมาเผื่อตัวเธอจะมาใช้ แต่เปล่าเธอซื้อมาให้ผมใช่ จะได้ดูดีขึ้น ผมเลยต้องนึกค้อนในใจว่า แสดงว่าหนังหน้ากูดูไม่ดีใช่มั๊ย ถึงได้ซื้อมาเพียบขนาดนี้ ก็เลยคิดอยากจะลองใช้ดูเหมือนกัน

พอถึงสี่ทุ่ม เธอก็ขอตัวกลับ ผมก็ให้รถเธอไปใช้เลย ไว้ขับมาทำงาน พอเธอไปแล้วความเงียบเหงาก็กลับมาหาผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ชักว่าว ผมไปเที่ยวอาบอบนวด ซึ่งจะไม่ขอบรรยายฉากเซ็กก็แล้วกัน เพราะมันไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น และสำคัญกับชีวิตผมเท่าไหร่ ก็แค่ไประบายความเงี่ยน ที่ผมต้องสะกดกั้นที่จะไม่ทำอะไรกับ วิภาวี ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันแค่นั้น

ถึงตอนนี้ หลายคนที่อ่าน คงจะคิดว่าผมโง่ ทุ่มเงินไปตั้งเยอะ แต่ไม่ได้คิดจะทำอะไร อุสาห์ตามอ่านมาตั้งนาน มาถึงตรงนี้ เสือกปล่อยกลับบ้าน หันไปตีกระหรี่ เฉยเลย

ผมก็อยากจะบอกว่า

แล้วทีพวกมึงละ ไอ้สัด ซื้อบัตรจับมือ BNK หมดกันไปเท่าไหร่ ได้เหี้ยอะไรบ้าง นอกจากจับมือไม่กี่วิ ... ตอนกูไม่มี กูก็มองพวกมึงโง่เหมือนกันแหละว้า ที่ไม่รู้จักเอาเงินไปตีกระหรี่เสียให้รู้แล้วรู้รอด.. เออ แต่พอกูมีแล้วกูถึงได้เข้าใจไง ว่า จริงๆ การใช้เงินซื้อความสุข มันก็ไม่จำเป็นต้องมีสาระหรอกเว้ย อยู่ที่ชอบใครชอบมัน
ทำไม กูจะ โอชิ วิภาวี ใครมีปัญหามั๊ย...........

เออ ถ้าไม่มีปัญหา พวกมึงก็เงียบ แล้วอ่านต่อไป ก็แค่นั้นแหละ ไม่รู้เป็นอะไร พอรวยแล้วรู้สึกกร่าง หัวร้อนง่ายจริงๆ

นันทชัยบอก ทะเลาะกับคนอ่าน

---------

จนเวลาผ่านไปสามเดือน เธอกับผมเริ่มมีความผูกพันสนิทกันมากขึ้น และเธอก็ลดความหวาดระแวงว่าผมจะทำมิดีมิร้ายกับเธอไปจนหมด ชนิดที่ยอมให้ผมแตะเนื้อต้องตัวเธอได้ แถมยังใส่นุ่งสั้นมาทำงานทุกวัน

แล้วเธอก็ยังแนะนำให้ผมเข้าสถานเสริมความสวยความงามดูแลรักษาผิวหน้าให้เกลี้ยงเกลา แบบที่พวกดาราและพวกไฮโซชอบไปทำ พร้อมกับพาผมไปเล่นฟิตเนสเพื่อเสริมหุ่นและบุคลิกภาพอีกด้วย

เธอดูมีความสุขและสนุกกับการจัดการเรื่องพวกนี้และเห็นการพัฒนาความเปลี่ยนแปลงของผม จากผู้ชายที่ดูธรรมดา มาเป็นคนที่ดูดีมีออร่า และสมาทหุ่นเท่ห์ แบบแมนๆ แต่ผมก็ไม่ได้ทำคนเดียว ผมให้เธอทำเป็นเพื่อนด้วยในทุกๆคอสกิจกรรม จนเธอดูสวยขึ้นอีกเป็นกอง และหุ่นก็อึ๋มแน่น ชนิดที่เดินผ่านต้องเหลียวหลังกันเลย

ในตอนนั้นผมขับรถเป็นแล้ว เพราะให้วิภาวีสอน และถอยรถสปอร์ทซุปเปอร์คาร์มาอีกหนึ่งคัน เพื่อใช้สำหรับเที่ยวตอนกลางคืนหลังจากวิภาวีกลับไปแล้ว

ผมจำไม่ได้แล้วว่า ตั้งแต่ผมรวยมา นับเวลา 3-4 เดือนมานี้ ผมเย็ดกระหรี่ไปแล้วกี่คน เพราะไม่ได้นับ แต่ก็น่าจะเกือบร้อย เพราะไปบ่อยโดยเฉพาะยิ่งมีรถขับเองยิ่งไปถี่ และบางวันก็ควบสองควบสาม แล้วแต่ว่าจะเจอใครสวยถูกใจน่าเย็ด จนผมกลายเป็นนักเที่ยวกลางคืนที่ชำชอง ที่สถานบริหารหลายแห่งรู้จักมักคุ้น

   วิภาวีเองก็รู้เรื่องนี้ เพราะผมไม่ได้ปกปิด และผมก็จับสังเกตอาการเธอได้ ว่า ทุกครั้งที่ผมไปเที่ยวเธอจะมีอาการแอบหึงเล็กๆหรือไม่พอใจหน่อยๆ โดยแสดงออกผ่านอากัปกิริยาต่างๆที่ผิดปกติไปเล็กๆน้อยๆ เช่นวันนั้นจะพูดน้อยลงและยิ้มยาก หรือบางทีก็มีอาการนั่งเหม่อ หรือไม่ก็หงุดหงิดง่าย อันนี้ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะ เพราะถ้ามันเกิดครั้งสองครั้งผมคงไม่เก็บเอามาคิด แต่นี้จะเป็นทุกครั้ง ถ้าวันนั้นผมบอกเธอว่าจะออกไปเที่ยวคนเดียว แล้วให้เธอกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานจริง เธอจะมีอาการแบบนี้ขึ้นมาทันทีโดยอัตโนมัติ

   แต่ถ้าวันไหนผมไม่ได้ไปไหนและอยู่กับเธอ เธอก็จะอารมณ์ดี ชวนผมพูดคุยทำโน้นทำนี่ตลอด เลยทำให้ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่า ในใจเธอตอนนี้ อาจจะมีผมแทรกเข้าไปนั่งอยู่แล้วก็ได้ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว

   แล้ววันหนึ่ง ผมกับวิภาวีอยู่ที่สถานเสริมความงามที่มาใช้บริการบ่อยๆ โดยกำลังจะกลับ และนั่งรอบัตรเครดิตที่ให้ไปรูดชำระเงินค่าบริการ

พอพนักงานเอาบิลใบเสร็จและเอาบัตรมาคืน ในบิลนั้นมีเบอร์โทร และมีชื่อ กุ้ง กำกับไว้ พร้อมกับข้อความว่า โทรมานะคะ ด้วย

ผมก็เลยต้องเงยหน้ามองพนักงานที่เอาบิลมาให้ เห็นเธอเป็นพนักงานคนที่ผมเห็นเป็นประจำทุกครั้งที่เข้ามาใช่บริการและก็ยิ้มทักเธอบ่อยๆ เพราะเธออยู่ฝ่ายต้อนรับ แต่ทุกครั้งผมก็ไม่เคยได้คิดอะไร จะมาคิดก็ตอนที่เธอแอบเอาเบอร์มาให้นี่แหละ
เพราะเธอก็สวยและหุ่นดีน่าเย็ดเลยทีเดียว ในตอนนั้นเธอก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยให้ผม แล้วก็เดินกลับไปประจำหน้าที่ จากนั้นก็มองมาสบตาผมอีกครั้ง แล้วรีบก้มหน้ายิ้มแสร้งเป็นทำงานด้วยท่าทางเขินเล็ก จากอาการนี้ก็รู้ว่าให้ท่าผมเต็มที่

   ตอนนั้นวิภาวีไปเข้าห้องน้ำ และเดินกลับมาพอดี ผมก็เก็บบิลใบนั้นเข้ากระเป๋ากางเกงโดยไม่ได้พูดอะไรแล้วพากันออกไป แล้วพอกลับถึงคอนโด ผมก็โทรไปคุยด้วย

   กุ้งเป็นผู้หญิงที่พูดเก่งสมกับเป็นพนักงานต้อนรับ ทำให้ผมคุยกับเธอได้ออกรสออกชาติ และเธอก็มักคุยแบบให้ท่านิดๆหยอกล้อหน่อยๆ ล่อให้ผมพูดจีบ ผมรู้ว่าผู้หญิงแบบนี้ผมฟันได้ไม่ยาก และเธอก็สวยน่าเย็ดไม่เบา ก็เลยเล่นด้วยพูดคุยจีบเธอไป

   ตอนที่ผมคุยอยู่นั้น ผมไม่ได้หลบไปไหน ผมนั่งอยู่กลางห้องโถงและคุยค่อนข้างเสียงดัง เพราะกำลังคุยกระเซ้าเหย่าแหย่กันอย่างออกรสออกชาติ ทำให้วิภาวีที่อยู่ในครัวกำลังเตรียมข้าวเย็นได้ยินและรู้หมดทุกอย่าง ว่ากำลังพูดกับใครจีบกับใครอยู่

   เธอเกิดอาการเสียสมาธิ เพราะไหนจะต้องเงี่ยหูฟัง มือไม้ก็ต้องจัดเตรียมของทำกับข้าว ทำให้ทุกอย่างดูเงอะงะสับสนไปหมด
       พลันคิดจะเปิดแก๊ส เอ้าเปิดแล้วนี่หว่า แล้วหม้อหละ อุ๊บ หม้ออยู่ในอ่างกำลังเปิดรองน้ำอยู่
เอ๊า แล้วเปิดแก๊สทำไมว่ะเนี่ย หม้อยังไม่ได้ตั้ง พอเอื้อมมือไปปิดแก๊ส เอ้านั่นน้ำร้นแล้ว ต้องรีบไปปิดก๊อกอีก โอ้ย วิภาวีดูวุ่นวายไปหมด จนเธอหัวเสีย

        แต่แล้ววิภาวีก็ต้องสะดุ้งอีก เมื่อผมโผล่เข้ามาบอกว่า

   "วิ เย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว เดี๋ยวฉันจะออกไปกินข้างนอก เธอกลับบ้านได้เลยนะ"

   วิภาวี ถึงกับมึนไปชั่วขณะ พอตั้งสติได้ก็รีบพูดว่า

   "อ่าว ก็ไหนเจ้านายบอกอยากจะกินพะแนงไก่ไง ก็ซื้อของมาเตรียมแล้วเนี่ยะ"

   "ก็เอาไว้กินวันหลังก็ได้ หรือเธอจะทำกินเองไปเลยก็ได้นะ แต่ว่าเดี๋ยวฉันจะออกไปแล้ว"

ผมพูดเสร็จก็ไม่รอ รีบไปเตรียมตัวอาบน้ำแต่งตัว วิภาวี ถึงกับระบายลมหายใจอย่างหงุดหงิด และเก็บของที่เอาออกมาเตรียมไว้เอากลับเข้าที่ เสียงดัง โคร้งๆ เคร้งๆ เหมือนคนทำประชดไม่สบอารมณ์ ส่วนสะโพกไก่ที่เธอหั่นเตรียมไว้แล้ว เธอถึงกับกวาดมันลงถังขยะ พอเธอจัดเก็บอะไรเรียบร้อย ออกมาจากครัวจะเอาขยะไปทิ้ง ก็ไม่เจอผมซะแล้ว ได้ยินแต่เสียงปิดประตูตอนที่ผมออกไป

tongah

เนื้อเรื่องดีครับ ผมอ่านไปยิ้มไป  ชอบครับ

cd13579

มีความทะเลาะกับคนอ่านด้วย ตูยังไม่ได้พูดอะไรเลย คนรวยนิสัยเสียนิเอ็ง
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

ibomin

เนื้อเรื่องตอนนี้ น่ารักดี อ่านสนุกได้อารมณ์นิยายวัยรุ่น

dodoza2

ผมยังไม่ได้พูดไรเลย 555 ขอบคุณมากครับชอบการเดินเรื่อง

outsider

รออ่านตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ สำนวนงานเขียนน่าติดตามครับ ชอบครับ

Palm79

เนื้อเรื่องสนุกดีครับ​  มีทะเลาะ​กับคนอ่านอีกต่างหาก
ขอบคุณ​ผู้แต่ง​มา​กครับสำหรับผลงานดีๆ

saistardust

เนื้อหาน่าติดตามมากครับ เเต่นิสัยอย่างวิภา น่าเอาเป็นเมียน้อยพอ
ไปหาสาว พริตตี้ หรือ นศ. เอ็กซ์มาเป็นเมียดีกว่า มีเงินซักอย่าง

ตะวัน123

หนูวิได้เป็นของเล่นไฮโซชิ้นแรกต่อไปขอเป็นนักศึกษาน่ะครับท่านผู้แต่ง

st789

เอาความฝันของผู้ชายส่วนใหย่มาเขียนเลยนี่

kjui2519

ไม่ค่อยได้เจอเนื้อเรื่องแนวนี้ ไปเรื่อย ไมต้องเน้นฉากเซ็กส์ เหมือนฟังคนเล่าเรื่องชีวิตตัวเองไปเรื่อยๆ เพลินไปอีกแบบครับ

knightmoon

หึงเจ้านายซะแล้ว หลงรักแล้วสินะแบบนี้ 5555

Anawat Sirirattanapaitoon

เดินเรื่องสนุกดีครับ ชอบคนรวยมันต้องอย่างนี้ครับ

oddsk

เนื้อเรื่องสนุกดีครับชวนให้น่าติดตามครับ

peddo


คิดถูกแล้วครับ มีโอกาสก็ฟันสาว ปั่นให้เธอหึงไปก่อน พอเธอได้เราแล้ว เราจะขยับยากครับ ให้รู้จักตัวจริวกันก่อนเลยก็ดี
สนุกดีครับ ลูกล่อลูกชนเพียบเหมือนเคย
ขอบคุณครับ