ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สาปพงไพร ภาคแม่แปรงทมิฬ ตอนที่ 3

เริ่มโดย pekopon66, พฤศจิกายน 24, 2019, 01:04:54 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

gootum4676

เจออะไรกันอีกครับเนี่ย ไม่ได้เป็นสุขเลย ว่าแต่สุขจริงๆๆคงจะเป็นสาวรัสเซียนี้แหละ

วีรการณ์ นาคชุ่มนุม


kiti90

จะโดนกระทิงขวิดหรืออะไรขวิดต้องติดตาม

Pongconchan

แนวผจญภัยแนวนายพราน หาอ่านยาก ชอบมากๆ


xijikoh

กระทิงมาแล้วววว นาตาชาได้โป๊ในป่าแน่เลย

Tone2526

ชวนกันจัดสวิงให้สาวรัวเซียเลยดีไหม เอ่ยมาซะขนาดนี้แล้ว

&555&

บทเพลงรักอันเร่าร้อนใครจะเป็นผู้เริ่มกันก่อนนนะลุ้นนน

Papiak

อ้างจาก: pekopon66 เมื่อ พฤศจิกายน 24, 2019, 01:04:54 ก่อนเที่ยง
หลายคนเรียกร้องหาตอนที่ 3 กัน ยังไงก็ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ลงเร็วเหมือนเรื่องอื่นๆ เพราะกะเขียนไปเรื่อยๆ แต่ที่ลงแน่ ลงเร็วก็คือ หมู่บ้านเริงรมณ์ เล่ม 2 นะครับ เรามาพบกันได้สัปดาห์หน้า สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่าน หมู่บ้านเริงรมณ์ สามารถอ่านในเว็บบอร์ดนี้หรือซื้อแบบอีบุ๊คได้ที่

http://www.tunwalai.com/ebook/detail?ebookId=5154

ใครที่อยากเข้าไปติดตามข่าวสาร พูดคุย หรือร่วมกิจกรรมก็สามารถเข้าไปเจอได้ที่เพจเฟชบุคของผมนะครับ

https://www.facebook.com/NTRwritter


-------------------------------------------------------------------------------------

ไลฟ์สไตล์ของโรมนั้นเป็นผู้ชายสายลุย ปีนภูเขา โดดบันจี้จั้มพ์ ขับรถแข่งเขาล้วนทำมาหมดแล้ว สิ่งที่โรมชอบอีกอย่างคือการยิงปืน หากแต่ว่าชีวิตเขาเคยยิงแต่ในสนามแข่ง เป้าเทียมเท่านั้น โรมไม่เคยและไม่คิดที่จะดับลมหายใจสิ่งมีชีวิตใดมาก่อน



ชายหนุ่มทรงผมสกินเฮ้ดเดินไปหานายพ่วง พรานเฒ่าที่กำลังนั่งลับมีดอยู่กับหินที่เก็บมาจากแถวลำธารเมื่อครู่



"มีอะไรหรือเปล่าครับคุณ" นายพ่วงเงยหน้ามาเห็นชายหนุ่มยืนมองอยู่

"ไม่มีครับ ยืนดูน้าลับมีดนั่นล่ะ เผื่อจะลองไปทำดูบ้าง"

"วิธีบ้านๆ ผิดๆถูกๆไปเรื่อยล่ะครับคุณ"

"ว่าแต่ผมขอลองถือปืนลูกซองหน่อยจะได้มั้ยครับ?" โรมชี้ไปที่ปืนที่วางอยู่ข้างตัวพรานพ่วง

"อื้ม ได้สิครับ คุณชอบเรื่องปืนรึ" พรานเฒ่ายื่นปืนให้ โรมรับมาถืออย่างทะมัดทะแมง

"จะว่าชอบก็ใช่ครับ แต่ก็เคยแค่ในสนามแข่ง ไม่เคยออกมาถือปืนในสนามจริงแบบนี้หรอกครับ ว่าแต่น้าเคยยิงสัตว์มั้ยครับ?" โรมประทับลูกซองแนบบ่าทำท่าเล็ง โดยรันแอบถ่ายอยู่ไกลๆ

"โอ๊ย..นับไม่ถ้วนแล้ว สมัยคึกคะนองเห็นอะไรเป็นยิงหมด โดนก็เยอะ ไม่โดนก็เยอะ"

"เห็นทีผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์ซะแล้ว"

"ถ้าเรื่องยิงปืน คุณลองไปคุยกับนายของผมจะดีกว่า ขานั้นหาตัวจับยาก ถึงจะไม่เวอร์วังเหมือนนายพรานในตำนานก็เถอะนะ" 

"เห็นว่าเป็นนายพรานสุภาพบุรุษนึกว่าจะไม่ชำนาญเรื่องปืนเสียอีก"

"ฆ่าสัตว์ว่ายากแล้ว ใช้ปืนปกป้องมันสิยากกว่า จริงมั้ย?" พรานพ่วงหยิบกระติกพกพาขึ้นมาดื่ม

"นั่นน่ะสิครับ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะใช้ปืนปกป้องพวกมันยังไง ว่าแต่น้าดื่มอะไรเหรอครับ กลิ่นหอมโชยมาเชียว" โรมเป็นคนจมูกดี แถมกลิ่นในกระติกก็แรงพอสมควร

"เหล้าต้มแบบพื้นบ้าน ลองดูมั้ยครับ แก้เหนื่อยล้าได้ดีนัก" โรมรับมาซดอย่างไม่ลังเล

"อื้อหือ แรงใช้ได้เลยนะครับเนี่ย แต่รสชาติก็ดีใช่ย่อย" เหล้าแรงจนหนุ่มโรมยังทำหน้าเหยเก

"ไม่ดีได้ยังไงล่ะครับ ผสมเยี่ยวเข้าไปนิด อร่อยนักแล"

"ว..ว่าไงนะครับ อุ๊!" โรมปิดปากอยากจะอ๊วก

"หยอกเล่นนะครับคุณ ใจเย็นๆ"

"โธ่ น้าทำเอาขวัญผมกระเจิงหมด"

"อย่าถือโทษโกรธผมเลย เดี๋ยวผมจะสอนวิชาที่ผมถนัดตอนออกไปหากิ่งไม้กับฝืนมาก่อกองไฟก็แล้วกัน" 

"พูดแล้วห้ามคืนคำนะครับ"



ในขณะที่หนุ่มหล่อสายลุยคุยกับพรานเฒ่าเพลิน พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนลั่นมาจากจุดที่ไม่ไกลจากแคมป์ ทุกคนต่างตื่นตระหนกแต่พรานพ่วงกับขิ่นก็ช่วยกันห้ามไม่ให้เหล่านายจ้างแตกตื่น



"ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจไป ไม่มีอะไรจะต้องห่วงครับ" หนุ่มน้อยขิ่นพูดอย่างมั่นใจ

"ทำไมล่ะ เมื่อกี้เสียงปืนไม่ใช่เหรอ?" รันแย้ง

"ครับ แต่นายของผมเคยสอนว่า ถ้าเสียงปืนลั่นครั้งเดียวแล้วเงียบไป ไม่น่ากลัวเท่ากับมีเสียงอื่นตามมาหลังจากนั้นครับ เพราะเป็นไปได้ว่าสถานการณ์คลี่คลายลงได้" ขิ่นเชื่อฟังและจดจำคำสั่งสอนของผู้มีพระคุณเป็นอย่างดี

"นายพงษ์ศักดิ์อาจจะมั่วก็ได้ ถ้าเสือมันโผล่มางับพี่ธีร์หรือพี่อิงฟ้าตายไปหมดแล้วล่ะ?"

"เสือไม่มีทางกินคนพร้อมกันได้สามคนหรอกนะครับ ถ้ามันกระโจนเข้าหาคุณธีร์หรือคุณอิงฟ้า เสียงกระสุนนัดต่อไปจากมือพรานอ่ำต้องตามมาทันที แต่ถ้ากระโจนใส่พรานอ่ำเอง ป่านนี้เราควรได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณอิงฟ้าไปแล้ว" คำพูดคำจาของขิ่นถอดแบบมาจากพงษ์ศักดิ์เป้ะ สมกับที่เลี้ยงดูกันมา

"พูดจากวนเหมือนกันเลยนะ"



รันกอดอกบ่นงึมงำ ไม่นานทั้งธีร์ อิงฟ้าและพรานอ่ำก็เดินกลับมาที่ตั้งแคมป์อย่างปลอดภัย รันกับโรมรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง ทั้งสามได้เล่าเรื่องงูเห่าให้ฟังเกือบทั้งหมด เว้นแต่เรื่องที่พรานอ่ำเห็นนาผืนน้อยของอิงฟ้าเท่านั้น พรานอ่ำชักชวนขิ่นกลับไปแถวพุ่มนั้นอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่ายังมีงูเห่าอาศัยอยู่อีกหรือไม่ เพราะมันอาจจะสร้างปัญหาให้กับนายจ้างทุกคนในทริปนี้



ธีร์พาอิงฟ้าที่ยังเรียกสติกลับมาได้ไม่เต็มที่เข้าไปนอนในเต็นท์ โดยมีรันคอยดูแลอยู่ตลอด ส่วนธีร์ก็ออกมานั่งคุยกับโรมอยู่หน้าเต็นท์เรื่องที่เขาสงสัยในตัวของพรานอ่ำ



"จะว่าแปลกก็แปลกจริงๆล่ะนะ" โรมฟังเรื่องแล้วพิจารณา

"เราก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี"

"ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน ยังไงพรานอ่ำเขาก็ช่วยชีวิตอิงฟ้านะ"

"...นั่นสินะ"



ธีร์ขอตัวเข้าไปดูแลคนรักต่อในเต็นท์ นาตาชาและอังเดรย์เข้ามาสอบถามถึงเสียงปืนที่เกิดขึ้น โรมจึงเป็นตัวแทนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แต่ไม่ได้พูดถึงพฤติกรรมน่าสงสัยของพรานอ่ำแต่อย่างใด 



"หากคุณจะไปไหนก็ระวังตัวกันด้วย"

"นี่คุณห่วงฉันด้วยรึ ดีใจจัง" สาวแหม่มสุดสวยจากเมืองหมีขาวหยอกล้อพร้อมมอบรอยยิ้มหวาน จนทำเอาพ่อหนุ่มสายลุยเขิน

"ผมก็ห่วงทุกคนล่ะ รวมถึงเพื่อนชายของคุณด้วย"

"ฉันอยากจะพูดกับคุณใหัชัดเจนนะ เพราะไม่อยากให้คุณเข้าใจผิด อังเดรย์ไม่ใช่ เพื่อนชายของฉัน เขาเป็นแค่ เพื่อนของฉันเฉยๆ"



นาตาชาพูดข้างหูของโรม แต่ก็ดังพอที่อังเดรย์จะได้ยินด้วย ชายร่างใหญ่กลับยิ้มพยักหน้าเห็นด้วย โรมไม่เข้าใจความสัมพันธ์ทั้งสองด้วย แต่ที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่าคือตัวของเขาเอง ทำไมต้องสนใจเรื่องของเธอด้วย



หลังจากหายไปเกือบสองชั่วโมง พรานสุภาพบุรุษอย่างพงษ์ศักดิ์ ไพรสุวรรณ ก็เดินกลับมา โรมแอบมองด้วยความชื่นชม เดินป่าหลายชั่วโมงขนาดนี้ นายพงษ์ศักดิ์ไม่ยักกะมีท่าทีเหนื่อยล้า มีเพียงเหงื่อเท่านั้นที่ออกเพื่อระบายอากาศ ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์



นายพ่วงรีบเข้าไปรายงานสถานการณ์ โรมสังเกตุจากสีหน้าของพรานหนุ่มหัวหน้าคณะแล้วก็โล่งอก เพราะอีกฝ่ายยังคงยิ้มแย้มเมื่อเจอเขา



"ท่าทางจะเจอเรื่องตื่นเต้นกันพอสมควรเลยนะครับ" พงษ์ศักดิ์เข้ามาตบไหล่โรม

"ครับ ผมเองก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน จะว่ากลัวก็กลัว จะว่าตื่นเต้นก็ตื่นเต้น อยากจะลองเจอมันดูสักครั้งเหมือนกัน"

"เยี่ยมครับ เมื่อกี้ตาพ่วงแกมาขออนุญาติผมเพื่อที่จะพาคุณออกไปเก็บไม้มาทำกองไฟแล้ว"

"สุดยอด แต่ว่าออกไปเก็บพวกกิ่งไม้แค่นี้ ต้องถึงกับขออนุญาติเลยเหรอครับ"

"ถ้าไปกับผม ขิ่นหรือพรานอ่ำคงไม่ต้องขออนุญาติหรอกครับ แต่กับตาพ่วง เขามีคู่อริที่ยังเคลียร์กันไม่ได้ จึงไม่ค่อยเหมาะที่จะออกไปเดินป่าคนเดียว" พงษ์ศักดิ์ยิ้ม

"คู่อริ คือใครเหรอครับ?"

"กระทิง น่ะครับ"



พงษ์ศักดิ์เล่าให้โรมฟังถึงเรื่องราวเมื่อปีก่อน นายพ่วงที่เริ่มมีอายุก็ออกเดินหาของป่าตามภาษาพรานเก่า พกลูกซองไทยประดิษย์ไปด้วยกระบอกเพื่อป้องกันตัว แต่โชคไม่ดีแกบังเอิญไปปะกับกระทิงโทนตัวหนึ่ง ตาพ่วงเล่าว่าตัวของมันใหญ่มาก จนคิดไม่ออกว่ามันถูกไล่ออกมาจากกลุ่มได้ยังไง



ด้วยความตกใจนายพ่วงเลยซัดลูกซองออกไป แต่แกไม่ได้เล็งให้ดี กระสุนเลยเฉียดถากตัวของมัน ที่โดนหนักสุดเห็นจะเป็นเขาที่บิ่นหัก จนนายพ่วงตั้งชื่อให้มันว่า ไอ้บิ่น เจ้ากระทิงโทนตัวนั้นหนีไปด้วยความตกใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้านหลายคนเห็นมันวนเวียนหาโอกาสเอาคืนอยู่ บางครั้งก็เข้ามาอาละวาดทำลายพืชผล 



แค่ฟังโรมก็เสียวไปถึงสันหลัง แต่โรมชอบความท้าทายอยู่แล้วเขาจึงออกมากับพรานเฒ่าเพื่อหากิ่งไม้และเรียนรู้วิชาตามคำเชิญ มีสิ่งเดียวที่โรมไม่เข้าใจหลังจากเดินแยกกลุ่มออกมากับพรานพ่วงคือ ทำไมนาตาชาต้องตามเขามาด้วย!



"คุณรู้มั้ยว่าพวกเรากำลังจะไปไหนกัน" โรมหันไปถามนาตาชาที่เดินตามมาหน้าตาเฉย

"ฉันรู้สิ หัวหน้าคณะบอกว่าคุณจะไปหาไม้มาทำกองไฟ ฉันเลยตัดสินใจมาด้วย"

"แล้วคุณไม่กลัวรึ?" 

"กลัวอะไรล่ะ?"

"ไอ้บิ่น... กระทิงโทนตัวใหญ่"

"ทำไมจะต้องกลัว ฉันมีคุณอยู่ทั้งคน"



คำตอบของนาตาชาทำเอาโรมไปต่อไม่ถูก ทั้งที่เขาก็เจอผู้หญิงมาหลายรูปแบบ แต่แบบนี้เดาใจยากเหลือเกิน ตาพ่วงพานายจ้างทั้งสองเดินขึ้นสูงไปเพื่อตามหากิ่งไม้ที่แห้งและจำนวนมากพอเพื่อที่จะจุดกองไฟได้ทั้งคืน อีกไม่นานตะวันก็จะลับขอบฟ้าแล้ว พวกเขามีเวลาไม่มาก นายพ่วงเลือกใช้เส้นทางด่านช้างเป็นการหาไม้ เพราะมันมักจะมีต้นไม้หักล้มจากการเดินผ่านของช้างเยอะ



"ดูท่าฝรั่งคนนี้จะชอบคุณนะ คุณโรม" นายพ่วงพูดพลางใช้มีดสับกิ่งไม้แห้ง

"ไม่รู้สิครับ ผมเดาใจเขาไม่ถูก"

"แต่ผมยอมรับเลยนะ ว่าใจของเธอใหญ่มาก" นายพ่วงหังเราะ โรมเข้าใจความหมายทันที

"นี่น้าเคยเห็นด้วยเหรอ?"

"โอ๊ย เห็นจนหมดไส้หมดพุง เล่นกันกลางแจ้งขนาดนั้น" 



โรมหันไปมองหน้านาตาชาที่พยายามช่วยเก็บไม้อยู่ สาวรัสเซียคิ้วขมวด



"มีอะไรรึเปล่า? ทำไมมองฉันอย่างงั้น"

"เปล่า แค่เพิ่งรู้ว่าคุณเป็นคนชอบเปิดเผย" นาตาชาหันไปมองพรานพ่วงก็พอนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าออก

"อ่อ แล้วคุณชอบประเภทไหนล่ะ เปิดเผย ใช้ของเล่น หรือเซ็กส์หมู่ ฉันพร้อมหมดนะ" นาตาชายิ้มตอบแบบซื่อๆ เป็นอีกครั้งที่โรมหน้าแดงกล่ำ 

"ผู้หญิงบ้าอะไรวะเนี่ย" โรมบ่นเป็นภาษาไทย

"หยุดจีบกันสักครู่นะครับ คุณโรม" นายพ่วงพูดขึ้นมา

"ผมไม่ได้จีบสัก..."



พรานเฒ่ายกมือขึ้นมาป้องปากโรม ก่อนจะชี้นิ้วจุ้ปาก สายตาของนายพ่วงเปลี่ยนไป เขาชี้ไปที่พื้น นอกจากรอยด่านช้างแล้วยังมีรอยเท้าของสัตว์ชนิดอื่นอีกด้วย ขนาดเท้านั้นใหญ่พอสมควร ลักษณะเป็นกีบค่อนข้างกลม มีความยาวและความกว้างใกล้เคียงกัน แต่ร่องกีบกว้าง และปลายกีบทั้งสองอยู่ห่างกัน มีส่วนโค้งของกีบนอนตีโค้งกว้าง 


Abigail


ยอดนักเช็ด

พานพงษ์ศักดิ์ยังกับระพินไพรวัลย์เลยครับผูกเรื่องและน่าสนใจมาก

solosealer

ตามมาด้วยแบบนี้  คงจะมีจังหวะได้เสียวแน่ๆ


cchano

ดูเหมือนจะมีเรื่องขัดบทเสมอ คอยลุ้นต่อ
ขอบคุณครับ

chongza1975

เนื้อเรื่องยาวไปนิด แต่ก็น่าติดตามครับ