ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หมู่บ้านเริงรมณ์ ตอนที่ 8

เริ่มโดย pekopon66, ธันวาคม 02, 2019, 12:54:23 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

pekopon66

ในที่สุด หมู่บ้านเริงรมณ์ เล่ม 2 ก็ได้ออกวางจำหน่ายแล้วนะครับ สำหรับใครต้องการซื้อ สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้เลย ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้

http://www.tunwalai.com/ebook/detail?ebookId=5910

เหมือนกับทุกๆเล่มที่ผมวางจำหน่ายครับ ยิ่งซื้อกันเยอะ รีวิวกันเยอะ กิจกรรมคืนทุนก็จะตามมาเยอะเช่นกัน ยังไงก็ขอขอบคุณบอร์ดนี้และนักอ่าน ผู้มีพระคุณทุกท่านอีกครั้ง ที่สนับสนุนกันมาตลอด หากใครอยากเข้าไปพูดคุย ติดตามข่าวสารอะไรใหม่ๆ ก็ไปตามลิ้งค์เฟชบุคได้เลยครับ

https://www.facebook.com/NTRwritter


--------------------------------------------------------

เนื้อเรื่องด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งจาก หมู่บ้านเริงรมณ์ เล่ม 2 เท่านั้น ไม่ใช่ตอนเต็ม

มีอยู่วันหนึ่ง ลุงเฟื่อง ผู้เป็นคนขับรถคนสนิทของพ่อมิ้งค์ ขับตั้งแต่มิ้งค์เกิดเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นแกอายุหกสิบล่ะ เป็นวันที่มิ้งค์ทะเลาะกับพี่อาทิตย์หนักมาก เนื่องจากแฟนเก่าพี่อาทิตย์แอบมาหาที่คอนโด ทั้งที่มิ้งค์ไปหาซื้อชุดนักศึกษารัดติ้วมาใส่ กระโปรงทรงเออย่างที่พี่อาทิตย์ต้องการไปแท้ๆ

หวังจะจัดปาร์ตี้เคาต์ดาวน์ฉลองวันเกิดให้พี่เขายันเช้า ทุกอย่างพังทลาย แค่คิดก็โมโหแล้ว ยัยผู้หญิงคนนั้นมาอวยพรวันเกิดพี่อาทิตย์โดยการบอกว่า ตัวเองท้อง มิ้งค์รู้ว่ามันโกหก แทนที่พี่อาทิตย์จะปฏิเสธไป แต่เขากลับลังเลราวกับไปแอบมีไรกันมา มิ้งค์เลยหงุดหงิดหนีออกมาเที่ยวห้างแทน

วันนั้นมิ้งค์ใช้บัตรเครดิตของพ่อซื้อของมามากมายนับไม่ถ้วน ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าพ่อเป็นหนี้อยู่ มิ้งค์แค่โมโหอยากหาที่ระบาย ไม่นานพ่อก็ส่งลุงเฟื่องมารับ เพราะพ่อคงได้รับข้อความแจ้งเตือนของบัตรเครดิต ผสมกับที่มิ้งค์ปิดเครื่องหนีพี่อาทิตย์

"โห คุณหนู ซื้ออะไรเยอะแยะครับเนี่ย"

ลุงเฟื่องเห็นถุงจากแบรนด์ต่างๆกองกันอยู่ที่พื้นก็ตกใจหนัก ลุงแกเป็นคนใต้ ผิวคล้ำลงพุงนิดหน่อย ผมกลางศีรษะร่วงบางจนเกือบล้าน หน้าทรงกลม จมูกใหญ่ สูงกว่ามิ้งค์นิดหน่อย

"ซื้อมันให้หายอารมณ์เสีย"
"ทำไมใช้บัตรเครดิตคุณท่านล่ะครับ น่าจะใช้บัตรของคุณอาทิตย์นะครับ"

ก็จริงอย่างที่ลุงเฟื่องว่า เวลาที่มิ้งค์โมโหส่วนใหญ่แล้วจะขาดสติ ส่วนตัวมิ้งค์เองไม่ค่อยสนิทกับพ่อสักเท่าไหร่ เพราะพ่อจะทำงานตลอด ก็ได้ลุงเฟื่องเป็นที่ปรึกษา อย่างที่เคยบอก แกเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของมิ้งค์ เวลาอยู่บนรถเราจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันเสมอ

"งั้นเดี๋ยวมิ้งค์ไปรูดเงินสดจากบัตรพี่อาทิตย์ มาคืนพ่อก็แล้วกัน"
"แล้วแต่คุณหนูจะตัดสินใจเลยครับ"

อีกเหตุผลทีทำให้มิ้งค์สนิทกับลุงเฟื่องก็เรื่องที่แกจะเป็นคนคอยให้คำปรึกษาชี้แนะตลอดมา แต่เวลาตัดสินใจ แกจะให้มิ้งค์เป็นคนตัดสินใจตลอด ตั้งแต่เด็กจนโต ต่างจากแม่ที่เจ้ากี้เจ้าการไปซะทุกเรื่อง

ลุงเฟื่องขนของทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวแล้วเดินพามิ้งค์กลับมาที่รถยุโรปคันเก่ารุ่นปี 80 ที่ยังดูคลาสสิคอยู่ ลุงเฟื่องยกของทั้งหมดยัดเบาะหลังเหมือนปกติ เพราะมิ้งค์จะชอบนั่งหน้าเบาะข้างคนขับอยู่แล้ว วันนั้นรถติดพอสมควร ระหว่างทางเราจึงมีเวลาพูดคุยกัน

"คุณหนูเรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงสวมชุดนักศึกษาแบบนี้"

ลุงเฟื่องเหลือบตามามอง ทำเอามิ้งค์หัวใจเต้นแรง เพราะชุดมันรัดและบางพอสมควร ลุงเฟื่องอาจจะเห็นรอยชุดชั้นในสีขาวก็เป็นได้ แถมกระโปรงก็สั้น ยิ่งนั่งก็ยิ่งร่นขึ้นมาจนเห็นขาอ่อนที่ขาวเนียนอวบอิ่ม

"มิ้งค์จะใส่ไปเซอร์ไพส์พี่อาทิตย์น่ะค่ะ แต่กลับเจอเซอร์ไพส์ซะเอง" มิ้งค์เล่าเรื่องทั้งหมดให้ลุงเฟื่องฟัง
"มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้นะครับ"
"มิ้งค์เข้าใจ แต่ถ้าเป็นลุงเฟื่องจะทำยังไง ลังเลไม่กล้าปฏิเสธแบบพี่อาทิตย์เหรอ"
"ถ้าผมบริสุทธิ์ใจ ก็จะไล่แฟนเก่ากลับไปครับ ผมไม่มีทางปล่อยให้แฟนสาวที่แต่งตัวสวยแบบนี้กลับบ้านแน่นอน อีกอย่างเวลาคุณหนูทำเพื่อใคร แปลว่าคุณหนูมีความตั้งใจและเอาใจใส่คนๆนั้นเป็นอย่างมาก ผมจะไม่ยอมทำร้ายความตั้งใจของคุณหนูเด็ดขาด"
"ใช่มะ แต่ว่าลุงเฟื่องนี่รู้ใจหนูมากกว่าพี่อาทิตย์อีกนะ"
"ไม่หรอกครับ เพราะผมอยู่กับคุณหนูมานานเลยเข้าใจ หากให้เวลาคุณอาทิตย์อีกสักนิด ผมว่าเขาจะเข้าใจอะไรมากขึ้น"
"ขอให้เป็นยังงั้น ว่าแต่ลุงเฟื่องบอกว่ามิ้งค์สวยนี่ สวยจริงเหรอ?" มิ้งค์ที่นั่งไขว่ห้างหันไปจ้องตา ลุงเฟื่องเหลือบตามามองก่อนจะหันกลับไป
"จริงสิครับ คุณหนูของผมสวยที่สุดล่ะ แม้แต่นางงามยังต้องอาย"
"เวอร์ไปนั่น"

มิ้งค์ยิ้มแก้มปริก่อนจะหยิกหูลุงเฟื่องด้วยความหมั่นเขี้ยว เราสองคนสนิทสนมกันมานาน มิ้งค์จึงไม่คิดรังเกียจลุงเฟื่องแม้แต่น้อย แต่แกก็ไม่เคยลามปามแตะเนื้อต้องตัวกลับเลยสักครั้ง

"ว่าแต่ลุงเฟื่องผู้รู้ใจ ไหนบอกสิว่าตอนนี้มิ้งค์อยากไปไหน"
"อืม... ไม่รู้สิครับ งั้นขอตอบว่า ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่กลับบ้าน เพราะไม่อยากเจอหน้าพี่อาทิตย์ที่น่าจะไปรอที่บ้าน กับไม่อยากเจอหน้าพ่อที่ตัวเองเผลอรูดบัตรเครดิตไปตั้งเยอะ" มิ้งค์ถึงกับช็อค
"ทำไมเดาถูกได้ขนาดนั้น สุดยอดเลย"
"แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วย ผมลาคุณท่านไปแล้วว่า หลังสี่ทุ่ม ผมขอไปกินข้าวกับเพื่อนที่เจอกันเดือนละหน"
"เอ้า ใจร้าย แต่ไม่เป็นไร มิ้งค์ไปด้วยดีกว่า"
"ไม่ดีกว่าครับคุณหนู เพื่อนผมมันปากจัด ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ขี้อวดขี้ข่มด้วย"
"แต่ลุงเฟื่องก็ยังจะคบเป็นเพื่อนเนอะ"
"ก็มันนั่นล่ะที่ทำให้ผมได้เจอกับคุณท่าน แล้วก็คุณหนู ถือว่าเป็นบุญคุณที่ทั้งชีวิตก็ชดใช้ไม่หมด แค่ไปกินข้าวด้วย พูดคุยไร้สาระเดือนละหนผมว่าง่ายไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมได้รับจากครอบครัวคุณหนู" มิ้งค์ดีใจมากเลยที่ได้ยินลุงเฟื่องพูดแบบนั้น
"งั้นมิ้งค์ยิ่งต้องไปด้วย ไปช่วยเถียงให้เขาข่มลุงเฟื่องไม่ได้ ว่าแต่เขาชอบข่มลุงเรื่องอะไรไหนบอกมิ้งค์ซิ?"
"ส่วนใหญ่ก็เรื่องไร้สาระล่ะครับ เช่นเรื่องที่ผมไม่มีเมีย"
"โอ้ย ถ้างั้นสบาย"
"ยังไงเหรอครับ?" ลุงเฟื่องหันมามองอย่างสงสัย
"มิ้งค์ก็จะบอกเพื่อนลุงเฟื่องเอง ว่าเรากำลังดูใจกันอยู่ ดูสิว่าเพื่อนลุงจะว่ายังไง"

ลุงเฟื่องกระทืบเบรคซะหัวทิ่ม แกพยายามปฏิเสธแต่มิ้งค์ก็รั้นหัวชนฝา ลุงเฟื่องถอนหายใจก่อนจะขับรถพามิ้งค์มาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งอย่างไม่เต็มใจนัก บรรยากาศในร้านมืดครึ้ม เน้นให้คนมาสังสรรค์กินแอลกอฮอลล์ ฟังเพลงช้าๆ

"คุณหนูรอในรถหรือจะเรียกแท็กซี่กลับก่อนก็ได้นะครับ"
"ไม่เอา แล้วเลิกเรียกคุณหนูได้แล้ว"
"ค..ครับ น้องมิ้งค์"
"เลิกครับด้วย"

ลุงเฟื่องถอนหายใจ มิ้งค์คว้าแขนลุงแกมาควงจำแลงเป็นแฟนเพื่อลบคำสบประหม่าเพื่อน เราสองคนพากันเดินเข้าไปในร้าน โต๊ะที่เพื่อนลุงเฟื่องจองมันหลบมุมมืดอยู่ในร้าน มืดเสียจนมองทางเกือบไม่เห็น

พอไปถึงก็เห็นชายมีอายุคนหนึ่งนั่งรออยู่สวมเสื้อโปโลดูดี เห็นลุงเฟื่องบอกปัจจุบันแกขับรถให้เศรษฐีต่างชาติ หน้าตาดุดัน เป็นคนบ้านเดียวกับลุงเฟื่อง ตัดผมสั้นสีดอกเลาทั้งหัว คางเหลี่ยม คาดว่าสมัยหนุ่มน่าจะหล่อมาก แกมองมาทางมิ้งค์ไม่หยุด

"รอนานยังไอ้สัน"
"เพิ่งถึงเหมือนกัน แล้วนี่ใครวะ ไปเอาไซด์ไลน์แจ่มๆแบบนี้จากที่ไหนมา" ปากแกเสียสมคำร่ำลือจริงๆ
"ไม่ใช่ เอ็งก็พูดอะไรเกรงใจน้องเขาหน่อย"
"ไอ้เฟื่อง ข้าแก่จนหัวหงอกเต็มหัวแล้ว จะต้องมาเกรงใจเด็กอีกเหรอวะ"
"มันไม่ใช่อย่างงั้น คือน้องเขาเป็น... เอ่อ..." ลุงเฟื่องไม่ได้เรื่องเลย
"เป็นแฟนน่ะค่ะ"

มิ้งค์ดึงแขนลุงเฟื่องมากอดแน่น ถึงแม้หน้าอกจะแนบแขนแกแต่มิ้งค์ก็ไม่ได้ถือ ลุงสันที่นั่งมองศอกลุงเฟื่องดันหน้าอกจนยุบถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เห็นแล้วสะใจไม่น้อย ลุงเฟื่องรีบดึงแขนกลับแล้วชวนมิ้งค์นั่ง

"อย่าว่างู้นงี้เลยนะ อีหนู ไอ้เฟื่องไปทำท่าไหน อีหนูถึงติดใจคนอย่างมัน"
"สมัยนี้ต้องมองคนที่อาชีพด้วยเหรอคะว่าทำอะไร พี่เฟื่องเขาเป็นคนดี น่ารัก ใส่ใจ เข้าใจหนูทุกอย่าง เรื่องเงินก็ไม่มีปัญหา ความมั่นคงก็มี"
"พี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องเงิน หมายถึงเอากันต่างหาก อีหนูคงชอบคนแก่สินะ พี่เข้าใจ พวกพี่ลีลามันเด็ด ไม่ต้องใช้เวลานาน น้องก็มีความสุขได้"
"จะพูดอะไรก็ระวังปากหน่อยไอ้สัน"
"เออๆ ข้าวใหม่ปลามันก็เงี้ย แตะไม่ได้ สั่งอะไรกินกันดีกว่า"

มิ้งค์เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมลุงเฟื่องถึงไม่อยากให้มา คนมันจะหาที่ติก็ติได้ตลอด นิสัยก็หยาบกร้านเกินจะเข้าใจ ถ้าเป็นปกติมิ้งค์คงลุกเดินหนีไปแล้ว แต่ครั้งนี้ทำเพื่อลุงเฟื่อง มิ้งค์จะลองสู้กับเขาดู จะทำให้เขาหาคำว่าลุงเฟื่องไม่เจอเลย หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ลุงเฟื่องก็ขอตัวไปห้องน้ำ เนื่องจากขับรถมานาน พอแกเดินลับสายตาไป ลุงสันก็หันมามองมิ้งค์ทันที  
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

tee_za_za


Rrrrop

แบบนี้ น้องมิงค์ คงจะเปลืองตัวแน่ๆ อิอิ  

Nu metal

คนขับรถ ท่าทางจะได้ขี่มิ้งค์ละ แบบนี้  

อ่านแล้วลุ้นตอนต่อไป อยากให้เขียนออกมาเยอะๆ เลยนะครับ ขอบคุณผู้แต่งมากๆครับ

utmutm


Komratouy13

น้องมิงค์ กะ พี่เฟื่อง น่าจะมีเปลื่องพลังงาน

baitong haha


peddo

น้องมิงค์เล่นผิดคนแล้วมังครับ พี่สันอาจจะเผยคมตอนลุงเฟื่องไม่อยู่ เจอชักออกจากฝักแล้วจะหนาว เอ๊ย เสียว นี่คงเป็นที่มาของคุณหนูสายอ่อย
ขอบคุณครับ

ns52800189

คุณหนูมิ้งค์ เล่นกับไฟ...แต่เป็นไฟแห่งความเสียวววววว....5555

tanakijj1980


testman

พูดไปพูดมากันแบบนี้
ผมว่าไม่ใครสักคนต้องมีหลงเคลิ้มกันไปแน่ ๆ เลย

แน่นอนจริงๆครัช

ขับรถไปขับรถมาลุงแกจะขับคนซะละ

Prik110927

แบบนี้ น้องมิงค์ คงจะเปลืองตัวแน่ๆ อิอิ 
::Glad:: ::Glad:: ::Glad:: ::Glad::

Dark Man


automilo

เหมือนตอนสุดท้ายที่อ่านอาทิตย์ถูกผลักตกลงมาพิการ แล้วหายไปเลย