ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

คดีพิศวาส[20+] ตอนที่ 1 - ชายประหลาด

เริ่มโดย pekopon66, กุมภาพันธ์ 21, 2016, 12:59:15 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

pekopon66



พูดคุยกับนักเขียน

กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ ลืมกันไปแล้วรึยัง วันนี้ผมกลับมาพร้อมกับซีรี่ย์เรื่องใหม่ ที่จะทำให้ผู้อ่านปวดหัวกันยิ่งกว่าเดิม เพราะนี่คือนิยายอิโรติคแนวสืบสวนราโชมอน สำหรับใครสงสัยว่าผมจะเขียน 20+ ทำไม เพราะผมจะลงนิยายนี้ในเว็บอื่นด้วยนะครับ ในเรตที่ต่ำกว่านี้ ต้องถือว่าพิเศษสำหรับเว็บนี้เลยที่จะได้เห็นฉากสยิวแบบละเอียดมากกว่าที่อื่น สำหรับตอนแรกนี้ก็ต้องบอกเลยว่า ไม่มีฉากอย่างว่า 555+ แต่รับรองมีในตอนต่อๆไปแน่นอน

ราโชมอนคืออะไร

ราโชมอนคือภาพยนตร์ลึกลับอาชญากรรมของญี่ปุ่น ซึ่งจุดเด่นของเรื่องเลยคือ ตัวละครหลายตัวเล่าเรื่องราวเดียวกันออกมาได้ไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างเล่าเอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าคนอื่น เช่นเดียวกับนิยายเรื่องนี้ ที่ตัวหลักของเรื่องสองตัวเล่าเรื่องไม่ตรงกัน ใครพูดจริง ใครโกหกก็อยู่ที่วิจารณญาณของผู้อ่านแล้วละครับ

เรื่องย่อ

เกิดเหตุคดีฆาตกรรมขึ้นในบ้านหลังหนึ่ง คดีจะคลี่คลายง่ายกว่านี้มาก ถ้าหากพยานทั้งสองให้การตรงกัน แต่นี้กลับพูดกันคนละเรื่องเลย "หมิว" ลูกสะใภ้หุ่นดี ตาคม ผู้ย้ายมาอยู่ในบ้านได้ไม่นานก็เกิดเหตุแปลกประหลาดขึ้นมากมาย กับ "พงษ์" พ่อสามีของหมิว เจ้าของสวนผลไม้และบ้านที่เกิดเหตุ ใครกันที่พูดความจริง ใครกันที่พูดเท็จ แล้วใครคือฆาตกรที่แท้จริงในคดีนี้กันแน่

---------------------------------------------------------

ตอนที่ 1 - ชายประหลาด

พ่อผัว

"สวัสดีครับคุณพงษ์ ผมคงไม่ต้องแนะนำตัวอะไรมากนะครับ คุณคงทราบใช่ไหมว่าผมคือใคร"

ชายใบหน้าตอบเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง ตัวผอมเกร็ง ไว้ผมรุงรังใส่หมวกแก๊ปใบเก่าๆปักคำว่า Bangkok ด้วยด้ายสีขาว ผิวคล้ำใส่แว่นดำ ใส่เสื้อคลุมยีนกับกางเกงยีนส์ มองผิวเผินนึกว่าโจร แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ชายร่างใหญ่หัวโล้นที่นั่งตรงข้ามรู้ดี

"คุณเป็นนักสืบใช่ไหม"

"ประมาณนั้นละครับ ขอบคุณมากที่มาตามนัดนะครับ ถึงแม้จะเป็นแค่ห้องเช่า แต่มันก็คือสำนักงานของผมละนะ ยินดีต้อนรับและขออภัยที่ต้องให้คุณพงษ์เดินทางข้ามจังหวัดมาถึงที่นี้"

"ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ผมพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ หนักนิดเบาหน่อย ผมไม่ถือ" พงษ์ยิ้ม

"งั้นผมขอทวนข้อมูลของคุณหน่อยนะครับ คุณพงษ์ ชื่อจริง สมพงษ์ อายุ 58 ปี เป็นชาวสวนมีไร่ผลไม้อยู่หลังบ้าน 6 ไร่.."

"อันที่จริง 5 ไร่กว่าๆครับ ไม่ถึง 6"

"โอเคครับ มีลูกสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง โดยลูกชายเป็นคนโต ลูกทั้งสองมีครอบครัวแล้ว ภรรยาเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่กล่าวมาถูกต้องทั้งหมดไหมครับ"

"ถูกต้องครับ"

"ภรรยาของคุณเสียชีวิตยังไง พอจะเล่าเหตุการณ์ในตอนนั้นได้ไหมครับ"

"ภรรยาของผมเขาขับรถเสียหลัก รถพุ่งเข้าไปชนกับต้นไม้เข้าอย่างจัง ภรรยาของผมจึง....." พงษ์ก้มหน้าเศร้า

"พอละครับ ขอบคุณมากที่เล่าให้ฟัง แล้วพอจะทราบไหมครับ ว่าทำไมภรรยาของคุณถึงขับรถเสียหลัก มีรถสวนทางมา หรือมีอะไรขวางทางอยู่รึเปล่า"

"ผมไม่ทราบ" พงษ์ตอบทันควัน

"โอเคครับ งั้นเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า คดีที่เกิดในบ้านของคุณ ผมขอความกรุณาตอบคำถามผมอย่างละเอียดและตรงไปตรงมาด้วย คำถามแรกเลย พอจะจำได้ไหมว่าคุณกับ หมิว ลูกสะใภัของคุณพบกันครั้งแรกที่ไหน" พงษ์ทำท่าครุ่นคิดสักพักก็ตอบออกมา

"ถ้าจำไม่ผิด ก็ที่บ้านนี่ละครับ หนึ่ง ลูกชายของผมมันพามาแนะนำตัว ครั้งแรกที่เห็นต้องบอกเลยว่า ไม่ประทับใจอย่างรุนแรง ยัยหมิวเกิดมาเป็นคนมีบุญ สวย หน้าดุ ผิวสีน้ำผึ้ง เสียอย่างเดียวแต่งตัวเซ็กซี่ใส่เสื้อยืดตัวเล็กๆรัดๆ หน้าอกหน้าใจก็มีมากมายไม่ระมัดระวังตัว ไหนจะกางเกงยีนส์ขาสั้นจุ๊ดจู๋อีก มองแว้บแรกผมก็ไม่ให้ผ่านแล้ว เหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่อย่างผมเลย แต่หนึ่งมันมาขอโทษแทนเมีย มันบอกว่ามันรักจริง ไม่มีทางเปลี่ยนเมียแน่นอน ผมจึงยอมมัน อีกอย่างลูกผมมันก็โตแล้ว จะเอาผู้หญิงที่ไหนมาทำเมีย ผมก็คงขัดไม่ได้"

"ลูกชายของคุณเป็นคนยังไงหรอครับ" นักสืบหน้าตอบมีทีท่าอยากรู้อยากเห็น

"มันเป็คนตรง มีความเป็นผู้นำสูง แต่ไม่ก้าวร้าว เหมือนพ่อของมันเด้ะ ฮ่าๆ อ้อต่างอยู่อย่าง มันไม่เจ้าชู้" พงษ์หัวเราะ

"แล้วคุณรู้ประวัติของหมิว ลูกสะใภ้ของคุณมาก่อนไหมครับ"

"รู้แต่ว่าเป็นคนดังในคอมพิวเตอร์อะไรแค่นั่นละ ยัยสอง เอ้ย ลูกสาวของผมมันเล่าให้ฟัง ส่วนพ่อแม่ของเขาเป็นใคร ผมไม่เคยถามหรอก ถ้าพวกเขาอยากเจอ คงนัดเจอกันนานแล้ว" พงษ์ออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยพอพูดถึงพ่อแม่ของหมิว

"วันแรกที่พบกัน คุณได้พูดคุยอะไรกับหมิวบ้างไหมครับ"

"อืม ผมไม่มั่นใจนะ แต่น่าจะไม่ได้คุยกันโดยตรงนะ  ผมไม่กล้าคุยด้วยหรอก ตอนนั้นผมกลัวสายตาของยัยหมิวมัน" พงษ์ยิ้มแหยๆ

"กลัว...กล้วทำไมครับ"

"สายตาของยัยนั่นราวกับพยัคฆ์ นัยตาดุ แต่กลับมีสเน่ห์พิลึก ผมเลยตัดสินใจ ไม่มองเลยดีกว่า กลัวจะถูกสาปเอา ฮ่าๆ" นักสืบยิ้มแล้วถามต่อ

"แล้ววันแต่งงานของหนึ่ง คุณพงษ์ได้ไปร่วมรึเปล่าครับ"

"ไปครับ วันสำคัญของลูกไม่มีทางพลาดแน่นอน ผมยังอัดรูปใส่กรอบไว้ที่บ้านอยู่เลย"

"หลังจากงานแต่งจบไม่กี่วัน ภรรยาของคุณก็เสียชีวิต พอจัดงานศพเสร็จ ลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านกับคุณใช่ไหมครับ"

"ถูกต้องครับ ลูกชายกลัวว่าผมจะเป็นอะไรไปแล้วไม่มีใครรู้รึอยู่ดูแล เขาเลยย้ายกันมาครับ ผมก็เป็นห่วงกลัวเขาไปทำงานลำบาก แต่ลูกผมช่างอดทนเสียเหลือเกิน เขายอมอดมื้อกินมื้อ มีเวลาพักผ่อนน้อย ก็เพื่อผม"

"ฟังดูแล้ว คุณพงษ์น่าจะรักลูกมากนะครับ แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ คุณพอจะจำได้ไหมครับว่า ตอนที่ลูกชายของคุณไปทำงาน หมิว ลูกสะใภ้ของคุณเป็นยังไง เธอดูแลคุณดีไหม มีอะไรแปลกรึเปล่า"

"ผมขอพูดตรงๆเลยนะครับ หมิวเป็นคนขยัน ไม่เกี่ยงงานเล็กงานน้อย แต่เวลาที่หนึ่งไม่อยู่ เธอชอบมองผมแปลกๆ ไม่รู้ว่าผมเข้าใจผิดรึเปล่านะ สายตาเธอเหมือนจะเย้ายวนผม ไหนจะเสื้อผ้าที่แต่งเวลาอยู่บ้านอีก ชอบใส่เสื้อกล้ามบ้างละ เสื้อยืดคอกว้างบ้างละ ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเมียของลูก แต่ผมมันก็ผู้ชายนะครับ จะไม่ให้คิดก็คงไม่ได้"

"แล้วมีเหตุการณ์อะไรที่ชัดเจนมากกว่านี้ไหมครับ  ที่หมิวแสดงต่อคุณในทางที่ไม่ดี เช่นพูดจา หรือยั่วยวนอะไรทำนองนั้น"

"จะว่ามีมันก็มีอยู่ครับ หลังจากที่หมิวย้ายมาอยู่บ้านเพียงสัปดาห์เดียว"

เช้าวันนั้น หนึ่งค้างอยู่ที่ทำงานไม่ได้กลับบ้าน เหลือเพียงพงษ์และหมิวเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน พงษ์กำลังรดน้ำทำสวนอยู่ตรงหลังบ้าน ผ่านไปไม่นานนัก หมิวก็เดินมาในชุดเสื้อกล้ามสีดำกางเกงขาสั้น เห็นเรือนร่างอย่างชัดเจน พงษ์เห็นแว่บแรกยังต้องกลืนน้ำลาย เหมือนจะเพิ่งตื่น เพราะตาเธอปรือผมเผ้ารุงรัง สายตาของพงษ์ถูกดึงดูดความสนใจไปที่ภูเขาลูกใหญ่สองลูกกลางอกของหมิวอย่างเลี่ยงไม่ได้ หมิวเดินเข้ามาใกล้ๆ จนพงษ์ถอยหนี

"คุณพ่อคะ เช้านี้อยากทานอะไร"

"แล้วแต่เอ็งเลย ในตู้เย็นมีอะไรเหลือบ้างละ"

"น่าจะมีคะน้าเหลืออยู่ เดี๋ยวหนูทำผัดคะน้าให้ละกันนะคะ"

"ได้สิ"

"แล้วพ่ออยากกินผัดอะไร ปลาเค็ม หมูกรอบ หรือน้ำมัน...หอย" พงษ์กลืนน้ำลาย สายตาของหมิวเย้ายวนเสียเหลือเกิน

"ข้ากินได้ทั้งนั้นละ เอ็งไปทำเถอะ อยู่ตรงนี้นานๆเดี๋ยวผิวเอ็งจะเสีย"

หมิวเดินหันหลังไป พงษ์ถึงกับถอนหายใจ เขาต้องกลั้นอารมณ์ไว้ไม่งั้นเผลอพลาดพลั้งไป มีหวังมองหน้าลูกไม่ติดแน่ๆ ในขณะที่พงษ์ยืนคิดอยู่ หมิวก็กรี้ดลั่นสวน พงษ์ได้สติรีบวิ่งตามไปดู เขาพบหมิวนอนกองอยู่ที่พื้น พงษ์ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบเข้าไปดูอาการก็พบว่า ลูกสะใภ้ของเขายังมีสติดีอยู่ แต่ข้อเท้าหมิวบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด

"เป็นอะไรรึเปล่า ยัยหนู"

"หนูสะดุดรากต้นมะม่วงล้มหนะค่ะ ซุ่มซ่ามไปหน่อย"

"ข้อเท้าบวมเชียว ลุกไหวไหม"

พงษ์ค่อยๆพยุงหมิวลุกขึ้นมา แต่แล้วเธอก็เซเสียหลักเข้าไปในอ้อมอกของพงษ์ ชายสูงอายุสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มและเร้าร้อนจากตัวลูกสะใภ้ ทั้งสองมองตากัน พงษ์ตกอยู่ในมนต์สะกดอยู่ชั่วขณะ พอตั้งตัวได้ก็รีบดันตัวหมิวออกไป

"ขอโทษค่ะคุณพ่อ"

"ช่างเถอะ แล้วเอ็งเดินได้ไหม"

"น่าจะได้นะคะ เดินขาข้างเดียวเอา"

"แล้วเอ็งจะข้ามคูน้ำตรงนู้นได้ยังไง กระต่ายขาเดียวข้ามสะพานไปรึ"

"งั้นคุณพ่อช่วยอุ้มหน่อยได้ไหม.... แค่เฉพาะตรงนั้น"

"ตอนนั้นผมบอกตามตรงเลยว่า ใจผมละเต้นไปหมด"

"แล้วตกลง คุณพงษ์อุ้มคุณหมิวไหมครับ"

"ไม่หรอก ผมให้ยัยนั่นขี่หลังแทน แค่ขี่หลังก็แทบเดินตัวงอแล้ว แนบหลังซะขนาดนั้น" พงษ์หัวเราะร่า แต่หนุ่มนักสืบแค่ยิ้มเล็กๆ

"ผมได้ไปรู้มาว่า หลังจากหมิวเข้ามาอยู่ได้สองสัปดาห์ก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในบ้าน ว่าแต่มันเรื่องอะไรหรอครับ"

"คุณนักสืบนี้ทำงานเก่งจริงๆ ข้อมูลครบถ้วน  ผมนี่แทบลืมเรื่องนั้นไปปแล้ว ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงคืนได้มั่ง ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะเหมือนได้ยินเสียงอะไรซักอย่างดังมาจากหน้าบ้าน"

"ขออภัยที่ขัดนะครับ คือบ้านของคุณพงษ์เป็นสองชั้นใช่ไหมครับ บริเวณบ้านนี้เป็นแบบไหนครับ"

"ครับ บ้านเดี่ยวสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องรับแขก ห้องครัวและห้องน้ำ ชั้นบนมีห้องนอนสองห้องของผมกับลูกผม และห้องน้ำอีกหนึ่งห้อง ด้านหลังบ้านเป็นสวนผลไม้ ด้านหน้าเป็นที่จอดรถ แล้วก็มีรั่วอยู่หน้าสุด"

"โอเคครับ เล่าต่อเลยครับว่าได้ยินเสียงแล้วไงต่อ"

"ผมเปิดผ้าม่านออกไป ตอนแรกนึกว่าตาฝาด แต่พอเพ่งดูดีๆผมก็เห็นจริงๆ มีผู้ชายตัวสูงใหญ่ ผมกับหนวดยาวรุงรัง ไม่ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกง ตอนแรกนึกว่าโจร ผมเลยรีบคว้าลูกซองในห้องแล้ววิ่งลงไปชั้นล่าง พอผมออกมานอกบ้าน กะยิงขึ้นฟ้าซักชุด แต่มันดันหายไปซะแล้ว"

"แล้วคุณได้เดินสำรวจรอบบ้านไหม"

"เดินครับ ผมเดินรอบสวนเลยด้วยซ้ำ โชคดีที่เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ไม่งั้นผมก็คงไม่กล้าเดิน แต่พอเดินแล้วก็ไม่เจอใครเลย ตอนนั้นผมจึงสรุปว่าเป็นคนบ้าที่เดินผ่านหน้าบ้านเท่านั้น"

"คุณพงษ์ไม่รู้จักใช่ไหมครับว่า เจ้าคนประหลาดนี้เป็นใคร แล้วคนในบ้านมีคนรู้จักไหมครับ" พงษ์กลืนน้ำลายก่อนตอบ

"คิดแล้วยิ่งขนลุก หมิวครับ หมิวมันรู้จัก"

"เดี๋ยวนะครับ คุณหมิวรู้จักชายท่าทางประหลาดนั่น ทำไมคุณพงษ์ถึงทราบครับ แล้วชายคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกับหมิว"

"ในคืนนั้นหลังจากผมวิ่งลงมาไม่พบใคร ผมก็เดินกลับขึ้นมา ผมแอบได้ยินเสียงหมิวร้องไห้คร่ำครวญเสียสติอยู่ในห้อง เธอพูดประมาณว่า"

"พี่เม่นจ๋า หนูรักพี่นะ แต่ตายไปแล้วก็อย่ามารบกวนกันอีกเลย ต่างคนต่างอยู่กันคนละภพภูมิเถิด แล้วหนูจะทำบุญไปให้นะ"

"คุณพงษ์ คุณอย่าบอกนะว่า"

"ครับ แฟนเก่าของหมิว เสียชีวิตไปแล้วครับ"

ในห้องเงียบกริบ นักสืบนั่งครุ่นคิดเรื่องที่ฟังมาอีกครั้ง เขาไม่เชื่อว่าเป็นวิญญาณอย่างแน่นอน แต่ชายประหลาดคนนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นรึเปล่านะ ส่วนพงษ์เอามือลูบแขนตัวเองพลางนึกถึงเรื่องราวที่ได้พบกับชายประหลาด แล้วอดขนลุกไม่ได้

--------------------------------------------------------------------------------------------------

ลูกสะใภ้

"ขออภัยนะครับที่ทำให้รอนาน พอดีมีงานนิดหน่อย"

"ไม่เป็นไรค่ะ"

หมิวตอบสั้นๆ ใจจริงแล้วเธอหงุดหงิด เพราะตานักสืบหน้าเหมือนคนติดยาปล่อยให้เธอรอเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เธอต้องอดทนเอาไว้

"คุณชื่อหมิว ใช่ไหมครับ อ่า อายุ 28 ปี"

"26 ค่ะ"

"อ่อ ขอโทษทีครับ คุณหมิวทำอาชีพอะไรหรอครับ"

"อาชีพอิสระค่ะ ถูกจ้างให้รีวิวสินค้าผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คบ้าง รึจ้างไปเป็นแบบให้ตากล้องสมัครเล่นบ้าง"

"ที่เขาเรียกว่า เน็ตไอดอล ใช่ไหมครับ ที่คนตามเยอะๆ"

"ใช่ค่ะ"

"แล้วคุณรู้จักกับ หนึ่ง สามีของคุณได้ยังไงครับ ช่วยเล่าให้ผมฟังที"

"รู้จักจากทางเพื่อนค่ะ พี่หนึ่งเป็นเพื่อนของฉันอีกทีนึง"

"คุณหนึ่งอายุ 28 ใช่ไหมครับ ผมเขียนอายุสลับกัน" นักสืบหัวเราะพลางเกาต้นคอ

"ค่ะ ใช่ค่ะ"

"แล้วคุณหนึ่งนิสัยโดยทั่วไปเป็นยังไงครับ"

"เป็นคนเรียบร้อย สุภาพ อ่อนโยน แต่ไม่ค่อยกล้าหาญนัก ตัดสินใจอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ ฉันจึงเป็นที่ปรึกษาให้เขาในหลายๆเรื่อง"

"คุณเคยมีแฟนรึคนรักมาก่อนรึเปล่าครับ"

"เคยค่ะ คนนึง แต่เขาเสียชีวิตไปแล้ว"

"ขอโทษด้วยนะครับ ถ้าผมขอคุยเรื่องของแฟนเก่าคุณจะได้ไหมครับ" หมิวทำหน้าสงสัยเล็กน้อยก่อนตอบกลับ

"ได้ค่ะ"

"ขอทราบชื่อและสาเหตุการเสียชีวิตหน่อยครับ แล้วตอนเสียชีวิตคุณทั้งสองยังคบกันอยู่รึเปล่า"

"ค่ะ ตอนเสียชีวิตเรายังคบกันอยู่ เขาชื่อว่าเม่นค่ะ ถูกคู่อริดักยิงหน้าร้านเหล้าแถวบ้าน"

"คุณได้ไปงานศพ และร่วมพิธีรดน้ำด้วยใช่ไหมครับ"

"ใช่ค่ะ คุณนี้ถามแปลกนะคะ"

"คุณหมิวคบกับคุณหนึ่งหลังจากการเสียชีวิตของคุณเม่นใช่ไหมครับ"

"เอ่อ.. ฉันคบพี่หนึ่งหลังจากพี่เม่นเสียชีวิตค่ะ แต่ฉันรู้จักกับพี่หนึ่งมาก่อนแล้ว"

"อ้อ หลังจากนั้นคุณก็คบกับคุณหนึ่งมาตลอดสี่ปี แล้วตกลงปลงใจแต่งงานกันสินะครับ"

"ค่ะ ประมาณนั้น"

"แล้วคุณพอจะจำได้ไหมว่าครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเกิดเหตุ หน้าตาของคุณเม่นเป็นยังไง"

"ผมยาวประบ่า หน้าเรียว ไว้หนวดนิดหน่อย เหมือนนักร้องชื่อดังอะค่ะ เขาชอบพูดว่าหน้าตาของตนเหมือนนักร้องหนะค่ะ จึงไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงทรงผมเท่าไหร่"

"อ่อครับ คุณหนึ่งนี้ขาวตี๋เลยนะครับต่างจากคุณเม่นเหลือเกิน" นักสืบหนุ่มแอบเหลือบตามอง แต่หมิวยังคงนั่งนิ่ง

"เอ่อ งั้นผมขอข้ามมาพูดถึงคุณพงษ์ พ่อของคุณหนึ่ง ครั้งแรกที่คุณหมิวกับคุณพงษ์พบกันคือที่ไหนหรอครับ" หมิวเหลือกตาขึ้นคิดเล็กน้อย

"น่าจะเป็นตอนที่พี่หนึ่งพาไปพบกับคุณพ่อและคุณแม่ที่บ้านหนะค่ะ"

"อ่า ตอนนั้นคุณแม่ของคุณหนึ่งยังมีชีวิตอยู่" นักสืบหนุ่มพูดพึมพำอยู่คนเดียว แต่หมิวได้ยิน

"ค่ะ เธอยังมีชีวืตอยู่ ฉันจำได้ดีว่า วันนั้นคุณแม่ท่านเมตตากรุณาต่อดิฉันมาก ต่างจากคุณพ่อ...."

"คุณพ่อ..เอ้ย คุณพงษ์ทำไมหรอครับ ช่วยอธิบายที"

"คือตอนนั้นดิฉันก็พอทราบมาบ้างนะคะว่าคุณพ่อเป็นคนเจ้าชู้ แต่ไม่คิดว่าจะไม่เว้นแม้แต่อนาคตลูกสะใภ้ของตน"

"คุณพงษ์สนใจคุณในแนว....ทำนองนั้หรอครับ"

"ค่ะ สายตา รอยยิ้ม คำพูดของเขามันดูไม่ปกติ สองแง่สองง่าม จนฉันทนแทบไม่ไหว"

"เขาได้พูดคุยกับคุณด้วยหรอครับ" คิ้วของนักสืบชนกันแบบไม่รู้ตัว

"ค่ะ"

"คุณพงษ์พูดอะไรกับคุณหรอครับ"

"ก็ประมาณว่า หุ่นอย่างเอ็งนี้แม่พันธุ์ช้นดีเลยนะเนี้ย นมเป็นนม ตูดเป็นตูด ข้าละอิจฉาลูกข้าจริงๆ"

"แล้วคุณหนึ่งหรือคุณแม่ของเขาไม่มีทีท่าอะไรบ้างเลยหรอครับ"

"พี่หนึ่งไม่อยู่ค่ะ เขาคุยโทรศัพท์อยู่ ส่วนคุณแม่เข้าห้องน้ำ"

"อ่อ วันนั้นคุณใส่เสื้อผ้าอะไรครับ" นักสืบหนุ่มพูดสวนขึ้นมา

"อะไรนะคะ ฟังไม่ทัน"

"ผมถามว่า คุณใส่เสื้อผ้าอะไรในวันที่ไปพบคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนึ่งครั้งแรก"

"ฉันใส่เดรสยาวจรดเข่าสีขาว เพราะหวังว่าคุณพ่อและคุณแม่ประทับใจ เห็นว่าหมิวเป็นคนเรียบร้อย"

"เดรสยาวจรดขา อืมมม ไม่ใส่กางเกงยีนส์หรืออะไรทำนองนั้นใช่ไหมครับ"

"ค่ะ ไม่ใส่ค่ะ"

"แล้วทำไมถึงตัดสินใจแต่งงานกับคุณหนึ่งละครับ อายุคุณยังไม่มากเลย"

"คนเรารักกัน อยากอยู่ด้วยกัน ไม่อยากมีปัญหากับผู้ใหญ่ จึงแต่งงานกันให้มันถูกต้องตามประเพณี แปลกหรอคะ"

"ไม่แปลกหรอกครับ แค่อยากฟังเหตุผลเฉยๆ แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณหมิว ตอนนี้อยู่ที่ไหนหรอครับ"

"ท่านอยู่เชียงใหม่ค่ะ ทำมาหากินที่นั่น"

"วันแต่งงานของคุณหมิว คุณพ่อคุณแม่ได้มาร่วมงานไหมครับ"

"คุณพ่อติดธุระ ส่วนคุณแม่สุขภาพไม่ดีจึงไม่ได้มาทั้งคู่ แต่พี่หนึ่งกับฉันได้ไปจัดงานเลี้ยงฉลองเล็กๆกับคุณพ่อคุณแม่หลังจากงานแต่งแล้วละค่ะ"

"อ่อ หลังจากงานแต่งผ่านไปไม่นาน คุณแม่ของคุณหนึ่งก็เสียชีวิตใช่ไหมครับ"

"ค่ะ ตอนนั้นพวกเรารู้สึกเศร้ามาก เพราะกำลังไปฮันนีมูนกันอยู่ เป็นฮันนีมูนที่ไม่น่าจดจำเลย พวกเราต้องรีบกลับมาจัดพิธีให้คุณแม่ หลังจากนั้นฉันพูดคำว่าฮันนีมูนทีไร สายตาของพี่หนึ่งก็เศร้า จนฉันตัดใจเรื่องที่จะไปฮันนีมูน"

"คุณหมิวทราบไหมครับว่า คุณแม่ของคุณหนึ่งได้ทำประกันชีวิตไว้"

"ไม่ทราบค่ะ ทำไมหรอคะ" หมิวส่ายหัวพร้อมทำหน้าสงสัย

"เปล่าครับ ผมแค่คิดว่า ถ้าแม่ของคุณหนึ่งทำประกันชีวิต แล้วเกิดเสียชีวิตขึ้นมา ใครซักคนในบ้านต้องได้เงินก้อนนั้นไปแน่เลย"

"ฉันไม่เคยถามค่ะ และไม่ได้สนใจด้วย คุณนี่นิสัยเสียนะคะ ถึงคิดเรื่องพวกนี้ได้"

"ขออภัยครับ ผมจำเป็นที่จะต้องถามทุกเรื่อง"

"นายจ้าง จ้างคุณมาสืบเรื่องอะไรกันแน่นะ" หมิวบ่นพึมพำ

"ผมบอกไม่ได้ครับ"

"ฉันไม่ได้คุยกับคุณ แค่บ่นเฉยๆ"

"อ่อ...ครับ งั้นคุณก็ไม่ได้สนใจเรื่องฐานะการเงินของครอบครัวนี้สินะครับ ดีจังเลยนะครับ ผมละอยากหาภรรยาอย่างคุณจัง"

"ขอร้องละค่ะเข้าเรื่องเถอะ รึถ้าไม่มีอะไร ดิฉันจะกลับแล้ว" หมิวเริ่มหงุดหงิด

"ขอโทษครับ หลังจากคุณแม่ของคุณหนึ่งเสีย คุณก็ย้ายมาอยู่กับพ่อของคุณหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณหนึ่งเป็นห่วงคุณพ่อของเขาใช่ไหมครับ"

"ใช่ค่ะ ตอนแรกดิฉันก็ไม่เห็นด้วย เพราะพี่หนึ่งทำงานยากขึ้น ตัวของดิฉันเองก็เช่นกัน แต่สุดท้ายก็ต้องยอม"

"คุณเป็นเน็ตไอดอล ทำงานอยู่บนอินเตอร์เน็ต การย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดมันมีผลอย่างไรหรอครับ"

"การดูแลตัวเองยากขึ้นค่ะ เครื่องสำอางค์เอย เสื้อผ้าเอย ไหนจะรูปภาพ สถานที่ที่ถ่ายออกมา มันจะดูไม่น่าสนใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ รายได้ของดิฉันก็ลดลง แต่ยังดีที่พี่หนึ่งเขาพอจะมีให้บ้าง"

"อ่อ เป็นยังงี้นี่เอง พอคุณย้ายเข้ามา คุณพงษ์มีท่าทีเจ้าชู้ต่อคุณทันทีเลยไหมครับ"

"ค่ะ เขาชอบมอง ชวนคุย หรือบางครั้งก็ทำเนียนมาแตะเนื้อต้องตัว"

"ยังไงหรอครับ"

"เวลาดิฉันทำงานบ้าน เขาจะชอบมาจับไหล่ จับเอวแล้วพูดประมาณว่า เหนื่อยหน่อยนะ สู้ๆนะ"

"เกี่ยวกับการแต่งตัวของคุณด้วยหรือเปล่าครับ อาจจะทำให้เขาอดใจไม่ไหว"

"อย่ามากล่าวหากันนะคะ ฉันแต่งตัวเรียบร้อยเสมอ ถ้าเสื้อตัวไหนมันโป๊รึรัดเกินไป ฉันก็ใส่เสื้อคลุมตลอด อย่าคิดว่าฉันจะแต่งตัวเซ็กซี่แบบในโซเชียล เน็ตเวิร์คสิคะ นั่นมันงาน ส่วนนี่ชีวิตจริง"

"โอเคครับ ใจเย็นๆ แล้วคุณพอจะจำได้ไหมว่า คุณพงษ์เริ่มแสดงอาการรุกหนักขึ้นตอนไหน"

"จำได้ทุกเรื่องเลยละค่ะ แรกสุดเลยน่าจะเป็นหลังจากที่ดิฉันย้ายเข้ามาได้หนึ่งอาทิตย์โดยประมาณ"

วันนั้นหมิวตื่นขึ้นมา เธอสวมเสื้อกล้ามรัดรูปสีดำและกางเกงขาสั้นเป็นชุดนอน พอเธอเหลือบไปมองนาฬิกาก็พบว่าถึงเวลาที่ต้องทำอาหารให้กับพ่อตาแล้ว หมิวจึงรีบหยิบเสื้อคลุมแขนยาวมาสวมทับแล้วลงไปข้างล่าง เธอเดินรอบบ้านก็ไม่พบตัวของพงษ์ สาวสวยเดาว่าพ่อสามีต้องอยู่ที่สวนหลังบ้านเป็นแน่แท้ หมิวเลยเดินลุยเข้าไปในสวนผลไม้ ไม่นานนัก เธอก็เจอกับพงษ์ที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่

พงษ์หันมาเห็นหมิว ก็ส่งรอยยิ้มพร้อมสายตาที่จ้องมองหน้าอกของเธอ หมิวต้องรีบดึงเสื้อคลุมมาปิด แต่ก็ไม่อาจทำให้พงษ์หยุดมองได้ สาวสวยเดินเข้าไปได้นิดเดียว พงษ์ก็เดินสวนเข้ามาหา จนเธอเผลอถอยหนี

"ค..คุณพ่อคะ เช้านี้อยากทานอะไร"

"แล้วแต่เอ็งเลย ในตู้เย็นมีอะไรเหลือบ้างละ"

"น่าจะมีคะน้าเหลืออยู่ เดี๋ยวหนูทำผัดคะน้าให้ละกันนะคะ"

"ได้สิ" สายตาของพงษ์จับจ้องไปที่เรือนร่างของหมิว

"ล..แล้วพ่ออยากกินผัดอะไรคะ ปลาเค็ม หมูกรอบ หรือน้ำมันหอย"

"ข้ากินได้ทั้งนั้นละ เอ็งไปทำเถอะ อยู่ตรงนี้นานๆเดี๋ยวผิวจะเสีย"

พงษ์พูดพลางเอามือลูบแขนของหมิว เธอสะดุ้งจนถอยหลังออกมา พงษ์ยิ้ม สาวสวยไม่กล้าเงยหน้ามอง เธอหันหลังแล้วเดินจ้ำให้เร็วที่สุด ในหัวของเธอคิดแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้จนไม่ได้ระวัง หมิวเดินสะดุดเข้ากับรากมะม่วงจนล้ม เธอร้องเสียงดังด้วยความตกใจ ไม่นานนักพงษ์ก็วิ่งตามมา

"เป็นอะไรรึเปล่า ยัยหนู"

"หนูสะดุดรากต้นมะม่วงล้มหนะค่ะ ซุ่มซ่ามไปหน่อย"

"ข้อเท้าบวมเชียวลุกไหวไหม"

พงษ์มองอย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะโอบตัวของหมิวแล้วพยุงขึ้นมา เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนจากผิวสัมผัสของพงษ์ เธออยากจะบอกว่าโอบแน่นไป แต่ก็เกรงใจ

"เอ็งเดินได้ไหม"

"น่าจะได้นะคะ เดินขาข้างเดียวเอา"

"แล้วเอ็งจะข้ามคูตรงนู้นได้ยังไง กระต่ายขาเดียวข้ามสะพานไปรึ มานี้ ข้าอุ้มเอง"

หมิวไม่ทันพูดอะไร พ่อสามีของเธอก็ช้อนต้นขาขึ้นอุ้มท่าเจ้าหญิง ไม่น่าเชื่อว่าอายุปูนนี้แล้ว ยังมีแรงอุ้มผู้หญิงได้อีก หมิวตกใจแต่เธอไม่ได้ขัดขืน เพียงแค่เธอรู้สึกได้ว่ามือข้างหนี่งของพงษ์อยู่ผิดตำแหน่ง แทนที่มือจะประคองอยู่บริเวณสีข้าง แต่มันเลยขึ้นมาจนปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับฐานหน้าอก

"แล้วคุณหมิวไม่ได้ขัดขืนอะไรหรอครับ"

"ตอนนั้นดิฉันคิดว่าคุณพ่อไม่ได้ตั้งใจหนะค่ะ เลยไม่ได้พูดออกไป"

"อย่างงี้นี่เอง แล้วคุณพงษ์ก็อุ้มคุณไปส่งถึงในบ้านเลยหรอครับ"

"ใช่ค่ะ แล้วคุณพ่อก็เอายามาทาให้ด้วย"

"คุณพงษ์นี่แข็งแรงดีจริง งั้นผมมีอีกคำถาม เป็นคำถามสุดท้ายของวันนี้ละ ผมอยากถามถึงเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นในบ้านของคุณหน่อยครับ ที่มันเกิดขึ้นหลังจากที่คุณย้ายเข้ามาอยู่ได้สองสัปดาห์"

"ค่ะ คุณทราบเรื่องนั้นด้วยหรอคะ"

"ครับ ชาวบ้านแถวนั้นเล่าให้ผมฟังหนะครับ"

"ดิฉันคิดว่าไม่มีใครทราบเสียอีก"

"พอจะเล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ"

"ค่ะ เรื่องมันเกิดหลังจากที่ดิฉันอาบน้ำเสร็จ"

หลังจากทำงานบ้านและรีวิวสินค้าเพื่อหารายได้เสร็จ เวลาก็ปาไปเกือบห้าทุ่ม หมิวจึงรีบอาบน้ำและขึ้นมาที่ห้องนอน สาวสวยรู้สึกขี้เกียจบวกง่วงมากจึงตัดสินใจนอนทั้งผ้าขนหนูอย่างงั้นเลย ในขณะที่กำลังเคลิ้มๆหมิวก็สะดุ้งขึ้น เมื่อมีเสียงอะไรบางอย่างกระทบกับหลังคาบ้านอย่างแรง

หมิวลุกขึ้นไปมองตรงหน้าต่าง เธอก็ต้องผงะเมื่อเห็นชายหน้าตาน่ากลัว ผมเพล้า หนวดเครารุงรัง แทบไม่เห็นหน้าตา ใส่แต่กางเกงยืนทะมึนอยู่หน้าประตูรั้ว เธอกลัวจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ผ้าขนหนูแทบหลุดร่วงออกมาจากตัว หมิวจำไม่ได้เลยว่าเธอนั่งอยู่อย่างงั้นนานแค่ไหน เธอกลัวว่าผู้ชายประหลาดคนนั้นจะบุกเข้ามาในบ้าน หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตู และมีเสียงเรียกเธอดังมาจากนอกประตู เป็นเสียงของพงษ์ พ่อสามีของเธอนั่นเอง

"เดี๋ยวนะครับ คุณหมิว ผมมีคำถามอยากจะถาม" นักสืบหนุ่มทำตาเลิกลั่กโดยไม่รู้ตัว

"คะ?"

"คุณรู้จักชายประหลาดคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านไหมครับ"

"ไม่ค่ะ จะไปรู้จักได้ยังไงคะ"

หมิวเอียงคอสงสัย นักสืบหนุ่มเงียบไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาก้มหน้าหลับตาแล้วเอานิ้วขยี้หว่างคิ้ว พลางบ่นพึมพำในลำคอ

"นี้มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี้ย"


โปรดติดตามตอนต่อไป

.................. ...........................
      ย้อนหลังงาน ของ คุณ pekopon66 .
โชคชะตา กามารมณ์.....
ตอนที่ 1 ความลับ -       http://xonly69.com/read-xonly-tid-157502.html
ตอนที่ 2 ความสับสน -   http://xonly69.com/read-xonly-tid-157657.html
ตอนที่ 3 ความรัก -       http://xonly69.com/read-xonly-tid-157899.html
ตอนที่ 4 ความเชื่อ -      http://xonly69.com/read-xonly-tid-158185.html
ตอนที่ 5 ความสงสัย -    http://xonly69.com/read-xonly-tid-158412.html
ตอนที่ 6 ความจริง -       http://xonly69.com/read-xonly-tid-158583.html
ตอนที่ 7 ความขัดแย้ง -  http://xonly69.com/read-xonly-tid-158843.html
ตอนที่ 8 ความรู้สึก -       http://xonly69.com/read-xonly-tid-158999.html
ตอนที่ 9 ความต้องการ - http://xonly69.com/read-xonly-tid-159244.html
ตอนที่ 10 ความเจ็บปวด -http://xonly69.com/read-xonly-tid-159454.html
ตอนที่ 11 ความทรงจำ(ตอนจบ) http://xonly69.com/read-xonly-tid-159754.html