ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หัวใจรักที่เสียสละ

เริ่มโดย twintower, มกราคม 29, 2020, 10:00:53 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

จากคนแต่ง
เรื่องนี้บอกไว้ก่อนนะครับยาวประมาณ 2-3 ตอนเท่านั้นบทรักมีไม่มากและขอซ่อนเหมือนเรื่องที่ผ่านมา ตอนแรกผมสองจิตสองใจว่าจะซ่อนดีหรือไม่ แต่สุดท้ายตัดสินใจซ่อน เพราะผมอยากได้คนที่อ่านจริงๆเท่านั้น ถึงบางความคิดเห็นจะมักง่ายมากไม่ตรงประมาณว่าสักแต่แสดงความเห็นเพื่อจะได้อ่าน ตรงนี้บอกตรงๆว่าท้อเหมือนกันครับ อย่างเรื่องที่ผ่านมา ผมต้องบอกไว้ก่อนว่าเรื่อง "ผีหลอกสายฟ้า"นั้นจบไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ถ้าใครได้อ่านจนจบก็คงจะรู้ดีว่าทุกอย่างมันเฉลยไปหมดแล้วครับไม่ได้ตัดจบครับผมวางพล็อตมาแล้วให้จบอย่างนี้ แต่เจอประเภทมักง่ายที่บอกว่า "จบอะไรคุยไม่รู้เรื่องเลย" แบบนี้มันก็มักง่ายเกินไปครับ  ส่วนความเห็นดีๆนั้นๆบอกเลยครับ ขอบคุณมากๆเหมือนเป็นกำลังใจให้ผมหาจินตนาการมาแต่งได้ต่อไปเรื่อยๆครับ

ขอบคุณครับ

***Twintower***
------------------------------------------------------------------------------------------------------




ในลานจอดรถด้านหน้าตึกสูงประมาณ 20 ชั้นในกรุงวอชิงตันสหรัฐอเมริกา หญิงสาว 2 คนก้าวลงจากรถแล้วมองไปที่ตัวตึก

"พี่เค้าจะอยู่หรือเปล่านี่"

เป็นเสียงพูดด้วยความกังวลจากหญิงสาวร่างใหญ่ที่ถามไปยังอีกคนที่เป็นคนขับรถมาที่กำลังปิดประตู อีกฝ่ายนั้นส่ายหน้าและตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

"ไม่รู้เหมือนกันปุ๊ก แต่ไหนๆตั้งใจมาแล้วก็ต้องมาให้เจอ เค้าคงไม่ได้ไปไหนมั้ง"

พูดจบเธอพยักหน้าชวนเพื่อนเดินเข้าไปในอาคารโดยที่อีกฝ่ายมองด้วยความสงสารและเห็นใจ ทั้งคู่ต่างมาอเมริการอบนี้แบบเร่งด่วนโดยไม่เตรียมการล่วงหน้า ดีที่มีวีซ่าอยู่แล้ว ในรอบ2-3ปี ที่ผ่านทั้งคู่ต่างมาเที่ยวสหรัฐบ่อยแต่ไม่เคยได้มาที่วอชิงตัน การมาครั้งนี้มันด่วนมากจนแทบจะเตรียมตัวไม่ทัน นึกอะไรก็ยัดใส่กระเป๋ามายิ่งช่วงปลายเดือนมกราคมอากาศที่วอชิงตันนั้นหนาวเป็นอย่างมาก โชคดีที่หิมะยังไม่ตก ทั้งคู่นั้นต่างบินมาถึงวอชิงตันเมื่อเช้านี้หลังจากเข้าพักที่โรงแรมต่างพักผ่อนกันครู่หนึ่งก่อนที่ช่วงบ่ายจะใช้รถที่เช่ามาขับมาที่ตึกแห่งนี้โดยใช้ GPS นั้นนำทางมาให้ เพราะต่างก็มั่นใจว่า GPS นำทั้งคู่มาไม่ผิดที่ เพราะเจ้าของตึกแห่งนี้เป็นบริษัทนายหน้าค้าหุ้นอับดับต้นๆของโลก ปุ๊กรู้สาเหตุดีว่าเพื่อนต้องมาที่นี่เพราะอะไร ทั้งๆที่เดือนหน้าเพื่อนจะแต่งงานแล้ว เมื่อเพื่อนขอร้องให้มาด้วย ปุ๊กนั้นไม่อาจปฏิเสธเพื่อนได้ เพราะที่ผ่านมาเธอก็ถือว่ามีส่วนในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

ทันทีที่เข้ามาในอาคารอากาศนั้นอุ่นขึ้น ทั้งคู่เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีพนักงานนั่งอยู่ 2คน

"มีอะไรให้ช่วยคะ"

เป็นเสียงจากพนักงานผู้หญิง ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายผิวสีที่อยู่ในชุดสูทสีดำและสวมหูฟังวิทยุข้างเดียวนั้นแค่เหลือบตามามองก่อนจะก้มหน้าไปที่จอคอมเหมือนเดิม ฝ่ายหญิงที่เป็นคนขับรถมายิ้มตอบก่อนจะเอ่ยกลับเป็นภาษาอังกฤษที่ชัดเจน

"เอ่อ เราสองคนมาจากประเทศไทยนะคะ เรามีธุระด่วนต้องพบกับคุณนนทวัชคะ"

พอเอ่ยชื่อนี้ทำเอาเจ้าหน้าที่ผู้ชายที่นั่งก้มหน้านั้นเงยหน้าขึ้นมาทันที่ พนักงานทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนที่ฝ่ายหญิงจะตอบกลับ

"นัดไว้ก่อนหรือเปล่าคะ เราขอทราบชื่อคะ"

"ไม่ได้นัคคะ เรามาอย่างเร่งด่วน"

"งั้นรบกวนของฝากเรื่องไว้ได้ไหมคะ เพราะจะมาพบรองประธานบริหารของที่นี่ต้องนัดไว้ล่วงหน้าคะ เสียใจด้วยนะคะ"

เจ้าหน้าที่ผู้หญิงพูดพร้อมส่งกระดาษกับปากกาให้แต่ปุ๊กนั้นพูดขึ้นมา

"ขอความกรุณาด้วยคะ เราทั้งคู่มีธุระด่วนจริงๆ ถึงต้องมาพบคุณธนวัชเป็นการด่วน ได้โปรดเถอะคะ เรามาจากประเทศไทยและพึ่งมาถึงวอชิงตันเมื่อเช้า เรารีบมาที่นี่โดยตรงอย่าเราให้เสียเที่ยวเลยคะ ได้โปรดเถอะคะ หรือจะให้เราคุยกับคุณนนทวัชก่อนก็ได้คะ เราลองติดต่อคุณนนทวัชจากประเทศไทยทุกช่องทางแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ เราทั้งมีความจำเป็นต้องพบคุณนนทวัชจริงๆคะ ขอร้องละคะ"

น้ำเสียงและใบหน้าที่ดูวิงวอนของทั้งคู่ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายชายที่พยักหน้ากับฝ่ายหญิงก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา หลังจากที่มีการพูดคุย เจ้าหน้าที่หญิงขอทราบชื่อของทั้งคู่และขอพาสปอร์ตของทั้งคู่ไปสแกนที่เครื่องก่อนจะคืนพร้อมส่งบัตรผู้มาติดต่อให้ทั้งคู่ ส่วนฝ่ายชายนั้นเอามือจับที่หูฟังและหันหน้าไปทางกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านหลังและพยักหน้าให้ ทำให้ทั้งสองสาวพึ่งสังเกตุเห็นว่าบริเวณนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่หลายตัว และเจ้าหน้าที่ผู้หญิงได้บอกขึ้นมาหลังจากส่งบัตรให้พร้อมเดินนำทั้งคู่ไปที่ชุดรับแขกที่ดูหรูหรา

"รบกวนนั่งรอก่อนนะคะ เลขาคุณทิมจะมารับพวกคุณทั้งคู่ขึ้นไปพบคะ"

"ขอบคุณมากคะ"

เป็นคำกล่าวของหญิงสาวที่เป็นคนขับรถก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งลงพร้อมมองไปรอบๆ

"ง่ายกว่าที่คิดนะนัน ไม่ใช่เราไม่ลองติดต่อแต่ก็ติดต่อพี่ทิมไม่ได้"

ปุ๊กพูดขึ้นมา

"นั่นนะสิ พี่ทิมคงเห็นเราจากวงจรปิด เพราะเห็นเจ้าหน้าที่ผู้ชายฟังจากวิทยุแล้วมองไปที่กล้อง เราก็พึ่งรู้นะว่าที่นี่เรียกคุณทิม พี่ทิมคงให้พวกฝรั่งเรียกชื่อเล่นมันออกเสียงง่ายกว่านนทวัช"

นันตอบเพื่อนพร้อมรอยยิ้มที่เศร้าๆ ปุ๊กจับมือเพื่อนเหมือนให้กำลังใจ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าในรอบอาทิตย์นี้เพื่อนเธอลองทุกวิถีทางที่จะติดต่อฝ่ายชาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะเบอร์โทรศัพท์ที่มีก็เป็นเบอร์ที่ทิมใช้ตอนอยู่เมืองไทย นันไม่รู้ว่าทิมยังใช้เบอร์นั้นหรือไม่เพราะโทรไปก็ปิดเครื่อง ลองถามจากเพื่อนอีกคนที่พี่ชายเป็นเพื่อนกับทิมก็ไม่มีใครรู้ ส่งความทางไลน์ทิมก็ไม่อ่าน พอเธอบอกให้เพื่อนส่งมาทางอินบ็อกของเฟซบุ๊กแต่นันตัดสินใจแล้วว่าจะมาพบทิมให้ได้ ทำให้ทั้งคู่บินด่วนมาหาทิม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นหลังจากที่ เธอกับนันโพสต์รูปที่นันถ่ายพรีเวดดิ้งลงในเฟซของนัน ก่อนหน้านั้นทิมมักจะกดไลท์รูปที่นันโพสต์ทุกครั้งแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร แต่พอมีรูปพรีเวดดิ้งของนัน ทิมนั้นไม่กดไลท์ และเมื่อ3-4วันที่ผ่านในเฟซของทิม พี่สาวที่เป็นลูกของป้าที่เลี้ยงทิมมาและตอนนี้เป็นอาจารย์แพทย์มาได้เข้ามาโพสต์ในเฟซของทิม

"เป็นไงละ สมน้ำหน้า ทำโชว์พาวว่าเก่ง 4 วันอยู่ได้ 4ประเทศ 4 ทวีป แล้วไงไม่สบายจนได้"

เพื่อนสนิทของทิมนั้นได้โพสต์ต่อ

"อ้าวทำไมละพี่กุ๊ก มันป่วยเป็นหรือไง"

"ก็อวดเก่งไงบอล ก่อนหน้านั้นอยู่ออสเตรเลียบอกว่ามาบริจาคเงินกับของช่วยดับไฟป่า วันศุกร์บินมาไทย วันเสาร์อยู่ไทย คืนนั้นบินไปอังกฤษทันที บอกให้พักก่อนมันก็ไม่ฟังนิสัยมันดื้อตั้งแต่เด็กแล้วอ้างจะไปดูบอลจองตั๋วไว้แล้ว วันอาทิตย์ดูบอลจบแทนที่จะพักที่อังกฤษสักวัน มันบินกลับสหรัฐเลย เป็นไงละ เจอควันที่ออสเตรเลียมาไทยเจอ PM2.5 แล้วมาเจออากาศเย็นที่อังกฤษ มันเดี้ยงเลย พี่กะแล้วว่ามันต้องไม่สบาย ทิมเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่เด็กแล้ว เจอแบบนี้ไม่รอด พี่โทรไปหาเสียงมันแหบมาก ดีที่มันไปหาหมอแล้ว ไม่งั้นพี่จะบินไปลากมันมาที่เมืองไทยแล้ว  อวดดีตลอด ถือว่ามีเครื่องบินส่วนตัวจะบินไปไหนก็ได้ พอไม่สบายแล้วใครจะช่วยดู อยู่คนเดียวที่นั่นด้วย ปล่อยตามยะถากรรมก็ไม่ได้พ่อกับแม่พี่ฝากฝังมันไว้เยอะ จนตอนนี้อยากจะฝังเต็มทีแล้ว ไม่เชื่อกันบ้างเลย"

พี่สาวของทิมสาธยายอย่างยาวเหยียด คนที่เข้าไปอ่านคงไม่รู้สึกอะไรมากนักแต่นันนั้นจับใจความได้โดยเฉพาะตอนที่บอลเพื่อนทิมที่เป็นพี่ชายของเพื่อนเธออีกคนได้โพสต์ตอบมาว่า

"ผมเจอมันวันเสาร์ช่วงบ่ายก็บอกให้มันอยู่ต่อแต่มันบอกว่าจะไปดูบอลให้ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงรีบไปเหมือนไม่อยากอยู่ไทย บอลจะดูเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องไปถึงที่ปีหน้าก็มีอีก ระดับมันสบายอยู่แล้วหาตั๋วง่ายจะตาย ตอนที่เจอมัน มันก็เริ่มไอแล้ว แต่มันบอกผมว่าไม่เป็นอะไร"

เรื่องมันเกิดจากก่อนหน้านั้นในเฟซของทิมมีการแท็กรูปที่โพสต์จากทีมงานบริษัทที่ทำงานว่าทิมนำเงินและสิ่งของไปช่วยเหลือเรื่องไฟไหม้ป่าที่ออสเตรเลีย และวันศุกร์ทิมโพสต์ข้อความสั้นๆว่าจะกลับแวะเมืองไทยพร้อมกับเช็คอินที่สนามบินออสเตรเลียแต่วันเสาร์เป็นวันที่นันกับปุ๊กโพสต์ภาพพรีเวดดิ้งทั้งในอินสตราแกรมและเฟซบุ๊ก เป็นช่วงที่ทิมอยู่เมืองไทยเพราะตอนช่วงเย็นในเฟซของทิมมีแท็กรูปเข้ามาจากหลานสาวที่เป็นลูกพี่สาวทิมว่าทิมมาทานข้าวด้วย ทำให้นันโทรหาทิมทันทีแต่ติดต่อไม่ได้ เธอโทรหาเพื่อนที่ชื่อเบลก็ไม่รู้อะไรมาก จนวันอาทิตย์ช่วงค่ำทิมโพสต์ภาพสนามฟุตบอลในอังกฤษพร้อมพิมพ์ข้อความสั้นๆ "มาดูบอล" ทำให้นันรู้ว่าทิมไปถึงอังกฤษแล้ว เธอได้เข้าไปกดไลท์เพื่อให้ทิมรู้ แต่ทุกอย่างมันเงียบทิมไม่โพสต์อะไรเพิ่มเติม นอกจากเพื่อนเข้ามาโพสต์และทิมตอบทุกคน จนช่วงค่ำวันจันทร์ของเมืองไทยทิมนั้นกลับไปอยู่สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยเพราะมีเช็คอินที่วอชิงตันพร้อมข้อความสั่นๆ "กลับที่พัก"และหลังจากนั้นอีก3-4วัน พี่สาวของทิมจึงมาโพสต์บ่นน้องชาย

จาก ประโยคที่บอกว่าที่บอลบอกว่า"ทิมไม่อยากอยู่เมืองไทย"นั้นสะดุดความรู้สึกของนันเป็นอย่างมาก 2 ปีเต็มๆ ที่ไม่เจอกันมีแต่กดไลท์ผ่านเฟซผ่านอินสตราแกรมแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร 2 ปีเต็มๆที่เลิกรากัน ถึงจะจากกันด้วยดี แต่นันรู้ดีว่าทิมนั้นเป็นอะไร ทำให้เธอตัดสินใจบินด่วนมาหา ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นถึงเธอจะมาเที่ยวอเมริกาแต่ก็ไม่เคยมาถึงที่นี่เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกเดิมๆกลับมาอีก แต่ครั้งนี้ความรู้สึกบอกว่าเธอต้องมาพบทิมให้ได้ ทั้งๆช่วงนี้ที่เมืองไทยเธอนั้นยุ่งมากกับงานแต่งที่กำลังจะมาถึง ทั้งคู่นั่งรอไม่นานนัก ผู้หญิงผิวดำที่รูปร่างหน้าตาสามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ ได้เดินเข้ามาหาที่โต๊ะรับแขกก่อนจะทักขึ้นว่า

"สวัสดีคะ ดิฉันนาตาลีเป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของที่นี่ พอดีคุณลอเรลเลขาของบอสติดงาน ดิฉันมารับคุณทั้งคู่ไปพบบอสแทน เชิญทางนี้คะ"

ต่างฝ่ายตางจับมือทักทายก่อนที่นาตาลีจะพาเดินไปอีกทางไม่ใช่ไปลิฟต์ที่เห็นอยู่ แต่พาเดินเลี้ยวไปอีกมุมของอาคารจะเห็นลิฟต์อีกตัวที่ดูจะอยู่ตรงที่ลับตา แต่มีประตูกระจกใสกั้น นาตาลีใช้บัตรที่คล้องคอแตะที่เครื่องสแกนตรงหน้าประตู ด้านหลังประตูจะมีผู้ชายใส่สูทและมีสวมหูฟังยืนอยู่หน้าลิฟต์ ไม่ห่างไปนักมีรปภ.อีก 2 คนที่พกปืน เหมือนกับใกล้ๆประตูทางเข้าอาคารที่มี รปภ.พร้อมอาวุธ 2 คน ก่อนจะเข้าลิฟต์ ผู้ชายที่ใส่สูทพยักหน้าให้นาตาลี ส่วนหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เอาบัตรประจำตัวที่คล้องคออยู่ไปแตะที่แป้นกดหน้าลิฟต์ ทันทีที่ประตูเปิด เธอรีบก้าวเข้าไปก่อนจะเชิญทั้งสองสาวเข้ามาลิฟต์ ทั้งคู่เห็นนาตาลีเอาบัตรแตะพร้อมเอานิ้วชี้ทาบที่แป้นกดก่อนจะกดที่เลข 18 แล้วหันมาอธิบายกับทั้งคู่ว่า

"ที่นี่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดคะ ลิฟต์นี้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นคะ"

"ทำไมดูเงียบๆจังคะ ไม่เหมือนบริษัทใหญ่เลย"

ปุ๊กเป็นคนถามขึ้น นาตาลียิ้มก่อนจะตอบ

"ในส่วนภายนอกจะเป็นแบบนี้ละคะ แต่ในส่วนออฟฟิตทุกชั้นจะวุ่นวายโดยเฉพาะชั้นที่ใช้ทำเรื่องเทรดหุ้น จะวุ่นวายที่สุดแต่ชั้นบนๆสำหรับผู้บริหารจะเงียบหน่อยคะ"

ทั้งคู่พยักหน้าเป็นจังหวะที่ถึงชั้น 18 พอดี พอประตูลิฟต์เปิดนาตาลีให้แขกเดินนำออกไป ส่วนเธอตามออกภายหลัง ในสายตาของแขกทั้งคู่ การตกแต่งของชั้นนี้ดูหรูหราเป็นอย่างมากทุกอย่างดูทันสมัย และที่เหมือนชั้นล่างมีประตูกระจกกั้นนาตาลีใช้บัตรแตะและสแกนลายนิ้วมือ ด้านหลังประตูผู้ชายในชุดสูทพร้อมหูฟังยืนอยู่ และตามทางเดินอีก2-3 คน นาตาลีเดินนำทั้งคู่ไปอีกด้าน พอถึงมุมทันทีที่เลี้ยวห้องทำงานขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นห้องที่อยู่มุมตึกอีกด้านพอดี มีกระจกใสบานใหญ่นั้นกั้นอยู่ ทางเดินที่ทอดไปนั้นขวามือคือขอบตึกที่มีกระจกใสกั้นอยู่มองไปทิวทัศน์ที่งดงาม ส่วนด้านซ้ายนั้นเป็นห้องทำงานที่ขนาดย่อมกว่า นันกับปุ๊กอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเข้าไป ทำให้เห็นหลังกระจกสุภาพสตรีฝรั่งสาวสวยกำลังพูดโทรศัพท์อยู่พร้อมก้มไปมองในไอแพ่ดที่ถืออยู่ เธอเหลือบตาขึ้นมามองพอดีพร้อมกับยิ้มให้ ทั้งคู่ยิ้มตอบ พอเดินเลยไป ทำให้เห็นห้องตรงมุมนั้นชัดขึ้น เป้าหมายที่นันจะมาพบนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ดูหรูหราอย่างมาก มองเข้าไปจะเห็นอย่างได้ชัด ด้านหลังโต๊ะทำงานนั้นมองไปจะเห็นวิวที่สวยงามผ่านกระจกใสที่มองได้เกือบรอบห้อง พร้อมชุดรับแขกที่หรูหราเข้ากับห้อง มันเป็นห้องที่เหมาะกับผู้บริหารระดับสูงจริงๆ นาตาลีเดินไปเคาะประตูพร้อมผลักเข้าไป ทิมเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมส่งยิ้ม

"บอสคะ แขกจากไทยที่มาขอพบบอสคะ"

"ขอบคุณมากนาตาลี"

เสียงตอบที่ได้ยินมานั้นทำเอาปุ๊กกับนันหันมามองหน้ากันเพราะเป็นเสียงที่ค่อนข้างแหบ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์เชิญทั้งสองสาวเข้าไปในห้องก่อนที่เธอจะเดินกลับไป ทิมลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวด้วยภาษาไทยพร้อมรอยยิ้ม

"มาเลยปุ๊ก นัน มานั่งตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องไปที่ชุดรับแขกหรอก"

ทั้งคู่เดินมานั่งตรงข้ามทิม ที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูป กางเกงสแลคสีดำ เยื้องไปด้านหลังมีที่แขวนเสื้อโค้ทกับสูทสีดำ บนโต๊ะขนาดใหญ่นั้นมีจอคอมพิวเตอร์ 2 จออยู่เยื้องกับตัวทินส่วนตรงหน้ามีเอกสารและไอแพ่ดกับโทรศัพท์มือถือวางอยู่ แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไร มีพนักงานในชุดฟอร์มแม่บ้านเอากาแฟกับน้ำเย็นมาเสิร์ฟ แล้วรีบเดินออกไปหลังจากที่ทิมบอกขอบคุณ ปุ๊กนั้นเป็นฝ่ายถามก่อน

"จะถามว่าพี่ทิมสบายดีหรือเปล่าตามธรรมเนียมคงจะไม่ได้แล้ว พี่ทิมยังไม่หายหรือคะ ปุ๊กเห็นจากเฟซที่พี่สาวพี่ทิมบ่นแล้วพอมาเจอพี่เสียงพี่แหบมาก"

ทิมยิ้มออกมาทำให้ทั้งคู่นั้นเห็นชัดว่าใบหน้านั้นยังดูเหมือนคนพึ่งฟื้นไข้ ขอบตานั้นคล้ำเหมือนคนที่นอนน้อยทำงานหนัก

"ดีขึ้นแล้วละ อย่างที่พี่กุ๊กบอกพี่อวดดีเกินไป เดินทางตลอดไม่ยอมพักเจอทั้งควันไฟทั้งฝุ่นมาเจออากาศเย็นร่างกายมันปรับไม่ทัน เลยไม่สบาย"

"แล้วทำไมพี่ไม่พักผ่อนก่อนละคะเดินทางแบบนี้ นันว่ามันระห่ำเกินไปนะคะ อยู่ประเทศละวันสองวัน แถมคนละทวีปอีก"

เป็นประโยคแรกที่นันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงจากใจจริง ทิมได้แต่ยิ้มๆก่อนจะถามขึ้นมา

"แล้วที่มานี่มีอะไรด่วนหรือเปล่าละ"

ทำเอาทั้งคู่ต่างมองหน้ากัน ปุ๊กเสยกแก้วกาแฟขึ้นจิบทำให้นันเป็นคนพูด

"พี่ทิมทราบแล้วใช่ไหมคะว่านันจะแต่งงาน"

สีหน้าที่เซียวของทิมนั้นซีดลงไปอีกอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับการพยักหน้า ฝ่ายหญิงนั้นพูดต่อแต่พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้

"นันอยากจะมาเชิญพี่ทิมด้วยตัวเองคะ ไม่ใช่นันไม่ติดต่อพี่แล้วนะคะ แต่นันติดต่อพี่ไม่ได้ เบอร์โทรที่พี่เคยใช้ก็ติดต่อไม่ได้โทรมาก็ปิดเครื่องตลอด นันพยายามทุกทางแต่ก็ไม่ได้ ทั้งเบลทั้งพี่บอลก็บอกว่าไม่มีเบอร์พี่ทิมที่สหรัฐ จะถามทางพี่กุ๊กนันก็ไม่กล้าคะ นันเกรงใจ นันเลยบินมาหาพี่เองคะ"

สายตาที่มองไปที่ทิมนั้นเป็นสายตาที่ตัดพ้อ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่บอลที่เป็นเพื่อนรักของทิมรวมทั้งเบลที่เป็นน้องสาวและเพื่อนเธอจะบอกว่าไม่มีเบอร์ติดต่อ ถ้าทิมไม่ได้เป็นคนสั่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่สองพี่น้องนี้จะไม่มีเบอร์ของทิมที่สหรัฐ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะความตั้งใจของเธอคือจะมาพบทิมให้ได้

ทิมฝืนยิ้มก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบและพร่า

"เบอร์เก่าพี่ใช้มันเป็นเบอร์ของไทย พี่จะใช้ช่วงกลับไทยเท่านั้น"

นันไม่พูดอะไรกับคำตอบของทิมเพราะรู้ดีนิสัยดี เธอจึงเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบซองสีชมพูออกมาก่อนจะยื่นให้

"นี่คะพี่"

ปุ๊กนั้นมองอยู่ตลอดและเห็นว่าทั้งคนให้และคนรับนั้นมือสั่นทั้งคู่ ทิมรับซองสีชมพูที่จ่าหน้าถึงตนเองแล้วเปิดหยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน สีหน้านั้นยิ่งซีดเข้าไปอีก ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปกติ

"พี่ดีใจด้วยนะ"

นันเม้มปากและพยายามฝืนยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ เธออยากจะบอกกับทิมว่าเธอไม่ได้มาเยาะเย้ยแต่อยากมาเจอว่า คนรักเก่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เห็นทิมนั้นดูจะนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก เป็นปุ๊กที่ชวนคุยเพราะเห็นเพื่อนเธอนั้นก็นิ่งไปเช่นกัน

"ห้องทำงานพี่ทิมสวยมากนะคะ วิวก็สวยดีสมกับเป็นห้องทำงานรองประธานบริหารกระจกติดฟิลม์ใสใช่ไหมคะ"

"ใช่ติดฟิล์มไว้หมดแล้ว ต้องมาดูช่วงหิมะตกใหม่ๆมันจะสวยมาก เวลาพี่เครียดๆก็เดินไปดูวิวนะ มันผ่อนคลายได้เยอะ"

ทิมต้องพร้อมมองไปรอบๆห้อง แต่นันกลับไปสะดุดตาภาพที่ตั้งอยู่บนตู้เอกสารด้านหลังของทิม เป็นรูปทิมที่กำลังยืนดูวิวที่ภูเก็ต มันทำเอาเจ็บแปลบทันทีเพราะภาพนั้นเธอเป็นคนถ่ายเอง ตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวภูเก็ต การสนทนาเป็นฝ่ายปุ๊กที่ชวนคุยมากกว่า จนโทรศัพท์มือถือทิมที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ทิมหยิบขึ้นมาอ่านข้อความก่อนจะพูดขึ้นว่า

"พี่ต้องขอตัวก่อนนะ มีงานต้องทำ เอ่อแล้วเรามาที่นี่กันยังไงพักที่โรงแรมไหนละ"

คราวนี้นันเป็นฝ่ายตอบ ทิมนิ่งก่อนจะก้มหน้าลงไปจดข้อความที่สมุดโน๊ตไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด

"งั้นเย็นนี้พี่เชิญทั้งสองคนมาทานมื้อเย็นที่บ้านพี่แล้วกันนะ เราจะได้คุยกันมากกว่านี้"

"ได้คะพี่ แล้วบ้านพี่อยู่ที่ไหนคะ"

ทิมยิ้มก่อนจะตอบแฟนเก่า

"ไม่ต้องห่วง เย็นนี้สัก 6 โมงเย็นแล้วกัน พี่จะให้คนไปรับเราที่โรงแรมดีกว่าสะดวกดี"

พูดจบทิมยกหูโทรศัพท์ตั้งโต๊ะขึ้นมาแล้วกดตัวเลข 4ตัว รอสายอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด

"ลอเรลเชิญที่ห้องครับ"

ชั่วครู่มีเสียงเคาะประตู ทั้งคู่หันไปมอง คนที่ก้าวเข้ามาคือหญิงสาวที่ทั้งคู่เห็นเมื่อสักครู่นี้ เมื่อเห็นเต็มตัวทำให้แขกทั้งคู่บอกกับตัวเองว่า ผู้หญิงฝรั่งคนที่ก้าวเข้ามานั้นทั้งสวยสง่าและหุ่นดีดูดีกว่านาตาลีมาก ในมือนั้นถือไอแพ่ดและวิทยุสื่อสารเครื่องเล็กๆ ลอเรลเดินยิ้มเข้ามาที่โต๊ะก่อนที่ทิมจะแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ

"นี่คุณลอเรลเลขาของพี่เอง"

พร้อมกับแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักลอเรลยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนเดินมาด้านข้างโต๊ะแล้วส่งไอแพ่ดให้กับทิม ซึ่งทิมก้มลงดูพร้อมพยักหน้าก่อนจะพูด

"ตามนั้นเลย เพิ่มทุนอีกนิดตัวนี้เราจะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 10 % "

แล้วหันมาที่ทั้งคู่

"พี่จะให้ลอเรลลงไปส่งเราทั้งคู่นะพี่ขอตัวทำงานก่อนเย็นนี้เจอกัน"

ทิมกล่าวพร้อมลุกขึ้น ทั้งปุ๊กกับนันเอ่ยลา ปุ๊กนั้นดูออกว่านัน นั้นมีอาการไม่ค่อยจะดีเช่นเดียวกับทิม ลอเรลก้าวนำทั้งคู่ออกนอกห้องทำงาน นันหันกลับมามองอีกครั้งเห็นทิมกำลังนั่งดูการ์ดแต่งงานด้วยสีหน้าที่ดูออกว่าปวดร้าว นันรีบหันหน้ากลับเพราะกลัวจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ และเห็นลอเรลยกวิทยุขึ้นพูด เมื่อเดินไปถึงลิฟต์ประตูลิฟต์นั้นเปิดรออยู่แล้ว ลอเรลก้าวนำทั้งคู่เข้าไปและทำเหมือนกับที่นาตาลีทำ และเธอก้มลงมองอ่านข้อความที่โทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงแล้วหันมาบอกกับทั้งคู่ว่า

"เย็นนี้ดิฉันจะไปรับพวกคุณที่โรงแรมนะคะ บอสสั่งมาแล้ว 6โมงเย็นเราเจอกันที่ล็อบบี้นะคะ"

ทั้งคู่ต่างยิ้มรับ พอถึงชั้นล่างลอเรลเป็นคนจัดการเรื่องบัตรผู้ติดต่อก่อนจะเดินไปส่งทั้งคู่ที่ประตูทางเข้าอาคาร จากอาคารไปที่ลานจอดรถ ปุ๊กกับนันไม่ได้พูดอะไร พอไปถึงรถนันส่งรีโมทรถให้ปุ๊กและพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ

"ปุ๊กขับแทนที ฉันไม่ไหวแล้ว"

ปุ๊กทำตามที่เพื่อนบอก หลังจากขับรถมุ่งหน้าไปที่โรงแรม ปุ๊กนั้นไม่พูดอะไร เพราะรู้ว่าเพื่อนนั้นกำลังเสียใจ นันพยามยามกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตาก่อนจะพูด

"เมื่อกี้ตอนเดินออกจากห้องฉันหันไปเห็นพี่ทิมดูการ์ดสีหน้าของเขาไม่ดีเลย"

ปุ๊กถอนหายใจแล้วตอบเพื่อน

"ก็นั่นแหละ  ก่อนมาฉันก็ถามย้ำกับแกแล้วว่าจะดีหรือที่มา เพราะมันจะเจ็บทั้งคู่ ฉันเข้าใจที่แกอยากเจอ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เจอกันก็ยิ่งเจ็บปวดทั้งคู่ แต่ก็นั่นแหละนะ เรื่องนี้ฉันก็มีส่วนผิด"

"ไม่แกไม่ผิดหรอก เพราะคนตัดสินใจคือฉัน"

เธอตอบเพื่อนพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา ปุ๊กหันมามองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เมื่อ 2 ปีเศษที่ผ่าน นันนั้นมาปรับทุกข์ให้เธอฟังเรื่องแฟนที่ตั้งใจจะไปทำงานที่สหรัฐให้ได้ ทั้งๆที่งานในเมืองไทยก็มั่นคงแล้ว นันพยายามให้ทิมเปลี่ยนความคิดแต่ทิมยืนยันคำเดิม นันรู้ดีว่าถ้าฝ่ายชายไปทำงานที่นั่นทั้งคู่ต้องเลิกกันแน่นอน นันรักทิมมากเป็นเรื่องปุ๊กรู้อย่างดีเพราะที่ผ่านมาเพื่อนนั้นเจ็บช้ำกับความรักมาตลอด จนมาเจอทิมที่นันมั่นใจว่าเป็นรักแท้ เมื่อเป็นแบบนี้เธอเองเป็นคนที่บอกเพื่อนว่าให้ขอเลิกกันก่อนที่ทิมจะมาสหรัฐเพราะมันจะได้เจ็บน้อยกว่า และความห่างไกลมันอาจจะช่วยเยียวยา นันเก็บไปคิดและก่อนที่ทิมจะเดินทาง นันขอเลิกกับทิม โดยให้เหตุผลในเรื่องระยะห่างและทิมไม่ให้คำตอบว่าจะกลับมาเมืองไทย ทิมรับฟังด้วยเหตุผลและไม่รั้ง ทำให้ทั้งคู่จากกันด้วยดี หลังจากนั้นทั้งคู่ไม่เจอกันอีกเลย วันที่ทิมเดินทางไป นันจะไปส่งแต่ไม่เจอทั้งคู่คลาดกัน เพราะนันไม่รู้ว่าทิมนั้นเปลี่ยนแผนการเดินทางจากที่แรกจะเป็นเครื่องโดยสารธรรมดา แต่ทางบริษัทได้ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ แต่ช่องทางสื่อสารทางโซเชี่ยลนั้นทั้งคู่ต่างไม่บล็อกกัน เพียงแต่ทิมนั้นโพสต์เรื่องราวหรือรูปภาพน้อยลงมาก ไม่เหมือนนันที่โพสต์ตามปกติ และทิมจะมากดไลท์ให้ทุกครั้งที่เธอโพสต์รูปแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร มีแต่นันที่ลองไปแสดงความเห็นทิมก็แค่กดไลท์ให้แต่ไม่ตอบอะไร เหมือนกับในวันเกิดที่นันอวยพรทิมตลอดแต่ทุกอย่างเหมือนเดิม ปุ๊กที่เป็นเพื่อนกับทิมในเฟซด้วย นั้นรับรู้ตลอดแต่ไม่ไปแสดงความคิดเห็นอะไร

เรื่องส่วนตัวของทิมในสหรัฐนั้นค่อนข้างจะไม่ใครรู้แต่นันกับปุ๊กมารู้ทีหลังว่า ทิมนั้นมีเครื่องบินส่วนตัวใช้เพราะช่วงที่ครอบครัวของพี่สาวทิมบินไปเยี่ยมทิมที่สหรัฐ หลานสาวของทิมได้โพสต์รูปตอนนั่งบนเก้าอี้หรูและแท็กไปที่ทิม โดยระบุข้อความว่า

"กิ่งกำลังจะไปสหรัฐคะ คุณน้าทิมส่งเครื่องบินมารับ"

ทำให้นันอดไม่ไหวต้องพิมพ์ถามเพราะเธอรู้จักกับครอบครัวของพี่สาวทิมพอสมควร

"หนูกิ่งนั่งเครื่องบินส่วนตัวเลยหรือคะนี่"

คำตอบที่หลานสาวทิมตอบมา

"ใช่คะพ่อกับแม่จะไปเยี่ยมน้าทิม น้าทิมเลยส่งเครื่องบินมารับคะ"

ทำให้นันกับปุ๊กรู้ว่าทิมนั้นต้องการความก้าวหน้าจริงๆ นันเคยเข้าไปลองดูโปรไฟร์ของบริษัทที่ทิมทำงาน ปรากฏชื่อของทิมในตำแหน่งรองประธานบริหาร หลังจากนั้นมีผู้ชายมาจีบนันหลายคน จนในที่สุดนันตัดสินใจกับความรักครั้งใหม่แต่เธอไม่เปิดเผยผ่านโลกโซเชี่ยล ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอย่างเงียบๆ จนกลางปีที่แล้วผู้ชายขอแต่งงานนันตอบตกลง ก่อนจะมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้  ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในเฟซของทิมนันรู้ทันทีว่าเพราะอะไร เธอจึงอยากมาเจอและพูดคุยกับทิม แต่พอเห็นสภาพของทิมแล้วทำเอาเธอใจไม่ดี 

ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน นันเจอกับทิมครั้งแรกที่บ้านของเบลเพื่อนสนิทของเธออีกคนตั้งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย วันนั้นบังเอิญทิมไปหาเพื่อนสนิทที่เป็นพี่ชายของเพื่อนเธอ จากที่นั่งคุยระหว่างทานข้าวทำให้เธอรู้ว่าทิมนั้นจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐ และปัจจุบันนั้นทำงานเป็นนักวิเคราะห์หุ้น ที่ผ่านการสอบ CFA (Chartered Financial Analyst ) ทั้ง 3 ระดับมาเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกเธอก็ งงๆเพราะนันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหุ้นจนทิมอธิบายคร่าวๆว่าอาชีพนี้ต้องทำอะไร แต่ตอนนี้เธอกำลังเปิดบริษัทออแกไนเซอร์  แต่จากการพูดคุยทำให้รู้ว่าทิมนั้นเก่งมาก จนทิมกลับไปเธอถึงได้รู้ประวัติเพิ่มว่าทิมนั้นกำพร้าพ่อกับแม่ตั้งแต่เล็กๆ เพราะเครื่องบินตก ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงทิมมา จนช่วงเรียนมัธยม ปู่กับย่านั้นได้เสียชีวิตไล่เลี่ยกัน ทำให้ป้าซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของพ่อทิมมารับอุปการะทิมต่อ นันรู้เรื่องคร่าวๆทำให้ยิ่งสนใจทิมมากขึ้น

หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าไปมากจนกลายเป็นแฟนกัน ทำให้นันรู้เพิ่มกับประวัติของทิมเพราะทิมไม่ปิดบัง พ่อกับแม่นั้นเป็นข้าราชการและได้ไปอบรมที่สหรัฐ แต่ช่วงกลับประเทศไทยเครื่องบินถูกลอบวางระเบิดจากการก่อการร้าย ทำให้ปู่กับย่าต้องเลี้ยงดูทิมส่วนตากับยายนั้นเสียชีวิตไปก่อนที่ทิมจะเกิด  ปู่กับย่านั้นก็ไม่ได้ทำงานอะไรนอกจากค้าขายเล็กๆน้อยๆก่อนหน้านั้นมีพ่อของทิมที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ถึงจะได้เงินที่ชดเชยมาพอสมควรแต่ดูแล้วมันก็ไม่เพียงพอและปู่กับย่าตั้งใจใช้เงินที่ได้จากเสียชีวิตของพ่อกับแม่ทิมมาเป็นทุนการศึกษาให้ทิมและเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ทำให้ชีวิตทิมค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน ต้องช่วยปู่กับย่าทำงานหาเงินมาส่งเสียตัวเอง ถึงจะมีเงินแต่ปู่กับย่าวางแผนให้ทิมนั้นใช้เงินที่ได้มาอย่างประหยัดเพราะให้เป็นทุนการศึกษาจนถึงเรียนปริญญาตรี จนปู่กับย่าจากไป ป้าที่เป็นลูกสาวคนโตได้เข้ามาอุปการะต่อทิมต้องย้ายจากต่างจังหวัดมากรุงเทพและขายที่กับบ้านหลังเดิมเพราะไม่มีใครดูแล ป้าของทิมนั้นมีลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน แต่ลุงกับป้าที่ฐานะปานกลางก็ต้องใช้เงินเยอะเพราะลูกสาวนั้นสอบติดหมอ ทิมนั้นเข้าใจ เลยทำงานส่งเสียตัวเองเพราะเอาเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่ายรายวันของตัวเองไม่ว่าจะรับจ้างเป็นเด็กเสิรฟ์ในร้านอาหาร ช่วยขนผักในตลาด ตลอดจนเป็นกระเป๋ารถสองแถว ทิมทำมาทั้งหมด ส่วนเงินก้อนที่ได้มานั้นเก็บไว้เป็นค่าเทอมกับซื้ออุปกรณ์การเรียนเท่านั้น

จนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ก่อนจะสอบได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐ ในต่างแดนทิมใช้ชีวิตไม่ต่างจากอยู่เมืองไทย รับจ้างทำงานสารพัดจนเรียนจบ ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เมืองไทยหลังจากที่ได้งานทิมตัดสินใจแยกตัวออกมาพักคนเดียวเพราะไม่อยากเพิ่มภาระให้กับลุงและป้า อีกทั้งพี่สาวของทิมกำลังจะแต่งงาน อีกอย่างเป็นเพราะทิมชอบใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ด้วยความที่เรียนเก่งโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวตัวเลขทำให้ทิมนั้นวิเคราะห์หุ้นได้ค่อนข้างแม่นยำ จนมีผลตอบแทนดี ช่วงนั้นทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแต่ทั้งลุงกับป้าก็มาเสียชีวิตไล่เลี่ยกันอีก  ลุงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำถึงจะไม่เสียชีวิตทันทีแต่ก็ยื้อชีวิตได้เพียง 3 วัน ส่วนป้านั้นเป็นมะเร็งถึงพี่สาวของทิมจะช่วยสุดความสามารถแต่ก็ไม่ไหวเพราะกว่าจะรู้ป้าก็เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ซึ่งก่อนจะจากไปได้ทั้งคู่ฝากฝังทิมไว้กับกุ๊กที่เป็นลูกสาวคนเดียวพอสมควร เพราะทั้งลุงกับป้ารักทิมเหมือนลูกคนหนึ่ง 

ยิ่งรู้เรื่องของทิมทำให้นันทั้งรู้สึกสงสารและประทับใจ ชีวิตมันช่างต่างกันเธอนั้นเป็นลูกข้าราชการระดับสูงมีฐานะถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนูโดยตลอด จนความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเป็นไปอย่างลึกซึ้งโดยความยินยอมของนัน  มันเริ่มจากทั้งคู่ไปเที่ยวหัวหินโดยนันเป็นฝ่ายชวน คืนนั้นในห้องพักโรงแรมหรูติดชายหาด ร่างของนันถูกวางลงบนที่นอนโดยที่มือทั้งสองของเธอโอบรอบคอทิมแล้วดึงเข้ามาหา ปากทั้งคู่ทาบกันแน่นสนิท มันไม่ใช่จูบครั้งของทั้งคู่เพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่มีการสัมผัสภายนอกกันมาบ้างแล้ว พอร่างของทิมทาบบนตัวของหญิงสาว จมูกจะเริ่มซุกไซร้ไปตามใบหน้าติ่งหูและซอกคอของแฟนสาว มันสร้างความเสียวให้กับนันอย่างมาก ถึงครั้งนี้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ นันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาบ้างกับแฟนเก่ายิ่งทิมเลื่อนหน้าไปตรงทรวงอกที่พุ่งตระหง่าน เสื้อยืดที่เธอสวมอยู่ถูกถอดออก นันไม่สวมยกทรงหลังจากอาบน้ำเสร็จ หัวนมสีน้ำตาลนั้นดูเชิญชวนทิมอย่างมาก เมื่อลิ้นและริมฝีปากของทิมไปสัมผัส เสียงครางอย่างแผ่วเบาออกจากปากเธอ ทิมดูดสลับไปมาทั้งสองเต้า ส่วนมือเลื่อนไปขยำตรงเป้ากางกางขาสั้น นันอ้าขาออกทันที ทิมขยำอยู่พักหนึ่งแล้วถึงเลื่อนมือผ่านขอบกางเกง ไปจนสัมผัสขอบกางเกงในแล้วเลื่อนผ่านเข้าไป นิ้วนั้นเริ่มสัมผัสกับขนหมอยที่ดก จนไปถึงช่องทางที่เริ่มมีน้ำหล่อลื่นออกมา ทิมใช้นิ้วเขี่ยไปที่รูหี ทำเอานันผวากอดทิมแน่นขึ้น ทิมดื่มนมของแฟนสาวจนพอใจแล้วถึงเลื่อนหน้าลงไปด้านล่าง หน้าท้องที่ขาวแบนราบนั้นทิมบรรจงจูบอย่างแผ่วเบาส่วนมือนั้นดึงกางเกงทั้งตัวนอกตัวในของนันลง และนันนั้นยกก้นให้ถอดอย่างง่ายดาย

 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

aunkung0111

เรื่องนี้ดราม่าแบบมีคนที่เสียหรือเสียสละทั้งสองคน ความก้าวหน้ากับความรักที่เหมือนเส้นขนาน

manoch paoplook

เลิกทั้งที่ยังรัก เจ็บทั้ง 2 ฝ่าย

neoteem01


bbkscorpion

งานน่าติดตามมาก ผลงานแปลกไม่เหมือนใคร นำไปทำนิยายได้เลยครบ

akerue

เรื่องใหม่มาแล้ว ปวดตับนิดๆตั้งแต่เริ่มเลย

Noom Noomnoom

ทิมนี่สู้ชีวิต น่าจะได้เจอคนดีบ้าง

M_ne

สงสารทิม  นันไม่น่าทึ้งกันเลย  แต่ก้อนะ ชะตาชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว

ชาญวุฒิ เนระภูสี

ถ้ายังทำอย่างนี้ก็จะเจ็บทั้งสองฝ่าย เห้ออ่านแล้วก็เศร้าแทนต้องเลิกกันทั้งที่ยังรัก

tungbts

ผลงานของท่านtwintowerไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยครับ

oddsk

น่าติดตามเนื้อเรื่องเริ่มจากความเศร้า หวังว่าจะจบที่ความสุข

mspeed

ขยี้หัวใจเหลือเกินนะ
ทำตามใจตัวเองบ้างเถิด

mourning.moment

นันจะมีรีเทิร์นมั้ย หรือเพื่อนปุ๊กจะมีบทบาทเข้าแทรก เอ๊ะ เหมือนจะมีกุ๊กอีกคน แค่ 2-3 ตอน จะพอเหรอ

pornpat tammalangka

เลิกกันแบบนี้เจ็บยิ่งกว่าทะเลาะกันแล้วเลิกอีก

seed1234

เนื้อเรื่องขยี้หัวใจมากครับ