ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หัวใจรักที่เสียสละ (จบ)

เริ่มโดย twintower, กุมภาพันธ์ 09, 2020, 01:14:34 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

 เช้าวันต่อมา ทั้งปุ๊กและนันตื่นแต่เช้าเพื่อลงมาทานอาหารก่อนจะขึ้นไปเก็บกระเป๋า นันนอนไม่ค่อยหลับทั้งๆที่ร่างกายถูกใช้งานอย่างหนักแต่ความคิดเรื่องของทิมมันเข้ามาวนเวียนอยู่ตลอด พร้อมทั้งรู้สึกใจหายที่จะไม่ได้เจอทิมอีกในสถานนะเช่นนี้ ปุ๊กนั้นเดาความกังวลเพื่อนออกแต่เธอไม่พูดอะไร  พอทั้งคู่ลงมาที่ล็อบบี้เพื่อจะคืนกุญแจและจ่ายค่าห้องพักแต่พนักงานบอกกับนันว่า

"คุณนนทวัชจัดการเรื่องค่าที่พักให้เรียบร้อยแล้วครับ"

สายตาของพนักงานมองไปด้านหลังของทั้งคู่ นันจึงหันไปมองตาม และเธอยิ้มออกมาอย่างดีใจเพราะทิมนั้นยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ทั้งคู่จึงเดินลากกระเป๋ามาหาทิม ที่อยู่ในชุดสูทเข้ารูปสีดำและมีเสื้อโค้ทสีดำสวมทับอยู่ ก่อนที่นันจะพูดอะไรทิมพูดออกมา

"เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะ"

นันพยักหน้าด้วยความดีใจ แต่ปุ๊กขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสได้คุยกันอีกครั้ง นันจับมือของทิม ทำให้เธอรู้ว่ามือของทิมนั้นเย็นเฉียบ

"นอนไม่หลับหรือคะ"

เธอถามเพราะใบหน้าของทิมนั้นซีดเซียวแถมขอบตาคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด ทิมพยักหน้าแทนคำตอบพร้อมบีบมือตอบเบาๆ


"นันก็เหมือนกันคะ แต่ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งด้วยตัวเอง นันนึกว่าพี่จะให้คุณลอเรลมาส่ง"

"พี่อยากเห็นหน้านันก่อนจะกลับนะ"

คำตอบสั้นๆแต่สร้างความอบอุ่นให้กับคนฟังพอสมควร จนปุ๊กกลับมาทิมพาทั้งสองไปที่ลานจอดรถ เมื่อเห็นรถนันแอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจเพราะทิมเอาเบนลีย์มารับพวกเธอ เพราะถ้าเป็นคันเมื่อคืนเธอกลัวว่าจะมีคราบรักของเธอกับทิมหลงเหลืออยู่ เธอเดาว่าปุ๊กนั้นก็สงสัยอยู่แต่เรื่องแบบนี้ไม่ควรให้ใครได้รู้นอกจากคน 2 คน ถ้าเกิดปุ๊กรู้เข้าเพราะมันจะไม่ดีต่อเธอและทิม หลังจากขึ้นรถนันนั่งหน้าคู่กับทิม ส่วนปุ๊กนั่งด้านหลัง ระหว่างทางไปสนามบินทิมเป็นคนชวนคุย มีปุ๊กที่ถามเรื่องเกี่ยวกับเครื่องบิน จนไปถึงสนามบิน ทุกอย่างมันดูง่ายดายไปหมด โดยใช้เวลาไม่นานนักทุกอย่างเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว นันอยากจะกอดทิมอีกสักครั้งแต่ทำไม่ได้ ทั้งสองต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ซีด ก่อนที่ทิมจะพยักหน้าแทนคำกล่าวลา นันจึงเอ่ยคำลาพร้อมคำขอบคุณ เหมือนกับปุ๊กที่ฝืนยิ้มให้ทิม แล้วขอบคุณทิมอีกครั้ง เจ้าหน้าที่พาทั้งสองคนเดินเข้าไปภายใน ทิมมองตามด้วยความเศร้า ก่อนจะเดินเข้าประตูนันหันมามองทิมอีกครั้งพร้อมโบกมือลา เจ้าหน้าที่พาทั้งคู่นั่งรถไปอีกด้านหนึ่งของสนามบิน แล้วนำไปจอดเทียบกับเครื่องบินเจ็ทสองเครื่องยนต์ นักบินสองคนยืนรออยู่แล้ว เจ้าหน้าที่สนามบินนำกระเป๋าเดินทางของทั้งคู่ขึ้นไปบนเครื่องให้เรียบร้อย กัปตันได้แนะนำตัวก่อนจะพาขึ้นไปบนเครื่อง ภายในห้องโดยสารมีที่นั่ง 4 ที่นั่ง เป็นแบบหันหน้าเข้าหากัน 2 ที่โดยมีโต๊ะกั้นกลาง บนโต๊ะมีโทรศัพท์ 1 เครื่องที่โทรได้ตลอดเวลาพร้อมไวไฟ และสมาร์ททีวีจอยักษ์พร้อมเครื่องเล่นบลูเรย์ ถัดไปด้านหลังเป็นเก้าอี้คู่ 2 เก้าอี้ และอีกฝั่งเป็นเก้าอี้ยาวที่สามารถนอนได้ 1ตัว ซึ่งกัปตันได้แนะนำให้ทั้งคู่ทราบว่ามีอาหารและเครื่องดื่มเตรียมอยู่ในตู้เย็น อีกทั้งไมโครเวฟและเครื่องชงกาแฟพร้อมบอกวิธีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างในห้องผู้โดยสาร  ก่อนจะบอกถึงเวลาที่ใช้ในการเดินทาง เมื่อเรียบร้อยจึงขอตัวเข้าไปในห้องนักบิน

ผู้โดยสารคนพิเศษต่างนั่งลงบนเก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหากันแล้วรัดเข็มขัด นันมองไปนอกหน้าต่างด้วยความเศร้า ไม่นานนักเครื่องบินได้แท็กซี่ไปที่รันเวย์ก่อนนักบินจะนำเครื่องขึ้น นันหารู้ไม่ว่าที่ปลายรันเวย์นอกสนามบิน ทิมนั้นยืนมองเครื่องบินที่เหินขึ้นฟ้าด้วยความเศร้า และมองไปจนเครื่องบินหายไปจากสายตา น้ำตาของทิมหลั่งออกมาไม่หยุดความจริงทิมสามารถที่จะขับรถพานันไปส่งถึงเครื่องบินได้แต่ทิมไม่ทำ เพราะรู้ดีว่าตนเองจะเป็นเช่นไร ทิมไม่อยากให้นันเห็นน้ำตาของตนเอง เช่นเดียวกับนันทันทีที่เครื่องตั้งระดับเธอร้องไห้ออกมา ก่อนจะบอกกับปุ๊ก

"ปุ๊กแกรู้ไหม ตั้งแต่มาถึงฉันรอให้พี่ทิมพูดตลอดว่ามาให้อยู่ด้วยกันหรืออย่าแต่งงานได้ไหม ฉันได้แต่หวังแต่พี่ทิมไม่พูด ถ้าพี่เค้าพูดออกมาฉันพร้อมจะยกเลิกงานแต่งทันที"

"ทุกอย่างมันเดินหน้าไปแล้วนัน แกก็รู้นี่ อย่าเอาอารมณ์มาทำให้ทุกอย่างมันเสียหาย แกเดินหน้ามาขนาดนี้ควรจะตัดใจได้แล้ว ถึงแกจะรักพี่ทิมขนาดไหน ไม่อย่างนั้นแกไม่หาเค้าหรอก แต่พอมาแล้วมันก็เปลี่ยนใจเค้าไม่ได้ ทั้งๆที่ยังรักกันอยู่ มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เราเห็นอยู่ก็ได้นัน"

ใช่แล้วเธอสะอื้นพร้อมนึก ถึงจะอยู่ห่างไกลแต่การเดินทางไม่น่ามีปัญหา ทิมสามารถเดินทางได้ตลอด ขนาดหลานจะมาเยี่ยม ทิมยังส่งเครื่องบินมารับได้ รวมถึงตอนนี้เพียงเวลาไม่เท่าไหร่ทิมเตรียมเครื่องบินไปส่งเธอที่ไทยได้โดยง่าย มันน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เธอรู้ คำพูดของปุ๊กมันสะกิดใจอย่างมาก แต่ทิมกลับไม่สนใจที่จะพูดถึง จะบอกว่าเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นทิมจะเสแสร้งก็คงไม่ใช่เพราะทิมแสดงให้เห็นว่ายังรักเธออยู่ นันได้คิดหาคำตอบแต่มันเป็นปริศนาที่ค้างคาในใจของเธอ  ปุ๊กถอนหายใจแรงๆ แล้วเหมือนจะนึกอะไรออกก่อนจะบอกไปยังเพื่อนว่าเมื่อคืนแฟนของนันโทรมาหาปุ๊ก ปุ๊กบอกแฟนของนันไปว่านันหลับแล้ว เธอพยักหน้ารับรู้ เพราะบอกกับแฟนว่าจำเป็นต้องมาสหรัฐเพื่อส่งการ์ดเชิญให้กับคนสำคัญ ซึ่งแฟนเธอนั้นไม่ติดใจอะไรเพราะไม่เคยรู้เรื่องของทิม และเธอนั้นไม่รับสายของแฟนเธอที่โทรมาหา2-3ครั้ง

จนคืนวันต่อมาที่บ้านของทิม เจ้าของบ้านกำลังนั่งอยู่บนโซฟาร์แล้วมองไปที่การ์ดในมือด้วยความปวดร้าว แต่มีเสียงทักขึ้นมาจากประตูห้องรับแขก

"คนพิเศษของคุณกลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพแล้ว แต่คุณยังต้องมาเจ็บปวดอีกหรือคะทิม"

ทิมเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่แปลกใจเพราะเป็นนาตาลียืนอยู่ตรงประตูในมือมีแฟ้มเอกสารถืออยู่ เธอเดินมายื่นแฟ้มให้ทิมก่อนจะบอก

"บอสส่งรายงานของการโอนเงินมาให้คุณดู"

ทิมพยักหน้าและยื่นมือไปรับก่อนจะวางโดยไม่สนใจอ่านเพราะรู้รายละเอียดดีแล้ว ส่วนนาตาลีเดินไปทางครัว ทิมนั้นรู้ตั้งแต่ตอนเช้าวันนี้แล้วว่า นันกับปุ๊กถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่นาตาลีจะเดินกลับมาพร้อมแก้วไวน์ในมือ เธอนั่งข้างๆทิมก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่ปลอบโยน

"แฟนเก่าของคุณกำลังจะมีชีวิตใหม่แล้ว คุณควรจะลืมเธอได้แล้วนะทิมแต่ก็สั่งลากันจนจุใจไม่ใช่หรือไง"

ประโยคหลังเหมือนจะรู้ความนัย และน้ำเสียงที่พูดนั้นไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้องในที่ทำงาน จริงๆแล้วทิมกับนาตาลีนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ทิมมาทำงานที่สหรัฐไม่นาน ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน นาตาลีตอนแรกนั้นเพราะเหตุผลอื่นแต่เวลาผ่านไปทำให้เธอหลงรักทิมข้างเดียว ทั้งๆที่เธอรู้ว่าทิมนั้นยังรักแฟนเก่าอยู่ แต่เธอยอมมาตลอดโดยหวังไว้ลึกๆว่า เวลาผ่านไปทิมจะหันมามองเธอบ้าง ยิ่งพอรู้ว่านันมาเพื่อจะบอกว่าแต่งงานทำให้เธอพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง ส่วนทิมที่ยอมมีอะไรกับผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์นั้นมาจากความเหงารวมถึงเป็นการผ่อนคลายมากกว่า โดยที่ความสัมพันธ์นี้แม้แต่ลอเรลที่สนิทกับทิมที่สุดก็ไม่เคยรู้  ทำให้นาตาลีเข้าออกบ้านของทิมอย่างสะดวก และคืนที่นันมาหาทิม นาตาลีนั้นรู้เพราะเธอจะมาหาทิมเพื่อปลอบใจแต่มาช้ากว่านันแต่ยังทันที่เห็นนันเข้าไปในบ้าน ทำให้เธอต้องกลับไปที่พักด้วยความปวดใจ

เช้าวันต่อมาเธอเห็นทิมนั้นดูเศร้าหมอง ไม่ค่อยพูดกับใคร เธอเดาว่าทิมคงอยากอยู่เงียบๆคนเดียวเธอเลยไม่แวะมาหาจนถึงวันนี้เธอมาหาเพราะเรื่องงานรวมถึงความต้องการที่อยากจะอยู่กับทิมด้วย  ทิมมองมาที่เธอแล้วถอนหายใจแต่ไม่ตอบอะไร นาตาลีทำท่าจะป้อนไวน์ให้แต่ทิมส่ายหน้า เธอจึงดื่มเอง ปล่อยให้ทิมนั่งเงียบต่อไป มือของเธอเริ่มลูบไปตามใบหน้าของทิมไปมา จนเลื่อนมาถึงอก นาตาลีบีบไปที่หน้าอกของทิมเบาๆเหมือนจะกระตุ้นไปในตัว เธอวางแก้วไวน์บนโต๊ะส่วนมืออีกข้างกระตุ้นทิมไปเรื่อยๆ จนเลื่อนไปถึงเป้ากางเกงแล้วขยำเบาๆ ส่วนมืออีกข้างเธอจับมือของทิมมาวางที่หน้าอกของเธอ พอมือของทิมขยำที่นมของเธอ นาตาลีแอ่นอกรับก่อนจะโน้มหน้าไปที่ปากของทิม เมื่อปากของเธอไปทาบทิมรับการจูบตอบลิ้นทั้งคู่เกี่ยวกันทันที เป็นการจูบที่ดุเดือดอย่างมาก แต่เหตุผลของทั้งคู่ต่างกัน ทิมเกิดจากเศร้าและอยากหาที่ระบาย ต่างจากนาตาลีที่เกิดจากความต้องการและอยากปลอบโยนทิม ชั่วเวลาไม่นาน ท่อนล่างของทิมถูกถอดเช่นเดียวกับท่อนบนของนาตาลี หัวนมสีดำคล้ำเช่นเดียวกับสีผิวบานขยาย เธอกดหน้าของทิมให้มาที่นมขนาดไม่ใหญ่ของเธอ ทิมใช้ริมฝีปากดูดดื่มทันที ส่วนมือของเธอนั้นรูดที่ควยของทิมช้าๆ เธอปล่อยให้ทิมดูดนมเธอจนพอใจ พอทิมเงยหน้าขึ้นนาตาลี เลื่อนตัวลงไปนั่งกับพื้น เธอจูบที่หัวควยของทิมเบาๆก่อนจะใช้ลิ้นเลียไปมาทั่วทั้งแท่ง แล้วใช้ปากครอบ เธอใช้ปากปลุกอารมณ์ทิมจนได้ที่ พอเธอลุกขึ้นยืนทิมรู้ทันทีว่าต้องทำอะไร ทิมใช้มือล้วงเข้าไปใต้กระโปรงแล้วรูดกางเกงในของนาตาลีออกมา จนมาถึงข้อเท้านาตาลียกขาขึ้นปล่อยให้ทิมรูดชั้นในผ่านเท้าเธอ ส่วนเท้าอีกข้างเธอนั้นเธอใช้เตะกางเกงในปลิวไปอีกมุมหนึ่ง แล้วจึงหย่อนกายลงบนตักของทิมที่นั่งพิงโซฟาร์อยู่มือทั้งสองคล้องรอบคอทิม เธอค่อยๆหย่อนหีลงไปแต่ทิมเด้งสวนขึ้นมาพร้อมจับเอวเธอ ทำเอานาตาลีสะดุ้งแต่ไม่ทันร้องเพราะปากของทิมมาประกบก่อน จากนั้นเธอจึงขย่มไปอย่างช้าๆ ทิมเด้งสวนในบางจังหวะ เสียงเนื้อกระทบกันดังไม่หยุด นาตาลีควบคุมจังหวะรักได้อย่างชำนาญ  จนทิมยกตัวเธอให้ยืนขึ้นแล้วลุกขึ้นตามพร้อมพาเธอมาที่ตู้โชว์สูงระดับเอวที่อยู่ไม่ห่าง นาตาลีรู้ว่าทิมจะทำอะไรเธอเอามือยันไปที่หลังตู้


ส่วนทิมยืนประกบด้านหลังถลกกระโปรงเธอรวบไปที่เอว นาตาลีแอ่นก้นทันที ทิมไม่รอช้าดันควยเข้าในรูหีของคู่ขา ทิมกระเด้าด้วยความแรง จนนาตาลีเจ็บพร้อมเอนตัวราบไปกับตู้แต่เธอเด้งรับตลอด เพราะรู้ว่าทิมต้องการปลดปล่อยอารมณ์ นาตาลีครางไม่หยุด ถึงจะเจ็บแต่ก็สร้างอารมณ์อีกแบบให้กับเธอ ไม่นานนักด้วยบทรักอันดุเดือด ทิมปล่อยน้ำกามเข้าไปในตัวของคู่ขาพร้อมๆกับอาการเกร็งของนาตาลี ทิมดึงตัวนาตาลีขึ้นมากอด จมูกซุกไซร้ไปตามลำคอ

"ผมขอโทษ ทำแรงเกินไป"

"ไม่เป็นไรคะ ฉันเข้าใจ มันก็สนุกไปอีกแบบ"

เธอเอียงหน้าหอมแก้มทิมเบาๆ ทั้งคู่ต่างจัดการถอดเสื้อผ้าที่ของตนแล้วเดินเปลือยเปล่าไปที่ห้องนอนชั้นบน หลังจากที่ชำระคราบไคลกันเรียบร้อยทั้งคู่ต่างมานอนกันบนเตียง นาตาลีนอนหนุนไหล่ของทิม เธอนั้นอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับทิม แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ เมื่อทิมถอนหายใจเธอจึงถาม

"ปล่อยวางเถอะคะ ทิมคุณก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้  คุณควรจะอยู่กับอนาคตมากกว่า อย่าให้ความเศร้ามาครอบงำไปมากกว่านี้ ถึงอย่างไรก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว เราเดินหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว คุณเลือกที่จะมาทางนี้ยอมเสียสละคนที่อยู่ข้างหลังแล้ว เชื่อฉันเหอะ"

เธอไม่พูดเปล่า แต่มือเธอลูบไล้ไปบนร่างเปล่าเปลือยของชายหนุ่ม เหมือนจะกระตุ้นอารมณ์ ยิ่งพอเธอพูดจบนาตาลีใช้ปากเม้มไปที่ใบหูของทิม มันได้ผล ทิมพลิกตัวมาอยู่บนตัวเธอ พร้อมบดขยี้จูบอย่างรุนแรง นาตาลีรับการจูบอย่างเต็มใจ พอทิมเลื่อนหน้าไปที่ทรวงอก นมของเธอถูกกัดเบาๆ มันยิ่งทวีความเสียวของเธอ ขาของเธอกางออกมาอย่างอัตโนมัติ เมื่อนิ้วของของทิมล้วงเข้าไปในรูหี จนทิมเลื่อนหน้าไปฝังที่โคกหีเธอ นาตาลีปล่อยให้ทิมเลียจนเธอทนไม่ไหว

"ทิมแลกกันกินเหอะ"

เสียงครวญครางร้องขอจากเธอ

ทิมทำตามที่คู่ขาขอร้อง พลิกตัวลงมานอนหงายปล่อยให้ร่างที่งดงามเหมือนนางแบบเป็นคนจัดท่า พอเรียบร้อยต่างฝ่ายต่างใช้ปากกับลิ้นสร้างความเสียวให้อีกฝ่าย จนนาตาลีทนไม่ไหว ร้องขอให้ทิมเย็ดเธอ โดยที่เธอเป็นฝ่ายนอนหงายรอการเย็ดจากทิม เหมือนกับทุกครั้งที่ทั้งคู่นอนด้วยกันนาตาลีเด้งรับตลอดจนไปถึงจุดหมายทั้งคู่ วันนั้นนาตาลีกว่าจะกลับไปก็ช่วงเช้ามืด

หลังจากนั้นความเคลื่อนไหวของทิมผ่านโซเชี่ยลนั้นไม่มีเลย จนถึงวันแต่งงานของนันในช่วงงานเลี้ยงตอนค่ำในโรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ  ระหว่างที่คนมาแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ถ้ามีใครสังเกตดีๆจะเห็นเจ้าสาวแอบมองไปด้านหน้าบ่อยๆจนมีใครคนหนึ่งโผล่มา ทำให้นันยิ้มออกมาทันทีที่เห็น คนที่มานั้นถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย และกลายเป็นจุดสนใจทันที ถึงจะอยู่ในชุดที่เรียบง่ายไม่เด่นเกินเจ้าสาว แต่ความสวยสง่าของลอเรลดึงความสนใจของทุกคนที่เห็นแม้กระทั่งเจ้าบ่าวที่มองไม่วางตา  ลอเรลเดินเข้ามาหาคู่บ่าวสาวก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้

"บอสฝากมาแสดงความยินดีด้วยคะ และฝากขอโทษที่มาร่วมงานไม่ได้บอสมีประชุมที่ดูไบคะ"

พร้อมกับคำอวยพรส่วนตัวหลังจากถ่ายรูปเสร็จ จังหวะที่ลอเรลจับมือกับนัน นันดึงลอเรลเข้ามากอดพร้อมกระซิบข้างหูเลขาของทิม

"ฝากขอบคุณเค้าด้วยนะลอเรล ขอบคุณเธอด้วยที่มาแทนเค้า"

"ทิมฝากมาบอกว่าให้มีความสุขมากๆนะ ไม่ต้องห่วงทิม"

เป็นคำกระซิบตอบของลอเรล ทั้งคู่ต่างสบตากันอย่างมีความหมาย นันแนะนำลอเรลให้รู้จักกับเจ้าบ่าว หลังจากคุยกับบ่าวสาวอยู่ชั่วครู่ลอเรลจึงขอตัวกลับ

"สวยมากๆเลยนะเลขาของรุ่นพี่นัน"

"ใช่แล้ว เค้าทำธุรกิจใหญ่มีบารมีมาก นันเลยต้องไปเชิญด้วยตัวเอง"

เธอบอกอย่างไม่ตรงกับความจริงแต่เจ้าบ่าวพยักหน้าอย่างไม่สงสัยอะไรและหันไปทักทายกับแขกที่มาร่วมงาน ส่วนปุ๊กที่เห็นเลขาของทิมเดินมาตั้งแต่เข้างานได้เดินมาทักต่างฝ่ายคุยกันด้วยดี แต่เธอต้องประหลาดใจเพราะเพื่อนเธอกับพี่ชายเดินเข้ามาคุยกับลอเรลอย่างคุ้นเคยอยู่พักใหญ่ก่อนลอเรลจะขอตัวกลับ ปุ๊กยิ้มให้พี่ชายเพื่อนแต่จับแขนเพื่อนไว้ พอพี่ชายเพื่อนเดินพ้นไป เธอรีบถามเพื่อน

"ไอ้เบลมึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้มึงกับพี่บอลรู้จักกับเลขาของพี่ทิมได้ยังไง"

เบลนั้นสะดุ้งแล้วทำหน้าแบบมีพิรุธ ทำให้ปุ๊กคาดคั้นเพื่อนหนักขึ้น ทำเอาอีกฝ่ายบอกด้วยเสียงอ่อยๆว่า

"รู้จักตอนที่ไปเที่ยวอเมริกาปีที่แล้ว พี่ทิมแนะนำให้รู้จักและพาไปกินข้าวด้วยกันแฟนเค้านะโคตรหล่อเลย"

"ไม่ต้องมาเบี่ยงประเด็นไหนตอนนั้นมึงบอกว่าไม่ได้แวะไปที่วอชิงตัน กูกับไอ้นันถามเรื่องเบอร์ติดต่อมึงก็บอกว่าไม่มี ทำให้กูต้องตาลีตาเหลือกตามไอ้นันไปหาพี่ทิมถึงที่นั่น"

เบลนั้นถอนหายใจก่อนจะตอบเพื่อน

"ปุ๊กมึงต้องเข้าใจกูกับพี่บอลนะ ที่ไม่บอกว่าไปเจอพี่ทิม ที่ต้องโกหกมึงกับไอ้นันว่าไม่รู้เบอร์ติดต่อพี่ทิม เพราะพี่ทิมขอร้องไว้ ใครจะไปรู้ละว่ามันยังรักพี่ทิมอยู่ ถ้ารู้กูก็ช่วยแล้ว เห็นมันจะแต่งงานกูก็นึกว่ามันลืมพี่ทิมไปแล้ว แต่กูกับพี่บอลรู้ว่าพี่ทิมยังรักมันอยู่ จริงๆกูก็ไม่ยากเล่านะแต่ไหนๆก็ต้องเล่าแล้วกัน"

"เรื่องอะไรวะ"

ปุ๊กถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

"ตอนที่มึงกับมันโพสต์รูปพรีเวดดิ้งนะ วันนั้นพี่ทิมมาหาพี่บอลที่บ้านพอดี พอเห็นภาพในเฟซ พี่ทิมหน้าซีดเลย กูได้ยินพี่ทิมบอกกับพี่บอลว่า ชาไปทั้งตัวเหมือนกับตอนรู้ข่าวพ่อกับแม่ตาย ตอนปู่กับย่าเสียและตอนที่ป้ากับลุงจากไป กูเห็นแล้วสงสารพี่ทิมเค้ามาก ตอนแรกพี่ทิมจะอยู่เมืองไทยหลายวันเพราะเริ่มไม่สบาย แต่เห็นรูป พี่เค้าบินไปอังกฤษเลย พี่บอลก็ชวนให้อยู่ต่อแต่พี่ทิมจะไป กูกับพี่บอลเก็บเรื่องนี้มาตลอดไม่อยากเล่าให้ไอ้นันฟัง พี่บอลก็กำชับกูว่าห้ามพูด แต่ไหนๆแล้วกูก็เล่าให้มึงฟังแล้วกัน แต่มึงอย่าไปบอกไอ้นันนะ เพราะยังไงมันก็แต่งงานแล้ว"

สิ่งที่เพื่อนบอกทำเอาปุ๊กคิดได้จากที่เดือดเพื่อนอารมณ์เริ่มเย็นลงและเห็นใจเพื่อน เพราะถ้าเป็นตนเองคงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือน เพราะอีกฝ่ายก็เพื่อนสนิทอีกฝ่ายก็เพื่อนรักของพี่ชาย ส่วนนันรู้สึกดีใจอย่างมากที่ทิมไม่ได้มาเองแต่ส่งเลขาที่เป็นเพื่อนสนิทมาแทน เธอเข้าใจว่าทำไมทิมถึงไม่มาแต่ก็ให้เกียรติกับเธอที่ส่งเลขามาแทน ฝ่ายลอเรลขณะที่กำลังเดินไปที่รถที่จอดรออยู่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นและส่งข้อความไปหาทิม

"ทุกอย่างเรียบร้อยคะ"

ลอเรลนั้นได้รับคำสั่งจากทิมก่อนหน้านี้ประมาณ 2 อาทิตย์ให้มางานแต่งงานของนันแทน โดยทิมเรียกเธอเข้าไปพบที่ห้องทำงาน

"ลอเรลอยากไปพักผ่อนที่ภูเก็ตสักอาทิตย์ไหม"

เป็นคำกล่าวหลังจากที่เธอนั่งบนเก้าอี้

"มีอะไรหรือทิม"

เป็นคำพูดที่จะใช้เวลาที่ไม่อยู่ต่อหน้าคนอื่นในที่งานเท่านั้น

"อยากให้ไปงานแต่งงานแทน ลอเรลกับครอบครัวก็ถือโอกาสไปพักผ่อนที่ภูเก็ตเลย ไมค์เขาอยากไปอยู่แล้วนี้ยัยหนูจะได้ไปเที่ยวด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วงเราดูแลให้ จะไปก่อนงานแต่งหรือหลังก็ได้"

ทิมหมายถึงสามีกับลูกสาวของลอเรล

"ตกลงนายจะไม่ไปใช่ไหม"

ทิมพยักหน้า ด้วยสีหน้าที่อิดโรย ระยะหลังมานี่ทิมดูเครียดและพูดน้อยลงมาก เธอสงสัยว่าน่าจะมาเพราะเรื่องนี้ ลอเรลรู้ดีว่านันคือแฟนเก่าของเพื่อนและทิมรักมาก ยิ่งมารู้ว่าจะแต่งงานคงทำให้ทิมไม่สบายใจ

"งั้นตกลงตามนั้น ฉันจะไปแทนนายให้ ส่วนเรื่องไปภูเก็ตฉันขอคุยกับไมค์ก่อนว่าจะลางานได้หรือเปล่า"

"ก็ตามนั้นเธอเตรียมเรื่องเครื่องบินไว้ด้วยแล้วกัน จากกรุงเทพไปภูเก็ตใช้เครื่องบินเราได้ตลอดแล้วให้เครื่องไปสแตนบายที่สิงคโปร์ เรื่องที่พักจะพักที่ไหนบอกมาแล้วกันเราจัดการให้  ขอบคุณมากนะลอเรล"

เธอพยักหน้าและมองหน้าผู้เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายด้วยความเห็นใจแต่ก่อนที่เธอจะออกจากห้อง ทิมได้ถามขึ้นมา

"ลอเรลตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ยังว่างอยู่ เธอสนใจหรือเปล่า ถ้าสนเราจะดำเนินการให้"

ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ใหญ่และว่างเว้นมานานซึ่งตอนนี้ทิมกับประธานบริหารช่วยกันดูแลแทน ทิมเคยคุยกับเธอไว้นานแล้วว่าอยากให้เธอไปทำเธอตอบกลับมา

"ถ้าฉันไปแล้วนายจะทำงานเป็นหรือ อยู่แบบนี้ดีกว่า แต่ถ้าอนาคตมันก็ไม่แน่ตอนนี้เราอยู่กับนายไปก่อนทิม"

เป็นคำตอบที่ยิ้มๆจากฝ่ายหญิง ทิมไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้าแต่ในใจว้าวุ่น หลังจากงานแต่งของนันประมาณ 1 เดือน เศษที่บ้านของบอล เพื่อนสนิทของทิม ได้มีการเลี้ยงพระในงานวันเกิดของแม่บอลกับเบล นันกับปุ๊กนั้นไปด้วย ซึ่งพี่สาวของทิมกับลูกสาวได้ไปด้วยเพราะให้ความเคารพเหมือนกับทิม ระหว่างที่นั่งรอพระ  นันที่นั่งอยู่ไม่ห่างพี่สาวทิมกับบอลได้ยินบอลถามขึ้นมา

"พี่กุ๊กแล้วไอ้แสบละ"

"เดี๋ยวมันก็มา กิ่งโทรไปหาแล้วมันบอกว่ากำลังออกจากโรงแรม แต่มันก็นะบ้านก็มีอยู่ไม่อยู่ไปอยู่โรงแรม นับวันยิ่งทำตัวแปลกๆ"

"ทำไมหรือพี่"

"มันมาถึงเมื่อวานตอนเช้า และมันเช่ารถขับไปสิงห์บุรีเลย"

ทำเอานันตั้งใจฟังมากขึ้นเพราะตอนเด็กๆทิมอยู่ที่สิงห์บุรีกับปู่และย่า

"ไปสิงห์บุรี มันไปทำไมหว่า"

"ไม่รู้มัน ถามมัน มันก็บอกว่าอยากไปเห็นบ้านหลังเก่า ไปเจอคนเก่าๆ มันไม่ได้ไปนานมากแล้วแค่อยากไปเยี่ยม แล้วตอนเย็นมันก็พูดจาแปลกๆ"

"แปลกยังไงพี่"

บอลถามด้วยความสงสัยแต่พี่สาวทิมนั้นหยุดคิดก่อนจะบอกไปยังเพื่อนสนิทน้องชายด้วยสีหน้าที่กังวล

"ไว้ค่อยเล่าแล้วกันตอนนี้ยังไม่เหมาะ"

บอลพยักหน้า ไม่นานนักทิมมาถึงงานแล้วตรงไปกราบพ่อกับแม่ของเพื่อนทันที

"นึกว่าไม่มาซะแล้วลูก ทางนี้ก็ตั้งตาคอย เงียบหายไปเลย แม่ก็คอยแต่เราแต่มันก็เป็นคอยหาย คอยหาย ไม่เห็นหน้าเลย บอลก็บ่นว่าติดต่อยาก ถ้างานมันหนักนักก็กลับมาทำที่เมืองไทยก็ได้ รวยแล้วไม่ต้องกังวลเงินได้มาไม่คุ้มกับสุขภาพนะลูก"

เป็นคำบ่นของของแม่เพื่อนที่รักทิมเหมือนลูก ฝ่ายทิมได้แต่ยิ้มๆและตอบสั้นๆว่าจะลองกลับไปคิดดู ตอนช่วงระหว่างเลี้ยงพระ นันได้หาจังหวะไปคุยกับทิม พอเห็นทิมอย่างชัดเจน นันตกใจมากเพราะทิมดูซูบลงไปมากหน้าตานั้นอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

"พี่ทิมไม่สบายหรือเปล่าคะนี่"

"เปล่าหรอก ช่วงนี้พี่งานเยอะ และเดินทางบ่อยมาก จนแทบจะใช้เครื่องบินเป็นบ้านแล้ว นอนบนเครื่องบินบ่อยกว่านอนที่บ้านอีก ร่างกายมันเลยเป็นแบบนี้"

นันทำท่าจะพูดอะไรกับทิมอีกแต่ถูกขัดจังหวะจากลูกชายเจ้าของบ้าน

"เฮ้ยเย็นนี้อยู่กินข้าวกันก่อนสิ"

ทิมส่ายหน้าก่อนจะตอบเพื่อน

"ไม่ได้หรอกต้องไปสิงคโปร์ มีงานด่วนที่นั่นเลื่อนไม่ได้"

บอลยังไม่ทันได้ถามเพื่อนว่าเพราะอะไรแต่ทิมจะถูกพ่อของตนเรียกหา จนงานเลิก นันมองไปที่ทิมที่เรียกหลานสาวเข้ามากอดและบอกกับหลาน

"ตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีนะกิ่ง น้าทิมไปก่อนนะ"

ลางสังหรณ์บางอย่างเข้ามาสะกิดเตือนหญิงสาว ยิ่งทิมกล่าวลากับพี่สาวด้วยสีหน้าที่ดูแปลกและเดินมาหาเธอ

"พี่ไปก่อนนะนัน"

เธอไม่ทันจะพูดอะไรเพราะมีอะไรมาจุกที่คอ จึงได้แต่พยักหน้าและยิ้มตอบ ยิ่งก่อนที่ทิมจะขึ้นรถทิมหันมามองเธออีกครั้ง นันยกมือจับทื่ท้องโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับพี่สาวทิมที่มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเพราะเมื่อคืนระหว่างที่ทานข้าวจู่ๆทิมได้พูดขึ้นมา

"พี่กุ๊ก ประกันชีวิตที่ทิมทำไว้นะ ทิมให้กิ่งเป็นคนรับผลประโยชน์นะ รวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดของทิม  ทิมทำพินัยกรรมยกให้กิ่งทั้งหมด แต่ระบุไว้แล้วว่ากิ่งจะได้ก็ตอนบรรลุนิติภาวะแล้ว ให้พี่กุ๊กกับพี่ป้องเป็นคนดูแลไปก่อน"

ทำเอากุ๊กหันไปมองหน้าสามีและ สามีเธอพูดขึ้นด้วยความตกใจ

"เฮ้ยทิมพูดอะไรเป็นลาง"

"ทิมไม่ถือพี่ป้อง ทิมพูดเรื่องจริง ทิมเดินทางบ่อยจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้และทิมมีหลานสาวอยู่คนเดียวพี่ ยังไงก็ต้องเป็นของกิ่ง เชื่อทิมเถอะมันจะได้ไม่มีปัญหา ทิมทำไว้เรียบร้อย ทีมทนายความของทิมทำสำเนาเป็นภาษาไทยให้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เก็บที่บริษัท ครอบครัวของทิมเหลืออยู่เท่านี้พี่ ทิมทำอะไรได้ก็ทำ"

"แล้วแกไม่คิดจะแต่งงานหรือไงอายุก็ไม่มาก อนาคตอีกยาวไกล"

ครั้งนี้เป็นคำถามจากพี่สาวที่ถามด้วยน้ำเสียงที่กังวล

"ไม่ละพี่กุ๊ก อยู่แบบนี้สบายกว่า"

"เอาตามใจทิมแล้วกันนะ แต่ถ้าอนาคตจะเปลี่ยนก็ไม่ว่าเพราะเป็นเงินของทิม"

จากการสนทนาเมื่อคืนทำให้กุ๊กรู้สึกวิตกมากขึ้น กับท่าทีแปลกๆของน้องชาย แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวจะเป็นการแช่งทิม


อีก 2 คืนต่อมาที่สนามบินในสิงคโปร์ ทิมที่นั่งอยู่ในห้องโดยสาร และมีกัปตันกำลังรายงานเรื่องสำคัญอยู่

"อีก 4 ชั่วโมงนะครับบอส เราจะถึงจุดหมายแต่รายงานสภาพอากาศมามันเลวร้ายกว่าที่คิด พายุทำท่าจะแรงกว่าที่เราคิดไว้ อากาศคงหนาวมาก มันอาจจะหนักว่าที่บอสเตรียมตัวมานะครับ "

ทิมพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่นักบินจะเดินกลับไปที่ห้องนักบิน ทิมมองตามด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง และนักบิน 2 คนนี้ ที่หน้าฉากเป็นนักบินพาณิชย์ แต่ฉากหลังของทั้งคู่คือสายลับมือดีของ ซีไอเอ ที่มาทำหน้าที่นักบินให้กับทิมตลอด  เรื่องทุกอย่างที่ทำให้ชะตาชีวิตของทิมต้องพลิกผัน มาจากช่วงที่ทิมเรียนที่สหรัฐ ในวันที่ ลอเรลพาทิมไปทานข้าวกับพ่อและแม่ที่มาเยี่ยมเธอ ด้วยความสงสารและมีน้ำใจเห็นเพื่อนตัวคนเดียว ทำให้เธอชวนทิมมาด้วยกัน และจากการที่พูดคุยกันในวันนั้น พ่อของลอเรลที่เป็นจ้าหน้าที่วิเคราะห์ประเมินสภาพจิตใจของซีไอเอ ไปสะดุดใจกับตัวทิมในหลายๆเรื่อง ตั้งแต่การพูดคุยและรู้ว่าพ่อกับแม่ของทิมเสียชีวิตจากการก่อการร้าย และพอพูดถึงเรื่องนี้ทิมมีท่าทีแสดงให้เห็นว่าเกลียดการก่อการร้ายขนาดไหน ทำให้ทิมกลายเป็นคนที่น่าสนใจ หลังจากนั้นช่วงเวลาที่เหลือ พ่อของลอเรลได้ทำทีชวนทิมมาทานอาหารอีก 2-3 ครั้ง และได้ถือโอกาสวิเคราะห์สภาพจิตใจของทิมก่อนจะเสนอขึ้นไปเบื้องบน จากรายงานทำให้ทิมกลายเป็นบุคคลที่ทางซีไอเอสนใจและตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังว่าพบเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ตายจากการก่อการร้าย เรียนเก่ง มีความทะเยอทะยาน จนทิมกลับมาทำงานที่เมืองไทย ซีไอเอก็จับตาดูอย่างเงียบๆ พอทิมสอบ CFA ผ่าน และผลงานเรื่องการซื้อขายหุ้นที่มาจากการวิเคราะห์อันเฉียบแหลม ทางซีไอเอจึงให้อดีตสายลับแต่ยังทำงานให้กับซีไอเออย่างลับๆที่หน้าฉากเป็นประธานบริหารของบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นนายหน้าขายหุ้น เข้ามาติดต่อเรื่องงานในเรื่องหุ้นกับทิมโดยเป็นงานที่สะอาด ซึ่งทิมนั้นทำผลงานได้ดีทำกำไรให้ได้อย่างงดงามในเรื่องซื้อขายหุ้น ก่อนที่จะมีการทดสอบในเรื่องต่างๆโดยที่ถ้าไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียดจะมองว่าเป็นงานสะอาด แต่ลึกๆแล้วไม่ใช่ แต่ทิมทำได้ดี

ซึ่งทิมไม่ใช่ไม่รู้เพราะตนเองไม่ใช่คนโง่ เพราะข้อมูลบางเรื่องที่ได้มาเป็นข้อมูลภายใน (Insider Trading) ของธุรกิจในสหรัฐ ทำให้เก็งกำไรหุ้นได้อย่างง่าย แต่ทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบจากสหรัฐ ทิมเลยลองค้นข้อมูลของบริษัทนี้ดู ทำให้รู้ว่าเคยมีการตรวจสอบจากทาง ก.ล.ต.และสำนักอัยการของสหรัฐมาก่อนแล้ว แต่ไม่พบความผิด ทั้งๆที่ข้อมูลภายในทีทิมได้มา มันผิดกฎหมายชัดๆ แต่บริษัทนี้กลับไม่ถูกแตะ แต่แล้วความสงสัยของทิมกระจ่างขึ้นเพราะตัวเจ้าของบริษัท ที่ชื่อโรเบิร์ต หรือที่ทิมเรียกติดปากว่าบ็อบ กับผู้ชายวัยกลางคนอีกคนที่ทิมไม่เคยเจอและแนะนำตัวเองว่าชื่อแม็ต ได้เข้ามาเสนองานให้กับทิมพร้อมผลตอบแทนอย่างมาก ทั้งเงินเดือนและรายได้จากเปอร์เซ็นต์ ในการเป็นนายหน้าค้าหุ้น และแม็ตนั้นได้ยอมเปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงและข้อมูลลับบางอย่างให้ทิมดู หลังจากที่ทิมถามเรื่องข้อมูลภายในที่ได้มาโดยไม่ถูกตรวจสอบ

บริษัทนี้ที่แท้จริงคือบริษัทที่ซีไอเอตั้งขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ในการเอาเงินที่ได้จากการค้าหุ้นมาต่อต้านการก่อการร้ายหรือสนับกลุ่มที่ตนเองให้การหนุนหลังอยู่ โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางรัฐบาลสหรัฐอย่างเป็นทางการ หน้าที่หลักของบริษัทนอกเหนือจากการหาเงินแล้วยังทำหน้าที่สกัดกั้นเงินทุนของพวกก่อการร้ายที่มาในรูปแบบการลงทุนผ่านหุ้น  ซึ่งต้องใช้ทุกวิถีทางรวมถึงการใช้ข้อมูลภายในเพื่อการลงทุน หรือใช้เงินเพื่อสกัดการลงทุนของกลุ่มก่อการร้าย รวมถึงการฟอกเงิน ซึ่งถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นผู้รับกรรมคือบริษัทไม่ใช่รัฐบาลสหรัฐ
ตอนแรกทิมนั้นสองจิตสองใจ แต่แล้วเมื่อเจอจี้ไปที่จุดสำคัญของฝังอยู่ในจิตใจตั้งแต่เด็กคือการเกลียดการก่อการร้ายอยากแก้แค้น มันเป็นสิ่งที่ทิมฝังแน่นอยู่ในใจแต่เมื่อเจอนักวิเคราะห์สภาพจิตมือโปรทำให้ทุกอย่างที่เก็บอยู่มันถูกเปิดเผยออกมา ทางซีไอเอใช้จุดนี้จี้ไปที่ทิม ว่าถ้าทิมมาร่วมงานทิมจะได้แก้แค้นกลุ่มก่อการร้ายโดยใช้เรื่องหุ้นหรือเงินที่ทิมถนัดมาต่อต้านการก่อร้าย กลุ่มก่อการร้ายจะไม่มีเงินมาเพื่อใช้เป็นทุนในการซื้ออาวุธหรือทุนสนับสนุนการก่อการร้าย เมื่อโดนสกัดผ่านการลงทุนซึ่งทางบ็อบกับแม็ตที่ยอมเปิดเผยเรื่องข้อมูลลับของบริษัทนั้นไม่กลัวว่าทิมจะไปเปิดเผยที่ไหน เพราะบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ ทำให้ทิมตัดสินใจยอมรับงาน โดยทิมต้องสละคนที่รักสุดหัวใจและครอบครัวไว้เบื้องหลัง เพราะกลัวว่าถ้าวันใดความลับแตก นันกับครอบครัวของพี่กุ๊กจะได้ไม่มาเกี่ยวข้อง

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้บริษัทต้องมีการป้องกันและดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา หลังจากที่ทิมมาเริ่มงาน ทิมได้ตัดสินใจให้ลอเรลมาช่วยงานแต่ขอร้องไปที่บ็อบว่าให้ลอเรลเกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องที่สะอาดเท่านั้น ซึ่งเจ้านายยินยอม ทิมจึงทาบทามลอเรลมาช่วยงานและเธอตอบตกลง ในบริษัทจะแบ่งงานเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่ทำเรื่องซื้อขายหุ้นทั่วๆไปที่ถูกกฎหมายและส่วนที่ทำเรื่องลับ โดยคนในบริษัทที่รู้เรื่องนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นรวมถึงนาตาลีที่เป็นคนของ ซีไอเอโดยที่ขึ้นตรงกับแม็ต ตอนแรกแม็ตสั่งนาตาลีให้เข้ามาพัวพันกับทิม โดยหวังจะใช้เสน่ห์ของนาตาลีดึงดูดทิมให้ลืมเรื่องที่เมืองไทย ที่สำคัญนาตาลีในสมัยเรียนได้ศึกษาวิชาเกี่ยวกับธรรมเนียมประเพณีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาพอสมควร ทำให้เธอรู้วิถีชีวิตของคนไทยอยู่บ้าง แต่สุดท้ายสายลับสาวกลับไปหลงรักทิมจนหมดหัวใจ ถึงแม้ว่าแม็ตจะสั่งให้ถอนตัวแต่ลูกน้องสาวสุดสวยบอกไปที่หัวหน้าว่า "มดลูกเธอยอมรับน้ำกามจากทิมด้วยความเต็มใจ" แม็ตจึงต้องปล่อยเลยตามเลย

ส่วนทิมทำหน้าที่ได้อย่างดี สามารถหาเงินเข้าองค์กรได้มหาศาลทั้งแบบสะอาดและแบบใต้ดิน รวมถึงการสกัดเงินทุนของการก่อการร้าย ซึ่งทำโดยไม่พลาด ทิมเคยผลงานสกัดเงินทุนก้อนหนึ่งที่จะมาก่อการร้ายในสหรัฐได้โดยง่าย  หลังจากได้ข้อมูล ทิมกับทีมงานได้ทุบหุ้นที่พวกผู้ก่อการร้ายทุ่มทุนซื้อเอาจะกำไรเอามาเป็นเงินทุนจนติดตัวแดง ทิมได้รับคำชมอย่างมาก    จนบ็อบกับนาตาลีเรียกทิมว่าเป็นวีรบุรุษที่คนอเมริกาไม่เคยรับรู้ และทิมมีหน้าที่อีกอย่างคือการขนเงินสดให้ซีไอเอไปใช้กับกลุ่มที่ซีไอเอหนุนหลัง โดยขนผ่านเครื่องบินส่วนตัวที่ทางบริษัทซื้อให้ทิม งานนี้ทิมทำได้โดยง่ายเพราะตำแหน่งรองประธานบริหารบริษัทค้าหุ้นไม่มีชื่อในสารบบของสายลับ  ทำให้ไม่ถูกจับตามอง ทิมจึงเดินทางบ่อยโดยมีข้ออ้างในการประชุมกับบริษัทต่างๆในต่างประเทศเป็นการบังหน้า

ทิมนั้นเป็นคนที่เสียสละมาตลอด โดยไม่มีใครได้รับรู้นอกจากคนไม่กี่คน เท่านั้น จนหลังจากที่นันกลับประเทศไทยได้4-5 วัน ทิมได้ถูกเรียกเข้าไปพบประธานบริหาร พอเข้าไปในห้องทิมนั้นประหลาดใจที่พบแม็ตนั่งอยู่ด้วย ปกติแม็ตนั้นไม่เคยโผล่มาที่บริษัท ทั้งสองกำลังนั่งคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"นั่งลงก่อนลูกชาย"

เป็นเสียงของบ็อบที่กล่าวออกมาจากความรู้สึกจากใจจริง ที่รักทิมเหมือนลูกอีกคน

"มีอะไรหรือบ็อบ ทำไมแม็ตต้องมาที่นี่ด้วย"

คนที่ถูกเอ่ยชื่อนั้นเอ่ยกับทิมด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

"ทิม เกลือเป็นหนอนแล้ว"

"อะไรนะแม็ต"

"เรื่องของคุณ มีคนรู้เข้าแล้ว พวกมันเป็นคนที่เคยอยู่กับพวกไอซิส เรื่องมันรั่วเพราะไอ้สายลับ 2 หน้า มันรับงาน 2 ทาง ตอนนี้มันถูกจับได้และเราเค้นออกมาได้หมดแล้ว สรุปได้ว่า พวกมันเริ่มสงสัยตั้งแต่เรื่องหุ้นที่ถูกเราสกัดเมื่อปีก่อน มันเลยตามสืบเงียบๆจนมีคนไปเปิดปากกับมันเรื่องตอนที่พวกมันโดนกลุ่มที่เราจ้างไปลอบฆ่าหัวหน้าของพวกมันในซีเรีย ว่าเอาเงินมาจากไหน มันเลยคลำทางถูก จนมาเจอคนที่เราจ้างให้หาข่าวในพื้นที่ ไอ้เวรนั่นมันขายข้อมูลเรื่องที่มาของเงินให้พวกมันรู้ว่าใครเป็นคนขนเงินมาให้พวกมัน เรารู้เมื่อสายไปแล้วทิม ตอนนี้คุณเป็นเป้าหมายของพวกมันแล้ว พวกมันเริ่มจับตามองคุณแล้ว ต่อไปก็อาจเป็นบริษัท"

แม็ตเว้นระยะไว้ชั่วขณะก่อนจะเล่าต่อ

"ตอนนี้มันรู้แค่คุณแต่ผมเชื่อว่าต่อไปมันอาจสืบถึงบริษัทได้ ที่นี้สิ่งที่กลัวคือถ้าถึงบริษัท เราแย่แน่ เพราะถ้ามันโจมตีแบบใช้กำลังคงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามันเปิดโปงโดยผ่านทางสื่อขึ้นมา รับรองมีการขุดคุ้ยแน่นอน ตอนนั้นมันจะแย่ไปใหญ่ มันต้องกระทบไปถึง ซีไอเอกับท่านประธานาธิบดีแน่ ถึงท่านจะบอกว่าไม่รับรู้เรื่ององค์กรของเราทีทำงานลับๆให้ซีไอเอ แต่มันมีผลเสียแน่นอน ปีนี้มีเลือกตั้งด้วย และทางซีไอเอก็ต้องสูญเสียแหล่งหาเงินทุนลับไปอีก ไม่รวมถึงการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากอัยการหรือเอฟบีไอ ถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครช่วยเราได้แล้ว"

"แล้วผมต้องทำอะไรครับ ยอมติดคุกข้อหารู้ข้อมูลภายใน และเรื่องฟอกเงินหรือครับ โดยยอมรับว่าทำเองบริษัทไม่เกี่ยวข้อง"

ทิมถามแบบรู้คำตอบอยู่แล้วบ็อบกับแม็ตมองหน้ากันก่อนที่แม็ตจะบอกกับทิม

"แบบนั้นมันง่ายไปทิม ถึงเราอยากจะทำแบบนั้น เพราะมันจะดีต่อคุณและเรามาก คุณก็จะติดคุกแต่ชื่อ ตัวคุณก็ไปนั่งทำงานให้เราที่ไหนสักที่ในโลกนี้ แต่เรื่องแบบนี้พวกผู้ก่อการร้ายมันตรวจสอบได้ง่าย"

"สรุปแล้วมันก็คือ..."

ทิมพูดแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายสรุป

"ใช่แล้วคุณต้องตายทิม"

ทิมพยักหน้าแล้วให้อีกฝ่ายพูดต่อ

"ใช่แล้วตามที่เราเคยบอกคุณไว้ตอนที่คุณมาทำงานใหม่ๆ ถ้าเรื่องมันรั่วคุณต้องตาย เพื่อเบี่ยงประเด็น เราจะออกข่าวและทำข้อมูลหลอกไปยังพวกมันว่าคุณทำคนเดียวโดยบริษัทไม่เกี่ยวข้อง"

"แล้วยังไงต่อครับ"

ทิมถามอย่างเรื่อยเปื่อยเพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

"ทุกอย่างเหมือนที่เราเคยบอกคุณ คุณไปพักที่เซฟเฮ้าส์ที่สวิตฯ จนเรื่องมันเงียบผมประมาณว่า6-8 เดือน หลังจากนั้นเรามาดูกันอีกทีว่าจะให้คุณไปอยู่ที่ไหนแต่ผมดูที่ฮาวายไว้ คุณมาที่แผ่นดินใหญ่ไม่ได้แล้ว คุณอาจจะต้องทำศัลยกรรมหน้า ภายใต้ชื่อใหม่ประวัติใหม่ เราจะล้างประวัติคุณให้เกลี้ยง ระบบตรวจจับใบหน้าจะได้ไม่รู้ว่าเป็นคุณ  คุณยังทำงานให้เราอยู่ แต่ไม่ออกหน้าคุณจะอยู่เบื้องหลัง คนมีความสามารถอย่างคุณยังช่วยเหลือเราได้ เราต้องพึ่งคุณอยู่ทิม เราสามารถรับรองความปลอดภัยให้คุณได้ เพราะทุกอย่างจะลับทั้งหมด"

"หมายถึงผมต้องสละทุกอย่าง รวมถึงครอบครัวด้วย มีชีวิตอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้ ติดต่อพวกเค้าไม่ได้"

"ใช่แล้วทิม อย่าลืมสิ ผู้ก่อการร้ายมันไม่มีวันลืมถ้ามันรู้ว่าคุณยังอยู่มันต้องหาวิธีแก้แค้น ถึงมันจะทำคุณไม่ได้แต่คนรอบข้างคุณละ ครอบครัวพี่สาวคุณ แฟนเก่าคุณ ถ้ามันเกิดจับพวกนี้ไปคุณก็ต้องยอมพวกมันอยู่แล้ว เราคุ้มครองพวกนั้นไม่ได้ตลอด คุณไม่ใช่สายลับแบบผมนะทิม  เราต้องไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก"

ทิมนิ่งเงียบไปชั่วขณะ พร้อมคิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ไหนๆตนเองเสียสละมาถึงขนาดนี้แล้ว เรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นสักวัน ทิมจึงจำใจยอมรับเพราะเป็นทางออกที่ดีสุด พอทิมพยักหน้าแม็ตจึงพูดต่อ

"แต่เราจะทำให้คุณตายแบบไหนทางเราขอไปวางแผนก่อน เพราะศพคุณจะต้องหาไม่เจอ ไม่อย่างนั้นมีปัญหาแน่ ทุกอย่างมันต้องสมบูรณ์แบบที่สุด"

พอแม็ตพูดจบ บ็อบได้พูดเสริมขึ้น

"ส่วนเรื่องทรัพย์สินของคุณไม่ต้องเป็นห่วง บัญชีลับที่สวิตฯเราจะโอนไปเปิดบัญชีใหม่ให้ภายใต้ชื่อใหม่ของคุณ อันนี้ไม่มีปัญหา เพราะเราทำให้คนของซีไอเอบ่อย ส่วนทรัพย์สินที่เปิดเผยของคุณ เราจะชดใช้ให้เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลนะ เพราะคุณไม่สามารถที่จะใช้ต่อได้หลังจากที่คุณตายไปแล้วไม่อย่างนั้นมีพิรุธแน่ มันอยู่ที่คุณแล้วละจะยกให้ใคร เราจะให้ทีมทนายความร่างพินัยกรรมให้  ส่วนรายได้ของคุณก็ไม่ต้องกังวลทุกอย่างเหมือนเดิม ทั้งเงินเดือนทั้งเปอร์เซ็นต์ขายหุ้น เราทำบัญชีลับให้คุณ  ดีซะอีกที่ไม่ต้องจ่ายภาษี ต่อไปคุณจะได้รับเต็มๆ "

ประโยคหลังบ็อบกล่าวติดตลกเพื่อผ่อนคลายความเครียด ทิมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกเจ้านาย

"บ็อบ งั้นผมขอให้ช่วยย้ายลอเรลไปดูเรื่องงานวิเคราะห์อย่างเต็มตัวด้วยนะ "

"ได้จริงๆ ผมอยากจะให้เธอขึ้นรองประธานฝ่ายบริหารมากกว่า แต่ผมสัญญานะว่าเธอจะทำเฉพาะงานสะอาดเท่านั้น ตามที่คุณขอไว้ ลูกชาย"


เป็นคำสัญญาจากใจจริงจากเจ้านาย ทำให้ทิมสบายใจขึ้นก่อนที่ทิมจะเดินออกจากห้อง แม็ตได้พูดทิ้งท้าย

"ส่วนนาตาลีเธอจะคอยประสานงานกับคุณต่อไปนะ แต่คุณกับเธอจะเจอกันน้อยลง แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา"

ความหมายของประโยคนั้นทิมเข้าใจว่าแม็ตหมายถึงอะไร จนคืนนั้น นาตาลีได้มาหาทิมที่บ้าน หลังจากที่มีเซ็กส์กันอย่างดุเดือด บนเตียงที่ร่างเปลือยของทั้งคู่ที่นอนโอบกันอยู่บนเตียง

"คุณรู้เรื่องผมมาก่อนแล้วซินะ"

ทิมถามไปยังหญิงสาวที่นอนหนุนไหล่ตนเองอยู่

"ใช่ฉันรู้มา 2-3 วันแล้ว แต่ฉันบอกคุณไม่ได้ ต้องให้แม็ตกับบอสเป็นคนบอก"

"พวกสายลับนี่มีความลับเยอะจริงๆ แล้วต่อไปผมจะต้องทำยังไง"

"ก็ตามที่พวกเค้าบอกคุณนั่นแหละ แต่อิสระคุณจะน้อยลง จะมีคนดูแลคุณตลอด ฉันไปหาคุณบ่อยๆแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผิดสังเกต แต่คุณจะได้พักมากขึ้น ไม่ต้องเดินทางบ่อยขนาดนี้ ทำงานเบื้องหลังอย่างเดียวไม่ต้องออกหน้าแบบนี้"

"แต่ผมต้องตัดขาดทุกอย่าง"

นาตาลีผงกหัวขึ้นแล้วเอามือประคองที่หน้าชายหนุ่ม

"ทิมคะ ยังไงมันก็ย้อนกลับไม่ได้ แฟนเก่าคุณจะแต่งงานแล้ว คุณต้องตัดใจให้ขาดนะคะ  อย่าลืมสิ่งที่คุณทำมาแล้วมันดีขนาดไหน มันช่วยชีวิตคนบริสุทธิ์มากแค่ไหน ถึงไม่มีใครรู้แต่พวกเราก็รู้คุณเป็นวีรบุรุษของพวกเรานะคะทิม  พวกเรายังต้องพึ่งความสามารถของคุณอยู่"

"แล้วอนาคตผมละ"

หญิงสาวแนบหน้าไปที่ทรวงอกก่อนจะพูดความในใจออกมา

"หรือคุณจะหนีไปกับฉัน เราหนีไปอยู่ที่เงียบๆสักแห่งตัดขาดจากโลกภายนอก ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ชีวิตของคุณเสียสละเพื่อนคนอื่นมากแล้ว รวมถึงคนที่คุณรักด้วย คุณควรจะใช้ชีวิตของคุณแบบที่คุณต้องการไม่มีองค์กรลับ ไม่มีตัวเลขมาเกี่ยวข้อง ใช้ชีวิตแบบคนทั่วๆไป เงินของคุณกับฉันรวมกันแล้วมันก็เข้าขั้นมหาเศรษฐีในหลายๆประเทศ"

"อย่าพูดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สินาตาลี"

คำพูดของทิมมันทำให้เธอสะเทือนใจมากที่ผ่านมาเธอพลีร่างกายให้กับทิมมาตลอดแต่ไม่เคยได้หัวใจ บางครั้งเธอนึกที่จะไม่ฉีดยาคุม เพื่อจะได้มีลูกกับทิม แต่ในความจริงแล้วมันทำไม่ได้ ชีวิตสายลับอย่างเธอต้องป้องกันเรื่องพวกนี้ไว้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เธอสนุกกับเซ็กส์ได้แต่ต้องป้องกันไว้ก่อน คิดแล้วได้แต่สะเทือนใจ หน้าที่กับหัวใจมันไปด้วยกันไม่ได้ แต่คนที่เธออยู่ด้วยตอนนี้สิ ทุกอย่างที่เจอมันหนักเกินกว่าที่คนทั่วๆไปจะรับไหว แฟนเก่าที่รักมากกำลังจะแต่งงาน ตัวเองต้องมาตายหลอกๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้กับคนอื่น แถมยังติดต่อกับครอบครัวคนที่รักไม่ได้อีกต่อไปชีวิตทิมมีแต่เสียสละ เป็นวีรบุรุษช่วยเหลือชีวิตผู้คนไว้จำนวนมากแต่ไม่มีใครได้รับรู้ เธอได้แค่ถอนใจเบาๆ

ก่อนที่นาตาลีเอาปากไปจูบกับทิมเพื่อเป็นการปลอบใจ จนมันกลายเป็นการกระตุ้นอารมณ์ ทิมบีบไปที่ก้นของเธอแรงๆ แล้วพลิกตัวมานอนทับด้านหลัง ก่อนจะพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังของนาตาลี เลื่อนไปถึง ทิมกัดไปที่ก้นของคู่ขาสาวแรงๆ ทำเอาเจ้าของสะดุ้งด้วยความเจ็บบวกกับความเสียว จนทิมจับก้นเธอยกสูงขึ้น นาตาลีเอาแขนทั้งสองดันกับเตียงไว้ แต่แล้วมันเกินความคาดหมายจากที่เธอคิดว่าจะโดนทิมเย็ดท่าด็อกกี้ แต่ทิมดันควยเข้ามาที่รูก้นเธอ นาตาลีร้องด้วยความตกใจ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนเย็ดทางประตูหลัง เธอเคยโดนแบบนี้มาหลายครั้งตั้งแต่สมัยเรียนในมหาวิทยาลัย รวมถึงกับทิมที่เธอเป็นฝ่ายเสนอให้เอง ในวันที่ทั้งคู่ค่อนข้างมึนจากฤทธิ์ไวน์ แต่มันนานมากและวันนี้เธอนึกไม่ถึงว่าทิมจะเอาประตูหลังเธอ

สำหรับทิมมาจากความกดดันจากสิ่งที่เกิดขึ้น จึงเกิดความคิดแปลกๆเอาประตูหลังนาตาลีทั้งๆที่ตนเองเคยลองแล้วแต่ไม่ชอบแต่คราวนี้ ทิมอยากทำอะไรที่มันแตกต่างไปบ้างกับอารมณ์ในตอนนี้ ทิมกระเด้าทันทีโดยไม่สนว่าคู่ขานั้นเตรียมใจมาก่อนหรือไม่ ทำเอานาตาลีเจ็บ แต่เธอก็ยอมตามใจทิม จนถูกกระเด้าติดต่อกันหลายครั้ง เธอจึงเริ่มปรับอารมณ์จากเจ็บมาเป็นเสียวแทน ทำให้เธอเด้งรับการเย็ดของทิมอย่างต่อเนื่อง จนทิมเร่งจังหวะก่อนจะปล่อยน้ำกามเข้าไปในรูก้นของเธอ ทั้งคู่ต่างนอนราบไปบนเตียง ทิมงับไปที่ใบหูของเธอเบาๆ และหอมไปที่แก้ม

"ดีไหม"

เสียงหอบๆที่เป็นคำถามจากทิม

"แสบไปหมดแต่เสียวมาก คุณไม่ได้เอาข้างหลังของฉันมานานแล้ว ตอนแรกก็เจ็บแต่สักพักคงไม่ต้องบอกนะว่าสนุกขนาดไหน"

เป็นคำตอบที่เอาใจทิมจากเธอ แต่คืนนั้นหลังจากที่ทิมหลับและซุกหน้าไปที่ทรวงอกของนาตาลี หญิงสาวที่กอดทิมอยู่กลับนอนไม่หลับประสาทเธอค้างเพราะเธอกลัวว่าทิมจะทำอะไรที่สักอย่างเพื่อเป็นทางออกในเรื่องนี้

หลังจากนั้นแผนการได้เตรียมออกมาอย่างดีทุกอย่างต้องไม่พลาดและเซฟชีวิตของทิมอย่างเต็มที่  100 %   ทิมต้องการที่จะไปเจอหน้าครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งไม่ขัดจากแผนที่วางไว้ มันจะเริ่มจากสิงคโปร์ เครื่องบินส่วนตัวของทิมจะบินไปเติมน้ำมันที่ญี่ปุ่น ก่อนจะกลับสหรัฐแต่เครื่องบินจะตกก่อนถึงญี่ปุ่น และทุกอย่างมันประจวบเหมาะ เพราะพื้นที่ ที่กำหนดไว้มีการพยากรณ์ว่าจะเกิดพายุขึ้น ทำให้เป็นข้ออ้างว่าเครื่องตกจากพายุแทนที่จะตกเพราะอุบัติเหตุ ทิมกับนักบินอีก 2 คน จะโดดร่มก่อนเครื่องตก และจะมีทีมช่วยเหลือที่อยู่บนเรือยอร์ชที่ไปลอยลำอยู่ในบริเวณนั้น  หลังจากที่ทั้ง 3 คน ได้รับการช่วยเหลือเรือจะออกนอกพื้นที่อย่างเร็วที่สุด ก่อนที่จะมีเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมารับไปยังฐานทัพสหรัฐในญี่ปุ่นและรีบพาทิมกับนักบินไปซ่อนตัวที่ฐานทัพในฮาวายทันที ก่อนจะดำเนินการต่อไป

ซึ่งทุกอย่างจะผิดพลาดไม่ได้ เพราะทีมค้นหาจะต้องหาศพของทั้ง 3 คนไม่เจอ มันเป็นการเตรียมการไว้อย่างดี ทิมได้รับการสอนให้โดดร่มอย่างเร่งด่วน ก่อนจะเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งทิมพยายามไม่ให้เกิดพิรุธ แต่ก็เดินทางไปดูบ้านที่อยู่ในวัยเด็กเป็นครั้งสุดท้าย ยิ่งเจอนัน ทิมพยามเต็มที่ไม่ให้แสดงอะไรออกมาให้เห็น ก่อนจะมองเธออย่างเต็มตาเป็นครั้งสุดท้าย ยิ่งก่อนจะขึ้นเครื่องบินไปสิงคโปร์ ทิมอยากจะก้มลงกราบพื้นแผ่นดินไทยเพราะรู้ว่าตนเองไม่โอกาสได้กลับมาแล้ว แต่ทำไม่ได้ จนไปถึงสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทได้เปิดสำนักงานไว้ มันเป็นสำนักงานที่สร้างขึ้นมาบังหน้าแต่งานหลักคือดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนต่างๆในภูมิภาคนี้ มีการประชุมซักซ้อมกันอีกครั้งเพื่อให้ความมั่นใจ

ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีหลังจากที่เครื่องบินมุ่งหน้าไปญี่ปุ่น ทิมได้รับแจ้งอีกครั้งจากกัปตันถึงเรื่องความแรงของพายุ จนถึงเวลาและใกล้จุดหมาย นักบินทั้งสองคนหลังจากตั้งเครื่องเป็นระบบออโต้ได้มาช่วยทิมผูกร่มและตรวจสอบอีกครั้ง พอถึงจุดหมายก่อนที่จะเปิดประตูเครื่องที่กำลังบินโคลงไปมาเพราะฤทธิ์พายุ นักบินได้กำชับกับทิม

"บอสไม่ต้องกังวลนะครับ นับ 1-10 แล้วกระตุกร่มอย่างที่ฝึกมา ข้างล่างมีคนคอยช่วยอยู่แล้ว แต่ลมมันอาจแรงกว่าที่เราคิดตรงนี้ไม่ต้องกลัวนะครับบอส"

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

dodoza2

โหยลึกซึ่งตอนนี้ แต่งได้ดีครับ ไม่เคยซ้ำเลยแต่ละตอน ขอบคุณมากครับ

testman

เนื้อเรื่องลึกล้ำมากครับ สงสารทิมมาก ในใจรักยังไง แต่ด้วยหน้าที่ ต้องตัดขาด บีบเค้นหัวใจมาก บอกเลยว่า ถ้าเอาไปขยายเป็นเรื่องยาว น่าจะเป็นนิยายที่ดีเรื่องนึงเลยครับ

namona

ข้อมูลแน่นมีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีเหตุและมีผล ครบรสดีครับ ขอบคุณครับ

pornpat tammalangka

ทิมคงไม่คิดสั้นที่จะจบชีวิตจริงๆไปเลยนะ


elelle

รายละเอียด ลึกซึ้งมาก แต่งได้สุดยอด ถ้ามีรูปประกอบนางเอกแต่ละคนจะ เพอร์เฟคเลยครับ

mspeed

โห เกินกว่าที่จินตนาการไว้มากเลยครับ
แต่ก็มีจุดที่ผูกมาจากตอนก่อนหน้าได้ดีมาก
เหมือนเฉลยสิ่งต่างๆไปในตัว
ว่าแต่คงไม่ทำไปทำมาตายจริงๆขึ้นมานะครับ
มันเศร้าเกิน

poster007

จะรอดมาดูลูกที่เกิดกับนันไหมนะนั่นรอดู

1234non

ไปไกลกว่าที่อ่านตอนแรกมากๆๆ แต่ดีเทลสุดยอดเลยครับ

ลุ้นว่านันจะท้องลูกทิมไหมน้า

Heavent01

อ้างจาก: 1234non เมื่อ กุมภาพันธ์ 09, 2020, 02:35:54 ก่อนเที่ยง
ไปไกลกว่าที่อ่านตอนแรกมากๆๆ แต่ดีเทลสุดยอดเลยครับ

ลุ้นว่านันจะท้องลูกทิมไหมน้า
ทำเป็นหนังได้เลยครับ

นัทโตะ

ทิมเสียสละขนาดนี้ โอยยยยยยย ให้ทิมเจอความสุขอย่างเต็มที่หลังจบงานด้วยเถอะ

momonji

#12
โหจบเศร้ามาก น้ำตาซึมเลย อยากได้ปาฎิหารย์จังเลยครับ ท่านtwinจัดตอนพิเศษให้หน่อยครับ

ว่างป่าว ตลอดกาล

 ::YehYeh::ตหักมุมมากไม่นึกว่าจะจบแบบนี้

narissa