ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หมอนิ้ง ตอนที่ 2 (มีบทพิศวาสนิดเดียว)

เริ่มโดย apinyaporn, มีนาคม 07, 2020, 03:26:51 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

apinyaporn

ตอนที่1

https://xonly8.com/index.php?topic=220714.0

....................

ล่วงเลยจนบ่ายสองโมงคุณหมอสาวยังคงอยู่ในชุดนอนนั่งกุมหัวผมเผ้ายุ่งเหยิงพยายามละเลียดข้าวต้มกุ้งที่คนรับใช้เพิ่งทำให้ร้อนๆบรรเทาอาการปวดศรีษะ หลังจากเพิ่งผ่านประสบการณ์ขนหัวลุกในห้องของโรงแรมข้างทางในคืนนั้นดูเหมือนเธอจะยังมึนงงจับต้นชนปลายเรื่องราวไม่ค่อยถูกเบื่อๆเซ็งๆไปเสียทุกเรื่องคล้ายถูกกระชากพรากความสุขในชีวิตออกไปจนหมดสิ้น แม้กระทั่งข้าวต้มกุ้งของโปรดวางอยู่ตรงหน้ายังแทบไม่อยากจะกระเดือก

ความกลัวสุดขีดคลั่งเส้นผมเส้นขนทุกเส้นในตัวแทบจะลุกตั้งชันขึ้นมากรี๊ด แล้วนายน้อยคนขับรถก็เปิดประตูห้องพุ่งเข้ามากอด ดูเหมือนชายวัยใกล้เกษียณจะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดี "ใจเย็นๆครับคุณหมอ ขวัญเอ๊ย..ขวัญมา!! ขวัญเอยจงสถิตอยู่กับเนื้อกับตัวอย่าหลุดเตลิดลอยไปไหน!!" นายน้อยร้องเรียกขวัญเสียงดังลั่นห้องวนไปมาซ้ำๆพร้อมทั้งลูบหัวลูบผมของคุณหมอสาวรุ่นราวคราวลูกที่กำลังตัวสั่นเกร็งคล้ายคนเป็นลมชัก กลุ่มควันสีดำเลือนลางนัยน์ตาสีแดงช้ำเลือดกลิ่นเหม็นเหมือนขนนกไหม้สะอิดสะเอียน บ้างยืนอยู่บนพื้นบ้างไต่ไปตามผนังหรือบนเพดานหลายสิบตนรายล้อมรอบเตียงนอนมองดูทั้งสองคนนั่งกอดกันบนเตียงอย่างสนใจ

          "หายไปไหนมาตั้งสองสามวัน" ท่านรองประธานรรมการเครือกลุ่มโรงพยาบาลร่วมมิตรภาพเอ่ยทักดึงลูกสาวคนสวยขึ้นจากห้วงภวังค์
          "สวัสดีค่ะคุณแม่" หมอนิ้งยกมือไหว้ "มาจากกรุงเทพตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"

          "เธอยังไม่ได้ตอบเลยนะว่าหายไปไหนมาตั้งสองสามวัน"
          "นิ้งไปหาพี่จักรที่ขอนแก่นค่ะ" หมอนิ้งตอบความจริงแค่ครึ่งเดียว

          "นี่ก็เลยวันปีใหม่แล้ว หวังว่านิ้งคงไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่นะ"
         
          "ค่ะ.."
          "นั่งหน้าจ๋อยแบบนี้ให้แม่เดานายจักรคงยังไม่ยอมตกลงแต่งงานด้วยง่ายๆ สินะ ผู้ชายก็แบบนี้"
          "เปล่าค่ะ พอดีช่วงปีใหม่ที่โรงพยาบาลพี่จักรเค้ายุ่ง นิ้งก็เลยยังไม่ได้ถาม"

          "เอาเถอะ ถึงยังไงเดธไลน์ที่เธอสัญญาไว้คือวันปีใหม่ กลับไปเรียนคราวนี้ม้วนเดียวเอาให้จบด็อกเตอร์ไปเลย จะได้กลับมาเป็นหัวหน้าทีมศัลย์แพทย์เด็กให้แม่"

          "แม่ขา.. นิ้งไม่อยากต้องรับผิดชอบชีวิตใครขนาดนั้นเลยอ่ะ" หมอนิ้งรู้สึกปวดจี๊ดที่ท้ายทอยระบมไปทั้งหัว

          "นิ้ง.. เธอเป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลนะจะรักษาแค่ไข้หวัดท้องร่วงเป็นแค่หมอกระจอกๆให้คนอื่นดูถูกได้ยังไง รีบๆเรียนๆให้มันจบๆซะอย่างอแงไม่ใช่เด็กแล้วนะ เก็บข้าวของเตรียมตัวได้เลยเรื่องทางโน้นแม่จัดการเอาไว้ให้ทั้งหมดแล้ว"
         
          "แล้วคุณพ่อล่ะ.." หมอนิ้งหน้าบูด
          "ชั่งเค้าเถอะอย่าไปถามถึงเลย พ่อแกน่ะมันปัญญาอ่อนไปแล้วนึกได้ยังไงจะแบ่งหุ้นโรงพยาบาลให้บ้านเมียน้อยตัณหากลับแท้ๆ ตลก" สีหน้าของแม่เรียบเฉย "ถึงเราจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ต้องทำตัวให้มีคุณค่ามัวแต่รอหวังพึ่งผู้ชายไม่ได้หรอก ไอ้หมอจักรอะไรนี่อย่าคิดว่ามันดีนักหนาดูพ่อแกไว้เป็นตัวอย่างก็แล้วกัน"

เสียงถ้วยข้าวต้มกุ้งตกกระทบพื้นแตกดังเพล้งหมอนิ้งทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้กระเด็น เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นคนรับใช้สองคนวิ่งมาดูอย่างมิได้นัดหมายต่างกรูกันเข้าไปยื้อยุดคุณหมอสาวที่กำลังบีบคอแม้แท้ๆของตัวเอง น่าแปลกที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวกลับต้านแรงอีกสองคนไว้ได้จนต้องตะโกนร้องเรียกให้คนขับรถผู้ชายมาช่วยอีกกันแรงท่านรองประธานถึงได้รอดตาย
         
....................

สามเดือนต่อมา

....................

คุณหมอหนุ่มใหญ่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นมองกระจกข้างเห็นว่าไม่มีรถตามมาใกล้ดีดก้นบุหรี่ออกไปนอกรถลอยละลิ่วไปตามแรงลม ชายหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งด้านข้างคนขับอัดควันเข้าปอดคำสุดท้ายลึกยาวแล้วทิ้งก้นบุหรี่ตามรุ่นพี่

          "แล้วคนขับรถที่ขับไปส่งแฟนพี่จักรในคืนนั้นตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน ผมอยากจะสัมภาษณ์ซักหน่อย" ชายหนุ่มรุ่นน้องเช็ดทำความสะอาดเลนส์กล้องถ่ายรูปไปด้วย
          "ลุงน้อยน่ะเหรอ บวชเป็นพระอยู่"
          "อะไรนะ นี่ถึงขั้นต้องบวชกันเลยเหรอ"
          "แกว่าจะบวชตลอดชีวิตเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ทุกดวงวิญญาณที่อยู่ในห้องนั้น" หมอจักรเปิดไฟเลี้ยวเร่งเครื่องเจ้าวอลโว่เก้าสี่ศูนย์แซงรถบรรทุก

          "แล้วพี่จักรเชื่อมั้ย" ชายหนุ่มรุ่นน้องถาม
          "พวกพนักงานเก่าๆเค้าก็ว่าแกเป็นคนธรรมมะธรรมโมสวดภาวนานั่งกรรมฐานถือศีลอะไรแบบนี้นะ แกอาจมีวิชาปราบผีจริงๆก็ได้"

          "ไม่ใช่.. ผมหมายถึงว่าพี่จักรเชื่อเรื่องที่แฟนพี่จักรกับนายน้อย เอ้ย!!..พระน้อย เจอผีจริงๆเหรอ เท่าที่ฟังผมว่ามันทะแม่งๆมีพิรุธอยู่หลายจุดนะ" ชายหนุ่มรุ่นน้องหัวเราะเบาๆยิ้มขมวดคิ้วทำหน้าอิมพอสสิเบิ้ล หมอจักรถอนหายใจตั้งธงไม่เชื่ออธิบายไปก็เหนื่อยเปล่า

          "ยังไงผมขออนุญาตถ่ายรูปถ่ายวิดีโอระหว่างตอนที่กำลังตรวจคลื่นสมองแฟนพี่จักรหน่อยนะ"
          "แกไปขออนุญาตพ่อขอแม่เค้าโน่นมาขออะไรพี่ล่ะ" หลักกิโลบอกว่าเหลือระยะทางอีกราวสามสิบกิโลเมตร หมอจักรลงน้ำหนักเท้ากดคันเร่งเสียงเครื่องยนตร์วีหกคำรามจนรู้สึกได้ถึงอัตราเร่งที่แปรผันตรงกับอัตราการซดน้ำมันของรถรุ่นนี้

....................

หมอจักรเคลื่อนรถเข้าซองจอดใต้หลังคา ชายหนุ่มรุ่นน้องกระชับเป้สะพายหลังพะรุงพะรังอีกทั้งขาตั้งกล้องและประเป๋าโน้ตบุ๊คเดินตาม เขาตื่นตาตื่นใจกับคฤหาสน์หรูตั้งอยู่ใจกลางเมืองโคราชของท่านประธานกรรมการกลุ่มโรงพยาบาลร่วมมิตรภาพที่มีเครือข่ายสาขาตั้งอยู่ทุกจังหวัดตามแนวถนนมิตรภาพสมชื่อ อาชีพหมอในประเทศนี้มีสิทธิรวยได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

          "คุณท่านอยู่รึเปล่า" หมอจักรถามสาวรับใช้
          "คุณท่านเชิญคุณหมอให้ไปพบที่ห้องทำงานค่ะ" สาวรับใช้ผายมือเดินนำทาง

ห้องทำงานสไตล์โคโรเนียลผนังเป็นชั้นหนังสือทำจากไม้โอ้คสีเข้ม โต้ะทำงานไม้มะเกลือสีดำสนิทกับโซฟาตัวใหญ่หนังหนานุ่ม ชายวัยเกษียณยิ้มยกมือรับไหว้อย่างเป็นกันเอง หมอจักรสังเกตุว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเพียงสามเดือนว่าที่พ่อตาดูแก่ลงไปเยอะ

          "นี่หมอยงยศครับ" หมอจักรแนะนำชายหนุ่มรุ่นน้องที่มาด้วยกัน

          "รองศาสตราจารย์นายแพทย์ ยงยศ สูงสุโข ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ท่านประธานวัยเกษียณยิ้ม "ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ผมเสียมารยาทเข้าไปค้นเรื่องของอาจารย์ในอินเทอร์เน็ต ผมประทับใจและตื่นเต้นกับเรื่องออโตรีเฟลคชั่นซิมพาทีที่เผยแพร่ในเว็บไซท์วารสารทางการแพทย์ของเอฟยูเอมาก งานเขียนของอาจารย์ชิ้นนี้เรียกว่าแทบจะพลิกโฉมหน้าวงการการรักษาข้อเข่าเสื่อมได้เลย ผมรู้สึกภูมิใจแทนคนไทยทั้งประเทศจริงๆที่มีคนเก่งขนาดนี้คอยสร้างชื่อเสียงบนเวทีระดับโลก"

          "ขอบพระคุณครับ" หมอยงยศยิ้ม "อันที่จริงผมค่อนข้างกังวลเรื่องแกรมมาร์มากกว่า กลัวพวกฝรั่งมันอ่านแล้วจะดูถูกหาว่าเราเขียนมั่วๆ"
          "โอ้ย..!! ไม่มั่ว ผมจบประเทศอังกฤษนะ อ่านแล้วสนุกดีแถมเข้าใจง่าย" ท่านประธานชูนิ้วโป้งกดไลค์ "แต่อันที่จริงผมค่อนข้างเซอร์ไพรส์นะ ตัวจริงคุณดูยังเด็กกว่าในรูปมากเลย"

          "ผมเคยพบลูกสาวท่านด้วยนะครับผมทำปริญาเอกที่มหาวิทยาลัยเท็กซ้ส คุณหมอนิ้งเธอสดใสน่ารักโดดเด่นที่สุดในกลุ่มนักเรียนไทย"
          "ไม่แน่นะนิ้งอาจจำแกได้" หมอจักรพูดยิ้มๆ
          "ตอนนี้เนี้ยนะ.. ขนาดพ่อแม่มันยังจำไม่ได้เลย.." ท่านประธานถอนหายใจส่ายหน้า

          "เอ่อ.. ถ้างั้น ผมขอไปพบคนไข้เลยได้ไหมครับ" หมอยงยศ
          "เชิญครับ เดี๋ยวผมพาไป" ท่านประธานลุกขึ้นยืน "ว่าแต่หมอจักรแลกแบงค์ยี่สิบมาด้วยใช่มั้ย"
          "แลกมาพันนึงครับ น่าจะพอ" หมอจักรควักแบงค์ยี่สิบหนาเป็นปึกให้ว่าที่พ่อตาดู
          "เอามาทำไมพี่จักร แบงค์ยี่สิบ" หมอหนุ่มรุ่นน้องสงสัยกับพฤติกรรมแปลกๆ
          "ไปกันเลยดีกว่า เชิญครับ" ท่านประธานเดินนำขึ้นบันไดสู่ชั้นสองของบ้าน

....................

ท่านประธานไขกุญแจเปิดประตูห้องกลิ่นสาบเอียนๆแปลกๆคล้ายกลิ่นขนไก่ไหม้ลอยออกมาปะจมูก เสียงเครื่องปรับอากาศครางหึ่งหน้าต่างทุกบานปิดไว้ด้วยม่านบังแสง หญิงสาวสวมชุดนอนสีขาวเก่าคร่ำถูกมัดอยู่บนเตียง

          "นั่นคุณกำลังจะทำอะไรน่ะ" ท่านประธานถามเสียงดุ
          "ผมจะถ่ายวิดีโอเพื่อนำกลับไปวิเคราะห์ที่แลบครับ" หมอยงยศตอบ
          "ขอเถอะ ยัยนิ้งยังมีอนาคตผมเชื่อว่าสักวันแกต้องหาย ผมขอร้องให้เรื่องนี้มันผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไปเหมือนกับสายลม ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้"
          "ท่านต้องการอะไรจากผมครับถึงกับลงทุนให้พี่จักรโทรไปตามผมมาจากอเมริกาโดยที่ไม่เชื่อว่าผมจะสามารถเก็บรักษาของมูลของคนไข้ให้เป็นความลับ"

          "ผมต้องการใครสักคนที่จะสามารถยืนยันได้ว่าลูกสาวผมถูกผีเข้าจริงๆหรือว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตกันแน่ และคนนั้นก็คือผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตประสาทอย่างคุณ" ท่านประธานถอนหายใจ "ผมจะได้รู้ว่าจะไปต่อทางหมอผีหรือหมอคนดี"
          "หมายถึงท่านกำลังต้องการให้ผมพิสูจน์ว่าผีมีจริงมั้ย" หมอยงยศถามย้ำ

ประตูห้องที่เปิดค้างไว้ปิดกระแทกวงกบดังปัง!!แล้วก็เปิดออกปิดกระแทกอีกที กลิ่นเหม็นไหม้เริ่มแรงขึ้นสองหนุ่มใหญ่กับหนึ่งหนุ่มเหลือน้อยหันมองหน้ากันเลิกลั่ก

          "ใครเอาเหี้ยอะไรมาวางหน้าห้อง เอาออกไป!!" เสียงหมอนิ้งในโทนแหบห้าวคำราม "เอาออกไปไกลๆ!! มองเหี้ยไรสัสส!!"

          "หมอจักร รบกวนคุณช่วยออกไปเอาพระพุทธรูปบนหิ้งพระหน้าห้องลงไปวางข้างล่างทีสิ" ท่านประธานเหลือบมองหมอจักร
          "เดี๋ยวผมเอาให้เองครับ"

หมอหนุ่มรุ่นน้องออกปากอาสาเพราะอยากรู้ว่ามีพระพุทธรูปอยู่ที่หน้าห้องจริงไหม ลูกบิดประตูเย็นเฉียบจนสะดุ้ง มีพระพุทธรูปอยู่บนหิ้งพระใกล้ๆหน้าห้องจริงๆ หมอยงยศรับท่านมากอดไว้แล้ววิ่งตื๋อลงบันไดไปชั้นล่าง ทั้งเรื่องน้ำเสียงของหมอนิ้งทั้งเรื่องพระ หรือว่าโลกนี้มีผีจริงๆวะ

          "ตั้งแต่โดนบีบคอคราวนั้นแม่แกก็ไม่กลับมาที่โคราชอีกเลย" ท่านประธานส่ายหัว "เข้าใจนะว่ากลัว แต่นี่มันลูกตัวเองแท้ๆ"
          "ครับ.." หมอจักรไม่รู้จะพูดอะไร

          "อ้าว.. แล้วออกมายืนทำอะไรกันอยู่หน้าห้องล่ะครับ" หมอยงยศก้าวยาวๆขึ้นบันไดกลับขึ้นมาที่ชั้นสอง
          "ออกมาตั้งหลัก.." หมอจักรยิ้มแห้งๆ

          "คุณฟังนะ จะไม่มีการรักษาอะไรทั้งสิ้น ผมขอเพียงความเห็นพร้อมหลักฐานว่าลูกสาวผมในตอนนี้เป็นผีหรือคน" ท่านประธานเสียงแข็ง "นอกจากบันทึกภาพแล้วคุณอยากจะทำอะไรก็ทำ"
          "ครับ.."
         
          "หมอสรจักร ผมขอคุยด้วยหน่อยสิ" ท่านประธานเอ่ย
          "ครับ.."
          "อ่าว.. พี่จักร ไม่เข้าไปในห้องด้วยกันเหรอ" หมอยงยศเสียงสั่น
          "อย่าบอกนะว่ากลัว ไหนว่าไม่เชื่อเรื่องผีไง" หมอจักรแซวรุ่นน้องร่วมสถาบัน

          "เอ๊ย!! เกือบลืม อ่ะนี่.." หมอจักรยื่นแบงค์ยี่สิบให้
          "เรียกซะตกใจเลย เอาไปทำไมพี่"
          "พี่สมโชคแกชอบเงิน ได้เงินแล้วแกจะอารมณ์ดีไม่ค่อยดุ" ท่านประธานแนะเคล็ดลับ
          "หมายความว่าไงครับ พี่สมโชค ผมว่าเราแบบอินโทรดิวซ์กันซักนิดก่อนดีมั้ย" หมอยงยศเสียงสั่น

          "พี่สมโชคแกบอกว่าเคยเป็นมอไซค์รับจ้างขับวินหน้าโรงแรม" หมอจักรยิ้ม
          "อะไร.. ข้อมูลแค่นี้เองเหรอ"
          "ไหนพูดประโยคที่แกชอบพูดให้พี่ฟังหน่อยซิ"
          "เก้าสิบเก้าเปอร์เซนต์ของผู้ป่วยเกิดจากการเห็นภาพหลอนและคิดไปเอง" หมอยงยศทวนคำพูดตัวเอง
          "นี่ไง หนึ่งเปอร์เซนต์ที่แกไม่เคยเจอ"
          "โธ่.. พี่จักร" หมอหนุ่มใหญ่กับหนุ่มเหลือน้อยมองตามหลังหมอหนุ่มไฟแรงผู้เชี่ยวชาญด้านจิตประสาทเคยมีผลงานตีพิมพ์ลงวารสารทางการแพทย์ระดับโลก

          "ผมจะขอรับนิ้งไปดูแลที่ขอนแก่นครับ" หมอจักรสูดหายใจลึก "ว่าจะขอรับไปพรุ่งนี้เลย"
          "จักรแน่ใจตามที่พูดนะ"
          "ครับ.."
          "แล้วเรื่องนางพยาบาลที่ชื่อแหวนล่ะจะว่าไง ถ้าเอานิ้งไปแล้วเป็นภาระเรื่องนี้อย่าเอาไปดีกว่า"
          "ผมจะเลิกกับแหวนให้เด็ดขาดครับ"
          "อย่าให้ต้องเดือดร้อนถึงขนาดนั้นเลยทางโน้นเค้ามาก่อน ลูกสาวผมมันฝันเพ้อละเมอไปเองคนเดียวของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก" ท่านประธานตบไหล่หมอหนุ่มใหญ่เบาๆ
          "อันที่จริงผมก็รู้มาตั้งนานแล้วครับว่านิ้งมีใจให้ผม กลับเป็นผมเสียอีกที่ไม่อยากได้ชื่อว่ากินบนเรือนขี้บนหลังคา เด็กกำพร้าไม่มีพ่อมีแม่อย่างผมถ้าไม่มีท่านคอยสนับสนุนก็คงไม่มีวันนี้"

          "ผมจะวางมือแล้ว โรงพยาบาลในเครือของเรากำลังจะถูกเข้าถือหุ้นโดยกลุ่มทุนต่างชาติ แต่ผมยังเก็บที่นี่ไว้ให้นิ้ง เพราะอะไรรู้มั้ย"
          "ไม่ทราบครับ"
          "เพราะยัยนิ้งมีคุณไง ผมไม่สนใจว่าคุณจะมีใครแต่ผมโฟกัสแค่ลูกสาวผมจะยังมีคุณอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่เคยคิดว่าลูกสาวจะมากลายเป็นแบบนี้"
          "ครับ.." หมอจักรคิดอยู่ตลอดว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของเขา นิ้งอุตส่าห์ไปหาเขาในคืนส่งท้ายปีเก่าแต่เขาทำเป็นไม่สนใจเธอ

          "ไม่รู้ว่าเมียผมเคยคุยอะไรกับหมอไว้บ้างนะแต่ไอ้เรื่องชาติตระกูลชนชั้นวรรณะนี่ผมมองว่ามันไร้สาระ ผู้ชายคนนึงถีบตัวเองจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าสอบติดหมอได้ทุนไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาผมว่าไม่ธรรมดานะ ถ้ายัยนิ้งจะชอบผู้ชายอย่างคุณผมก็ว่าไม่แปลก มัวแต่บ้าวงศ์สาคนาญาติอะไรก็ไม่รู้โดนบีบคอเกือบตายขนาดนั้นผมว่าคงไม่มายุ่งแล้วล่ะ"

          "ผมจะจัดงานแต่งงานให้สมเกียรติท่านครับ"
          "โอ้ย.. หมอจักรคุยกับพี่สมโชคซะก่อนเถอะว่าอย่าเชิญเพื่อนมา ผมว่างานแต่งงานคุณหมอแขกเหรื่อคงได้วิ่งกันป่าราบแน่ สนุกพิลึกเผลอๆอาจได้ออกสะเก็ดข่าว"

          "บอกตามตรงนะว่ามัดแกไว้บนเตียงแบบนี้ผมโคตรสงสารลูกเลย" ท่านประธานถอนหายใจส่ายหัว

....................

หมอนิ้งนอนหลับตายิ้มหัวเราะคิกคักตอนที่หมอยงยศเอาเซนเซอร์รับสัญญาณไฟฟ้าติดที่ขมับและต้นคอ หมอยงยศให้ดมเมลาโทนินจนพี่สมโชคอ่อนลงไม่ได้น่ากลัวเกรี้ยวกราดเหมือนเมื่อกี๊ ดูๆไปก็เหมือนผู้หญิงธรรมดาหากแต่ว่าเสียงหัวเราะคิกคักนั้นเย็นยะเยือกติดรีเวิร์บหน่อยๆบวกกับกลิ่นสาบรวมกันแล้วบรรยากาศชวนขนลุกคล้ายกำลังอยู่ในฉากหนังไล่ผีเรื่องดิเอ็กซอร์ซิสต์

          "เดี๋ยวผมจะเปิดเครื่องนะ มันอาจจะสั่นๆนิดหน่อย"
          "เที่ยวมั้ยพี่.."
          "ห่ะ.. อะไรนะ"
          "เที่ยวบ่อ้าย.."

          "เที่ยว เที่ยวอะไรอ่ะ"
          "ก็เที่ยวอย่างว่าไง ที่ผู้ชายเค้าเที่ยวกันอ่ะ"
          "คือ.. ผมแค่อยากจะถามอะไรนิดหน่อยกับวัดคลื่นไฟฟ้าสมองแค่นั้น"
          "ก็ถ้าเที่ยวอ่ะ จะถามหรือจะทำอะไรหนูก็ยอมหมด" หมอนิ้งส่งสายตาวิบวับ

          "โอเค เที่ยวก็เที่ยว เที่ยวอย่างว่าใช่ป่ะ ว่าแต่กี่บาทอ่ะ" หมอยงยศตามน้ำ  เขานึกถึงแบงค์ยี่สิบที่หมอจักรส่งให้
          "สองร้อย ค้างคืนห้าร้อย"
          "โห.. ทำไมถูกจังอ่ะสองร้อยเองเหรอ"
          "แหม.. หนูไม่ใช่สาวๆแล้วจะได้เรียกทีละเป็นพัน"
          "เดี๋ยวนะ.. ไม่ใช่สาวๆแล้ว หมายความว่าไงอ่ะ" หมอยงยศเหลือบมองเครื่องบันทึกเสียงว่ายังทำงานปกติดีไหม

          "ก็ไม่ใช่สาวๆแล้วไงเอ๊..ถามโน่นถามนี่อยู่ได้ตกลงจะเที่ยวหรือไม่เที่ยวเนี่ย"
          "เที่ยวครับเที่ยว.. อ่ะ ห้าร้อย" หมอยงยศนับแบงค์สีแดงห้าใบวางบนหน้าอก
          "โห.. ค้างคืนเลยเหรอ" หมอนิ้งถาม
          "ครับ ห้าร้อย ค้างคืนเลย"

          "เงี่ยนเหรอ.. "
          "ป่าวคับ!! โธ่.. ผมอยากได้เพื่อนคุยมากกว่า คุยกันเฉยๆ"
          "คนแก่เอามันส์นะจะบอกให้ ไอ้หนูเคยลองรึยัง"
          "ยังคับ โธ่.."
          "แก้มัดดิ จะได้เก็บเงิน เดี๋ยวเงินหาย" หมอนิ้งขอร้อง
          "เดี๋ยวนะ ตกลงนี่ใช่พี่สมโชครึเปล่าเนี่ย"
          "ไม่ใช่ แก้มัดดิ" หมอนิ้งเริ่มออกแรงดึงแขนขาที่ถูกพันธนาการไว้กับเตียงอย่างแน่นหนา

          "ไม่ใช่สมโชคแล้วตอนนี้คือใคร" หมอยงยศถาม
          "อาบ.."
          "ชื่ออะไรนะ.."
          "อาบ.."
          "อาบ เอ่อ.. อาบเป็นใครอายุเท่าไหร่"
          "อายุเจ็ดสิบ"
          "เจ็ดสิบ!! แล้วพี่อาบเป็นใครทำมาหากินอะไร"
          "เป็นกะหรี่ไงไอ้ห่านี่ก็มึงมาเที่ยวกะหรี่ไม่ใช่เหรอ!! จะถามทำไมนักหนา" หมอนิ้งเสียงเอ็ดทำตาขวาง
          "อ๋อ คับๆ"

          "ไอ้หนูเอ็งแก้มัดให้หน่อยสิ ปวดเยี่ยวจะแย่อยู่แล้ว"
          "แก้มัดเหรอครับ จะดีเหรอ"
          "ไม่งั้นกูเยี่ยวบนเตียงนี่แหละ"
          "โอเคๆ ตอนนี้เป็นพี่อาบ ไม่ใช่พี่สมโชคแล้วนะ" หมอยงยศแก้มัดไปด้วยมองที่ประตูทางออกหาทางหนีทีไล่ไว้ด้วย

หมอนิ้งที่ตอนนี้อ้างว่าตัวเองเป็นโสเภณีชื่ออาบอายุเจ็ดสิบกระโดดลงจากเตียงคว้ากระโถนแล้วลงไปนั่งคร่อม หมอยงยศนึกภาพนักเรียนแพทย์หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักที่เขาเคยเจอที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส เคยได้ยินเรื่องสนามแม่เหล็กแรงสูงสามารถบังคับให้คนเราเปลี่ยนความรู้สึกความคิดในเรื่องผิดชอบชั่วดีได้ เป็นไปได้ว่าที่เกิดเหตุอาจมีเสาไฟฟ้าแรงสูงอยู่ใกล้ๆ

          "ชื่ออะไรทำงานอะไรอ่ะ" หมอนิ้งจูงมือหมอยงยศมานั่งที่เตียง ถึงตอนนี้นึกดีใจที่ไม่ได้ตั้งกล้องบันทึกภาพความเป็นไปในห้อง
          "ชื่อยงยศ เป็นหมอ"
          "เป็นหมอ!! โกหกป่ะเนี่ยแถวนี้มีแต่พวกขับรถสิบล้อมาเที่ยว" มือไม้ของเธอเริ่มลูบไล้ไปบนตัวเขา "หล่อนะเนี่ย เป็นหมอแล้วมาทำอะไรแถวนี้ ฮึ.."
          "เดี๋ยวนะครับ" หมอยงยศขยับออกห่าง "เรามาคุยกันดีๆดีกว่า"
          "ไม่เอาจริงๆเหรอ" หมอนิ้งขยับกระแซะ

          "เอาดีๆครับ.." หมอยงยศกดสต้อปเครื่องบันทึกเสียงแล้วกดบันทึกใหม่

          "ชื่ออะไร ทำงานอะไร อายุเท่าไหร่"
          "ชื่ออาบ เป็นกระหรี่ อายุเจ็ดสิบ"
          "แล้วพี่อาบมาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้ทำไม ต้องการอะไร"
          "หนีผัวมา ผัวพี่ขี้หึง"
          "แล้วผัวพี่ชื่ออะไร"
          "สมโชค ก็สมโชคที่น้องหมอถามถึงนั่นแหละ ตำรวจชอบมาถามหามันไม่นึกว่าหมอก็ตามหามันด้วย ไอ้นี่มันโหดนิสัยมันเหี้ยกินแต่เหล้าเมาแล้วก็มาหาเรื่องซ้อมพี่"
         
          "แล้วสมโชคตอนนี้อยู่ที่ไหน"
          "ไม่รู้สิ ว่าแต่น้องเจอพี่ที่นี่แล้วอย่าไปบอกใครนะ เดี๋ยวมันรู้"

          "พี่อาบคือวิญญาณสีดำที่ล่องลอยอยู่ในห้องคืนที่คุณหมอนิ้งไปพักใช่หรือเปล่า" หมอยงยศถามต่อ
          "วิญญาณพวกนั้นน่ะเหรอ ไม่ใช่หรอก พี่โดนผัวฆ่าปาดคอในห้องนั้นแต่ก็ไม่ใช่วิญญาณพวกนั้น อันที่จริงพวกมันมันไม่ใช่วิญญาณด้วยซ้ำเพราะอยู่กันคนละภพ พวกมันคืออสูรกายจากนรก วิญญาณดึกดำบรรพ์ต่างภพที่ทับซ้อนกันอยู่ น่ากลัว"
          "หมายถึงยังไง ต่างภพ"
          "มองเห็นกันได้บางทีแต่แตะต้องกันไม่ได้ ความหิวความเศร้าความหวาดกลัวยังคงอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่มอง"

          "ดูหีมั้ย.. อ่ะ นี่ไง นม ชอบมั้ย" หมอนิ้งออกปากชวนพร้อมกับเลิกเสื้อคลุมตัวโคร่งเก่าคร่ำขึ้นเผยลำตัวเปล่าเปลือย "เนี่ยหี ถึงจะเยินๆย่นๆไปหน่อยแต่ก็ยังเอามันส์นะ ไม่เอาเหรออุตส่าห์ค้างคืนทั้งทีเสียดายเงิน" หมอยงยศมองที่ของสงวนของคุณหมอสาวรุ่นน้องกลืนน้ำลายเอื้อก ตอนที่หมอนิ้งแหวกกลีบสีชมพูให้ดู มันสวยงามมากไม่ได้ยับเยินน่าเกลียดอย่างที่พี่อาบว่าเลย
         
          "หมายถึงว่าพี่อาบเป็นวิญญาณที่ตายในห้องนั้นแต่ไม่ใช่เงาดำๆพวกนั้น"
          "สมโชคก็ตายในห้องนั้น โดนเจ้าของโรงแรมยิงตาย" พี่อาบบอก
          "แล้วหมอนิ้งล่ะ หมอนิ้งไปไหน"
          "ไม่รู้สิ โดนไอ้สัมภเวสีพวกนั้นมันหลอกจนเตลิดไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าพี่ไม่เข้าร่างแทนป่านนี้มันตายไปแล้ว"
          "แล้วเตลิดไปไหนอ่ะ พี่อาบไปตามได้มั้ย"
          "ไม่รู้สิ ร้อนอ่ะ น้องไม่ร้อนเหรอ แก้ผ้ากันดีกว่า" ร่างเปลือยเปล่าของหมอนิ้งปรากฏขึ้นตรงหน้าจนหมอยงยศแทบไม่อยากกระพริบตา "เธอก็ถอดมั่งสิ พี่อยากรู้ว่าหนุ่มๆแบบเธอเนี่ยเห็นผู้หญิงแก้ผ้าแล้วจะปากว่าตาขยิบรึเปล่า ปากบอกไม่เอาแต่ข้างล่างพร้อมรบ"

"หมอนิ้งรู้ไหมครับว่าผมเคยชอบหมอนิ้งแค่ไหน ถ้าไม่ใช่แฟนของพี่จักรผมก็อยากจะจีบหมอเหมือนกันนะ" หมอยงยศจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนล่อนจ้อน เจ้ามังกรน้อยผงาดแข็งจนแทบระเบิด เขาก้มลงซุกหน้ากับสองเต้านุ่มเนียนดูดเลียที่หัวนมบีบเคล้นเล่นอย่างมันส์มือ

          "เงี่ยนจัง น้องหมอเงี่ยนมั้ย ใส่เลย"
          "งั้นผมใส่เลยนะพี่จักร"

เสียงหมอนิ้งร้องลั่นซู้ดปากด้วยความเสียวซ่าน เธอดันพลิกตัวหมอยงยศให้นอนลงแล้วเป็นฝ่ายขึ้นขย่มตอเสียเอง หมอยงยศโน้มตัวเธอลงมาจูบแลกลิ้นแล้วกระแทกถี่ๆจนหมอนิ้งร้องลั่น "โอ้ย เสียวหีจังน้องหมอจ๋า" หมอยงยศบีบเคล้นเขี่ยหัวนมจนหมอนิ้งสั่นเกร็งไปทั้งตัว "อึ๊ยยยย ซี๊ดดด... น้องหมอเอาเก่งจัง โอยเสียว เสียวจ้ะ แรงๆ อื้มมม.." หมอยงยศขยับพลิกคร่อมตัวหมอนิ้งเอาไว้เขามองใบหน้าเหยเกของเธออย่างฉงน
         
....................

บรรยากาศบนโต้ะอาหารช่างเงียบเหงา ท่านประธานบอกว่าเขาไม่ได้นอนค้างที่บ้านนี้นานแล้วแต่เพราะเมียหนีไปกรุงเทพจึงต้องมาคอยอยู่ดูแลลูกสาว เมื่อหมอจักรออกปากว่าจะรับรองดูแลเขาก็หมดห่วง คฤหาสน์แห่งนี้คงจะต้องถึงคราวปิดร้างไปพร้อมกับหุ้นส่วนโรงพยาบาล ชีวิตคือความผกผันแปรเปลี่ยน ไม่มีสิ่งใดจีรัง

          "วันนี้แปลก สมโชคเงียบเลย ปกติใครเข้าไปในห้องจะต้องโดนด่าเปิง" ท่านประธานยิ้มจิบไวน์รสเลิศ
          "แล้วเป็นไงบ้าง สรุปอะไรได้เรื่องบ้างไหม" หมอสรจักรถามรุ่นน้องคนสนิท

          "เป็นเคสแรกที่ผมคงต้องบอกว่า ผีเข้าครับ" หมอยงยศสบตาท่านประธาน
          "นั่นไง คราวนี้ผมจะได้เลิกเสียเวลาหาหมอคนซักที" ท่านประธานตบโต้ะเบาๆ

          "แล้วมีหลักฐานมั้ย" หมอจักรถาม
          "ถ้าจะให้แน่ชัดผมคงต้องเอาข้อมูลคลื่นสมองที่วัดได้ไปตรวจสอบที่แลบอีกที แต่ถ้าจะให้พูดตอนนี้คือผมหาข้อแย้งหรือเหตุผลใดๆมาหักล้างกับคลื่นสมองที่วัดได้นี้เลย"
          "มันเป็นยังไง"
          "ลักษณะคลื่นไฟฟ้าสมองมันคล้ายของคนสูงอายุครับ ราวๆหกสิบถึงเจ็ดสิบปี"
          "พี่สมโชคแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่น่านะ"
          "อันนี้ยังจำแนกตอนนี้ไม่ได้ครับ แต่มันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติครั้งแรกที่ผมสามารถหาหลักฐานยืนยันได้โดยใช้คลื่นไฟฟ้าสมอง"

          "โอเค ยังไงที่หลับที่นอนผมให้คนรับใช้จัดให้แล้ว พักผ่อนกันตามสบาย" ท่านประธานบอก
          "เอ่อ.. คือ ผมกะว่าอยากจะขออนุญาตคุยอะไรกับพี่สมโชคต่ออีกหน่อยน่ะครับ" หมอยงยศเสียงเบา
          "โอเค เดี๋ยวผมไปด้วย" หมอจักรขยับแว่นตา
          "เอ๊ย..!! ได้ไง นี่เบอร์กันดีสิบสองปีเชียวนะ เปิดแล้วก็ต้องกินให้หมดสิไม่งั้นเสียของ ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงเค้าทำงานไปเถอะ" ท่านประธานยื้อว่าที่ลูกเขย
       
          "ถ้างั้นผมขอตัวไปเลยนะครับ ยังไงถ้าพี่จักรจะนอนก่อนก็ไม่ต้องรอนะ"
          "เอ้อดี.. วันนี้สมโชคไม่โวยวายเลยเว้ยแปลกเว้ย เอ้า เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการเชิญคุณหมอตามสบายครับ" ท่านประธานรินไวน์เพิ่มให้หมอจักร

.................... 

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

poster007

แจ่มเลยเอาไปรอบนึงแล้วเอาต่อทั้งคืนสนุกเลยแบบนี้

soulmate


Tum241


Paradise




biggiggog


nicky1976




กำพล


lungpee


panax

หมอคงต้องเลี้ยงไข้ไปยาวๆละมั้งครับ อิอิ

RattanaKi

หมอนิ้งหายไปตอนไหน ไปโดนผีเข้าตอนไหน